ขม้ินชนั สมุนไพรไทยแทๆ้ พร้อมประโยชน์ โดย กศน.ตำบลกะไหล กศน.อำเภอตะกวั่ ทุ่ง สงั กัด สำนักงำน กศน.จงั หวัดพงั งำ
ขมิ้นชนั (Turmeric) หรือขม้นิ เป็นพืชท่ีมีเหง้าอยู่ใต้ดิน เน้ือของเหง้ามีสีเหลืองเข้มไปจนถึงสีแสด เอกลักษณ์ท่ี เด่นชัด คือ รสชาติที่จัดจ้าน สีสันมีความสวยงาม อีกทั้งยังได้มีการนาเอาสมุนไพรมาประยุกต์ ผสมผสานลงไปในอาหารไทย ทาให้ได้รสชาติที่ดูแตกต่างแต่ลงตัว เมื่อพูดถึงเร่ือง สมุนไพร ท่ีคน ไทยนิยมนามาทาอาหาร เราคงจะพลาดท่ีจะเอ่ยถึง ขมิ้นชัน ไม่ได้ เพราะว่าเป็นอีกหน่ึงวัตถุดิบท่ี ทาให้อาหารมีสีสันสะดุดตา ตลอดจนมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเพิ่มพูนเป็น ลาดับถัดมาจากความอร่อย ตอนนี้เราจะมาทาความรู้จักกับสมุนไพรชนิดกันให้มากข้ึน เพราะเหตุ ใดจึงเปน็ ทน่ี ยิ ม และประโยชนท์ ไี่ ด้จากสมนุ ไพรชนดิ น้มี อี ะไรบา้ ง วติ ามินและแรธ่ าตุในขมิ้นชนั นอกจากเราจะเราสามารถนาขม้นิ ชันไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาหาร ใช้ย้อมสี หรือใช้เพิ่ม กล่ินให้กบั อาหารแล้ว ในขมิน้ ชันยังมวี ิตามินและแร่ธาตมุ ากมาย เชน่ วติ ามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม ฟอสฟอรสั เหล็ก เกลอื แร่ เสน้ ใยอาหาร คารโ์ บไฮเดรต และโปรตีน เร่ิมเล่าเท้าความถึงขม้ินชันน้ัน เป็นไม่ล้มลุกอายุหลายปี ความสูงของลาต้นเพียง 30 – 90 เซนติเมตรเทา่ นนั้ มีเหงา้ ใตด้ นิ ส่วนตรงกลางมีขนาดใหญ่รูปไข่ มีแขนงแตกออกด้านขา้ ง 2 ดา้ น ท่ี อยู่ตรงข้ามกันคล้ายนิ้วมือ เนื้อในเหง้ามีสีเหลืองเข้ม กล่ินหอม คนไทยรู้จักกันในฐานะของพืช สมุนไพรและเคร่ืองเทศ นิยมนามาใช้ประกอบอาหาร ปัจจุบันยังได้เพิ่มการแต่งสี แต่งกลิ่น เพ่ิม รสชาติให้อาหารมีความน่ารับประทานมากยิ่งข้ึน อาหารท่ีนิยมใส่ขมิ้นชัน ได้แก่ แกงเหลือง ข้าว หมกไก่ แกงกะหร่ี ขนมเบอื้ งญวน ไก่ทอด แกงไตปลา มัสตาร์ด เนย มาการนี เป็นตน้
จุดเริม่ ต้นของการท่คี นเราหันมารับประทานขม้ินชันน้ัน เชื่อกันว่ามีตน้ ตอมาจากชาวอนิ เดีย หรือท่ี เรียกว่า ชาวภารตะ ที่นิยมกินขม้ินชันกันมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว ส่วนคนไทยก็มีความนิยมกิน ขม้ินชันเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคใต้นิยมใส่ขม้ินชันลงไปในอาหารประเภท แกงเผด็ เป็นสว่ นใหญ่ เพอ่ื ใหม้ สี ีเหลืองและยังช่วยดับกลิ่นคาวปลาได้อีกด้วย รวมทั้งการใส่ลงไปใน อาหารก็จะช่วยไม่ให้อาหารบูดเสียง่าย เพราะในขมิ้นชันมีคุณสมบัติที่ช่วยต่อต้านเช้ือจุลินทรีย์ นอกจากน้ัน การใช้ขมิ้นชันในอาหารจะช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ป้องกันการเหม็นหืนของ น้ามันและไขมันเม่ือต้องเก็บไว้เป็นเวลานานๆ นับว่าเป็นอีกหน่ึงวัตถุดิบในการช่วยถนอมอาหาร และยังมคี ณุ ค่าทางโภชนาการให้อาหารได้อีกด้วย สรรพคุณทางยา ขมิ้นชันนอกจากท่ีจะมีคุณค่าทางอาหารแล้ว ก็ยังถือเป็นพืชท่ีมีคุณค่าทางยาอีกด้วย ซึ่ง ชาวไทยนิยมนาส่วนต่างๆ มาใช้เป็นยาเพื่อบรรเทาอาการท่ีเกิดขึ้นรับร่างกาย โดยสามารถดู รายละเอียดไดด้ ังนี้ เหงา้ : เหงา้ รสฝาดหวานเอียด ใช้สาหรับแกอ้ าการไข้เรอื้ รงั ผอมเหลือง แก้โรคผิวหนัง แก้ เสมหะและโลหติ แก้ท้องร่วง สมานแผล แกธ้ าตุพิการ ขบั ผายลม แกผ้ นื่ คัน ขบั กลน่ิ และสง่ิ สกปรกในรา่ งกาย คุมธาตุ หยอดตาแกต้ าบวม ตาแดง น้าคนั้ จากเหงา้ สดทาแกแ้ ผลถลอก แกโ้ รคผิวหนังผนื่ คนั ลดอาการอักเสบ ทาให้ผวิ พรรณผดุ ผอ่ ง นา้ มาอดั เม็ดทาเป็นยารักษา อาการท้องอดื ท้องเฟ้อ ธาตพุ กิ าร อาหารไมย่ ่อย กระเพาะอาหารออ่ นแอ รกั ษาแผลใน กระเพาะอาหาร แกท้ ้องร่วง แกบ้ ิด ผงขมน้ิ : (น้าเหง้าแห้งมาบดเป็นผง) นามาเค่ยี วกับนา้ มันพชื ทานา้ มนั ใส่แผลสด ขมิน้ สด : (ใช้เหงา้ สดล้างให้สะอาด) ตากับดินประสวิ เล็กนอ้ ย ผสมนา้ ปนู ใสพอกบาดแผล และแก้เคลด็ ขดั ยอก เผาไฟ ตากับนา้ ปูนใส รับประทานแกท้ ้องร่วง แก้บิด
ตำรบั ยำ การใช้ขม้นิ เพือ่ รักษาอาการแน่นจุกเสยี ด อาหารไมย่ ่อย เป็นข้อบ่งใชเ้ ดียวท่ีมรี ายงานการวจิ ัย ทางคลินิกทเ่ี ปน็ ทีย่ อมรับขององค์การอนามัยโลก และคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา วิธีใช้ 1. รับประทานผงขมิ้นชนั ในขนาด 1.5 – 4 กรัม/วัน แบ่งเป็นวนั ละ 3 – 4 ครงั้ ช่วงเวลาหลงั อาหารและกอ่ นนอน 2. ใช้ขม้ินชันผสมนา้ ผ้งึ ปั้นเป็นยาลูกกลอน รบั ประทานชว่ งเวลาหลงั อาหารและก่อนนอน ครั้งละ 3 – 5 เม็ด วันละ 3 เวลา การใชข้ ม้ินรกั ษาอาการทอ้ งเสีย วธิ ใี ช้ 1. ใช้ขมน้ิ ชนั ผสมน้าผ้งึ ปั้นเป็นยาลูกกลอน รบั ประทานชว่ งเวลาหลงั อาหารและก่อนนอน ครง้ั ละ 3 – 5 เม็ด วันละ 3 เวลา การใชข้ มิน้ รกั ษาแผลและแมลงกัดต่อย วิธใี ช้ 1. ใช้ผงขม้นิ ชนั 1 ชอ้ นโตะ๊ ผสมน้ามันมะพรา้ ว หรอื น้ามนั หมู 2 – 3 ชอ้ นโตะ๊ เคี่ยวด้วยไฟ ออ่ นๆ จนนา้ มนั กลายเปน็ สเี หลือง ใชน้ า้ มันทไ่ี ดใ้ ส่แผล 2. นาขม้ินชันมาล้างให้สะอาดแลว้ ตาจนละเอียด คั้นเอาน้าทไี่ ด้มาใสแ่ ผล 3. เอาขมน้ิ ชันผสมกบั น้าปนู ใสเล็กน้อย จากนั้นใหผ้ สมสารส้ม หรือดนิ ประสิว พอกบรเิ วณที่ เป็นแผลและแก้เคลด็ ขัดยอก
การใช้ขม้นิ เพ่อื รกั ษากลาก เกลอ้ื น วิธีใช้ 1. ผสมขมนิ้ กับนา้ แล้วทาบริเวณท่ีเป็นกลาก เกลือ้ น จานวน 2 คร้งั /วนั การใช้ขมน้ิ ชันในการกาจดั และปอ้ งกันศัตรพู ืช วธิ ีใช้ 2. ตาขมน้ิ ช้นั แห้งครง่ึ กิโลกรมั ใหล้ ะเอียด จากน้นั นาไปหมักในน้า 2 ลติ ร ทิง้ ไวค้ ้างคนื เมอ่ื ได้ ที่แลว้ จึงกรองเอาเฉพาะน้าไปผสมน้าเพ่ิมอีก 2 ลติ ร ใชฉ้ ดี พน่ แปลงผักจะช่วยปอ้ งกัน หนอนใยผัก หนอนกระทูผัก และหนอนผีเส้อื ท่ัวไป นอกจากขมิ้นชัน จะสามารถนามาประกอบอาหารประเภทต่างๆ รวมถึงยังใช้เป็นยารักษา โรคและบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ท้ังภายในและภายนอกร่างกายได้แล้ว สมุนไพรชนิดน้ียัง สามารถนาไปใช้รักษาโรคที่คาดว่าน่าจะเกิดจากอนุมูลอิสระ อย่าง โรคมะเร็ง โรคอัลไซ เมอร์ โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด เปน็ ต้น สาหรบั ในโรคมะเรง็ เองแล้ว ขมิน้ ชัน จะมฤี ทธชิ์ ่วยลด การแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการแพร่กระจาย อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ปกติ เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง โดยจากการทดสอบในห้องทดลองพบว่า ฤทธิ์ของขมิ้นชันจะช่วย ยับย้ังการเติบโต หรือการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึง เซลล์มะเร็งหลายๆ ชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลาไส้ และมะเร็งตับอ่อนต่างก็ได้ผลท่ีดีท้ังสิ้น ฉะน้ันจึงเป็นข้อดีต่อผู้ป่วยมะเร็งระยะต้นๆ ท่ีจะหันมา รับประทานขม้ินชนั ในรูปแบบของการปรุงอาหาร ท่ีถอื ไดว้ ่าเป็นวิธีการท่ีสะดวกและปลอดภัยท่ีสุด หรืออาจนาผงขมิ้นชนั ผสมลงในเครื่องดม่ื ก็ได้ แตห่ ากต้องการจะรับประทานในรูปแบบอาหารเสริม อาจตอ้ งระวงั สักเล็กนอ้ ย เพราะจากงานวจิ ัยในผู้ป่วยมะเร็งบางรายช่วงทไ่ี ด้เคมบี าบัด อาหารเสริม อาจเข้าไปรบกวนประสทิ ธิภาพของยาได้
เก็บเก่ียวขม้ินชันเพ่ือใชป้ ระโยชน์ เราสามารถใช้ประโยชนจ์ ากขมน้ิ ชนั ได้ โดยเร่ิมตน้ ตง้ั แตก่ ารเก็บเกยี่ ว ไม่ควรเกบ็ ในช่วงท่ี เปน็ ระยะการแตกหนอ่ ของขมิ้นชนั เนือ่ งจากในช่วงเวลาการแตกหน่อเป็นช่วงทขี่ มิน้ ชนั ผลิตสาร เตอรค์ ิวมนิ นอ้ ยกว่าช่วยอื่นๆ สารเตอร์ควิ มนิ เป็นสารที่มปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกาย ท่ีอยูภ่ ายในขมิน้ ชนั ดงั นัน้ เหงา้ ท่ีจะสามารถเก็บไดด้ ี ควรมอี ายุเหงา้ อย่างนอ้ ย 9 – 12 เดือน และเมอ่ื เก็บมาแล้วก็ ไมค่ วรเก็บนานจนเกนิ ไป เพราะน้ามนั หอมระเหยในขม้ินชันจะระเหยออกหมดเสียก่อน เมือ่ เก็บเก่ยี วเหงา้ ของขม้ินชนั มาแล้ว หากไมไ่ ด้นาเอาไปทาอาหาร แตจ่ ะใช้เป็นยาเพอ่ื มาทานเพอื่ รกั ษาโรคตา่ งๆ ควรนาขมิ้นชนั ไปลา้ งนา้ ให้สะอาดเสียก่อน เสร็จแล้วจึงนาเอามาห่ันเป็นแว่นๆ ชนิ้ บางๆ โดยไมต่ ้องปอกเปลือกออก จากน้ันนาไปตากแดดโดยใชเ้ วลาประมาณ 2 วนั หลังจากนั้นจึง นาเอาขม้นิ ชันมาบดใหล้ ะเอียด แล้วเอาผงขมิ้นชนั ผสมเขา้ กันกับนา้ ผึง้ แลว้ นามาปั้นเป็นเม็ดกลมๆ เลก็ ๆ สามารถทานครงั้ ละ 2 – 3 เมด็ จานวน 3 ครั้งตอ่ วนั โดยทานในชว่ งเวลาหลงั อาหารหรือ ก่อนนอน การซอ้ื ขมิ้นชันให้ได้คณุ ภาพดี สาหรับการเลอื กนาขมน้ิ ชันมาใช้เพ่ือประกอบอาหารสามารถทาไดท้ ้ังแบบเหง้าสดและบดเปน็ ผง โดยมีวิธีการดังตอ่ ไปนี้ เหง้าสด ควรเลือกเหงา้ ทีม่ ีอายปุ ลูกต้งั แต่ 9 – 12 เดือน โดยสงั เกตได้จากเหงา้ ขมนิ้ ชันจะมี ขนาดความกว้างและยาวประมาณนิว้ ชี้ หรอื น้วิ ก้อยของผใู้ หญ่ มีสเี หลืองเขม้ หรือสีเหลือง แสด มีกล่นิ ฉนุ ชนดิ บดเปน็ ผง ควรเลอื กผงสเี หลอื งเขม้ หรือสแี สด ตอ้ งดูใหด้ ีว่าไม่มีสิง่ เจือป โดยเฉพาะ หากอย่ใู นร้านที่ไม่ไดม้ าตรฐาน อาจมีการนาผงขมน้ิ มาผสมกับอย่างอนื่ ทาใหไ้ ด้ขม้ินชนั ท่ี ไมบ่ ริสทุ ธิร์ ้อยเปอรเ์ ซนต์ จะทาใหส้ ารออกฤทธิต์ ่างๆ ในผงขมิ้นลดนอ้ ยลงไปดว้ ย การซ้ือเหง้าขมิ้นสดแล้วนามาบดเองจะทาให้ได้ผงขมิ้นชนั ทสี่ ะอาด ปลอดภยั ได้คุณภาพมากกว่า โดยทาตามคาแนะนาดังตอ่ ไปนี้ 1. ซอ้ื เหง้าขม้นิ ชนั ทีม่ อี ายุ 9 – 12 เดือน นามาลา้ งใหส้ ะอาด จากน้นั ให้หน่ั เปน็ ช้ินบางๆ 2. วางขมนิ้ ชันลงบนตะแกรง นาไปจากแดดในท่ีร่มจนกว่าขมิ้นชันจะแหง้ หรืออาจนาไปอบ ในตอู บ ใชค้ วามรอ้ นไม่เกิน 96 องศาเซลเซยี ส มเิ ช่นนน้ั อาจทาใหเ้ กิดสารพิษได้
3. บดขมิน้ ชนั ใหเ้ ปน็ ผงละเอียด เก็บใส่ขวดโหลท่แี ห่งสนิท ไมค่ วรวางไวถ้ กู แสงแดด เพราะจะ ทาให้สารเคอรค์ มู นิ อยด์ (Curcuminoids) ทเ่ี ปน็ สารต้านอนุมูลอิสระถูกทาลายไป 4. ไมค่ วรเก็บผงขมิน้ ชนั ไวน้ านจนเกินไป เพราะอาจทาใหน้ า้ มนั หอมระเหยระเหยไปหมด จึง แนะนาใหท้ าผงขมิน้ ชนั ไว้พอประมาณ ยาสา้ หรับทาภายนอก นอกจากการนาขม้นิ ชันมาทานแล้ว ขมิ้นชนั ยังสามารถใชเ้ ป็นยาสาหรับทาภายนอกไดอ้ ีกด้วย เพื่อ รักษาอาการแพ้ ผืน่ คัน ผวิ หนงั เกิดอาการอักเสียบ หรอื แมลงกัดต่อย โดยวธิ ีการคอื ใหน้ าเอาเหงา้ ของขม้นิ ชนั มาต้มในนา้ จนสกุ จากนั้นเอามาทาบริเวณที่มีอาการ หรือถูกแมลงกัดตอ่ ย วันละ 3 เวลาก็จะชว่ ยบรรเทาท่เี กิดข้นึ ได้ การรับประทานขมิ้นชัน การรบั ประทานขม้นิ ชนั จะช่วยรักษาโรคได้หลากหลาย เม่อื สามารถรักษาจนโรคหายหรอื ดีขึน้ แล้ว ก็ควรหยดุ ทานขมิ้นชนั เพราะถึงจึงมปี ระโยชน์มากมาย แตก่ ารท่รี ่างกายรบั มากจนเกินไปก็ไมด่ ี เหมือนกัน เช่น มีอาการเวียนหัว คล่ืนไสอ้ าเจยี น หน้ามืด ท้องเสยี ปวดหวั นอนไม่หลับ เพือ่ เปน็ การปอ้ งกนั ผลเสียเหล่านี้จึงควรทานแตพ่ อดี เมื่อโรคหายแลว้ ก็หยุดในทันที หรือถ้าเกิดมอี าการ ดงั กลา่ วเกดิ ขน้ึ ก็ใหห้ ยุดการทานขมิ้นชันและให้หายตวั อื่นมากนิ แทน แตอ่ ย่างไรกต็ ามต้องหม่ันสงั เกตใหด้ ๆี ว่าอาการท่ีเกิดข้นึ กบั คณุ น้นั เกดิ จากผลคา้ งเคียงทม่ี าจาก ขมนิ้ ชัน หรอื อาหารอยา่ งอนื่ หรือมาจากโรคที่คุณเปน็ อยเู่ ดิมอยู่แลว้ เพอ่ื ให้สามารถรักษาโรคได้ อย่างถกู ตอ้ ง สตู รพอกหนา้ ลดสิวดว้ ยขมิน้ ชนั การใช้ขม้ินชันพอกหน้ารักษาสวิ เป็นตารับการประทินผิวท่ีมมี าต้งั แตโ่ บราณ ด้วยวิธรี กั ษาตาม แบบฉบบั ธรรมชาติท่ีใหค้ วามปลอดภัยสงู และมปี ระสทิ ธิภาพในการป้องกันการเกดิ สิวได้เป็นอย่าง ดี สูตรพอกหนา้ ท่ีมีส่วนผสมของขม้นิ ชนั มีดว้ ยกนั หลายสูตรดังนี้
สูตร 1: ผงขมิ้นชัน + ดนิ สอพอง + นมสด ผสมผงขม้ินชนั ประมาณ 1 ช้อนโตะ๊ กบั ดนิ สอพอง 1 ชอ้ นโตะ๊ (ดินสอพองสตุ) แล้วค่อยๆ ผสมนม สดตามลงไปในสัดส่วนที่ไม่มากจนทาให้ส่วนผสมกลายเป็นน้าเหลว ค่อยๆ คนจนส่วนผสมเข้ากัน เป็นเน้ือเนียนเหมือนครีมทาผิว จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด นาส่วนผสมท้ังหมดพอกเอาไว้บน ใบหนา้ นวดเบาๆ ประมาณ 5 นาที ท้ิงไวป้ ระมาณ 10-15 นาที แลว้ คอ่ ยล้างออกตามปกติ จะช่วย ให้ผิวหน้านมุ่ ลดแบคทีเรียทีเ่ ป็นตวั การทาให้เกดิ สวิ และช่วยใหผ้ ิวแลดูขาวข้นึ สูตร 2: ผงขมิน้ ชัน + น้ามะนาว ผสมผงขมิ้นชันประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ กับน้ามะนาว 1 ช้อนโต๊ะ คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ถ้าหาก หนืดเกินไป ให้ผสมน้าเปล่าลงไปจนส่วนผสมเหนียวข้นได้ท่ี สามารถเกลี่ยให้ท่ัวผิวหน้าได้แล้ว นามาพอกให้ทั่ว สาหรับคนท่ีมีปัญหาสิวอักเสบและสิวอดุ ตนั น้ามะนาวจะช่วยลดการอักเสบ เพ่ิม ระดับการกาจัดเชื้อแบคทีเรียท่ีเป็นต้นตอของสิวร่วมกับสรรพคุณของขม้ินชัน จากน้ันท้ิงไว้ 5-10 นาทีแล้วลา้ งออก แต่หากรู้สกึ แสบผิวหนา้ สามารถล้างออกกอ่ นเวลาก็ได้ สูตร 3: ผงขมน้ิ ชนั + นา้ ผ้งึ ผสมผงขม้ินชัน 2 ช้อนโต๊ะ กับน้าผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนจนได้ส่วนผสมท่ีเข้ากันได้ดี จากนั้นนามาพอก ให้ทั่วใบหน้า เน้นจุดท่ีมีสิวอักเสบเป็นหลัก ซึ่งสรรพคุณของน้าผ้ึงจะช่วยลดการอักเสบ ไม่ให้สิว ลุกลามมากไปกว่าเดิม และช่วยกระตุ้นการสร้างเน้ือเยื่อใหม่ ทดแทนเซลล์ผิวท่ีตายแล้ว เมื่อ ขม้ินชันช่วยป้องและกาจัดแบคทีเรียท่ีเป็นสาเหตุของสิวแล้ว จะช่วยให้ปริมาณสิวลดลง ส่วนสิวท่ี เปน็ อยจู่ นกลายเป็นแผลเปน็ นา้ ผึง้ จะทาหน้าท่ีช่วยสมานแผล ลดรอยแผลเปน็ ทล่ี กึ ให้ตน้ื มากขึน้ ขอ้ ควรระวงั ในการใช้ขมิ้นชัน สาหรบั ในสตรีมคี รรภ์ ขมิ้นชันอาจทาใหเ้ กิดการแท้งไดใ้ นระยะแรกๆ ของการตงั้ ครรภ์ แต่ไมม่ ีผล ตอ่ การตกไข่ เพราะฉะนัน้ จึงควรระวังในการใช้ขมน้ิ ชนั กบั หญงิ มคี รรภ์ โดยการใช้ขม้ินชนั ใน ปรมิ าณมากๆ อาจเป็นอนั ตรายได้ นอกจากน้ี การใช้ขมิ้นชนั เปน็ เวลานานๆ สามารถทาให้เกดิ ผล ข้างเคียงได้ เช่น อาเจียน ถ่ายเปน็ เลอื ด งุ่นงา่ น หรือตน่ื กลวั เปน็ ต้น
สมนุ ไพรพ้ืนบา้ นขมนิ้ ชนั พืชท่ีมากอรรถประโยชนท์ ่ีคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาเป็นเวลานาน ถึงแมว้ ่าจะเป็นสมุนไพรแตก่ ไ็ มไ่ ดม้ ขี อ้ ดีเสมอไป หากเราไมศ่ กึ ษาวธิ กี ารใช้งานให้ดีเสยี ก่อน อย่างไร กต็ ามขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการรักษา โดยจากผลการวิจัยก็ยังไม่พบพิษที่เกิด เฉยี บพลนั ในมนุษย์ ซงึ่ คนไทยโดยเฉพาะชาวภาคใต้นน้ั รับประทานสมุนไพรชนิดนีเ้ ป็นอาหารกนั เป็นเวลานาน อีกท้งั กระทรวงสาธารณสขุ ยงั ไดแ้ นะนาให้ใชข้ มนิ้ ชนั ในโครงการสาธารณสุขมลู ฐาน อีกดว้ ย นบั ไดว้ า่ ขม้ินชันเปน็ สมุนไพรท่ีมีประโยชน์และอยา่ ลืมออกกาลังกายกันดว้ ย เพอ่ื สขุ ภาพที่ ดเี ร่มิ ตน้ จากตวั เอง ทีม่ า : HonestDocs
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: