Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือนักเรียน2566

คู่มือนักเรียน2566

Description: คู่มือนักเรียน2566

Search

Read the Text Version

46 โครงสรา้ งหลกั สูตร

47 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโรงเรียนหนองไผ่ มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสำ�นึกของการทำ�ประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกับ ผูอ้ ่นื อย่างมีความสขุ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนม่งุ พฒั นาผ้เู รยี นให้ใช้องคค์ วามรู้ ทักษะและเจตคตจิ ากการเรยี นรู้ 8 กลุ่ม สาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียนมาปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำ�คัญ อันได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวติ และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ซงึ่ จะส่งผลในการพัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มที ักษะ การท�ำ งานและอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก อนั ไดแ้ ก่ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อยา่ งพอเพียง ม่งุ มั่นในการท�ำ งาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ติ สาธารณะ โรงเรียนหนองไผ่ ได้จดั กรรมพฒั นาผเู้ รยี นโดยแบง่ เป็น 3 ลักษณะ ดงั น้ี 1. กจิ กรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสรมิ และพฒั นาผูเ้ รยี นใหร้ ู้จักตนเอง รู้รกั ษ์สง่ิ แวดล้อม สามารถคิดตดั สนิ ใจ คดิ แกป้ ญั หา ก�ำ หนดเปา้ หมาย วางแผนชวี ติ ทง้ั ดา้ นการเรยี น และอาชพี สามารถปรบั ตนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม นอกจากน้ี ยงั ชว่ ยใหค้ รรู จู้ กั และเขา้ ใจผเู้ รยี น ทงั้ ยงั เปน็ กจิ กรรมทช่ี ว่ ยเหลอื และใหค้ �ำ ปรกึ ษาแกผ่ ปู้ กครองในการมสี ว่ นรว่ มพฒั นา ผ้เู รียน นักเรยี นทุกคนต้องเข้ารว่ มกจิ กรรมแนะแนว 20 ชว่ั โมงต่อภาคเรยี น แนวการจดั กิจกรรมแนะแนว 1. สำ�รวจสภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของผู้เรียน เพื่อใช้เป็นข้อมูล ในการกำ�หนดแนวทางและแผนการปฏิบตั ิกิจกรรมแนะแนว 2. ศึกษาวิสยั ทัศน์ของสถานศึกษา และวิเคราะหข์ ้อมลู ของผ้เู รียนทไ่ี ด้จากฐานข้อมลู ผู้เรยี นรายบคุ คล หรอื การส�ำ รวจเพอ่ื ทราบปญั หา ความตอ้ งการ และความสนใจ เพอื่ น�ำ ไปก�ำ หนดสาระและรายละเอยี ดของกจิ กรรมแนะแนว 3. กำ�หนดสัดส่วนของกิจกรรมด้านการศึกษา การงานและอาชีพ รวมทั้งชีวิตและสังคมให้ได้สัดส่วน ที่เหมาะสม โดยยึดสภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของผู้เรียนเป็นหลักทั้งน้ีครูและ ผเู้ รยี นมีส่วนรว่ มในการปฏบิ ัติกิจกรรม 4. ก�ำ หนดแผนการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมแนะแนว ระดบั มธั ยมศกึ ษาจดั เปน็ รายภาค เมอ่ื ก�ำ หนดสดั สว่ นของกจิ กรรม ในแตล่ ะดา้ นแลว้ จะตอ้ งระบวุ า่ จะจดั กจิ กรรมแนะแนวในดา้ นใด จ�ำ นวนกช่ี วั่ โมง พรอ้ มทงั้ จะตอ้ งก�ำ หนดรายละเอยี ด ของแตล่ ะด้านให้ชดั เจนว่าควรมีเรื่องอะไรบ้าง เพ่อื จะได้จดั ทำ�เป็นรายละเอยี ดของแตล่ ะกิจกรรมย่อยตอ่ ไป 5. การจดั ทำ�รายละเอยี ดของแตล่ ะแผนการปฏบิ ตั ิกิจกรรม เร่มิ ตัง้ แต่การกำ�หนดช่ือกิจกรรม จุดประสงค์ เวลา เนื้อหา / สาระ วธิ ดี ำ�เนนิ กจิ กรรม ส่อื / อปุ กรณ์ และการประเมนิ ผล 6. ปฏบิ ัติตามแผนการปฏิบตั ิกจิ กรรมแนะแนว วัดและประเมินผล และสรุปรายงาน

48 2.กิจกรรมนักเรยี น เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ� ผู้ตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทำ�งาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันเอ้ืออาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกข้ันตอน ไดแ้ ก่ การศกึ ษาวเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ตั ติ ามแผน ประเมนิ และปรบั ปรงุ การท�ำ งาน เนน้ การท�ำ งานรว่ มกนั เปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั วฒุ ิภาวะของผูเ้ รียน และบรบิ ทของสถานศกึ ษาและทอ้ งถนิ่ กิจกรรมนักเรียน ของโรงเรยี นหนองไผ่ ประกอบดว้ ย 2.1 กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด 2.2 กจิ กรรมชุมนุม ชมรม นกั ศกึ ษาวิชาทหาร นักเรยี นมธั ยมศึกษาตอนต้นจะตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรมท้ังในขอ้ 2.1 จำ�นวน 20 ชั่วโมงตอ่ ภาคเรียน และจะต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมทั้งในขอ้ 2.2 จ�ำ นวน 20 ชั่วโมงต่อภาคเรียน นกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลายจะต้องเขา้ ร่วมกิจกรรมในข้อ 2.2 จ�ำ นวน 40 ชั่วโมงต่อภาคเรยี น แนวการจัดกจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี มีแนวทางการจัดกจิ กรรมตามวิธกี ารของลูกเสือ 7 ประการ ดังน้ี 1.คำ�ปฏิญาณและกฎ 2.เรยี นรจู้ ากการกระทำ� 3.ระบบหมู่ 4.การใช้สัญลักษณ์ร่วมกนั 5.การศกึ ษาธรรมชาติ 6.ความก้าวหนา้ ในการร่วมกิจกรรม 7.การสนบั สนับสนุนโดยผใู้ หญ่ กิจกรรมยุวกาชาด มีแนวทางการจดั กิจกรรมหลกั และกิจกรรมพิเศษ ดังนี้ กิจกรรมหลกั หมายถงึ กจิ กรรมพ้นื ฐานทสี่ �ำ คญั ที่สมาชิกทุกคนตอ้ งรว่ มกจิ กรรม มี 4 กลมุ่ กิจกรรม คือ 1.กล่มุ กจิ กรรมกาชาดและยุวกาชาด 2.กลุ่มกิจกรรมสขุ ภาพ 3.กลุม่ กิจกรรมสัมพนั ธภาพและความเขา้ ใจอนั ดี 4.กลมุ่ กจิ กรรมบำ�เพ็ญประโยชน์ 5.กิจกรรมพเิ ศษ เปน็ กิจกรรมเสรมิ กจิ กรรมหลักเพ่อื สร้างทักษะ ความสามารถ ความถนัด หรือความสนใจของผเู้ รียน โดยเฉพาะ ผู้เรียนสามารถเขา้ รว่ มกจิ กรรมได้

49 แนวทางการประเมนิ ผลกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน การประเมนิ ผลการเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ให้ถือปฏิบตั ติ ามแนวทาง ดังนี้ 1. ผ้รู ับผิดชอบกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นของโรงเรยี นและผู้เก่ยี วข้องดำ�เนินการประเมนิ ผ้เู รยี นตามจดุ ประสงค์ ของกิจกรรมอย่างต่อเน่ือง ตลอดช่วงเวลาของการเข้าร่วมกิจกรรม โดยการรวบรวมจากบันทึกการเข้าร่วมกิจกรรม และผลการปฏิบัติกิจกรรมจากผู้ท่ีเก่ียวข้อง รวมท้ังเวลาที่ผู้เรียนใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อสิ้นสุดกิจกรรม นำ�มาพจิ ารณาตดั สนิ รว่ มกนั 2. การตัดสินการเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นแต่ละกิจกรรม โดยให้พจิ ารณาจากผลการประเมนิ ซง่ึ ต้อง ผา่ นจุดประสงคส์ ำ�คัญของกิจกรรมทกุ ข้อ และมีเวลาเขา้ ร่วมกิจกรรมไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี น 3. การให้ระดับผลการตัดสิน การเข้าร่วมกิจกรรม กำ�หนดให้ระดับ ผลการประเมินเป็น“ผ่าน” และ “ไมผ่ า่ น” 4. ในกรณีท่ีผู้เรียน “ไม่ผ่าน” การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้ผู้เรียนเข้ารับการซ่อมเสริม หรือเลือกกจิ กรรมใหม่จนผ่านครบทุกกิจกรรม ตามหลักสูตร 5. ผ้เู รยี นที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการประเมิน การเข้ารว่ มกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน จะตอ้ งเข้ารว่ มกจิ กรรม เสริมท่ีโรงเรียนจัดข้ึน และสามารถผ่านเกณฑ์ท่ีกำ�หนดให้หรือขยายเวลาเรียนจนกว่าจะมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ การผ่านชว่ งชนั้

50 การวัดผลประเมนิ ผล ระเบยี บโรงเรียนหนองไผ่ วา่ ด้วยการประเมินผลการเรียน ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ พ.ศ. ๒๕๕๒ (ฉบับแกไ้ ขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๑) โดยทโ่ี รงเรยี นหนองไผ่ ไดป้ ระกาศใชห้ ลกั สตู รโรงเรยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามค�ำ สั่งกระทรวงศึกษาท่ี สพฐ. ๒๙๓/๒๕๕๑ ลงวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เรือ่ งใหใ้ ช้หลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงเป็นการสมควรท่ีจะระเบียบโรงเรียนหนองไผ่ ว่าด้วยการประเมินผล การเรียนตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อให้สามารถดำ�เนินการได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและสอดคลอ้ งกับค�ำ สง่ั ดังกล่าว ฉะนั้น อาศัยอำ�นาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ และและกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน จงึ วางระเบยี บไวด้ ังต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบยี บนเ้ี รียกวา่ “ระเบียบโรงเรียนหนองไผว่ ่าดว้ ยการประเมินผลการเรยี น ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ พ.ศ. ๒๕๕๒” ขอ้ ๒ ระเบียบน้ีให้ใช้บงั คับต้งั แต่ ปีการศกึ ษา ๒๕๕๒ เปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบโรงเรียนหนองไผ่ว่าด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ พ.ศ. ๒๕๔๘ บรรดาขอ้ บงั คบั หรอื ค�ำ สง่ั อน่ื ใดในสว่ นทก่ี �ำ หนดไวใ้ นระเบยี บนี้ หรอื ขดั แยง้ กบั ระเบียบนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ให้ใช้ระเบียบน้ีควบคู่กับหลักสูตรโรงเรียนหนองไผ่ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พ.ศ.๒๕๕๒ ขอ้ ๕ ให้ผูอ้ �ำ นวยการ โรงเรยี นหนองไผ่รกั ษาการใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บนี้

51 หมวด ๑ หลักการในการประเมินผลการเรียน ขอ้ ๖ การประเมนิ ผลการเรียนให้เปน็ ไปตามหลกั การต่อไปน้ี ๖.๑ โรงเรียนหนองไผ่เป็นผู้รับผิดชอบการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่าย ท่ีเกย่ี วขอ้ งมสี ่วนรว่ ม ๖.๒ การวัดและประเมินผลการเรียนต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่กำ�หนดในหลักสูตรและจัดให้มีการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียนคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ตลอดจนกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน ๖.๓ การประเมนิ ผลการเรยี นพจิ ารณาจากพฒั นาการของผเู้ รยี น ความประพฤติ การสงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอน ตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ และรปู แบบการศกึ ษา ๖.๔ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ เป็นสว่ นหนึ่งของกระบวนการจดั การเรียนการสอนตอ้ งด�ำ เนินการ ด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพ่ือให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้าน ท้ังด้านความรู้ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกับส่ิงที่ต้องการวัด ธรรมชาติวิชาและระดับชั้นของผู้เรียน โดยตั้งอยู่ บนฐานความเท่ยี งตรง ยุตธิ รรมและเชอื่ ถือได้ ๖.๕ การประเมินผลการเรียนรู้มีจุดมุ่งหมายเพ่ือปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน พัฒนาการจัดการเรียนรู้ และตัดสินผลการเรยี น ๖.๖ เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นและผ้มู สี ่วนเก่ยี วขอ้ งตรวจสอบผลการประเมินผลการเรียนรู้ ๖.๗ ใหม้ ีการเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศกึ ษาและรูปแบบการศกึ ษาตา่ ง ๆ ๖.๘ ให้มีการจัดทำ�เอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อเป็นหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้ รายงานผล การเรยี น แสดงวุฒิการศึกษาและรบั รองผลการเรยี นของผเู้ รยี น

52 หมวด ๓ วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ข้อ ๘ การประเมินผลการเรียนรตู้ ามกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ๘ กล่มุ ใหถ้ อื แนวปฏิบตั ดิ งั น้ี ๘.๑ การประเมนิ ผลก่อนเรยี น ๘.๑.๑ การประเมินความพร้อมและพื้นฐานของผู้เรียนเป็นการประเมินความพร้อมและพื้นฐานของ ผู้เรียนกอ่ นเรยี น ซงึ่ มีความส�ำ คญั และจ�ำ เปน็ ทีผ่ ้สู อนจะตอ้ งดำ�เนินการเพอ่ื เตรียมผเู้ รยี นให้มคี วามพรอ้ มในการเรยี น อย่างเหมาะสม และสามารถคาดหวังความส�ำ เร็จได้ทกุ ครั้งให้ถือแนวปฏิบตั ิดังนี้ ๘.๑.๑.๑ วิเคราะหค์ วามรแู้ ละทักษะทีเ่ ปน็ พื้นฐานของเรอ่ื งทจี่ ะต้องเรยี น ๘.๑.๑.๒ เลือกวิธีการและจัดทำ�เคร่ืองมือสำ�หรับประเมินความรู้ และทักษะพ้ืนฐานอย่าง เหมาะสมและมปี ระสทิ ธิภาพ ๘.๑.๑.๓ ดำ�เนนิ การประเมนิ ความรู้และทกั ษะพื้นฐานของผูเ้ รยี น ๘.๑.๑.๔ นำ�ผลการประเมินไปดำ�เนินการปรับปรุงผู้เรียน ให้มีความรู้และทักษะอย่างเพียงพอ ก่อนดำ�เนินการสอน ๘.๑.๑.๕ จัดการสอนในเรื่องทีจ่ ัดเตรียมไว้ ๘.๑.๒ การประเมินความรอบรู้ในเร่ืองท่ีจะเรียนก่อนการเรียน เป็นการประเมินผู้เรียนในเร่ือง ที่จะทำ�การสอน เพ่ือตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้และทักษะในเรื่องท่ีจะเรียนน้ันมากน้อยเพียงไร เพื่อจะนำ� ไปเป็นข้อมูลเบื้องต้นของผู้เรียนแต่ละคนและนำ�ไปเปรียบเทียบกับผลการเรียนรู้ภายหลังเข้าร่วมกิจกรรมการเรียน การสอนแลว้ จะท�ำ ใหท้ ราบถงึ ศกั ยภาพในการเรียนรูข้ องผเู้ รียน และประสทิ ธภิ าพในการจดั การเรียนการสอน ๘.๑.๓ ผ้สู อนตอ้ งแจง้ ให้ผ้เู รยี นทราบตัวชีว้ ัด วิธีการประเมนิ ผล กอ่ นท�ำ การสอน ๘.๑.๔ จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้จู ะต้องครอบคลุมพฤตกิ รรมด้านความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ กระบวนการ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ๘.๒ การประเมนิ ระหวา่ งเรยี น ข้ันที่ ๑ เป็นการประเมินเพื่อมุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนว่าบรรลุตามตัวชี้วัด ในการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ทีไ่ ด้วางแผนไวห้ รอื ไม่ ใหถ้ อื แนวทางปฏบิ ตั ดิ งั น้ี ข้ันที่ ๒ วางแผนการจัดการเรียนรู้และการประเมินผลระหว่างเรียน ผู้สอนจัดทำ�แผนการ จัดการเรียนรู้และแนวทางการประเมินผล ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดซ่ึงควรระบุ ภาระงานท่ีจะทำ�ให้ผู้เรียนบรรลุผล ตามตวั ชี้วดั ขั้นที่ ๓ เลือกวิธีการประเมนิ ทส่ี อดคล้องกบั ภาระงานหรอื กจิ กรรมหลกั ทก่ี �ำ หนดให้ผเู้ รียนปฏบิ ตั ิ วธิ กี ารประเมนิ ทเี่ หมาะสมอยา่ งยงิ่ ส�ำ หรบั การประเมนิ ระหวา่ งเรยี น ไดแ้ กก่ ารประเมนิ จากสงิ่ ทผี่ เู้ รยี นไดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ มคี วามรู้ ทกั ษะและความสามารถ ตลอดจนมคี ณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ อนั เปน็ ผลจากการเรยี นรู้ ตามกระบวนการ เรียนร้ทู ี่จดั ผู้สอนควรใชว้ ธิ กี ารประเมนิ ทหี่ ลากหลาย

53 ขนั้ ท่ี ๔ ก�ำ หนดสดั สว่ นการประเมนิ ระหวา่ งเรยี นกบั การประเมนิ ผลปลายภาคเรยี นเปน็ การประเมนิ เพื่อมุ่งนำ�สารสนเทศมาพัฒนาผู้เรียนและปรับปรุงกระบวนการ จัดการเรียนรู้ของผู้สอน ดังนั้น ควรให้น้ำ�หนัก ความส�ำ คญั ของการประเมนิ ในสดั สว่ นทมี่ ากกว่าการประเมนิ ตอนปลายภาคเรยี นหรอื ปลายปี โดยค�ำ นงึ ถงึ ธรรมชาติ ของวชิ าและตวั ชว้ี ัดเปน็ ส�ำ คญั และตอ้ งน�ำ ผลการประเมนิ ระหวา่ งเรียนไปใชใ้ นการตัดสนิ ผลการเรยี นด้วย ขั้นท่ี ๕ จัดทำ�เอกสารบันทึกข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียน ผู้สอนต้องจัดทำ�เอกสารบันทึก ข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนเกี่ยวกับการประเมินผลระหว่างเรียนอย่างเป็นระบบชัดเจน เพ่ือใช้เป็นแหล่งข้อมูล ในการปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมผู้เรียน ใช้เป็นหลักฐานสำ�หรับการสื่อสารกับผู้ที่เก่ียวข้อง และเป็นหลักฐาน ที่ตรวจสอบได้ อนั แสดงใหเ้ ห็นถึงความโปรง่ ใสและยตุ ธิ รรมในการประเมิน ขน้ั ท่ี ๖ ในกรณที ด่ี �ำ เนนิ การประเมนิ ผลการเรยี นในระหวา่ งเรยี นตามตวั ชว้ี ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร/ู้ การทดสอบระหวา่ งเรยี นในแต่ละหัวข้อ/แตล่ ะครงั้ หากผู้เรียนได้รบั ผลการประเมนิ นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของคะแนน ท่ีกำ�หนดให้ครูผู้สอนประจำ�วิชาดำ�เนินการซ่อมเสริม เพิ่มเติมความรู้และทักษะท่ีบกพร่องแก่ผู้เรียน ด้วยวิธีท่ีหลากหลาย จนกระท่ังนักเรียนได้รับผลการประเมินในแต่ละตัวช้ีวัด/จุดประสงค์การเรียนรู้/ผลการทดสอบ ระหว่างเรียนใหไ้ ด้ผา่ นเกณฑข์ ้ันตำ�่ ทรี่ ้อยละ ๖๐ ข้ึนไป ๘.๓ การประเมนิ เพื่อสรปุ ผลการเรยี น ๘.๓.๑ การประเมนิ หลงั เรยี นเปน็ การประเมนิ ผเู้ รยี นในเรอื่ งทเี่ รยี นจบแลว้ เพอ่ื ตรวจสอบวา่ ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ ตามตัวช้ีวัดหรือไม่ และนำ�ผลไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรียน เพ่ือทราบถึงพัฒนาการและศักยภาพ ของผู้เรยี น ๘.๓.๒ การประเมนิ ผลการเรยี นปลายภาคเป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบผลสมั ฤทธขิ์ องผู้เรยี นในการเรยี น รายวชิ าต่าง ๆ ตามตวั บง่ ชหี้ รือตัวช้ีวดั รายภาค หลังจากจบกระบวนการเรียนการสอน โดยประเมินใหค้ รอบคลมุ ทง้ั ดา้ นความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ สามารถใช้วธิ กี าร และเครอื่ งมือการประเมนิ ได้ อย่างหลากหลาย ใหส้ อดคล้องกบั ตวั บ่งช้ีหรอื ตัวชีว้ ัด เนื้อหาสาระ กจิ กรรมและชว่ งเวลาในการประเมนิ โดยนำ� ผลการประเมนิ ระหวา่ งเรยี นมาใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู รว่ มในการประเมนิ ผลปลายภาค ดว้ ยในสดั สว่ นการประเมนิ ระหวา่ งเรยี น มากกว่าการประเมนิ ผลปลายภาค ในการประเมนิ ผลการเรยี นปลายภาคทกุ ภาคเรียน ใหม้ กี ารประเมิน ทักษะการ อ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนด้วย ข้อ ๙ การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ใหถ้ ือแนวปฏบิ ตั ดิ ังน้ี ๙.๑ การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นปลายภาค ๙.๑.๑ ผู้รับผิดชอบกิจกรรมประเมินการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์การปฏิบัติ ของแตล่ ะกจิ กรรม โดยประเมนิ จากพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย ตามสภาพจรงิ ๙.๑.๒ ผรู้ บั ผดิ ชอบกิจกรรมตรวจสอบการใช้เวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมของผู้เรยี นวา่ มเี วลาเรียนไมน่ อ้ ย กว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาทง้ั หมด ๙.๑.๓ เม่ือส้ินภาคเรียน ผู้รับผิดชอบกิจกรรมต้องจัดให้มีการประเมินการปฏิบัติกิจกรรม ของผเู้ รยี น เพือ่ สรุปความก้าวหนา้ และสภาพของการปฏิบตั กิ ิจกรรมของผเู้ รียน เพือ่ การปรับปรุงแกไ้ ขหรือส่งเสรมิ การปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนให้เป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และรายงานผลการประเมินให้ผู้ปกครอง ทราบ โดยทำ�การประเมนิ ตามจุดประสงค์ สำ�คญั ของกจิ กรรมเพอ่ื ตัดสินผลการรว่ มกิจกรรมปลายภาค เกย่ี วกบั การร่วมกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนของผู้เรยี นทุกคนตลอดชว่ งช้ัน

54 ๙.๒.๑ กำ�หนดให้คณะอนุกรรมการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับการร่วมกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นของผ้เู รียนทุกคนตลอดช่วงชัน้ ๙.๒.๒ ผรู้ ับผดิ ชอบสรุปและประเมินผลการรว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นเปน็ รายบคุ คล โดยพจิ ารณา เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรมต้องไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ และผา่ นจดุ ประสงค์สำ�คัญ ของกจิ กรรมทกุ ขอ้ ๙.๒.๓ น�ำ เสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวิชาการเพอ่ื ให้ความเห็นชอบ ๙.๒.๔ เสนอผอู้ �ำ นวยการโรงเรยี นหนองไผ่เพอ่ื พิจารณาอนมุ ัติตอ่ ไป ข้อ ๑๐ การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ให้ถือแนวปฏบิ ัติดังนี้ ๑๐.๑ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องโรงเรยี นกำ�หนดไว้ ดังน้ี ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต ๓. มวี นิ ยั ๔. ใฝ่เรยี นรู้ ๕. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง ๖. มุ่งมั่นในการทำ�งาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ ๑๐.๒ เกณฑก์ ารประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดีเยี่ยม หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติจนเป็นนิสัยและ นำ�ไปใช้ในชีวิตประจำ�วัน เพือ่ ประโยชนส์ ขุ ของตนเอง และสงั คม ดี หมายถึง ผเู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑเ์ พอ่ื ใหเ้ ปน็ ท่ยี อมรับของสงั คม ผา่ น หมายถึง ผเู้ รียนรบั รู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขทีส่ ถานศึกษากำ�หนด ๑๐.๓ กิจกรรมพัฒนา มี ๓ ลักษณะคอื ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๒. กจิ กรรมนกั เรยี นซ่ึงประกอบดว้ ย ๑) กิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำ�เพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหาร โดยผเู้ รยี นเลอื กอย่างใดอยา่ งหนึ่ง ๑ กิจกรรม ๓. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ ัวอกั ษรแสดงผลการประเมนิ ดังน้ี “ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงานตามเกณฑ์ ตามทสี่ ถานศกึ ษากำ�หนด “มผ” หมายถึง ผู้เรยี นมเี วลาเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและมผี ลงานไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ ตามทส่ี ถานศึกษากำ�หนด ในกรณที ผ่ี ูเ้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มผ” สถานศึกษาตอ้ งจดั ซอ่ มเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นทำ�กจิ กรรมในส่วนท่ีผเู้ รยี น ไม่ไดเ้ ข้ารว่ มหรือไมไ่ ดท้ �ำ จนครบถ้วน แลว้ จงึ เปลี่ยนผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทัง้ น้ีตอ้ งด�ำ เนินการใหเ้ สรจ็ ในภาคเรียนนัน้ ๆ ยกเวน้ มเี หตสุ ดุ วสิ ยั ให้อยใู่ นดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษาที่จะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ไม่เกนิ ภาคเรยี น แตต่ ้องด�ำ เนนิ การใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปกี ารศึกษานัน้

55 ๑๐.๔ ผสู้ อนหรอื ครทู ป่ี รกึ ษาเลอื กวธิ กี ารประเมนิ และใชเ้ ครอื่ งมอื ทหี่ ลากหลาย ไดแ้ ก่ การสงั เกตพฤตกิ รรม ในการด�ำ เนนิ ชวี ติ ประจ�ำ วนั ทง้ั ในและนอกหอ้ งเรยี น การสมั ภาษณ์ การบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ การรายงานตนเอง เปน็ ตน้ ทงั้ นีจ้ ะต้องเหมาะสมกบั กิจกรรมและคุณลกั ษณะทจ่ี ะประเมนิ ๑๐.๕ ผู้รับผิดชอบทำ�การประเมินและรวบรวมข้อมูลการประเมินคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์จากหลายฝา่ ย เชน่ จากผู้สอน ผเู้ รยี น ผู้ปกครอง และผเู้ ก่ยี วข้อง ให้คณะกรรมการ พฒั นาและประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประกอบการพจิ ารณาตดั สนิ ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะแตล่ ะประการ ๑๐.๖ ผู้เรียนท่ไี มผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน ให้บนั ทึกข้อมลู “ควรปรับปรงุ ” แจ้งใหผ้ ู้เรียนและผ้ปู กครอง ทราบ จัดกิจกรรมซ่อมเสริมเพ่ือปรับปรุงแก้ไข ให้ผู้เรียนพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ที่ต้องปรับปรุง ตามแนวทางที่คณะกรรมการกำ�หนด ข้อ ๑๑ การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ใหถ้ อื แนวปฏบิ ตั ดิ ังนี้ ๑๑.๑ ขัน้ ตอนดำ�เนินการในการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น มีดงั นี้ ๑๑.๑.๑ กำ�หนดใหค้ ณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและวชิ าการของ โรงเรียน กำ�หนดมาตรฐานการอ่านคิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความกำ�หนดแนวทางและวิธีการประเมินท่ีเหมาะสม กำ�หนดเกณฑ์การตัดสินคุณภาพการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนตามความเหมาะสมและแนวทางการซ่อมเสริม ปรบั ปรุงผ้เู รียนท่ยี ังไมไ่ ด้คุณภาพตามมาตรฐานข้ันต�ำ่ ของโรงเรียนหนองไผ่ ๑๑.๑.๒ ประกาศแนวทางตา่ ง ๆ ตามขอ้ ๑๐.๑.๑ ใหผ้ เู้ กี่ยวข้องไดร้ บั ทราบอย่างสม่�ำ เสมอและ ชีแ้ จงให้เกิดความเข้าใจ ๑๑.๑.๓ กำ�หนดให้คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่ได้รับการแต่งต้ัง จัดทำ�เคร่อื งมือประเมนิ สรุปรวบรวมข้อมูลและตดั สนิ ผลการประเมิน ๑๑.๑.๔ คณะกรรมการดำ�เนินการประเมินและนำ�เสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการบริหาร หลักสูตรและวิชาการของโรงเรียนเพ่ือให้ความเห็นชอบและเสนอผู้อำ�นวยการสถานศึกษา โรงเรียนหนองไผ่ อนุมตั ิผลต่อไป ๑๑.๒ แนวทางการประเมินความสามารถการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ปลายภาค มีแนวด�ำ เนนิ การดังนี้ ๑๑.๒.๑ ผู้มีหน้าที่ประเมินตรวจสอบหรือประเมินผู้เรียนในความรับผิดชอบตามวิธีการและ เครอ่ื งมอื ทคี่ ณะกรรมการดำ�เนนิ การจดั ทำ� เพอ่ื ให้ได้ขอ้ มลู ความสามารถของผเู้ รียน ดา้ นการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นอย่างเหมาะสม ครบถ้วน ตามศักยภาพทีแ่ ท้จริงของผ้เู รยี น แลว้ รายงานคณะกรรมการด�ำ เนนิ การประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ผู้มีหน้าที่ประเมิน สามารถท่ีจะสรุปผลการประเมินกลางภาคเรียนเพ่ือแจ้งให ้ผู้เรียนไดท้ ราบถงึ สถานภาพของตน และทำ�การปรบั ปรุงแกไ้ ขตนเองได้ ๑๑.๒.๒ เกณฑ์การตัดสิน ให้ใช้การคำ�นวณแบบฐานนิยมจากผลการตัดสินรายวิชา เป็นผลสรุป การประเมินในภาคเรยี นหรอื ปลายปีนน้ั ๑๑.๒.๓ แจ้งผลการประเมินใหผ้ เู้ รยี นและผู้ปกครองทราบ ๑๑.๒.๔ ด�ำ เนนิ การซอ่ มเสริม ปรบั ปรุง แกไ้ ขผู้เรยี นในส่วนที่ไม่ผา่ นประเมิน ๑๑.๓ แนวทางการประเมินตัดสินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ผ่านช่วงชน้ั ให้ถอื แนวปฏิบัตดิ งั นี้ ๑๑.๓.๑ ผู้มีหน้าที่ประเมินทำ�การตรวจสอบหรือประเมินผู้เรียนในความ รับผิดชอบตามวิธีการ และเครอ่ื งมอื ทกี่ �ำ หนด ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ความสามารถของผเู้ รยี นดา้ นการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น อยา่ งถกู ตอ้ ง ครบ ถ้วน ตามศักยภาพของผ้เู รียน รายงานคณะกรรมการด�ำ เนินการประเมินการอา่ นคดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น

56 ๑๑.๓.๒ การดำ�เนินการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ตัดสิน การผ่านมาตรฐาน ตามเกณฑ์ท่กี ำ�หนด โดยใชก้ ารค�ำ นวณแบบฐานนยิ มจากผลการประเมินรายวิชา เป็นผลสรปุ การประเมินรายภาค และเพื่อตัดสนิ การผ่านช่วงชัน้ ๑๑.๓.๓ ด�ำ เนินการซอ่ มเสรมิ ปรับปรงุ แก้ไข ผูเ้ รียนที่ไมผ่ ่านการประเมนิ แล้วประเมินใหม่ ๑๑.๓.๔ จัดส่งผลการประเมินนำ�เสนอ ให้ผู้อำ�นวยการสถานศึกษาโรงเรียนหนองไผ่ อนุมัติผล การตัดสนิ การผา่ นช่วงช้ันต่อไป

57 หมวด ๔ การตดั สนิ ผลการเรยี น ข้อ ๑๒ การตัดสินผลการเรียนกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๘ กล่มุ ให้ถอื แนวปฏิบัติดังน้ี ๑๒.๑ การตัดสินผลการเรยี นร้กู ลมุ่ สาระรายภาค ๑๒.๑.๑ ผสู้ อนท�ำ การวดั และประเมนิ ผเู้ รยี นเปน็ รายวชิ า ซงึ่ ครอบคลมุ ตวั บง่ ชหี้ รอื ตวั ชว้ี ดั รายภาค ด้วยวิธีการท่ีหลากหลายให้ได้ผลการประเมินตามความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน โดยทำ�การวัดและประเมินผล ไปพร้อมกับกระบวนการจัดการเรียน การสอนได้แก่ การสังเกต พัฒนาการและความประพฤติของผู้เรียน การสงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี น การรว่ มกจิ กรรมและการทดสอบภายหลงั การเรยี น ซงึ่ ผสู้ อนตอ้ งน�ำ นวตั กรรมการวดั และประเมนิ ผลทางเลอื กใหม่ เชน่ การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ การประเมนิ การปฏบิ ตั งิ าน การประเมนิ จากโครงงาน และการประเมินจากแฟ้มสะสมงานไปใช้ในการประเมินผลการเรียน ควบคู่ไปกับการใช้แบบทดสอบต่าง ๆ ซง่ึ ก�ำ หนดใหม้ อี ตั ราสว่ นของแบบทดสอบแบบอตั นยั ไมต่ �ำ่ กวา่ รอ้ ยละ ๓๐ ของการทดสอบนนั้ รวมทง้ั รวบรวมเวลาเรยี น ของผเู้ รียน ๑๒.๑.๒ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรใู้ นกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ภาษาตา่ งประเทศ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ก�ำ หนดอตั ราคะแนนดังน้ี ๑) คะแนนสอบระหว่างเรียน จ�ำ นวน ๗๐ คะแนน ๒) คะแนนสอบปลายภาค จำ�นวน ๓๐ คะแนน ๑๒.๑.๓ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ สุขศึกษาและ พลศกึ ษา ศิลปะ ก�ำ หนดอัตราคะแนนดงั น้ี ๑) คะแนนสอบระหวา่ งเรยี น จำ�นวน ๘๐ คะแนน ๒) คะแนนสอบปลายภาค จ�ำ นวน ๒๐ คะแนน ๑๒.๑.๔ การตัดสินให้ระดับผลการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้รายภาค ให้กำ�หนดการตัดสิน เป็นรายวิชา ซงึ่ จำ�แนกเป็น ๘ ระดบั ดังน้ี “๔” หมายถงึ ผลการเรียนดเี ยยี่ ม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรยี นดีมาก “๓” หมายถึง ผลการเรียนดี “๒.๕” หมายถงึ ผลการเรียนคอ่ นขา้ งดี “๒” หมายถึง ผลการเรียนนา่ พอใจ “๑.๕” หมายถงึ ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถงึ ผลการเรียนผา่ นเกณฑข์ ัน้ ต่ำ�ทก่ี �ำ หนด “๐” หมายถงึ ผลการเรยี นต�่ำ กว่าเกณฑ์ขั้นตำ่�ทก่ี ำ�หนด

58 ๑๒.๑.๖ ให้พจิ ารณาตดั สนิ ว่าผู้เรยี นได้หนว่ ยการเรียนเฉพาะผู้ที่สอบได้ระดับผลการเรียน ๑, ๑.๕, ๒, ๒.๕, ๓, ๓.๕ และ ๔ เท่าน้ันและมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ในกรณีท่ีไม่สามารถให้ระดับผลการเรียน เป็น ๘ ระดับไดใ้ หใ้ ช้ตวั อักษรระบเุ ง่ือนไขของผลการเรียนดังน้ี “มส” หมายถึง ผู้เรียนไม่มีสิทธิเข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผู้เรียนมีเวลาเรียนไม่ถึง รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแตล่ ะรายวิชา และไม่ได้รับการผ่อนผันใหเ้ ขา้ รบั การวัดผลปลายภาคเรียน “ร” หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินผลการเรียนไม่ได้ เน่ืองจากผู้เรียนไม่มีข้อมูลผลการเรียน รายวิชานั้นครบถ้วน ได้แก่ ไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่งงานท่ีมอบหมายให้ทำ� ซ่ึงงานน้ัน เป็นสว่ นหน่ึงของการตัดสนิ ผลการเรยี น หรอื มเี หตสุ ุดวิสัยที่ทำ�ให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้ ๑๒.๑.๗ กรณีที่ผู้เรียนมีผลการเรียนมีผลการเรียนต่ำ�กว่าเกณฑ์ที่กำ�หนด สถานศึกษาจัดให้ มีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดท่ีผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงสอบแก้ตัวได้ไม่เกิน ๒ คร้ัง ถา้ ผเู้ รยี นไมด่ �ำ เนนิ การสอบแกต้ วั ตามระยะเวลาทสี่ ถานศกึ ษาก�ำ หนดใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาทจี่ ะพจิ ารณา ขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรียน ทงั้ นีต้ ้องด�ำ เนินการให้เสร็จสิน้ ภายในปกี ารศกึ ษานั้น ๑๒.๑.๘ ถา้ สอบแกต้ วั ๒ ครั้งแลว้ ไดร้ ะดับผลการเรยี น “๐” อีกให้ปฏบิ ัติดงั นี้ ๑) ถา้ เปน็ รายวิชาที่เปน็ กลุม่ สาระพ้นื ฐานให้เรยี นซำ�้ ๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้เรียนซำ้�หรือเปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ท้ังน้ีให้อยู่ใน ดุลยพินิจของสถานศึกษา ในกรณีเปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) วา่ ให้เรยี นแทนรายวชิ าใด การเรยี นซำ�้ รายวชิ าหากผ้เู รียนไดร้ ับการสอนซอ่ มเสริมและสอบแกต้ ัว ๒ คร้ังแล้วไมผ่ ่าน เกณฑก์ ารประเมนิ ใหเ้ รยี นซ�้ำ รายวชิ านน้ั ทงั้ นใ้ี หอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาในการจดั ใหเ้ รยี นซ�ำ้ ในชว่ งใดชว่ งหนงึ่ ท่สี ถานศกึ ษาเห็นว่าเหมาะสม เชน่ พักกลางวัน วันหยดุ ชั่วโมงวา่ ง หลังเลิกเรยี น ภาคฤดรู อ้ นเป็นต้น ในกรณีภาคเรียนที่ ๒ หากผู้เรียนยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดำ�เนินการให้เสร็จส้ิน ก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อแก้ไขผลการเรียน ของผ้เู รียนได้ ๑๒.๑.๘ การตัดสินให้ระดับผลการเรียนวิชาการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ได้แก่ IS3 (การนำ�องค์ความรู้ไปบริการสังคม) ให้กำ�หนดการตัดสินเป็นรายวิชา กำ�หนดให้ระดับผลการตัดสินเป็น“ผ่าน” และ “ไม่ผา่ น” ขอ้ ๑๓ การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนใหถ้ อื แนวทางปฏิบตั ิดงั น้ี ๑๓.๑ ผู้สอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้กำ�หนดการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนเป็นผลการเรียนรู้หนึ่ง แยกต่างหากจากผลการเรียนรู้รายภาค และบันทึกข้อมูลของผลการเรียนรู้นี้ เพ่ือส่งต่อให้คณะกรรมการการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี น ๑๓.๒ ผู้สอนหรือคณะกรรมการการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน อาจมอบหมายให้ผู้เรียนไปศึกษา ค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยตนเองหรือให้ทำ�โครงงาน เลือกช้ินงานที่สะท้อนถึงการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน โดยบนั ทึกข้อมลู ของผลการศึกษาคน้ ควา้ ด้วยตนเองน้ี เพื่อส่งตอ่ ใหค้ ณะกรรมการการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น

59 ๑๓.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ ผลการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นให้ตดั สิน เปน็ รายภาค และรายช่วงชั้นเป็น ๔ กลุ่ม ดังน้ี ๐ = ไมผ่ า่ นเกณฑ์ คะแนน ๐ - ๔๙ คะแนน ๑ = ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ คะแนน ๕๐ - ๖๙ คะแนน ๒ = ดี คะแนน ๗๐ - ๗๙ คะแนน ๓ = ดีเย่ียม คะแนน ๘๐ - ๑๐๐ คะแนน ๑๓.๔ ผเู้ รียนทไ่ี ม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นให้ ผู้เรยี นซอ่ มเสริมจนกวา่ จะสามารถผา่ นการประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นหรือจนกว่าจะมคี ุณสมบัติตาม เกณฑ์ ข้อ ๑๔ การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของโรงเรียน ให้ถือปฏบิ ัติตามแนวทาง ดังนี้ ๑๔.๑ บุคลากรทั้งหมดของโรงเรียนและผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย ดำ�เนินการประเมินผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงมีวิธีการหลากหลาย เช่น การสังเกตและรายงานพฤติกรรม จากผู้ท่ีเกี่ยวข้อง การดูผลงาน การบันทึกความดี การรายงานตนเองของผเู้ รยี น ฯลฯ ๑๔.๒ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเป็นรายปีหรือรายภาค ให้ประเมินเพ่ือวินิจฉัย โดยแบง่ พฤตกิ รรมของผเู้ รยี นเปน็ ๔ กลมุ่ พรอ้ มทงั้ บนั ทกึ รายละเอยี ดเกยี่ วกบั พฤตกิ รรมเพอ่ื การสง่ ตอ่ ในการพฒั นา ผเู้ รียนต่อไป ๑๔.๓ การจัดกลุ่มคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงคข์ องผ้เู รยี นเป็น ๔ กลุ่ม ดงั น้ี ๐ = ไมผ่ ่านเกณฑ์ คะแนน ๐ - ๔๙ คะแนน ๑ = ผ่านเกณฑ์การประเมิน คะแนน ๕๐ - ๖๙ คะแนน ๒ = ดี คะแนน ๗๐ - ๗๙ คะแนน ๓ = ดเี ย่ยี ม คะแนน ๘๐ - ๑๐๐ คะแนน ๑๔.๔ ผู้เรียนท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของโรงเรียนจะต้องปฏิบัติกิจกรรม คณุ ความดชี ดเชยตามท่โี รงเรยี นกำ�หนดจนกว่าจะมีคุณสมบัติตามเกณฑท์ ีโ่ รงเรียนก�ำ หนดจึงจะใหผ้ ่านชว่ งชั้น ข้อ ๑๕ การตดั สินการเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน ให้ถอื ปฏิบตั ิตามแนวทาง ดังนี้ ๑๕.๑ ผู้รับผิดชอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของโรงเรียน และผู้เกี่ยวข้องจะดำ�เนินการประเมินผู้เรียน ตามจุดประสงค์ของกิจกรรมอย่างต่อเน่ืองตลอดช่วงเวลาของการเข้าร่วมกิจกรรมโดยการรวบรวมจากบันทึก การเข้าร่วมกิจกรรม และผลการปฏิบัติกิจกรรมจากผู้ที่เก่ียวข้อง รวมทั้งเวลาที่ผู้เรียนใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรม เม่ือสิ้นสุดกิจกรรมน�ำ มา พิจารณาตดั สินร่วมกนั ๑๕.๒ การตัดสินการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนแต่ละกิจกรรม โดยให้พิจารณาจากผลการประเมิน ซงึ่ ตอ้ งผา่ นจุดประสงค์สำ�คญั ของกจิ กรรมทุกขอ้ และมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ๑๕.๓ การให้ระดับผลการตัดสินการเข้าร่วมกิจกรรม กำ�หนดให้ระดับผลการ ประเมินเป็น“ผ่าน” และ “ไมผ่ ่าน” ๑๕.๔ ในกรณีที่ผู้เรียน “ไม่ผ่าน” การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้ผู้เรียนเข้ารับการซ่อมเสริม ให้ผู้เรียนทำ�ในส่วนในส่วนท่ีผู้เรียนไม่ได้ทำ�หรือไม่ได้เข้าร่วมจนครบถ้วนแล้วจึงเปล่ียนผลการเรียนจาก “ไม่ผ่าน” เปน็ “ผ่าน” ได้

60 ๑๕.๕ ผู้เรียนท่ีไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการประเมิน การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจะต้อง เข้าร่วมกิจกรรมเสริมท่ีโรงเรียนจัดขึ้น และสามารถผ่านเกณฑ์ที่กำ�หนดให้หรือขยายเวลาเรียนจนกว่าจะมีคุณสมบัติ ตามเกณฑก์ ารผา่ นช่วงชัน้ ขอ้ ๑๖ ผเู้ รยี นทีไ่ ดร้ ับผลการตัดสินผ่านตามเกณฑ์ จงึ จะได้รบั การเลือ่ นชน้ั การผ่านชว่ งชัน้ การจบหลักสูตร การศึกษาภาคบังคับและการจบหลกั สตู รการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน

61 หมวด ๕ การอนุมตั ิการจบหลักสูตร ขอ้ ๑๗ ผเู้ รยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓ จะไดร้ บั การพจิ ารณาใหจ้ บหลกั สตู รไดจ้ ะตอ้ ง มคี ณุ สมบตั ดิ งั นี้ ๑๗.๑ เรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพ่ิมเติม ไม่เกนิ ๘๑ หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพ้นื ฐาน ๖๓ หน่วยกติ และ รายวชิ าเพิ่มเติมตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา ๑๗.๒ ผเู้ รยี นตอ้ งไดห้ นว่ ยกติ ตลอดหลกั สตู รไมน่ อ้ ยกวา่ ๗๗ หนว่ ยกติ โดยเปน็ รายวชิ าพน้ื ฐาน ๖๓ หนว่ ยกติ และรายวิชาเพม่ิ เตมิ ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๔ หน่วยกิต (ไดร้ ะดับผลการเรยี น ๑ , ๑.๕, ๒ , ๒.๕, ๓ , ๓.๕ และ ๔) ๑๗.๓ ได้ผลการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี นสื่อความ “ผา่ นเกณฑ์ ขั้นตำ�่ ” (ไดร้ ะดบั ผลการ ประเมิน ๑, ๒ และ ๓) ๑๗.๔ ได้ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ�”(ได้ระดับผลการประเมิน ๑, ๒ และ ๓) ๑๗.๕ ไดผ้ ลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน “ผา่ น” ทุกกจิ กรรม ใหถ้ ือวา่ เปน็ ผู้ท่ีได้รับการตดั สนิ ใหผ้ า่ น ช่วงชัน้ ที่ ๓ และเปน็ ผู้จบหลักสตู รการศกึ ษาภาคบังคบั ขอ้ ๑๘ ผเู้ รยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ – ๖ จะไดร้ บั การพจิ ารณาใหจ้ บหลกั สตู รได้ จะตอ้ งมคี ณุ สมบตั ดิ งั นี้ ๑๘.๑ ผเู้ รียนเรียนรายวิชาพน้ื ฐานและเพมิ่ เติม ไม่เกิน ๘๑ หนว่ ยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๓๙ หน่วยกิต และรายวิชาเพิ่มเติมตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา ๑๘.๒ ผเู้ รยี นตอ้ งไดห้ นว่ ยกติ ตลอดหลกั สตู รไมน่ อ้ ยกวา่ ๗๗ หนว่ ยกติ โดยเปน็ รายวชิ าพนื้ ฐาน ๓๙ หนว่ ยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ไม่น้อยกว่า ๓๘ หน่วยกติ (ได้ระดบั ผลการเรียน ๑ , ๑.๕, ๒ , ๒.๕, ๓ , ๓.๕ และ ๔) ๑๘.๓ ได้ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน “ผ่านเกณฑข์ นั้ ต�ำ่ ” (ไดร้ ะดบั ผลการประเมิน ๑, ๒ และ ๓) ๑๘.๔ ได้ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “ผ่านเกณฑ์ข้ันตำ่�”(ได้ระดับผลการประเมิน ๑, ๒ และ ๓) ๑๘.๕ ไดผ้ ลการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น “ผ่าน” ทุกกิจกรรมให้ถอื ว่าเป็นผ้ทู ่ไี ดร้ ับการตัดสนิ ให้ผา่ น ชว่ งชนั้ ที่ ๔ และเปน็ ผจู้ บหลักสตู รการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ข้อ ๑๙ ใหผ้ ูอ้ ำ�นวยการสถานศกึ ษา โรงเรยี นหนองไผ่ เป็นผอู้ นุมตั ผิ ลการเรยี นและการจบหลักสูตร

62 หมวด ๖ การเทยี บโอนผลการเรยี น ข้อ ๒๐ ผู้ขอเทียบความรู้และประสบการณ์ต้องเป็นผู้ท่ีกำ�ลังเรียนอยู่ตามโครงสร้างหลักสูตร ของโรงเรียน/สถานศึกษาน้ันหรือกำ�ลังปฏิบัติประสบการณ์นั้นอยู่หรือผู้ที่สอบเทียบความรู้การศึกษานอกระบบ ผ่านมาแลว้ อยา่ งนอ้ ย ๑ ปี ข้อ ๒๑ ผูข้ อเทียบความรูแ้ ละประสบการณ์ ต้องมคี วามรู้ ประสบการณ์ ทกั ษะตรงและครอบคลุม กับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ของกลุ่มวิชารายภาค ซึ่งโรงเรียนได้จัดเป็นหลักสูตรของโรงเรียนไว้แล้ว และตรงกบั ชั้นปที ่กี ำ�ลงั จะเปดิ เรียน ข้อ ๒๒ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรเป็นผู้พิจารณาการขอเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ โดยใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร หมวด ๗ การย้ายสถานศกึ ษา ขอ้ ๒๓ ผู้เรยี นคนใดต้องยา้ ยทเ่ี รยี นให้นำ�หลักฐานจากโรงเรียนเดมิ ไปให้โรงเรยี นใหม่ ข้อ ๒๔ โรงเรียนพิจารณาหลักฐานการศึกษาของผู้เรียน แล้วจัดการเรียนการสอนสาระและมาตรฐาน การเรยี นรกู้ ลุ่มวชิ ารายปี ให้ตอ่ เนือ่ งครบถ้วนตามโครงสร้างของหลักสูตร ข้อ ๒๕ กลุ่มสาระและมาตรฐานการเรียนรู้รายภาคใด ที่ผู้ขอย้ายไม่ได้ศึกษาตามแผนการจัดการเรียน การสอนของโรงเรยี นเดมิ ใหโ้ รงเรยี นจดั สอนเพม่ิ ใหค้ รบ แตถ่ า้ ผขู้ อยา้ ยไดศ้ กึ ษามาแลว้ ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของโรงเรยี น ใหม่วา่ จะใหเ้ รยี นใหมท่ ้ังหมดหรอื เรียนใหม่ เฉพาะบางสว่ นหรอื ยกเวน้ ไมต่ อ้ งเรยี นในกรณที ใ่ี หเ้ รยี นใหมเ่ ฉพาะบางสว่ น ผลการเรยี นทไ่ี ดไ้ มม่ ผี ลตอ่ การเปลย่ี นแปลง ผลการเรียนจากโรงเรยี นเดมิ ข้อ ๒๖ ผู้เรียนที่ทำ�การย้ายสถานศึกษา ต้องผ่านการทดสอบความพร้อมด้วยวิธีการและเครื่องมือ ที่หลากหลาย โดยครอบคลุมทุกกลุ่มสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ และผ่านเกณฑ์การประเมินของโรงเรียน ทกี่ ำ�หนดไว้ โดยมีคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรเปน็ ผดู้ ูแล

63 เกณฑ์การเลื่อนชนั้ /จบการศกึ ษา แนวทางการประเมินผลการเรียน ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 พ.ศ. 2561 โรงเรียนหนองไผ่ อำ�เภอหนองไผ่ จงั หวัดเพชรบูรณ์ การประเมินความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น น�ำ้ หนกั คะแนน การอ่าน , คดิ วเิ คราะห์ , เขยี นสอ่ื ความ (100 คะแนน) กล่มุ สาระการเรยี นรู้ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ เขียน ภาษาไทย 30 35 35 ภาษาตา่ งประเทศ 40 30 30 วทิ ยาศาสตร์ 20 50 30 คณติ ศาสตร์ 20 50 30 40 30 30 สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม 30 40 30 ศลิ ปะ 30 40 30 20 60 20 สขุ ศกึ ษาและพลานมยั การงานและพืน้ ฐานอาชีพและเทคโนโลยี การอ่าน - สรปุ ใจความสำ�คัญจากเรือ่ งทอ่ี ่านได้ การคิดวเิ คราะห์ - เลือกใช้ข้อมลู ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง และน�ำ เสนอเป็นสาระสนเทศได้ การเขยี น - เขียนส่อื ความหมายได้ชัดเจนถูกต้อง เกณฑก์ ารตดั สินผลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ใหต้ ดั สินเปน็ รายปี (ม.1-3) และตดั สนิ เปน็ รายภาค (ม.4-6) และรายชว่ งชนั้ เปน็ 4 กลุ่ม ดังน้ี 0 = ไม่ผ่านเกณฑ์ คะแนน 0 - 49 คะแนน 1 = ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน คะแนน 50 - 69 คะแนน 2 = ดี คะแนน 70 - 79 คะแนน 3 = ดีเย่ยี ม คะแนน 80 - 100 คะแนน

64 ในกรณีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินให้คณะกรรมการกลุ่มสาระดำ�เนินการซ่อมเสริม โดยการสอน ทดสอบ หรือมอบหมายงานในทักษะที่ไม่ผ่านเกณฑ์ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการการซ่อมเสริมทักษะ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน การประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องสถานศึกษา การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น เปน็ เงื่อนไขหนงึ่ ท่ผี ู้เรียนทกุ คนจะต้องไดร้ บั การประเมิน ผา่ นเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำ หนด จึงจะได้รับการตดั สินใหผ้ า่ นการประเมินตามเกณฑ์การผ่านช่วงช้นั การประเมิน ดงั กล่าวเป็นการพฒั นาผู้เรียนเพม่ิ เติมจากคณุ ลักษณะท่กี ำ�หนดในกลุ่มสาระการเรียนร้ทู ุกกลุ่ม เพ่ือสร้างเอกลกั ษณ์ เกย่ี วกบั คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และวฒั นธรรมในการดำ�รงชวี ติ สามารถประกอบรว่ มกบั ผู้อื่นอย่างมีความสขุ ท้ังน้ี การประเมินดังกล่าวจะต้องกำ�หนดมาตรฐานคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ของสถานศึกษา และแจ้งใหผ้ เู้ ก่ยี วข้องทุกฝ่ายทราบและมสี ว่ นร่วมในการประเมนิ ดว้ ย การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้เรยี นมแี นวทางในการด�ำ เนนิ การประเมินและตดั สนิ ดังนี้ บคุ ลากรทัง้ หมดของสถานศึกษาและผู้เกย่ี วข้องทกุ ฝ่าย ดำ�เนินการประเมินผู้เรยี นอยา่ งต่อเน่อื ง ซงึ่ มีวธิ ีการ ใหห้ ลากหลาย เช่น การสังเกตและรายงานพฤตกิ รรมจากผู้ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง การดูผลงาน การบนั ทึกความดี การรายงาน ตนเองของผเู้ รยี น ฯลฯ การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี นเปน็ รายภาคใหป้ ระเมนิ เพอ่ื วนิ จิ ฉยั โดยแบง่ พฤตกิ รรมของผู้เรียนเป็น 4 กลุ่ม พรอ้ มท้งั บันทึกรายละเอยี ดเกี่ยวกบั พฤติกรรม เพ่อื การส่งตอ่ ในการพฒั นาผเู้ รยี น ต่อไป 3. การจัดกลุ่มคุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ของผู้เรยี นเปน็ 4 กล่มุ ดังนี้ 3 = “ดีเยย่ี ม” มพี ฤตกิ รรมสงู กว่าเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษาก�ำ หนดมาก 2 = “ด”ี มีพฤตกิ รรมสูงกว่าเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากำ�หนด 1 = “ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ” มีพฤตกิ รรมตามเกณฑข์ ้ันต�ำ่ ท่สี ถานศึกษาก�ำ หนด 0 = “ควรปรบั ปรงุ ” มพี ฤติกรรมบางประการท่ีต้องปรับปรุง 4. ผู้เรยี นท่ีไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมินคณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงคข์ องโรงเรียนจะตอ้ งปฏบิ ัติ กิจกรรมคุณความดีชดเชยตามที่โรงเรียนกำ�หนดจึงจะให้ผ่านช่วงช้ัน หากผู้เรียนยังไม่สามารถปฏิบัติ ตามเง่ือนไขที่กำ�หนด ให้ผู้เรียนขยายเวลาเรียนออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี/ภาคเรียน หรือจนกว่าจะมีคุณสมบัติ ตามเกณฑก์ ารผ่านชว่ งชัน้ คณุ ลักษณะอันพึงประสงคข์ องโรงเรียนหนองไผ่ มเี กณฑ์ ดังน้ี คือ 0 = ไม่ผา่ นเกณฑ์ คะแนน 0 - 49 คะแนน 1 = ผา่ นเกณฑ์การประเมิน คะแนน 50 - 69 คะแนน 2 = ดี คะแนน 70 - 79 คะแนน 3 = ดีเยีย่ ม คะแนน 80 - 100 คะแนน ในกรณี “ไมผ่ ่าน” แนวปฏิบตั กิ ารปรับปรุง

65 1. ท�ำ คณุ ความดชี ดเชยตามที่โรงเรยี นกำ�หนด 2. ผเู้ รียนที่ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของโรงเรียนจะตอ้ งปฏบิ ัตกิ ิจกรรมคณุ ความดี ชดเชยตามทโ่ี รงเรียนก�ำ หนดจึงจะให้ผา่ นชว่ งชั้น จนกว่าจะมีคณุ สมบตั ิตามเกณฑ์การผา่ นชว่ งชัน้ ตาราง การก�ำ หนดเกณฑอ์ ตั ราส่วนคะแนน การประเมนิ ผล ระหว่างภาคเรียน/ปี และ ปลายภาคเรียน/ปี กล่มุ สาระการเรียนร้ทู กุ ระดบั ชั้น กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิชาพนื้ ฐาน วิชาเพมิ่ เตมิ ภาษาไทย 70-30 60-40 คณติ ศาสตร์ 70-30 70-30 วทิ ยาศาสตร์ 70-30 70-30 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 70-30 70-30 สขุ ศึกษาและพลศึกษา 80-20 80-20 ศลิ ปะ 80-20 80-20 การงานอาชพี และเทคโนโลยี 80-20 80-20 ภาษาตา่ งประเทศ 70-30 70-30 แนวปฏิบตั ิการลงทะเบียนและการเรียนซ�ำ้ ปีการศกึ ษา 2566 คุณสมบัตินกั เรยี นที่เรียนซ�ำ้ 1. สถานภาพเป็นนกั เรียนโรงเรยี นหนองไผ่ 2. ผา่ นการสอบแกต้ ัวตามระเบยี บวัดและประเมินผลโรงเรียนหนองไผ่ 3. ยังมผี ลการสอบแกต้ ัว ระดบั ผลการเรยี นเรียน 0 ตัง้ แต่ 1 รายวิชาขน้ึ ไป 4. มีผลการเรียนเฉลีย่ ของปที ่ผี า่ นมาต่ำ�กวา่ 1.00 การลงทะเบียนเรยี นซ�ำ้ 1. ตดิ ตอ่ ขอรับแบบค�ำ รอ้ งเรียนซำ้�ทหี่ ้องวดั และประเมินผล 2. ย่นื แบบคำ�ร้องท่หี ้องวัดและประเมินผลภายในระยะเวลาทกี่ ำ�หนดในแตล่ ะภาคเรยี น/รายปี 3. ผูป้ กครองและนกั เรยี นต้องเขา้ รว่ มประชุมรับทราบแนวปฏบิ ตั ิ จำ�นวน 1 วัน

66 การเรียนซ้ำ� 1.นกั เรยี นตดิ ตอ่ ครผู สู้ อน หรอื ครทู หี่ วั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรมู้ อบหมายในรายวชิ านน้ั ๆ เพอ่ื รบั มอบหมายงาน และแนวปฏบิ ัตใิ นการเรยี นซำ�้ 2.นกั เรยี นปฏบิ ตั ิตามทคี่ รมู อบหมายงานและหรอื เขา้ เรียนตามทค่ี รูผูส้ อนกำ�หนด 3.นกั เรยี นเขา้ ร่วมกิจกรรมตามทคี่ รผู กู้ �ำ หนดตลอดรายภาค / รายปี การตดั สนิ ผลการเรยี น เมอื่ นกั เรยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรยี นการสอนตลอดภาคเรยี น/รายปี ครผู สู้ อนจะตดั สนิ ผลการเรยี นนกั เรยี น ตามระเบียบการวัดและประเมินผล มีเวลาเรยี นไมต่ ำ่�กว่าร้อยละ 80 1 ผลการเรียนขั้นต่�ำ คะแนน 50-54 ผ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน โดยมเี วลาเรียนเข้าร่วมกิจกรรม ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทง้ั หมด และผา่ นทุกจุดประสงคข์ องการจดั กจิ กรรม การแตง่ กายนักเรียน นกั เรยี นแตง่ กายตามแบบฟอรม์ ของโรงเรยี นและยดึ ถือปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บของทางโรงเรียนหนองไผ่ การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน ร่วมกำ�หนดกิจกรรมการเรียนการสอนและแนวปฏิบัติร่วมกัน โดยจดั กจิ กรรมในการจดั กิจกรรมตลอดภาคเรียน/รายปี ทมี่ กี ารลงทะเบียนเรียนซ�ำ้ ดงั นี้ 1. ก�ำ หนดวนั เวลา สถานท่ี จัดกจิ กรรมการเรียนการสอน 2. กำ�หนดภาระงาน 3. นดั หมายการสง่ งานที่มอบหมาย 4. ด�ำ เนนิ การเรยี นซำ�้ ตลอดภาคเรยี น/รายปี การส่งเอกสารแบบบนั ทึกฯ สง่ ทหี่ อ้ งวดั และประเมินผล ม.ต้น ภาคเรียนที่ 1 1-6 ตุลาคม ของทุกปี ภาคเรียนที่ 2 1-4 มีนาคม ของทุกปี ม.ปลาย ภาคเรยี นท่ี 1 1-6 ตลุ าคม ของทกุ ปี ภาคเรียนท่ี 2 1-4 มนี าคม ของทุกปี

67 ข้อปฏบิ ัตใิ นการขอเอกสารหลักฐานทางการศกึ ษา ระเบียบการขอเอกสาร งานทะเบียนนักเรยี นโรงเรยี นหนองไผ่ 1. การออกใบรับรองผลการเรียนและการเป็นนักเรยี น (ปพ.7) 1.1 ขอแบบค�ำ รอ้ งทห่ี อ้ งทะเบยี น - กรอกรายละเอยี ดในค�ำ ร้องใหค้ รบและถกู ต้อง - เขียนรายละเอียดให้ชัดเจนและอ่านง่าย - แนบรปู ถ่ายสี (ไมอ่ ดั รูปถา่ ยด้วยระบบโพลารอยด์ หรอื เคลือบกันน้ำ�) ขนาด 1.5 น้ิว จ�ำ นวน 1 รูป ต่อเอกสาร 1 ฉบบั 1.2 ย่ืนคำ�ร้องท่งี านทะเบียนนักเรียน 1.3 ตอ้ งยืน่ คำ�รอ้ งล่วงหนา้ อยา่ งนอ้ ย 3 วัน (ไม่นบั วันหยดุ ราชการ) 2. การออกใบระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.1 ฉบับส�ำ เนา) 2.1 ขอแบบคำ�รอ้ งทหี่ ้องทะเบยี น - กรอกรายละเอียดในคำ�ร้องใหค้ รบและถกู ตอ้ ง - เขยี นรายละเอียดให้ชดั เจนและอ่านงา่ ย - ไม่ตอ้ งแนบรปู ถา่ ย 2.2 ยื่นค�ำ รอ้ งทีง่ านทะเบียนนักเรยี น 2.3 ตอ้ งยืน่ ค�ำ ร้องลว่ งหน้าอยา่ งนอ้ ย 3 วัน (ไมน่ ับวันหยุดราชการ) 3. การย้ายออกจากสถานศึกษา 3.1 ยืน่ คำ�ร้องขอระเบยี นแสดงผลการเรยี น (ปพ.1 ฉบบั ส�ำ เนา) 3.2 ติดตอ่ โรงเรยี นท่ตี ้องการยา้ ยเขา้ และโรงเรียนทีต่ อ้ งการยา้ ยเขา้ ยนื ยันรับยา้ ยเขา้ เรียน 3.3 ผู้ปกครองและนักเรยี นขอแบบค�ำ รอ้ งลาออกทหี่ อ้ งทะเบยี น - กรอกรายละเอยี ดในค�ำ รอ้ งใหค้ รบและถกู ตอ้ ง - เขยี นรายละเอยี ดให้ชดั เจนและอา่ นง่าย (ผู้ปกครองลงนาม/ตรวจสอบการช�ำ ระคา่ บ�ำ รงุ การศกึ ษาทห่ี ้องการเงนิ /ครูทป่ี รกึ ษาลงนาม/ตรวจสอบการคา้ งส่งหนงั สือห้องสมดุ ) - แนบรูปถา่ ยสี (ไม่อดั รปู ถ่ายดว้ ยระบบโพลารอยด์ หรือเคลอื บกนั นำ้�) ขนาด 1.5 นิ้ว จำ�นวน 2 รปู และเขียนชือ่ -นามสกลุ ไวด้ า้ นหลงั รปู ถา่ ย 3.4 ยืน่ คำ�รอ้ งทง่ี านทะเบยี นนกั เรยี น 3.5 ตอ้ งยื่นคำ�ร้องลว่ งหนา้ อยา่ งนอ้ ย 3 วัน (ไม่นบั วันหยุดราชการ)

68 4. การขอมีบัตรประจ�ำ ตัวนกั เรยี น (กรณีชำ�รดุ หรอื หาย) 4.1 ขอแบบค�ำ รอ้ งท่ีหอ้ งทะเบยี น - กรอกรายละเอยี ดในค�ำ ร้องให้ครบและถกู ต้อง - เขียนรายละเอยี ดให้ชดั เจนและอา่ นงา่ ย - แนบรูปถ่ายสี (ไมอ่ ดั รปู ถ่ายดว้ ยระบบโพลารอยด์ หรอื เคลือบกนั น้�ำ ) ขนาด 1 น้ิว จ�ำ นวน 1 รปู 4.2 ยนื่ ค�ำ รอ้ งท่ีงานทะเบียนนกั เรียน 4.3 ตอ้ งยนื่ คำ�ร้องลว่ งหน้าอย่างน้อย 3 วัน (ไม่นบั วนั หยดุ ราชการ) 5. การขอวฒุ กิ ารศึกษา ฉบบั ท่ี 2 สำ�หรับผ้ทู ่สี �ำ เร็จการศึกษาแล้ว (กรณีชำ�รุดหรอื สูญหาย) 5.1 แจ้งความวุฒิการศึกษาหายต่อเจา้ หน้าทต่ี �ำ รวจ 5.2 ขอแบบคำ�รอ้ งที่ห้องทะเบยี น - กรอกรายละเอยี ดในค�ำ ร้องใหค้ รบและถกู ต้อง - เขียนรายละเอียดใหช้ ัดเจนและอ่านง่าย - แนบรูปถา่ ยสี สวมเสื้อเชติ้ สีขาว ไมป่ ักข้อความใดๆ (ไมอ่ ดั รปู ถา่ ยด้วยระบบโพลารอยด์ หรอื เคลือบกนั น�ำ้ ) 1) กรณีจบการศกึ ษากอ่ นปี 2547 ใชร้ ปู ถา่ ยขนาด 2 นว้ิ จำ�นวน 2 รปู 2) กรณีจบการศึกษาต้ังแตป่ ี 2547 ใช้รปู ถ่ายขนาด 1.5 น้ิว จ�ำ นวน 2 รปู 5.3 ช�ำ ระเงินคา่ ธรรมเนียม 50 บาท ท่ีห้องการเงิน 5.4 ยื่นคำ�ร้องท่งี านทะเบยี น พร้อมแนบใบเสรจ็ รบั เงิน และหลกั ฐานแจง้ ความ 5.5 ต้องยืน่ คำ�ร้องล่วงหนา้ อย่างน้อย 5 วัน (ไม่นับวนั หยุดราชการ)



69 กลมุ่ บรหิ ารงานกิจการนกั เรยี น ระเบียบโรงเรยี นหนองไผ่ ว่าดว้ ยการปกครองนักเรียน พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยเป็นการสมควรก�ำ หนดข้อปฏิบตั ิ และขอ้ หา้ มปฏบิ ตั ิ ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปจั จบุ นั และการปฏิบตั ติ น ของนกั เรียนเปน็ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย อาศยั ตามความในมาตรา ๓๙ (๑) แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการ กระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศยั อำ�นาจตามระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ าร ว่าดว้ ยการยกเลิกระเบยี บกระทรวง ศึกษาธิการ ว่าดว้ ยการไวท้ รงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 พ.ศ. 2566 อาศยั อำ�นาจตามระเบียบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร วา่ ดว้ ยการลงโทษนกั เรยี นและนกั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และความในมาตรา ๖ และมาตรา ๖๕ แหง่ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครอง เดก็ พ.ศ. ๒๕๔๖ โรงเรยี นหนองไผ่ จึงวางระเบียบการปกครองนักเรยี นขนึ้ เพื่อให้นกั เรียนถือปฏิบตั ิ ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ ๑ ระเบียบน้เี รียกว่า “ระเบยี บโรงเรียนหนองไผ่ วา่ ดว้ ยการปกครองนกั เรยี น พ.ศ. ๒๕๖๖” ขอ้ ๒ ระเบียบนี้ให้ใชบ้ งั คับต้ังแต่วนั ถัดจากวนั ประกาศเป็นตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ ระเบยี บโรงเรียนหนองไผว่ า่ ดว้ ยการปกครองนกั เรยี น พ.ศ. ๒๕๕๓ (แกไ้ ขเพิม่ เตมิ พ.ศ.๒๕๖๓) และยกเลกิ ระเบียบทรงผมนกั เรยี น พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๔ ให้ผูอ้ �ำ นวยการสถานศกึ ษา หรือรองผ้อู �ำ นวยการกลุ่มบรหิ ารงานกิจการนกั เรียน รกั ษาการใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บนี้ ข้อ ๕ “ผูอ้ �ำ นวยการสถานศึกษา” หมายความว่า ผู้อำ�นวยการโรงเรียนหนองไผ่ “คร”ู หมายความว่า ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา โรงเรียนหนองไผ่ “ผู้ปกครอง” หมายความว่า บิดา – มารดา ผ้ปู กครองตามกฎหมายหรือบคุ คลที่รบั นักเรียนไว้ใน ความปกครอง หรอื ผอู้ ปุ การะเลี้ยงดู “นักเรยี น” หมายความว่า บคุ คลซง่ึ ก�ำ ลงั ศึกษาอยู่ในโรงเรยี นหนองไผ่ “การกระท�ำ ความผิด” หมายความว่า การทน่ี ักเรียนประพฤตฝิ ่าฝนื ระเบยี บขอ้ บังคับของ โรงเรียนหนองไผ่ ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการหรือกฎกระทรวงว่าดว้ ยการส่งเสรมิ ความประพฤติ ของนกั เรียนนักศึกษา “การลงโทษ” หมายความวา่ การลงโทษนกั เรียนทกี่ ระทำ�ผิดระเบยี บ ข้อบังคบั โดยมีความมุ่งหมาย เพ่อื การอบรมสั่งสอนให้เปน็ คนดี

70 กล่มุ บรหิ ารงานกจิ การนกั เรยี น หมวดท่ี ๑ การแตง่ กายของนกั เรียน ขอ้ ๖ การแตง่ กายของนักเรียนชาย ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๑. เสอ้ื ๑.๑ ใช้เสื้อเชิ้ตสขี าวแขนส้ัน คอปกไม่มีกระดุมหรือรงั ดุมไม่มีจบี หลัง ๑.๒ มีสาบหน้าอกกว้างประมาณ ๓-๕ เซนติเมตร กระดมุ ขาวกลมมเี ส้นผ่าศูนยก์ ลาง ๑ เซนติเมตร ๑.๓ มีกระเปา๋ หนา้ อกดา้ นซ้ายขนาดกว้าง ๘ - ๑๒ เซนติเมตรลึกประมาณ ๑๐ – ๑๕ เซนตเิ มตร ๑.๔ ทหี่ น้าอกดา้ นขวา ปัก น.ผ. ขนาด ๑.๕ เซนติเมตร ใต้ น.ผ. ปกั เลขประจำ�ตวั ดว้ ยเลขไทย ขนาด ๐.๘ เซนติเมตร เหนือกระเปา๋ ด้านซา้ ยใหป้ กั ชอ่ื และช่อื สกลุ ด้วยไหมสีนำ�้ เงิน ตัวอักษร ขนาด ๐.๘ เซนติเมตร และปกั จุดบอกระดบั ชน้ั ด้วยไหมสชี มพเู หนือชื่อ – ช่ือสกุล ถา้ ชน้ั ม. ๑ ปัก ๑ จดุ , ม. ๒ ปกั ๒ จุด, และ ม. ๓ ปัก ๓ จดุ ๒. กางเกง ๒.๑ ใชก้ างเกงขาส้ันสีกากมี จี ีบไม่เยบ็ ตาย ไม่หลวมหรอื คับจนเกนิ ไป ๒.๒ มหี ูกางเกงขนาด ๔ – ๕ เซนติเมตร จ�ำ นวน ๗ หู สาบหนา้ มซี ิบยาวเกือบถึงกระเป๋า ไม่มีกระเปา๋ หลงั ๒.๓ เม่อื ยืนตรง ขอบลา่ งของขากางเกงยาวเหนือสะบา้ ไม่เกิน ๕ เซนตเิ มตร ๒.๔ ปลายขาพับเข้าข้างใน ยาว ๕ เซนติเมตร ๒.๕ ปลายขากว้างเมอ่ื สวมใส่ ดึงวัดเหลอื ประมาณ ๘ – ๑๒ เซนติเมตร ๒.๖ เมื่อสวมกางเกง เอวอย่ใู นแนวสะดือ และสวมทับเสอ้ื ๓. เข็มขัด ๓.๑ เข็มขัดหนังสนี ำ้�ตาล หรอื เขม็ ขัดลกู เสือกว้างประมาณ ๓ – ๔ เซนติเมตร ไมม่ ีลวดลายหรือประดับสิง่ ตา่ งๆ ๓.๒ หัวเขม็ ขดั เปน็ หัวทองเหลอื งสีเ่ หล่ียมผนื ผา้ ชนดิ หวั กลดั ปลายบนเจาะรู ๑ แถว มคี วามยาวพอประมาณ ควรใสห่ กู างเกงหทู ี่ ๒ ไดแ้ ละไมต่ ัดปลาย ๓.๓ คาดเขม็ ขัดพอตงึ มองเหน็ ชัด ๔. รองเท้า ๔.๑ รองเท้าหนังหรือผา้ ใบสนี �้ำ ตาลล้วน หุ้มสน้ ชนิดมีเชือกร้อย มรี ปู ระมาณ ๕ รู และใช้เชือกสเี ดียวกบั รองเท้าหา้ มใชร้ องเท้าชนดิ มีขอบสีขาวหรือสีอ่ืน ๆ ๔.๒ รองเท้ามีส้นสงู ไม่เกิน ๓ เซนตเิ มตร ไมห่ ้มุ ข้อ ๕. ถุงเท้า ๕.๑ ถงุ เท้าสนี ำ�้ ตาล ท�ำ ด้วยดา้ ยหรอื สักหลาด ไม่มลี วดลาย มคี วามยาวถงึ ครึ่งนอ่ ง ไมม่ ้วนหรือพบั

71 ๖. ทรงผม กำ�หนดทรงผมนกั เรียนชาย ดังนี้ ๖.๑ กรณไี วผ้ มสั้น ผมเกรียนรอบศรี ษะ ด้านหน้ายาวไมเ่ กนิ 4 เซนติเมตร ๖.๒ กรณีไว้ผมยาว รองทรงกลางถงึ รองทรงสูง โดยตัดเกรียนติดหนงั ศีรษะต้ังแตต่ ีนผมไลร่ ะดับ จนถงึ ส่วนกลาง/บน ของศรี ษะ ผมดา้ นบน และด้านหนา้ ยาวไม่เกนิ 5 เซนติเมตร เหมาะสมกบั สภาพนกั เรยี น ๖.๓ ไม่อนุญาตใหไ้ วห้ นวดเครา ๖.๔ ไม่อนญุ าตใหย้ อ้ มหรือเปลย่ี นสผี มหรอื ใช้นำ้�มนั ใส่ผม เจล หรืออุปกรณอ์ ่นื ๆ ๖.๕ ห้ามไวจ้ อน หรือกนั จอน ๖.๖ ห้ามตัดแต่งทรงผมเปน็ รปู ทรงสญั ลกั ษณ์ หรอื เปน็ ลวดลาย ๗. การแตง่ กายชดุ พลศึกษา ๗.๑ ให้แต่งในวันที่มีการเรียนการสอนวิชาพลศกึ ษา หรอื ตามวันทที่ างโรงเรียนนดั หมาย ๗.๒ ใหใ้ ชถ้ ุงเทา้ และรองเทา้ นักเรียนเท่านั้น ๗.๓ กางเกง และเสื้อพลศกึ ษาตามทีโ่ รงเรียนกำ�หนด ๘. หา้ มใส่เคร่ืองประดับใด ๆ ทงั้ ส้ิน เชน่ แหวน สรอ้ ยคอทองค�ำ สรอ้ ยข้อมอื และตา่ งหู ยกเวน้ นาฬกิ า ๙. กระเป๋านักเรยี น ให้ใชก้ ระเป๋านักเรยี นมตี รา และช่ือของโรงเรยี น หา้ มใชถ้ ุงกระดาษ พลาสติก หรือกระเปา๋ สอี ื่นเป็นเดด็ ขาด ข้อ ๗ การแตง่ กายของนกั เรียนหญิง ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๑. เส้ือ ๑.๑ ใชผ้ า้ สขี าว ไม่บางจนเกนิ ไป แบบคอพบั คอกะลาสเี รอื พับในตัว สาบเขา้ ข้างใน สว่ นบนสาบให้ใหญ่ พอแบะคอแลว้ ไมเ่ ห็นตะเขบ็ ข้างใน ปกขนาด ๑๐ เซนติเมตร ๑.๒ ปลายแขนเส้อื จีบขา้ งละ ๓ จบี ประกอบดว้ ยผ้า ๒ ชิ้น กว้าง ๓ เซนตเิ มตร แขนยาว เหนือขอ้ ศอกพอประมาณ ชายเส้ือดา้ นลา่ งพบั ไม่เกิน ๓ เซนตเิ มตร มีกระเป๋าด้านขวา กวา้ ง ๕ - ๙ เซนตเิ มตร ยาว ๗ - ๑๐ เซนติเมตร ๑.๓ ใช้คอซองสกี รมท่าหรือสนี �ำ้ เงิน ผกู เงอ่ื นกะลาสี กวา้ ง ๗ เซนติเมตร ยาว ๕๐ - ๘๐ เซนตเิ มตร (อยู่ระดับเม็ดกระดมุ เมด็ แรก) ทห่ี นา้ อกด้านขวาปกั น.ผ. ขนาด ๑.๕ เซนตเิ มตร ใต้ น.ผ. ปกั เลขประจำ�ตวั ด้วยเลขไทย ขนาด ๐.๘ เซนตเิ มตร เหนอื กระเปา๋ ดา้ นซา้ ยใหป้ กั ชื่อ และชอ่ื สกุลดว้ ยไหมสีนำ�้ เงินตวั อกั ษรภาษาไทยขนาด ๐.๘ เซนตเิ มตร และปกั จดุ บอกระดับชั้นด้วยไหมสีชมพเู หนอื ช่ือ – ช่ือสกุล ถา้ ช้ัน ม. ๑ ปกั ๑ จุด, ม. ๒ ปกั ๒ จดุ และ ม. ๓ ปัก ๓ จุด ๑.๔ ให้ใส่เสือ้ ซับด้านในสขี าว

72 ๒. กระโปรง ๒.๑ ใช้กระโปรงสีกรมท่าไม่มีลวดลาย ด้านหนา้ และด้านหลงั พบั เป็นกลบี ดา้ นละ ๓ กลีบ ดา้ นนอกพบั ตเี กลด็ ลงมาประมาณ ๖ - ๑๒ เซนตเิ มตร เวน้ ระยะความกวา้ งตรงกลาง พอประมาณ ๒.๒ ปลายกระโปรงพับเขา้ ข้างในยาว ๕ เซนตเิ มตร เม่อื สวมใสแ่ ล้วยนื ตรง ยาวใต้เข่าลงไป ยาวประมาณ ๑๐ เซนติเมตร ๓. รองเทา้ ใหใ้ ช้รองเท้าหนังสดี ำ� มีสายรัดหลังเทา้ ไมม่ ลี วดลาย ไม่ประดบั ตกแต่งปลายเท้า ชนดิ หนา สน้ รองเท้าเท้าสงู ไมเ่ กิน ๓ เซนติเมตร ๔. ถงุ เทา้ ใหใ้ ชถ้ งุ เท้าสีขาวล้วน ท�ำ ด้วยดา้ ยหรือสักหลาด ไมม่ ีลวดลาย หรอื ถุงเท้าสีขาวพ้นื สีเทาหรอื ดำ� ท�ำ ด้วยดา้ ย หรือสกั หลาด ไมม่ ลี วดลาย ให้พบั เหนือข้อเท้า ประมาณ ๔-๕ เซนติเมตร ๕. ทรงผม กำ�หนดทรงผมนักเรยี นหญงิ ดงั นี้ ๕.๑ กรณไี วผ้ มสน้ั ผมยาวเสมอกนั รอบศรี ษะโดยใหค้ วามยาวเสมอรมิ ฝปี ากลา่ งหรอื ต�่ำ กวา่ ริมฝีปากล่างลงมา ๑ เซนตเิ มตร ติดกิ๊บสีด�ำ แบบลวด หรือไมต่ ิดกไ็ ด้ ไม่รวบหรอื มดั ไมถ่ ักเปยี กรณไี วผ้ มหนา้ มา้ ผมหนา้ มา้ ตอ้ งยาวเสมอค้วิ และในกรณที ่มี ลี ูกผมหรือปอยผม ใหต้ ดิ กิบ๊ สดี �ำ แบบลวด ๕.๒ กรณไี วผ้ มยาว ให้รวบมัดตึงกลางศรี ษะ ใช้ยางมดั ผมสดี ำ�และผกู ดว้ ยรบิ บิ้นแพรสีกรมท่า ขนาด ๑ น้วิ ผกู เปน็ โบว์ โดยหางของรบิ บ้ินยาวไมเ่ กนิ คร่ึงหนึ่งของผม ห้ามใชก้ บ๊ิ โบวส์ �ำ เรจ็ รูป ความยาวผมดา้ นหลงั วดั จากขอบบนปกเสือ้ ยาวไม่เกนิ ๒๕ เซนติเมตร กรณไี ว้ผมหนา้ ม้า ผมหน้าม้าต้องยาวเสมอคว้ิ ๕.๓ หา้ มดัดผม ๕.๔ หา้ มซอยผม ๕.๕ หา้ มย้อมหรอื เปล่ยี นสีผมหรือใชน้ ้�ำ มนั ใส่ผม เจล หรืออุปกรณอ์ น่ื ๆ ๕.๖ ไม่อนุญาตใหถ้ ักเปยี ๖. ห้ามแต่งหนา้ ๗. ห้ามใสเ่ คร่ืองประดบั ใด ๆ ทั้งส้ิน เชน่ แหวน สร้อยคอทองค�ำ สร้อยข้อมอื และต่างหู ยกเว้นนาฬกิ า ๘. การแต่งกายชุดพลศกึ ษา ๘.๑ ใหแ้ ต่งในวนั ทม่ี กี ารเรียนการสอนวิชาพลศึกษา หรือตามวันทท่ี างโรงเรียนนดั หมาย ๘.๒ ใหใ้ ช้ถงุ เทา้ สขี าวล้วน ทำ�ดว้ ยดา้ ยหรือสกั หลาด หรอื ถุงเทา้ สขี าวพ้นื สีเทาหรือดำ� ท�ำ ด้วยดา้ ย หรือสักหลาดและรองเทา้ สขี าวเท่านั้น ๘.๓ กางเกง และเสือ้ พลศกึ ษาใช้ตามท่โี รงเรยี นก�ำ หนด ๙. กระเป๋านกั เรยี น ใหใ้ ช้กระเปา๋ นกั เรียนมตี รา และชื่อของโรงเรียน ห้ามใช้ถุงกระดาษ พลาสติก หรือกระเป๋าสอี ืน่ เป็นเด็ดขาด

73 ขอ้ ๘ การแตง่ กายของนกั เรยี นชาย ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๑. กางเกง ให้ใชก้ างเกงขาสนั้ สีดำ� ไม่หลวมหรอื คับจนเกินไป มจี ีบขา้ งหนา้ ข้างละ ๒ จีบ ไมเ่ ยบ็ ตาย มหี ูขนาด ๐.๘ เซนตเิ มตร ขอบล่างยาวเหนือสะบา้ หวั เข่าไม่เกนิ ๕ เซนตเิ มตร เมื่อยืนตรงปลายขากางเกงกว้างเมอื่ สวมใสต่ งึ วัดเหลือประมาณ ๘ – ๑๒ เซนติเมตร ปลายขาพับเขา้ ข้างใน ๕ เซนติเมตร ไม่มกี ระเปา๋ หลัง มกี ระเป๋าตรงตามตะเข็บข้าง ๆ ละ ๑ กระเปา๋ เมอ่ื สวมขอบกางเกงอยู่ในแนวระดบั สะดอื และสวมทับเสือ้ สาบหน้ามีซบิ สาบยาวถงึ เป้า ๒. เส้ือ ให้ใช้เสอ้ื เชิต้ สขี าวแขนสน้ั มีสาบหนา้ อกกวา้ งประมาณ ๓ - ๕ เซนติเมตร กระดุมสีขาว กลมแบน เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางยาว ๑ เซนติเมตร คอปกไม่มกี ระดุม แขนพับเดนิ ตะเข็บเดยี ว แขนไม่ผา่ แขนสนั้ เหนือข้อศอกพองาม มีกระเป๋าทางอกด้านซ้าย ๑ กระเปา๋ ขนาดกว้าง ๘ - ๑๒ เซนตเิ มตร ลึกขนาด ๑๐ - ๑๕ เซนติเมตร ไมม่ จี ีบหลัง ท่หี น้าอกด้านขวา ปกั น.ผ. ขนาด ๑.๕ เซนตเิ มตร ใหอ้ ยู่ระดับเดียวกนั กบั ชื่อ – สกุล ใต้ น.ผ. ปักเลขประจำ�ตวั ด้วยเลขไทย ขนาด ๐.๘ เซนตเิ มตร เหนือกระเปา๋ ด้านซา้ ยใหป้ กั ชอื่ และชอ่ื สกุลด้วยไหมสีน�้ำ เงิน ตวั อกั ษร ภาษาไทยขนาด ๐.๘ เซนติเมตร และปกั จดุ บอกระดับชั้นดว้ ยไหมสีนำ�้ เงินเหนอื ชื่อ - ชอ่ื สกลุ ช้ัน ม. ๔ ปกั ๑ จดุ , ม.๕ ปัก ๒ จดุ และ ม.๖ ปกั ๓ จุด ๓. เขม็ ขัด ให้ใช้เข็มขดั หนงั สดี ำ� กว้างประมาณ ๓ - ๔ เซนติเมตร ไม่มลี วดลายขดี เขียนหรือประทับ ส่งิ ใด ๆ เจาะรู ๑ แถว ไมต่ ัดปลายเข็มขัด หวั เข็มขดั เปน็ โลหะสีเงินส่เี หลย่ี มผืนผ้าชนดิ หัวกลดั ความยาวพอสอดใส่หกู างเกงท่ี ๒ ได้ ๔. รองเท้า ให้ใชร้ องเทา้ หนงั หรอื รองเทา้ ผ้าใบสีด�ำ หมุ้ ส้นมเี ชือกรอ้ ยประมาณ ๕ รู เชือกรอ้ ยสีเดียวกบั รองเท้า ส้นรองเท้าสงู ไมเ่ กิน ๓ เซนติเมตร ๕. ถุงเท้า ให้ใชถ้ ุงเทา้ สขี าวลว้ น ทำ�ด้วยด้ายหรือสกั หลาด หรอื ถงุ เท้าสขี าวพ้ืนสีเทาหรอื ด�ำ ทำ�ดว้ ยดา้ ย หรอื สักหลาด ยาวคร่ึงน่องไมม่ ีลวดลาย ไม่ม้วนหรอื พบั ๖. ทรงผม กำ�หนดทรงผมนกั เรยี นชาย ดังน้ี ๖.๑ กรณไี ว้ผมสนั้ ผมเกรียนรอบศีรษะ ด้านหนา้ ยาวไมเ่ กิน ๔ เซนตเิ มตร ๖.๒ กรณไี ว้ผมยาว รองทรงกลางถงึ รองทรงสูง โดยตัดเกรยี นตดิ หนังศรี ษะต้ังแต่ตีนผมไล่ระดับ จนถึงสว่ นกลาง/บน ของศีรษะ ผมดา้ นบน และด้านหน้ายาวไมเ่ กนิ ๕ เซนติเมตร เหมาะสมกบั สภาพนักเรียน ๖.๓ ไม่อนญุ าตใหไ้ ว้หนวดเครา ๖.๔ ไมอ่ นญุ าตให้ยอ้ มหรือเปล่ียนสผี มหรอื ใชน้ ้�ำ มนั ใสผ่ ม เจล หรอื อปุ กรณ์อนื่ ๆ ๖.๕ ห้ามไวจ้ อนหรอื กันจอน ๖.๖ ห้ามตดั แตง่ ทรงผมเป็นรูปทรงสญั ลกั ษณ์หรอื เป็นลวดลาย ๗. ห้ามใส่เครอื่ งประดบั ใด ๆ ทัง้ ส้ิน เช่น แหวน สรอ้ ยคอทองค�ำ สรอ้ ยข้อมอื และตา่ งหู ยกเวน้ นาฬกิ า

74 ๘. กระเปา๋ นกั เรียน ใหใ้ ชก้ ระเป๋านกั เรียนมีตรา และชือ่ ของโรงเรียน หา้ มใชถ้ งุ กระดาษ พลาสติก หรอื กระเปา๋ สอี ืน่ เปน็ เดด็ ขาด ๙. การแต่งกายชดุ พลศึกษา ๙.๑ ให้แตง่ ในวันท่มี ีการเรยี นการสอนวชิ าพลศึกษา หรอื ตามวันท่ีทางโรงเรียนนัดหมาย ๙.๒ ใหใ้ ช้ถุงเทา้ สีขาวลว้ นทำ�ดว้ ยด้ายหรอื สักหลาด หรือถงุ เทา้ สขี าวพื้นสีเทาหรือด�ำ ท�ำ ดว้ ยดา้ ย หรือสกั หลาด และรองเท้าสดี �ำ เท่านั้น ๙.๓ กางเกง และเส้ือพลศึกษาใช้ตามทโี่ รงเรียนก�ำ หนด ขอ้ ๙ การแต่งกายของนักเรียนหญิง ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ๑. เสอ้ื ๑.๑ เป็นเสือ้ คอเชิ้ตสีขาว ไมบ่ างจนเกนิ ไป ผา่ คอตลอด ที่อกมสี าบตลบเขา้ ข้างใน กว้าง ๓ เซนติเมตร ๑.๒ มีกระดุมกลมแบนสีขาว จ�ำ นวน ๕ เม็ด มเี ส้นผา่ ศนู ยก์ ลางยาว ๑ เซนติเมตร แขนเสอ้ื ยาวเหนอื ศอก ที่ปลายแขนมจี บี กวา้ งประมาณ ๓ เซนติเมตร สอดชายเส้ือไว้ในกระโปรง ต้องใส่เส้อื ซบั ข้างในสขี าว ๑.๓ ท่ีหน้าอกด้านขวาปัก น.ผ.ขนาด ๑.๕ เซนติเมตร ให้อยู่ระดบั เดยี วกนั กับช่ือ - ช่ือสกลุ ใต้ น.ผ. ปกั เลขประจำ�ตัวดว้ ยเลขไทย ขนาด ๐.๘ เซนติเมตร เหนอื กระเป๋าด้านซ้าย ให้ปกั ช่ือ และช่อื สกุลดว้ ยไหมสีน�้ำ เงนิ ตวั อักษรภาษาไทยขนาด ๐.๘ เซนติเมตรและ ปกั จดุ บอกระดบั ชนั้ ด้วยไหมสนี ้ำ�เงนิ เหนือช่ือ-ชือ่ สกุล ชน้ั ม. ๔ ปกั ๑ จดุ , ม.๕ ปัก ๒ จดุ และ ม.๖ ปกั ๓ จุด ๒. กระโปรง ๒.๑ ใชก้ ระโปรงสีกรมทา่ ไม่มลี วดลาย ยาวจากเข่าลงไปประมาณ ๑๐ เซนติเมตร ๒.๒ ด้านหน้า และด้านหลังพบั เปน็ กลบี ดา้ นละ ๓ กลีบ หักกลบี ออกดา้ นนอกเยบ็ ทบั ขอบล่าง ลงมาระหวา่ ง ๖ - ๑๒ เซนตเิ มตร เวน้ ระยะกวา้ งตรงกลางพอควร ๓. เขม็ ขัด ใชเ้ ข็มขดั หนงั สีด�ำ ไม่มลี วดลาย กวา้ งประมาณ ๓ - ๔ เซนติเมตร หวั เขม็ ขัดเปน็ รูป สเี่ หลี่ยมผนื ผา้ ใช้หนงั สีดำ� หรอื ผ้าหุม้ แบบชนดิ เกล็ด ใชค้ าดทบั ขอบกระโปรง และไม่ตดั ปลาย อนุญาตใหใ้ ชค้ ลิปหนีบกระดาษสดี ำ�ยึดเข็มขดั ติดกับกระโปรงได้ ๔. รองเท้า ใหใ้ ชร้ องเท้าหนังสดี ำ�หุ้มส้น ปลายรองเท้ามน มสี ายรัดหลงั เท้า สน้ รองเท้าสงู ไม่เกนิ ๓ เซนติเมตร ไม่มลี วดลาย ๕. ถงุ เท้า ใช้ถงุ เท้าสขี าวลว้ น ท�ำ ด้วยด้ายหรอื สักหลาด ไม่มีลวดลาย หรอื ถงุ เทา้ สีขาวพ้นื สเี ทา หรอื ดำ� ท�ำ ดว้ ยด้าย หรือสักหลาด พับลงเหนอื ข้อเทา้ ไมม่ ลี วดลาย ประมาณ ๔ - ๕ เซนตเิ มตร

75 ๖. ทรงผม กำ�หนดทรงผมนักเรยี นหญิง ดังนี้ ๖.๑ กรณไี วผ้ มสน้ั ผมยาวเสมอกนั รอบศรี ษะโดยใหค้ วามยาวเสมอรมิ ฝปี ากลา่ งหรอื ต�่ำ กวา่ ริมฝีปากลา่ งลงมา ๑ เซนตเิ มตร ตดิ กิบ๊ สีด�ำ แบบลวด ไมร่ วบหรอื มัด ไม่ถกั เปยี กรณีไวผ้ มหนา้ มา้ ผมหน้าม้าตอ้ งยาวเสมอค้วิ และในกรณที ่ีมลี ูกผมหรอื ปอยผม ใหต้ ิดก๊บิ สดี �ำ แบบลวด ๖.๒ กรณไี ว้ผมยาว ใหร้ วบมดั ตึงกลางศรี ษะ ใช้ยางมัดผมสีดำ� และผกู ดว้ ยริบบนิ้ แพรสกี รมท่า ขนาด ๑ นว้ิ ผกู เปน็ โบว์ โดยหางของรบิ บนิ้ ยาวไมเ่ กนิ ครงึ่ หนงึ่ ของผม หา้ มใชก้ บิ๊ โบวส์ �ำ เรจ็ รปู ความยาวผมดา้ นหลงั วดั จากขอบบนปกเสือ้ ยาวไมเ่ กนิ ๒.๕ เซนตเิ มตร กรณีไว้ผมหนา้ ม้า ผมหน้าม้าต้องยาวเสมอคิว้ ๖.๓ ห้ามดัดผม ๖.๔ หา้ มซอยผม ๖.๕ หา้ มย้อม หรือเปลยี่ นสผี มหรอื ใชน้ �้ำ มันใส่ผม เจล หรืออุปกรณ์อ่ืน ๆ ๖.๖ ไม่อนญุ าตใหถ้ ักเปีย ๗. ห้ามใสเ่ ครือ่ งประดับใด ๆ ทง้ั สน้ิ เช่น แหวน สร้อยคอทองคำ� สร้อยข้อมอื และตา่ งหู ยกเว้นนาฬิกา ๘. ห้ามแต่งหน้า ๙. กระเป๋านกั เรียน ให้ใชก้ ระเปา๋ นกั เรียนมตี รา และช่อื ของโรงเรยี น หา้ มใชถ้ งุ กระดาษ พลาสตกิ หรือกระเป๋าสีอื่นเปน็ เดด็ ขาด ๑๐. การแต่งกายชดุ พลศึกษา ๑๐.๑ ใหแ้ ตง่ ในวันท่มี ีการเรียนการสอนวิชาพลศกึ ษา หรือตามวันทที่ างโรงเรยี นนัดหมาย ๑๐.๒ ให้ใช้ถุงเท้าสีขาวล้วนทำ�ด้วยด้ายหรือสักหลาด หรือถุงเท้าสีขาวพื้นสีเทาหรือดำ� ทำ�ด้วย ด้ายหรอื สกั หลาด และรองเทา้ สขี าวเท่านนั้ ๑๐.๓ กางเกง และเสื้อพลศกึ ษาใชต้ ามทโ่ี รงเรียนก�ำ หนด ขอ้ ๑๐ เครือ่ งแบบลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ่ ๑. หมวกทางอ่อน สเี ลือดหมู มีตราคณะลูกเสือแห่งชาติกำ�หนด ตดิ อยดู่ า้ นหน้าหมวก ท�ำ ดว้ ยโลหะ สีทอง เวลาสวมหมวก ตราลูกเสอื จะอยเู่ หนือคิ้วซา้ ย ๒. เสอ้ื ลกู เสือ เปน็ เส้อื คอพับสกี ากี แขนสั้นเหนือศอก ผ่าอกตลอด อกเสอ้ื ท�ำ เปน็ สาบกว้าง ๓.๕ เซนตเิ มตร มดี ุมเหนือเขม็ ขัด ๔ ดุม อกมกี ระเปา๋ ปะข้างละ ๑ กระเปา๋ มีแถบตรงกึ่งกลาง ตามทางดง่ิ ปกรูปมน ชายกลางแหลม เจาะรงั ดุมกึ่งกลางประเป๋า ๑ ดุม มีอินทรธนูสเี ดยี วกบั เสอื้ อยเู่ หนือบา่ ท้ังสองข้าง ดา้ นไหล่กว้าง ๓.๕ เซนติเมตร เยบ็ ติดกับตะเขบ็ ไหลเ่ สอื้ ด้านคอกวา้ ง ๒.๕ เซนติเมตร ปลายมน มีดุมติดปลายอนิ ทรธนทู างด้านคอด้านละ ๑ ดุม ดมุ ลกั ษณะกลมแบน ท�ำ ดว้ ยวัตถสุ นี �้ำ ตาลแก่ ใหส้ อดชายเสอ้ื อยใู่ นกางเกง ๓. ผ้าผูกคอ สามเหลย่ี มหน้าจ่วั สมี ่วง ดา้ นฐาน ๑๐๐ เซนติเมตร ด้านตง้ั ๗๕ เซนติเมตร ดา้ นหน้าจ่ัว มีตราประจำ�จงั หวดั เพชรบูรณ์ และมีห่วงซง่ึ ไมใ่ ชห่ ว่ งกลิ เวลล์สวมผา้ ผกู คอ

76 ๔. กางเกง สีกากี ขาสั้นเหนือเขา่ ประมาณ ๕ เซนตเิ มตร ส่วนกว้างของขากางเกงเมือ่ ยืนตรง ห่างจากขาต้ังแต่ ๘ – ๑๒ เซนตเิ มตร ปลายขาพบั เขา้ กว้าง ๕ เซนตเิ มตร ผ่าตรงส่วนหนา้ ใชด้ ุมขนาดยอ่ มซ่อนไว้ดา้ นใน มีกระเป๋าตามแนวตะเขบ็ ข้างละ ๑ กระเป๋า และมหี รู อ้ ยเข็มขัด ยาวไมเ่ กนิ ๖ เซนติเมตร กว้าง ๑ เซนติเมตร ๕. อินทรธนู สีเลือดหมู ปลายอนิ ทรธนูมีอกั ษรวา่ ล.ญ. สีเหลือง ๖. เข็มขัดหนงั สนี �้ำ ตาล กว้าง ๓ เซนติเมตร หัวชนดิ หัวขดั ท�ำ ดว้ ยโลหะสที อง มีดุนลาย ตราคณะลูกเสือแห่งชาติ ภายในกรอบชอ่ ชัยพฤกษ์ ๗. ถงุ เท้า สกี ากี ยาวถงึ ใต้เขา่ ติดพ่สู เี ลือดหมูขา้ งละ ๑ พู่ พับปลายถงุ เทา้ พู่ยาวลงมา ๑ เซนตเิ มตร ๘. รองเทา้ หนัง หรอื ผ้าใบสีน้ำ�ตาลแก่ ไม่มีลวดลาย ห้มุ ส้นชนิดผกู ข้อ ๑๑ เคร่อื งแบบเนตรนารี ๑. เคร่อื งแบบเนตรนารสี ามัญรนุ่ ใหญ่ ประกอบด้วย ๑.๑ หมวกปีกแคบ สีเขยี วแก่ มีตราหน้าหมวกรูปเคร่อื งหมายเนตรนารีท�ำ ดว้ ยโลหะสีทอง ปีกหมวกดา้ นหลงั พบั ขึ้น ๑.๒ เสอ้ื สีเขียวแก่เช่นเดยี วกับเสื้อเครอื่ งแบบเนตรนารสี ามัญแต่มีอินทรธนูสีเลือดหมู ปลายอินทรธนู มรี ปู เครื่องหมายเนตรนารีสีเหลือง ๑.๓ กระโปรง สีเขียวแก่เช่นเดียวกบั กระโปรงเนตรนารสี ามัญ ๑.๔ ผ้าผกู คอ เช่นเดียวกับผ้าผูกคอเนตรนารีสามญั ๑.๕ เข็มขัด หนงั สีด�ำ ถุงเทา้ รองเทา้ เชน่ เดียวกับเครื่องแบบเนตรนารสี ามญั ๒. เครอ่ื งหมายประกอบเครือ่ งแบบเนตรนารสี ามัญร่นุ ใหญ่ ประกอบดว้ ย ๒.๑ เครอ่ื งหมายจังหวดั เชน่ เดียวกับเนตรนารสี ามญั ๒.๒ เครื่องหมายเนตรนารีสามญั รุน่ ใหญ่ ท�ำ ด้วยโลหะสีทองประกอบแถบโบอยู่สว่ นล่าง มคี �ำ วา่ “สามัญรนุ่ ใหญ่” ใชก้ ลัดตดิ ที่อกเส้ือขา้ งซ้าย มขี นาดกว้าง ๓ เซนตเิ มตร ยาว ๓ เซนตเิ มตร ๒.๓ เครอื่ งหมายหมู่ ท�ำ ดว้ ยผ้ารปู สีเ่ หลย่ี มจตั ุรัส ยาวด้านละ ๓.๕ เซนติเมตร สีขาว ตรงกลางมีรูปนก สเี ขยี วชนิดต่าง ๆ ตามทีก่ ำ�หนดไว้ ติดท่ไี หล่เสอื้ ข้างซ้าย ใตต้ ะเข็บประมาณ ๑ เซนติเมตร ๒.๔ เครื่องหมายประจำ�การ เชน่ เดียวกบั เคร่อื งหมายประจ�ำ การของเนตรนารสี ามัญ ๒.๕ เคร่อื งหมายสังกัด เช่นเดยี วกับเครอ่ื งหมายสังกดั ของเนตรนารีสามญั ๒.๖ เครื่องหมายภาษาตา่ งประเทศ ใชป้ ระกอบเครอ่ื งหมายวชิ าล่าม ท�ำ ดว้ ยผ้าสีกากี รปู สเ่ี หลีย่ มผนื ผา้ ยาว ๖ เซนตเิ มตร กว้าง ๑.๕ เซนติเมตร มอี กั ษรไทยบอกชอื่ ภาษาต่างประเทศที่เนตรนารีพดู ได้ดีสีขาว ติดทอ่ี กเส้อื ข้างขวาเหนอื กระเปา๋

77 ๒.๗ สายยงยศ ทำ�ดว้ ยไหมสเี ลือดหมูถกั เปน็ หว่ งคล้องต้นแขนขวาใต้อินทรธนู ใช้ไดเ้ ฉพาะ เนตรนารีสามัญรนุ่ ใหญ่ ท่สี อบไดว้ ิชาเนตรนารีเอก กับสอบได้วชิ าพเิ ศษตามทก่ี �ำ หนด ในหลักสูตร ๒.๘ เคร่อื งหมายเพชราวธุ ทำ�ด้วยผา้ รูปหกเหลี่ยมสแี ดง ตรงกลางมีเครอ่ื งหมายวชิระสีเหลอื ง ขนาดยาว ๔ เซนติเมตร กว้าง ๓ เซนติเมตร ติดที่อกเส้ือด้านขวาเหนือกระเป๋า ใช้ได้เฉพาะเนตรนารีสามัญรุ่นใหญ่ที่มีสิทธิ์ใช้สายยงยศและสอบได้วิชาพิเศษตามที่กำ�หนด ในหลกั สูตร ๒.๙ เครื่องหมายผู้ฝกึ สอน ทำ�ดว้ ยผา้ รปู วงรี สแี ดง ตรงกลางมรี ูปเคร่อื งหมายเนตรนารแี ละ มีคำ�ว่า ผ้ฝู ึกสอนสเี หลือง ขนาดยาว ๔.๕ เซนตเิ มตร กวา้ ง ๔ เซนตเิ มตร ติดทีอ่ กเสอื้ ดา้ นซา้ ยเหนือกระเป๋าใช้ไดเ้ ฉพาะเนตรนารีสามญั รุ่นใหญ่ ท่ีสอบไดว้ ชิ าเนตรนารีเอก กบั สอบได้วชิ าพเิ ศษตามที่ก�ำ หนดในหลกั สตู ร ๒.๑๐ เครอ่ื งหมายวชิ าพิเศษ ทำ�ด้วยผา้ สเี ลอื ดหมู รปู สเี่ หลยี่ มจัตรุ สั ยาวด้านละ ๔ เซนตเิ มตร มีกรอบอักษร “น.ญ.” สเี ขยี ว ภายในกรอบมีรูปตามทกี่ �ำ หนด หมายเหตุ : ถา้ สอบไดไ้ มเ่ กิน ๙ วชิ า ให้ติดทแ่ี ขนเสอ้ื ข้างขวาก่งึ กลางระหวา่ งไหล่กับศอกเรยี งกันเป็นแถว ตามแนวนอน แถวใดเกนิ ๓ วิชา ใหข้ น้ึ แถวใหมเ่ ว้นระยะระหว่างเครอื่ งหมาย และระหว่างแถว ๑ เซนติเมตร ถา้ สอบไดเ้ กนิ ๙ วิชา ใหม้ สี ายสะพายจากบา่ ซ้ายไปประจบกันท่ใี ต้เอวขวา ทำ�ด้วยตว่ นหรอื สักหลาด สีเหลืองกว้าง ๑๐ เซนติเมตร ขลิบรมิ สขี าบขา้ งละ ๑ เซนตเิ มตร และปกั เคร่ืองหมายวชิ าพเิ ศษ ๒.๑๑ เครอ่ื งหมายหวั หนา้ หมแู่ ละรองหัวหน้าหมู่ เช่นเดยี วกับหวั หน้าหมู่ และรองหวั หนา้ หมู่ เนตรนารสี ามญั แตแ่ ถบผา้ สเี ลือดหมู่ ๒.๑๒ สายนกหวดี เช่นเดยี วกับหวั หนา้ หมแู่ ละรองหัวหนา้ หมูเ่ นตรนารสี ามัญ ขอ้ ๑๒ เครอ่ื งแบบยวุ กาชาด ๑. หมวก ทำ�ดว้ ยผา้ สีกรมทา่ มรี ปู ทรงท่คี งท่ี แบบมีแก๊ปดา้ นหน้า ตลบปกี ด้านหลัง และด้านข้าง ท้ังสองดา้ น ๒. เส้อื สฟี า้ อมเทาแบบเชิ้ตแขนสั้น ปลายแขนพบั ตลบออกด้านนอก ขนาดความกวา้ ง ประมาณ ๓ เซนติเมตร ตัวเส้อื ผ่าอกตลอด มีสาบกว้าง ๓ เซนตเิ มตร และขัดดมุ ตลอด ๕ ดุม ท่ีอกมีกระเปา๋ สองขา้ งตรงกง่ึ กลางกระเป๋าพับ จบี เปน็ แถบกวา้ งเทา่ กบั สาบเสื้อ มใี บปกรปู มน กลางแหลม และขดั ดุม ทีไ่ หล่เสื้อมสี าบอนิ ทรธนขู ัดดมุ ขา้ งละหนึ่งดมุ ดุมทัง้ สิ้นดงั กล่าวนี้ มลี กั ษณะ กลมแบนขนาดเสน้ ผา่ ศูนย์กลาง ๑ เซนติเมตร ทำ�ด้วยวสั ดุสีเดยี วกบั เสื้อ ที่อกเสอ้ื ดา้ นขวา ตดิ เขม็ เครอ่ื งหมายสมาชิกยวุ กาชาด ท่ีตน้ แขนขวาต่�ำ ลงมา ๑ เซนตเิ มตร ตดิ แถบชอื่ โรงเรยี น ขนาด ๒ x ๗ เซนติเมตร ตามแนวตะเข็บเสอ้ื ท�ำ ดว้ ยผ้าสแี ดง กรอบและอกั ษรชอ่ื โรงเรยี นเป็น สขี าว (ไมต่ อ้ งมีคำ�วา่ โรงเรียน) และตดิ เคร่อื งหมายบอกชั้นกลมุ่ และหนว่ ยใต้แถบชอ่ื โรงเรยี น

78 ห่างจากจดุ ก่ึงกลางป้ายช่อื โรงเรยี นลงมา ๑ เซนตเิ มตร ท่ีแขนซ้ายตดิ เครื่องหมายกิจกรรม ตา่ ง ๆ (ถา้ มี) ทอี่ ินทรธนูตดิ ตวั เลขบอกระดับเปน็ โลหะ ๓. ผา้ ผูกคอ ใชส้ ีกรมท่ามีลกั ษณะเปน็ สามเหล่ียมมมุ ฉาก ดา้ นประกอบมุมฉากยาวด้านละ ๗๕ - ๙๐ เซนตเิ มตร เย็บริมท้งั ๓ ด้าน ๔. กระโปรง ใชผ้ า้ และสชี นดิ เดยี วกันกบั เสอ้ื ยาวคลุมเขา่ มจี บี รอบตวั ๑๒ จีบ ระยะหา่ งจบี เท่ากัน ๕. เขม็ ขดั หวั เข็มขัดทำ�ดว้ ยโลหะสเี งนิ รปู สเี่ หล่ยี มผืนผา้ กวา้ ง ๓.๕ เซนตเิ มตร ยาว ๔.๕ เซนตเิ มตร ตรงกลางมีลายดุนเป็นเคร่ืองหมายอยา่ งเดียวกบั เขม็ เครอื่ งหมายหนา้ หมวกสายเขม็ ขดั ท�ำ ดว้ ย หนงั สดี �ำ ขนาดพอดีกับหัวเข็มขดั คาดทบั ขอบกระโปรง ๖. ถุงเทา้ ชนิดสน้ั สขี าวไมม่ ีลวดลาย ๗. รองเท้า รองเทา้ หนังสดี ำ�แบบนกั เรยี น ขอ้ ๑๓ การแต่งกายตามศาสนา หากนกั เรยี นมีความจ�ำ เปน็ ตอ้ งแตง่ กายต่างจากทีก่ ำ�หนดไว้ เนื่องจากความจำ�เปน็ ทางศาสนา ประเพณหี รอื ความจ�ำ เปน็ อื่นใดใหอ้ ยูใ่ นอ�ำ นาจของผู้อ�ำ นวยการโรงเรยี นหนองไผ่เปน็ ผู้พิจารณา หมวดที่ ๒ วินยั และการรักษาวนิ ยั ข้อ ๑๔ การเขา้ แถว และการเคารพธงชาติ ๑๔.๑ นกั เรยี นตอ้ งเตรียมตวั ไปเข้าแถวทนั ที เมื่อไดย้ ินเสยี งเพลงมารช์ ชมพูฟ้า เวลา ๐๘.๐๐ น. ทุกคนตอ้ งเข้าแถวให้เป็นระเบียบเรียบรอ้ ย เคารพธงชาติ และธงโรงเรยี น ๑๔.๒ ทุกคนตอ้ งร่วมกนั สวดมนต์แปล และร่วมกนั ท�ำ กจิ กรรมหนา้ เสาธง ๑๔.๓ เดนิ เข้าห้องเรยี นด้วยความเป็นระเบียบ หลังจากครเู วรประจ�ำ วันอบรมแลว้ ไมห่ ยอกลอ้ ในระหว่างเดนิ เขา้ ชั้นเรยี นและไม่แยกออกจากแถว ขอ้ ๑๕ การท�ำ ความเคารพ ๑๕.๑ นักเรียนต้องท�ำ ความเคารพครทู กุ คนในโรงเรียนขณะทีอ่ ยูใ่ นโรงเรยี น และนอกโรงเรียน ดว้ ยการไหว้ ๑๕.๒ เมอ่ื ครเู ข้าสอนทกุ ชวั่ โมงใหห้ ัวหน้าช้ันบอกวา่ “นกั เรียนทง้ั หมดทำ�ความเคารพ” นักเรยี น ยนื ตรงแล้วไหว้ พร้อมกล่าวค�ำ ว่า “สวัสดีครบั สวสั ดีค่ะ” ๑๕.๓ เมือ่ หมดชั่วโมงครจู ะออกจากชัน้ เรยี น ใหห้ วั หน้าชัน้ เรียนบอก “นักเรยี นทัง้ หมดท�ำ ความเคารพ” นกั เรียนยืนตรงแล้วไหว้พรอ้ มกล่าวคำ�ว่า “ขอบคุณครับ ขอบคณุ คะ่ ” ๑๕.๔ เม่ือครูถามนักเรียนคนใดคนหนึง่ ในขณะที่น่ังท�ำ งานอยู่ ให้ลุกขึน้ ยืนพดู กบั ครใู นท่าตรง หรอื เมอื่ ครเู รียกพบจะเขา้ พบครู ใหย้ กมอื ไหว้ทงั้ ไป และกลับ

79 ๑๕.๕ การท�ำ ความเคารพ ในภาวะตา่ งๆ ใหป้ ฏิบตั ิดังนี้ ๑๕.๕.๑ ขณะทน่ี กั เรียนขับขรี่ ถจักรยานยนต์ รถจกั รยาน เมื่อสวนทางกับครูใหก้ ้มศรี ษะ พองามเป็นการแสดงความเคารพ ๑๕.๕.๒ เมื่อนกั เรยี นอยกู่ ับท่ี และแตง่ เครอ่ื งแบบลูกเสอื หรอื เนตรนารี หรือยุวกาชาด หรอื นกั ศึกษาวชิ าทหาร ถ้ามีครูหรือผทู้ ค่ี วรท�ำ ความเคารพผา่ นมา ให้นกั เรียนยืนตรง หนั หนา้ ไปทางผ้ทู ่ีควรทำ�ความเคารพ และทำ�วนั ทยาหัตถ์ ถ้าอยู่ในเคร่ืองแบบ นกั เรียนใหย้ ืนตรง ถา้ อยนู่ อกบริเวณโรงเรยี นในชุดนกั เรียน ให้นักเรยี น ท�ำ ความเคารพโดยการยกมอื ไหว้ พร้อมกับกลา่ วคำ�วา่ “สวัสดีครับ สวัสดีคะ่ ” ขอ้ ๑๖ การมาโรงเรียนและเวลาเรียน ๑๖.๑ นกั เรยี นทกุ คนต้องมาถงึ โรงเรยี นก่อนชกั ธงชาติข้ึนสู่ยอดเสา (โรงเรียนเขา้ เรียน เวลา ๐๘.๐๐ น. เลกิ เรยี น เวลา ๑๕.๓๐ น) ๑๖.๒ นักเรียนท่ีมาถงึ โรงเรยี นไมท่ นั เคารพธงชาติ (รอ้ งเพลงชาตจิ บ) ถอื วา่ มาสาย และจะถูกลงโทษ ๑๖.๓ นกั เรยี นที่มาสายสามครงั้ ข้นึ ไป จะเชญิ ผู้ปกครองมารบั ทราบความประพฤติ ๑๖.๔ การขาดเรียน ถ้านักเรยี นคนใดขาดเรยี น โดยไมท่ ราบสาเหตเุ กนิ ๓ วัน หรอื ขาดสะสมเกิน ๕ วนั ครูที่ปรึกษาต้องแจ้งใหผ้ ปู้ กครองทราบ ถา้ นกั เรียนยังมพี ฤติกรรม เหมือนเดมิ ทางโรงเรียนจะเชญิ ผูป้ กครองมารบั ทราบเพ่อื รว่ มกันแกป้ ญั หา ถา้ โรงเรยี นไม่ไดร้ บั ความร่วมมอื จากผ้ปู กครอง โรงเรยี นจะพิจารณาโทษสูงสุด ข้อ ๑๗ การขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรยี น เขา้ ห้องเรยี นและหยุดเรียน ๑๗.๑ การขออนญุ าตออกนอกโรงเรียนในเวลาเรยี น (บางชั่วโมงแล้วกลบั มาเข้าเรยี นอีก) ให้ถอื ปฏิบตั ิ ดงั น้ี (ก) ให้ขอแบบบันทึกขออนญุ าตออกนอกโรงเรยี นจากครูในกลุ่มบริหารงานกจิ การนกั เรยี น กรอกรายละเอียด พร้อมทัง้ ชแ้ี จงเหตุผลเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาอนญุ าต (ข) ให้ครทู ่ีปรกึ ษาหรอื ครูประจ�ำ วชิ าทีน่ ักเรียนก�ำ ลงั เรียน หรือวิชาท่ีจะเรยี นในช่วั โมงต่อไป ลงชอ่ื ในแบบบนั ทกึ ขออนุญาต ในชอ่ งครูประจำ�วิชาหรือครูทีป่ รึกษา (ค) ครูกลมุ่ บริหารงานกจิ การนกั เรียน เขียนชื่อนักเรยี นลงในหนังสือขออนญุ าตแลว้ ฉีก ตอนท่ี ๒ ไว้ตอนท่ี ๑ ให้นักเรยี นถือไปลงลายมอื ชอ่ื ท่ีสมุดลงนามของนกั เรียนท่ยี ามรกั ษาการณ์ (ง) ให้นกั เรียนแสดงบัตรประจ�ำ ตวั แล้วลงชอ่ื ในสมุดขออนญุ าตออกนอกบริเวณโรงเรียน ท่ยี ามรกั ษาการณ์ ๑๗.๒ การลาป่วยหรอื ขอลากลบั บา้ น (นกั เรียนจะไมก่ ลบั มาเรียนอีก) ให้ถือปฏิบตั ิ ดังน้ี (ก) ผปู้ กครองมารับกลบั บา้ น ใหข้ อแบบบันทกึ ขออนุญาตออกนอกโรงเรยี นจากครูในกล่มุ บรหิ ารงานกิจการนักเรยี น กรอกรายละเอียด พร้อมทงั้ ชแ้ี จงเหตุผลเพ่ือประกอบการพิจารณา อนุญาต

80 (ข) ให้ครทู ป่ี รกึ ษาหรอื ครูประจ�ำ วิชาท่นี กั เรยี นกำ�ลังเรยี น หรอื วชิ าทีจ่ ะเรยี นในชวั่ โมงต่อไป ลงชื่อในแบบบันทกึ ขออนุญาตออกนอกโรงเรียน ในชอ่ งครปู ระจ�ำ วิชาหรอื ครทู ่ปี รกึ ษา (ค) ครูกลุ่มบรหิ ารงานกิจการนักเรียน เขียนช่ือนักเรียนลงในหนังสือขออนญุ าตแล้วฉีก ตอนที่ ๒ ไว้ ตอนที่ ๑ ให้นกั เรียนถือไปลงลายมอื ชอ่ื ท่สี มุดลงนามของนักเรียนทีย่ ามรกั ษาการณ์ (ง) ให้นกั เรียนแสดงบตั รประจ�ำ ตัวแลว้ ลงช่ือในสมดุ ขออนุญาตออกนอกบริเวณโรงเรยี น ที่ยามรักษาการณ์ (จ) ไม่อนญุ าตใหน้ ักเรยี นขออนญุ าตออกนอกบริเวณโรงเรียนในกรณีที่ลมื อปุ กรณก์ ารเรียน ๑๗.๓ การขออนญุ าตหยดุ เรียน ในกรณีจำ�เป็นทนี่ กั เรยี นต้องลาหยุดการเรยี น นักเรยี นต้องเขยี น ใบลาขออนญุ าตหยุดเรียนส่งทีค่ รูทปี่ รกึ ษาหรอื จะสง่ ก่อนวันลาหยดุ กไ็ ด้ โดยใหป้ ฏบิ ตั ดิ ังนี้ (ก) ให้ผปู้ กครองเป็นผู้ลงลายมอื ชื่อขออนุญาต (ข) ใหน้ กั เรียนนำ�ใบลาสง่ ครทู ป่ี รึกษา ขอ้ ๑๘ การจดั หอ้ งเรยี นและการรกั ษาความสะอาด ๑๘.๑ ใหน้ กั เรียนนั่งตามผังทค่ี รูท่ปี รกึ ษากำ�หนด ๑๘.๒ การจัดโต๊ะ เกา้ อี้ นัง่ ใหเ้ ป็นระเบียบ เปน็ ไปตามทค่ี รูท่ปี รกึ ษาก�ำ หนด ๑๘.๓ ใหม้ ีเวรท�ำ ความสะอาดประจ�ำ หอ้ งเรียน เวรต้องท�ำ ความสะอาดหอ้ งเรยี นตลอดวนั ควรทำ�ความสะอาดทั้งภาคเชา้ - เย็น ๑๘.๔ ถ้าเวรไมป่ ฏบิ ัตหิ น้าทีถ่ ือวา่ มคี วามผิดร้ายแรง ให้หัวหน้าชัน้ รายงานครทู ปี่ รกึ ษาทราบ ๑๘.๕ หา้ มท�ำ สิ่งใดสิง่ หนง่ึ ของโรงเรยี นหรือหอ้ งเรยี นชำ�รุด หรอื สกปรกเปรอะเป้ือน ๑๘.๖ ห้ามนักเรยี นเข้าห้องเรียนอื่น ท่ไี มม่ ใี ครอยู่ ห้ามเข้าห้องพกั ครู หอ้ งปฏิบัตงิ าน ก่อนได้รบั อนุญาตโดยเดด็ ขาด ข้อ ๑๙ ข้อปฏิบตั ิในโรงเรียน ๑๙.๑ ขณะท่เี รยี นวิชาใดวชิ าหนึง่ อยู่ ห้ามน�ำ วชิ าอื่นมาท�ำ หรือดโู ดยผสู้ อนไมอ่ นญุ าต ๑๙.๒ ห้ามนักเรยี นนำ�สงิ่ ของเหล่าน้เี ข้ามาในโรงเรยี นกอ่ นไดร้ บั อนุญาต ดังนี้ (ก) สงิ่ ของมคี า่ เครอ่ื งประดบั อาวธุ สงิ่ เทยี มอาวุธ หรอื วัสดุอ่นื ใดท่ไี ม่เกี่ยวข้องกบั การเรยี น หากน�ำ มาจะพจิ ารณาลงโทษตามระเบยี บของโรงเรียน ในหมวดท่ี ๔ การลงโทษ และการพิจารณาโทษนักเรียน ตามสมควรแกค่ วามผดิ (ข) โรงเรยี นอนุญาตให้นักเรยี นน�ำ คอมพวิ เตอร์เคลือ่ นที่ (Laptop) โทรศพั ทม์ ือถอื แท็บเลต็ สมาร์ทโฟน หรือเคร่ืองมือสอื่ สารท่สี ามารถเชือ่ มต่อกบั ระบบอนิ เตอร์เนต็ เขา้ มาในโรงเรียนได้ และอนญุ าตให้ใช้ ๓ ช่วงเวลา คอื ช่วงเชา้ ต้งั แตม่ าโรงเรียน ถงึ เวลา ๐๘.๐๐ น. ชว่ งพักกลางวัน ตงั้ แต่เวลา ๑๒.๐๐ น. ถึงเวลา ๑๓.๐๐ น. ชว่ งเย็นตงั้ แตเ่ วลา ๑๕.๓๐ น. เปน็ ตน้ ไป หรือใหใ้ ชใ้ นเวลาเรียนทค่ี รปู ระจ�ำ วิชา อนุญาตให้ใช้

81 เพอ่ื สบื ค้นข้อมลู ประกอบการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน ท้งั น้ใี ห้อยู่ในความดูแล ของครูประจำ�วิชาน้ันๆ หากพบนกั เรียนใชใ้ นเวลาเรียน และครปู ระจ�ำ วิชาไม่อนญุ าตใหใ้ ช้ โรงเรยี นจะยดึ ไว้ และคนื ใหห้ ลังจากพน้ ๑๕ วันนบั แต่วนั ถกู ยดึ หากกระทำ�เป็นคร้งั ที่สอง โรงเรยี นจะคนื ใหเ้ ม่ือสน้ิ ภาคเรยี นนัน้ ๆ ความผดิ ในทุกกรณใี หผ้ ู้ปกครองเป็นผมู้ าติดต่อรับคนื และรบั ทราบ ความผดิ เทา่ นนั้ (ค) สง่ิ ของท่นี กั เรยี นนำ�มา ตามขอ้ (ก) และ (ข) ทอ่ี ยู่ในความดแู ลของนกั เรียนหากสูญหาย โรงเรยี นจะไม่รับผดิ ชอบไมว่ า่ กรณใี ด ๆ ท้ังส้ิน ๑๙.๓ นกั เรียนต้องต้ังใจเรียน ฟังคำ�อธิบายของครูด้วยความสงบเรียบร้อย โดยไม่ลุกจากที่นั่ง หากไม่ได้รับอนุญาตจากครผู ูส้ อน ๑๙.๔ หากมีข้อสงสยั จะถามครตู อ้ งยกมือขนึ้ ขออนุญาต เม่ือได้รับอนญุ าตแล้ว ให้ยืนข้นึ ถาม หรอื แสดงความคิดเหน็ ๑๙.๕ หา้ มสง่ เสียงดัง เดินพลกุ พล่านในห้องเรยี นโดยพลการ น่งั หนั หลังใหค้ รู หรือหลับในห้องเรยี น ถอื ว่าไม่สนใจการเรียนจะไดร้ ับการพจิ ารณาโทษตามควร ๑๙.๖ ห้ามลกุ ออกจากหอ้ งเรยี นกอ่ นไดร้ ับอนญุ าต ๑๙.๗ ถา้ ครปู ระจ�ำ วิชาไม่เข้าสอนภายใน ๑๐ นาที ใหห้ วั หน้าหอ้ งไปแจง้ ครปู ระจำ�วิชา ถา้ ไมพ่ บ ให้ไปแจง้ หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ของครูผ้สู อนในรายวิชานั้น หรอื รองผูอ้ ำ�นวยการ กลุม่ บริหารงานวชิ าการ ๑๙.๘ ห้ามเลน่ การพนันทุกชนดิ และน�ำ สอ่ื ลามกเขา้ มาในโรงเรยี น ๑๙.๙ หา้ มทำ�ลายอปุ กรณ์ เครื่องใช้ในอาคารเรยี น เชน่ โต๊ะ เกา้ อี้ กระจก ประตู หนา้ ต่าง หรอื ขีดเขยี นใหส้ กปรกถอื วา่ เป็นความผดิ จะต้องชดใช้ และซ่อมแซมตามทโ่ี รงเรยี นก�ำ หนด ข้อ ๒๐ การเรยี น การใชห้ อ้ งเรียน และห้องพักครู ๒๐.๑ ในระหว่างเวลาเรียนนกั เรียนต้องอยใู่ นหอ้ งเรยี น จะออกจากหอ้ งเรียนไปอยู่ที่อ่ืนไมไ่ ด้ เวน้ แตไ่ ดร้ ับอนุญาตจากครูผสู้ อน ๒๐.๒ ขณะทค่ี รูประจ�ำ วชิ ายังไม่เข้าสอน ห้ามออกนอกหอ้ งเรียน ถา้ มคี วามจ�ำ เป็นให้ขออนุญาต หัวหนา้ ห้อง เพ่ือแจ้งชื่อครทู ีป่ รึกษาหรือครปู ระจ�ำ วชิ า ๒๐.๓ ผู้ที่ไมเ่ ข้าเรียน หรอื หนีเรยี นในชั่วโมงใดชั่วโมงหนึ่ง ถอื วา่ มคี วามผดิ อย่างร้ายแรงจะต้อง ได้รบั การพิจารณาโทษ ๒๐.๔ ขณะที่ครปู ระจ�ำ วชิ าสอนอยู่ ถา้ มีความจำ�เปน็ ท่จี ะตอ้ งออกนอกหอ้ งเรยี นต้องขออนญุ าต ครูผ้สู อนประจำ�วิชา ๒๐.๕ ถา้ นักเรียนขาดเรยี นติดต่อเปน็ เวลา ๓ วัน โดยไม่ลา ใหค้ รูท่ีปรึกษาแจง้ ให้ผู้ปกครองทราบ ๒๐.๖ ถ้านกั เรียนมีความจ�ำ เป็นที่จะเขา้ หอ้ งพักครู ตอ้ งขออนุญาตกอ่ น หา้ มเข้าโดยพลการ

82 ๒๐.๗ ห้ามเล่นกีฬาบางชนิดในห้องเรียน และบนอาคารเรียน เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล วอลเลย์บอล ฯลฯ หรอื กฬี าทเี่ กดิ ความรนุ แรงอนั จะส่งผลให้เกดิ ความเสียหายแก่หอ้ งเรยี น และอาคารเรียน ๒๐.๘ ห้ามจำ�หน่าย หรอื เสพสารเสพติดทกุ ชนดิ ทัง้ ใน และนอกสถานศึกษา ข้อ ๒๑ การลา ๒๑.๑ การหยุดโรงเรียนทกุ ครง้ั ตอ้ งสง่ ใบลาและมคี ำ�รับรองจากผู้ปกครองทุกครง้ั ๒๑.๒ การย่ืนใบลาปว่ ย ใหย้ นื่ ในวันแรกทม่ี าโรงเรียน ถา้ ปว่ ยหนักจะตอ้ งมใี บรบั รองแพทย์ มิฉะนนั้ ทางโรงเรียนจะออกหนงั สือแจ้งผปู้ กครอง และเมอ่ื ผปู้ กครองไดร้ บั หนังสอื จากทางโรงเรยี นจะต้องติดต่อกลับ ๒๑.๓ การลาเปน็ สิทธสิ ่วนบุคคลจะทำ�แทนกันไม่ได้ เว้นแต่จะฝากใบลามากับคนอืน่ กไ็ ด้ ๒๑.๔ นักเรียนขาดโรงเรยี นเกนิ ๑๕ วนั ทำ�การ เม่อื โรงเรยี นติดตอ่ กับผู้ปกครองแลว้ ผู้ปกครองไม่มา แจ้งเหตุผลในการขาดเรียนให้ทางโรงเรียนทราบ ทางโรงเรยี น จะคดั ชือ่ ออกจากทะเบียนโรงเรยี น หมวดที่ ๓ การด�ำ เนนิ การทางวนิ ยั ขอ้ ๒๒ นกั เรียนประพฤติตนเสอ่ื มเสยี ชอ่ื เสยี งของโรงเรยี น เปน็ ความผิดวนิ ยั อย่างรา้ ยแรง ขอ้ ๒๓ นกั เรยี นขัดขนื หลีกเล่ียง ไมป่ ฏิบตั ติ ามคำ�สง่ั ครู หรือคำ�สัง่ โรงเรยี น จนเกดิ ความเสยี หายแกโ่ รงเรียน เป็นความผดิ วนิ ยั อย่างร้ายแรง ขอ้ ๒๔ นกั เรยี นแจง้ ความเทจ็ ตอ่ ครูหรือผู้บรหิ าร ท�ำ ใหเ้ กดิ ความเสียหายแกส่ ว่ นรวมเปน็ ความผิด วนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง ขอ้ ๒๕ นกั เรยี นแตง่ กายเครอ่ื งแบบนกั เรยี นไมเ่ รยี บรอ้ ย หรอื ประพฤตติ นไมเ่ หมาะสมขณะอยใู่ นเครอ่ื งแบบนกั เรยี น ใหป้ รากฏในทส่ี าธารณะจนเกดิ ความเส่อื มเสยี เกียรตคิ ุณของโรงเรยี นเปน็ ความผดิ วินัยอยา่ งรา้ ยแรง ข้อ ๒๖ นกั เรยี นท�ำ ลายทรัพยส์ นิ หรือทรัพย์สมบตั ขิ องโรงเรียนเสยี หาย เป็นความผิดวนิ ัยอยา่ งร้ายแรง ข้อ ๒๗ นกั เรยี นประพฤติตนตอ่ บิดา มารดา ผู้ปกครองหรอื ครูอย่างใด อยา่ งหน่งึ ดังตอ่ ไปนี้ถือเปน็ ความผิดวินัยอย่างร้ายแรง (๑) กล่าวคำ�หยามหมนิ่ ประมาทกา้ วรา้ วต่อบดิ า มารดา ครู ผู้ปกครอง (๒) ทำ�ร้ายร่างกาย หรือแสดงทา่ ทางจะทำ�ร้ายรา่ งกายบิดา มารดา ผปู้ กครองหรือครู (๓) หลบหลีก ขัดขืน เมอื่ ครลู งโทษตามระเบียบของโรงเรียน (๔) นักเรยี นทะเลาะวิวาท ชกตอ่ ยกนั โดยใชอ้ าวุธหรือไมก่ ต็ ามเป็นความผิดวินยั อย่างร้ายแรง (๕) นกั เรียนร่วมกันก่อเหตุทะเลาะววิ าททำ�ร้ายบุคคลอ่ืนให้ไดร้ บั บาดเจ็บเป็นความผิดวินัย อย่างร้ายแรง

83 ข้อ ๒๘ นักเรียนประพฤตอิ ยา่ งใดอยา่ งหนึ่งต่อไปนีถ้ ือเป็นความผิดวนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง (๑) จำ�หน่าย ซือ้ แลกเปลยี่ น ยาเสพติด เสพสรุ า บุหรหี่ รอื มีไวใ้ นครอบครอง (๒) เล่นการพนัน หรอื จัดให้มกี ารเลน่ การพนนั ทกุ ชนิด (๓) ลักทรัพย์ ขม่ ขู่ หรอื รีดไถเงิน ส่ิงของจากผูอ้ ืน่ (๔) กระทำ�การใด ๆ ที่กอ่ ใหเ้ กิดการแตกแยกในหมคู่ ณะทัง้ ในสถานศึกษาหรอื นอกสถานศกึ ษา (๕) พกพาอาวุธ หรอื วตั ถเุ ทยี มอาวุธ วัตถรุ ะเบิด มาโรงเรยี นหรือนอกโรงเรียน (๖) คา้ หรอื เปน็ ธุระจดั หาเก่ยี วกับการค้าประเวณี (๗) แสดงพฤตกิ รรมทางชสู้ าว (๘) ขัดค�ำ ส่งั หรอื หลีกเลี่ยงไมป่ ฏบิ ตั ติ ามค�ำ ส่งั ของครู ผูบ้ ริหาร ซ่งึ สง่ั ด้วยชอบตามระเบียบแบบแผน ของโรงเรยี น (๙) นกั เรียนกระท�ำ ความผิดอาญาจนมีคดคี วาม หมวดที่ ๔ การลงโทษ และการพจิ ารณาโทษนักเรยี น เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสงบเรยี บรอ้ ยภายในโรงเรยี น รวมทัง้ ป้องกนั เหตรุ ้ายที่จะเกดิ ขึ้น โรงเรยี นหนองไผ่ จึงได้กำ�หนดบทลงโทษนกั เรยี นที่กระท�ำ ความผดิ ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ ารวา่ ดว้ ยการลงโทษนักเรยี น นักศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ดังต่อไปนี้ ขอ้ ๒๙ การลงโทษนกั เรยี นท่กี ระท�ำ ความผดิ มโี ทษ ๔ สถาน ดังน้ี (๑) ว่ากลา่ วตกั เตอื น (๒) ทำ�ทณั ฑ์บน (๓) ตดั คะแนนความประพฤตแิ ละบนั ทึกขอ้ มลู (๔) ทำ�กจิ กรรมเพอ่ื ใหป้ รับเปลี่ยนพฤติกรรม การลงโทษนักเรยี นให้เปน็ ไปเพือ่ เจตนาทีจ่ ะแกน้ ิสัยและความประพฤติไม่ดขี องนกั เรียนใหร้ ูส้ �ำ นึก ในความผดิ และกลับประพฤติตนในทางท่ดี ตี อ่ ไป ขอ้ ๓๐ เมือ่ นกั เรียนกระทำ�ความผิดระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของโรงเรียนให้มกี ระบวนการพิจารณา โทษนกั เรยี น ดังน้ี (๑) การกระท�ำ ผดิ คร้ังแรกไมร่ ้ายแรง ใหค้ รูทพี่ บเห็นวา่ กล่าวตกั เตือนหรอื ท�ำ โทษตามควรแก่กรณี และรายงานให้ครูที่ปรึกษาทราบเพอ่ื บนั ทกึ เป็นข้อมูล (๒) กระทำ�ผดิ ซำ�้ อีกและไม่ร้ายแรง ครทู ่ีปรึกษาลงโทษ และทำ�ทณั ฑบ์ นไวท้ ่กี ลมุ่ บริหารงาน กิจการนกั เรยี น เพ่ือตัดคะแนนความประพฤติ แลว้ แจ้งให้ผ้ปู กครองทราบ (๓) กระทำ�ความผิดรา้ ยแรง ครทู ี่ปรึกษา หัวหนา้ ระดับลงโทษ ทำ�ทัณฑบ์ น ตดั คะแนน ความประพฤติและท�ำ กิจกรรมตามท่กี ำ�หนด แล้วแจง้ ผปู้ กครองทราบ

84 (๔) นักเรยี นกระท�ำ ความผดิ ซำ้�อกี ในการกระทำ�กรณีเดยี วกนั หรือหลายกรณรี ้ายแรง หรือไมร่ ้ายแรงก็ตาม ครทู ่ีปรึกษา หัวหน้าระดบั ชัน้ ลงโทษท�ำ ทัณฑบ์ น ตดั คะแนนความประพฤติ ทำ�กิจกรรม และแจ้งผ้ปู กครอง (๕) เม่ือดำ�เนินตามข้อ ๓ และข้อ ๔ นกั เรยี นยงั กระทำ�ผิดอกี ครูทปี่ รึกษาหรือหัวหน้าระดบั รายงาน หวั หน้ากล่มุ บริหารงานกจิ การนักเรยี น เพ่อื ทางกลุ่มบรหิ ารงานกิจการนกั เรียน จะได้ดำ�เนินการ ต่อไป หรอื สง่ ตอ่ ใหผ้ ูอ้ ำ�นวยการโรงเรียนพจิ ารณาโทษสูงสดุ ตามความเหมาะสม ข้อ ๓๑ เม่อื นักเรียนกระท�ำ ผดิ วนิ ยั อยา่ งร้ายแรง ใหค้ ณะกรรมการกลุ่มบรหิ ารงานกจิ การนกั เรียน สบื หา ขอ้ เท็จจรงิ หากผลการสบื สวนปรากฏชัดเจนวา่ ผดิ จริง คณะกรรมการกลุ่มบริหารงานกจิ การนกั เรยี น ประชุมเพื่อพิจารณาโทษแล้วเสนอผอู้ ำ�นวยการสถานศึกษาทราบเพอ่ื พจิ ารณาสัง่ การ ข้อ ๓๒ ผมู้ ีอ�ำ นาจในการลงโทษ ๑. รองผอู้ ำ�นวยการทุกกลุม่ หวั หนา้ ระดบั ชัน้ ทุกระดบั และครทู ่ที �ำ การสอนทกุ คน ลงโทษ ตามขอ้ ๒๙ (๑ - ๔) ๒. คณะกรรมการกลมุ่ บรหิ ารงานกิจการนกั เรยี น รองผู้อำ�นวยการกลมุ่ บริหารงานกิจการนักเรยี นลงโทษ ตามข้อ ๒๙ (๑) - (๔) ขอ้ ๓๐ (๑) - (๕) ๓. ผูอ้ �ำ นวยการสถานศกึ ษาลงโทษได้ทุกกรณี และพิจารณาโทษสงู สดุ ตามความเหมาะสม ๔. การลงโทษนกั เรียนทุกคร้งั ใหบ้ ันทกึ ตามแบบฟอร์มทีก่ ลมุ่ บรหิ ารงานกจิ การนักเรยี นกำ�หนด พรอ้ มทง้ั รายงานให้ผอู้ ำ�นวยการสถานศกึ ษาทราบ ข้อ ๓๓ คะแนน และการลงโทษตดั คะแนนความประพฤติของนกั เรียน นักเรียนทุกคนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนหนองไผ่ มีคะแนนความประพฤติ ๑๐๐ คะแนน และหากนักเรียน กระทำ�ผิดระเบียบข้อบังคับของโรงเรยี นจะต้องถกู ลงโทษ ตดั คะแนนความประพฤติตามตารางทกี่ �ำ หนด ซึง่ มีเกณฑ์ การพิจารณาตามความผดิ แล้วแตก่ รณี ดังน้ี ๑.นกั เรยี นท่ถี ูกตดั คะแนนความประพฤติ ๒๐ คะแนนหรอื อยู่ในดุลยพินจิ ของโรงเรียน จะเชญิ ผปู้ กครองมาพบ พรอ้ มบันทึกข้อมลู และร่วมกนั แกไ้ ขความประพฤติของนกั เรียน ๒. นกั เรยี นที่ถกู ตัดคะแนนความประพฤติ ๓๐ คะแนนข้ึนไป โรงเรียนจะเชญิ ผปู้ กครองมาพบ เพื่อท�ำ ทัณฑบ์ น ท�ำ กจิ กรรมเพือ่ ปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมพร้อมบันทึกขอ้ มูลไวเ้ ป็นหลกั ฐาน ๓. นักเรยี นทถ่ี กู ตดั คะแนนความประพฤติต้งั แต่ ๔๐ คะแนนขึ้นไป หากปรากฏวา่ นักเรียน ประพฤติเสอื่ มเสยี ชอ่ื เสยี งของโรงเรยี นจะแจง้ ใหผ้ ปู้ กครองทราบ และอาจใหย้ า้ ยสถานศึกษา ๔. นกั เรียนที่ถกู ตัดคะแนนความประพฤติ ๕๐ คะแนนขน้ึ ไป หากปรากฏว่านักเรียนประพฤติ เส่ือมเสียช่อื เสียง และผิดวินยั อย่างร้ายแรง โรงเรยี นจะแจง้ ให้ผูป้ กครองทราบ และใหผ้ ู้อ�ำ นวยการสถานศกึ ษาพิจารณาโทษสูงสดุ ตามความเหมาะสม

85 การลงโทษโดยใช้วิธกี ารทำ�กิจกรรมเพอื่ ใหป้ รบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมของโรงเรยี นหนองไผ่ การท�ำ กจิ กรรม คือ การท�ำ กิจกรรมเพื่อให้ปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมของนกั เรยี น ตอ้ งทำ�ทกุ กจิ กรรมทีก่ �ำ หนด ในแตล่ ะระดับชนั้ หรือตามความเหมาะสมของความผิด กิจกรรมท่ี ๑ หมายถึงกิจกรรมพัฒนาโรงเรียนรอบ ๆ อาคารต่าง ๆ การพัฒนาบุคลิกภาพเป็นกิจกรรม ทคี่ รูสามารถใหน้ กั เรยี นปฏิบตั ไิ ด้ทันทีและถูกตดั คะแนน ๑ – ๑๐ คะแนน ไดแ้ ก่ ๑. เก็บขยะภายในโรงเรียน หรือรอบ ๆ อาคารตา่ ง ๆ ๒. ทำ�ความสะอาดห้องเรียน อาคารเรยี นหรือบริเวณภายในโรงเรยี น ๓. วิ่งรอบสนาม ดันพนื้ หรอื วิง่ อยกู่ บั ท่ีตามความเหมาะสม กิจกรรมท่ี ๒ หมายถึงกิจกรรมการพัฒนาบริเวณโรงเรียน การพัฒนาบุคลิกภาพ และสติปัญญา เปน็ กจิ กรรมทค่ี รอู าจจะนดั หมายใหน้ กั เรยี นมาปฏบิ ตั ติ ามเวลาทกี่ �ำ หนด เนอ่ื งจากเปน็ การกระท�ำ ความผดิ ระดบั กลาง และถกู ตัดคะแนน ๑๑ – ๑๙ คะแนน ได้แก่ ๑. พฒั นา ท�ำ ความสะอาดภายในอาคารเรียนตามท่คี รูกำ�หนดในเวลา ๕ วันท�ำ การ ๒. เกบ็ เศษขยะ เศษวัสดุอืน่ ๆ ภายในโรงเรยี นตามทคี่ รูก�ำ หนดในเวลาหลงั เลกิ เรียนเป็นเวลา ๕ วนั ทำ�การ ๓. ท�ำ รายงานตามหวั ข้อท่คี รูกำ�หนดเพ่ือพฒั นาสติปัญญา ความยาว ๑ - ๒ หนา้ กระดาษ หรือรายงาน ขา่ ววนั ละ ๑ - ๒ ข่าว บรเิ วณหนา้ เสาธงเป็นเวลา ๕ วนั ทำ�การ กิจกรรมท่ี ๓ หมายถึงกิจกรรมพัฒนาบริเวณโรงเรียน พัฒนาบุคลิกภาพ และสติปัญญาเป็นกิจกรรม ที่ครูอาจจะนัดหมายให้นักเรียนปฏิบัติตามกำ�หนดเวลาท่ีกำ�หนด เน่ืองจากเป็นการกระทำ�ความผิดร้ายแรง และถูกตดั คะแนน ๒๐ คะแนนข้นึ ไป ไดแ้ ก่ ๑. ล้างห้องน้ำ�ครู - นกั เรียน จำ�นวน ๕ – ๑๐ ห้อง เปน็ เวลา ๕ วันทำ�การ ๒. พัฒนาโรงเรยี นหรอื สาธารณะสมบัติตามท่กี �ำ หนดในวนั หยุดราชการ (เสาร์ – อาทติ ย์) เป็นเวลา ๖ วนั ๓. เก็บเศษขยะหรอื เศษวสั ดุอ่นื ภายในโรงเรยี นตามทค่ี รูก�ำ หนด ในเวลาหลงั เลกิ เรยี นเป็นเวลา ๑๐ วนั ท�ำ การ

86 ตารางก�ำ หนดการลงโทษ และตดั คะแนนความประพฤตขิ องนักเรยี น โรงเรยี นหนองไผ่ อำ�เภอหนองไผ่ จังหวดั เพชรบรู ณ์ ส�ำ นกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษาเพชรบรู ณ์ ประเภทความผิดวินัยนักเรยี นไม่ร้ายแรง ลำ�ดบั ประเภทความผิด คร้ังท่ี ๑ ครัง้ ท่ี ๒ ครั้งที่ ๓ ที่ คะแนน ท�ำ กิจกรรม คะแนน ท�ำ กจิ กรรม คะแนน ทำ�กิจกรรม หมายเหตุ ๑ มาโรงเรียนสาย เตอื น - ๒๑๔ ๒ ๒ แต่งกายผดิ ระเบยี บ เตอื น - ๓๑๕ ๒ ๓ ไว้ผมยาว/ทรงผมผดิ เตอื น - ๓๑๕ ๒ ระเบียบ ๔ หนเี รยี น ๕ ๑ ๗ ๒ ๒๐ ๔ ๕ หนกี ารเขา้ แถว/ไมร่ ่วม ๕ ๒ ๑๐ ๓ ๑๕ ๔ กจิ กรรม ๖ ใชโ้ ทรศพั ทโ์ ดยไมไ่ ดร้ บั ๑๐ ๒ ๒๐ ๔ ๓๐ ๕ อนญุ าต ๗ ขับชีย่ านพาหนะในบรเิ วณ ๕ ๒ ๑๐ ๓ ๒๐ ๕ โรงเรยี นหรอื พ้ืนทหี่ ้าม นักเรยี นขบั ขี่เวลาทำ�การ

87 ประเภทความผิดวนิ ยั นักเรียนร้ายแรง ลำ�ดบั ประเภทความผิด ครั้งท่ี ๑ คร้งั ที่ ๒ ครง้ั ท่ี ๓ ท่ี คะแนน ท�ำ กจิ กรรม คะแนน ทำ�กิจกรรม คะแนน ทำ�กิจกรรม หมายเหตุ ๑ ตรวจพบ/สบู บหุ รี่ เที่ยวกลางคืน ๑๐ ๒ ๑๕ ๔ ๒๐ ๖ ๒ ด่ืมสุรา ๒๐ ๓ ๒๕ ๒ ๓๐ ๖ ๓ ตรวจพบ/สบู บุหรไี่ ฟฟา้ สูบ ๒๐ ๓ ๒๕ ๒ ๓๐ ๖ กญั ชา ดื่มน้�ำ กระทอ่ ม ๔ ก่อการทะเลาะววิ าททง้ั ใน ๒๐ ๔ ๒๕ ๖ ๓๐ ๖ และนอกโรงเรียน ๕ ขาดโรงเรยี นโดยไมม่ เี หตุผล ๑๐ ๓ ๑๕ ๔ ๒๐ ๕ ๖ ขัดค�ำ ส่ังครูที่สง่ั โดยชอบดว้ ย ๕ ๓ ๑๕ ๔ ๒๐ ๕ ระเบียบแบบแผนขอ้ บงั คับ ของโรงเรียน ๗ ไมใ่ ห้ความเคารพครู ๕ ๒ ๑๐ ๓ ๑๕ ๔ ๘ หนอี อกจากบรเิ วณโรงเรียน ๑๐ ๔ ๒๐ ๕ ๓๐ ๖ ในเวลาเรียน ๙ ชู้สาว ๕ ๒ ๑๐ ๔ ๒๐ ๕ ๑๐ ทำ�ลายช่อื เสียงของโรงเรยี น ๒๐ ๔ ๓๐ ๕ ๕๐ ๖ ๑๑ พดู จาหยาบคายท�ำ ตนเปน็ อนั ธพาล ๒๐ ๔ ๔๐ ๖ ส่งตอ่ ใหผ้ ้อู ำ�นวยการ กระทำ�อนาจาร โรงเรยี นพจิ ารณาโทษสงู สุด ๑๒ พาพาอาวุธหรือวตั ถเุ ทียม ๒๐ ๔ ๔๐ ๖ ส่งตอ่ ให้ผอู้ ำ�นวยการ อาวุธมาโรงเรียน โรงเรียนพิจารณาโทษสงู สุด ๑๓ ดหู มน่ิ ก้าวรา้ วตอ่ ครู ๒๐ ๔ ๔๐ ๖ สง่ ตอ่ ให้ผอู้ ำ�นวยการ โรงเรยี นพจิ ารณาโทษสูงสดุ ๑๔ ท�ำ ลายทรัพยส์ นิ ของโรงเรียน ๒๐ ๔ ๔๐ ๖ สง่ ตอ่ ใหผ้ อู้ �ำ นวยการ ครู นกั การฯและนกั เรยี น โรงเรียนพจิ ารณาโทษสงู สดุ

88 ลำ�ดับ ประเภทความผิด ครั้งท่ี ๑ คร้ังท่ี ๒ ครง้ั ท่ี ๓ ท่ี คะแนน ท�ำ กจิ กรรม คะแนน ทำ�กจิ กรรม คะแนน ทำ�กิจกรรม หมายเหตุ ๑๕ ขโมยทรพั ย์สนิ หรือรีดไถผู้อื่น ๒๐ ๔ ๔๐ ๖ ส่งต่อใหผ้ ู้อำ�นวยการ ๑๖ เล่นพนันทกุ ชนดิ โรงเรยี นพจิ ารณาโทษสูงสดุ ๑๗ นำ�บคุ คลภายนอกเขา้ มามัว่ สุม ๒๐ ๔ ๔๐ ๖ สง่ ตอ่ ให้ผู้อำ�นวยการ ในโรงเรยี น โรงเรียนพิจารณาโทษสูงสุด ๑๘ เสพยาหรือตดิ ยาเสพติด ๒๐ ๔ ๔๐ ๖ ส่งต่อให้ผอู้ ำ�นวยการ โรงเรยี นพิจารณาโทษสงู สุด ๒๐ ๔ ๕๐ ๖ สง่ ต่อให้ผอู้ ำ�นวยการ โรงเรียนพจิ ารณาโทษสูงสดุ ๑๙ มยี าเสพตดิ ไว้ในครอบครอง ให้เข้ารับการพักฟื้น (รักษา) เพ่ือจำ�หน่าย สง่ ต่อให้ผูอ้ �ำ นวยการโรงเรยี นพจิ ารณาโทษสูงสุด ๒๐ ประพฤตผิ ดิ รา้ ยแรงในทางชูส้ าว สง่ ต่อให้ผู้อำ�นวยการโรงเรยี นพจิ ารณาโทษสูงสดุ ประกาศ ณ วนั ที่ ๒๘ เดอื น กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงชื่อ (นางสาวอารรี ตั น์ ชูรวง) ผู้อ�ำ นวยการโรงเรยี นหนองไผ่

89 แนวปฏิบตั ิในการขอหนังสือรับรองความประพฤตินกั เรยี น โรงเรียนหนองไผ่ สำ�นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาเพชรบูรณ์ หลกั ฐานทใ่ี ช้ 1. แบบคำ�ร้องขอหนังสือรับรองความประพฤตินักเรยี น 2. รปู ถา่ ยนักเรียนทีถ่ า่ ยไว้ไมเ่ กนิ 6 เดอื นขนาด 1.5 นว้ิ จำ�นวน 1 รูป/หนังสือ 1 ฉบับ 3. รา่ งตวั อย่างหนังสอื รบั รองความประพฤติ (กรณีที่ไมใ่ ช่รูปแบบทโี่ รงเรยี นก�ำ หนด) ข้ันตอนการดำ�เนนิ การ 1.รับใบคำ�ร้องขอหนังสือรับรองความประพฤติท่ีงานวินัยนักเรียนกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน และเขียนคำ�ร้องให้ครบตามรายการท่ีกำ�หนดลงช่ือผู้ยื่นคำ�ร้องพร้อมระบุเหตุผลที่ขอหนังสือรับรองความประพฤติ นักเรยี น ทงั้ นตี้ ้องให้ครทู ีป่ รกึ ษาลงนามในแบบค�ำ รอ้ งขอหนงั สอื รับรองความประพฤติด้วย 2. ยื่นคำ�ร้องทก่ี รอกข้อมลู แลว้ พรอ้ มรูปถา่ ย ใหเ้ จ้าหน้าทีง่ านวินัยนกั เรียน กลุ่มบรหิ ารงานกิจการ นักเรยี นตรวจสอบความถกู ต้อง ส่งค�ำ ร้องล่วงหนา้ อย่างนอ้ ย 5 วนั ทำ�การ (ไมน่ บั วันหยดุ ราชการ) กอ่ นรับใบรบั รอง โดยรปู ถ่ายทใี่ ช้ท�ำ ใบรับรองความประพฤตติ อ้ งถกู ตอ้ งตามระเบียบ ดงั น้ี 2.1กรณีนักเรียนกำ�ลังศึกษาอยู่รูปถ่ายที่ใช้จัดทำ�ใบรับรองความประพฤติต้องเป็นรูปถ่าย ชุดนกั เรียน ไมส่ วมหมวก ไม่สวมแวน่ ตา และเคร่ืองประดบั ทรงผมถูกต้องตามระเบียบของโรงเรยี นพน้ื หลังรูปสีฟ้า ขนาด 1.5 นิว้ หรือ 3 x 4 เซนติเมตร รูปถา่ ยมอี ายุไมเ่ กิน 6 เดอื น โดยมีข้อควรระวงั ดังน้ี 3. รับหนังสือรับรองความประพฤติทีย่ ื่นค�ำ รอ้ งขอไวโ้ ดยลงช่อื รับทกุ ครั้ง ในเลม่ บันทกึ การรับใบรับรอง ความประพฤตนิ กั เรยี นต้องรบั ดว้ ยตัวเอง ไมอ่ นญุ าตให้เพ่ือนรบั แทน ยกเว้นผู้ปกครองตดิ ตอ่ รับใบรบั รอง ความประพฤตแิ ทนนกั เรยี น ขอใหแ้ สดงบตั รประชาชน แก่เจา้ หนา้ ทีง่ านวนิ ัยนักเรียน กลุ่มบริหารงานกิจการนกั เรียน **หมายเหตุ** 1. ให้กรอกรายละเอียดในแบบค�ำ ร้องขอหนังสือรับรองความประพฤติดว้ ยตวั บรรจงเพอื่ ป้องกัน ขอ้ มูลผดิ พลาดและกรอกหมายเลขโทรศัพท์สำ�หรบั ตดิ ต่อกลบั 2. กรณงี านวินัยนักเรียน กลมุ่ บริหารงานกิจการนกั เรยี น ไม่สามารถด�ำ เนนิ การจัดทำ�เอกสาร ใหท้ นั ตามกำ�หนดเวลา นกั เรยี นอาจได้รับใบรบั รองความประพฤตชิ า้ กวา่ กำ�หนดเล็กนอ้ ย

90 แผนผงั ข้ันตอนการขอหนงั สอื รับรองความประพฤตนิ ักเรียน โรงเรยี นหนองไผ่ สำ�นักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเพชรบูรณ์ หมายเหตุ - หนงั สอื รับรองความประพฤติจะใชเ้ วลาดำ�เนินการประมาณ 3 - 5 วนั ทำ�การ - กรณเี อกสารเร่งดว่ น สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง จะพิจารณาเป็นกรณี

91 ระบบดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี น งานระบบการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี น โรงเรยี นหนองไผ่ งานระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียนโรงเรียนหนองไผ่ ไดด้ �ำ เนนิ การพฒั นาระบบการดูแลช่วยเหลือ นกั เรยี นให้มปี ระสิทธิภาพ พฒั นาให้เปน็ ผูร้ ู้ มคี วามถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รู้จุดเดน่ จุดดอ้ ย กลา้ แสดงออกอยา่ งเหมาะสมและสร้างสรรค์ สามารถวเิ คราะห์ ตดั สนิ ใจ ช่วยเหลอื และแกป้ ญั หาต่างๆได้ดว้ ย ตนเอง อีกทง้ั มีทักษะชวี ติ สามารถอยใู่ นสังคมได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย โดยมีกระบวนการขั้นตอนการ ด�ำ เนนิ งาน ดังน้ี

92 1. จดั ครทู ปี่ รกึ ษาตามคุณสมบตั ขิ องครูท่ีปรกึ ษา ให้สอดคล้องกับแผนการเรยี นของนกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม 2. ครทู ีป่ รกึ ษาปฏบิ ัตหิ นา้ ทีก่ รอบงานตามแผนภูมิ โดยดูแลนกั เรยี นดว้ ยความรกั ความเอาใจใส่ ประสาน ความสมั พันธก์ ับผู้ปกครองนกั เรยี นอยเู่ สมอ เพือ่ พฒั นาส่งเสรมิ นกั เรยี นและช่วยเหลอื ป้องกนั แก้ไข ปัญหาตา่ งๆ ที่เกดิ ข้นึ 3. มกี ิจกรรมตา่ งๆ เพื่อดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี นใหม้ สี วัสดิภาพ ความปลอดภัยและมที กั ษะการดำ�รงชวี ติ สามารถดแู ลตนเองได้ ใช้ชีวิตอย่ใู นสังคมอยา่ งมีความสุข ดังนี้ 3.1 กจิ กรรมเยย่ี มบ้านนกั เรยี น เพอ่ื ร้จู ักนักเรยี นเป็นรายบุคคลใหม้ ากย่งิ ขน้ึ อีกท้ังยงั สร้างความสมั พนั ธ์ ทด่ี ีระหวา่ งบ้านกบั ทางโรงเรยี นอีกดว้ ย โดยครูทป่ี รึกษาลงพนื้ ทีเ่ ย่ียมบ้านนักเรียนครบ ๑๐๐% สรุปเปน็ รูปเลม่ สง่ งานระบบฯ 3.2 กจิ กรรมทุนการศึกษา เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาท่ีดีใหก้ บั นกั เรียน โดยงานระบบฯ มที ุนการศกึ ษา ที่หลากหลายตามความต้องการของนกั เรียน เชน่ - ทุน กยศ. สำ�หรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 - ทนุ เรียนฟรี ตลอดหลักสูตร - ทนุ เรยี นดี ขาดแคลนทนุ ทรัพย์ - ทนุ นักเรียนประพฤตดิ ี มคี ณุ ธรรมและมจี ติ อาสา - โครงการ อาหารกลางวัน 4. กำ�กับติดตามนกั เรยี นผ่าน NP-School App เพ่ือตรวจสอบนกั เรยี นเข้าโฮมรูม และสามารถตดิ ตาม นักเรียนในกรณไี ม่พึงประสงค์ต่างๆ 5. ให้ค�ำ ปรกึ ษานกั เรียนในทุกด้านจากครทู ่ปี รกึ ษา หัวหน้าระดบั ครูนกั จติ วทิ ยาประจ�ำ โรงเรียน ในกรณี ท่ีพฤตกิ รรมนกั เรยี นไม่ดีขน้ึ งานระบบฯจะส่งต่อไปยงั หนว่ ยงานภายนอกทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั พฤติกรรม นักเรียนเพ่ือ ดูแลชว่ ยเหลือและแก้ไขปญั หาตอ่ ไป 6. ประสานความร่วมมอื ในการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี นกบั กลุ่มบริหารงานทัง้ 6 กลุม่ งาน

93 งานทนุ การศึกษา ประกาศโรงเรยี นหนองไผ่ เรอื่ ง ทุนเรียนฟรตี ลอดหลกั สตู ร ๑. ทนุ การศึกษาน้ี ให้ช่อื ว่า \"ทนุ เรยี นฟรีตลอดหลักสูตร\" ๒. ทนุ การศึกษานมี้ ีจุดมงุ่ หมายเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ความเสมอภาค และความเทา่ เทียมใหน้ ักเรยี น ที่เปน็ คนดี เรยี นดี มจี ติ อาสา เพอื่ จะไดศ้ ึกษาจนสำ�เร็จการศกึ ษาตามหลักสตู ร ๓. คณะกรรมการบรหิ ารทุนการศกึ ษา ทำ�หน้าทค่ี ดั เลือกผรู้ ับทนุ การจ่ายเงนิ ทุน การติดตามผลการศึกษา และความคืบหน้าทางด้านอ่ืน ๆ ของผู้รบั ทนุ และรายงานผลต่อสถานศึกษาทุกปี ๔. คณะกรรมการบริหารโรงเรยี นหนองไผ่ เป็นผ้กู ำ�หนดจำ�นวนทนุ มูลค่าทุน คณุ สมบตั ิของผูข้ อรบั ทุน และวิธีดำ�เนินการจ่ายเงนิ ทนุ เป็น “คา่ บ�ำ รงุ การศึกษา ค่าอาหารกลางวนั และคา่ เดนิ ทาง” แกน่ ักเรียนโดยตรง หรอื ดำ�เนินการตามหลักเกณฑ์การใชจ้ า่ ยเงนิ ระดมทรัพยากรตลอดหลกั สตู ร ทง้ั นี้ เงินทุนท่ไี ดร้ ับตอ้ งไมซ่ �้ำ ซ้อน กบั ทุนปัจจยั พนื้ ฐานนักเรียนยากจน ๕. จำ�นวนทุน ทนุ สนบั สนุนการศกึ ษาเป็น ทนุ เรยี นฟรตี ลอดหลกั สตู ร ดังนี้ ๑. ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาตอนตน้ จำ�นวน ๙ ทนุ ๒. ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาตอนปลาย จำ�นวน ๙ ทนุ ๖. คุณสมบตั ิของผสู้ มัครขอรบั ทุนการศึกษา มีดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ก�ำ ลงั ศกึ ษาในระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ และ ๔ ตอ้ งมีผลการเรยี นเฉลยี่ ดงั นี้ ๑. ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ มผี ลการเรียนเฉล่ยี ในภาคเรียนที่ ๑ ไมต่ �ำ่ กว่า ๓.๐๐ ๒. ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ มีผลการเรยี นเฉลยี่ ในภาคเรียนท่ี ๑ ไมต่ ำ่�กว่า ๓.๐๐ ๓. นักเรยี นทนุ เรียนฟรีตลอดหลักสูตรตอ้ งมีผลการเรียนเฉลี่ยทกุ ภาคเรยี น ไม่ต่ำ�กว่า ๓.๐๐ (๒) มีฐานะยากจน จ�ำ เปน็ ต้องไดร้ บั ความช่วยเหลอื จึงจะไดศ้ กึ ษาตอ่ จนจบหลกั สูตร (๓) มีความขยันหมั่นเพยี รในการเรยี น หรอื มจี ติ อาสาช่วยเหลืองาน/กจิ กรรมของโรงเรยี นหนองไผ่ หรืองาน/กจิ กรรมท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อสงั คม หรอื มจี ิตอาสาด้านอนื่ ๆ (๔) มีความประพฤติดี มคี ุณธรรมจริยธรรม ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บโรงเรยี นหนองไผ่ว่าด้วยการปกครอง นักเรียน พ.ศ.๒๕๕๓ (แกไ้ ขเพ่ิมเติม พ.ศ.๒๕๖๓) เปน็ ทย่ี อมรบั

94 (๕) รกั สถาบันโรงเรียน และมคี วามรกั สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และมที ัศนคติทด่ี ตี ่อ บา้ นเมอื ง ๗. การยน่ื ใบสมคั ร (๑) ผทู้ ่ปี ระสงค์จะขอรับทุนการศึกษา สามารถขอใบสมัครได้ทกี่ ิจกรรมทุนการศึกษา งานระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน (๒) ผู้สมคั รต้องได้รับการรบั รองจากผ้ปู กครอง โดยกรอกข้อความและเซน็ ช่อื รับรองในใบสมัคร กรณผี ้ปู กครองและผู้สมคั รไม่ได้อยู่ภูมลิ �ำ เนาเดียวกันครทู ่ีปรกึ ษาสามารถรบั รองแทนได้ (๓) ผู้สมัครแนบใบรบั รองแสดงผลการเรียน และใบรับรองความประพฤตพิ ร้อมใบสมัคร (๔) ผู้สมคั รต้องสง่ ใบสมคั รขอรบั ทุนพรอ้ มเอกสารโดยครบถ้วนทกี่ ิจกรรมทนุ การศกึ ษา งานระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี น ภายในระยะเวลาที่ก�ำ หนดไว้ ๘. ผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการบริหารทุนการศกึ ษาถือเปน็ ท่ีสน้ิ สุด และจะประกาศให้ทราบโดยตรง หรอื แจ้งผ่านครูทีป่ รึกษาของนักเรียนทขี่ อรับทุน ๙. ผูร้ บั ทนุ จะตอ้ งรายงานผลการศกึ ษา ใบรับรองความประพฤติ และบันทึกความดีตอ่ คณะกรรมการ บริหารโรงเรียนหนองไผ่เม่อื สนิ้ ภาคเรยี น ๑๐. ผู้รบั ทุนจะตอ้ งประพฤติตนเปน็ แบบอยา่ งที่ดตี ามคุณสมบัตใิ นข้อ 6 หากขาดคณุ สมบัติขอ้ ใดข้อหนง่ึ หรอื มีความประพฤติไมเ่ หมาะสม ยกเลิกการรบั ทุนทุกกรณี และพจิ ารณาผทู้ ม่ี ีคุณสมบัติรับทุน รายใหมท่ ดแทน ๑๑. คณะกรรมการบริหารโรงเรียนหนองไผ่ อาจพิจารณายกเว้นการใชห้ ลกั เกณฑน์ ขี้ ้อใดขอ้ หน่งึ ก็ได้ ในกรณที ่ีมีความจ�ำ เป็นและเหน็ สมควร ๑๒. ในการปฏิบัตติ ามหลกั เกณฑ์น้ี หากมขี ้อความใดในหลักเกณฑ์ไม่ชดั เจน ใหค้ ณะกรรมการบรหิ าร โรงเรียนหนองไผ่ มีอำ�นาจตีความ และการตคี วามดงั กลา่ วใหถ้ ือเปน็ ทส่ี ิน้ สุด ๑๓. หลักเกณฑก์ ารขอรบั ทุนการศกึ ษาโรงเรียนหนองไผน่ ้ี เปน็ เพียงการแจ้งใหท้ ราบเท่านนั้ โดยไมม่ ีผล บงั คับตามกฎหมายใช้กบั โรงเรยี นหนองไผท่ ุกกรณี ๑๔. ผอู้ ำ�นวยการโรงเรยี นหนองไผ่ หรือคณะกรรมการบริหารทนุ การศกึ ษา อาจพจิ ารณาให้ทนุ การศึกษา เป็นกรณพี เิ ศษนอกเหนือทีไ่ ดก้ ำ�หนดไว้ในหลกั เกณฑ์การขอรบั ทุนการศึกษาน้ี โดยยดึ ถือวตั ถุประสงค์ ของทนุ เปน็ หลกั สอดคลอ้ งกบั จำ�นวนเงินทนุ ของโรงเรยี น ประกาศ ณ วันท่ี ๑๔ เดือน มถิ นุ ายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ (นางสาวอารรี ัตน์ ชรู วง) ผอู้ ำ�นวยการโรงเรียนหนองไผ่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook