Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความจริงแห่งชีวิต

ความจริงแห่งชีวิต

Description: ความจริงแห่งชีวิต
ผู้แต่ง พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุต.โต)
จำนวน 39 หน้า
ขอขอบคุณข้อมูลแหล่งที่มา เพื่อการศึกษาเรียนรู้เท่านั้น

Search

Read the Text Version

ความจริงแหงชวี ิต พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) อนุสรณ นายเกรียงชัย ถิรสุนทรากุล ๑๔-๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙

สารบญั อนุโมทนา ................................................................................ (๑) ความจริงแหงชีวิต ........................................................ ๑ ปฏิบตั ิตอบุรพการี โดยทําหนา ที่ใหถ ูกธรรม ................................................๒ บททดสอบใจและเตือนใหนึกถึงความจรงิ ................................................... ๖ รคู วามจรงิ ของธรรมดา แตไดป ระโยชนม หาศาล .......................................๑๑ แสวงรสตาง ๆ มากมาย แตส ุดทายก็จบทรี่ สจดื ของความจรงิ .....................................................๑๗ สขุ แบบเคลอื บทาขางนอก กบั สุขดว ยสดใสขางใน .....................................๒๒ ถงึ แมอ ะไรจะเปลีย่ นแปลงผนั ผวนไป ก็ตองรักษาสมบตั แิ ทของเราไวใหไ ด ....................................................๒๗

ความจริงแหง ชวี ิต∗ บททดสอบใจและเตอื นใหนึกถึงความจรงิ นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพุทธฺ สฺสฯ โย จ วสฺสสตํ ชเี ว อปสฺสํ อุทยพฺพยํ เอกาหํ ชวี ิตํ เสยโฺ ย ปสฺสโต อทุ ยพฺพยนตฺ ิ บดั น้ี จะวิสัชชนาพระธรรมเทศนา พรรณนาอานสิ งส คือ ผลดีของการบําเพญ็ กศุ ลทกั ษณิ านปุ ระทานกจิ อทุ ศิ แดท า นผูลว ง ลับ พรอมทง้ั คตเิ ตอื นใจในทางธรรม เกี่ยวดว ยเรื่องมรณกรรม อนั จักเปนเครื่องประดับสติปญญาบารมีของทานสาธุชนท้ังหลายสืบ ตอไป พอสมควรแกเ วลา ณ วาระน้ี คณะเจาภาพ พรอ มดวยบุตรหลานและญาติ มติ รท้งั หลาย ไดจดั พธิ ีบําเพ็ญกศุ ล โดยปรารภมรณกรรมของทา น ผูเปนท่ีเคารพนบั ถือ เปนญาติสนทิ เปน บุรพการี จึงเปน เหตกุ ารณ ทีน่ ํามาซง่ึ ความเศราสลดใจ และความโศกาอาลยั เปนอนั มากแก ทานผใู กลช ดิ ซึง่ มีความรักใคร และระลกึ ถงึ ในพระคณุ ความดี ∗ พระธรรมเทศนาในการบาํ เพ็ญกศุ ลอุทิศคุณชม รักตะกนษิ ฐ ผูลวงลับ เมือ่ วนั ที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๓ ในการพมิ พค รง้ั น้ไี ดต ดั ขอความทเ่ี ปน เร่อื งเฉพาะครอบครวั ออก เพือ่ การเผยแพรเ ปน สาธารณะ

๒ ความจรงิ แหงชวี ิต และจงึ ไดจ ดั พธิ บี ําเพญ็ กศุ ลน้ขี ึน้ มา ซึง่ จะเปน อบุ ายอยา งหนึ่งที่ ทําใหร ะลกึ วา เราจะทาํ ความดเี พ่อื ทา นผลู ว งลบั และดวยการทํา บญุ กศุ ลอันเกิดจากความมีน้ําใจนี้ ก็จะเปนเคร่อื งบรรเทาเสียซง่ึ ความเศรา โศกอาลยั นัน้ ไดบ าง อกี ประการหนึง่ เมอ่ื ไดจ ดั พิธบี าํ เพ็ญกุศลนี้แลว กจ็ ะได ระลึกถึงหลักธรรมในทางพระศาสนา เปน เครือ่ งเตอื นใจ ทาํ ให ระลึกถงึ ความเปนจรงิ ของชวี ิต แลวจะทาํ ใหเ กิดความรเู ทาทัน ความรูเ ทาทันนี้ ก็จะชวยบรรเทาความโศกเศราลงไดอ กี สว นหนงึ่ โดยนยั น้ี การปฏบิ ตั ทิ างพระศาสนานน้ั กจ็ ะเปน เครอ่ื งฟน ฟู บาํ รงุ จติ ใจได ๒ ประการ ทง้ั ในแงเกยี่ วกบั กุศล คอื ความดงี าม ตา งๆ ทไ่ี ดกระทํา ซงึ่ เปน การแสดงนํ้าใจตอทา นผลู ว งลับไปแลว และในสว นของความรูค วามเขาใจความจรงิ รวมท้งั ๒ ประการนี้ อาจเปนเหตใุ หบรรเทา หรอื ถงึ กบั ตัดความโศกเศรา อาลยั ลงได และทําใหเ จรญิ บญุ กุศลขน้ึ มาแทนท่ี เปน ผลดีทัง้ แกทา นผลู วงลับ และทานผูยงั มชี ีวติ อยู ปฏิบตั ิตอบรุ พการี โดยทาํ หนาที่ใหถ กู ธรรม ในสว นแรก คอื การบาํ เพ็ญกศุ ล ท่ีมกี ารทําความดีตา งๆ น้ี กลาวไดว า เปนการบําเพ็ญหนาที่ตอกัน ทานเรยี กวาเปน การ บาํ เพญ็ ญาติธรรม คือธรรมตอ ญาติ หรือพดู งา ยๆ วาเปนหนา ท่ตี อ ญาติ คือ คนเราน้ันที่มคี วามสัมพันธใ กลชดิ กัน เปนญาตพิ ่ีนองกนั กย็ อ มมหี นาทีท่ ่ีจะตองปฏิบัตติ อ กัน

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๓ ในยามมชี ีวติ อยู หนา ที่ตอกนั ก็เปน ไปตา งๆ สุดแตวา จะ ดํารงอยใู นฐานะแหง ความสมั พันธอยา งไหน เชน เปนบดิ ามารดา หรือเปนพเ่ี ปน นอ ง เปน ญาติเปนมติ ร เปนครอู าจารยเปน ตน เราก็ ปฏบิ ตั ไิ ปตามหนาท่ที ี่สมควรกบั ความสมั พันธอนั น้นั น่ีเปนหนา ที่ สว นท่ีมนุษยเราจะตอ งปฏิบตั อิ ยูแลว ซงึ่ เรยี กวา ญาติธรรม รวมไป ถึงมติ รธรรม และสงั คหธรรม คือการสงเคราะหกันในหมชู าวโลก แตใ นเวลาทท่ี านเหลา น้นั ลว งลบั หรือพลดั พรากจากไป แลว การปฏิบตั ิหนาทต่ี อ กันอยางท่ีเคยทาํ เม่ือยังเปน อยนู ัน้ เปน สงิ่ ที่ทําไมได กต็ องอาศัยวิธปี ฏิบตั ใิ นทางพระศาสนา ที่เรยี กวาเปน การบําเพ็ญกศุ ลอุทศิ แดท า นผูลวงลับไปแลว การบําเพ็ญกศุ ลอทุ ิศ แดผูลว งลับไปแลว นี้ จงึ เรียกวาเปนญาตธิ รรมตอ ทา นผูล วงลบั ไป น้ัน เปนขอ ปฏิบัตเิ ทา ทมี่ นุษยเราจะพึงทาํ ได และแสดงนา้ํ ใจไดตอ ทานทล่ี วงลบั ไปแลว โดยเฉพาะสําหรบั ทานผมู ีพระคุณ เปนบพุ การี เปน บดิ า มารดาน้นั การกระทาํ ท่ีเปนการปฏบิ ัติในญาติธรรมนี้ยังเรยี กวา เปนการแสดงความกตัญูกตเวทีอีกประการหนึง่ ดวย ถือวา เปน การแสดงนํ้าใจระลึกถึงพระคุณของทานและไมไดทอดท้ิงทาน เมื่อทานยังอยูเราก็แสดงนา้ํ ใจเอื้อเฟอโดยทางวัตถุสิ่งของและการ แสดงออกท่ีเปน รูปธรรม ซ่งึ เรียกวาเปน การปฏบิ ัตติ ามหลักธรรม คาํ สอนของพระพทุ ธเจา ดงั ทที่ รงแสดงไววา สาํ หรบั บดิ ามารดานน้ั ถา ทานยังมชี ีวติ อยู เมอื่ ทา นแก เฒา ลง ทานเลย้ี งดเู รามาแลว เราก็เลี้ยงดทู านตอบแทน

๔ ความจริงแหง ชวี ติ นอกจากเล้ยี งดตู อบแทนทา นแลว ยังสามารถตอบแทน พระคณุ ในฐานะอ่นื ไดอกี มาก เชน วา ทานมกี จิ ธรุ ะอะไร เราพอจะ มีกําลังชว ยเหลือได กท็ ํากิจธรุ ะนั้นๆ แทนทาน หรอื รบั ใชท านใน กิจธรุ ะเหลา นนั้ ในแงของความประพฤติ ตองประพฤตติ นใหดี ตัง้ อยใู น ความเปนพลเมอื งดี หรอื เปนทายาททด่ี ี เพอ่ื ใหเกดิ ความเบาใจแก บดิ ามารดา เพราะวา ความเปน คนดีนนั้ เปน สงิ่ สําคญั ทจ่ี ะทาํ ให บดิ ามารดามคี วามสบายอกสบายใจตอ ลกู ลกู สามารถรักษานาํ้ ใจ ของพอ แมไดดว ยการดํารงอยใู นโอวาท หรือประพฤตติ นเปนคนดี ขอสาํ คัญท่ีจะเกีย่ วเนือ่ งตอไปกค็ ือ บุตรธิดานั้นจะตอง เปนผูท ่ีสืบมรดกหรอื สบื วงศต ระกูล การท่ีจะเปนผสู ืบวงศตระกูล ตอไปไดนั้นก็จะตอ งเปน คนดี เชน เปน คนท่มี ีความขยนั หมั่นเพียร เปน ตน ธรรมดาบิดามารดาน้ันยอมมีความหวังจากลูกวาจะให เปน ทายาทสบื ตระกลู รักษาทรพั ยม รดก แลว ก็ทาํ ใหว งศตระกูล นน้ั มชี อ่ื เสียงดาํ รงอยใู นความดงี าม เมื่อเห็นลูกประพฤติดี พอแมก ็ มคี วามเบาอกเบาใจ หรอื มคี วามสขุ และมน่ั ใจวาลกู จะรกั ษาวงศ ตระกูลไวได ในทางตรงขา ม ถาเห็นลูกประพฤตไิ มด ี พอแมก็ยอ มมี ความทกุ ขเ ปน อันมาก จนกลา วไดว า ความสุขความทุกขข องพอ แมนัน้ ฝากไวก ับลกู เปน อยา งย่งิ ทีเดียว ดงั น้นั ถาลกู ประพฤตติ น

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๕ เปน คนดี เปนคนทีม่ ีความเจรญิ กาวหนา พอแมก็มีความสุขไป ดว ย การประพฤติตนเปน คนดขี องลกู น้ี เก่ียวโยงไปถงึ การสบื ตอ วงศต ระกูลดว ย ทานจงึ ไดกําหนดขอ ปฏิบตั ิไวอ กี อยา งหน่งึ โดย เฉพาะวา จะตองประพฤตติ นใหเปน ผูสมควรแกท รัพยม รดกดวย ทก่ี ลาวมาน้ีกเ็ ปนหลกั ธรรมตา งๆ ทีเ่ กย่ี วกบั หนา ทข่ี องบุตร ธิดาตอ บิดามารดา ซ่งึ ทา นจะเนน เปนพเิ ศษ ในสว นของขอปฏบิ ตั ิ ระหวางบดิ ามารดายังมีชีวติ อยู โดยเฉพาะขอ ที่วา ทา นเล้ยี งดเู รา มาแลว เราก็เลีย้ งดูทา นตอบแทน แตเมื่อทา นลว งลบั ไปแลว เราไม สามารถแสดงนาํ้ ใจในการท่จี ะเลี้ยงดูทานตอบแทนได เพราะแม แตรางกายของทาน เรากไ็ มส ามารถที่จะรักษาไวได เพราะฉะนน้ั จงึ ทําไดตามวธิ ีท่ีเรียกวาอทุ ศิ กุศลใหในเม่อื ทานลว งลบั ไปแลว การอทุ ศิ กุศลนก้ี ็เปนกิจประการหนง่ึ แตมใิ ชสน้ิ สุดเพยี ง เทาน้นั คือจะตอ งเปนเครือ่ งเตอื นใจลกู ตอ ไป ใหร ะลึกถงึ พระคุณ ความดขี องทาน พรอ มท้งั แนวทางความประสงคข องทา น ท่ีตั้งใจ จะใหล กู หลานทําสงิ่ ทีด่ งี าม แลวพยายามทจี่ ะประพฤติปฏิบัตติ าม เชน ตัวอยาง คอื การรกั ษาวงศตระกลู และรักษาชอื่ เสียงเกยี รติ คุณของวงศตระกลู เปน ตน ดงั ท่ไี ดก ลา วมานนั้ แมแ ตก จิ ธุระอะไร ตางๆ ของทานท่ีเคยทําแทนทาน เมอ่ื ทานลว งลบั ไปแลว อันใดที่ ยังทาํ ไดก ต็ องทําตอไป แตจุดสาํ คัญก็คือในขณะเมื่อทา นลว งลับ ไปแลว ใหมๆ น้ี จะเนนการกระทาํ ทป่ี รากฏชดั คอื การบาํ เพ็ญกุศล ใหแ กทานผูลวงลบั ไปแลว เปน การแสดงนํา้ ใจตอ ทาน

๖ ความจรงิ แหง ชวี ติ บททดสอบใจและเตอื นใหน ึกถงึ ความจริง มองในแงหนึง่ เร่ืองของชีวติ ที่มีความเกิดขน้ึ และมีความ สิน้ สุดนี้ วาตามคติทางพระศาสนากเ็ ปนเรอ่ื งธรรมดา แตเปน ธรรมดาในสวนท่มี นษุ ยเ ราไมช อบใจ คือเปน สวนอนฏิ ฐารมณ อารมณท ่ีไมน า ปรารถนา ใคร ๆ กไ็ มอ ยากใหเ กิดขึ้น แตม นั กเ็ ปน ส่งิ สดุ วสิ ัยท่จี ะไปหา มปรามกดี กน้ั ได มันจะตองเกิดข้ึนแนน อน เพราะเปนกฎธรรมชาติ เม่ือมนั ยงั ไมเ กดิ เราก็ไมอยากใหเกิด แต เมอ่ื เกิดขึน้ แลว เรากจ็ ะตองยอมรับความจริง การยอมรบั ความจริงนี้ ถาเอามาใชใ นทางธรรมกก็ ลาย เปนบททดสอบจติ ใจของเราไดดวย และถา ทาํ อยางน้ันก็กลายเปน วาเราสามารถถือเอาประโยชนจากสถานการณหรือเหตุการณท่ี เกดิ ขน้ึ สวนที่วามันเปนไปแลวอยางท่ีไมนาจะเปนไปนั้นเราก็ตอง ยอมรบั ความจริง แตสวนหน่ึงกค็ อื การนํามาใชในการทดสอบจติ ใจของตนเอง เพื่อเปนเคร่อื งวัดผลการปฏิบตั ธิ รรมวา อนั น้ลี ะ นะ คอื ของจรงิ ทป่ี รากฏขึน้ แลว เปน ความจรงิ ตามหลกั ธรรมท่พี ระ พทุ ธเจา ตรสั ไววา ส่งิ ทัง้ หลายมกี ารเกดิ ข้นึ ต้งั อยู แลว เสือ่ มสลาย ไปเปน ธรรมดา โดยเฉพาะชวี ติ ของมนษุ ยน้ี มกี ารเกดิ แลวก็ตอ งมี ความตาย เปนของแนน อน ไมม ีใครหลกี เลีย่ งได ปญหาอยทู ่วี า เมอ่ื มนั เกิดขน้ึ แลวเราจะทําใจของเราอยางไร ถา เปน ลกั ษณะจติ ใจของผูทไี่ ดฝ กฝนตนเองหรือพัฒนาแลว กจ็ ะเปนจิตใจท่สี ามารถ ตง้ั ตัว หรือฟน ฟูตวั เองไดทัน

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๗ ทานกลา ววา คนเราน้ันอยูในโลกกจ็ ะตองประสบโลกธรรม คอื ส่งิ ทเี่ ปนธรรมดาของโลก เปน ธรรมดา ถาเราไมไ ดฝก ฝนจติ ใจ ของเรา เวลาประสบอารมณท่ีไมน าปรารถนา ก็จะเกิดความเศรา โศกเสียใจ ทานเรียกวา มีการยุบหรือแฟบ จิตใจกห็ อเหีย่ ว แตใ น ทางตรงขา มถาไดรบั อารมณทีน่ า ปรารถนาอยา งทเี่ รียกวา ลาภ ยศ สรรเสริญ และความสขุ เราก็จะมคี วามปลาบปลม้ื ปติยินดี แลว กอ็ าจหลงใหลมวั เมา ถา คนไมไดฝ กฝนตนเอง กจ็ ะทําใหจติ ใจ ฟูไปตามแลวก็จะหลงระเริง คือไมใชเปนเพียงแคปติยินดีตาม สมควรแกธรรมเทานัน้ แตจะหลงระเริงมัวเมา แลว อาจจะเกดิ เปน โทษ และอาจจะเกิดกเิ ลสตา งๆ ตามมาไดอกี มากมาย แตส าํ หรับผทู ไ่ี ดพ ฒั นาตนเองแลว รูจ กั ฝก ฝนตนเองและ นําธรรมมากลอ มเกลาจติ ใจ ไดรูคตธิ รรมดาของสิง่ ท้ังหลาย ก็จะ ปฏิบัติดว ยความรูเทา ทัน ถา สง่ิ ท้ังหลายท่เี กดิ ข้นึ เปน สิง่ ทดี่ งี าม นาพอใจ ก็ยินดพี งึ พอใจตามสมควรแกธรรม แตไ มหลงระเรงิ ไป หรอื ถามีสง่ิ ทไี่ มน าปรารถนาเกดิ ขน้ึ เชนมีการสญู เสีย หรอื การ พลัดพราก เปนตน ก็จะทาํ ใจไดร วดเร็ว โดยรูเทาทันคตธิ รรมดา ไม เศรา โศกจนเกินไป แลวกโ็ นมจติ ใจไปในทางทเ่ี ปน การปฏิบตั ิเพื่อ ใหจติ ใจงอกงามยิ่งขึน้ จิตใจก็จะไมสลด ไมต กอยูนาน อาจจะตก อยชู ่ัวขณะสน้ั ๆ ในฐานะทเ่ี ปน ธรรมดาของปถุ ุชน แตเสรจ็ แลวก็จะ รเู ขาใจเทา ทันความจรงิ พอรเู ทาทนั ความจริงแลว กจ็ ะตงั้ จิตใจให ฟน ขนึ้ มาเปนปกตไิ ด เมอื่ ตั้งจติ ใจเปนปกติขึน้ มาแลว และรูเทาทัน ดว ยปญ ญา จติ ใจนั้นกส็ วางผอ งใส ความเปนกุศลธรรมกเ็ กิดข้ึน

๘ ความจรงิ แหง ชวี ติ ทั้งหมดนข้ี อ สาํ คญั ก็คอื การรูเ ทา ทันความจริง สง่ิ ทเี่ ปน เครอ่ื งทดสอบพุทธศาสนิกชนในเรื่องการปฏบิ ัติก็คือ ความรเู ทา ทนั นแี้ หละวา เราไดศกึ ษาธรรมแลว มคี วามรูเทาทนั สามารถ ดาํ รงจติ ใจของตนเองไดเปน ปกติสขุ หรือใหพฒั นาเจริญงอกงาม ขน้ึ ไดแคไ หนเพียงไร ความจรงิ ทว่ี ารูเทาทันนีก้ ค็ ือเรือ่ งเก่ียวกับอนิจจังน่ันเอง พุทธศาสนิกชนไดศึกษาหลักของความเปนอนิจจังกันมา เปนอันมาก แมแตผทู ี่ไมไ ดสนใจศกึ ษาธรรมเลย เพียงแตอยูใน สังคมไทยทเี่ ปนสังคมของชาวพุทธนีโ้ ดยท่ไี มไ ดต งั้ ใจ ก็จะไดยินได ฟงคาํ วา อนิจจัง หรอื ความไมเ ที่ยง ความเปล่ยี นแปลง ความเกดิ ข้นึ ตงั้ อยูดบั ไปนอ้ี ยจู นพอจะคนุ หูคุนใจ สาํ หรับคนท้ังหลายโดยทว่ั ไปนัน้ ก็จะไดยินคําวา อนจิ จัง ในความหมายของความเปลีย่ นแปลง ทา นสอนใหร ูวา ส่ิงทงั้ หลาย มคี วามเปลยี่ นแปลงไป ไมแ นน อน เมอื่ มคี วามไมแนน อนแลว วนั หนง่ึ มนั อาจจะเปนอยา งหน่งึ อกี วนั หน่งึ ก็อาจเปลีย่ นแปลงไปเปน อีกอยางหน่ึงไดเสมอ โดยเฉพาะชวี ิตของคนเรานี้ ตงั้ ตน แตช ีวติ ของตวั เราเอง กม็ คี วามไมแนนอน เปล่ียนแปลงไปในทางสขุ บา ง เปล่ียนแปลงไปในทางทกุ ขบ าง วันหน่งึ เราอยูเ ปนสุขดีๆ แตว ันรุง ขน้ึ โดยไมคาดหมาย ก็อาจจะเกดิ ความทุกขข้นึ มา เชายงั หวั เราะ กันอยสู นกุ สนาน พอเยน็ เปลยี่ นแปลงเปน เศราสลดไป สง่ิ ท้งั หลาย กเ็ ปนอยูอยางน้ี

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๙ โดยเฉพาะเกย่ี วกบั เรือ่ งการเกดิ และความตายนน้ั มีคติใน ทางพระศาสนาสอนไวเปนอนั มาก ใหรเู ทาทนั ความเปน จริง เชน บอกวา คนเรานีเ้ กดิ ข้ึนมาแลว นบั ตง้ั แตน าทที ่ีเกิดมานัน้ ชวี ติ ก็ บา ยหนาไปหาความสิน้ สุดท้งั นั้น เรยี กวาเปนชีวิตทเ่ี ดินหนา ไปหา จดุ จบอยา งเดยี ว สง่ิ ทจี่ ะทาํ ไดก ม็ แี ตว า ทาํ อยา งไรจะประคบั ประคอง บริหารชีวติ ของเราใหด ที ี่สุดในระหวางท่เี ปน อยนู ั้น คนเราที่อยูรวมกันเปนจาํ นวนมากนี้ ทา นบอกวา บางทเี ชา ก็เหน็ กนั อยู แตพ อตกเยน็ บางคนก็ไมเ หน็ เสียแลว หรือเย็นนเ้ี หน็ กนั อยู แตพ อถึงเชาวันรุงขึ้นก็ไมเหน็ เสียแลวก็มี จึงเปนเรอื่ งทตี่ อง มองดวยความตืน่ ตวั รเู ทาทนั และไมประมาทอยตู ลอดเวลา คนบางคนน้เี ห็นกันเมื่อสองวนั กอน แลวระยะตอมาไมพบ หนา พอมาไดย นิ ขาวอีกที ทานก็ถงึ แกก รรมเสยี แลว ก็ไดแ ตอ ุทาน ออกมาวา อา ว ! กย็ งั เห็นดีๆ แขง็ แรงอยู อะไรกนั นี่ เสยี แลวหรอื ? เรือ่ งก็เปนอยา งน้ี ดังทเี่ รากไ็ ดยนิ ไดฟ ง กันอยู บอ ยๆ ทานผูใดหาก วา ไมไ ดค ดิ พิจารณาเลย ไมไดเอาคตเิ หลาน้ีมาระลึกไตรตรองดว ย ความรเู ทาทนั ก็จะไมไดประโยชนจ ากความจริง แตถ า หากนาํ มา พิจารณาแลว กจ็ ะไดประโยชนจ ากการท่ีรูเ ขา ใจความจรงิ น้ัน และ เปนประโยชนแกช วี ติ ของตนดวย ซ่ึงท้งั หมดนก้ี เ็ ปนเร่ืองของความ จรงิ เก่ยี วกับหลักอนจิ จัง หรอื ความไมเ ที่ยงแทแนนอนนั่นเอง ความไมเ ทยี่ งแทแนน อนน้เี ปน กฎธรรมชาติอยา งหนง่ึ เปน กฎธรรมชาตสิ วนท่ีเหน็ ไดง า ย ๆ ในรูปของความเปลยี่ นแปลง ถา ตองการจะบอกวา ส่ิงทัง้ หลายเปล่ยี นแปลงไปตลอดเวลา หรอื มี

๑๐ ความจรงิ แหง ชีวติ ความเปลี่ยนแปลง เรากส็ ามารถพดู ใหเห็นไดงายๆ เชน อาจจะยก ตัวอยางขน้ึ มาชว้ี า ดอกไมท ีจ่ ดั วางอยูห นา ทตี่ ั้งศพซงึ่ เปน สวนหนึ่ง ของเคร่อื งตัง้ น้ี ตอนน้ีกส็ วยสดงดงาม ยังใหมอยู แตอีกไมช า ขาม คนื ขา มวนั ไปไมน าน ก็จะเหี่ยวแหง ลงไปตามลําดบั การทม่ี กี ารจดั เครอ่ื งต้ังดวยดอกไมอ ยางนี้ มองในแงของ ธรรมก็เปน เคร่ืองเตือนใจเหมอื นกนั คอื เปนเครื่องเตอื นใจใหเรา พิจารณาวา ชีวิตของคนเราก็เหมือนอยา งน้ี ดอกไมต นไมก็เปน ชีวิตเหมือนกนั แตเราจะเห็นไดง ายถงึ การทีม่ นั เปลยี่ นแปลงไป จากความสวยสดมีสสี นั งดงาม ก็จะรว งโรยเห่ยี วแหงไป ชีวติ ของ คนเรากเ็ ปนอยา งนน้ั คือวา ดอกไมนี้เปนเครอื่ งเตอื นใจใหเรามอง เหน็ คติธรรมดานั่นเอง แมแตธปู เทยี นทจ่ี ดุ ขึน้ มาบชู านี้ กม็ ีความหมายสองดาน ในดานหนึ่งนน้ั เปนเคร่ืองบูชาคุณ แสดงความเคารพกราบไหว และราํ ลึกถึงทานผลู ว งลบั ไปแลว แตอ กี ดานหนง่ึ กเ็ ปนคตเิ ตอื นใจ ใหนึกถงึ หลักอนิจจังนด้ี ว ย เหมอื นดงั เทยี นทจ่ี ุดอยนู ่กี จ็ ะมองเหน็ วาคอยๆ สนั้ ลงไป คอยๆ นอ ยลงไป คอยๆ หมดไป ชวี ิตของคนเรา นีก้ ็เหมือนกบั แสงเทียน เทียนทจ่ี ุดแลวก็เหมือนชีวิตท่เี ริม่ ตนข้นึ แลว ตอ จากนน้ั ก็จะคอยๆ นอยลงๆ ลดลงไป ส้นั ลงไปตามลาํ ดบั จนกระทง่ั หมดไป มองใหซึ้งกวาน้ันอีก เทียนนจ้ี ะใหค ติลึกลงไปในทางธรรม แมก ระทัง่ ใหเ หน็ ความสบื ตอของชีวิตทอี่ าศยั ปจจยั ตางๆ การที่ แสงเทียนลกุ ไหมสอ งสวา งอยูไดตลอดเวลานี้ กเ็ พราะมปี จ จัย

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๑๑ ตางๆ คอยหนนุ ไว เริ่มแตอ าศัยเนื้อเทียนท่เี ปน เชอ้ื ไฟ อาศัยไส ตลอดจนอาศยั อากาศ จงึ หลอเล้ยี งเปลวไฟอยูไ ด ชวี ิตคนเราก็ เหมือนกัน ตอ งอาศยั ปจจยั ตางๆ ชวยหลอเลย้ี งไว รวมความวา สง่ิ ทีป่ ระกอบในพิธศี พน้ัน ความจริงมคี วาม หมายหลายอยา ง หลายขน้ั สดุ แตผูที่ไดม ารูเห็น มารวมพิธีนนั้ จะ คิดนึก หรอื วามคี วามเขา ใจเพียงไร หากวา มีปญ ญารูจกั พิจารณา ก็ย่ิงเหน็ คตคิ วามจริงของส่งิ ท้ังหลายมากข้ึน แตอยางนอยกค็ วร จะไดส วนทเี่ ดนชดั ดังที่กลา วมาแลว คอื ความเปน อนจิ จงั หรือ ความไมเ ทีย่ ง ซง่ึ เปนกฎธรรมชาตอิ ยางหน่ึงนั้น รคู วามจรงิ ของธรรมดา แตไ ดประโยชนม หาศาล กฎธรรมชาติเปน ความจริง ทเี่ ราทัง้ หลายจะตอ งรูไว เพราะมแี ตประโยชน แมจะเปนกฎธรรมชาติในสว นทไี่ มถ กู ใจเรา ไมน าปรารถนา เราก็ตองรู เพื่อจะปฏิบตั ใิ หถ กู ตอ ง ความรกู ฎ ธรรมชาติหรือความจริงของสิ่งท้งั หลายตามธรรมดานี้ อาจแบง งา ยๆ วา มีประโยชนได ๓ ขั้น ข้ันท่ี ๑ เปนประโยชนสาํ หรบั ท่จี ะปฏิบตั ติ ามไดถกู ตอง เพอื่ จะ ดํารงชีวติ อยูไดด วยดี มิใหเกดิ ทุกขโทษภัย ขน้ั ท่ี ๒ เปน ประโยชนในการทจี่ ะนํามาใช มาจดั มาทําหรอื สรา ง สรรคอะไรของเราเอง ใหสาํ เร็จประโยชนขนึ้ มาตาม ตอ งการ

๑๒ ความจรงิ แหง ชวี ติ ขั้นที่ ๓ เปนประโยชนในทางความรูเทาทันท่ีจะดําเนินชีวิตดาน ใน ทาํ ใหร จู กั วางทา ทขี องจิตใจไดถูกตอง ทําใหมีความ สขุ และไรท ุกขอ ยางแทจรงิ สามอยา งนเ้ี ปนหัวขอ ทอ่ี าจจะเขาใจยากอยู แตจ ะเหน็ ได ตามลําดบั ตั้งแตขอ หน่งึ วา ความรเู กี่ยวกบั ความจรงิ ของธรรมชาติ นน้ั มีประโยชนใ นประการท่หี นึง่ ซงึ่ งา ยทสี่ ุด คือการทจ่ี ะปฏิบตั ิ ตาม เมอื่ ปฏิบัตติ ามมันไดถูกตองสอดคลองกนั ดี ชีวิตของเรากจ็ ะ เปน ไปไดด ดี วย ตัวอยางงา ยๆ ในชวี ติ ความเปนอยูทางดานวัตถคุ นเรานี้ อาศยั สิ่งแวดลอม ซ่งึ เปน เรอ่ื งของธรรมชาติ กฎธรรมชาติเก่ยี วขอ ง กบั ชวี ิตของเราอยูตลอดเวลา โบราณเรยี กวาดนิ น้าํ ลมไฟ ไฟกอ็ ยางดวงอาทิตย ซง่ึ มแี สงที่รอ น แดดทเี่ ปนรัศมขี อง ดวงอาทติ ยส อ งลงมานี้ มคี วามรอ น ความรอ นนนั้ มปี ระโยชนห ลาย อยาง เชนตากผา ก็ทําใหแ หง ได อาศัยแดดนี้มาชว ยแผดเผา ชว ย ใหห ายช้ืน ถาเราตองการใหผ า ของเราแหง เราก็ตอ งปฏบิ ัติตาม ธรรมชาติน้ี คอื รวู าแดดนี้มีความรอ น แลวก็ชว ยทาํ ใหส งิ่ ทัง้ หลาย แหงได เราตอ งการใหผ าของเราแหง เรากเ็ อาผา ไปผึ่งแดดน้นั หรอื อยา งคนท่ที ําเกษตรกรรม เหน็ ธรรมชาติหมนุ เวียน ประจําแตละป เดอื นนฝี้ นมา แลว พืชพนั ธธุ ัญญาหารงอกงาม เรา กป็ ฏบิ ัติตามกฎธรรมชาตินัน้ ถงึ เวลาน้ี ฤดนู ้ี เดือนน้ฝี นจะมา เราก็ ปลกู ขา วทาํ นา หรือปลกู พืชทาํ ไรใ หต รงตามการหมนุ เวียนของฤดู กาลที่ฝนจะมา ถงึ ฤดูแลงอากาศแหงเราควรจะทําอยา งไร กท็ าํ ให

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๑๓ เปนไปตามนนั้ การทาํ อยางนี้ กเ็ ปนการปฏบิ ัติตามธรรมชาติ ดวย ความรทู ่ีเพียงปฏิบตั ิตามเทานัน้ ก็เกดิ ผลดีแกชีวิตของเรา คือทาํ ใหเ ราเปน อยูไดด วยดี ชวี ิตกม็ คี วามกลมกลนื ราบร่ืนไปได ทีนใ้ี นข้ันทส่ี อง คนทมี่ คี วามเจริญยิ่งขนึ้ นอกจากมีความรู ในเรื่องกฎธรรมชาติพอที่จะปฏิบัติตามไดใหตนดํารงชวี ติ อยดู ว ยดี แลว กเ็ อาความรูในกฎธรรมชาตนิ ้นั มาจดั สรรปรงุ แตง ทําอะไรตอ อะไรท่เี ปน ของตนเองขึ้นไดด ว ย เชน อยา งเรารูกฎธรรมชาติน่ีเอง ในเรือ่ งทวี่ า ถาตมนา้ํ คือ เอาไฟมาใชตมน้าํ ใหเปน ไอขน้ึ มาแลว ไอ ท่ีพลงุ ขึน้ มาน้ีถา เอาอะไรไปกดไปปดกั้นไวมนั จะมกี าํ ลงั อัด อาจ จะทําใหสิ่งที่กดกั้นน้ันถึงแตกระเบดิ ไปได เราไดความรูน ้มี าแลว ก็ เอาความรูน ้นั ไปประดิษฐของใช ทาํ เปน เครอ่ื งจักรเครอ่ื งกล เชน เรือไอนา้ํ อยางสมัยกอ น หรอื แมแ ตร ถไฟ ทาํ ใหม ีรถไฟวิ่งแลน ไป ทาํ ใหม เี รือกลไฟ บรรทกุ ของไปได สัญจรไปในที่ตางๆ เปน ประโยชนมากมาย แมก ระทั่งในสมยั ปจ จุบนั นี้ เมือ่ คนมคี วามรใู นเรือ่ งการ แตกตัวของปรมาณู และการรวมตวั ของปรมาณู กเ็ อาความรนู น้ั ไปประยกุ ตใชท าํ เครือ่ งปฏกิ รณป รมาณขู ้ึนมา นาํ เอาพลังงาน นวิ เคลียรมาใชไ ด เรามีความรูในเรื่องไฟฟาที่เปนไปตามธรรมชาติน่ีแหละ แตเ ราเอาความรูน้นั มาใชประโยชน นํามาสรางเครอื่ งใชและ อุปกรณตางๆ มากมาย เชน พัดลมหรือหลอดไฟฟา ที่ใหแสงสวา ง ตลอดจนเคร่ืองทําความเยน็ ทีเ่ ราใชในทป่ี ระชมุ อะไรตา งๆ เหลาน้ี

๑๔ ความจริงแหงชีวิต สารพัดท่ีจะใชไ ดประโยชน อันนี้กเ็ ปนระดบั ของการทว่ี าเรานาํ ความรูในกฎธรรมชาตินั้นมาใชทําอะไรตออะไรที่เปนของตนเอง ข้ึนมา เปนอีกชั้นหนง่ึ จะเห็นวา มนุษยนัน้ มคี วามเจริญขน้ึ มาตามลาํ ดบั ตอนที่ ยงั ไมร ูจกั ธรรมชาติ ปฏิบัติตามธรรมชาติไมได ชีวิตก็มีความขดั ขอ งมาก พอรจู ักธรรมชาติ แลวปฏิบตั ิตามธรรมชาติได ชีวิตก็พอ เปน ไปไดดขี ้ึน แตต อ มาน้มี คี วามกาวหนาย่ิงกวานนั้ กเ็ อาความรู ในกฎธรรมชาตินน้ั มาใชท าํ อะไรตอ อะไรทีเ่ ปนของตนเอง ดว ยการ ประดิษฐสรา งสรรคอุปกรณอะไรตา งๆ ทอี่ าํ นวยความสุข สนุก สะดวกสบาย สรางสรรคค วามเจรญิ ขึน้ มาได อนั นกี้ ็เปน การใช ประโยชนจ ากความรูในกฎธรรมชาตอิ กี ประการหนึง่ ทีน้ียังมอี กี ช้ันหนึ่งเปน ชั้นที่สาม คือการรเู ทา ทนั ความจรงิ ของกฎธรรมชาตนิ ัน้ จนถึงขั้นที่วา มันเกดิ ผลแกชีวิตจติ ใจอยางแท จริง ดวยปญ ญาท่รี เู ขาใจสภาวะของสิ่งตา งๆ ในขนั้ ที่หนึง่ และขั้นท่ี สองน้ันจะเห็นวาเราใชป ระโยชนไดแคชวี ิตภายนอก กลาวคอื เรามี ความอยากมคี วามปรารถนาของเราอยอู ยางไร เราก็เพียงแตเอา ความรใู นกฎธรรมชาตนิ ้ันมาสนองความตอ งการของเรา ทาํ ไป ตามความอยากความปรารถนาของเราอยางนน้ั แตช วี ติ จติ ใจของ เราเองก็ยังเปน ไปอยางเดมิ ที่เคยเปนมา เรากย็ ังไมร จู ักเทาทนั ชีวิต ของเรา ยังไมร จู ักโลกนต้ี ามความเปนจรงิ แตถา เรารูเขาใจกฎ ธรรมชาตลิ ึกซ้งึ ลงไปอีก กจ็ ะรูหยงั่ ลงไปถึงจนกระทง่ั วา ตวั ชวี ิต ของเราเองนี้เปน อยา งไร

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๑๕ คนจํานวนมากไมเคยมองถึงชวี ติ ของตัวเอง ไมเ คยมองถึง โลกนท้ี เ่ี ปน สังขาร มองแตเพยี งวา จะเอาความรใู นกฎธรรมชาติ ของส่งิ ตางๆ มาใชป ระโยชนสนองความตอ งการของตนเทานน้ั แลวกว็ ่ิงไปแลน ไป ทําไปๆ จนมคี วามรูสกึ เหมือนกบั วา เรานเ้ี ปน คนเกง มีความสามารถมาก มนุษยเ ราสามารถเอาชนะธรรมชาตไิ ด แตพอหันกลบั มาคดิ ไดอ ีกทหี น่งึ ก็ปรากฏวา ชวี ติ ของเราท่ี เปนอยางนัน้ ไดกลายเปนการตกเปนทาสของสิง่ ทง้ั หลายมากมาย กลายเปน วา เอาชีวิตของเราไปฝากไวกบั ส่ิงภายนอก ปลอยใหส ขุ ทกุ ขข องเราขึน้ ตอสง่ิ ภายนอกเปนตวั กําหนด ไมเปนอสิ ระ วง่ิ แลน ไปตางๆ โดยทีไ่ มรูว า จะว่ิงแลน ไปทําไม แลวชวี ติ ของเราคอื อะไร กนั แน ไมเคยคดิ ไมเคยพจิ ารณา นี่กห็ มายความวายงั ไมเ ขาใจถงึ กฎธรรมชาติอยางแทจ รงิ คือ ธรรมชาตแิ หง ชวี ติ ของตนเองยังไมร ู จักเลย ความจริงน้นั กฎธรรมชาติของสิ่งท้ังหลายภายนอก กับ ชวี ติ ของเรานก้ี เ็ น่อื งเปนอันหนึ่งอนั เดยี วกนั ถา เปน ผูม สี ตปิ ญญา อยางแทจรงิ ก็จะโนม ความเขา ใจนม้ี าหาชวี ิตของตนได จนกระทั่ง รูเ ทาทันธรรมชาติ หรือธรรมดาแหงชีวติ ของตนเอง อยา งเร่อื งของอนจิ จัง คือความเปล่ยี นแปลงของส่ิงทั้ง หลายน้ี เบ้อื งตน เรากม็ องเห็นทภ่ี ายนอกกอ น แมแ ตคนที่วานาํ ความรใู นกฎธรรมชาตมิ าใชป ระโยชน ก็อาศัยการทร่ี ูเ ขา ใจในกฎ แหงความเปลย่ี นแปลงนีเ่ อง เพราะสง่ิ ทั้งหลายนั้นมันไมเ ท่ยี งแท ไมค งท่ี มนั เปลย่ี นแปลง เราจงึ สามารถจดั การกับมนั ได การสรา ง

๑๖ ความจริงแหงชวี ิต สรรคค วามเจริญตางๆ นนั้ กเ็ ปน การทําความเปลี่ยนแปลงขึ้น อยางหนง่ึ และเรารูวาความเปลี่ยนแปลงน้ันเปนไปตามเหตุปจ จยั เพราะฉะน้นั เราก็สรา งสรรคเ หตุปจจยั ทีจ่ ะนาํ มาซึ่งความเปลยี่ น แปลงทเ่ี ราตอ งการ อันน้ีก็เปน หลักของการท่จี ะนาํ ความรใู นกฎ ธรรมชาติมาใชป ระโยชน ซงึ่ มนษุ ยก ไ็ ดป ฏบิ ัติกนั อยเู ชน น้ี แตใ นทางพุทธศาสนานนั้ ทานใหม องเหน็ ตอ ไปดวยถึง ความจริงของธรรมชาติทีม่ อี ยใู นทกุ ส่งิ ทุกอยา ง ซึ่งรวมทงั้ ชีวติ ของ เราดว ย เราจะตองมองเห็นความเปลย่ี นแปลง ความเกิดขึน้ ตั้งอยู ดับไป ความเปนไปตามเหตุปจ จยั ของชีวติ ของเราเองนดี้ ว ย ถา เรา ไดเกิดความรตู ระหนกั ถงึ ความจริงน้ี โดยโนมเขามาหาชีวติ ของเรา แลว เราจะเกิดความรูสึกใหมๆ ขน้ึ มา ท่ที ําใหม ีความเขาใจเก่ียว กบั ชีวติ แลว ก็มีความรูสกึ ทจ่ี ะทาํ ใจ ต้ังใจใหถ กู ตองตอ ส่ิงทงั้ หลาย แมต อชีวติ ของเราเอง คนที่วิ่งแลนไปโดยใชความรูภายนอกใหเปนประโยชนใน การทําสิ่งตา งๆ นน้ั ไมเ คยคดิ พจิ ารณาในเร่ืองชวี ิตของตนเอง ก็ บันเทิงหลงระเรงิ มวั เมาในชวี ิตของตนเอง ทั้งที่ชีวติ ของตนเองกต็ ก อยูในกฎธรรมชาตินนั้ ดวย ครน้ั ถงึ เวลาท่ีชวี ิตของตนเองเกิดมีอนั เปนไปตามความเปล่ียนแปลงนน้ั กลับไมรเู ทาทนั แลว กต็ กเปน ทาสของความเปลี่ยนแปลง เกดิ ความเศรา โศกเสียใจ กลายเปน อยา งน้ันไป นกี่ ห็ มายความวา ความรูน น้ั ไมท ว่ั ตลอด ความรูใ นกฎ ธรรมชาตทิ ่แี ทจรงิ จะตอ งใหทัว่ ตลอดลงมาถงึ ทกุ สง่ิ ทุกอยา ง รวม ทั้งชวี ติ จติ ใจของตนเองดวย

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๑๗ แสวงรสตางๆ มากมาย แตสดุ ทายก็จบท่รี สจดื ของความจริง การรูเขา ใจในเรือ่ งความเปลี่ยนแปลง ทีเ่ ปนไปตา งๆ นนั้ สาระสําคัญอยูท่ีไหน การที่สิ่งทั้งหลายมีความเปล่ียนแปลงน้ัน ตัวสาํ คัญของมนั ท่เี ปนจดุ แกนเปนเนอ้ื หาเปนสาระแทๆ ของ ความเปลย่ี นแปลง ก็คอื การเกดิ ขึน้ ตัง้ อยู แลวดบั ไป หรอื พูดให สน้ั ท่สี ุดเหลอื แคว า เกดิ ขึ้นดบั ไปๆ การเกิดขึ้นดับไปน่ีเปนธรรมชาติของส่ิงทั้งหลายที่ทําใหมี ความเปล่ียนแปลงข้นึ มาได ชีวิตของเรานีก่ เ็ หมือนกัน สาํ หรบั ภาวะของชวี ติ ในชวงยาว การเกดิ ขึ้นและดบั ไปก็คือ การเกดิ และ การตายของชีวติ นั้นทั้งหมด แตท จ่ี รงิ กวาชีวิตจะผา นจากการเกดิ เมื่อกอน ๑ ขวบ ไปจนกระทั่งถึงตาย เม่ืออายุ ๗๐ - ๘๐ ปน้ัน ในระหวางนั้นรางกายและจิตใจของเราน้ีมีการเกิดดับตลอดเวลา ไมร วู า เทาไรครัง้ มากมายเหลอื เกนิ ทานนับเปนขณะๆ ทเี ดียว การเกิดดบั น้ีเปนไปอยตู ลอดทกุ เวลา ถาเมือ่ ไรเรามองเหน็ ความเกิดดับน้ี คือมองความจรงิ ของความเปลี่ยนแปลงหรือ อนิจจงั นัน้ ไมใชแ คเ หน็ ความเปลยี่ นแปลง แตมองลึกลงไปถึง ความเกดิ ดับ พอนกึ ถงึ ความเกดิ ดับ ก็จะไดค วามสํานึก อยางชวี ติ ของเรานี้ แมแ ตข น้ั หยาบๆ เพียงนกึ ถึงเกดิ เปน เร่ิมตน และดบั คอื ตาย พอนกึ แคน ้เี รากเ็ ร่ิมมองเหน็ ความจรงิ แหง ชวี ิตของเรา ซ่ึงเปน ความจริงท่เี ปนของแทแ นนอน

๑๘ ความจรงิ แหง ชีวติ คนโดยมากเบื้องแรกที่สุดพอสัมผัสกับความรูความเขาใจ น้ี กจ็ ะมคี วามตกใจและหวาดกลวั กอ น เพราะไมเคยคิดไมเ คย พจิ ารณา แตถ า เมื่อไร เขาทําใจใหค นุ กับความจรงิ น้ี คอื มองดวยรู เทา ทนั เหน็ เปนของธรรมดา จติ ใจเขาจะเรม่ิ มคี วามเปน ธรรมดา กบั ความจรงิ นัน้ ข้นึ แลว จะรับหนาเผชิญกับสภาพความเปลี่ยน แปลงน้นั ไดอยางดขี น้ึ หรอื แมแ ตค ิด แมแ ตน กึ ถึง กจ็ ะมีจติ ใจท่ี สบายได เพราะสิ่งนี้เปน ความจริง เปนความสวางทีม่ องเห็นดว ย ปญ ญา เม่อื ปญญาเห็นสวา งขนึ้ จติ ใจก็โปรง โลง แจม ใส พระพุทธศาสนานั้นทานสอนใหเผชิญหนากับความจริง ใหย อมรบั ความจรงิ ในท่สี ุดแลว คนเราตอ งอยูก บั ความจริง หนี ความจรงิ ไมพ น ถา เราทําจติ ใจของเราใหอยูกับความจริงไดตลอด เวลาแลว ความจรงิ ที่เกิดขน้ึ นนั้ ก็จะไมก ระทบกระเทือนจิตใจของ เรา แตถาเราไมยอมรบั มนั ความจริงกต็ อ งเกดิ อยดู ี และเพราะเรา ไมย อมรับมนั มนั กเ็ ลยกระทบกระเทือนตัวเรามาก ความทกุ ขก ็ เกดิ ขน้ึ มามาก เรยี กวาเปน ความทกุ ขสองช้ัน คอื ทกุ ขเพราะความ ดับท่ีตองเจอะตองเจอเปนความจริงตามธรรมดาเมื่อถึงเวลาน้ัน แลว ยงั ทกุ ขดวยหวาดผวาไหวหว่ันตลอดเวลา กอนท่ีความจริงนั้น จะมาถึงอีกดว ย เพราะฉะน้ัน ทางพระทานจึงช้ีนําใหรูเ ขา ใจความจริง เม่ือ รูเ ขา ใจความจริงแลว ในทีส่ ุดความรูค วามจริงนัน้ แหละจะทําให เรามจี ติ ใจท่ีสบาย มีจิตใจทเ่ี บกิ บานผองใส แมก ระท่งั ตลอดเวลา

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๑๙ เลยทีเดยี ว เพราะความจรงิ ก็คอื สจั จะ ทานบอกวา ในท่ีสุดแลว ไม มีรสอะไร เลิศกวา รสสัจจะ ดังบาลี วา สจจฺ ํ หเว สาธตุ รํ รสานํ สจั จะแล เลิศรสกวาประดารส หรอื วา ความจริงน้แี หละ เปนรสเลศิ กวา รสท้ังหลาย ขอเปรียบเทียบ เหมอื นอยา งนา้ํ ทมี่ รี สตา งๆ น้าํ หวาน น้าํ เปรี้ยว นํา้ รสตา งๆ มากมาย ในทสี่ ุดรสดีทส่ี ุดคือรสอะไร คอื รสนา้ํ บรสิ ุทธ์ิ รสน้าํ ท่ีจืดสนทิ ไปๆ มาๆ ไมวา รสอะไรกส็ ูรสนาํ้ บริสุทธท์ิ ่ี จืดสนิทนไ้ี มไ ด บางคร้งั เราอาจจะตอ งการรสหวาน บางคร้งั ก็ ตองการรสเปรีย้ ว บางครงั้ กต็ องการรสเปรี้ยวปนหวาน บางทกี ็ อยากไดร สเค็มบา ง ตองการไปตา งๆ นานา แตใ นที่สดุ แลว รสทีด่ ี ที่สุดกค็ อื รสท่จี ืดสนิทของนํ้าทบ่ี รสิ ทุ ธ์ินน่ั เอง อนั นีก้ เ็ หมอื นกัน ชวี ิตของเราทมี่ กี ารตกแตง ไปอยา งนั้น อยางน้ี มกี ารจดั สรรปรุงแตง อะไรตางๆ ก็เพอ่ื ใหความเปนอยูของ เรามรี สชาติ แลวเราก็เพลดิ เพลินไปกบั การจัดสรรปรงุ แตงเหลานี้ และมคี วามสุขสบายไปในระดบั หนง่ึ แตใ นท่ีสดุ แลว เมื่อไรเราเขา ถึงความจรงิ ความจรงิ นนั้ แหละจะเปนรสทีเ่ ลิศท่ีสุด เพราะฉะนัน้ ผูทเี่ ขาถงึ ความจรงิ แลว จะมจี ติ ใจทเี่ บิกบานสดใสดวยความสขุ ที่ บริสุทธ์ิ เหมอื นอยางนํ้าทมี่ ีรสจดื สนทิ อยางนน้ั ซึ่งเปนสิ่งท่เี ราจะ ตอ งการในทสี่ ุดอยางแนนอน ไมว า เราจะตอ งการโนน ตอ งการนี่ ตองการส่งิ ปรุงแตง รส อะไรตา งๆ มากมายอยางไร แตในทีส่ ดุ เรากจ็ ะหนไี มพน จากความ

๒๐ ความจรงิ แหงชีวติ ตอ งการรรู สของความจรงิ ถา เรารีบรูรสของความจรงิ ทาํ ใจใหคุน กบั รสของความจรงิ ไดแตต น แลว เราจะมีความสขุ ไดต ลอดเวลา จติ ใจจะเบิกบาน แมจะมรี สทปี่ รุงแตง เปนรสแปลกตา งๆ หวาน เปรย้ี ว มนั เค็ม เขามา กก็ ลายเปนเครอ่ื งเสริมรสไป คนท่ีสามารถรบั สมั ผัสรสความบรสิ ทุ ธข์ิ องสจั จะ คือความ จริงน้ไี ด จะทาํ ใหจ ติ ใจมคี วามสขุ ไดตลอดเวลา สว นคนท่ีมัวแตว ิ่ง แลน ไปหารสปรุงแตง แสวงรสเปร้ยี วหวานมนั เค็มดงั ที่กลา วนนั้ จะ ไมรจู ักรสพื้นฐานท่แี ทจริง แลว กจ็ ะตองมีวันหน่ึงทเ่ี ขาจะประสบ กับปญ หา คือการที่วาในเวลาที่พบกบั รสแทจรงิ อันบรสิ ทุ ธิ์ ทค่ี วร จะเปนรสทด่ี ีที่สดุ แตเ ขากลบั ไมสามารถลม้ิ รสน้ันได เพราะจติ ใจ ไมไดตั้งไว มวั แตก ังวลหวัน่ ใจสลดหดหู หรอื ไมก็ตน่ื ตระหนก จน กระท่งั ไมสามารถเขาถงึ รสน้นั ได เพราะฉะนน้ั ในทางพระพทุ ธศาสนาน้ี ทานจงึ ใหต ้งั เปน แกนสารแหง ชีวิตไว คือการรูเทาทนั ความจรงิ ใหเขาถึงรสแหง สัจจะที่เปน รสเลศิ กวารสท้ังหลายทั้งปวง เสรจ็ แลว ไมวาจะมรี ส อะไรท่ีแปลกออกไป มนั ก็จะเปนสว นเสรมิ ใหช ีวติ นี้มคี วามหมาย เพม่ิ ขึ้นไปตามท่ียงั ประสงค ในฐานะที่ยังเปน ปถุ ุชนเราจะตองการ รสนี้รสน้ันทา นกไ็ มว า อะไร แตขอใหรจู กั รสของความจรงิ นี้ไวด ว ย เปน ประการหนึง่ นคี้ ือความจรงิ อยางทีก่ ลา วมาแลว กฎธรรมชาตนิ สี้ าระ สาํ คญั ของมนั ก็คอื การเกิดขึน้ และการดบั ไป การเกิดดับนี้เปน สภาวะท่ีเปน แกน ของความเปนอนจิ จัง การท่จี ะเปลยี่ นแปลงเปน

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๒๑ อะไรๆ ไปตางๆ ไดกต็ องอาศยั การเกิดดับทงั้ นัน้ เม่อื เราไดรู ตระหนักถึงความเกิดดับอยางที่กลาวเม่ือกี้นี้วามองเห็นความจริง ตอนแรกกอ็ าจตระหนกตกใจหนอย แตพอคนุ กับมนั วางใจวางทา ทถี ูกตอ งแลว เราจะสบายใจกบั มนั ตอ มาเราจะอยูด ว ยปญญารู เทาทนั โปรง โลงสวางไสว จิตใจของเราจะสามารถมคี วามสดชน่ื เบิกบานผองใสไดตลอดเวลา ในทางตรงขามถา เราไมรจู กั ความจริงน้ี ชวี ิตของเราก็มี โอกาสทีจ่ ะเตลิดไปไดมาก จะโนมไปในทางทจ่ี ะมคี วามหลงระเริง มีความมวั เมา แลว ก็มคี วามทุกขใ นประการตางๆ เพราะไมม หี ลัก ยึดของจิตใจ เวลาประสบอนิฏฐารมณ ซ่ึงเปนอารมณท่ีขัดแยง สง่ิ ตางๆ ไมเปนไปตามปรารถนา ก็ไมม ีความรเู ทา ทันทีจ่ ะมาคดิ พจิ ารณา กม็ ีแตความทุกข มแี ตการถูกกระทบกระแทกบีบคน้ั อยา งเดยี ว ดงั ทพี่ ระพทุ ธเจาไดตรสั เปนคาถา อยา งทีอ่ าตมภาพได ยกมากลา วเบอื้ งตน วา โย จ วสสฺ สตํ ชีเว อปสฺสํ อทุ ยพพฺ ยํ เอกาหํ ชีวติ ํ เสยฺโย ปสฺสโต อทุ ยพพฺ ย.ํ แปลวา บคุ คลใดถึงจะมอี ายุอยูตลอดรอ ยป แตไ มเคยมอง เหน็ การเกดิ ขนึ้ และการเสอ่ื มสลายไป ชวี ติ ของคนนนั้ ไมป ระเสรฐิ เลย สูคนทม่ี ปี ญญา มองเหน็ ความเกดิ ขึน้ และความดับไป แมเปน อยู ชัว่ ขณะหนง่ึ กไ็ มได ชวี ติ ของคนที่เปนอยูแมขณะเดียว แตม องเหน็ การเกิดข้นึ แลวดับไปนั้น ประเสริฐกวา

๒๒ ความจรงิ แหงชีวติ ทานวา อยางนี้ อันน้ีก็เปน สาระสําคัญอยา งหน่ึงของการท่ี เราตอ งเขา ใจความจรงิ ของสง่ิ ท้ังหลาย เมื่อเขา ถงึ ความจรงิ น้ีแลว เราก็จะมจี ติ ใจท่ีประกอบดว ยปญ ญาอันรูเทาทนั โลกและชีวิต และ ตรงนแี้ หละทมี่ คี วามหมายมาก คือการทีค่ วามรูในกฎธรรมชาตจิ ะ มีผลตอ ตวั ชีวิตของเราเองโดยตรง ไมใชเปนเพยี งการเตลดิ หรือ เพลิดเพลินไปกบั ส่ิงภายนอกทเี่ ราเท่ียวประดษิ ฐตกแตง และทํา เพยี งเพ่ือสนองความตอ งการของเรา โดยทวี่ ามนั ไมเ ขา ถงึ เนื้อตวั ของชวี ิต สําหรับคนที่เขาถึงความจริงของธรรมชาติท่ีโนมเขามาสู ชวี ิตของตนเองไดแลวอยางน้ี เขาจะไปปฏบิ ัตติ ามธรรมชาติดว ย ความรูในธรรมชาตนิ น้ั ก็ตาม หรือจะเอาความรใู นธรรมชาตมิ า ประดิษฐสรางสรรคส ่ิงตา งๆ ก็ตาม กท็ าํ ไป แตเ ขาจะรูข อบเขตที่ เหมาะสม เพราะเขารูวาชีวิตของคนเราคืออะไร ความสขุ ความ ทุกข และประโยชนท่ีแทจรงิ คืออะไร อยูตรงไหนแคไ หน ชวี ิตของ เราจะมีความพอดี รวู าแคไหนชวี ติ ของคนเราจะอยูเปน สขุ ได ไมใ ช ฝากชีวิตไวกบั ส่งิ ภายนอกโดยส้นิ เชิง สุขแบบเคลือบทาขา งนอก กับสุขดวยสดใสขางใน คนจาํ นวนมากยงั มปี ญ หา แมว า จะมคี วามรใู นกฎธรรมชาติ ความรูน้ันก็จะมีประโยชนเพียงวามาชวยใหเขาทําอะไรไดมากขึ้น แตการทาํ ไดมากขึน้ นัน้ อาจมคี วามหมายได ๒ นัย

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๒๓ นยั หนึง่ คอื มีการสนองกเิ ลสไดม ากขึ้น เมอ่ื มกี ารสนอง กเิ ลสมากขน้ึ กจ็ ะมกี ารเบยี ดเบยี นกนั มากขนึ้ มคี วามวนุ วายมากขน้ึ อีกนยั หน่ึง คือ ในแงของตวั เองกจ็ ะเปนไปในทางท่ีวา จะมี ความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ มากขึ้น อาจจะมัวเมาและสยบเปน ทาสของวัตถุมากขึน้ และในเวลาทกุ ขก ็ทุกขมากข้นึ ดวย ทีนี้ หากเปน คนท่ีรูเขาใจความเปนจริงของส่ิงทัง้ หลาย จน กระทั่งหย่งั รูถึงชวี ติ สงั ขารตามความเปนจริงแลว กจ็ ะรคู วามพอดี วา ชวี ติ ของเรานี่ทีจ่ ะอยอู ยา งมคี วามสขุ น้นั อยดู ว ยอะไรกันแน พอ มีปญ ญารูค วามจรงิ และอยูอ ยา งรูเทา ทนั แลว เพยี งวาชวี ติ ของตน เองดํารงอยู แมไมม ีสิ่งภายนอกมาชว ยเสริมปรงุ แตง คนอยา งนีก้ ม็ ี ความสุขได ทา นเรียกวา มีความสขุ ที่เปนอิสระ ท่เี ปน ไทแกตนเอง สาํ หรับคนทอ่ี ยดู วยปญ ญารเู ทา ทันอยา งนี้ เขาจบั แกน ของชีวติ และแกน ของความสุขไดแ ลว เขามีความสุขไดตามลาํ พัง เปนแกนเปนฐานขา งในอยแู ลว ถาจะมีสุขภายนอกมาเพ่ิมเติม ดว ยความรทู ่ีจะปฏบิ ัติตามกฎธรรมชาตไิ ดถ ูกตอ งก็ตาม ดว ยการ มีส่ิงประดษิ ฐสรางสรรคข้นึ ใหมก ต็ าม สิง่ เหลานน้ั กจ็ ะเปน เครือ่ ง เสริมสุขใหม ากข้นึ แตถ ึงแมจ ะขาดจะพรากจากส่ิงเสริมสุขเหลา น้นั เขาก็คงสุขไดอยนู น่ั เอง ในทางตรงขาม สาํ หรับคนที่ขาดปญ ญารเู ทา ทนั จับแกน ของความสขุ ไมไ ด เมอื่ ไมส ามารถอยูเ ปน สขุ ไดโ ดยลาํ พงั จิตใจและ ปญ ญาของตนเอง กต็ องฝากความสุขของตนไวกบั สง่ิ ภายนอก ตอนแรกก็อาศัยส่ิงสนองความตอ งการที่มีตามธรรมชาติกอ น แลว

๒๔ ความจริงแหง ชีวิต การท่ีเขาจะมีความสุขไดก็ข้ึนตอการมีสง่ิ สนองความตอ งการเหลา นนั้ เขากเ็ ลยกลายเปนทาสของสิง่ เหลา น้นั แลวตอ ไปเมอ่ื เขามีสง่ิ ประดษิ ฐสรา งสรรคม าชว ยบํารุงบาํ เรอความสขุ มากข้นึ การมสี ง่ิ ประดษิ ฐสรางสรรคเหลานัน้ ก็มคี วามหมายเปนการขยายขอบเขต ของการทีเ่ ขาจะเปน ทาสใหม ากข้ึนดว ย สําหรับคนที่ขาดปญญารูเทาทันและขาดความสุขที่เปน แกนภายในนี้ การไดส ิง่ อาํ นวยสขุ เพ่ิมข้นึ ก็คือการขยายขอบเขต ของความเปน ทาส และสงิ่ ทีเ่ พิม่ ขึ้นมานัน้ จึงไมใ ชเ สริมสุขเทา นัน้ แตเ สรมิ ทกุ ขดว ย ถงึ ตอนนกี้ จ็ ะมีคําถามวา เอาละ คนเราแตละคนน่ี เรามี ความสุขไดอยา งไร คนเรานม้ี ีความสุข ๒ ประเภท ความสขุ ประเภททีห่ นงึ่ คอื ความสุขทตี่ อ งขึ้นตอ สง่ิ บํารุง บําเรอภายนอก ตอ งอาศัยสง่ิ ภายนอกมาชว ย อยา งงายๆ เชน วตั ถุสิง่ ของทท่ี า นเรียกวา อามิส แมต ลอดจนบุคคลแวดลอ ม ถาไม มสี งิ่ เหลานแ้ี ลว กจ็ ะเกิดความขาดแคลน แลว ก็จะเกดิ ความทุกข ความสขุ ความทกุ ขของคนเราแบบน้ฝี ากไวก บั สงิ่ ภายนอก เราไม สามารถอยูเปน สุขไดโ ดยขาดสง่ิ เหลา นี้ และเปน ความสุขทไ่ี มม ่ัน คงยัง่ ยืน เหมอื นกบั เปนของทเี่ อามาเคลือบหรือฉาบทาไว น่เี ปน ประเภททห่ี นง่ึ ซ่งึ จะเห็นไดทว่ั ไป ทนี ้ที านบอกวามีความสุขอีกประเภทหน่ึง คอื ความสุขท่ี เกิดในใจของตนเองได โดยไมต อ งอาศยั ส่ิงภายนอก แมจ ะอยู ลาํ พังจิตใจของตนเองกเ็ ปน สขุ ได เปนความสดใสช่นื ฉา่ํ อยขู างใน

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๒๕ ที่ตนเองสามารถครอบครองอยา งเปนไทโดยแทจ ริง อนั นี้เปน ความสุขอกี ระดับหน่ึง ซงึ่ คนทว่ั ไปจะไมคอ ยมี คนเรานม้ี กั จะหวงั ความสขุ จากสง่ิ ภายนอก แลวบางทกี ็ไม เคยฉุกคิดวา เราจะตองมีเวลาอยูเ ฉพาะกับตัวเอง สิง่ ทง้ั หลายนัน้ จะไมส ามารถอยกู บั เราไดตลอดเวลา อยา งนอยแมยังอยูกบั เรา มนั กไ็ มส ามารถเปน ไปตามใจปรารถนาของเราไดตลอดไป ถา เรา จะใหส่ิงท้ังหลายตองเปนไปตามใจปรารถนาของเราแลวเราจึงจะ มคี วามสขุ น่ี เราจะตอ งมีแตความทกุ ข เพราะวา ส่งิ ท้งั หลายนนั้ ตกอยภู ายใตก ฎธรรมชาตทิ วี่ า มนั เปนไปตามเหตุปจจยั ของมนั เมื่อเราตองการใหม ันเปน ไปตามใจปรารถนาของเรา พอ เรามีใจปรารถนาตอมันใหเปนอยางนี้ แตธรรมดาของมนั ตามกฎ แหง เหตปุ จ จยั กลับผลกั ดนั ใหมันไปทางโนน พอมันไปทางโนน แต ใจเราตอ งการใหม าทางนี้ กเ็ กิดความขดั แยงขึ้น แลวใครชนะ ใจ เราปรารถนาใหมันเปน อยางนี้ แตสิง่ ทง้ั หลายเปนไปตามเหตุ ปจจัยของมนั กลับเปนไปอยา งโนน ใครชนะ กต็ องตอบวา กฎ ธรรมชาตชิ นะ กฎธรรมชาติกค็ อื ความเปน ไปตามเหตปุ จจยั ชนะ พอกฎธรรมชาตชิ นะ เราแพ เรากต็ องถูกบบี ค้นั เรยี กวาเกิดทกุ ข อนั นเี้ ปน ธรรมดา เพราะวา มันขดั กันตง้ั แตตนแลว กระแสมัน คนละกระแส ฉะน้นั ในทางพระทานจงึ สอนเร่ืองนี้มาก ทานยา้ํ ใหร เู ขาใจ ความจริงของธรรมดาและใหเ ราวางตัวใหถูกตองวา เราจะตอ งไม เอาความปรารถนาหรือความอยากของเราเปน ตวั ตั้ง แตต อ งเอา

๒๖ ความจริงแหง ชวี ติ ความรเู ทาทนั เหตปุ จจยั เปนตวั ตัง้ พอเหน็ สิ่งท้งั หลายก็มองในแง วา ออ สิ่งทง้ั หลายมันเปนไปตามเหตปุ จจัยนะ มนั จะไมเปน ไป ตามใจอยากของเรา ถา เราตองการใหม นั เปนไปอยางไร เราจะ ตอ งรเู หตปุ จจัยของมนั ตอ งศึกษาเหตปุ จ จัยของมนั แลวไปทาํ ที่ เหตุปจ จัย เพือ่ ใหเปนอยางนน้ั อยามัวนั่งปรารถนาอยู ใหส ่ิงท้ัง หลายเปน ไปตามตองการ มนั เปน ไปไมได ถารูอยา งน้ีแลว จิตใจจะเปน อิสระ ความอยากจะไมมาบบี ค้นั จติ ใจของตนเอง จะอยูโ ดยรูเทาทนั วา ออ เราตอ งทําทีเ่ หตุ ปจจยั พอเหน็ สิง่ ทง้ั หลาย ชาวพุทธก็จะทาํ ใจไดท นั ที เพราะหลัก การทางพทุ ธศาสนาบอกไวแลว วา ใหม องส่งิ ทัง้ หลายตามเหตุ ปจ จยั นะ พอมอี ะไรเกิดขนึ้ เราบอกกับตวั เองวา “มองตามเหตุ ปจ จยั ” และ “เปน ไปตามเหตุปจจัย” แคน ้ีมันก็ตัดความรสู กึ ทีไ่ มดี ไดห มดเลย ดังเชน เมือ่ เกิดการพลัดพรากขนึ้ มานี่ ถาเรามองในแง ความปรารถนาของเราวา โอ ทา นผูนี้เรารักใคร ทาํ ไมทานไมอ ยู กับเรา ทา นนาจะอยูไ ปอกี สักสบิ ป อะไรตางๆ ทาํ นองน้ี คิดไปยง่ิ คดิ กย็ ่ิงโศกเศรา นีเ่ รียกวาเอาตวั ความอยากหรอื ความปรารถนา ของเราเปนหลกั แลวจะใหส่ิงทั้งหลายเปนไปตามความอยากน้นั เราก็ตองถูกบบี คั้นและเปน ทุกข ทนี ้ี ในทางของปญญา พอเกิดเหตกุ ารณอยา งนีข้ ึน้ มา เรา กพ็ จิ ารณาทนั ทวี า ออ ส่งิ ทั้งหลายเปน ไปตามเหตปุ จ จยั น่ีรางกาย มนั เปน ชีวติ สงั ขาร มันเกดิ จากปจ จัยปรงุ แตง มนั เปน ไปตามคติ

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๒๗ ธรรมดาของเหตปุ จ จัยแลว มีเหตุปจ จยั ทจ่ี ะทําใหเกดิ ขึน้ มันกเ็ กิด ขึ้น มเี หตปุ จจัยที่จะทําใหต ง้ั อยู มนั ก็ตง้ั อยู มีเหตุปจจัยท่จี ะทําให ดบั สิ้นไปสลายไป มนั กด็ ับสลาย ท่เี ปน อยางน้มี นั กเ็ ปนไปตามเหตุ ปจจยั แลว พอมองแคนี้ใจของเรากแ็ ยกออกมาตง้ั อยูไ ดเปน อสิ ระ เปน ตวั ของตัวเอง เรียกวา เปน การพ่งึ พาตนเองไดในทางจติ ใจ เมื่อ จติ ใจมีความเปน อิสระ ก็อยูอยา ง ปลอดโปรงโลงเบา มีทุกขนอ ย เปน อันวา คนท่พี จิ ารณาตามหลักของการมองตามเหตุ ปจจยั นีจ้ ะมจี ติ ใจที่เปน สุข และเปนอสิ ระมากขน้ึ แตโดยสาระก็คอื จะตอ งรเู ทา ทันการเกดิ ขน้ึ และการดบั ไป เม่ือเรามองเหน็ ความเกิด ข้นึ และดบั ไปของส่งิ ทงั้ หลาย แมตลอดจนชีวติ ของตวั เราเองนี้ วา เปน เร่ืองธรรมดา เปนไปตามเหตุปจจยั แลว เราวางใจถกู ตอ งตอ สง่ิ เหลานั้น แลวก็ปฏบิ ตั ติ อสิง่ ทงั้ หลายดว ยปญ ญา ทีพ่ จิ ารณา ตามเหตุปจจัย ทําที่เหตุปจ จยั และรูต ามเหตุปจจยั นอกจาก ประสบความสําเรจ็ แลว กจ็ ะมชี วี ิตท่มี คี วามสุข มคี วามเบกิ บาน ผองใส อยางนอยดวยการรคู วามจริงนนั้ กจ็ ะเปนอยดู วยปญ ญาท่ี รเู ทา ทนั ปญ ญาทร่ี เู ทา ทนั กท็ าํ ใหเ กดิ ความสวา ง แลว กจ็ ะทาํ ใหจ ติ ใจ นีไ้ มข นุ มวั ไมเ ศรา หมอง มีความราเริงเบิกบานผองใสอยไู ดเสมอ ถงึ แมอ ะไรจะเปลี่ยนแปลงผันผวนไป กต็ องรกั ษาสมบตั ิแทของเราไวใ หไ ด คนดที ีพ่ ึงปรารถนานัน้ ตามท่ที า นเนนยาํ้ มาก เปนผูป ฏิบัติ ถกู ตองเรมิ่ แตประการที่ ๑ คือการรูเ ทา ทนั เม่ือรูเทาทันความจรงิ

๒๘ ความจรงิ แหงชวี ิต แลว ตอไปประการท่ี ๒ กใ็ หก ารรเู ทาทันนน้ั มีผลตอ จติ ใจ ทจ่ี ะทํา ใหจ ิตใจน้ัน มคี วามสวาง มคี วามเบกิ บาน ไมวนุ วาย ไมสับสน ถาจิตใจวง่ิ แลน ดวยความทค่ี ิดวา เออ เราอยากใหเปน อยา งนี้ มนั ไมย อมเปน อะไรอยา งนี้ เรากว็ นุ วายสับสน เกดิ ความ ดิน้ รนมาก ความบบี ค้ันกเ็ กิดขึ้นมาก แตถ ามคี วามสวา งดวยความรเู ทา ทันแลว กจ็ ะมีความ โปรงโลง มคี วามเบา ไมว ุนวาย ไมด้นิ รนกระทบกระทง่ั บีบคน้ั จิต ใจก็จะมคี วามสุข จติ ใจท่ีมลี ักษณะอยา งนี้ เปนจิตใจทดี่ งี ามมี ความสขุ จรงิ แท พระพทุ ธศาสนาสอนใหเราสรา งความรูเทา ทันขนึ้ ในจิตใจ จากความรเู ทาทนั น้ัน กใ็ หมภี าวะจิตท่เี รยี กวา ปราโมทย คือความราเริงเบกิ บานใจ ซ่งึ ควรอนรุ ักษไวใ หมอี ยเู สมอ แลว กใ็ หม ปี ต ิ คอื ความเอบิ อม่ิ ใจ พอรเู ทา ทนั ความจรงิ แลว เราก็มีความเอิบอิม่ ใจได แมแ ตจะมเี รื่องทไี่ มปรารถนาเกดิ ขึน้ แต ถาเรารูเ ทา ทันความจรงิ จิตใจกเ็ อิบอมิ่ ได ดวยความรูความเขาใจ ดว ยปญ ญานั้น จากความปติ เอบิ อ่ิมใจ จติ ใจกผ็ อ นคลาย สบาย มคี วาม สงบเยน็ ท่ที านเรยี กวา มปี ส สทั ธิ แลว จติ ใจที่ผอ นคลายสงบเย็นน้นั กส็ ดช่นื โปรง เบา มี ความสขุ เมอ่ื ใจเปนสุขแลว ก็อยูต วั ไมด ิน้ รน ไมซัดสาย เปนจติ ใจท่ี มัน่ คง ไมม ีอะไรรบกวน เรยี กวาเปน สมาธิ

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๒๙ สภาพจิตใจอยางน้ี เปนจติ ใจทด่ี ีงาม ทท่ี า นบอกวา พุทธ ศาสนิกชนควรจะสรา งใหเกดิ ขึน้ เสมอๆ ใหเ รามองสิ่งเหลา น้ี หรอื สภาพจติ นี้วา เปน ทรัพยส มบตั ิอันมีคา พยายามทําใหม ีและรักษา ไวใ นจิตใจของเรา อยาใหใ ครมาทาํ ลายได พทุ ธศาสนกิ ชนตอ งการมชี วี ติ ทดี่ งี าม จะตอ งพยายามสรา ง สภาพจิตใจท่ีดี คือ ๑. ปราโมทย ความรา เรงิ เบกิ บานใจ ใหม ีอยูเ สมอ ๒. ปต ิ ความอิม่ ใจ ปล้ืมใจ ๓. ปส สทั ธิ ความผอนคลายกายใจ สงบเย็น ๔. สุข ความโปรง ชนื่ คลอ งใจ ไมมีอะไรบีบคนั้ ใจ ๕. สมาธิ ความมีใจแนวแน อยูกับสิ่งท่ีตองการ ไมฟุงซาน ไมว ุนวาย ไมสบั สน ไมมอี ะไรรบกวน เราตอ งถอื วา สภาพจิตเหลา นเี้ ปน สมบตั ทิ ดี่ มี คี า ยิง่ เรา ตองทาํ ใหมีอยูในใจเสมอ มันดยี ิง่ กวาสมบตั ิภายนอกทงั้ หลาย ทรพั ยสนิ สมบตั ิตา งๆ ภายนอกนนั้ เราสรางขึน้ มา เพอื่ ท่ี จะบํารุงบาํ เรอชวี ติ ใหเ รามีความสขุ แตไมแนน ะ วามันจะใหความ สขุ ทีจ่ รงิ ทแี่ ทไดหรอื ไม บางทมี นั กใ็ หไ ดเพยี งชั่วคราว ไมย ่งั ยืน ตลอดไป แทจริงแลวสภาพจิตเหลานี้แหละคือจุดหมายของการมี ทรพั ยส นิ สมบตั เิ หลาน้ัน ถาทรัพยสนิ สมบตั ิเหลานั้น สามารถทํา ใหเ รามีปราโมทย ปต ิ ปสสัทธิ สุข สมาธิ ได อันนน้ั ก็นาภมู ใิ จ แต หลายคน หรือมากคนทเี ดยี ว เม่ือสรา งทรัพยสมบตั ิภายนอกข้นึ มา

๓๐ ความจรงิ แหงชวี ติ แลว กลบั ไมไ ดไมม ีสภาพจิตเหลา น้ี ซํ้ารา ยบางทีกลับใหท รัพย สมบัติภายนอกกีดขวางทําลายสภาพจิตท่ีดีงามของตนเหลานี้ให หมดไปเสยี อีก เมอ่ื ยังแสวงหา ยงั ไมไดท รพั ยส ิน ก็ไดแตห วงั และ ยังไมมีสภาพจติ เหลาน้ี ครน้ั เมอ่ื ไดท รพั ยส ินมามขี ึ้นแลว ก็ยิ่ง ทาํ ลายสภาพจติ ทีด่ ีเหลา น้ันใหหมดไป ดว ยความยดึ ติดหวงแหน หวงกงั วล ตลอดจนหวาดระแวง ริษยากนั หรอื โลภยงิ่ ขึ้นไป ในทางตรงขา ม ถา เรายงิ่ สามารถสรา งปราโมทย ปต ิ ปส สทั ธิ สุข สมาธิไวในใจไดตลอดเวลาของเราเอง โดยไมตอ งอาศัยปจจยั ภายนอก กจ็ ะเปนความสามารถพิเศษที่สุด ตอนน้นั เราจะเห็นวา โอ แมแ ตท รัพยส มบัติตางๆ น่ี กย็ งั ไมมคี า เทาสภาพจติ ทด่ี ีงาม เหลานี้ เพราะในท่สี ดุ แลว สิง่ ทเี่ ราตองการแทจ ริงก็อนั นเ้ี อง เหลาน้ี แหละคือทรัพยส มบตั ทิ ีเ่ ราปรารถนาอยา งแทจ ริง แลวอนั นแี้ หละที่ จะทําชวี ิตของเราใหเ ปนชีวติ ท่ีดีงามมคี วามสขุ ไดแ ทจรงิ ในขน้ั สดุ ทา ย เมอ่ื ถึงเวลาทีท่ รัพยส นิ สมบตั แิ ละญาตพิ ่ี นองชวยอะไรไมได เชนบนเตียงที่เจ็บปวย บางทีเจ็บปวยถึงกับ รา งกายขยับเขย้ือนไมได ทําอะไรไมไ ด ใครชว ยก็ไมได รับประทาน อาหารก็ไมอรอย กเ็ หลอื แตใจของเราน่ีแหละ ตอนน้นั ถา เรามแี ต สุขท่อี ิงอาศัยอามิส ข้นึ ตอ อามสิ คอื สงิ่ ของภายนอกแลว กจ็ ะมแี ต ความทุกขค วามเดือดรอนอยางเดยี ว ตรงขามกับคนท่ีฝกใจของตนไวดวยปญญารูเทาทันอยาง ทีก่ ลา วมาแลว ซงึ่ สามารถทําใจใหม ปี ราโมทย ปต ิ ปสสทั ธิ สุข

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๓๑ สมาธไิ ด เขาฝก ใจไวพ รอ มแลว แมจ ะนอนปว ยอยคู นเดยี วบนเตยี ง ใครๆ อะไรๆ ชวยไมไ ด เขากส็ ามารถมีความสขุ ได อันน้เี ปนความสขุ ที่เปนอสิ ระ เปนไทแกตนเองอยา งแทจริง สวนในเวลาที่ไมป วย เมอื่ ไดส ่ิงภายนอกมาชว ยเสริมอีก เขากย็ ง่ิ มี ความสุขเพิ่มเปน ๒ ชั้น เวลาไมมีความสุขจากภายนอก อยู คนเดียวทําอะไรไมไ ด ก็ยงั สามารถมคี วามสุขได อยางนอ ยก็ไม กระวนกระวายทกุ ขรอ นเกนิ ไป ฉะน้นั สําหรับพุทธศาสนิกชนจงึ เหน็ ชดั วา แกนแทข อง ชีวิตทีเ่ ราตองการนัน้ คืออะไร เราสรา งสรรคท รพั ยส มบตั ติ างๆ มา เพื่อความสุข แตค วามสขุ ในขนั้ สดุ ทา ยนั้นอยูที่จิตใจของเรา ทีจ่ ะ ตองฝกฝนไวเสมอ ทาํ อยา งไรเราจงึ จะสรา งสภาพจิตนีข้ น้ึ มาได คาํ ตอบกค็ อื จะตอ งทาํ ใหเ ปน ปกติธรรมดา อยูดวยปญญาทีร่ ูเ ทา ทนั ความจรงิ ตลอดเวลา สรา งความราเรงิ เบกิ บานใจข้นึ มา พรอ ม ดวยความเอิบอมิ่ ใจ ความผอ นคลายสงบเย็นกายใจ ความสขุ และความอยตู วั ลงตวั ของจติ ใจ ใหม ปี ระจําเปน หลักอยูภายใน และอยางทีบ่ อกเม่อื กวี้ า ใหต้ังทาทเี หมือนสิ่งน้ีเปน สมบตั ิท่มี คี า ของเรา เราจะไมย อมใหใครทาํ ลาย เวลาพบกับใครเรากจ็ ะไดรบั อารมณเ ขา มา บางทเี ราก็ถูก อารมณทีเ่ ขามานั้นกระทบกระทั่ง หรอื กระทบกระแทก เชน ไดย ิน ถอ ยคาํ ของคนอนื่ พูด บางทอี ารมณทไ่ี มน า ปรารถนาเขามาโดยเรา ไมรูตวั เราไมทันรักษาสมบัตขิ องเรา ปลอ ยใหอารมณเหลา นั้นมา

๓๒ ความจรงิ แหง ชวี ิต กระทบกับใจเรา แลวก็ทําลายทรัพยสมบัติท่ีมีคาของเราไปเสีย ทาํ ใหค วามปราโมทย เบกิ บานใจในใจของเราหมดไปหรอื หายไป ไปเหน็ คนน้ันเขาแสดงอาการอยางน้ี ไปไดยินคนนเี้ ขาพดู คําอยา งนน้ั อาว เกดิ กระทบกระทงั่ ใจข้นึ มา ขนุ มวั เศรา หมอง เหย่ี วแหง บบี คนั้ ใจ เลยถกู คนอนื่ เขามาทาํ ลายสมบตั ใิ นของตวั เสยี แสดงวารักษาสมบัตไิ มได ดังนน้ั จะตองตัง้ สติไวกอ น ระลึกกาํ กับ ใจของตนวา เราจะตองพยายามรกั ษาสมบัติในของเราไวใหได อยา งนอ ยตั้งทา ทีไวว า นแี่ หละสมบัติทมี่ ีคาที่สดุ ของเรา เราจะ พยายามรกั ษาไว ถาทาํ อยางนแี้ ลว พทุ ธศาสนกิ ชนกจ็ ะมีแตความ เจรญิ งอกงามในธรรม ตกลงวา สภาพจิตใจท่พี ึงปรารถนา แสดงถึงจติ ใจของ พทุ ธศาสนิกชนท่ดี าํ เนนิ ตามวถิ แี หง พุทธ ทเ่ี ปนผรู ู ผตู ื่น ผูเบิกบาน ก็คือ ความราเริงเบิกบานใจ ท่ีเรียกวา ปราโมทย ความเอิบอมิ่ ใจ ท่ีเรยี กวา ปติ ความผอ นคลายสงบเย็นกายใจ ที่เรียกวา ปส สัทธิ ความโปรง ชนื่ คลอ งใจ ทเ่ี รียกวา ความสขุ และความมจี ติ ใจแนวแนม ัน่ คง ทีเ่ รยี กวา สมาธิ ทง้ั หมดนีเ้ ปน สมบัติสาํ คญั ท่เี ราควรจะรักษาไว และสมบัติ เหลาน้ีจะเกิดข้ึนไดดีท่ีสุดดวยการที่เรารูเทาทันความจริงน่ันเอง ทําใจใหค ุนเคยเปนกนั เองกบั สัจธรรม แลว เราจะไดร สทเ่ี ลศิ กวา รส ทงั้ หลายท้งั ปวง เหมอื นคนทีไ่ ดร สจืดสนิทของนํ้าท่ีบรสิ ุทธ์เิ ปนหลกั

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๓๓ ยืนตวั ไวแลว ดงั ทก่ี ลาวมานนั้ เรากจ็ ะมคี วามสุขทแ่ี ทจรงิ เราจะ ชอ่ื วาดําเนนิ ตามวถิ ีของพระพุทธเจา วันนี้อาตมภาพไดแสดงธรรมกถามาก็พอสมควรแกเวลา โดยสาระสําคญั กค็ ือใหเ ขา ใจความจรงิ ของส่งิ ท้ังหลาย แลว กม็ ีจติ ใจท่เี ปนอยูดวยความรเู ทาทันนี้ ความรเู ทาทันนี้จะทําใหเกิดความ สวา ง ความสะอาด ผอ งใส เบกิ บาน ดงั ทกี่ ลา วมาแลว สภาพจติ ทด่ี ี งามก็จะเกดิ ขนึ้ แกเ ราอยูเสมอ ไมม ีอะไรท่จี ะดกี วา นใี้ นขัน้ สดุ ทา ย สิง่ ทง้ั หลายที่เราสรา งมากเ็ พือ่ ความสขุ แตใ นขั้นสุดทา ย แลวเราจะรูตระหนักวาตราบใดท่ีเรายังตองขึ้นตอสิ่งเหลานั้น ตราบใดทเ่ี รายงั ตองฝากความสุขความทกุ ขไวก บั สิง่ เหลา น้ัน เรา จะไมเปน อสิ ระแทจ ริง จะตองถงึ เวลาหนึง่ ทเี่ ราจะตองฝก ฝนตวั เรา เอง ดวยจิตใจและปญ ญา ใหเ ปน อยูด ว ยตัวของตวั เองทีม่ ีปญญารู เทา ทนั แลว สรางสภาพจติ ใจทีด่ ีงามดงั กลาวนี้ขน้ึ มาใหไ ด วนั นโี้ ยมเจา ภาพ ไดบาํ เพญ็ กศุ ลอุทิศแกค ุณโยมผลู วงลบั ไปแลว โยมกไ็ ดบ าํ เพญ็ กศุ ลไปแลว ไดท าํ หนา ทท่ี คี่ วรทาํ แลว สมดงั ท่ีอาตมภาพไดก ลาวมาแตเบอื้ งตน ประการแรก ดวยการทไ่ี ดท าํ ส่ิงที่ควรทํา ไดทาํ หนา ทขี่ อง เราแลว ไดแ สดงนํ้าใจแลว ไดทาํ บญุ ทาํ กศุ ลแลว นี้ เม่ือจิตระลกึ พจิ ารณาแลวก็จะมีความเอบิ อม่ิ ใจ ทาํ ใหม คี วามสบายใจ และทาํ ใหจติ ใจเบกิ บานผอ งใสได เปนเครื่องบรรเทาความโศกเศราอาลยั ลงไดสวนหนึง่

๓๔ ความจรงิ แหง ชวี ิต ประการที่สอง เมอ่ื ไดพ จิ ารณาตามหลักธรรมดวยความรู เทา ทนั ในความจรงิ ดงั กลา วมา กจ็ ะไดสภาพจิตทีด่ งี าม เปนขัน้ ที่ สอง ท่ที าํ ใหจ ิตใจเปน อสิ ระอยางแทจริง ความสดใสรา เรงิ เบกิ บาน และความหายโศกเศรากจ็ ะเกิดขนึ้ ไดอยา งแทจริง ท้งั สองประการน้ี เปน ปจ จัยสําคัญท่เี รยี กวา เปน บุญ เปน กศุ ล คอื ทั้งกศุ ลในสวนของการทําความดีงาม และในสว นที่เปน เรื่องของปญ ญารูเทา ทัน เม่อื ปฏิบัตอิ ยางนี้แลว กเ็ ปน อันไดคติ จากคําสอนเก่ียวกับเรื่องของมรณกรรมที่พระพุทธเจาทรงสอนอยู เสมอวา ใหพ ทุ ธศาสนิกชนพิจารณาราํ ลึกในมรณสติ คือระลึกถงึ ความตายดว ยความรูเ ทา ทนั แลว ไมโ ศกเศรา ไมห วาดกลัว แต ระลกึ ขน้ึ มาแลว ทาํ ใหไมประมาท เรง ขวนขวาย ทาํ ความดีงาม รู เทาทันความจริงของชีวติ และสงั ขาร นอกจากนนั้ เมอื่ โยมมจี ติ ใจทด่ี งี าม สะอาดผอ งใสอยา งนี้ แลว แมเ ม่อื จะอทุ ิศกุศลแกผลู วงลับ การอุทิศกุศลนนั้ กจ็ ะไดผลดี ขน้ึ ดว ย ทานกลาววา การที่จะอุทศิ กศุ ลแกกนั กต็ องทําดวยจติ ใจ ที่เปนสมาธิ มเี จตนาที่ชดั เจนและมกี ําลังแรง ถา จิตใจน้นั มคี วาม เศราหมองขนุ มวั วุนวายดว ยความโศกเศราเปน ตน จติ ใจนน้ั กไ็ ม เปน อนั ตัง้ แนวแนในการทจี่ ะอทุ ศิ กุศล เจตนาก็ไมร วมเปน อนั หนง่ึ เดยี ว ไมเขมแขง็ แรงกลา เพราะฉะนน้ั จงึ ตอ งทาํ จติ ใจใหป ลอดโปรง ผอ งใส เมอ่ื ทาํ จติ ใจใหด งี ามดว ยการระลกึ ถงึ ความดที บี่ าํ เพญ็ แลว รเู ทา ทนั ความจรงิ

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๓๕ รูเทาทนั ธรรมะ ดังท่ีกลา วมา จติ ใจเปนกุศลแลว ดงี ามแลว ก็นอ ม จติ ท่ดี งี ามเปน กศุ ลน้ี อุทศิ บญุ กศุ ลทีไ่ ดบําเพ็ญแกทา นผลู วงลับสบื ตอ ไป ณ วาระนี้ อาตมภาพขออนโุ มทนากศุ ลบญุ ราศี ทโี่ ยมเจา ภาพ พรอมดวยบุตรหลานญาติมิตร ไดบ าํ เพญ็ แลว และในโอกาสน้ี ญาตมิ ติ รทัง้ หลายกไ็ ดมาแสดงนา้ํ ใจ มาเคารพศพ มาระลกึ ถึง ทา นผลู ว งลบั เปน การแสดงนา้ํ ใจทง้ั ตอ ผลู ว งลบั และตอ ทา นเจา ภาพ ที่ยังมชี ีวติ อยู ทกุ ทา นลวนมเี จตนาดที ่ัวกนั จึงขอใหท กุ ทา นมี ความเอบิ อม่ิ ใจวา เราไดทาํ สงิ่ ทค่ี วรทํา ไดแสดงนํา้ ใจอนั ดีแลว เม่อื มีจติ ใจดีงามอยา งน้ี ไมมคี วามโศกเศรา ไมมีความขุน มวั แลว ก็โนมจติ ใจทด่ี งี ามน้อี ุทิศกุศลไปใหแ ดค ณุ โยมผลู วงลับไป แลว ขอใหท า นไดรับทราบ และอนโุ มทนาการบาํ เพ็ญกศุ ลน้ี และ ขอใหท านมคี วามสขุ ความเจรญิ ในสมั ปรายภพ ยง่ิ ขน้ึ ไป อาตมภาพวิสชั นาพระธรรมเทศนา พรรณนาอานิสงสแ หง การบําเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานกิจอุทิศแดทานผูลวงลับไป แลว พรอ มทง้ั คตธิ รรมเตือนใจ ในการทีจ่ ะเกดิ ความรเู ทา ทนั ดวย ปญญา เพ่ือจะมีชีวติ ทด่ี ีงาม ตามคตแิ หงพระพุทธศาสนา ก็พอสม ควรแกเวลา ขอยตุ ลิ งแตเพียงเทา น้ี เอวัง ก็มี ดวยประการฉะนี้

พอแกแ มเฒา “อ.สนุ ทรเกตุ” พอแมก ็แกเ ฒา จาํ จากเจาไมอ ยนู าน จะพบจะพองพาน เพียงเสย้ี ววารของวันวาน เพราะยังอยากเห็นลกู หลาน ใจจริงไมอยากพราก ยอมรา วรานสลายไป แตช พี มิทนนาน อยา กลา วขานใหซ า้ํ ใจ ผดิ เผลอไผลเปน แนนอน ขอเถดิ ถาสงสาร เพียงเมตตาชวยอาทร คนแกช แรวัย คลายทุกขผ อ นพอสขุ ใจ ใหน ึกถึงเมอ่ื เยาววยั ไมรักกไ็ มว า ไดใครเลา เฝาปลอบปรน ใหก ินและใหน อน แมเหน่อื ยกายกย็ อมทน เติบโตจนสงา งาม เม่ือยามเจา โกรธขึ้ง ขอใหค ิดทกุ ทกุ ยาม รองไหย ามปวยไข หวังตดิ ตามชว ยอวยชยั มหี รือหวังอยนู านได เฝา เล้ียงจนเติบใหญ ทิ้งฝงไวใหวงั เวง หวงั เพียงจะไดยล คัดจากหนงั สือ “หล่ี” มงคลธรรมจีนโบราณ ขอโทษถาทาํ ผดิ ใจแทมีแตค วาม ตน ไมที่ใกลฝ ง วันหนงึ่ คงลมไป