สาขาวชิ า : การกอ่ สร้าง ใบเน้อื หา หน้าที่ ชอื่ วิชา : ปฎบิ ตั กิ ารงานเทคนิคคอนกรีต 1 รหสั วชิ า 1106-3401 แผน่ ที่ : 1 1เนอ้ื หาสาระ1.1 พัฒนาการของคอนกรีต (HISTORY OF CONCRETE) คอนกรีต (CONCRETE) คือ วัสดกุ ่อสร้างชนดิ หน่ึงที่ใช้กนั อยา่ งแพรห่ ลายตั้งแต่อดตี จนถงึ ปจั จุบนั เพราะเปน็ วสั ดุที่มีคณุ สมบตั ติ า่ งๆ คอนกรีตประกอบดว้ ยสว่ นผสม 2 ส่วน คือ วสั ดปุ ระสานอนั ไดแ้ ก่ปูนซีเมนต์กบั น้าและน้ายาผสมคอนกรีต ผสมกบั วัสดุอนั ได้แก่ ทราย หิน หรือกรวด ตามอัตราส่วนที่เหมาะสม เมือ่ นา้ มาผสมกนั คงสภาพเหลวอยู่ชว่ งเวลาหนึ่ง พอท่ีจะนา้ ไปเทในแบบหลอ่ ท่มี รี ปู ร่างตามต้องการ หลงั จากนั้นจะแปรสภาพเปน็ ของแขง็ และสามารถรบัน้าหนกั ได้มากขนึ้ ตามอายุคอนกรีตที่เพม่ิ ขนึ้1.1.1 คอนกรตี เปน็ วัสดุก่อสร้างทีใ่ ชก้ ันมานาน จากหลักฐานพบว่ามีการใช้คอนกรีตท้ากระท่อมของชาวประมงและ พวกนกั ล่าสัตว์ สมยั ยุคหินบรเิ วณแม่น้าดานูป ต้งั แต่ 7600 ปี มาแล้ว หลังจากน้นั ไดม้ กี ารพฒั นาคอนกรีตอย่าง ตอ่ เน่ืองจนถงึ ปัจจบุ นั โดยมีรายละเอียดดังนี้ ภาพที1่ การใช้ Lime มอร์ตาร์ สรา้ งพริ ามดิ ตั้งแต่ 2500 ปี ก่อนพทุ ธกาล ภาพที่ 2 โคลเี ซียมในประเทศอิตาลี
สาขาวิชา : การกอ่ สร้าง ใบเนอ้ื หา หน้าที่ ชื่อวชิ า : ปฎบิ ัติการงานเทคนิคคอนกรตี 1 รหัสวชิ า 1106-3401 แผ่นที่ : 2 25100 ปี กอ่ นพทุ ธกาล - ใช้คอนกรตี เทพืน้ กระท่อมบริเวณแม่น้าดานปู2500 ปี ก่อนพุทธกาล - ได้มกี ารพัฒนา LIME MORTAR สา้ หรับกอ่ สร้างพริ ามิด (Pyramid)2000 ปี ก่อนพุทธกาล - การใช้คอนกรีตบางประเภทในประเทศแถบอเมรกิ าใต้500 ปี กอ่ นพุทธกาล - ชาวกรีก (Greeks) ไดพ้ ฒั นาคอนกรีตขน้ึ และชาวโรมัน (Roman) ได้พฒั นาคอนกรีตถึงปี พ.ศ. 1000 ต่อไปจนได้ไฮดรอลคิ ซเี มนต์ (Hydraulic Cement) ทสี่ มบรู ณ์เปน็ คอนกรีตท่มี ี คณุ ภาพดีสา้ หรับสา้ หรบั การสร้างต่างๆ เชน่ สนามกีฬาโคลเี ซียม (Coliseum) และ หอ้ งโถงขนาดใหญ่ของตึกแพนเทย่ี น (Dome of The Pantheon) ในประเทศอิตาลี เปน็ ตน้ -ชาวโรมนั ใชส้ ว่ นผสมของหิน และขีเ้ ถ้าจากภูเขาไฟวิซเวียส (Vesuvius) ซึ่งเรียกว่า โพสโซลานา (Pozzolana) ทา้ ซีเมนต์ ซ่ึงสามารถแขง็ ตวั ในน้าได้หลงั ปี พ.ศ. 1000 -ส้นิ สุดยุคโรมนั กส็ นิ้ สุดการใช้คอนกรตี เช่นกนัปี พ.ศ. 2299 - จอหน์ สมที ตัน (John Smeaton) พบวา่ ปูนขาว (Lime) ซ่งึ ได้จากหนิ ปนู (Lime Stone) หากประกอบดว้ ยดินเหนยี ว (Clay) ในอตั ราส่วนที่พอเหมาะจะแขง็ ตวั ในน้าได้ ประโยชนอ์ นั นีไ้ ดน้ า้ ไปสรา้ งประภาคาร บริเวณช่องแคบองั กฤษ การค้นพบของ จอหน์ สมีทตนั ทา้ ให้เกดิ การพฒั นาปนู ซีเมนตแ์ ละคอนกรตี อย่างรวดเร็วปี พ.ศ. 2367 -โจเซฟ แอสปดิน (Joseph Aspidin) ชาวองั กฤษไดข้ อจดลขิ สิทธข์ บวนการผลิต ปูนซีเมนต์โดยให้ความร้อนแก่หนิ ปนู (Lime Stone) ดนิ เหนยี วและน้ามาบดให้ละเอียด ให้ช่อื วา่ ปอร์ตแลนดซ์ เี มนต์ (Portland Cement) -ปนู ซีเมนต์ทไี่ ด้ชอื่ ว่า ปอร์ตแลนด์ เพราะมสี ีเหมอื นหนิ บนเกาะปอร์ตแลนดใ์ นประเทศ องั กฤษ-โจเซฟ แอสปดิน ได้จัดต้งั หม้อเผาปนู ซีเมนตท์ ี่ Waketield และซเี มนต์ท่ผี ลิตถูกน้ามาใช้ ในโครงการอโุ มงคล์ อดแมน่ ้าเทมส์ (Thames River) ในปี พ.ศ. 2371ปี พ.ศ. 2378 -บ้านคอนกรตี หลังแรกของโลกถกู สรา้ งขน้ึ ทเ่ี มอื ง Kent ประเทศอังกฤษ ลกั ษณะเป็น บา้ น 2 ชั้น
สาขาวิชา : การก่อสร้าง ใบเนอื้ หา หนา้ ที่ ชอ่ื วิชา : ปฎิบตั กิ ารงานเทคนคิ คอนกรีต 1 รหสั วิชา 1106-3401 แผ่นท่ี : 3 3ปี พ.ศ. 2397 -วิลเลียม วลิ คินสนั (William Wilkinson) ช่างกอ่ สรา้ งชาวเมอื ง Newcastle ได้ลขิ สิทธ์ ระบบคอนกรีตเสรมิ เหลก็ปี พ.ศ. 2398 -ยนี หลยุ ส์ แลมโบท (Jean Louis Lambot) ได้สรา้ งเรอื คอนกรีต (Ferro Cement) ลา้ แรก ของโลก โดยใช้คอนกรตี หุ้มเหล็กเสรมิ ทีข่ น้ึ รปู ไว้ปี พ.ศ. 2410 -โจเซฟ มองนแิ อร์ (Joseph Monier) วิศวกรชาวฝรั่งเศส ไดใ้ ช้เหลก็ เสริมคอนกรตี ในการ ท้าบอ่ และกระถางต้นไม้ปี พ.ศ. 2423 -ได้คน้ พบวิธเี ผาซเี มนต์โดย Rotary Kilnปี พ.ศ. 2456 -ไดม้ ีการจัดตั้งโรงงานคอนกรีตผสมเสรจ็ (Ready Mixed)เปน็ แหง่ แรกปี พ.ศ. 2460 -ดี-อบั ราฮมั ส์ (D-Abrahams) ไดพ้ บว่ากา้ ลังอดั คอนกรีตขน้ึ กบั อัตราสว่ นน้าต่อปนู ซีเมนต์ (Water Cement Ratio)ปี พ.ศ. 2463-2493 -พัฒนาข้อก้าหนดของปนู ซเี มนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภทต่างๆ เชน่ ปูนซีเมนตแ์ ข็งตวั เร็ว (Extra Rapid Hardening Cement) ปูนซีเมนต์ลดความร้อน (Low Heat Cement)ปูนซีเมนต์ ทนซัลเฟต (Sulphate Resisting Cement) และปูนซีเมนต์ผสม เป็นตน้ปี พ.ศ. 2471 -ค้นพบวิธกี ารใชค้ อนกรตี มวลเบา (Light Weight Concrete)ปี พ.ศ. 2473 -(Eugene Ffreysinnet) -ได้ค้นพบโครงสรา้ งคอนกรีตอดั แรง (Prestressed Concrete)ปี พ.ศ. 2481 -ได้คน้ พบ Air Entraining Admixture ซ่งึ เหมาะส้าหรบั คอนกรีตในอุณหภูมิต่้าปี พ.ศ. 2488 -ขยายการใช้คอนกรตี สา้ เร็จรูป (Pre Cast Concrete) มากขน้ึปี พ.ศ. 2496 -มีการใช้น้ายาผสมคอนกรีตปี พ.ศ. 2503 -เริม่ ใชค้ อนกรีตปัม๊ (Concrete Pumping)ปี พ.ศ. 2525 -ไดเ้ กิดปัญหาเรอ่ื งความทนทานของคอนกรตี และเร่ิมมกี ารศกึ ษาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
สาขาวชิ า : การก่อสร้าง ใบเนอ้ื หา หนา้ ท่ีชือ่ วชิ า : ปฎิบตั ิการงานเทคนคิ คอนกรีต 1 รหัสวิชา 1106-3401 แผ่นท่ี : 4 4 การทา้ คอนกรตี ตอ้ งอาศยั ประสบการณ์และความรูส้ กึ ในหลกั วิชาการ คอนกรีตท่ีดตี อ้ งเป็นคอนกรตี ทมี่ ีคณุ สมบัติเปน็ทีพ่ อใจ ตง้ั แตก่ ารผสม การลา้ เลียงจากเครือ่ งผสม การเทแบบหล่อและการอัดแนน่ เปน็ ท่ีน่าพอใจสภาพของคอนกรีตที่แขง็ ตวั แล้ว ตรงกนั ข้ามคอนกรตี ทไี่ ม่ดจี ะมีความข้นเหลวไมเ่ หมาะสมกับสภาพของงาน เมอ่ื แขง็ ตวั จะมีรูโพรงและไมม่ ีเนอ้ื เดยี วกนั ท้งั โครงสร้าง คุณสมบัติของคอนกรตี ทยี่ ังเหลว จะตอ้ งมคี วามข้นเหลวทีจ่ ะใหก้ ารอดั แน่นเปน็ ไปโดยไมต่ อ้ งใชค้ วามพยายามอยา่ งมาก รวมทง้ั สว่ นผสมจะต้องมกี ารยดึ เกาะกันอยา่ งเพยี งพอ ส้าหรบั วิธีการเทคอนกรีตทีจ่ ะใช้โดยไม่ให้คอนกรตี ทีจ่ ะเทเกดิ การแยกตวั ซึ่งจะเป็นเหตุใหเ้ กิดความไม่สม่้าเสมอในเนื้อคอนกรีต คณุ สมบตั ิที่ตอ้ งการส้าหรับคอนกรตี ทีแ่ ข็งตัวแลว้คอื ต้องไดก้ ้าลงั อัดตามขอ้ ก้าหนด นอกจากนี้ ยังต้องมคี ุณสมบัตอิ นื่ ๆอกี เช่น ความหนาแนน่ ความทนทานความสามารถรับแรงดงึ ความสามารถในการปอ้ งกันน้าซมึ ผ่าน ความตา้ นทานตอ่ แรงกระแทกและแรงเสียดสี การทนตอ่ การกัดกรอ่ นจากซลั เฟตและอื่นๆ ความรู้เรือ่ งคณุ สมบัตขิ องคอนกรตี ท้าใหส้ ามารถเลอื กสดั ส่วนการผสมคอนกรตี ได้อย่างเหมาะสม ความสนใจขบวนการผลติ ทม่ี ีส่วนช่วยในการพัฒนาเครอ่ื งมือ เครอื่ งจักร ท้าให้เกิดประโยชน์ในดา้ นเทคนิค สรุป การที่จะท้าคอนกรีตใหด้ ี จา้ เป็นต้องเข้าใจองค์ประกอบตา่ งๆดังนี้ -ต้องรู้สภาพทัว่ ไปของหนว่ ยงานก่อสรา้ ง -ต้องระมดั ระวงั ในการช่ังตวง สว่ นผสมทกุ ชนดิ -ต้องมกี ารทา้ การบ่มอยา่ งถกู ตอ้ ง -ต้องมีการควบคุมงานคอนกรีตทด่ี ีทุกข้นั ตอน
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: