Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานกลุ่ม3 ห้อง58

โครงงานกลุ่ม3 ห้อง58

Published by supitchajantawong, 2022-08-18 04:39:17

Description: โครงงานกลุ่ม3 ห้อง58

Search

Read the Text Version

บทท่ี 1 บทนำ 1. ควำมเป็ นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ เป็นการเกร่ินนาหรืออารัมภบทแสดงใหเ้ ห็นถึงความสาคญั และความจาเป็นทจ่ี ะตอ้ งทาศกึ ษา หรือเหตุผลท่ีสมควรตอ้ งมีการ ศกึ ษาปัญหาพิเศษเร่ืองน้ี โดยพยายามกาหนดปัญหาใหช้ ดั เจนท้งั ในดา้ น การเกิดความรุนแรง การกระจายตวั ของปัญหา หรือดา้ นอนื่ ๆ ใหเ้ ขา้ ถงึ ขอ้ เท็จจริงของปัญหาอยา่ ง แทจ้ ริง ดว้ ยการทบทวนเอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง ตรวจสอบสถิติ สอบถามความเห็นจากบุคคลที่เกี่ยวขอ้ ง และแสวงหาเหตุผลที่น่าเป็นไปได้ จากทฤษฎีและสาขาท่ีเก่ียวขอ้ ง โดยเขียนโนม้ นา้ ว จูงใจใหผ้ อู้ ่าน คลอ้ ยตามเห็นดว้ ยว่าทาไมตอ้ งทาศึกษาเร่ืองน้ี เช่น ยงั ประสบปัญหาอยแู่ กไ้ ขไมไ่ ด้ โดยใชค้ วามคิด ตวั เองใหม้ ากที่สุด ● ย่อหน้ำแรก จะตอ้ งอภิปรายถงึ ความเป็นมา ปัญหา ขอ้ ดี ขอ้ เสีย หรือขอ้ โตแ้ ยง้ ของการทดลอง ที่ไดท้ าการก่อนหนา้ ● ย่อหน้ำที่สอง จะตอ้ งอภิปรายถงึ ความสาคญั ขอ้ ดีของปัญหา รวมถงึ แนวทางแกไ้ ขปัญหาใน เร่ืองท่ีเราสนใจจะดาเนินการทา ควรมเี อกสารหรือที่มาของปัญหาที่อา้ งอิงเพ่ือสนบั สนุนหรือ โตแ้ ยง้ สิ่งที่ เราจะทาการทดลองน้นั ● ย่อหน้ำสุดท้ำย ตอ้ งอภิปรายสรุปเป้าหมายหรือเหตุผลท่ีจะทา เพอ่ื แกป้ ัญหาท่ีงานท่ีเราจะทา และตอ้ งทิ้งทา้ ยดว้ ยรูปแบบดงั น้ี คือ ดงั น้นั ผศู้ กึ ษาจึงม่งุ ศกึ ษา .............................………………………….............................………... .............................................................เพอ่ื .........................................................................ต่อไป รูปแบบกำรเขยี น ควำมเป็ นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ เขียนเร่ืองทวั่ ๆ ไป กวา้ ง เขียนเรื่องเฉพาะ สรุปช้ีใหเ้ ห็นปัญหา

2 ปัญหาวจิ ยั เขียนจากกวา้ งไปแคบ(ลกึ ) กอบแกว้ ตะนะพนั ธุ.์ 2557(กนั ยายน, 26). “หลกั กำรเขียน ควำมเป็ นมำ และควำมสำคญั ของ ปัญหำ | Kobkaew ....” [ออนไลน์]. ท่ีมา : http://kobkaewtk.wordpress.com/ 2. วตั ถุประสงค์ หมายถงึ แนวทางหรือทิศทางในการคน้ หาคาตอบ เป็นเรื่องท่ีตอ้ งการทา - เป็นการกาหนดวา่ ตอ้ งการศกึ ษาในประเด็นใดบา้ งในเร่ืองท่ีจะศกึ ษาคน้ ควา้ โดยบ่ง บอกส่ิงที่จะทา ท้งั ขอบเขต และคาตอบท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ - เป็นการนาเอาความคดิ ของประเดน็ ปัญหามาขยาย รายละเอยี ด โดยใชภ้ าษาที่ชดั เจน เขา้ ใจง่าย เขียนเป็นขอ้ หรือเขียนรวมเป็นขอ้ เดียวกนั - อยา่ นาประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะไดร้ ับมาเขียนเพราะประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ ับเป็นผลท่ี คาดว่าจะเกิดข้ึนหลงั จากสิ้นสุดการศึกษาคน้ ควา้ แนวกำรเขียนวตั ถุประสงค์ของกำรศึกษำค้นคว้ำ 1.วตั ถุประสงคเ์ ขียนในรูปเป้าหมายการศกึ ษาคน้ ควา้ ไมใ่ ช่วธิ ีการ

3 2.วตั ถปุ ระสงคส์ อดคลอ้ งกบั ช่ือเรื่อง 3.วตั ถุประสงคช์ ดั เจน ไมก่ ากวม 4. ใหใ้ ชค้ าวา่ “เพ่ือ” คำท่ีใช้สำหรบั กำรเขยี นวตั ถุประสงค์ เช่น เพ่อื ศกึ ษา เพื่อสารวจ เพอ่ื คน้ หา เพ่ือบรรยาย เพือ่ อธิบาย เพ่อื พฒั นา เพอื่ เปรียบเทียบ ...กบั ... เพอ่ื พิสูจน์ เพอื่ แสดงใหเ้ ห็น เพ่ือศกึ ษาความสมั พนั ธ์ เพ่ือประเมิน เพือ่ สงั เคราะห์ เพอ่ื เปรียบเทียบ....กบั ........ เพอ่ื ศกึ ษาอทิ ธิพลของ......ท่ีมตี ่อ.. เพื่อศกึ ษาอิทธิพลของ...ท่ีมตี ่อ... เพื่อวเิ คราะหป์ ัจจยั ที่มี / ส่งผล/อทิ ธิพล/ผลกระทบ... 3. สมมุตฐิ ำน (ถา้ มี) สมมุติฐานเป็นการคาดคะเนหรือการทายคาตอบอยา่ งมเี หตุผลที่คาดไวล้ ่วงหนา้ การเขียน สมมุติฐานควรมีเหตุผลท่ีสาคญั คือ เป็นขอ้ ความท่ีมองเห็นแนวทางในการดาเนินการ 4. ขอบเขตของกำรศึกษำ 4.1 ประชำกรทีใ่ ช้ในกำรศึกษำ ประชากร หมายถงึ สมาชิกทกุ หน่วยของสิ่งท่ีสนใจศกึ ษา ซ่ึงไมไ่ ดห้ มายถงึ คนเพยี ง อยา่ งเดียว ประชากรอาจจะเป็นส่ิงของ เวลา สถานท่ี ฯลฯ เช่น ถา้ สนใจความคิดเห็นของคน ไทยที่มตี ่อการเลอื กต้งั ประชากร คือ คนไทยทุกคน หรือถา้ สนใจอายกุ ารใชง้ านของเคร่ือง

4 คอมพิวเตอร์ยห่ี อ้ หน่ึง ประชากรคือเคร่ืองคอมพิวเตอร์ยห่ี อ้ น้นั ทุกเคร่ือง แต่การเก็บขอ้ มลู กบั ประชากรทุกหน่วยอาจทาใหเ้ สียเวลาและค่าใชจ้ ่ายท่ีสูงมากและบางคร้ังเป็นเร่ืองที่ตอ้ ง ตดั สินใจภายในเวลาจากดั การเลือกศกึ ษาเฉพาะบางส่วนของประชากรจึงเป็นเร่ืองท่ีมคี วาม จาเป็น เรียกวา่ “กลุ่มตวั อยา่ ง” ประเภทของประชำกร จาแนกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. ประชำกรท่มี จี ำนวนจำกดั เป็นประชากรท่ีสามารถนบั จานวนได้ เช่น จานวน นกั ศกึ ษา จานวนนกั เรียน ฯลฯ 2. ประชำกรทีม่ จี ำนวนไม่จำกดั เช่น จานวนเมด็ ทราย ดวงดาวบนทอ้ งฟ้า ฯลฯ รูปแบบกำรเขยี นประชำกรทใี่ ช้ในกำรศกึ ษำ ประชากรที่ใชใ้ นการศกึ ษาคร้ังน้ี ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั ..........................โรงเรียน ............................... จานวน ....................หอ้ งเรียน เป็นนกั เรียนท้งั ส้ิน .............คน 4.2 กลุ่มตวั อย่ำงทใี่ ช้ในกำรศึกษำ กลมุ่ ตวั อยา่ ง หมายถงึ ส่วนหน่ึงของประชากรท่ีนามาศกึ ษาซ่ึงเป็นตวั แทนของ ประชากร การท่กี ลมุ่ ตวั อยา่ งจะเป็นตวั แทนทีด่ ีของประชากรเพ่ือการอา้ งองิ ไปยงั ประชากร อยา่ งน่าเชื่อถือไดน้ ้นั จะตอ้ งมีการเลอื กตวั อยา่ งและขนาดตวั อยา่ งที่เหมาะสม ซ่ึงจะตอ้ งอาศยั สถติ ิเขา้ มาช่วยในการสุ่มตวั อยา่ งและการกาหนดขนาดของกลุม่ ตวั อยา่ ง ประเภทของกำรสุ่มตวั อย่ำง การสุ่มตวั อยา่ งมหี ลายวิธี แต่ครูแนะนาการสุ่มตวั อยา่ งสาหรับนกั เรียน คือ 1. กำรสุ่มตวั อย่ำงแบบง่ำย นิยมใชก้ นั 2 วิธีคือ 1.1 การจบั ฉลาก 1.2 การใชต้ ารางเลขสุ่ม 1.2.1 การจบั ฉลาก ใชก้ บั ประชากรขนาดเลก็ มขี ้นั ตอนคือ

5 (1) เขียนบญั ชีรายช่ือ โดยรวบรวมทุกๆหน่วยของประชากรและให้ หมายเลขกากบั เช่น รายช่ือเจา้ หนา้ ท่ีทุกคนในแผนก รายชือ่ นกั เรียน ทุกคนในช้นั เรียน (2) ทาฉลากหมายเลขเท่ากบั ประชากรเป้าหมายท่ีอยใู่ นบญั ชีรายช่ือ (3) นาฉลากมาเคลา้ ปนกนั ใหท้ วั่ (4) จบั ฉลากข้ึนมาคร้ังละ 1 ใบใหค้ รบจานวนตวั อยา่ งท่ตี อ้ งการ 1.2.2 การใชต้ ารางเลขสุ่ม นิยมใชก้ บั ประชากรขนาดใหญ่ท่ีมีบญั ชีรายช่ือ ทุกหน่วยยอ่ ยของประชากรไวแ้ ลว้ โดยปกติตารางเลขสุ่มน้ีสร้างข้ึนจากการ สุ่มโดยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มขี ้นั ตอนดงั น้ี (1) กาหนดขนาดตวั อยา่ งท่ีตอ้ งการสุ่ม (2) กาหนดจานวนหลกั ตวั เลขที่ตอ้ งการสุ่ม (3) กาหนดทิศทางการอ่านใหแ้ น่ใจวา่ จะอา่ นจากขวาไปซา้ ย หรือบนมาล่าง (4) หาเลขเริ่มตน้ โดยการสุ่มเช่นสุ่มตวั เลขโดยกาหนดในใจว่า จะเลือกตวั เลขใด (5) เรียกเลขสุ่มจนครบตามจานวนตวั อยา่ งจึงหยดุ 2. กำรสุ่มตวั อย่ำงแบบเป็ นระบบ เป็นการสุ่มตวั อยา่ งจากหน่วยยอ่ ยของประชากรท่ีมี ลกั ษณะใกลเ้ คียงกนั มีข้นั ตอนการสุ่มดงั น้ี 2.1 สุ่มหน่วยเร่ิมตน้ 2.2 คานวณระยะห่างของหน่วยต่อไป ระยะห่างระหว่างหมายเลข (������) = ������ จานวนประชากรทั้งหมด (800 คน) = 10 ������ = จานวนกล่มุ ตัวอย่าง (80 คน) 2.3 นบั ระยะห่างเท่าๆ กนั เช่น 10 , 20 , 30 ... 2.4 กาหนดหมายเลขตวั อยา่ งดงั น้ี

6 เลขเริ่มตน้ 10 ตวั อยา่ งเช่น มีประชากร 800 คน ตอ้ งการตวั อยา่ ง 80 คน 2.5 สุ่มเลขเริ่มตน้ หรือจบั สลากกไ็ ดใ้ น 800 คน สมมตุ ิไดเ้ ลข 5 ดงั น้นั จึงสุ่มทุกๆ 10 คน สุ่มจนไดค้ รบจานวนกลุม่ ตวั อยา่ ง รูปแบบกำรเขยี นกล่มุ ตวั อย่ำงทใ่ี ช้ในกำรศึกษำ กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการศกึ ษาคร้ังน้ีเป็นนกั เรียน(ที่...)ระดบั ช้นั ...................................... โรงเรียน....................................... ปี การศกึ ษา 25... จานวน.............คน (นคร เสรีรักษ์และภรณี ดรี ำษฎร์วเิ ศษ , 2555 อ้ำงถงึ ใน กอบแก้ว ตะนะพนั ธ์ุ , 2557.) 4.3 เนื้อหำทใ่ี ช้ในกำรศึกษำ เน้ือหาท่ีใชใ้ นการศึกษาเป็นเน้ือหาท่ีเลือกจากปัญหาที่พบในโรงเรียนหรือเร่ืองที่นกั เรียนสนใจ คือ .......................(ระบุเรื่องที่นกั เรียนสนใจ ต้งั ชื่อเร่ือง)......................... 4.4 ระยะเวลำ ระยะเวลาที่ใชใ้ นการศกึ ษาคร้ังน้ี ดาเนินการในปี การศึกษา 25... 5. ประโยชน์ทีค่ ำดว่ำจะได้รับ เป็นความสาคญั ของการศกึ ษาที่ผศู้ ึกษาพจิ ารณาว่าการศกึ ษาเร่ืองน้นั ทาใหท้ ราบผลการศึกษา เรื่องอะไร และผลการศึกษาน้นั มีประโยชน์ต่อใคร อยา่ งไร เช่น การระบุประโยชน์ที่เกิดจากการนาผล

7 การศึกษาไปใช้ ไมว่ ่าจะเป็นการเพิม่ พูนความรู้ หรือนาไปเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิ หรือแกป้ ัญหา หรือพฒั นาคุณภาพ หลกั ในการเขียนมดี งั น้ี 1. ระบุประโยชน์ท่ีอาจเกดิ จากผลที่ไดจ้ ากการศกึ ษา 2. สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคแ์ ละอยใู่ นขอบเขตของการศึกษาที่ไดศ้ กึ ษา 3. ในกรณีที่ระบุประโยชนม์ ากกวา่ 1 ประการ ควรระบุเป็นขอ้ 4. เขียนดว้ ยขอ้ ความส้นั กะทดั รดั ชดั เจน 5. การระบุน้นั ผศู้ กึ ษาตอ้ งตระหนกั วา่ มคี วามเป็นไปได้ การศึกษาคน้ ควา้ ทุกเรื่อง ผศู้ กึ ษาวา่ ผลการศกึ ษาจะก่อใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งไร ประโยชนข์ อง การศกึ ษามไี ดห้ ลายลกั ษณะ เช่น การนาผลการศกึ ษาไปใชใ้ นการกาหนดนโยบาย ปรับปรุงการ ปฏิบตั ิงาน ใชเ้ ป็นแนวทางการตดั สินใจ การแกป้ ัญหา หรือศึกษาคน้ ควา้ ต่อไป คำทใ่ี ช้สำหรับกำรเขียนประโยชน์ทค่ี ำดว่ำจะได้รับ เช่น 1. เพอ่ื เป็นแนวทางในการพฒั นา.......................................... 2. ไดท้ ราบถงึ สาเหตุ( ทศั นคติ ) ของนกั เรียน.............................ที่ม.ี ......... 3. เป็นแนวทางในการ...........................................( เช่น ศึกษาปัญหาต่างๆ ท่ีมี ในโรงเรียน) 4. นกั เรียนมคี วามพงึ พอใจต่อ...................... 5. ผลการศกึ ษาที่พบ ช่วยใหเ้ กิด(องคค์ วามรู้ใหม่ วิธีการใหม่ แนวทางใหม่ การจดั การเรียนรู้ ใหม่) ใน........ (นิภำ ศรีไพโรจน์ , 2556 อ้ำงถงึ ใน กอบแก้ว ตะนะพนั ธ์ุ , 2557.)

8 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง (เกรน่ิ นำ) กำรศึกษำในครง้ั นี้ ผ้ศู ึกษำไดศ้ ึกษำเอกสำรและงำนวิจัยทเ่ี กยี่ วข้อง โดยแบง่ เนอ้ื หำของ เอกสำรและงำนวจิ ยั ออกเป็นหัวขอ้ ต่ำงๆ ดงั นี้ 1. ควำมหมำยของ... ( ตวั แปรทีศ่ ึกษำ : ถ้ำมมี ำกกว่ำ 1 ให้แยกขอ้ ) 2. แนวคิด/ทฤษฎีในเรอ่ื ง... ( ตัวแปรทีศ่ กึ ษำ : ถ้ำมีมำกกวำ่ 1 ใหแ้ ยกข้อ) 3. ควำมสำคัญของ... ( ตัวแปรที่ศึกษำ : ถ้ำมมี ำกกวำ่ 1 ให้แยกข้อ) 4. องค์ประกอบของ... ( ตวั แปรท่ศี ึกษำ : ถ้ำมมี ำกกวำ่ 1 ใหแ้ ยกข้อ) 5. งำนวิจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง 5.1 งำนวิจัยในประเทศ 5.2 งำนวิจยั ตำ่ งประเทศ นำมำจำก ••ตำรำ••บทควำมทำงวชิ ำกำร••ส่ิงพมิ พต์ ่ำง ๆ

9 บทท่ี 3 วธิ ดี าเนินการศึกษาคน้ คว้า (เกร่ินนำ) ในกำรศึกษำครงั้ นี้ ผศู้ ึกษำไดท้ ำกำรศึกษำ..............................(ชื่อเรือ่ ง)........................ ซ่ึงมวี ธิ ีกำรดงั น้ี 1. ระเบยี บวธิ ที ีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา ในกำรศกึ ษำใชร้ ูปแบบกำรสำรวจ สบื ค้นขอ้ มูล จำกหนงั สอื อนิ เตอร์เน็ต และตอบ แบบสอบถำม 2. ประชากร/กลมุ่ ตวั อย่าง 2.1 ประชากร ประชำกรทใ่ี ช้ในกำรศกึ ษำครง้ั น้ี เป็นนกั เรยี นระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี........(ตำมตัวอย่ำงของ นักเรยี น)...... โรงเรยี นปวั ปกี ำรศกึ ษำ 25... จำนวน.................ห้องเรยี น เปน็ นกั เรียนทงั้ สิน้ ........คน 2.2 กล่มุ ตัวอย่าง ให้เขียนว่ำกลุ่มตัวอยำ่ งได้มำโดยวธิ ใี ด มีขน้ั ตอนอยำ่ งไรบำ้ ง กลุ่มตัวอยำ่ งท่ีใชใ้ นกำรศึกษำครง้ั นไี้ ดแ้ ก่นกั เรียนระดบั ช้ันมธั ยมศึกษำปีที่..(ตำมตัวอยำ่ งของ นกั เรยี น)..... โรงเรียนปัว ปีกำรศึกษำ 25... จำนวน............ห้องเรยี น เป็นนกั เรยี นทงั้ สิ้น........คน ได้มำ โดยสมุ่ อย่ำงงำ่ ย เพอ่ื ตอบแบบสอบถำมทสี่ รำ้ งขนึ้ 2.3 ระยะเวลาท่ใี ช้ในการศกึ ษา ระยะเวลำที่ใช้ในกำรศกึ ษำ ในปีกำรศึกษำ 25...

10 3. วธิ ีดาเนินการศกึ ษา ผู้ศึกษำได้ดำเนินกำรตำมข้ันตอนดงั นี้ 3.1 กำหนดเร่อื งทจ่ี ะศกึ ษำ โดยสมำชกิ ทั้ง ..... คน ประชุมรว่ มกัน และรว่ มกนั คดิ และวำงแผน วำ่ จะศึกษำเร่ืองใด ( สมำชกิ กลุ่มทงั้ ..... คน ได้มำโดยนำผลกำรเรียนวชิ ำภำษำไทยพื้นฐำน มำจดั แบ่งกลมุ่ เกง่ กลำง อ่อน) 3.2 สำรวจปญั หำทพี่ บในโรงเรยี น ซงึ่ มีทง้ั ปญั หำด้ำนผู้เรยี น ครูผสู้ อน อำคำร สถำนที่ ส่งิ แวดล้อมในโรงเรียน ฯลฯ 3.3 เลอื กเร่อื งทจี่ ะศกึ ษำ โดยเลอื กเร่ืองทส่ี มำชิกมีควำมสนใจมำกทส่ี ดุ เพื่อเปน็ แรงจงู ใจในกำร ค้นหำคำตอบ 3.4 ศึกษำแนวคดิ ในกำรแกป้ ัญหำ ( ในข้อน้ยี งั ไมส่ ำมำรถดำเนนิ กำรไดเ้ นอ่ื งจำก กำรเรียน รำยวชิ ำ IS1 เวลำมจี ำกดั ผู้ศกึ ษำจงึ ทำได้เพพำะกำรสำรวจควำมคิดเหน็ และสรำ้ งเครอื่ งมอื (แบบสอบถำม) ศึกษำเพียงเพ่ือใหม้ คี วำมรู้ ควำมเข้ำใจ เรอื่ งกระบวนกำรวจิ ยั เทำ่ นน้ั 3.5 ตัง้ ชอื่ เรื่อง 3.6 สมำชกิ ทง้ั ..... คนของกลมุ่ พบครผู สู้ อนเพื่อปรกึ ษำ วำงแผนและรบั ฟงั ควำมคดิ เห็น ปรับปรงุ แก้ไข 3.7 เขยี นควำมสำคัญควำมเป็นมำของปญั หำ วตั ถปุ ระสงค์ สมมตุ ฐิ ำน ขอบเขตกำรวจิ ยั และ ประโยชน์ท่ีคำดวำ่ จะไดร้ บั โดยศึกษำขอ้ มลู จำกหนงั สอื วิทยำนิพนธแ์ ละสบื ค้นข้อมลู จำกอนิ เตอรเ์ นต็ และจดบนั ทึกในโครงร่ำงรำยงำนเชิงวชิ ำกำร (ตำมใบงำน) 3.8 สรำ้ งเครื่องมือ ที่เป็นแบบสอบถำม จำนวน............ขอ้ 3.9 นำเครื่องมอื ท่ปี รบั ปรงุ แล้วไปใช้กบั กลมุ่ ตัวอยำ่ ง 3.10 รวบรวมข้อมลู 3.11 วเิ ครำะหข์ ้อมลู 3.12 สรปุ กำรศกึ ษำ 4. เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการศกึ ษา เครอ่ื งมือที่ใช้ในกำรศกึ ษำครั้งนี้ คือ แบบสอบถำม ( หรอื แบบประเมนิ ควำมพึงพอใจ) 1 พบับ ซง่ึ มีรำยละเอยี ดดงั น้ี 4.1 ออกแบบแบบสอบถำม เรื่อง ............................................................................โดยขอ คำแนะนำจำกที่ปรกึ ษำหรือผู้สอน โดยเตรยี มรำ่ งข้อคำถำม มลี ักษณะเปน็ ขอ้ คำถำมจำนวน...............ข้อ เปน็ แบบมำตรำสว่ นประมำณ 5 ระดบั คือ

11 5 หมำยถงึ เหน็ ด้วยมำกท่สี ดุ 4 หมำยถึง เหน็ ดว้ ยมำก 3 หมำยถึง เห็นดว้ ยปำนกลำง 2 หมำยถึง เหน็ ดว้ ยน้อย 1 หมำยถงึ เห็นดว้ ยนอ้ ยทสี่ ุด กำรพจิ ำรณำค่ำเพล่ีย จะใช้เกณฑด์ งั นี้ ค่ำเพลย่ี 4.51 – 5.00 หมำยถึง เหน็ ด้วยมำกท่สี ุด คำ่ เพลยี่ 3.51 – 4.50 หมำยถงึ เห็นดว้ ยมำก ค่ำเพลย่ี 2.51 – 3.50 หมำยถงึ เหน็ ด้วยปำนกลำง ค่ำเพลย่ี 1.51 – 2.50 หมำยถงึ เห็นดว้ ยนอ้ ย ค่ำเพลย่ี 1.00 – 1.50 หมำยถงึ เหน็ ดว้ ยน้อยทสี่ ุด 4.2 สร้ำงแบบสอบถำม เร่อื ง..............................................................................โดยขอคำแนะนำ จำกทป่ี รกึ ษำหรอื ผสู้ อน จำกน้นั นำมำปรบั ปรงุ แก้ไข แล้วนำไปตรวจสอบควำมเหมำะสม 4.3 นำแบบสอบถำมเร่อื ง................................................................ท่ีแกไ้ ข ปรบั ปรงุ แลว้ ให้กลุ่ม ตวั อยำ่ งประเมิน หลงั จำกนนั้ นำผลท่ีไดม้ ำหำคำ่ เพล่ีย 5. การเก็บรวบรวมข้อมูล กำรศกึ ษำครง้ั นไี้ ดด้ ำเนินกำรโดยนำแบบสอบถำมทสี่ ร้ำงขนึ้ ใหน้ กั เรียนกลมุ่ ตวั อยำ่ งตอบ จำนวน ..........คน และเก็บรวบรวมข้อมลู จำกนกั เรียน ทีเ่ ป็นกลมุ่ ตวั อย่ำง โดยผู้ศกึ ษำทง้ั ..... คน ดำเนินกำรเกบ็ รวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง 6. การวิเคราะห์ขอ้ มูล ในกำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู ผศู้ ึกษำได้วิเครำะหข์ ้อมลู ดังน้ี 6.1 นำแบบสอบถำมทัง้ หมดทต่ี อบโดยนกั เรียนกลมุ่ ตวั อย่ำง มำหำคำ่ คะแนนรวม 6.2 นำผลรวมมำคิดค่ำรอ้ ยละและกำรหำคำ่ เพล่ีย 7. สถิตทิ ีใ่ ช้ในการศกึ ษา สถิติทใี่ ชใ้ นกำรศึกษำครั้งน้ี คอื รอ้ ยละและกำรหำคำ่ เพล่ยี

12


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook