หนังสอื อ้างองิ (เอกสารประกอบการเรียน) วชิ าการใช้ห้องสมุด ท20215 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ครกู านดา ยศศกั ดิ์ศรี กลุม่ สาระภาษาไทย โรงเรยี นท่ามว่ งราษฎร์บำรุง สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศกึ ษา กาญจนบรุ ี
หนังสืออ้างอิง( Reference Book ) หนงั สอื อา้ งอิง คือ รปู แบบหนงึ่ ของหนังสืออนั เป็นผลผลติ ของมนุษยชาติในการบนั ทึกเรือ่ งราว ความคิด ประสบการณ์ จินตนาการ เพื่อสบื ทอดมรดกทางปญั ญาให้แกอ่ นชุ นร่นุ หลงั ต้ังแต่รุง่ อรุณแหง่ อารยธรรมมาจนกระทงั่ ปจั จบุ นั รูปแบบของหนังสือก็ไดว้ ิวฒั นาการกา้ วหนา้ ไปพรอ้ มกับความเจริญทางวทิ ยาการและเทคโนโลยสี มัยใหม่ใน รูปแบบของสือ่ อิเล็กทรอนิกส์เป็นต้น ในปัจจบุ นั แม้วา่ จะไดม้ ีการประดิษฐ์คดิ คน้ การบันทกึ ภมู ปิ ัญญาของมนุษย์ไวใ้ นรูปแบบของสือ่ สมัยใหม่แล้วก็ ตาม แตห่ นงั สอื ก็ยังคงเป็นแหล่งความรทู้ เี่ ราสามารถเข้าถึงได้งา่ ย สะดวก และส้ินเปลืองค่าใช้จา่ ยนอ้ ยทีส่ ุด ในบรรดาหนังสือท้ังหลาย หนงั สือประเภททเี่ ปน็ หนงั สืออ้างอิงเปน็ แหลง่ ข้อมลู ที่มีความสำคญั ทีห่ ้องสมุด และแหลง่ สารนิเทศทั้งหลายไดจ้ ดั หามาไวเ้ พือ่ บริการแกผ่ ใู้ ช้ในการคน้ หาเรื่องราวหรือข้อเท็จจรงิ ในเรื่องใดเรอ่ื งหนึ่ง โดยเฉพาะ ห้องสมุดจดั เก็บหนังสืออ้างอิงไว้เป็นมุมหนังสืออา้ งองิ ต่างหาก โดยกำหนดสัญลักษณ์เพ่มิ ขึน้ เพ่ือให้ แตกตา่ งจากหนังสือทั่วไปคือ อกั ษร “อ” แทนหนังสอื อ้างองิ ภาษาไทย อักษร “R” หรือ “Ref” แทนหนังสอื อา้ งองิ ภาษาอังกฤษ ตัวอักษรทีเ่ พิ่มขึ้นมาใหม่น้ีจะเขยี นไว้เหนอื เลขเรียกหนังสอื คำวา่ หนังสืออา้ งอิง เปน็ ศัพท์บัญญัตมิ าจากคำภาษาอังกฤษว่า Reference Book ส่วนคำว่า reference นน้ั มาจากคำกริยาว่า refer แปลวา่ อ้างอิง หรือ อา้ งถงึ เพอ่ื สารนเิ ทศ ดงั นัน้ ไมว่ ่าจะเปน็ บุคคลหรอื สิ่งของท่ีนำมาอ้างองิ หรืออ้างถึงในลักษณะน้กี ็คือ การอา้ งอิงถึง Book แปลวา่ งานเขยี นหรืองานพิมพห์ ลาย ๆ แผน่ ทนี่ ำมาเยบ็ รวมเปน็ เลม่ คำว่าหนังสืออ้างอิงในภาษาไทยมาจากคำวา่ หนงั สือ แปลว่า เครอื่ งหมายใช้ขีดเขียนแทนเสียงหรือคำพดู ลาย ลกั ษณ์อักษรจดหมายที่มีไปมาเอกสารบทประพนั ธ์ขอ้ ความทพี่ ิมพ์หรือเขยี นแลว้ รวมเป็นเล่ม อา้ งองิ แปลว่า ถอื เป็นหลัก นำมากลา่ วเป็นหลกั กลา่ วถึงเพ่ือเปน็ หลัก เมอื่ นำคำสองคำน้มี ารวมกนั เปน็ คำวา่ หนังสอื อา้ งอิง แปลว่าเอกสารท่ีถอื เปน็ หลัก หนังสืออ้างอิง (Reference Books) คือ หนังสือทีร่ วบรวมขอ้ เทจ็ จริงซึง่ รวบรวมมาจากแหล่งตา่ งๆ นำมา เรยี บเรียงเขา้ ด้วยกนั เพ่ือใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งรวดเรว็ เป็นหนังสือทผ่ี ู้ใช้จะอา่ นเฉพาะตอนทต่ี อ้ งการ ไมจ่ ำเปน็ ต้อง อ่านท้ังเลม่ หนงั สืออา้ งองิ จะจดั เรียงลำดบั อกั ษร หรือตามลำดับปหี รอื มิฉะน้ันจะมดี รรชนโี ดยละเอียดสำหรับคน้ เร่อื งราวทต่ี ้องการ และมกี ารโยงขอ้ ความยังเนือ้ ความอ่ืน ๆ ที่เก่ยี วข้องกนั อีกด้วย จากความหมายดังกลา่ วข้างต้นสรุปไดว้ า่ หนงั สืออ้างองิ หมายถงึ หนังสือท่ใี หค้ วามรู้เกีย่ วกบั ข้อเทจ็ จรงิ ใน เรอ่ื งใดเรื่องหนึ่ง ใช้สำหรับค้นคว้าประกอบเฉพาะเรอื่ งเท่าน้ัน มกี ารจัดทำในรปู แบบ ที่ง่ายตอ่ การคน้ คว้าหาคำตอบ ทต่ี ้องการได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่จำเปน็ ทผ่ี ูใ้ ชต้ อ้ งอ่านทั้งเล่มและอนุญาตให้ใชภ้ ายในห้องสมุดเท่านนั้ ความสำคัญของหนงั สืออา้ งอิง หนังสอื อ้างอิงเป็นแหล่งข้อมูลท่ีมคี วามสำคัญ ใช้สำหรับค้นคว้าหาคำตอบที่ต้องการและช่วยในการ ประกอบการค้นควา้ หาความร้ไู ด้เป็นอย่างดี ซึ่งหนังสืออ้างอิงแตล่ ะประเภทมคี วามสำคัญในด้านให้ข้อเทจ็ จรงิ ท่ีจะ เป็นประโยชน์ในการค้นควา้ หาคำตอบทแ่ี ตกต่างกนั หนังสอื อา้ งอิงมีความสำคญั อยา่ งยง่ิ สำหรบั หอ้ งสมุด โดยเฉพาะห้องสมุดท่มี ีการค้นควา้ วจิ ัยมากบรรณารักษ์ จะตอ้ งจัดหาหนงั สอื ประเภทนีไ้ วเ้ พือ่ ประโยชนข์ องผใู้ ช้ และของบรรณารักษ์ บรรณารักษ์ควรจะไดศ้ ึกษาคน้ คว้าหา
ความร้จู ากหนังสืออา้ งอิงท่ดี ีทั่วๆ ไปเสยี ก่อนว่ามีลักษณะอยา่ งไร ท้งั น้ีเพื่อจะได้เปน็ แนวทางให้เลอื กและจัดหา หนังสอื ประเภทน้ีเขา้ ห้องสมุดได้อยา่ งถูกตอ้ ง ประโยชนข์ องหนังสอื อ้างอิง หนงั สอื อา้ งอิงเปน็ แหล่งข้อมลู ทม่ี ีความสำคญั ทใ่ี ห้ความรูอ้ นั เปน็ พ้ืนฐานครอบคลมุ ศาสตร์ทกุ แขนงวิชาจนอาจ กล่าวไดว้ ่าเปน็ หนงั สอื สารพดั ประโยชน์ ผู้ใช้สามารถหาคำตอบทุกเรอ่ื ง (All about anything) จากหนังสืออ้างอิง ประเภทของหนงั สืออ้างอิง 1. พจนานุกรม 2. สารานกุ รม 3. หนังสือรายปี 4. หนังสอื อา้ งอิงทางภมู ิศาสตร์ 4.1 หนังสืออักขรานุกรมภมู ิศาสตร์ 4.2 หนงั สือนำเที่ยว 4.3 แผนทแ่ี ละหนังสือแผนที่ 5. อกั ขรานุกรมชีวประวัติ 6. บรรณานุกรมหนังสือ 7. หนังสือดัชนี 7.1 ดัชนีวารสาร 7.2 ดชั นหี นงั สือพมิ พ์ 7.3 ดัชนหี นงั สือรวมเร่ือง 7.4 สาระสังเขป 8. นามานกุ รม 9. วัสดอุ ้างองิ 9.1 สงิ่ พิมพร์ ฐั บาล ลกั ษณะของหนังสืออา้ งอิง หนงั สอื อ้างอิงเป็นหนังสือท่ีได้รับการจดั ทำขึ้นเป็นพเิ ศษ เพื่อใช้ค้นหาข้อเทจ็ จริงท่ีถูกต้องเช่ือถือได้ ดงั นน้ั หนงั สืออ้างองิ จงึ มลี กั ษณะต่างๆ ทค่ี วรกล่าวถงึ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ลักษณะท่ัวไปของหนงั สืออ้างอิง หนงั สืออา้ งอิงมลี กั ษณะโดยทั่วไปดงั นี้ คือ 1.1 ผ้เู ขยี นเร่อื งเปน็ บุคคลหรือประกอบด้วยคณะบุคคลผู้ทรงคุณวฒุ ิมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญใน สาขาวชิ าทีเ่ ขียน 1.2 มีวตั ถุประสงคใ์ ห้ผอู้ ่านไดร้ บั ความรู้และขอ้ เท็จจริงที่ถูกต้องเชือ่ ถือได้ 1.3 มุ่งใหค้ วามรู้ทช่ี ดั เจนกะทดั รัดและจบในตัวเอง 1.4 มีการเรียบเรยี งเน้ือเรือ่ งอยา่ งมรี ะเบยี บและเปน็ ระบบเช่นเรียงตามลำดับอักษรเรียงตามหมวดหมูข่ อง สาขาวชิ าเรียงตามลำดับเหตุการณแ์ ละเรยี งตามสภาพภูมิศาสตร์ เปน็ ตน้ 1.5 ผู้ใช้สามารถหาคำตอบที่ต้องการได้สะดวกและรวดเร็ว
1.6 รวบรวมข้อมลู สถิติ และเรื่องราวต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อผใู้ ช้ในการคน้ คว้าหาข้อเทจ็ จริงในหลาย ๆ ดา้ น เช่น หนังสือรายปี เป็นตน้ 1.7 ให้ความร้คู รอบคลมุ สาขาวชิ าความรูต้ ่างๆ อยา่ งกวา้ งขวาง เช่น สารานกุ รม เป็นตน้ 1.8 หนงั สืออ้างอิงบางเล่มราคาแพง บางเลม่ หาซื้อได้ยาก 1.9 เป็นหนงั สอื ท่ีไม่จำเปน็ ต้องอ่านทัง้ เล่ม อา่ นเฉพาะตอนทตี่ ้องการเทา่ นั้น 2. ลักษณะเฉพาะของหนังสืออ้างอิง หนังสอื อา้ งอิงมลี ักษณะเฉพาะทแี่ ตกต่างไปจากหนังสอื ทว่ั ไป ซึ่งในเรือ่ งลกั ษณะเฉพาะของหนงั สอื อา้ งองิ นั้น นนั ทา วิทวุฒิศักดิ์ ไดใ้ หค้ วามเปน็ ไวด้ งั น้ี 2.1 ลักษณะการจัดทำเปน็ หนังสือที่จดั ทำขึ้นเพื่อใช้ในการค้นควา้ อ้างอิงโดยเฉพาะที่ผู้ใชไ้ ม่จำเปน็ ต้องอา่ นทงั้ เลม่ เนือ้ หาแต่ละตอนจะมีความสมบูรณ์ในตวั มันเอง รูปเล่มมกั จะใหญ่กวา่ หนงั สือทั่วไปหรอื มีความยาวหลายเลม่ จบ บางเล่มออกเป็นประจำทุกปเี พ่ือให้ข้อมูลทีท่ ันสมยั 2.2 คุณวฒุ ิของผู้เขียนเขียนโดยผ้ทู รงคุณวุฒิเฉพาะวิชา หรือคณะบุคคลทม่ี ีความรู้ ข้อเท็จจริงจึงหน้าเชอ่ื ถือ มากกว่าหนังสือทัว่ ไป มบี รรณานกุ รมประกอบการเรยี บเรียงไวท้ า้ ยบทความเพ่ือเปน็ แนวทางในการค้นคว้าเพ่ิมเติม 2.3 การเรยี บเรยี งมีการเรยี บเรียงเรอื่ งราวอยา่ งเปน็ ระบบเพอื่ สะดวกในการใช้เชน่ เรียงตามตัวอักษร เรยี ง ตามกาลเวลา ฯลฯ 2.4 คณุ ภาพการจัดทำท่ดี ใี ชก้ ระดาษดเี ยบ็ เลม่ แข็งแรงใช้เวลาในการจดั ทำนานและสิน้ เปลืองค่าใช้จ่ายมาก มี ลกั ษณะพเิ ศษในการค้นหา จึงมีราคาแพงกว่าหนงั สือธรรมดา 3. ลักษณะของหนงั สืออา้ งอิงที่ดี สุนิตย์ เยน็ สบาย (2543 : 21 – 22) กล่าวถึงลักษณะของหนงั สืออ้างอิงทดี่ ี ดังน้ี 3.1 ความเชอื่ ถือได้ (Authority) หนังสืออ้างอิงทด่ี มี ผี แู้ ตง่ ผ้รู วบรวมเป็นผู้ทรงคุณวุฒิมคี วามร้คู วามชำนาญ หรือมีประสบการณ์ในเรอื่ งทเ่ี ขยี นอยา่ งแท้จรงิ 3.2 ขอบเขต (Scope) ขอบเขตของเนือ้ หาของหนังสอื อ้างอิงทด่ี ีจะบอกขอบเขตของเนื้อหาไวใ้ นเล่มหรือใน ชุดอย่างชัดเจน 3.3 วธิ ีเขียน (Treatment) วธิ ีเขยี นเน้ือหาและข้อมูลถูกต้องครบถว้ นอา่ นเข้าใจง่ายเขยี นตรงไปตรงมาไม่ ลำเอียง 3.4 การเรยี บเรยี ง (Arrangement) การเรียบเรยี งเนอื้ หาในหนังสืออา้ งอิงทด่ี ีนน้ั มีการเรียบเรียงลำดบั อย่าง มรี ะเบียบ ช่วยให้สะดวกในการคน้ หาคำตอบ 3.5 รูปเล่ม (Format) รปู เล่มมลี กั ษณะคงทนถาวรกระดาษดี ขนาดตวั พิมพ์พอเหมาะ อา่ นง่าย การสะกด การันตถ์ ูกต้อง การวางรปู หน้าเหมาะสม 3.6 บรรณานุกรม (Bibliography) มรี ายช่อื หนังสอื และวัสดุอา้ งองิ ทีใ่ ชป้ ระกอบการเรียบเรยี งเพอื่ ให้ผู้อ่าน ทราบวา่ เรอ่ื งนั้น ๆ น่าเชือ่ ถอื เพยี งใด และสามารถค้นหาข้อมลู เพ่ิมเติมไดจ้ ากที่ใด 3.7 ลักษณะพเิ ศษ (Special Features) สว่ นท่ชี ่วยส่งเสริมให้หนงั สอื อา้ งอิงนา่ สนใจยงิ่ ข้ึน การเรียบเรียงหนงั สืออา้ งอิง เพอ่ื ใหผ้ ใู้ ช้หนงั สืออ้างอิงสามารถค้นหาเรื่องหรือบทความท่ีต้องการได้ถูกต้องสะดวกและรวดเร็วจึงไดม้ กี าร เรียบเรียงหนังสอื อ้างอิงด้วยวิธพี ิเศษวธิ เี รียบเรยี งทีส่ ำคัญ ๆ มีอยู่ 5 วิธีด้วยกัน คือ 1. เรยี บเรียงตามลำดบั ตัวอักษรแบบพจนานุกรม
2. เรียบเรยี งตามลำดับตวั อักษรโดยแยกเป็นพวกๆเช่น ชื่อ ชื่อคน ชือ่ หนงั สอื ช่อื สถานที่ ชื่อวชิ า ฯลฯ เปน็ ตน้ 3. เรยี บเรยี งตามลำดับเหตุการณ์เวลา เชน่ เรียงตงั้ แตว่ นั ท่ี 1 มกราคม ถึงวนั ที่ 31 ธนั วาคมของปี หรอื เรียงลำดบั ชอื่ คนท่เี กดิ ก่อนมาจนถึงคนท่ีเกดิ หลงั สดุ เป็นต้น 4. เรยี บเรียงตามลำดบั แผนการจดั หมู่หนังสอื หรอื หมวดหมู่วิชา เช่น เรียบเรยี งตามเลขหม่ขู องดิวอี้ เปน็ ต้น 5. เรยี บเรียงตามลำดับพน้ื ทต่ี ามภูมิศาสตร์ เชน่ เรยี บเรียงสถานทจี่ ากเหนือสุดของประเทศลงมาจนถึงใต้สุด เปน็ ต้น 6. สว่ นชว่ ยในการคน้ ควา้ ของหนงั สอื อา้ งองิ ลักษณะของหนงั สืออ้างองิ ท่ีแตกต่างจากหนังสือท่วั ไป คือ หนังสอื อา้ งอิงจะมสี ่วนชว่ ยการคน้ คว้าหลาย ลักษณะ ซึ่งช่วยใหผ้ ู้ต้องการทราบข้อเท็จจริงในเลม่ ไดพ้ บสง่ิ ทีต่ ้องการได้รวดเร็วย่ิงข้ึน สว่ นชว่ ยค้นควา้ ดงั กลา่ วพอ สรุปไดด้ ังน้ี 1. อกั ษรนำเลม่ (Volume Guide) คอื ตัวเลข ตวั อักษร หรือสว่ นของคำทปี่ รากฏทีส่ ันหนงั สืออา้ งองิ เล่ม นน้ั ใชค้ น้ เรื่องต้งั แตล่ ำดับอักษรใดถึงอกั ษรใด บางคร้ังมีตัวเลขกำกบั ด้วย 2. ดรรชนีหวั แมม่ ือ (Thumb Index) หรือเรียกว่า ดรรชนีริมหน้ากระดาษเป็นดรรชนีท่ีจะบอกให้ทราบวา่ จะคน้ เร่ืองท่ีขึ้นตน้ ด้วยอักษรน้นั ๆ ในชว่ งใด อาจมีลกั ษณะแบบกระดาษที่ยนื่ ออกมาเปน็ แถบกระดาษเลก็ ๆ (Tab Index) ก็ได้ หรอื ทำลกั ษณะของดรรชนรี ิมหน้ากระดาษ ซงึ่ จะมลี กั ษณะเจาะเวา้ เขา้ ไปครง่ึ วงกลม มีอักษรกำกบั ชว่ ยใหผ้ ู้คน้ เร่ืองในเล่มคน้ ไดเ้ รว็ ยงิ่ ขน้ึ 3. สารบัญ (Table of Contents หรอื Contents) ใช้เป็นค่มู ือในการเปดิ หาเรื่องทต่ี ้องการในเลม่ ไมม่ ี การเรียงลำดับตามตวั อกั ษร แบ่งเป็นบทตามเน้ือหา และบอกเลขหนา้ ทจ่ี ะพบเรื่องทีต่ ้องการ 4. คำนำทาง (Guide Word) คอื คำท่ีปรากฏอยู่ที่มุมบนของหน้ากระดาษ อาจจะมีทงั้ ซา้ ยและดา้ นขวาของ หน้ากระดาษ หรืออยู่ทกี่ งึ่ กลางหน้า เพื่อบอกใหท้ ราบว่าเร่ืองทจี่ ะคน้ ได้ในหนา้ นนั้ ๆ ขึ้นตน้ ดว้ ยตวั อกั ษรอะไร 5. สว่ นโยง (Cross Reference) คือ สว่ นทบี่ อกความสัมพันธข์ องเน้อื หาภายในเล่มใช้คำ 2 คำ ดังน้ี 5.1 ดทู ่ี (See) หรอื ส่วนโยง โยงใหอ้ า่ นเรอื่ งหรือหวั ขอ้ ที่ต้องการจากหวั ข้ออน่ื ๆ เช่น Siam, see Thailan 5.2 ดเู พิม่ เติมที่ (See also) หรอื ส่วนโยง ใชเ้ มือ่ ตอ้ งการใหผ้ คู้ น้ คว้าท่ีต้องการข้อความอื่น ๆ เพม่ิ เติมจากที่อธบิ ายไว้ เพื่อให้ผู้อ่านได้ข้อเท็จจรงิ กวา้ งขวางขน้ึ โดยพจิ ารณาจากหวั ข้อทา้ ยคำว่า See also เชน่ Radium Therapy see also Radioactivity ; Radiochemistry 6. ภาคผนวก (Appendix) คือสว่ นทีอ่ ธบิ ายเพิม่ เติมเนื้อหาใหเ้ ข้าใจได้ดียงิ่ ขึน้ อยู่ในสว่ นท้ายเลม่ 7. ดรรชนี (Index ) คือคำสำคญั หรอื หัวข้อสำคญั ทป่ี รากฏในเร่อื ง นำมาเรียงตามลำดับอกั ษร มีเลขหนา้ กำกับไว้ บอกให้ทราบว่าคำนั้นจะพบทห่ี น้าใดบา้ งในเล่ม นอกจากนีย้ งั มดี รรชนรี วม (Cumulative Index) ซง่ึ พมิ พ์แยกเปน็ เล่มหรือชดุ ตา่ งหาก ภายในเลม่ จะปรากฏหัวเรื่องหัวข้อที่เปน็ คำสำคัญของเน้ือหาในชุดใดชดุ หน่ึงมัก บอกเล่ม บอกเลขหนา้ และปรากฏ ส่วนโยงกนั ในเนอ้ื หา โดยใชส้ ่วนโยง (See) หรือ (See also) ช่วย ประเภทของหนังสืออ้างองิ การแบ่งประเภทของหนังสืออ้างองิ สามารถแบ่งออกไดใ้ นหลายลกั ษณะ เชน่ การแบ่งประเภทตามลกั ษณะ ของการค้นหาคำตอบ และการแบง่ ประเภทตามลกั ษณะของเนอ้ื หา เปน็ ตน้ การแบง่ ประเภทของหนงั สืออ้างอิงตามลักษณะของการค้นหาคำตอบ แบ่งได้เปน็ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ หนงั สอื อา้ งอิงประเภทบอกแหล่งคน้ ควา้ และหนังสืออ้างอิงประเภท ใหค้ ำตอบทันที
1. ประเภทให้คำตอบทันที ได้แก่ พจนานุกรม สารานุกรม หนังสอื รายปี อักขรานุกรมชวี ประวตั ิ หนงั สอื อ้างอิง ทางภมู ิศาสตร์ สิง่ พิมพ์รัฐบาล หนังสอื อา้ งอิงเฉพาะวชิ า เป็นต้นผ้ใู ชส้ ามารถเลอื กใช้หนงั สอื อ้างอิงเหลา่ นี้ค้นหา คำตอบทต่ี ้องการตามความเหมาะสมกบั สง่ิ ท่ีต้องการทราบ ได้แก่ 1.1 พจนานุกรม (Dictionaries) 1.2 สารานุกรม (Encyclopedias) 1.3 หนงั สือรายปี (Yearbooks) 1.4 หนงั สอื คูม่ ือ (Handbook) 1.5 นามานกุ รม (Directories) 1.6 อักขรานุกรมชีวประวัติ (Biographical Dictionaries) 1.7 หนังสืออา้ งองิ ทางภูมศิ าสตร์ (Geographical Sources) 1.8 สิ่งพิมพร์ ัฐบาล (Government Publications) 2. ประเภทบอกแหล่งคน้ ควา้ ได้แก่ บรรณานกุ รม ดรรชนี ผตู้ อ้ งการทราบคำตอบในทันทจี ะคน้ หาคำตอบจาก หนังสอื อา้ งองิ ประเภทนี้ไม่ได้ เน่ืองจากหนังสืออ้างอิงประเภทนจ้ี ะระบุเพยี งรายชื่อหนังสอื ผแู้ ตง่ ผู้จัดพิมพ์ หรือ ใหร้ ายการวารสารทีส่ ามารถจะพบบทความทต่ี อ้ งการค้นคว้าได้ตามทีร่ ะบุไว้ ผู้ใชห้ นงั สอื อา้ งอิงประเภทน้ีต้องไป คน้ หาคำตอบจากหนังสอื หรือบทความ ทีร่ ะบุไว้อีกคร้ังหนึ่ง ไดแ้ ก่ 2.1 ดรรชนี (Index) 2.2 บรรณานกุ รม (Bibliography)
วิธกี ารใชห้ นังสืออ้างองิ ประเภทตา่ ง ๆ ในการคน้ หาคำตอบ เพ่ือใหท้ ราบประเภทของหนังสืออ้างองิ ที่ใชส้ ำหรับคน้ หาคำตอบต่าง ๆ ไดอ้ ย่างชัดเจน ดังตารางตอ่ ไปน้ี ลำดบั ท่ี ประเภท ใช้สำหรับคน้ หาคำตอบเกยี่ วกับ 1 พจนานุกรม ความหมาย คำแปล ตวั สะกด การใชค้ ำที่ถูกต้อง สารานกุ รม เนื้อเรื่อง คำบางคำท่ตี ้องการทราบ ประวัติความเปน็ มา พื้นฐาน 2 อย่างอน่ื โดยเฉพาะเกยี่ วกับประเทศต่าง ๆ แตล่ ะประเทศ บุคคล สำคัญ สถานทที่ างประวตั ิศาสตร์ หนงั สอื รายปี ข้อมลู เหตุการณ์ ข้อเท็จจรงิ ท่ีเกดิ ข้ึนในรอบปีท่ีผา่ นมา ของแต่ละ 3 ประเทศ และสรุปสถติ ติ ่าง ๆ ทีจ่ ะนำไปอา้ งอิงประกอบการ คน้ ควา้ วจิ ยั ความรรู้ อบตวั หนงั สอื อ้างอิงทางภูมศิ าสตร์ ขอ้ มูลดา้ นช่ือ สถานทตี่ ำแหน่งท่ีตั้ง ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ ประวัติ 4.1 หนงั สืออักขรานุกรม ความ เป็นมาของสถานทสี่ ำคัญทางภมู ศิ าสตร์เช่น ทวปี ประเทศ 4 ภมู ศิ าสตร์ เมือง แมน่ ้ำภเู ขา แหลง่ ท่องเที่ยว ฯลฯ 4.2 หนงั สือนำเที่ยว 4.3 แผนท่ี และหนังสอื แผนท่ี 5 อกั ขรานุกรมชวี ประวตั ิ ประวตั ิบุคคล สถานท่อี ยู่ ผลงานดเี ดน่ บรรณานุกรม ชื่อเรอ่ื ง บทความ จากหนงั สือท่ตี ้องการมาคน้ คว้าอา้ งองิ และ 6 ศึกษา รายละเอียดว่า ใครเป็นผู้แตง่ ชอ่ื เรือ่ งอะไร พิมพ์ท่ีไหน ส านกั พิมพ์อะไร พิมพ์ พ.ศ.ใด หนงั สอื เลม่ นั้นมีกห่ี นา้ หนงั สือดัชนี บทความจากวารสารหนงั สือพมิ พ์ เพื่อนำมาคน้ คว้าอ้างอิง และ 7.1 ดชั นวี ารสาร ศึกษา 7 7.2 ดัชนีหนังสือพมิ พ์ รายละเอยี ด 7.3 ดัชนหี นงั สือรวมเรือ่ ง 7.4 สาระสงั เขป นามานุกรม รายชอ่ื บุคคล สถานทีอ่ ยู่ โทรศัพท์และสถาบนั องค์การ บริษทั 8 หรอื ห้างร้าน วสั ดอุ ้างองิ ความเคลือ่ นไหวทางวชิ าการใหม่ ๆ ผลการปฏบิ ตั ิงานของ 9 9.1 สิง่ พิมพ์รัฐบาล หน่วยงานของรฐั ข้อมลู ใหม่ ๆ ทางสถติ ิที่เชื่อถือได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: