23 ตุลาคม วนั ปิยมหาราช วนั สวรรคต ของรัชกาลที่ 5 ห้องสมุดประชาชนเมอื งสามลาห้วยอาเภอชานิ
23 ตลุ าคม วนั ปิยมหาราช เป็นวนั คลา้ ย วนั สวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี 5 พระมหากษัตรยิ ผ์ ทู้ รงพระคณุ อนั ประเสรฐิ ทรงปลอ่ ยทาสใหเ้ ป็นไท ทรงพฒั นา ประเทศใหม้ ีความเจรญิ รุง่ เรอื งทดั เทียมนานา อารยประเทศจนเป็นท่รี ูจ้ กั ของชาวตา่ งชาติ
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชสมภพเม่ือวนั ท่ี ๒๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ เป็นพระราชโอรสพระองคท์ ่ี ๔ ในพระบาทสมเดจ็ พระจอม เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ กบั สมเดจ็ พระเทพ ศริ นิ ทรา พระบรมราชินี พระองคท์ รงมีพระอนชุ าและพระขนิษฐา ๓ พระองค์ คือ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ จนั ทรมณฑล ฯ กรมหลวงวสิ ทุ ธิกษัตรยิ ,์ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ จาตรุ นตร์ ศั มี กรมพระจกั รพรรดิพงศ์ และจอมพลสมเดจ็ พระราชปิตลุ าบรมพงศาภิมขุ เจา้ ฟา้ ภาณรุ งั สีสวา่ งวงศ์ กระพระยาภาณพุ นั ธว์ งศว์ รเดช
ดา้ นการทหาร ทรงนาแบบอยา่ งทางทหารของประเทศแถบยโุ รป มาปรบั ใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ประเทศไทย มกี ารจดั ตง้ั กรมเสนาธิการทหารบกขนึ้ เป็นครง้ั แรก และทรงตงั้ โรงเรยี นนายรอ้ ยทหารบกและทหารเรอื ตลอดจน สง่ พระราชโอรสไปศกึ ษาวชิ าการทหารในทวีปยโุ รป
ดา้ นการปกครองประเทศ ทรงใหต้ ราระเบยี บการปกครองขนึ้ ใหม่ แยกหนว่ ยราชการออกเป็น กรมกองตา่ งๆ กรมกองตา่ งๆ จากเดิมมี ๖ กระทรวง และไดเ้ พ่มิ อกี ๔ กระทรวง รวมเป็น ๑๐ กระทรวง ในสว่ นภมู ิภาคทรงใหจ้ ดั ตงั้ มณฑลเทศาภิบาลขนึ้ เป็น ครงั้ แรกและใหอ้ ยใู่ นความดแู ลของ กระทรวงมหาดไทย
ดา้ นเศรษฐกิจและการคลงั ทรงใหม้ ีการจดั ทางบประมาณแผน่ ดินขนึ้ โดยทรงใหแ้ ยกเงนิ แผน่ ดิน และเงินสว่ น พระองคอ์ อกจากกนั และทรงใหจ้ ดั ตงั้ ธนาคารขนึ้ เป็นครงั้ แรก คือ ธนาคาร สยามกมั มาจล
ดา้ นการศกึ ษา ทรงใหต้ งั้ โรงเรยี นหลวงแหง่ แรกขนึ้ ในพระบรมมหาราชวงั จดั การเรยี นการสอน แลว้ ขยายออกไปทงั้ ในสว่ นกลาง และสว่ นภมู ิภาคเพ่ือใหท้ ่วั ถงึ ประชาชน ทาใหก้ ารศกึ ษาของ ไทยไดร้ บั การพฒั นา ดา้ นการตา่ งประเทศ พระองคไ์ ดเ้ ห็น ถงึ ความสาคญั ของการเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั นานาประเทศ ในรชั สมยั ของพระองคจ์ งึ มีการสง่ เอกอคั รราชทตู ไปประจา ในตา่ งประเทศเป็นครงั้ แรก และพระองคย์ งั ทรงเสดจ็ ประพาสประเทศตา่ งๆ เพ่ือนาวิทยาการสมยั ใหมม่ าพฒั นา ประเทศ
ดา้ นการคมนาคมและสาธารณปู โภค พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหค้ ณะเสนาบดี และกรมโยธาธิการสารวจเสน้ ทาง เพ่ือวางรากฐานการสรา้ งทางรถไฟจาก กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ มีการวางแผนใหท้ างรถไฟสายนีต้ ดั เขา้ เมืองใหญ่ๆ ใน บรเิ วณภาคกลางของประเทศแลว้ แยกเป็นชมุ สายตดั เขา้ สจู่ งั หวดั ใหญ่ทาง แถบภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ เน่ืองจากเป็นหวั ลาโพงเมืองท่ีเป็น ศนู ยก์ ลางธรุ กิจการคา้ โดยโปรดเกลา้ ฯ ใหท้ างรถไฟสายนี้ เป็นรถไฟหลวงแหง่ แรกของไทย
ดา้ นศาสนาและศลิ ปวฒั นธรรม ในรชั สมยั ของพระองค์ ไดม้ ีการสงั คายนาและจดั พิมพ์ พระไตรปิฎกดว้ ยตวั อกั ษรไทย เป็นครงั้ แรก และทรงใหม้ ีการ ตราพระราชบญั ญตั ปิ กครอง คณะสงฆเ์ ป็นฉบบั แรกดว้ ย สว่ นดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมนนั้ ในสมยั ของพระองคส์ ว่ นใหญ่ จะไดร้ บั อิทธิพลจากตะวนั ตก เน่ืองจากพระองคไ์ ดเ้ สดจ็ ประพาสยโุ รป จงึ นา สถาปัตยกรรมตะวนั ตกมาผสมผสานกบั ของไทยไดอ้ ยา่ งงดงาม เชน่ พระท่ีน่งั อนนั ต สมาคม วดั นิเวศนธ์ รรมประวตั ิ พระท่ีน่งั จกั รมี หาปราสาทพระราชวงั สวนดสุ ติ และกระทรวงกลาโหม
ดา้ นการไฟฟา้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเลง็ เห็นวา่ ไฟฟา้ เป็นพลงั งานท่ี สาคญั และมีประโยชนอ์ ย่างมาก พระองคจ์ งึ ทรงมอบหมายใหก้ รมหมน่ื ไวยวรนารถเป็นผรู้ เิ รม่ิ ในการจ่ายกระแสไฟฟา้ ขนึ้ ในปี พ.ศ. ๒๔๓๓ ซง่ึ เป็น การเปิดใชไ้ ฟฟา้ ครงั้ แรกของไทย
ดา้ นการกฎหมาย พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงโปรดเกลา้ ฯ สรา้ ง ประมวลกฎหมายอาญาขนึ้ ใหมเ่ พ่ือใหท้ นั สมยั ทดั เทียมกบั อารยประเทศ ใหจ้ ดั ตงั้ โรงเรยี นกฎหมายแหง่ แรกของประเทศไทย เพ่ือเป็นสถานท่ีสาคญั ท่ีผลติ นกั กฎหมายท่ีมีความรูค้ วามสามารถใน การพฒั นาประเทศ และโปรดเกลา้ ฯใหต้ รากฎหมายลกั ษณะอาญา ร.ศ.๑๒๗ อนั เป็น ลกั ษณะกฎหมายอาญาฉบบั แรก อีกทงั้ ยงั โปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ีการตงั้ กรรมการขนึ้ มาชดุ หน่งึ พจิ ารณาทากฎหมายประมวลอาญาแผน่ ดนิ และการพาณิชย์ ประมวล กฎหมายวา่ ดว้ ยพิจารณาความแพง่ และพระธรรมนญู แหง่ ศาลยตุ ิธรรม แตย่ งั ไมท่ นั สาเรจ็ ดีกส็ นิ้ รชั กาลเสียกอ่ น เม่ือสรา้ งประมวลกฎหมายขนึ้ มาใชแ้ ลว้ บทลงโทษแบบ จารตี ดงั้ เดิมจงึ ถกู ยกเลกิ ไปโดยสนิ้ เชิงในรชั กาลของพระองคเ์ อง เพราะมีกฎหมายใหม่เป็น บทลงโทษ ท่ีเป็นหลกั การพจิ ารณาท่ีดีและทนั สมยั กวา่ เดมิ ดว้ ย
ดา้ นการเปลีย่ นแปลงระบบเงินตรา พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหท้ าธนบตั รขนึ้ เรยี กวา่ อฐั เป็นกระดาษมีมลู ค่าเทา่ กบั เหรยี ญทองแดง ๑ อฐั แตใ่ ชไ้ ดเ้ พียง ๑ ปีก็เลกิ ไป เพราะประชาชนไมน่ ิยมใช้ ตอ่ มาทรงตงั้ กรมธนบตั รขนึ้ มา เพ่ือจดั ทาเป็นต๋วั สญั ญาขนึ้ ใชแ้ ทนเงินกรมธนบตั ร พ.ศ. ๒๔๔๑ ไดม้ ีการผลติ ธนบตั รรุน่ แรกออกมา ๕ ชนิด คือ ๑,๐๐๐ บาท ๑๐๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐ บาท ๕ บาท ภายหลงั มีธนบตั รใบละ ๑ บาท ออกมาดว้ ย รวมถงึ พระองคโ์ ปรดเกลา้ ฯ ใหก้ าหนดหน่วยเงินตรา โดยใหห้ นว่ ยทศนิยมเรยี กวา่ สตางค์ กาหนดให้ ๑๐๐ สตางค์ เทา่ กบั ๑ บาท พรอ้ มกบั ผลติ เหรยี ญสตางคข์ นึ้ มาใชเ้ ป็นครงั้ แรก เรยี กวา่ เบีย้ สตางค์ มีอยดู่ ว้ ยกนั ๔ ชนิด คือ ราคา ๒๐ สตางค์ ๑๐ สตางค์ ๔ สตางค์ ๒ สตางคค์ รง่ึ ใชป้ นกบั เหรียญเสยี้ ว และอฐั ตอ่ มาในปี พ.ศ.๒๔๕๑ ทรงออกประกาศยกเลกิ ใชเ้ งินพดดว้ งและ ทรงออกพระราชบญั ญตั ิมาตราทองคา ร.ศ.๑๒๗ วา่ ดว้ ยเร่อื งใหใ้ ชแ้ รท่ องคาเป็นมาตรฐานเงินตรา แทนแรเ่ งิน เพ่ือใหเ้ สถียรภาพเงนิ ตราของไทยสอดคลอ้ งกบั หลกั สากล และในปีตอ่ มาทรงออก ประกาศเลกิ ใชเ้ หรยี ญเฟื้อง และเบีย้ ทองแดง
ดา้ นการพยาบาลและสาธารณสขุ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงจดั สรา้ งโรงพยาบาลขนึ้ บรเิ วณรมิ คลองบางกอก นอ้ ย อนั เป็นท่ีตงั้ ของ พระราชวงั บวรสถานพิมขุ หรอื วงั หลงั โดยไดพ้ ระราชทานทรพั ยส์ ินสว่ นพระองค์ เป็นทนุ เรม่ิ แรกใน การสรา้ งโรงพยาบาล ใหใ้ ชช้ ่ือวา่ โรงพยาบาลวงั หลงั ตอ่ มาไดพ้ ระราชทานนามโรงพยาบาลแหง่ นีใ้ หมว่ า่ โรงพยาบาลศิรริ าช เพ่ือเป็นการระลกึ ถงึ สมเดจ็ พระนางเจา้ ลกู ยาเธอเจา้ ฟา้ ศิรริ าชกกธุ ภณั ฑ์ พระราชโอรสท่ีประสตู ิในสมเด็จพระนางเจา้ เสาวภา ผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ท่ีสนิ้ พระชนมายเุ พียง ๑ ปี ๗ เดือน ทงั้ ยงั ไดพ้ ระราชทานพระเมรุ พรอ้ มกบั เครอื่ งใช้ เชน่ เตียง เกา้ อี้ ตโู้ ต๊ะ ฯลฯ ในงานพระศพใหก้ บั โรงพยาบาลเพ่ือใชป้ ระโยชน์ รวมทงั้ พระราชทานทรพั ยส์ ว่ นพระองคข์ องสมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ ศิรริ าชกกธุ ภณั ฑ์ ใหก้ บั โรงพยาบาลเป็นทนุ ในการใชจ้ า่ ย
ดา้ นการโทรศพั ท์ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มีพระวิสยั ทศั นท์ ่ีกา้ วไกล และพระปรชี า สามารถอยา่ งมากในการพฒั นาประเทศ โดยกระทรวงกลาโหมไดน้ าโทรศพั ทอ์ นั เป็นวิทยาการในการส่อื สารท่ีทนั สมยั เขา้ มาทดลองใชเ้ ป็นครงั้ แรกในปี พ.ศ. ๒๔๒๔ จากกรุงเทพฯ - สมทุ รปราการ เพ่ือแจง้ ขา่ วเรอื เขา้ - ออกท่ีปากนา้ ตอ่ มากรมโทรเลขไดม้ ารบั ช่วงตอ่ ในการวางสายโทรศพั ทภ์ ายในกรุงเทพฯ ซง่ึ ใชเ้ วลา ๓ ปีจงึ แลว้ เสรจ็ พรอ้ มเปิดใหบ้ รกิ ารกบั ประชาชน และพฒั นามา จนกระท่งั ทกุ วนั นี้
การเลิกทาส พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรง ประกาศ \"พระราชบญั ญตั ิพกิ ดั เกษียณลกู ทาสลกู ไทย\" แกพ้ กิ ดั คา่ ตวั ทาสใหม่ โดยใหล้ ดค่าตวั ทาสลง ตงั้ แตอ่ ายุ 8 ขวบ จนกระท่งั หมด คา่ ตวั เม่ืออายไุ ด้ 20 ปี เม่ืออายไุ ด้ 21 ปี ผนู้ นั้ กจ็ ะเป็นอสิ ระ มีผลกบั ทาสท่ีเกิดตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2411 เป็นตน้ มา และหา้ มมใิ หม้ ีการซือ้ ขายบคุ คลท่ีมีอายมุ ากกวา่ 20 ปีเป็นทาสอีก ตอ่ มาก็ทรงออก \"พระราชบญั ญตั ิเลิกทาส ร.ศ. 124\" ใหล้ กู ทาสทกุ คนเป็นไทเม่ือวนั ท่ี 1 เมษายน พ.ศ. 2448 สว่ นทาสประเภทอ่ืนท่ีมิใชท่ าสในเรอื นเบีย้ ทรงใหล้ ดคา่ ตวั เดือนละ 4 บาท นบั ตงั้ แตเ่ ดือนเมษายน พ.ศ. 2448 เป็นตน้ ไป นอกจากนีย้ งั มีบทบญั ญตั ปิ อ้ งกนั มิใหค้ นท่ีเป็นไท แลว้ กลบั ไปเป็น ทาสอีก และเม่ือทาสจะเปล่ยี นเจา้ เงินใหม่ หา้ มมใิ หข้ นึ้ คา่ ตวั
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: