กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา นนทบรุ ี
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ - พ่อขุนรามคาแหงมหาราช - พระราชบดิ าแหง่ อกั ษรไทย พ่อขุนรามคาแหงมหาราช เปน็ พระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย และนางเสือง เปน็ พระราชโอรสองค์ท่ี ๓ เมื่ออายุ ๑ ๙ ปี ไ ด้ ช น ช้ า ง ช น ะ ขุ น ส า ม ช น เ จ้ า เ มื อ ง ฉ อ ด พ่ อ ขุ น ศ รี อิ น ท ร า ทิ ต ย์ จึงพระราชทานนามว่า “พระรามคาแหง” และได้ครองกรุ งสุโขทัยต่อมาเปน็ กษัตริย์รัชกาลที่ ๓ แห่งราชวงศ์พระร่วง สันนิษฐานว่าพระองค์ส้ินพระชนม์ ในราวปี พ.ศ. ๑๘๖๐ รวมระยะเวลาการครองราชย์ประมาณ ๔๐ ปี พ่อขุนรามคาแหงมหาราชทรงเปน็ พระมหากษัตริย์ท่ีทรงอัจฉริยภาพ ท้งั ดา้ นการปกครอง เศรษฐกิจ ศาสนาและศิลปวทิ ยาตา่ ง ๆ ที่สาคัญคือพระองค์ ได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยข้ึนเมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๘๒๖ เรียกว่า “ลายสือไทย” ซ่ึ งเป็นกาเนิดของอักษรไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและในสมัยของ พระอง ค์ ได้มีการจัดทาศิลาจารึกข้ึนเปน็ คร้ังแรก และนับว่าก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทาง ประวตั ิศาสตรเ์ ปน็ อย่างมาก เพราะถ้าพระองค์มิได้ทรงคิดอักษรไทยและจัดทา ศิลาจารึกไว้แล้ว คนไทยรุ่นต่อมาก็จะค้นคว้าหาหลักฐานในทาง โบราณคดี และประวตั ิศาสตร์ได้ยากยงิ่ ข้ึน
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ - ลายสอื ไทยและตวั อักษรไทยปจั จุบัน - ที่มา : https://www.museumthailand.com/th/3594/storytelling
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ - ความเปน็ มาของวันภาษาไทยแหง่ ชาติ - สืบเนื่องจากเม่อื ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดาเนินไปทรงเปน็ ประธานและทรงอภิปราย เร่ือง “ปญั หาการใช้คาไทย” ในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย รว่ มกับผ้ทู รงคณุ วฒุ ทิ คี่ ณะอักษรศาสตร์ เว็บไซต์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ได้บันทึกไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแสดงพระปรีชา สามารถและความสนพระราชหฤทัยหว่ งใยในภาษาไทย จนเปน็ ทป่ี ระทับใจผูร้ ว่ ม ประชุมคร้ังน้ันเปน็ อย่างย่ิง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดารัสตอนหน่ึงความว่า “เรามีโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างย่ิงท่ีจะรักษาไว้ ปญั หาเฉพาะในด้านรักษาภาษาน้ีก็มีหลายประการ อย่างหน่ึงต้องรักษาให้ บริสุทธิ์ในทางออกเสียง คือ ให้ออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน อีกอย่างหน่ึง ต้องรกั ษาใหบ้ ริสทุ ธิ์ในวิธีใช้ หมายความว่า วิธีใชค้ ามาประกอบประโยค นับเปน็ ปญั หาท่ีสาคัญ ปญั หาท่ีสาม คือ ความร่ารวยในคาของภาษาไทย ซ่ึงพวกเรา นึกว่าไม่ร่ารวยพอ จึงต้องมีการบัญญัติศัพท์ใหม่มาใช้...สาหรับคาใหม่ที่ต้ังข้ึน มีความจาเปน็ ในทางวิชาการไม่น้อย แต่บางคาที่ง่าย ๆ ก็ควรจะมี ควรจะใช้คาเก่า ๆ ท่ีเรามีอยู่แล้ว ไมค่ วรจะมาต้ังศัพทใ์ หมใ่ ห้ยุ่งยาก”
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ - ความเปน็ มาของวันภาษาไทยแห่งชาติ - คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๒ เห็นชอบให้วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี เปน็ วนั ภาษาไทยแหง่ ชาติ มีวัตถุประสงค์ เพ่อื ๑. เฉลมิ พระเกียรตพิ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ผู้ทรงเปน็ นักปราชญ์ และนักภาษาไทย รวมท้ังเพื่อน้อมราลึกในพระมหากรุ ณาธิคุณ ของพระองค์ท่ีได้ทรงแสดงความห่วงใย และพระราชทานแนวคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับ การใช้ภาษาไทย ๒. เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราช- พธิ ีมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ ๓. เพื่อกระตนุ้ และปลุกจิตสานึกของคนไทยท้ังชาติให้ตระหนักความสาคัญ และคุณค่าของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือร่วมใจกันทานุบารุ งส่งเสริม และ อนุรักษ์ภาษาไทย ซ่ึงเปน็ เอกลักษณ์และเปน็ สมบัติวัฒนธรรมอันล้าค่าของชาติ ให้คงอย่คู ู่ชาติไทยตลอดไป ๔. เพอื่ เพมิ่ พนู ประสิทธิภาพในการใช้ภาษาไทย ท้งั ในวงวชิ าการและวิชาชีพ รวมท้ังเพ่ือยกมาตรฐานการเรียนการสอนภาษาไทยในสถานศึกษาทุกระดับ ใหส้ ัมฤทธิผลย่ิงข้ึน ๕. เพ่ือเปิดโอกาสให้หน่วยงานตา่ ง ๆ ท้ังภาครัฐบาลและ เอกชนท่ัวประเทศมสี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพอื่ เผยแพร่ความรู้ภาษาไทยในรูปแบบตา่ ง ๆ ไปสูส่ าธารณชน ท้งั ในฐานะท่เี ปน็ ภาษาประจาชาติ และในฐานะที่เปน็ ภาษาเพื่อการสือ่ สารของทกุ คนในชาติ
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ - ความสาคญั ของภาษาไทย - ภาษาเปน็ วัฒนธรรมที่สาคัญของชาติ ภาษาเปน็ ส่ือใช้ติดต่อกันและทาให้ วัฒนธรรมอ่ืน ๆ เจริญข้ึน แต่ละภาษามีระเบียบของตนเเล้วแต่จะตกลงกันใน หมู่ชนชาติน้ัน ภาษาจึงเปน็ ศูนย์กลางยึดคนท้ังชาติ ดังข้อความตอนหน่ึงใน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เร่ือง “ความเปน็ ชาติ โดยเเท้จริง” ว่า “ภาษาเปน็ เครื่องผูกพันมนุษย์ต่อมนุษย์แน่นแฟน้ กว่าส่ิงอ่ืน และไม่มีส่ิงใดท่ีจะทาให้คนรู้สึกเปน็ พวกเดียวกันหรือแน่นอนย่ิงไปกว่าภาษา เดียวกัน รัฐบาลท้ังปวงย่อมรู้สึกในข้อนี้อยู่ดี เพราะฉะน้ันรัฐบาลใดท่ีต้อง ปกครองคนต่างชาติต่างภาษา จึงต้องพยายามต้ังโรงเรียนและออกบัญญัติ บังคบั ให้ชนต่างภาษาเรียนภาษาของผู้ปกครอง เเต่ความคิดเห็นเช่นน้ี จะสาเร็จ ตามปรารถนาของรัฐบาลเสมอก็หามิได้ แต่ถ้ายังจัดการแปลงภาษาไม่สาเร็จ อยู่ตราบใด ก็แปลว่า ผู้พูดภาษากับผู้ปกครองน้ันยังไม่เชื่ออยู่ตราบน้ัน และยัง จะเรียกว่าเปน็ ชาติเดียวกันกับมหาชนพ้ืนเมืองไม่ได้อยู่ตราบน้ัน ภาษาเปน็ ส่ิง ซ่ึงฝงั อยู่ในใจมนุษยแ์ น่นแฟน้ ยง่ิ กว่าสงิ่ อื่น” ดังน้ันภาษาก็เปรียบได้กับร้ัวของชาติ ถ้าชนชาติใดรักษาภาษาของตน ไว้ได้ดี ให้บริสุทธ์ิ ก็จะได้ช่ือว่า รักษาความเปน็ ชาติ คนไทยทุกคน ใ ช้ ภ า ษ า ไ ท ย เป ็น ส่ื อ ค ว า ม รู ้ สึ ก นึ ก คิ ด เท่ า น้ั น ยั ง ไ ม่ เพี ย ง พ อ ควรจะรักษาระเบียบความงดงามของภาษา ซ่ึงแสดง วฒั นธรรม และเอกลักษณ์ประจาชาตไิ วอ้ ีกด้วย
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ ประโยชน์ท่ีได้รับจากการมี “วันภาษาไทยแหง่ ชาติ” คาดว่าจะมผี ลดสี ืบเนื่องหลายประการ คอื ๑. การมี “วันภาษาไทยแห่งชาติ” จะทาให้หน่วยงานต่าง ๆ ท้ังภาครัฐบาล และเอกชน โดยเฉพาะอย่างย่ิงหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ และทบวง มหาวิทยาลัย ตระหนักในความสาคัญของภาษาไทย และร่วมกันจัดกิจกรรม เพ่ือกระตุ้นเตือน เผยแพร่ และเน้นย้าให้ประชาชนเห็นความสาคัญของ “ภาษา ป ระ จ า ชา ติ” ของ ค น ไ ท ย ทุ ก ค น และร่วม มือกั น อนุ รัก ษ์ก ารใช้ภาษ าไ ท ย ใหม้ ีความถูกต้องงดงามอยูเ่ สมอ ๒. บุคคลในวงวิชาชีพต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการใช้ภาษาไทย โดยเฉพาะ ในวงการศึกษา และวงการส่ือสาร ช่วยกันกวดขันดูแลให้การใช้ภาษาไทย เป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม มิให้ผันแปรเปล่ียนแปลง จนเกิดความเสียหาย แก่คุณลักษณะของภาษาไทยอันเปน็ เอกลักษณ์ของชาติ ๓. ผลสืบเนื่องในระยะยาว คาดว่าปวงชนชาวไทยท่ัวประเทศจะตื่นตัว และสนใจที่จะร่วมกันฟ้ ืนฟู ทานุบารุ ง ส่งเสริมและอนุรักษ์ภาษาไทย อันเป็น เอกลักษณ์และสมบัตวิ ฒั นธรรมทสี่ าคญั ของชาตใิ หด้ ารงคงอยู่คชู่ าติไทยตลอดไป
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ - กิจกรรมท่ีนิยมจัดในวันภาษาไทยแหง่ ชาติ - เนื่ องจากสถาบั นการศึกษา หน่ วยงานภาครัฐ และหน่วยงานเอกชน เห็นความสาคัญของภาษาไทย จึงได้จัดกิจกรรมเน่ืองใน “วันภาษาไทยแห่งชาติ” โดยจัดในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอภิปราย ทางวิชาการ การจัดนิทรรศการ การตอบปญั หาทางวิชาการ การแข่งขันคาคม การวาดภาพประกอบบทประพันธ์ การคัดลายมือ การประกวดแต่งคาประพันธ์ การอ่านทานองเสนาะ การเล่านิทาน การขบั เสภา ฯลฯ
กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ พระราชดารัสพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “ ภ า ษ า ไ ท ย ห รื อ ภ า ษ า ท้ั ง ห ล า ย ที่ ใ ช้ กั น ใ น ป ัจ จุ บั น น้ั น เป ็น ภ า ษ า ที่ มี ชี วิ ต เป็นภาษาท่ีประชาชนใช้ ย่อมต้องมีการเปล่ียนแปลงในความหมาย ถ้าเรา บัญญตั ิศพั ทอ์ ะไรข้ึนมาก็จะขอให้ประชาชนท้ังประเทศเปน็ ผู้ท่ีมีความคิดในด้าน ภาษาเปน็ ‘ศัพท์บัญญัติกร’ กันท้ังชาติ หรือเป็นวิทยากรผู้ท่ีมีความรู้ท้ังชาติ ก็ ไ ม่ ไ ด้ …ทาง ที่ดีเราบั ญญั ติศัพ ท์ แล้ วก็ ต้อง ลอง ดู ว่ าเ ขาเ ข้าใ จ หรือเป ล่ า การบัญญัติศัพท์หรือการมีคาใหม่มีบ่อเกิดหลายทาง …ท่านท้ังหลายท่ีเป็น ‘ศัพท์บัญญัติกร’ ก็เป็นบ่อเกิดอีกบ่อหน่ึงก็คือ สานักข่าวต่าง ๆ ท่ีแปลจาก ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศมาเป็นภาษาไทย ก็ออกมาเป็นภาษา ประหลาด ๆ เหมือนกัน…” พระราชดารสั ในการประชุมทางวชิ าการของชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นเบญจมราชานสุ รณ์ สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา นนทบรุ ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: