เฉลยแบบฝึ กหัดท้ายบทที่ 9 1. จงใส่เคร่ืองหมายถูก (√) หน้าข้อความทถ่ี ูกต้อง ใส่เคร่ืองหมายผดิ (×) หน้าข้อความ ทไี่ ม่ถูกต้อง และขีดเส้น ใต้เฉพาะคา หรือส่วนของข้อความทไี่ ม่ถูกต้อง และแก้ไขโดยตดั ออก หรือเตมิ คา หรือข้อความทถี่ ูกต้องลงใน ช่องว่าง √ 1.1 ระบบเน้ือเยอ่ื แบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ระบบ ไดแ้ ก่ ระบบเน้ือเยอ่ื ผิว ระบบเน้ือเยอ่ื พ้นื และระบบเน้ือเยอื่ - ท่อลาเลียง √ 1.2 เอพิเดอร์มิสเป็นเน้ือเยอ่ื ผวิ ทา หนา้ ที่ป้องกนั เน้ือเยอ่ื ดา้ นในของพืช พบไดท้ ว่ั ไป ที่ราก ลา ตน้ ใบ และท่ีอ่ืนๆ × 1.3 พชื ลา เลียงน้า และธาตุอาหารผา่ นทางไซเล็มซ่ึงมีเซลลท์ ่ีทา หนา้ ที่ลา เลียง 2 ชนิด คือ ซีฟทิวบเ์ มม- เบอร์ และเวสเซลเมมเบอร์ แก้ไขเป็ น เทรคีด × 1.4 เอนโดเดอร์มิสในบริเวณคอร์เทกซ์ของรากมีสารลิกนินสะสมเป็นแถบเล็ก ๆ รอบเซลลย์ กเวน้ ดา้ นที่ขนานกบั เอพเิ ดอร์มิส เรียกแถบน้ีวา่ พลาสโมเดสมาตา แก้ไขเป็ น ซูเบอริน แถบแคสพาเรียน × 1.5 บริเวณคอร์เทกซ์และพิธประกอบดว้ ย วาสคิวลาร์บนั เดิล และเน้ือเยอื่ พ้นื แก้ไขเป็ น ตดั วาสคิวลาร์บนั เดิล ออก √ 1.6 คอร์กแคมเบียมเป็นเน้ือเยอ่ื เจริญ เม่ือแบ่งเซลลจ์ ะไดเ้ ซลลค์ อร์กทางดา้ นนอก ของลาตน้ × 1.7 กระพ้ีไมเ้ ป็นเน้ือไมส้ ่วนนอกท่ียงั ทา หนา้ ท่ีลา เลียงน้า มีสีจางกวา่ เน้ือไมส้ ่วนใน เมื่อตน้ ไมม้ ี อายมุ ากข้ึนกระพ้ไี ม้ จะเปลี่ยนมาเป็นเปลือกไม้ แก้ไขเป็ น แก่นไม้ √ 1.8 ในระยะการเติบโตทุติยภูมิของพืชดอกที่มีเน้ือไมเ้ น้ือเยอื่ ช้นั นอกสุดคือ เพริเดิร์ม √ 1.9 เซลลแ์ พลิเซด และเซลลส์ ปองจีเป็นเซลลพ์ าเรงคิมาที่ทาหนา้ ท่ีสงั เคราะห์ดว้ ยแสงในใบ √ 1.10 วาสคิวลาร์บนั เดิลในใบพชื พบท่ีเส้นกลางใบ เส้นใบ และเส้นใบยอ่ ย โดยพบไซเลม็ อยดู่ า้ นบน และโฟลเอม็ อยดู่ า้ นล่าง
2. จากแผนภาพแสดงเซลล์ทเ่ี กดิ จากการเปลย่ี นสภาพของเนื้อเย่ือเจริญ จงเตมิ ช่ือเซลล์ลงในรูปแลหน้าข้อความ ทม่ี ีความสัมพนั ธ์กนั ก. เวสเซลเมมเบอร์ ข. ซีฟทิวบเ์ มมเบอร์ ฉ. เซลลผ์ วิ ช. เซลลค์ ุม เซลลเ์ จริญ ค. ไฟเบอร์ จ. เซลลพ์ าเรงคิมา ง. สเกลอรีด
เวสเซลเมมเบอร์ 2.1 เซลลท์ มี่ ีชีวติ ทาหนา้ ที่ลาเลียงอาหารผา่ นรูทะลุระหวา่ งเซลลใ์ นทิศทางข้ึนลงและดา้ นขา้ ง ซีฟทิวบเ์ มมเบอร์2.2 เซลลท์ ไี่ ม่มีชีวติ รูปร่างยาวหวั ทา้ ยของเซลลเ์ รียบแหลมมีสารลิกนินมาสะสมเพมิ่ เติมที่ผนงั เซลลท์ าใหผ้ นงั เซลลห์ นามาก ทาหนา้ ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงใหก้ บั ไซเล็มและโฟลเอ็ม ไฟเบอร์ 2.3 เซลลท์ ี่อยชู่ ้นั นอกสุดของส่วนตา่ งๆ ของพชื ท่ีมีการเติบโตปฐมภูมิ สเกลอรีด 2.4 เซลลท์ ่ีมีชีวติ ทาหนา้ ที่ต่าง ๆ กนั เช่น สังเคราะห์ดว้ ยแสง สะสมเมด็ แป้ง เป็นตน้ เซลลพ์ าเรงคิมา 2.5 เซลลร์ ูปร่างคอ่ นขา้ งยาวมีสารลิกนิน มาสะสมเป็นลวดลายตา่ งๆ ดา้ นหวั และดา้ นทา้ ยของ เซลลม์ ีช่องทะลุถึงกนั ทาหนา้ ที่ลาเลียงน้า และธาตุอาหาร เซลลผ์ วิ 2.6 เซลลไ์ มม่ ีชีวติ ที่มีสารลิกนินมาสะสมเพมิ่ เติมทาใหผ้ นงั เซลลห์ นามาก มีรูปร่างหลายแบบ พบในส่วนท่ีแขง็ ของพืช เช่น กะลามะพร้าว เซลลค์ ุม 2.7 เซลลท์ ่ีควบคุมการเปิ ดปิ ดของรูปากใบ 3. จากรูปเนื้อเยื่อรากพืชตัดตามขวาง 3.1 จงเติมคาาลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง จากรูป ก. เซลลท์ ี่ช้ีคือ เวสเซลเมมเบอร์ ซ่ึงอยตู่ รงกลางของเน้ือเยอื่ ช้นั สตีล จากรูป ข. ส่วนที่ช้ีคือเซลลข์ องช้นั เน้ือเยอื่ เอนโดเดอร์มิส ซ่ึงอยดู่ า้ นในสุดของเน้ือเยอ่ื ช้นั คอร์เทกซ์ บริเวณตรงกลางของรูป (เคร่ืองหมายปี กกา) เป็นเน้ือเยอ่ื ช้นั สตีล
3.2 จงตอบคาาถามต่อไปน้ี รูป ก. เป็นรากของพืชใบเล้ียงคู่หรือใบเล้ียงเด่ียว เพราะเหตุใด ตอบ รูป ก. เป็นรากของพืชใบเล้ียงคู่ เพราะไซเลม็ ท่ีอยตู่ รงกลางมีจาานวนแฉก 4 แฉก รูป ข. เป็นรากของพืชใบเล้ียงคู่หรือใบเล้ียงเด่ียว เพราะเหตุใด ตอบ รูป ข. เป็นรากของพืชใบเล้ียงเด่ียว เพราะมีจาานวนแฉกของไซเล็มมาก ในท่ีน้ีนบั ไดป้ ระมาณ 10 แฉก และพบพิธอยตู่ รงกลาง 4. จากรูปการตัดลาาต้นพืชใบเลยี้ งคู่ตามขวาง จงเตมิ ชื่อเนื้อเยื่อลงในรูปวาดเนื้อเย่ือพืช ตดั ตามขวางทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กนั เอพิเดอร์มิส คอร์เทกซ์ โฟลเอม็ ปฐมภูมิ ไซเล็มปฐมภูมิ 1 พิธ คอร์ก คอร์กแคมเบียม โฟลเอม็ ปฐมภูมิ โฟลเอม็ ทุติยภูมิ วาสคิวลาร์แคมเบียม ไซเลม็ ทุติยภูมิ 2 ไซเล็มปฐมภูมิ พธิ คอร์ก คอร์กแคมเบียม โฟลเอม็ ทุติยภูมิ 3 วาสคิวลาร์แคมเบียม ไซเล็มทุติยภูมิ ไซเล็มปฐมภูมิ พธิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: