ผู้แต่ง มานะ วิชางาม
คาอธบิ ายรายวชิ า
สาระสาคัญ ในอดีตการวัดส่ิงของหรือระยะทางทา ได้โดยการเปรียบเทียบจาก อวยั วะต่างๆ ของร่างกายมนุษย์เช่น นิว้ ศอก เป็ นต้น การวัดจงึ เป็ นส่งิ สาคัญต่อ การออกแบบและการพัฒนาเคร่ืองยนต์ให้มีความทันสมัย ดังนัน้ ความถูกต้อง ของการวัดและเคร่ืองมือท่ีใช้วัดจะต้องมีความแม่นยาสูง สามารถอ่านค่าได้ ละเอียด เพ่อื ป้ องกันความผิดพลาดในการออกแบบเคร่ืองยนต์
นิยามการวดั ในทางวิทยาศาสตร์การวัด คอื กระบวนการเพื่อให้ได้มาซง่ึ ขนาด และปริมาณของวตั ถุที่สนใจ เช่น ความยาวจะเกี่ยวข้องกับหน่วยวดั ท่ีเป็ น เมตรหรือเซนตเิ มตร มวลจะเกี่ยวข้องกบั กิโลกรัม เป็ นต้น การวัดและหน่วยวัดเป็ นเครื่องมือแรกเริ่มชนิดหนึ่งท่ีคิดค้นโดย มนษุ ย์ เร่ิมจากความต้องการใช้การวดั ในงานหลายอยา่ ง เชน่ การก่อสร้างท่ี อย่อู าศยั ที่ถูกต้องตามขนาดและรูปร่าง การทาถนนการค้าขายอาหารหรือ วตั ถดุ ิบอยา่ งอืน่ เป็ นต้น
จุดมุ่งหมายของการวดั สามารถแบง่ ได้ ดงั นี ้ 1. เพื่อถ่ายทอดขนาดจากชิน้ งานจริงลงในใบงาน 2. เพ่ือควบคมุ และตรวจสอบ ความเป็ นมาของการวัด การวัดมีประวัติความเป็ นมานานกว่า 3,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช และได้ มีวิวัฒนาการควบคู่มากับความเจริ ญก้ าวหน้ าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวฒั นธรรมของมนษุ ยชาตอิ ยา่ งตอ่ เน่ือง การวดั จงึ เป็ นพืน้ ฐาน ของวิทยาศาสตร์และเป็ นภาษาท่ีใช้สื่อสารเพื่อบอกขนาด ปริมาณตาแหน่ง สภาวะ และเวลา ในอดีตประเทศต่างๆ มีการกาหนดหน่วยวดั มาตราชงั่ ตวง วดั ของตน ตอ่ มาเมื่อมีการค้าขายระหวา่ งกนั มากขนึ ้ จึงได้กาหนดหน่วยวดั ที่ เป็ นสากลขนึ ้ ใช้ร่วมกนั
การวัดในยุคแรกๆ หน่ วยการวัดจะคิดเปรียบเทียบกับ ร่างกายของมนุษย์ ได้แก่ 1. ความยาว 1 นิว้ มีคา่ เทา่ กบั ความกว้างของหวั แมม่ ือ 2. ความยาว 1 ฝ่ ามือ มีค่าเท่ากบั ความกว้างของฝ่ ามือจากโคน นิว้ หวั แมม่ ือไปถึงนิว้ ก้อย 3. ความยาว 1 คืบ มีคา่ เทา่ กบั ความกว้างของฝ่ ามือขวา เมื่อกาง นิว้ ออกเร่ิมจากปลายนิว้ หวั แมม่ ือถึงปลายนิว้ ก้อย
ศตวรรษท่ี 12 พระเจ้าเฮนร่ีที่ 1 แห่งอังกฤษ ได้เกิดแนวคิดในการ กาหนดมาตรฐานการวดั ความยาวในการวัดขนาดของชิน้ งาน โดยกาหนด 1 หลา เท่ากบั ระยะห่างระหว่างปลายจมกู ถึงปลายนิว้ หวั แม่มือของพระองค์เม่ือ ทรงเหยียดแขนออกตรงไปทางด้านข้าง ค.ศ. 1324 พระเจ้าเอด็ เวริ ์ดท่ี 2 แห่งองั กฤษ ได้กาหนดความยาว 1 นิว้ โดยใช้ข้าวบาร์เลย์ท่ีมีลกั ษณะเมลด็ กลมและแห้ง 3 เมลด็ มาวางเรียงตอ่ กนั แล้ว วดั ความยาวทงั้ หมดพบวา่ ยาวเทา่ กบั 1 นิว้ ศตวรรษท่ี 16 อังกฤษได้กาหนดความยาวมาตรฐาน 1 ฟุต โดยให้ ผ้ชู าย 16 คน ยืนเข้าแถวตอนเรียงหนึง่ และวดั ความยาวจากปลายเท้าข้างซ้าย ของคนที่ 1 ไปถึงส้นเท้าซ้ายของคนท่ี 16 จากนนั้ เอาความยาวทงั้ หมดหารด้วย 16 จะได้ความยาวเทา่ กบั 1 ฟตุ
มาตรฐานด้านความยาว 1 เมตร ในปี ค.ศ. 1798 นกั วิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศสได้ แนวคิดจากการใช้ กล้ องส่องดูดาวสังเกตและวัดเส้ นเม อริเดียน (เส้นแวง) ที่ลากจากขัว้ โลกเหนือมาถึงเส้นศูนย์สูตรท่ีผ่าน กรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส แล้วแบง่ เส้นนนั้ ออกเป็ นสบิ ล้านสว่ น โดยในเศษ หนงึ่ สว่ นสบิ ล้านสว่ น(1/10,000,000) โดย 1 สว่ นนีเ้ท่ากบั 1 เมตร ค.ศ. 1889 ระบบเมตรได้ปรับปรุงใหม่ให้เป็ นมาตรฐานสากลโดย ใช้ กล้ องถ่ายขนาดแล้ วนาขนาดที่ได้ มาถ่ายลงในไม้ เมตรมาตรฐานท่ีทา ด้วยโลหะผสมระหว่างแพลทินมั และอิริเดียม แท่งโลหะนีม้ ีหน้าตดั เป็ นรูป ตวั X ความยาวทงั้ หมด 1.02 เมตร โดย Layout ระยะเส้นอ้างอิงความยาว 1 เมตร ที่ผิวร่องขอบตวั X เพ่ือเป็ นระยะกาหนดในการวดั ถ่ายระดบั ไปสู่ มาตรฐานขนั้ รองลงมา แทง่ มาตรฐานเมตรนีเ้ก็บรักษาอยทู่ ่ีประเทศฝรั่งเศส
ค.ศ. 1898 มีการประชุมและตกลงกนั เรื่องการแปลค่าจากระบบ เมตริกมาเป็ นระบบอังกฤษ (ในการประชุมระบบมาตราช่ังวดั ตวง) โดย กาหนดให้ 1 เมตร = 39.370113 นิว้ 1 นิว้ = 25.399978 มิลลเิ มตร ทงั้ นีเ้ พ่ือให้ง่ายต่อการใช้งาน ได้ตกลงกันว่าปัดเศษหลงั ทศนิยม ออกเป็น 1 นิว้ = 25.4 มิลลเิ มตร โลหะแพลทนิ ัมและอริ ิเดียม ท่ใี ช้เป็ นเมตร มาตรฐานตงั้ แต่ปี 1927 ถงึ 1960
ประเภทของการวดั สามารถแบง่ ได้เป็น 2 ประเภท ดงั นี ้ 1. การวัดทางตรง เป็ นการวดั โดยการใช้เครื่องมือวดั วางทาบหรือ สมั ผสั ชิน้ งานแล้วอา่ นคา่ ได้ทนั ทีเพราะเป็ นเครื่องมือวดั ที่มีสเกลอยใู่ นตวั เช่น ไม้บรรทดั เหล็ก เวอร์เนียร์คาลเิ ปอร์ หรือไมโครมเิ ตอร์ 2. การวัดทางอ้อม เป็ นการวดั โดยใช้เครื่องมือวดั ชนิดที่ไม่มีสเกล สาหรับอ่านค่าในตัวหากต้องการทราบขนาดจริงของชิน้ งานที่วัดต้องนา เคร่ืองมือวัดมาวางทาบบนไม้ บรรทัดเหล็ก เวอร์ เนียร์ คาลิเปอร์ หรือ ไมโครมิเตอร์เพ่ืออา่ นคา่ เคร่ืองมอื ที่นยิ มใช้ในการวดั ทางอ้อม ได้แก่ คาลิเปอร์ วดั นอก และคาลเิ ปอร์วดั ใน
สาระสาคัญ ระบบและหน่วยของการวดั นบั เป็ นความรู้พืน้ ฐานท่ีสาคญั และต้องทาความ เข้าใจอย่างละเอียดก่อนใช้เคร่ืองมือวัด เพราะการใช้เครื่องมือวัดนัน้ จะเก่ียวข้อง โดยตรงกบั ตวั เลขและหน่วย ไม่ว่าจะเป็ นระบบหรือหน่วยใดๆ ก็ตาม ถ้าหากเข้าใจไม่ ตรงกนั หรือมีความคลาดเคล่ือนในการวดั จะทาให้เกิดความเสยี หายตามมา
ระบบของการวัด คือ ระบบท่ีเกี่ยวข้องกับการวดั ขนาดต่างๆ ของ ชิน้ ส่วน โดยมีหน่วยงานหรือองค์กรที่ทาหน้าที่ควบคมุ ระบบการวดั เพื่อให้ได้ มาตรฐาน ซง่ึ จะส่งผลให้บริษัทผ้ผู ลิตและผ้ใู ช้งานเข้าใจตรงกนั ในปัจจุบนั ท่ี นิยมใช้มี 3 ระบบ คือ 1. ระบบองั กฤษ เป็ นระบบท่ีเกิดขนึ ้ ที่ประเทศองั กฤษและเป็ นระบบ ที่เกิดขนึ ้ เพ่ือใช้ในทางการค้าหน่วยวดั พืน้ ฐานสาหรับวดั ความยาว มวล และ เวลา คือ ฟตุ ปอนด์ และวนิ าที ตามลาดบั
1.1 หน่วยวัดความยาว 1 ฟตุ = 12 นิว้ 1 หลา = 3 ฟตุ = 36 นิว้ 1 ไมล์ = 1,760 หลา = 5,280 ฟตุ 1.2 หน่วยวัดพืน้ ท่ี 1 ตารางฟตุ = 144 นิว้ 1 ตารางหลา = 9 ตารางฟตุ 1 เอเคอร์ = 4,840 ตารางหลา 1 ตารางไมล์ = 640 เอเคอร์ ในส่วนท่ีต่ากว่า 1 นิว้ ลงไปจะแบ่งออกเป็ นอัตราส่วน เช่น 1/8 นิว้ 1/16 นิว้ 1/32 นิว้ 1/64 นิว้ 1/128 นิว้
2. ระบบเมตริกเป็นระบบท่ีเกิดขนึ ้ ที่ประเทศเยอรมนั และปัจจบุ นั เป็ นท่ีนิยมใช้ทว่ั โลก โดยมีหนว่ ยวดั ความยาวเป็ นมิลลเิ มตร เมตร หรือ กิโลเมตร หน่วยวดั นา้ หนกั เป็ นกรัมหรือกิโลกรัม หน่วยวดั อณุ หภมู ิเป็นเซนตเิ กรด (ปัจจบุ นั เปล่ยี นเป็นเซลเซียส) 2.1 หน่วยวัดความยาว 10 มิลลเิ มตร = 1 เซนตเิ มตร 100 เซนตเิ มตร = 1 เมตร 1,000 เมตร = 1 กิโลเมตร 2.2 หน่วยวดั พืน้ ท่ี 1 เฮกเตอร์ = 1,000 ตารางเมตร
3. ระบบเอสไอ (SI Unit) คือ ระบบหน่วยมาตรฐานท่ีองค์กร ระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization: ISO)กาหนดขนึ ้ ให้ทกุ ประเทศใช้เป็ นมาตรฐาน เพ่ือให้การ ใช้หน่วยเป็ นมาตรฐานเดยี วกนั ทว่ั โลก มีทงั้ หมด 7 หนว่ ย ดงั นี ้
คาอุปสรรคและสัญลักษณ์
หน่วยของการวัด คือ หน่วยของคา่ ตา่ งๆ ท่ีได้มาจากการวดั ซงึ่ จะทา ให้ทราบว่าสิ่งท่ีวดั นนั้ มีความกว้าง ยาว หรือสงู เท่าใด เช่น ก้านสูบยาว 20 เซนติเมตร กระบอกสูบมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 80 มิลลิเมตร เป็ นต้น ซึ่งเรียก เซนตแิ ละมลิ ลิ ว่าเป็ นคาอปุ สรรค สว่ นเมตร เรียกวา่ หน่วยท่ีได้จากการวดั ซง่ึ หน่วยการวดั นีม้ ีความจาเป็ นท่ีช่างต้องรู้เพราะบริษัทผ้ผู ลิตนนั้ ได้ผลิตชิน้ ส่วน ตา่ งๆ ตามระบบมาตรฐาน ซงึ่ อาจจะใช้ระบบองั กฤษ ระบบเมตริก หรือระบบ เอสไอ ตา่ งกนั ออกไป
การเปล่ียนหน่วยความยาว การเปล่ียนหน่วยปริมาตร
การเปล่ียนหน่วยพนื้ ท่ี การเปล่ียนนิว้ เป็ นมลิ ลเิ มตรหรือมลิ ลเิ มตรเป็ นนิว้
สาระสาคัญ เครื่องมือพืน้ ฐานท่ัวไปท่ีนิยมใช้มีหลายชนิดและหลายรูปแบบ ซึ่งมีความ เหมาะสมกับงานที่แตกต่างกันออกไป ทงั้ ชนิดท่ีมีขีดสเกลในตวั ซึ่งสามารถอ่านค่าได้ ทนั ทีที่วดั เช่น ไม้บรรทดั ตลบั เมตรและเครื่องมือวดั ประเภทการเปรียบเทียบและถ่าย ขนาด ซึ่งจะต้องนาขนาดที่วดั ได้มาเปรียบเทียบกับเครื่องวดั ประเภทที่มีขีดสเกลในตวั ก่อนจึงจะทราบขนาดชิน้ งานท่ีวัด เช่น คาลิเปอร์วดั นอกคาลิเปอร์วัดใน เป็ นต้น และ เคร่ืองมือที่ถกู ออกแบบมาให้เหมาะสมกบั การใช้งานเฉพาะแบบ เช่น เคร่ืองมือวดั ความ โตกระบอกสบู และเคร่ืองมือวดั ความกลมหรือเรียวของเพลา
1. บรรทัดเหล็ก เป็ นเครื่องมือวดั พืน้ ฐานท่ีนิยมใช้กนั อย่างแพร่หลาย สามารถใช้วดั ขนาดของงานได้รวดเร็วเพียงแค่ทาบกับงานก็อ่านค่าได้ ส่วนใหญ่ทาจากสแตนเลส เหนียวเป็ นมนั วาว ฉาบด้วยโครเมียมทาให้สามารถใช้งานได้นานและคงทน โดยทว่ั ไป ไม้บรรทดั เหลก็ มีความยาวและความกว้างหลายขนาด ตงั้ แต่ 15 cm, 30 cm, 60cm, 100 cm, 150 cm, และ 200 cm มีความหนาไม่เกิน 1 มิลลิเมตรและไม่บางกว่า 0.3 มิลลิเมตร สเกลที่เป็ นขีดบนไม้บรรทดั เหล็กสาหรับวดั ค่าขนาดของวสั ดุ มี 2 ระบบ คือ ระบบองั กฤษ และระบบเมตริก การใช้ไม้บรรทดั เหลก็ วัดวัสดุทรงกลม
2. ตลับเมตร เป็ นเคร่ืองมือวดั พืน้ ฐานท่ีนิยมใช้กนั อย่างแพร่หลาย เน่ืองจากสามารถใช้ วัดความยาวของ งานได้ รวดเร็ วเพียงแค่ทาบกับงาน สามารถอ่านค่าได้ และวดั ระยะทางได้ยาวกว่าไม้บรรทดั วดั ได้ทงั้ วสั ดุที่สนั้ และยาว สว่ นใหญ่จะเป็นแถบโลหะบางๆ ม้วนอยภู่ ายในตลบั โลหะหรือวสั ดทุ ่ี แข็งแรงทนทาน เมื่อจะใช้งานให้ดึงออกมาจากตลบั โดยทัว่ ไปตลบั เมตรมี ความยาวและความกว้างหลายขนาด ตงั้ แต่2 m, 3 m, 5 m และ 10 m สเกล ที่เป็ นขีดบนตลับเมตรสาหรับวัดค่าขนาดของวัสดุ มี 2 ระบบ คือ ระบบ องั กฤษ และระบบเมตริก ตลบั เมตรที่ดตี ้องอ่านสเกล และม้วนเก็บในตลบั ได้ งา่ ย ตวั ตลบั เป็ นโลหะหรือวสั ดอุ ื่นที่แขง็ แรง ตลับเมตร
3. ฉากเป็ นเคร่ืองมือวดั พืน้ ฐานท่ี นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้ ตรวจสอบความเรียบของผิวงาน และขีด เส้นแทนไม้บรรทดั ได้อีกด้วยส่วนใหญ่ทา จ า ก เ ห ล็ ก เ ค ร่ื อ ง มื อ ที่ ผ่ า น ก า ร ชุ บ แ ข็ ง จากนนั้ เจียระไน ผิวเรียบหรือขดั ผิวทาให้ผิวของฉากเรียบ ใช้วดั งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความ เท่ียงตรงสูง ทนต่อการสึกหรอ ฉากท่ีดี ต้องวดั มมุ ฉากของงานได้สะดวกและวดั ความเรียบของผวิ งานได้ดี
เคร่ืองมือวดั แบบเปรียบเทียบและถ่ายขนาดเป็ นเคร่ืองมือวดั ขนาดชนิดหนึ่งที่ไม่มีสเกลในตวั หากต้องการทราบว่าชิน้ งานที่วดั โดย ใช้เครื่องมือวดั แบบเปรียบเทียบ และถ่ายขนาดนนั้ มีความกว้างความ ยาวหรือความสงู เท่าใด ทาได้โดยการนาเครื่องมอื ที่ใช้ในการวดั ครัง้ นนั้ มาเทียบกบั สเกลในไม้บรรทดั เวอร์เนียร์คาลิเปอร์ หรือไมโครมิเตอร์ ซงึ่ จะทาให้ทราบขนาดชิน้ งานที่ต้องการ
1. คาลิเปอร์ วัดนอกเหมาะกับการ วดั ขนาดภายนอกชิน้ งาน เช่น เส้นผา่ นศนู ย์กลาง ของชิน้ งานท่ีมีรูปทรงกลมทรงกระบอก หรือวดั ความหนาของชิน้ งาน ในการใช้งานขาทัง้ สอง ข้างของคาลิเปอร์วัดนอกนัน้ จะต้องอยู่ในแนว เส้นแกนกลางของชิน้ งานท่ีต้องการวดั 2. คาลิเปอร์ วัดใน เหมาะกับการ วดั ขนาดภายในของชิน้ งาน เช่น รูกลม รูเหล่ียม หรือรูเรียว เป็ นต้นในการใช้งานขาทงั้ สองข้างของ คาลิเปอร์วดั ในนนั้ จะต้องอย่ใู นแนวเส้นแกนกลาง ของชิน้ งานท่ีต้องการวดั
บอร์ เกจเป็ นเคร่ื องมือท่ีใช้ สาหรับ วัดขนาดเส้ นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบของ เครื่องยนต์ เพื่อหาความผิดปกติท่ีเกิดขนึ ้ จากการ ทางาน เน่ืองจากลูกสูบท่ีอยู่ภายในกระบอกสูบ จะเคลื่อนท่ีขนึ ้ -ลง ตลอดเวลาที่เคร่ืองยนต์ทางาน ทาให้ เกิดการสึกหรอขึน้ บริ เวณที่สัมผัสกัน ระหว่างลกู สบู และกระบอกสบู หากมีการสึกหรอ มากๆ จะทาให้ เกิดการร่ัวของแรงอัดภายใน กระบอกสบู ทาให้เครื่องยนต์กาลงั ตกหรือทางาน ได้ไมเ่ ต็มสมรรถนะ การสกึ หรอท่ีเกิดขนึ ้ ได้แก่ คา่ ความเบีย้ ว คา่ ความเรียว
ไดอัลเกจเป็ นเคร่ืองมือ วัดละเอียดชนิดหนึ่งท่ีใช้ สาหรับ ตรวจวดั ความกลมหรือความเรียว ของเพลาตรวจวดั ความคดงอหรือ บิดเบีย้ วต่างๆ เช่น การวัดศูนย์ ของเพลาลกู เบีย้ ว เพลาข้อเหว่ียง รวมถึงใช้ ในการตรวจสอบระยะ รุนของจานดิสก์เบรก
สาระสาคญั เครื่องมือวัดละเอียดช่างยนต์ คือ เคร่ืองมือสาหรับวัดชิน้ ส่วนต่างๆ ของ เคร่ืองยนต์เพื่อออกแบบซอ่ มแซมหรือเปล่ียนอะไหล่ ดงั นนั้ การใช้เคร่ืองมือวดั ละเอียด จึงมีความสาคัญที่ผู้เรียนต้องทาความเข้าใจอย่างละเอียดเพื่อป้ องกันค่าความ คลาดเคลอื่ นจากการวดั
เวอร์ เนียร์ คาลิเปอร์ เป็ นเครื่องมือวดั ท่ีได้รับการพฒั นาปรับปรุง การวัดโดยตรงจากไม้บรรทัดและการวัดโดยอ้อมจากคาลิเปอร์ ทาให้ สามารถอ่านขนาดได้โดยตรงในขณะที่ปากจับชิน้ งานอยู่ มีความละเอียด และเที่ยงตรงสงู สามารถวดั ขนาดชิน้ งานได้ 3 ชนิด คือ วดั ขนาดภายนอก วดั ขนาดภายใน และวดั ความลกึ ของชิน้ งาน
ไมโครมิเตอร์ เป็ นอุปกรณ์วัดละเอียดชนิดหน่ึงท่ีนิยมใช้ในงาน อตุ สาหกรรมตา่ งๆ เริ่มใช้เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1848 โดยชาวฝรั่งเศส หลงั จาก นนั้ ก็ได้รับความนิยมและมีการพัฒนาปรับปรุงให้ สามารถใช้งานได้สะดวก และละเอียดมากขนึ ้ ไมโครมิเตอร์แบง่ ออกได้เป็ น 3 ประเภท คอื ไมโครมิเตอร์ วดั นอกไมโครมเิ ตอร์วดั ใน และไมโครมเิ ตอร์วดั ลกึ โดยในหน่วยการเรียนรู้นีจ้ ะ กลา่ วถงึ เฉพาะไมโครมิเตอร์วดั นอก ไมโครมเิ ตอร์
ไดอัลเกจเป็ นเครื่องมือวดั ที่อา่ นค่าระยะทางการเคล่ือนท่ีของแกนวดั ด้วยเข็ม ซึ่งติดอยู่กบั หน้าปัทม์โดยใช้วดั แบบเยือ้ งศูนย์ ไดอลั เกจสามารถจาแนกตามหลกั การ ทางานได้ 2 ชนิด คือ ไดอลั เกจชนิดมาตรฐานและไดอลั เกจชนิดคาน ไดอัลเกจชนิดมาตรฐานมีความ ไดอลั เกจชนิดมาตรฐาน ละเอียด 2 แบบคือ 0.01 มม. และ 0.001 มม. เม่ือหัวสัมผัสถูกดันขึน้ เข็มยาวของหน้าปัดจะ หมุนตามเข็มนาฬิกา เม่ือเข็มยาวหมุนครบ 1 รอบ เข็มสนั้ จะหมุนไป 1 ช่องสเกล เมื่อมองดูท่ี หน้าปัดของเข็มสนั้ จะทราบทนั ทีว่าเข็มยาวหมนุ ไปกี่รอบ ไดอัลเกจแบบนีจ้ ะนิยมใช้วัดความโต ของกระบอกสบู
1.หวั วดั ทาหน้าที่เป็นตวั สมั ผสั ชิน้ งานโดยตรง 2. แกนเล่ือน ทาหน้าที่เป็ นตวั จับยึดหัววดั เมื่อหัววดั ถูกดนั โดย ผิวชิน้ งาน แกนจะเลอ่ื นขนึ ้ -ลง 3. เข็มยาว ทาหน้ าที่บอกค่าความคลาดเคลื่อนของชิน้ งาน ภายหลงั การสมั ผสั ชิน้ งานของหวั วดั 4. เข็มวัดรอบ ทาหน้าที่บอกจานวนรอบของเข็มว่าเคล่ือนท่ีไป เป็นระยะทางเท่าไร 5. แผ่นสเกล ทาหน้าที่บอกค่าความละเอียดโดยแบ่งออกเป็ น 100 ช่องเท่าๆ กนั เมื่อเขม็ ยาวหมนุ ไป 1 รอบ จะอา่ นคา่ ได้ 1 มม. 6. กรอบนอก ทาหน้าท่ีหมนุ ปรับให้จดุ ศนู ย์ของแผ่นสเกลตรงกบั เข็มยาวพอดเี พ่อื ท่ีจะกาหนดจดุ เร่ิมต้นในการอา่ นคา่
7. ขีดพิกัด ทาหน้าท่ีกาหนดค่าของพิกดั หรือคลาดเคล่ือนจาก คา่ ที่ยอมรับได้ 8. สกรูล็อก ทาหน้าท่ีล็อกตาแหนง่ สเกลของหน้าปัดสาหรับอา่ นคา่ 9. กระจกหน้าปัด ทาหน้าที่ป้ องกนั ฝ่ นุ หรือส่ิงแปลกปลอมอ่ืนๆ เข้าไปทาความเสยี หายให้อปุ กรณ์ภายในหรือสว่ นประกอบอื่นๆ 10. ตัวเรือน ทาหน้าที่ป้ องกนั หรือครอบอปุ กรณ์ภายในไม่ให้เกิด ความเสยี หาย 11. ก้ าน ทาหน้ าท่ีสาหรับจับยึด อปุ กรณ์ท่ีใช้ในการตรวจสอบ หรือวดั งาน
ไดอลั เกจชนิดคาน 1. หวั วัด ทาหน้าท่ีสมั ผสั วดั โดยตรง 2. ร่องหางเหย่ยี ว ทาหน้าท่ีประกอบกบั แกนจบั ยดึ ในตาแหน่งตา่ งๆ 3. หน้าปัด ทาหน้าท่ีเป็ นตวั เรือนแสดงคา่ วดั ที่วดั ได้ในแตล่ ะครัง้ 4. ขดี สเกล ทาหน้าที่บอกคา่ ความละเอียดในการอา่ นคา่ การวดั โดย 1 ชอ่ งจะเทา่ กบั 0.01 มม. 5. แกนจับยดึ ทาหน้าท่ียดึ กบั ขาตงั้ ไดอลั เกจ 6. เข็มชี้ ทาหน้าท่ีบอกคา่ วดั การวดั ในแตล่ ะครัง้ 7. ตัวเรือน ทาหน้าท่ีครอบกลไกภายในของไดอลั เกจ
สาระสาคัญ ฟิ ลเลอร์เกจ คือ เคร่ืองมือวดั ละเอียดที่สร้างขึน้ มาเพ่ือความสะดวกใน การวดั ช่องแคบๆ เช่น ร่องแหวนลกู สบู ช่องลิน้ ไอดี-ลิน้ ไอเสีย เป็ นต้น ดงั นนั้ การ ใช้ฟิ ลเลอร์เกจจึงมีความสาคัญท่ีผู้เรียนต้องทาความเข้าใจอย่างละเอียดเพื่อ ป้ องกนั คา่ ความคลาดเคลือ่ นจากการวดั
เคร่ืองมือวดั หลายๆ ชนิด ถกู ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการ ใช้งาน ฟิ ลเลอร์เกจเองก็เช่นกันจากข้อจากัดในการวัดช่องแคบๆ เช่น ช่องว่างระหว่างแหวนลกู สบู กบั ร่องแหวนท่ีลกู สบู ช่องว่างระหวา่ งลนิ ้ ไอดี- ลิน้ ไอเสีย เป็ นต้น ฟิ ลเลอร์เกจจงึ ถกู ออกแบบมาให้เหมาะกบั การใช้งานใน ลักษณะนี ้ เพราะการใช้ งานรถยนต์ไปได้สักระยะหน่ึงทาให้ เกิดการ เส่ือมสภาพของชิน้ ส่วนของเคร่ืองยนต์หรือทาให้ชิน้ ส่วนท่ีเคล่ือนที่บาง ชิน้ ส่วนหลวมหรือมีค่าคลาดเคล่ือนไปจากค่าที่ตัง้ มาจากโรงงาน เช่น ระยะห่างลิน้ ไอดี-ลิน้ ไอเสีย ทาให้ต้องมีการตงั้ ลิน้ ใหม่โดยการใช้ฟิ ลเลอร์ เกจเป็นเครื่องมอื ที่ใช้ในการวดั
คา่ บนใบฟิลเลอร์เกจ 26 ใบ (ภายในฟิลเลอร์เกจมีใบยอ่ ยจานวน 26 ใบ)
ใบย่อยของฟิ ลเลอร์เกจจะมีความหนาต่างกนั โดยความหนาของฟิ ลเลอร์ เกจจะมีคา่ ตวั เลขระบบุ นใบย่อยของฟิ ลเลอร์เกจ แตก่ ารใช้งานฟิ ลเลอร์เกจจะต้อง อาศยั ความชานาญมากๆ เพราะหากคา่ ตวั เลขบนใบยอ่ ยของฟิ ลเลอร์เกจไม่ตรงกบั ความต้องการจะต้องหาใบย่อยอื่นมาประกอบเพ่ือให้ได้ความหนาตามที่ต้องการ เช่น ต้องการตัง้ ลิน้ ไอเสียในตัวเลขตามคู่มือรถระบุว่าตัง้ ลิน้ ไอเสีย 0.23–0.27 มลิ ลเิ มตร หากเราจะทาการตงั้ ลนิ ้ ไอเสยี ที่คา่ 0.24 แตค่ า่ ตวั เลขท่ีระบใุ นใบยอ่ ยของ ฟิ ลเลอร์เกจตามตารางด้านบนไม่พบว่ามีใบย่อยท่ีมีคา่ 0.24 มิลลิเมตร ที่ต้องการ ดงั นนั้ จาเป็ นท่ีจะต้องหาคา่ ตวั เลขจากฟิลเลอร์เกจใบอ่ืนมาประกอบกนั เพ่ือให้ได้คา่ 0.241 มิลลิเมตร ตามที่ต้องการ เช่น นาใบท่ี 9 (0.203 มม.) และใบท่ี 1 (0.038 มม.) มารวมกันจะได้ 0.241 มม. ตามที่ต้องการ สรุปได้ว่าการตงั้ ลิน้ ไอเสียครัง้ นี ้ จะต้องใช้ฟิ ลเลอร์เกจ 2 ใบ คือ ใบที่ 9 และ ใบท่ี 1 เพราะใบทงั้ 2 นาค่าความหนา ของใบยอ่ ยมารวมกนั จะได้ 0.241 มม. ตามท่ีต้องการ
Search