นางสาวทิพาวรรณ อินแปง อนบุ าล 2 -3 โรงเรียนวดั คนั โช้ง สพป. พล. เขต 3
คานา การจัดกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม เป็นกิจกรรมท่ีครอบคลุมการพัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ พัฒนากล้ามเน้ือเล็ก พฒั นาอารมณ์ จิตใจ และ ปลูกฝังคุณธรรม พัฒนาสังคมนิสัย พัฒนาการคิด พัฒนาภาษา และส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก เป็นการจัด ประสบการณ์แบบบูรณาการท่ีสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย และหลักการทางานของสมองอย่างชัดเจน แม้ว่าจะเป็นแนว ทางการจดั ประสบการณ์ทม่ี ีมานานมากแล้วก็ตาม หากครูจดั ได้ถูกตอ้ ง และครบถ้วนอย่างสม่าเสมอย่อมนาไปสกู่ ารทาให้เด็กกระตอื รอื ร้นใฝ่ รู้ใฝ่เรียน และเกิดแรงจูงใจในการเรียน เด็กได้รับการพัฒนาท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ครบทุกด้าน ช่วยเกิดการ พัฒนาแบบองคร์ วม ทั้งสาระการเรียนรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์สาคัญ ช่วยเพิ่มพูนความสามารถในการจา การคิด และการแก้ปัญหา และ ช่วยให้เด็กมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้ รวมท้ังคุณธรรมและจริยธรรมควบคู่กันไป เด็กจะสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยความรู้น้ันเป็น ความรู้ทีค่ งทนไม่ลบเลือนไปโดยง่าย ดังน้ัน ผู้จัดทาจึงได้ศึกษากิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กปฐมวัยเพื่อเป็นการเผยแพร่ถึงความสาคัญในการจัดกิจกรรมทั้งหมดน้ี และเพอื่ เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนของผู้ทีส่ นใจ ทพิ าวรรณ อินแปง ก
สารบญั คานา ก สารบัญ ข กิจกรรมเสรี 1 กิจกรรมสรา้ งสรรค์ 2 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจงั หวะ 3 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ 4 กิจกรรมกลางแจ้ง 5 กิจกรรมเกมการศึกษา 6 บรรณานุกรม 7 ข
1. กิจกรรมเสรี เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กเล่นกับส่ือและเคร่ืองเลน่ อย่างอิสระตามมุมเล่น หรือมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนท่ีจัดไว้ โดยให้เด็ก มีโอกาสเลือกเล่นได้อย่างเสรีตามความสนใจและความต้องการของเด็ก ท้ังเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม ลักษณะของการเล่นของเด็กมีหลายลักษณะ เช่น การเล่นบทบาทสมมตแิ ละเล่นเลยี นแบบ ในมุมบา้ น มุมหมอ มุมร้านค้า มมุ วัด มุมเสริมสวย ฯลฯ การอา่ นหรอื ดูภาพในมุมหนังสอื การเล่นสรา้ งในมุมบล็อก การสังเกตและทดลองในมุมวิทยาศาสตร์หรอื มุมธรรมชาติ การเลน่ ฝึกทกั ษะตา่ งๆ ในมุมเครอ่ื งเล่นสัมผสั หรือมุมของเลน่ หรอื มมุ เกมการศึกษาเป็นต้น การจดั กิจกรรมเสรหี ากครูจัดมุมเลน่ โดยจดั วางวสั ดอุ ุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมกับวัย ไม่ทา้ ทาย หรอื ไม่เคยเปล่ียนแปลงอะไรเลยย่อมทาให้เด็กเสียโอกาส ในการเรียนรู้ เพราะสมองจะเรียนรู้ไดด้ ีเมือ่ มีสง่ิ จูงใจทช่ี ักนาให้สมองสนใจผลิตความรู้ สมองจะมีกระบวนการเลือกคัดกรองเฉพาะสิ่งท่นี ่าสนใจเท่าน้ันเข้าสู่ การรับรู้ของ 1
2. กิจกรรมสรา้ งสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ชว่ ยให้เดก็ ไดแ้ สดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดริเริ่มสร้างสรรคแ์ ละจนิ ตนาการโดยใช้ศิลปะ เช่น การเขียน ภาพ การปน้ั การฉีกปะ ตัดปะ การพมิ พ์ภาพ การรอ้ ย การประดษิ ฐ์ หรือวิธีการอน่ื ๆ ทเ่ี ดก็ ได้คดิ สรา้ งสรรค์ ไดร้ ับรเู้ กย่ี วกบั ความงาม และได้แสดงออกทาง ความรู้สึก และความสามารถของตนเอง การจัดกิจกรรมสรา้ งสรรคค์ วรจดั ให้เดก็ ทาทกุ วนั โดยอาจจัดวันละ 3-5 กิจกรรม ให้เดก็ เลือกทาอย่างนอ้ ย 1-2 กิจกรรมตามความสนใจ การจะพฒั นาด้านศลิ ปะและการสร้างสรรคใ์ ห้เดก็ ตอ้ งเข้าใจวา่ ศิลปะคอื กระบวนการที่สมองถอดความคิดออกมาเปน็ ภาพ และช้ินงานต่างๆ กระบวนการพัฒนาศิลปะและการสร้างสรรค์ของเด็กจงึ เนน้ ให้เดก็ คิดและลงมือทาออกมา เมือ่ เด็กทางานศิลปะเด็กจะเกิดการเชื่อมโยงในสมอง คดิ จินตนาการ และผลโดยตรงที่เด็กไดร้ ับ คอื ความรู้สึกพอใจ มีความสุข และได้สมั ผัสสุนทรยี ะของโลกตั้งแตว่ ยั เยาว์ 2
3. กิจกรรมเคลือ่ นไหวและจงั หวะ เปน็ กิจกรรมที่จัดให้เด็กไดเ้ คลอ่ื นไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างอิสระตามจงั หวะ โดยใช้เสียงเพลง คาคล้องจอง เคร่อื ง เคาะจงั หวะ หรอื อุปกรณ์อื่นๆมาประกอบการเคลือ่ นไหว เพ่อื สง่ เสรมิ ให้เด็กเกดิ จนิ ตนาการ ความคิดสรา้ งสรรค์ เดก็ วยั น้รี า่ งกายกาลงั อยู่ในระหว่างพัฒนา การใช้ส่วนตา่ งๆ ของร่างกายยงั ไม่ผสมผสานหรือประสานสัมพนั ธก์ นั อย่างสมบรู ณ์ การทากจิ กรรมเคลื่อนไหวและจงั หวะช่วยให้เดก็ เรียนรจู้ ังหวะและ ควบคมุ การเคลื่อนไหวของตนเองได้ สมองส่วนท่รี บั ผิดชอบหลักเก่ยี วกบั การจัดสมดลุ ของร่างกาย คือ สมองเลก็ หรือซีรีเบลลม่ั (Cerebellum) การกระตนุ้ สมรรถนะของสมองส่วนนจี้ ะ สง่ ผลต่อการพฒั นาความสามารถในด้านการรบั ขอ้ มลู จากสง่ิ แวดลอ้ มไปดว้ ยพร้อมๆ กัน ชว่ งปฐมวัยเป็นช่วงเวลาที่ดีทีส่ ุดในการพัฒนาทกั ษะเกี่ยวกับการ เคลอ่ื นไหวส่วนต่างๆ ซึ่งจะชว่ ยพฒั นาระบบความสมั พันธ์ของประสาทสัมผสั เด็กต้องพัฒนาความสามารถในการใช้ตา มือ เทา้ และประสาทรับความรู้สึก ตา่ งๆ ให้สัมพนั ธก์ นั 3
4. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เปน็ กิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เดก็ ได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ ฝึกการทางานและอยู่รว่ มกนั เป็นกลุ่มท้ังกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมทีจ่ ัดมุ่งฝึกให้เดก็ ได้มีโอกาสฟงั พดู สังเกต คิดแก้ปัญหา ใช้เหตุผล และฝึกปฏิบัตเิ พ่อื ให้เกิดความคิดรวบยอดเก่ียวกบั เรอ่ื งที่เรียน โดยจัดกิจกรรม ดว้ ยวิธีต่างๆ เช่น สนทนา อภิปราย เลา่ นทิ าน สาธิต ทดลอง ศึกษานอกสถานท่ี เลน่ บทบาทสมมติ ร้องเพลง เล่นเกม ทอ่ งคาคลอ้ งจอง ประกอบอาหาร เชญิ วทิ ยากรมาพูดคุยกับเด็ก ฯลฯ กระบวนการให้สมองเรยี นรู้ที่จะให้ความหมายสง่ิ ที่เหน็ สง่ิ ทีเ่ ผชิญ ตคี วาม และสรา้ งความเชื่อมโยงระหว่างสง่ิ ต่างๆ ทร่ี ับรมู้ า เป็นการพฒั นา กระบวนการคดิ ของเด็ก ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลจากการรบั รขู้ องสมองจานวนมาก ถ้าไม่มีข้อมูลในความทรงจา กไ็ ม่สามารถคิดอะไรออกมาได้ ดงั น้ัน กระบวนการพัฒนาการคดิ ของของเด็กจึงต้องมุ่งเน้นให้เดก็ ได้มีประสบการณ์ที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสทง้ั ห้า สง่ิ ทีก่ ่อรูปในการคิดของเดก็ เริม่ ตน้ ท่ีการจับตอ้ ง สมั ผัส และมีประสบการณ์โดยตรง สมองรบั รผู้ ่านประสาทสัมผสั ทงั้ ห้า แล้วกอ่ รปู เป็นวงจรแห่งการคดิ ขึ้นมาในสมอง ประสบการณ์ของเดก็ ผ่านการสัมผสั การชมิ การดมกลิ่น การได้ยิน และการเห็น จึงเป็นพ้นื ฐานของการสรา้ งความหมายให้แก่สิ่งต่างๆ 4
5. กิจกรรมกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้มีโอกาสออกไปนอกห้องเรียนเพ่ือออกกาลัง เคล่ือนไหวร่างกายและแสดงออกอย่างอสิ ระ โดยยึดความ สนใจและความสามารถของเด็กแต่ละคนเปน็ หลัก กิจกรรมกลางแจ้งทีค่ วรจัดให้เด็กไดเ้ ล่น เช่น การเลน่ เคร่อื งเล่นสนามทีเ่ ดก็ ไดป้ ีนป่าย โยกหรือไกว หมนุ โหน เดินทรงตัว หรอื เล่นเครอ่ื งเลน่ ล้อเลื่อน การเลน่ ทราย การเล่นน้า การเลน่ สมมตใิ นบ้านจาลอง การเลน่ ในมุมช่างไม้ การเลน่ กบั อปุ กรณ์กฬี า การเลน่ เกมการละเล่น ฯลฯ การพฒั นาดา้ นการเคลื่อนไหวของร่างกาย เปน็ การพัฒนาโครงสรา้ งทั้งระบบของร่างกายที่ใช้ในการควบคุมสั่งการตัวเอง และการรบั ข้อมลู จาก ส่งิ แวดลอ้ ม กระบวนการพฒั นาร่างกายและการเคล่อื นไหวของเด็กจาเป็นต้องได้รับการกระตุ้นอย่างเตม็ ที่ เพ่อื ให้รา่ งกายทกุ ส่วนทงั้ กล้ามเน้อื มัดใหญ่และ กล้ามเน้อื มัดเล็กให้ทางานอย่างมีประสทิ ธภิ าพ กระบวนการเหลา่ นี้ต้องเน้นให้เดก็ ได้ใช้งานร่างกายให้ครบถ้วน และพฒั นาจนมีสมรรถนะดเี ต็มตามศักยภาพ ของเด็ก 5
6. กิจกรรมเกมการศึกษา เปน็ เกมการเลน่ ทช่ี ่วยพัฒนาสติปญั ญา มีกฎเกณฑ์กติกาง่ายๆ เดก็ สามารถเล่นคนเดียว หรือเลน่ เป็นกลมุ่ กไ็ ด้ ช่วยให้เด็กรู้จัก สงั เกต คดิ หาเหตผุ ล และเกดิ ความคิดรวบยอดเกีย่ วกบั สี รูปรา่ ง จานวน ประเภท และความสัมพนั ธเ์ ก่ยี วกบั พ้ืนท่/ี ระยะ เกมการศึกษาทเ่ี หมาะสมสาหรบั เด็กปฐมวยั เชน่ เกมจบั คู่ เกมแยกประเภท จดั หมวดหมู่ เรียงลาดับ โดมิโน ลอตโต ภาพตัดตอ่ ฯลฯ การให้เด็กเล่นเกมการศึกษาเป็นกจิ กรรมที่ช่วยพัฒนาสมองด้านการคิด เมื่อเซลสส์ มองถกู กระตุ้นด้วยสัญญาณตา่ งๆ เกดิ เปน็ ข้อมูลจานวนมาก การคดิ จะ สรา้ งความสัมพันธ์ระหว่างข้อมลู เหล่าน้ันซึ่งจะกลายเป็นข้อมลู ใหม่อีกชนิ้ หนึง่ ซึง่ ซบั ซ้อนขนึ้ การท่ีเดก็ เล่นเกมการศึกษาจงึ เป็นการกระตุ้นให้สมองไดจ้ ดั ความสมั พันธ์ของขอ้ มูลท่มี ีอยู่เดมิ ทาให้เกิดความสมั พันธ์ของขอ้ มูลแบบใหม่ เมื่อเกิดซา้ ๆ กัน ก็จะเกดิ ความคงตวั ในวงจรร่างแหของเซลส์สมองนั่นเอง 6
บรรณานุกรม http://www.nareumon.com/index.php?option=com_content&task=view&id=19&Itemid=50&limit=1&limitstart=2 7
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: