ประวตั คิ วามเป็ นมาของเมอื งแพร่ เมืองแพร่เป็ นเมืองโบราณสร้างมาชา้ นานแลว้ ต้งั แต่อดีตกาล แต่ยงั ไม่ปรากฏหลกั ฐานแน่ชดั วา่ สร้างข้ึน ในสมยั ใดและใครเป็ นผสู้ ร้าง เมืองแพร่เป็ นเมืองที่ไม่มีประวตั ิของตนเองหรือจารึกไวใ้ นท่ีใดๆโดยเฉพาะ นอกจากปรากฏในตานานพงศาวดาร และจารึกของเมืองอ่ืนๆ บา้ งเพียงเล็กน้อย เช่น หลกั ฐานจากตานาน เมืองเหนือ พงศาวดารโยนก และศิลาจารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง เมืองแพร่น่าจะสร้างยคุ เดียวกนั กบั กรุงสุโขทยั เชียงใหม่ ลาพนู พะเยา น่าน ซ่ึงบา้ นเมืองของเมืองแพร่ ในยคุ น้นั คงไมก่ วา้ งขวางและมีผคู้ นมากมายเหมือน ปัจจุบนั เมืองแพร่มีช่ือเรียกกนั หลายอยา่ ง ตานานเมืองเหนือเรียกวา่ \"พลนคร\" หรือ \"เมืองพล\" ในสมยั ขอมเรืองอานาจ ราว พ.ศ. 1470 - 1540 น้นั พระนางจามเทวีไดแ้ ผ่อานาจเขา้ ครอบครอง ดินแดนในเขตลานนา และไดเ้ ปล่ียนช่ือเมืองในเขตลานนาเป็นภาษาเขมร เช่น ลาพนู เป็ น หริภุญไชย น่าน เป็ นนนั ทบุรี เมืองแพร่เป็ นโกศยั นคร หรือนครโกศยั ช่ือที่ปรากฏในศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหง เรียกว่า \"เมืองพล\" และไดก้ ลายเสียงตามหลกั ภาษาศาสตร์เป็ น \"แพร่\" ชาวเมืองนิยมออกเสียงว่า \"แป้ \" เมืองแพร่ สมยั ก่อนกรุงสุโขทยั พ.ศ. 1654-พ.ศ. 1773 พงศาวดารโยนก กล่าวถึงเมืองแพร่วา่ \"จุลศกั ราช 461 (พ.ศ. 1654) ขนุ จอมธรรมผคู้ รองเมืองพะเยา เม่ือครองเมืองพะเยาได้ 3 ปี ก็เกิดโอรสองคห์ น่ึง ขนานนามวา่ เจ๋ือง ต่อมาไดเ้ ป็ น ขนุ เจ๋ือง\" พอขุนเจื๋องอายุ ได้ 16 ปี ไปคลอ้ งชา้ ง ณ เมืองน่าน พระยาน่านตนช่ือวา่ \"พละเทวะ\" ยกราชธิดาผชู้ ่ือวา่ นางจนั ทร์เทวใี หเ้ ป็ น ภรรยาขนุ เจ๋ือง เมืองแพร่เป็ นเมืองท่ีสร้างข้ึนแลว้ ในระหว่างจุลศกั ราช 421 - 461 (พ.ศ. 1614 - 1654) แต่คงเป็ น เมืองขนาดเลก็ และจะตอ้ งเล็กกวา่ เมืองพะเยาดว้ ย ในระหวา่ ง พ.ศ. 1655 - พ.ศ. 1773 เมืองแพร่อยใู่ นอานาจ การปกครองของขอมเพราะในระยะเวลาดงั กล่าว ขอมเรืองอานาจอยใู่ นอาณาจกั รลานนาไทย มีขอ้ น่าสงั เกต ว่าในระยะท่ีขอมเรืองอานาจไดเ้ ปลี่ยนชื่อเมืองแพร่เป็ นโกศยั นคร (โกศยั หมายถึงผา้ แพรเน้ือดี) แต่ไม่มี เหตุการณ์สาคญั อะไรปรากฏให้เห็น เมืองแพร่สมยั กรุงสุโขทยั (พ.ศ. 1773 - พ.ศ. 1922) พ.ศ. 1773 เมื่อขอม เส่ือมอานาจลง พ่อขุนบางกลางท่าวและขุนผาเมืองไดร้ วมเขา้ ดว้ ยกนั ยกเขา้ ตีกรุงสุโขทยั ซ่ึงตอนน้นั เป็ น เมืองหนา้ ด่านของขอม พอ่ ขุนบางกลางท่าวประกาศตนเป็ นอิสระ ยกเมืองสุโขทยั เป็ นราชธานีของเมืองไทย หวั เมืองต่างๆ ในเขตลานนา ไดแ้ ก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลาพนู พะเยา ลาปาง แพร่ น่าน จึงตา่ งเป็นอิสระไมย่ อมข้ึนแก่ใครได้ ขยายอาณาเขตออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง
Search
Read the Text Version
- 1 - 1
Pages: