Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคอมพิวเตอร์และการบำรุงรักษา

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคอมพิวเตอร์และการบำรุงรักษา

Published by sompongpok, 2021-04-02 05:24:25

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคอมพิวเตอร์และการบำรุงรักษา

Search

Read the Text Version

รูปที่ 1.2 หน่วยรบั ข้อมลู (ทีม่ า : www.nook–nisakorn.blogspot.com) 2. ห น่ ว ย ป ร ะ ม ว ลผ ลก ล า ง ( Central Processing Unit : CPU) หรือ เรียก โ ดยทั่ว ไ ป คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ทาหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูล เร่ิมต้นด้วยรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูลนามาทาการคานวณและ เปรียบเทียบ ตลอดดาเนนิ การควบคุมการปฏิบตั กิ ารให้เป็นไปตามได้รับคาสั่ง พรอ้ มทง้ั ประสานงานกับหน่วยท่ีเกยี่ วข้อง อ่นื เช่น หนว่ ยแสดงผล หน่วยความจา เพื่อให้การปฏบิ ตั ิการเป็นไปดว้ ยความเรียบร้อย รูปที่ 1.3 หน่วยประมวลผลกลาง (ที่มา : www.winboardgroup.com) 3. หนว่ ยเก็บขอ้ มูล (Storage) ซงึ่ สามารถแยกตามหน้าทีไ่ ด้เป็น 2 ลักษณะ คอื (1) ห น่ ว ย เ ก็ บ ข้ อ มู ล ห ลั ก ห รื อ ค ว า ม จ า ห ลั ก ( Primary Storage ห รื อ Main Memory) ทาหน้าที่เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูลเพื่อเตรียมส่งให้หนว่ ยประมวลผลกลางทาการประมวลผล และรับผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลเพื่อส่งออกหน่วยแสดงข้อมูลต่อไปซึ่งอาจแยกได้เป็น2 ประเภท คือ RAM (Random Access Memory) ทสี่ ามารถอา่ นและเขียนข้อมูลไดใ้ นขณะที่เปิดเครอื่ งอยู่แต่เม่อื ปดิ เครอ่ื งขอ้ มลู ใน RAM จะ หายไป ส่วน ROM (Read Only Memory) จะอ่านได้อย่างเดียว เป็นหน่วยความจาที่มีซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว หน่วยความจานีแ้ มไ้ ม่มีไฟเล้ียงแต่ข้อมูลจะไม่หายไป เช่น เก็บ BIOS (Basic Input Output system) โปรแกรมฝังไวใ้ ช้ ตอนเปิดเครอ่ื ง เพ่อื ใหเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์เร่ิมต้นทางาน เปน็ ต้น (2) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage) เป็นหน่วยท่ีทาหน้าท่ีเก็บข้อมูลหรือโปรแกรมทีจ่ ะ ป้อนเข้าสู่หน่วยความจาหลักภายในเคร่ืองก่อนทาการประมวลผลโดยซีพียูรวมทั้งเป็นที่บันทึกข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) DVD ตลอดจนแฟลชไดรฟ์ ที่มคี วามจุสงู ราคาประหยัด 4. หนว่ ยแสดงข้อมลู หรือเอาต์พุต (Output Unit) ทาหน้าทใี่ นการแสดงผลลัพธ์ท่ีได้จากการประมวลผล ได้แก่ จอภาพ และเคร่ืองพิมพ์ เป็นต้น ท้งั 4 สว่ นจะเชื่อมตอ่ กนั ดว้ ยบสั (Bus) 1.1.2 ซอฟตแ์ วร์ (Software)

ซอฟตแ์ วร์ คือ โปรแกรมหรอื ชดุ คาสง่ั ท่ีส่งั ใหฮ้ าร์ดแวรท์ างานรวมไปถงึ การควบคมุ การทางานของอุปกรณ์ แวดล้อมต่าง ๆ เชน่ ฮาร์ดดสิ กด์ ิสก์ไดรฟ์ ซีดีรอม อุปกรณต์ ่อพว่ งต่าง ๆ เปน็ ตน้ ซอฟต์แวร์เป็นสง่ิ ท่ีมองไม่เห็นจับต้อง ไม่ได้ แตร่ บั รกู้ ารทางานของมันไดซ้ ง่ึ ต่างกบั ฮารด์ แวร์ (Hardware) ทีส่ ามารถจับตอ้ งได้ ซ่งึ แบ่งเปน็ 2 ประเภทคือ 1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือโปรแกรมที่ใช้ในการควบคุมระบบการทางานของเคร่ือง คอมพิวเตอร์ท้ังหมดเช่น การบูทเคร่ือง การสาเนาข้อมูล การจัดการระบบของดิสก์ชุดคาส่ังที่เขียนเป็นคาส่ังสาเร็จรูป โดยผู้ผลิตเคร่ืองคอมพิวเตอร์และมีมาพร้อมแล้วจากโรงงานผลิต การทางานหรือการประมวลผลของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ข้ึนกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองระบบของซอฟต์แวร์เหล่าน้ี ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติควบคุมการทางานของ ฮารด์ ดสิ ก์ทุกอย่าง และอานวยความสะดวกแกผ่ ู้ใช้งาน แบง่ ออกเปน็ 4 ประเภท คือ (1) โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นโปรแกรมท่ีใช้ควบคุมและติดต่อกับอปุ กรณ์ ต่าง ๆ ของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ โดยเฉพาะการจัดการระบบของดสิ กก์ ารบริหารหน่วยความจาของระบบ กลา่ วโดยสรุปคือ หากจะทางานใดงานหน่ึงโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ ในการทางานแล้วจะต้องติดต่อกับซอฟต์แวร์ระบบก่อน ถ้า ขาดซอฟต์แวรช์ นิดนีจ้ ะทาใหเ้ ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ไม่สามารถทางานได้ตัวอยา่ งของซอฟต์แวรป์ ระเภทนี้ ได้แก่ โปรแกรม ระบบปฏิบตั กิ าร Unix Linux DOS และWindows เช่น 95, 98, me, 2000, NT, XP, Vista, 7, 8 เปน็ ตน้ (2) ตัวแปลภาษา (Translator) จาก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจากภาษาที่มนุษย์ เข้าใจ ให้เป็นภาษาทีเ่ ครอ่ื งเข้าใจเปรียบเสมอื นล่ามแปลภาษา) เปน็ ซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ชใ้ นการแปลภาษาระดบั สูง ซ่งึ เปน็ ภาษา ใกล้เคียงภาษามนุษย์ ให้เป็นภาษาเครื่องก่อนที่จะนาไปประมวลผลตัวแปลภาษาแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พีทเตอร์ (Interpeter) คอมไพเลอร์จะแปลคาส่ังในโปรแกรมท้ังหมดกอ่ นแล้วทา การลิง้ (Link) เพ่อื ให้ไดค้ าสั่งที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจสว่ นอินเตอรพ์ ีทเตอร์จะแปลทีละประโยคคาส่งั แล้วทางานตาม ประโยคคาสั่งนั้นการจะเลือกใช้ตัวแปลภาษาแบบใดนั้นจะข้ึนอยู่กบั ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม ซึ่งมี 2 แบบได้แก่ ภาษาแบบโครงสร้าง เช่น ภาษาเบสิก (Basic) ภาษาปาสคาล (Pascal) ภาษาซี (C) ภาษาจาวา (Java) ภาษาโคบอล (Cobol) ภาษา SQL ภาษา HTML เปน็ ตน้ ภาษาแบบเชิงวตั ถุ (Visual หรอื Object Oriented Programming) เชน่ Visual Basic,Visual C หรอื Delphi เปน็ ต้น (3) ยูติลิต้ี โปรแกรม (Utility Program) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้อานวยความสะดวกให้เคร่อื งคอมพิวเตอร์ สามารถทางานได้สะดวกรวดเร็ว และชว่ ยเพิม่ ประสิทธิภาพการทางานได้ดีขน้ึ เช่น ช่วยในการสารองขอ้ มูลในฮาร์ดดิสก์ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมูลจดั ระเบียบของข้อมลู ในฮาร์ดดิสก์ เปน็ ต้นโปรแกรมในกลุ่มนี้ เช่น Scandisk, Disk Fragmentation (4) ติดต้ังและปรับปรุงระบบ (Diagnostic Program) เป็นซอฟต์แวร์ช่วยทาหน้าท่ีตรวจสอบ ข้อผิดพลาดในการทางานของอปุ กรณ์ต่าง ๆ และเม่ือพบข้อผิดพลาดจะแจ้งข้ึนบนหนา้ จอภาพ โปรแกรมในกลุ่มน้ี เช่น NORTON QAPLUS 2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ทาให้คอมพิวเตอร์ ทางานตา่ ง ๆ ตามท่ีผู้ใชต้ อ้ งการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเกบ็ ข้อมูล เป็นต้นซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์สามารถจาแนก ได้เปน็ 2 ประเภท คอื (1) ซอฟต์แวร์สาหรบั งานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software) คอื โปรแกรมซ่งึ เขียนขึ้นเพ่ือการ ทางานเฉพาะอย่างท่ีเราต้องการบางท่เี รียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทาบญั ชีจ่ายเงินเดือนโปรแกรมระบบ เช่าซ้ือ โปรแกรมการทาสินค้าคงคลัง เป็นต้นซ่ึงแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงือ่ นไขหรือแบบฟอร์มแตกต่างกนั ออกไปตาม ความตอ้ งการหรอื กฎเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานท่ีใช้ ซึง่ สามารถดดั แปลงแกไ้ ขเพิม่ เตมิ (Modifications) ในบางส่วนของ โปรแกรมไดเ้ พือ่ ให้ตรงกบั ความต้องการของผู้ใช้และซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตท์ ี่เขียนขนึ้ น้โี ดยสว่ นใหญม่ ักใชภ้ าษาระดบั สูงเป็น ตวั พัฒนา

(2) ซอฟต์แวร์สาหรับงานทั่วไป (General Purpose Software) เป็นโปรแกรมประยุกต์ท่ีมีผู้จัดทาไว้ เพอื่ ใชใ้ นการทางานประเภทต่าง ๆ ท่ัวไป โดยผู้ใชค้ นอ่นื ๆ สามารถนาโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใชก้ ับขอ้ มูลของได้แต่จะไม่ สามารถทาการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ดังนนั้ การใช้โปรแกรมสาเร็จรูปจึงเป็นสิ่งท่ีอานวยความสะดวกและเป็น ประโยชน์อยา่ งย่ิง ตัวอยา่ งโปรแกรมสาเรจ็ รูปทนี่ ยิ มใช้ ไดแ้ ก่MS–Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ 1.1.3 บคุ ลากร บุคลากร (People ware) บุคลากรจะเป็นสิ่งสาคัญท่ีจะเป็นตัวกาหนดถึงประสิทธิภาพถึงความสาเร็จและ ความคุม้ ค่าในการใชง้ านคอมพวิ เตอรซ์ งึ่ สามารถแบ่งบุคลากรตามหน้าที่เกีย่ วขอ้ งตามลกั ษณะงานได้ 6 ด้าน ดังน้ี 1. นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (Systems Analyst and Designer : SA) ทาหน้าที่ศึกษาและ รวบรวมความต้องการของผู้ใช้ระบบและทาหน้าที่เป็นส่ือกลางระหว่างผู้ใชร้ ะบบและนักเขยี นโปรแกรม (Programmer) หรือปรบั ปรุงคณุ ภาพงานเดมิ นักวิเคราะห์ระบบตอ้ งมคี วามรู้เกี่ยวกบั ระบบคอมพวิ เตอร์ พ้ืนฐานการเขียนโปรแกรมและ ควรจะเปน็ ผมู้ คี วามคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรคม์ ีมนุษย์สมั พนั ธ์ที่ดี 2. โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ บุคคลท่ีทาหน้าท่ีเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ (Software) หรือเขียน โปรแกรมเพอ่ื สัง่ งานให้เคร่อื งคอมพิวเตอร์ทางานตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้ เขยี นไว้ 3. ผู้ใช้ (User) เป็นผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบัติหรือกาหนดความต้องการในการใช้ระบบ คอมพิวเตอร์ว่าทางานอะไรได้บ้าง ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปจะต้องเรียนรู้วธิ ีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งานโปรแกรม เพอื่ ให้โปรแกรมทม่ี อี ยู่สามารถทางานไดต้ ามทตี่ อ้ งการ 4. ผู้ปฏิบัติการ (Operator) สาหรับระบบขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม จะต้องมีเจ้าหน้าท่ีคอมพิวเตอร์ท่ี คอยปิดและเปิดเคร่ือง และเฝ้าดูจอภาพเม่ือมีปัญหาซงึ่ อาจเกดิ ขัดข้องจะต้องแจ้ง System Programmer ซ่ึงเป็นผู้ดแู ล ตรวจสอบแก้ไขโปรแกรมระบบควบคมุ เครื่อง (System Software) อกี ทีหนง่ึ 5. ผู้บรหิ ารฐานขอ้ มูล (Database Administrator : DBA) กล่มุ บุคคลที่ทาหนา้ ท่ีดูแลขอ้ มูลผ่านระบบ จัดการฐานข้อมูลซ่ึงจะควบคุมให้การทางานเป็นไปอย่างราบร่ืนนอกจากน้ียังทาหน้าที่กาหนดสิทธิการใช้งานข้อมูล กาหนดในเรื่องความปลอดภัยของการใช้งานพร้อมท้ังดูแลดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร(์ Database Server) ให้ทางานอย่างปกติ ด้วย 6. ผจู้ ดั การระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอรใ์ หเ้ ป็นไปตามเป้าหมายของ หน่วยงาน เปน็ ผทู้ ี่มคี วามหมายตอ่ ความสาเรจ็ หรือล้มเหลวของการนาระบบคอมพวิ เตอรเ์ ข้ามาใชง้ านเป็นอยา่ งมาก 1.1.4 ข้อมลู และสารสนเทศ 1. ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วใช้ตัวเลขตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ทาความหมายแทนส่งิ เหล่าน้ัน เช่น คะแนนสอบของนกั เรียน, อายขุ องพนักงานในบริษทั , ราคาขายของหนงั สือในร้าน หนงั สอื และคาตอบท่ผี ถู้ ูกสารวจตอบในแบบสอบถาม 2. สารสนเทศ (Information) หมายถงึ ข้อสรปุ ต่าง ๆ ทไี่ ด้จากการนาข้อมลู มาทาการวเิ คราะห์ หรือผ่าน วิธีการที่ ได้กาหนดข้ึนทั้งน้ีเพ่ือนาข้อสรุปไปใช้งานหรืออ้างอิง เช่น เกรดเฉล่ียของนักเรียน, อายุเฉล่ียของพนักงานใน บรษิ ทั , ราคาขายสูงสดุ ของหนงั สือในรา้ นหนงั สือและข้อสรปุ จากการสารวจคาตอบในแบบสอบถาม 1.1.5 กระบวนการทางาน

กระบวนการทางาน (Procedure) องค์ประกอบด้านน้ีหมายถึงกระบวนการทางานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตาม ต้องการในการทางานกับคอมพิวเตอรผ์ ู้ใช้จาเป็นต้องทราบข้ันตอนการทางานเพอื่ ให้ได้งานทีถ่ ูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึง่ อาจจะมขี ั้นตอนสลบั ซับซ้อนหลายขั้นตอนดงั นน้ั จึงมีความจาเปน็ ต้องมคี ู่มอื ปฏิบตั ิงาน เชน่ คมู่ ือผู้ใช้ (user manual) หรือคูม่ ือผู้ดแู ลระบบ (operation manual) เปน็ ต้น 1.2.1 จอภาพ จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์แสดงผลท่ีมีความสาคัญมากท่ีสุดเพราะจะติดต่อโดยตรงกับผู้ใช้ชนิดของ จอภาพทใ่ี ช้ในเครอื่ งพซี โี ดยทว่ั ไปจะแบ่งไดเ้ ป็น 3 ประเภท คือ รูปที่ 1.4 จอภาพแบบนนู หรือจอซีอารท์ ี (CRT) (ทม่ี า : http://phototrw.blogspot.com) รปู ท่ี 1.5 จอภาพแบบแบนหรอื จอแอลซดี ี (LCD) รปู ท่ี 1.6 จอภาพแบบแบนหรือจอแอลอีดี (LED) (ที่มา : http://www.plazathai.com) (ทมี่ า : http://www.lazada.co.th) 1.2.2 เคส เคส (Case) คอื โครงหรอื กล่องสาหรบั ประกอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอรไ์ วภ้ ายในการเรียกช่ือ และ ขนาดของเคสจะแตกต่างกนั ออกไปซ่ึงในปัจจุบันมหี ลายแบบท่ีนยิ มกนั แล้วแต่ผู้ซือ้ สามารถเลือกซื้อตามความเหมาะสม ของงานและสถานท่ีนน้ั

รปู ที่ 1.7 เคส (case) (ท่มี า : http://notebookspec.com) 1.2.3 พาวเวอร์ซพั พลาย พาวเวอร์ซพั พลาย (Power Supply) เป็นอุปกรณ์ท่ที าหน้าที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กบั ช้นิ สว่ นอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ ซงึ่ ถ้าคอมพิวเตอรม์ ีอุปกรณ์ตอ่ พ่วงจานวนมาก เชน่ ฮาร์ดดิสกซ์ ีดรี อมไดรฟ์ ดีวดี ีไดร์ฟควรเลอื กพาวเวอร์ซัพ พลายที่มีจานวนวตั ตส์ ูงเพื่อใหส้ ามารถ จา่ ยกระแสไฟได้เพียงพอ รปู ที่ 1.8 Power Supply (ทมี่ า : www.savetechcomputer.com) 1.2.4 คยี ์บอร์ด (Keyboard) คีย์บอร์ด (Keyboard) เป็นอุปกรณ์ในการรับข้อมูลท่ีสาคัญที่สุด มีลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์ของเคร่ือง พิมพ์ดีด มีจานวนแป้น 84–105 แป้น ขึ้นอยู่กับแป้นท่ีเป็นกลุ่มตัวเลข (Numeric keypad) กลุ่มฟังก์ชัน (Function keys) กลุ่มแป้นพิเศษ (Special–purpose keys) กลุ่มแป้นตัวอักษร (Typewriter keys) หรือกลุ่มแป้นควบคุมอ่ืน ๆ (Control keys) ซงึ่ การสั่งงานคอมพิวเตอร์และการทางานหลาย ๆ อยา่ งจาเปน็ ตอ้ งใชแ้ ปน้ พมิ พเ์ ป็นหลัก รูปท่ี 1.9 Keyboard (ทีม่ า : www.ict456.com) 1.2.5 เมาส์ เมาส์ (Mouse) อุปกรณร์ ับขอ้ มลู ทีน่ ิยมรองจากคยี บ์ อร์ด เมาสจ์ ะชว่ ยในการบง่ ชีต้ าแหน่งว่าขณะน้กี าลังอยู่ ณ จุดใดบนจอภาพเรียกวา่ ตวั ชีต้ าแหน่ง (Pointer) ซึ่งอาศยั การเลอ่ื นเมาส์ แทนการกดป่มุ บงั คับทศิ ทางบนคีย์บอร์ด

รปู ที่ 1.10 Mouse (ทีม่ า : http://notebookspec.com) 1.2.6 เมนบอรด์ เมนบอร์ด (Main board) แผ่นวงจรไฟฟ้าแผ่นใหญ่ท่ีรวมเอาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ท่ีสาคัญ ๆมาไว้ดว้ ยกัน ซง่ึ เป็นส่วนที่ควบคุม การทางานของ อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ภายในพชี ที ัง้ หมดมลี กั ษณะเป็นแผ่น รปู ร่างส่เี หล่ยี มแผ่นที่ใหญ่ที่สุด ในพีชซี ่ึงจะรวบรวมเอาชปิ และไอชี (IC = Integrated Circuit) รวมท้ังการ์ดตอ่ พว่ งอืน่ ๆ เอาไว้ด้วยกนั บนบอรด์ เพยี งอัน เดียวเคร่อื งพชี ีทุกเคร่ืองไมส่ ามารถทางานได้ถ้าขาดเมนบอรด์ รูปท่ี 1.11 Mainboard (ทม่ี า : http://thai.alibaba.com) 1.2.7 ซีพยี ู (CPU) หรือหน่วยประมวลผลกลาง ซีพียู (CPU) หรือหน่วยประมวลผลกลาง เรียกอีกชื่อหน่ึงว่าโปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (chip) นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความสาคัญมากท่ีสุดของฮาร์ดแวร์เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลจากข้อมูลท่ีผู้ใช้ป้อนเข้ามาทาง อุปกรณ์นาเข้าข้อมูลตามชุดคาส่ังหรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานหน่วยประมวลผลกลาง ประกอบด้วยส่วนสาคัญ 3 ส่วน คอื 1. หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic & Logic Unit: ALU) หน่วยคานวณตรรกะ ทาหน้าที่ เหมือนกับเครอื่ งคานวณอยู่ในเครือ่ งคอมพวิ เตอร์โดยทางานเกี่ยวกบั การคานวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คณู หาร อีกท้ังยังมีความสามารถอีกอย่างหน่ึงท่ีเครื่องคานวณธรรมดาไม่มี คือความสามารถในเชิงตรรกะศาสตร์ หมายถึง ความสามารถในการเปรยี บเทยี บตามเง่อื นไขและกฎเกณฑท์ างคณิตศาสตรเ์ พอ่ื ให้ไดค้ าตอบออกมาว่าเงอ่ื นไข นัน้ เปน็ จรงิ หรือเทจ็ ได้ 2. หนว่ ยควบคมุ (Control Unit) หนว่ ยควบคุม ทาหนา้ ทีค่ วบคมุ ลาดับขน้ั ตอนการประมวลผลรวมไปถึง การประสานงานกับอุปกรณ์นาเข้าข้อมูล อุปกรณ์แสดงผลและหน่วยความจาสารองด้วย ตัวอย่างซีพียูท่ีมีจาหน่ายใน ท้องตลาด ไดแ้ ก่ Intel Core i5–3439Y and Core i7–3689Y

รูปที่ 1.12 CPU (ท่ีมา : http://android.16mb.com) 1.2.8 การด์ แสดงผล การ์ดแสดงผล (Display Card) การ์ดแสดงผลใช้สาหรับเก็บข้อมูลท่ีได้รับมาจากซีพียูโดยท่ีการ์ดบางรุ่น สามารถประมวลผลได้ในตัวการ์ดซ่ึงจะช่วยแบง่ เบาภาระการประมวลผลให้ซพี ียูจึงทาใหก้ ารทางานของคอมพิวเตอร์นัน้ เร็วขน้ึ หลกั การทางานพน้ื ฐานของการด์ แสดงผลจะเร่มิ ตน้ ขึน้ เมื่อโปรแกรมตา่ ง ๆ ส่งข้อมูลมาประมวลผลที่ ซีพียเู มือ่ ซีพยี ู ประมวลผลเสร็จแล้ว จะส่งขอ้ มูลท่ีจะนามาแสดงผลบนจอภาพมาท่กี าร์ดแสดงผล จากนัน้ การด์ แสดงผล กจ็ ะสง่ ขอ้ มูลนี้ มาท่ีจอภาพ ตามข้อมูลที่ได้รบั มาการ์ดแสดงผลร่นุ ใหม่ ๆ ท่ีออกมาสว่ นใหญ่ ก็จะมีวงจรในการเร่งความเรว็ การแสดงผล ภาพสามมติ ิ และมีหน่วยความจามาให้มากพอสมควร รูปที่ 1.13 การด์ แสดงผล (ทีม่ า : http://it.excise.go.th/review1.htm) 1.2.9 แรม แรม (RAM) ย่อมาจากคาวา่ Random–Access Memory เปน็ หน่วยความจาหลกั แต่ไม่ถาวรซ่งึ จะต้องมีไฟ มาหล่อเลี้ยงอุปกรณต์ ลอดในการทางานโดยถ้าเกิดไฟฟ้ากระพรบิ หรอื ดับข้อมูลท่ีถูกบันทกึ ไวใ้ นหนว่ ยความจาจะหายไป ทันทีโดยหลักการทางานคร่าว ๆ ของแรมนั้นเร่ิมต้นที่รับข้อมูลจากผู้ใช้ผ่านอุปกรณ์ Input จากนั้นก็จะส่งข้อมูลไปยัง CPU ในการประมวลผล เม่ือ CPU ประมวลผลเสร็จแล้วแรมจะรับข้อมูลที่ได้รับการประมวลผลแล้ว ออกไปยังอุปกรณ์ Output ต่อไปโดยหน่วยความจาแรมทใี่ ช้ในปัจจุบันมีหลายชนิด เชน่ SDRAM, DDR–RAM, RDRAM

รปู ที่ 1.14 แรม SDRAM, DDR–RAM, RDRAM, DDR2, DDR3, DDR4 (ที่มา : www.mistermart.com) 1.2.10 ฮารด์ ดสิ ก์ ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ในการเก็บข้อมูลหรือโปรแกรมต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์โดย ฮารด์ ดิสค์จะมีลักษณะเป็นรูปสีเ่ หลี่ยมทม่ี ีเปลือกนอกเป็นโลหะแข็งและมแี ผงวงจรสาหรับการควบคุมการทางานประกบ อยู่ที่ด้านล่างพร้อมกับช่องเสียบสายสัญญาณและสายไฟเล้ียงส่วนประกอบภายในจะถูกปิดผนึกไว้อย่างมิดชิดโดย ฮาร์ดดิสกส์ ่วนใหญ่จะประกอบดว้ ยแผ่นจานแมเ่ หล็ก (platter) สองแผ่นหรือมากกว่ามาจดั เรียงอยู่บนแกนเดียวกันเรยี ก Spindle ทาให้แผ่นแม่เหล็กหมุนไปพร้อม ๆ กนั จากการขับเคลื่อนของมอเตอร์แต่ละหน้าของแผ่นจานจะมีหวั อ่านเขียน ประจาเฉพาะโดยหัวอ่านเขียนทุกหัวจะเช่ือมติดกนั คล้ายหวีสามารถเคลื่อนเข้าออกระหว่างแทรก็ ต่าง ๆ อย่างรวดเร็วซ่ึง อนิ เตอรเ์ ฟสของฮารด์ ดิสกท์ ใ่ี ชใ้ นปัจจุบนั รูปที่ 1.15 ฮารด์ ดิสกแ์ บบ SATA และ IDE (ทมี่ า : http://www.riverplus–ipc.com/storage.html) 1.2.11 CD–ROM/CD–RW/DVD/DVD–RW CD–ROM/CD–RW/DVD/DVD–RW เปน็ ไดรฟ์ สาหรับอ่านขอ้ มลู จากแผน่ ซดี ีรอม หรอื ดีวีดีรอมซึง่ ถา้ หาก ต้องการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นจะต้องใช้ไดร์ฟท่ีสามารถเขียนแผ่นได้ คือ CD–RW หรือ DVD–RW โดยความเร็วของ ซีดรี อมจะเรยี กเป็น X เชน่ 16X, 32X หรือ 52X โดยจะมี Interface เดยี วกับ Harddisk

รปู ท่ี 1.16 CD–ROM รูปที่ 1.17 CD–RW (ที่มา : www.pittjug.org) (ทมี่ า : http://web.yru.ac.th) รูปท่ี 1.18 DVD รปู ที่ 1.19 DVD–RW (ทมี่ า : www.cnunisson.en.made–in– (ที่มา : www.store.generalsales.com) china.com) 1.2.12 Blu–ray and HD–DVD Blu–ray and HD–DVD BLU–RAY และ HD DVD เป็นเทคโนโลยีวิดีโอท่ีให้รายละเอียด และความ ชดั เจนทาง ด้านภาพสูงเหมอื นชมภาพยนตร์จากต้นฉบับผู้ผลติ หนงั รายใหญ่ ความเป็นมาของ เทคโนโลยีระบบภาพ/เสียง ซงึ่ เป็นจอภาพแบบ CRT ที่มีการทางานแบบ INTERLACED ดว้ ยการสแกนเส้นภาพสลับกัน ระหวา่ งแนวนอนกบั แนวต้ัง ทาใหเ้ กดิ การกะพริบของภาพ สาหรับระบบวดี ีโอ HD ทใ่ี หค้ วามชดั เจนสงู จาเป็นต้องมโี ทรทัศนท์ ่ีรองรบั ระบบวดี โี อความ ชัดเจนสงู ดว้ ย ซง่ึ ใชส้ ัญญาณภาพแบบ Progressive Scan ท่ีทาให้เกดิ ความสบายตาในการชม รวมถงึ ความต่อเนื่องของ ภาพ รปู ท่ี 1.20 Blu–ray and HD–DVD (ท่มี า : http://www.ign.com)

หลักการทางานเบ้ืองตน้ ของระบบคอมพิวเตอร์ เริ่มจากผู้ใชท้ าการกรอกขอ้ มูลหรอื คาส่ังผ่านทางอุปกรณ์รับข้อมูล (Input Devices) ซง่ึ ข้อมูลหรือคาสง่ั ต่าง ๆ ทรี่ ับเข้ามาจะถกู นาไปเก็บไวท้ ่หี น่วยความจาหลัก (Memory) จากนั้นกจ็ ะถูก นาไปประมวลผลโดยหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing) แล้วนาผลที่ได้จากการประมวลผลมาเก็บไว้ใน หน่วยความจาแรมพร้อมทั้งแสดงออกทางอปุ กรณ์แสดงผล (Output Devices) ดงั นั้นระบบคอมพิวเตอร์จึงประกอบด้วย 4 สว่ นดว้ ยกัน ได้แกส่ ว่ นอปุ กรณ์รบั ข้อมูล สว่ นประมวลผลกลาง หน่วยความจา และอปุ กรณแ์ สดงผลคอมพวิ เตอรม์ หี ลักการทางานอยู่ 4 ขั้นตอน คอื 1.3.1 หน่วยรบั ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ หนว่ ยรบั ขอ้ มลู คอมพวิ เตอรจ์ ะรับข้อมูลและคาส่งั ผ่านอุปกรณน์ าเขา้ ขอ้ มูลและคาสง่ั ไดแ้ ก่เมาส์ (Mouse), แป้นพมิ พ์ (Keyboard) รูปท่ี 1.21 เมาส์ (ท่ีมา : www.logitech.com) รูปท่ี 1.22 แปน้ พิมพ์ (ท่ีมา : http://purttiyagone29.blogspot.com) 1.3.2 ประมวลผลข้อมูล ประมวลผลข้อมูล หรือ CPU (Central Processing Unit) ใช้คานวณและประมวลผลคาส่ังต่าง ๆ ตาม โปรแกรมท่กี าหนดทาหน้าท่ปี ระมวลผลขอ้ มูลตามคาสง่ั ท่รี บั มาจากหนว่ ยรบั ข้อมลู ประกอบด้วยหน่วยคานวณและตรรกะ และหน่วยควบคุม อุปกรณ์ที่ทาหน้าท่ีในการประมวลผล เรียกว่าไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) มีลักษณะเป็น วงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ซ่งึ ถกู ตดิ ตง้ั ไวใ้ นคอมพวิ เตอร์

รปู ที่ 1.23 CPU (ท่ีมา : www.quickpcextreme.com) 1.3.3 จัดเกบ็ ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ จัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์จะเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลเพื่อให้สามารถนามาใช้ใหม่ได้ใน อนาคต เช่น ฮาร์ดดสิ ก์ ดสิ ก์เกตแผ่นซดี ี และอุปกรณ์เกบ็ ขอ้ มูลชนิดพอรต์ ยเู อสบีไดรฟ์ ซ่งึ หน่วยเก็บขอ้ มวลนี้สามารถแบง่ ออกได้ 2 ประเภท คือ 1. หน่วยความจาหลกั สามารถแบ่งตามลกั ษณะการเกบ็ ข้อมูลไดด้ ังนค้ี ือ (1) หน่วยความจาชวั่ คราว คอื หากเกิดไฟดบั ระหวา่ งใช้งาน ขอ้ มูลจะหาย เรียกวา่ หน่วยความจา แรม (Random Access Memory : RAM) รปู ท่ี 1.24 แรม (RAM) (ท่ีมา : http://www.taringa.net) (2) หนว่ ยความจาถาวร (Read Only Memory : Rom) คอื เป็นหนว่ ยความจาถาวรที่เก็บข้อมูลไว้ใน คอมพวิ เตอร์ได้แมว้ ่าจะไมม่ ีประจุไฟฟา้ มาหล่อเลี้ยงก็ตามจุดประสงค์หลัก ๆ ของรอม คือ การเกบ็ ขอ้ มูลสาคญั ๆ ไว้เพอ่ื ปอ้ งกนั การถูกเล่นงานจากไวรสั รูปท่ี 1.25 รอม (ROM) (ทม่ี า : www.bunniestudios.com)

2. หน่วยความจาสารอง คือ หน่วยความจาท่ีช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากข้ึนได้แก่ ฮาร์ดดสิ ก์ (Hard disk) แผน่ ซีดี และอปุ กรณเ์ ก็บขอ้ มลู ชนิดพอรต์ ยูเอสบี รูปท่ี 1.26 ฮารด์ ดิสก์ (ทมี่ า : www.sinkardd.com) รูปท่ี 1.27 ยูเอสบแี ฟลชไดร์ฟ (ทมี่ า : www.geeksugar.com) 1.3.4 แสดงผลขอ้ มูล เม่ือทาการประมวลผลแล้ว คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ผ่านอุปกรณ์ท่ีทาหน้าท่ีแสดงข้อมูลเช่น จอภาพ (Monitor) ลาโพง (Speaker) เครื่องพิมพ์ (Printer) พลอ็ ตเตอร์ (plotter) เปน็ ตน้ จอซีอารท์ ี (CRT) จอแอลซีดี (LCD) จอแอลอดี ี (LED) รปู ที่ 1.28 จอภาพ (ทมี่ า : http://www.tohome.com)

รปู ที่ 1.29 ลาโพง (ทีม่ า : www.buycoms.com) เครอ่ื งพิมพ์ (Printer) ปจั จุบันมี 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. เครื่องดอตเมทรกิ ซ์ (Dot Matrix) รปู ท่ี 1.30 เคร่ืองดอตเมทริกซ์ (ทม่ี า : www.chkspec.com) 2. เครอ่ื งพมิ พ์แบบพ่นหมึก (Ink–Jet Printer) รูปท่ี 1.31 เคร่ืองพิมพ์แบบพ่นหมกึ (ท่มี า : www.taradplaza.com) 3. เครื่องพิมพเ์ ลเซอร์ (Laser Printer)

รปู ท่ี 1.32 เคร่ืองพิมพ์เลเซอร์ (ทม่ี า : www.fotofile.net) 4. พลอ็ ตเตอร์ (plotter) รูปที่ 1.33 พล็อตเตอร์ (ทม่ี า : www.printersiam.com)