Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานทวิศึกษา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

หลักสูตรสถานทวิศึกษา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

Published by sompongpok, 2019-06-14 00:54:30

Description: หลักสูตรสถานทวิศึกษา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ปก

Search

Read the Text Version

๑๐๑ คาอธิบายรายวชิ า ง33265 การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 80 ชั่วโมง (ท2-ป2) จานวน 2 หน่วยกิต ศึกษาภาคทฤษฎีควบคู่กับการปฏิบัติเก่ียวกับหลักการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด องค์ประกอบ ของโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ ข้ันตอนการแก้ไขปัญหา (Algorithm) กระบวนการเขียน โปรแกรมคาส่ัง ควบคุม การทางานของโปรแกรม การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิดท่ีสามารถใช้ได้ใน ระบบปฏิบัติการท่ี หลากหลาย ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายเกยี่ วกับหลกั การเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ 2. วเิ คราะห์และเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด 3. สร้างชดุ คาสงั่ ตามข้ันตอนการแก้ปัญหา (Algorithm) 4. มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มที่ดีในการใช้คอมพวิ เตอร์ รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรยี นรู้

ง33266 การสรา้ งเว็บไซต์ ๑๐๒ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1 คาอธบิ ายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง (ท2-ป2) จานวน 2 หนว่ ยกติ ศกึ ษาและปฏิบตั ิเก่ียวกับกระบวนการและโครงสรา้ งการทางานของเว็บไซต์ การออกแบบ เว็บไซต์ การ สร้างเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมภาษาหรือโปรแกรมสาเร็จรูปหรือโปรแกรมระบบ CMS (Content Management System) การทดสอบการทางานของเวบ็ ไซต์ และการ Upload เวบ็ ไซต์ ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายเกยี่ วกับกระบวนการและโครงสรา้ งการทางานของเว็บไซต์ 2. อธิบายโครงสรา้ งและไวยากรณข์ องโปรแกรมภาษาหรอื กระบวนการใช้เคร่ืองมือการสรา้ ง เว็บไซต์ 3. ออกแบบและกาหนดส่วนประกอบทจี่ าเปน็ ของเวบ็ เพจ 4. ใช้โปรแกรมภาษาหรือโปรแกรมสาเรจ็ รปู สาหรบั สรา้ งเว็บไซต์ 5. ตดิ ต้งั และอัพโหลด (Upload) เว็บไซต์ 6. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มท่ีดใี นการใช้คอมพวิ เตอร์ รวมทัง้ หมด 6 ผลการเรยี นรู้

๑๐๓ ง31269 โปรแกรมประมวลผลคา คาอธิบายรายวิชา ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 60 ชว่ั โมง (ท1-ป2) จานวน 1.5 หนว่ ยกิต ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการทางานของโปรแกรมจัดพิมพ์เอกสาร (Word Processing) ในการ พิมพแ์ ละตกแต่ง การสร้างตารางขอ้ มูล การจัดทาเอกสารรูปแบบต่างๆ หนังสอื ราชการ จดหมาย ธุรกิจ แผน่ พับ เอกสารวิชาการ การสร้างจดหมายเวียน การพิมพซ์ องจดหมาย การพิมพ์สมการ คณติ ศาสตร์ การพิมพ์เชงิ อรรถ การทาดัชนี การพิมพ์เอกสารออกทางเคร่ืองพิมพ์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กี่ยวกับหลกั การทางานของโปรแกรมจัดพิมพ์เอกสาร (Word Processing) และ ความรเู้ กี่ยวกบั เอกสาร 2. ออกแบบ และผลิตเอกสารตามการใชง้ าน ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเก่ียวกับหลกั การทางานของโปรแกรมจดั พมิ พเ์ อกสาร 2. ผลิตและออกแบบเอกสารโดยใชโ้ ปรแกรมประเภทจัดพิมพเ์ อกสาร 3. จัดทาเอกสารราชการ เอกสารธุรกจิ และเอกสารเชงิ วิชาการโดยใชโ้ ปรแกรมจดั พิมพเ์ อกสาร 4. มคี ุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมทีด่ ใี นการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทัง้ หมด 4 ผลการเรยี นรู้

ง31281 โปรแกรมตารางคานวณ ๑๐๔ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 คาอธิบายรายวิชา กลมุ่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ช่วั โมง (ท2-ป2) จานวน 2 หน่วยกิต ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับลักษณะพ้ืนฐานของโปรแกรมตารางคานวณ การป้อนและจัดเก็บข้อมูล การ แก้ไขและตกแต่งข้อมูล การสร้างตารางข้อมูล การใช้สูตรและฟังก์ชั่นในการคานวณ การพยากรณ์ ข้อมูล การ เรียงลาดบั การสรปุ และนาเสนอข้อมูลในรูปแผนภมู ิและตารางวิเคราะห์ข้อมูล (Pivot Table) ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายเกีย่ วกับสว่ นประกอบ เครอื่ งมอื ของโปรแกรมตารางคานวณ 2. ปอ้ น จดั เก็บ แก้ไขและตกแต่งขอ้ มูล ใชส้ ูตรและฟงั ก์ชนั่ เบ้ืองต้น 3. วเิ คราะห์ สรุป และรายงานข้อมูลในรูปแผนภมู หิ รอื ตารางวิเคราะห์ข้อมลู (pivot table) 4. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ มทีด่ ีในการใช้คอมพวิ เตอร์ รวมทงั้ หมด 4 ผลการเรียนรู้

๑๐๕ คาอธบิ ายรายวชิ า ง31267 โปรแกรมมัลติมเี ดยี เพือ่ การนาเสนอ กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 80 ชว่ั โมง (ท2-ป2) จานวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับการออกแบบชิ้นงานนาเสนอ การถ่ายทอดแนวความคิดสู่ช้ินงานท่ีเป็น รปู ธรรม (Story Board) การผลติ ช้นิ งานนาเสนอ การใช้ภาษา การนาเสนอขอ้ มลู ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายเกยี่ วกบั การออกแบบชนิ้ งานนาเสนอ 2. มที ักษะในการใชโ้ ปรแกรมนาเสนอ 3. ผลติ ชนิ้ งาน และนาเสนอผลงาน 4. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมทด่ี ีในการใช้คอมพวิ เตอร์ รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรียนรู้

ง32292 โปรแกรมกราฟิก ๑๐๖ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 2 คาอธบิ ายรายวิชา กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง (ท2-ป2) จานวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับภาพกราฟิก หลักการของภาพกราฟิกแบบ Vector และ Bitmap ประเภทและคุณลักษณะของแฟ้มภาพกราฟิก การสร้างและตกแต่งภาพกราฟิก การจัด การแฟ้ม ภาพกราฟิก ความแตกต่างของภาพกราฟิกแบบ 2 มิติ การใช้โปรแกรมสร้างภาพกราฟิกแบบ Vector และ Bitmap ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายเกี่ยวกับหลกั การของภาพกราฟิก 2. อธบิ ายเกี่ยวกับประเภทและคุณลกั ษณะของแฟ้มภาพกราฟิก 3. มีทกั ษะการใชโ้ ปรแกรมกราฟกิ 4. สร้างและตกแตง่ ภาพกราฟิก 5. จัดการแฟม้ ภาพกราฟิก 6. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมที่ดีในการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทง้ั หมด 6 ผลการเรยี นรู้

๑๐๗ คาอธบิ ายรายวิชา ง32293 การเขียนโปรแกรมโดยใช้เคร่ืองมือกราฟิกโหมด กล่มุ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 80 ช่วั โมง (ท2-ป2) จานวน 2 หนว่ ยกิต ศึกษาและปฏิบัติเก่ยี วกบั แนวคิดในการพฒั นาโปรแกรม องค์ประกอบของโปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์ ขั้นตอนการแก้ไขปัญหา (Algorithm) กระบวนการเขียนโปรแกรม คาส่ังควบคุม การทางานของโปรแกรม การ พัฒนาโปรแกรมทางธุรกิจอย่างง่าย โดยใช้เคร่ืองมือกราฟิกโหมดเพ่ือการ พัฒนาโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว มี ประสิทธภิ าพและสร้างเปน็ ช้นิ งานจากโครงงานขนาดเลก็ ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายเกี่ยวกบั หลกั การเขยี นโปรแกรมโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื กราฟิกโหมด 2. ใชค้ าสัง่ ในการควบคมุ การทางานของโปรแกรมโดยใชเ้ ครื่องมือกราฟกิ โหมด 3. มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมทีด่ ีในการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทงั้ หมด 3 ผลการเรยี นรู้

ง33267 การผลิตสื่อส่งิ พมิ พ์ ๑๐๘ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 1 คาอธิบายรายวิชา กล่มุ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ช่วั โมง (ท2-ป2) จานวน 2 หนว่ ยกติ ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานของสื่อส่ิงพิมพ์ กระบวนการพิมพ์ การออกแบบสื่อ สิ่งพิมพ์ เทคนิคการใช้ภาพถา่ ยในสื่อสง่ิ พิมพ์ และการใชโ้ ปรแกรมผลิตส่อื สิง่ พมิ พ์ ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายเกยี่ วกับการวิเคราะห์และจาแนกประเภทของส่ือสงิ่ พิมพ์ 2. อธบิ ายเกี่ยวกับกระบวนการพมิ พ์ 3. มีทกั ษะในการออกแบบสื่อส่งิ พมิ พแ์ ละจัดองค์ประกอบศลิ ป์ในส่ือสิ่งพิมพ์ 4. ผลิตสอ่ื สิ่งพิมพด์ ว้ ยโปรแกรมผลติ ส่ือสิง่ พิมพ์ 5. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมทด่ี ใี นการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทัง้ หมด 5 ผลการเรยี นรู้

ง โปรแกรมสาเร็จรปู ทางสถติ ิ ๑๐๙ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 2 คาอธิบายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลา 60 ชัว่ โมง (ท1-ป2) จานวน 1.5 หนว่ ยกิต ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับหลักการคานวณค่าสถิติพื้นฐานกระบวนการรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบ ความถูกต้องของข้อมูล จัดเตรียมข้อมูล บันทึกและแก้ไขข้อมูล การใช้คาสั่งโปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติ ประมวลผลข้อมลู ใหไ้ ด้ค่าสถติ ิพน้ื ฐาน จดั ทารายงานขอ้ มลู ทางสถิติและแผนภูมิ ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายเก่ียวกับหลักการคานวณคา่ สถติ พิ ื้นฐาน 2. รวบรวมและเตรียมขอ้ มูลสาหรบั ประมวลผลขอ้ มลู ทางสถติ พิ ้นื ฐาน 3. ใช้คาสั่งโปรแกรมสาเรจ็ รูปทางสถติ พิ ื้นฐาน 4. จัดทารายงานข้อมูลทางสถิติและแผนภมู ิ 5. มีคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่ดี ใี นการใชค้ อมพิวเตอร์ รวมทงั้ หมด 5 ผลการเรียนรู้

๑๑๐ คาอธบิ ายรายวชิ า ง ธรรมาภบิ าลเทคโนโลยสี ารสนเทศในองค์กร กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ชว่ั โมง (ท1-ป2) จานวน 1.5 หน่วยกิต ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับความหมายและความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทรัพย์สินทาง ปัญญา และจรรยาบรรณของเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบบริหารความปลอดภัยของข้อมลู ISO 27001 การรกั ษาความ ปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศในระบบเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต พระราชบัญญัติว่าด้วยการ กระทาความผิด เกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเก่ียวกับความหมายและความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารจัดการความ ปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ ทรัพย์สินทางปัญญาและจรรยาบรรณ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบบริหาร ความปลอดภยั ของขอ้ มูล ISO 27001 2. ใชค้ อมพิวเตอร์โดยคานึงถงึ ความปลอดภัยของข้อมูล 3. มคี ่านิยมทด่ี ใี นการใชค้ อมพิวเตอร์ รวมท้งั หมด 3 ผลการเรยี นรู้

๑๑๑ ง ฝึกงาน คาอธบิ ายรายวิชา ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง (ท*-ป*) จานวน 4 หนว่ ยกติ ปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับลักษณะของงานในสาขาวิชาชีพในสถานประกอบการ สถานประกอบ อาชีพ อสิ ระหรือแหล่งวิทยาการ ให้เกิดความชานาญ มีทักษะและประสบการณ์งานอาชีพในระดับฝีมอื โดย ผ่านความ เห็นชอบร่วมกันของผู้รับผิดชอบการฝึกงานในสาขาวิชาน้ัน ๆ และรายงานผลการปฏิบัติงาน ตลอดระยะเวลา การฝกึ งาน ผลการเรียนรุ้ 1. เตรียมความพร้อมเครอื่ งมอื อุปกรณ์ในการปฏิบตั งิ าน 2. ปฏิบตั งิ านอาชีพตามขัน้ ตอนและกระบวนการที่สถานประกอบการกาหนด 3. พัฒนาการทางานที่ปฏิบตั ิในสถานประกอบการ 4. บนั ทึกและรายงานผลการปฏิบัติงาน รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรียนรู้

ง33264 โครงการ 1 ๑๑๒ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 1 คาอธิบายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลา 80 ชว่ั โมง (ท2-ป2) จานวน 2 หนว่ ยกติ ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับ หลักการจัดทาโครงการ การวางแผน การดาเนินงาน การแก้ไขปัญหา การ ประเมินผล การจัดทารายงานและการนาเสนอผลงาน โดยปฏิบัติจัดทาโครงการสร้างและหรือ พัฒนางานท่ีใช้ ความรู้และทักษะในระดับฝีมือสอดคล้องกับสาขาวิชาชีพที่ศึกษา ดาเนินการเป็นรายบุคคล หรือกลุ่มตาม ลักษณะของงานให้แล้วเสรจ็ ในระยะเวลาที่กาหนด ผลการเรียนรู้ 1. แสดงความรู้เก่ยี วกบั การจัดทาโครงการ และนาเสนอผลงาน 2. ดาเนนิ การจดั ทาโครงการ 3. รายงานผลการปฏิบตั ิงาน รวมท้ังหมด 3 ผลการเรยี นรู้

ง โครงการ 2 ๑๑๓ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 2 คาอธบิ ายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง (ท2-ป2) จานวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ หลักการจัดทาโครงการ การวางแผน การดาเนินงาน การแก้ไขปัญหา การ ประเมินผล การจัดทารายงานและการนาเสนอผลงาน โดยปฏิบัติจัดทาโครงการสร้างและหรือ พัฒนางานท่ีใช้ ความรู้และทักษะในระดับฝีมือสอดคล้องกับสาขาวิชาชีพท่ีศึกษา ดาเนินการเป็นรายบุคคล หรือกลุ่มตาม ลักษณะของงานใหแ้ ล้วเสรจ็ ในระยะเวลาท่กี าหนด ผลการเรียนรู้ 1. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั การจดั ทาโครงการ และนาเสนอผลงาน 2. ดาเนนิ การจัดทาโครงการ 3. รายงานผลการปฏบิ ัติงาน รวมทัง้ หมด 3 ผลการเรยี นรู้

๑๑๔ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ความหมาย กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมท่ีจัดอย่างเป็นกระบวนการด้วยรูปแบบ วิธีการที่หลากหลาย ใน การพัฒนาผู้เรียนท้ังด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุ่ง เสริมสร้างเจตคติ คุณค่าชีวิต ปลูกฝังคุณธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเองสร้างจิตสานึก และร่วม อนุรักษ์พลังงาน และส่ิงแวดล้อม ปรับตัวและมีจิตสาธารณะโดยคานึงถึงประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติและ ดารงชีวติ อยา่ งมคี วามสขุ รวมทัง้ การน้อมนาเอาหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นฐานในการดารงชีวิต ลกั ษณะของกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑. ผูเ้ รียนไดร้ บั ประสบการณ์ท่ีหลากหลาย เกดิ ความรู้ ความชานาญ ทั้งวชิ าการและวชิ าชีพ อยา่ ง กวา้ งขวางมากยง่ิ ขึน้ ๒. ผู้เรียนคน้ พบความสนใจ ความถนดั และพัฒนาความสามารถพเิ ศษเฉพาะตัว มองเหน็ ช่องทาง ในการสรา้ งงานอาชพี ในอนาคตได้เหมาะสมกับตนเอง ๓. ผเู้ รียนเหน็ คณุ ค่าขององค์ความร้ตู ่าง ๆ สามารถนาความร้แู ละประสบการณ์ไปใชใ้ นการพฒั นา ตนเอง และประกอบสมั มาชีพ ๔.ผเู้ รยี นพฒั นาบุคลกิ ภาพ เจตคตใิ นคา่ นิยมในการดารงชีวิต และเสริมสร้างศลี ธรรม จริยธรรม ๕. ผเู้ รยี นมีจิตสาธารณะ และทาประโยชนเ์ พ่ือสงั คม และประเทศชาติ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑. กจิ กรรมแนะแนว ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑-๖ เรียนสปั ดาห์ละ ๑ ชวั่ โมง ๒. กิจกรรมนักเรยี น ๒.๑ กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ เรียนสัปดาห์ละ ๑ ช่วั โมง ๒.๒ กจิ กรรมพฒั นาความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของผเู้ รียน เปน็ กิจกรรมที่ จดั ใน เวลาเรียน ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ เรยี นสปั ดาหล์ ะ ๑ ชว่ั โมง ๓. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ จดั บูรณาการไว้ในกิจกรรม ลกู เสอื เนตรนารี จัดเรยี นปลี ะ ๑๐ ช่ัวโมง โดยจัดยืดหยนุ่ เองตามความเหมาะสมและความจาเปน็ ในแตล่ ะ ระดบั ชัน้ เรียนทงั้ นีใ้ ห้ครผู สู้ อนในระดบั ชั้นเรยี นนน้ั ๆ รว่ มกนั ออกแบบกจิ กรรมเพื่อให้ผูเ้ รียนได้บรรลเุ ปา้ หมายที่ หลกั สูตรแกนกลาง ฯ กาหนด โดยคานึงถึงวยั และวุฒิภาวะของผเู้ รียน ๔. กจิ กรรมพัฒนาทักษะดารงชวี ติ ๘ กจิ กรรมโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ จัดกิจกรรมพัฒนา ผเู้ รยี น ดังน้ี ๑. กิจกรรมแนะแนว เปน็ กิจกรรมทส่ี ่งเสริมและพฒั นาความสามารถของผู้เรียนให้เหมาะสม ตาม ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล สามารถคน้ พบและพัฒนาศักยภาพของคน เสรมิ สรา้ งทักษะชวี ติ วุฒภิ าวะทาง อารมณ์ และการสร้างสมั พนั ธภาพท่ีดี ซ่งึ ผ้สู อนทุกคนต้องทาหน้าทแ่ี นะแนวให้คาปรึกษา ด้านการเรยี นรู้ ทักษะชวี ิต การอยรู่ ว่ มกันในสังคม การศกึ ษาตอ่ และการพัฒนาตนเอง สโู่ ลกเพื่อการอยู่รว่ มกันในสังคมอยา่ ง ปกติสขุ กิจกรรมแนะแนวเปน็ บทบาทของครทู ุกคน ท่ีจะต้องดาเนนิ การ คดั กรอง และจัดกจิ กรรมหรอื บรกิ ารตา่ ง ๆ เพ่ือสง่ เสริม พัฒนา ปอ้ งกันแก้ไข โดยครทู ุกคนดาเนนิ การดังนี้ ๑. ศกึ ษาและรวบรวมข้อมลู ผเู้ รียนเปน็ รายบุคคล ๒. คัดกรองผเู้ รยี นเพื่อจาแนกผู้เรยี นออกเป็น ๒ กลมุ่ คอื กลุม่ ปกติ และกลมุ่ พเิ ศษ

๑๑๕ ๓. ดูแลช่วยเหลอื ให้คาปรึกษาในดา้ นต่าง ๆ ให้ผเู้ รยี นได้พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพ ๔. พฒั นาระบบข้อมูล และภูมคิ วามรทู้ ี่ทันสมัย อันจะเกิดประโยชน์ และจาเปน็ ในการดาเนินชีวติ ๕. ประสานงานกับผู้ปกครอง ชุมชน เพ่ือการร่วมมือในการดูแลชว่ ยเหลือผเู้ รียน ๖. ประสานงานกับผูเ้ กย่ี วข้องทง้ั ภายในและภายนอกสถานศึกษา เพอ่ื การดูแลชว่ ยเหลอื และ การสง่ ตอ่ ผเู้ รยี น ๗. จัดกิจกรรมท้ังในและนอกหอ้ งเรยี น เพือ่ ป้องกันแก้ไข สง่ เสริมและพัฒนาผเู้ รียนทุกคน รวมทัง้ ผทู้ ี่มีความสามารถพเิ ศษ ผ้ดู อ้ ยโอกาส คนพิการ ตลอดจนผมู้ ีปัญหาชวี ิตและสงั คม ใหส้ ามารถพฒั นา ตนไดเ้ ต็มตามศักยภาพ ๘. รว่ มจดั บรกิ ารต่าง ๆ เช่น - จัดบรกิ ารดา้ นสุขภาพ - จดั หาทุนและอาหารกลางวัน - จดั ศนู ย์การเรยี นรู้ให้ผู้เรียน เพื่อการวางแผนชีวติ - จดั บริการชว่ ยผูเ้ รยี นท่ีมีปัญหา หรอื ความต้องการ - ตดิ ตามผลผู้เรียนทั้งในปัจจุบนั และจบการศกึ ษาแลว้ ๙. นิเทศ กากับ ตดิ ตาม ประเมินผล และประชาสมั พนั ธ์ กจิ กรรมแนะแนวทโ่ี รงเรยี นจัดมีดงั นี้ ๑. การศกึ ษาเด็กเปน็ รายบุคคล ใหค้ รปู ระจาชั้น และครปู ระจาวิชา มกี ารศกึ ษาเด็กเปน็ รายบุคคลอย่างตอ่ เน่อื ง ๒. การสอนซ่อมเสรมิ เป็นการสอนซ่อมดว้ ยกจิ กรรมทห่ี ลากหลายใหก้ ับเด็กท่ีเรยี นอ่อน และมีปัญหา และสอนเสริมใหก้ ับเดก็ ท่เี รยี นเก่ง สามารถศึกษาหาความรดู้ ้วยตนเองได้ดว้ ยกลวิธีท่หี ลากหลาย ท้ังน้ีตอ้ งเป็นไปตามความต้องการของผูเ้ รยี น ๓. การสง่ เสริมศักยภาพของนักเรียน ซ่ึงครผู รู้ บั ผิดชอบจะใช้ขอ้ มูลพนื้ ฐานของนักเรยี น รายบคุ คลเป็นฐานในการสง่ เสริมศกั ยภาพเฉพาะดา้ นให้กับนักเรียนนั้น ๆ และดาเนินการอย่างเปน็ ระบบ เพื่อให้ นักเรยี นไดร้ ับการสง่ เสริมเตม็ ศักยภาพ ๔. การตรวจสุขภาพ มีการตรวจสุขภาพและวเิ คราะหผ์ ลการเจรญิ เตบิ โตของนักเรยี น ทุกคน อยา่ งเปน็ ระบบสามารถตรวจสอบได้ ๕. การจัดทุนการศึกษา และทนุ อาหารกลางวัน ให้กับนกั เรยี นท่ีขาดแคลนทางดา้ นทุนทรัพย์ ๖. รวบรวมข้อมูล ขา่ วสาร สารสนเทศ ของนักเรียนเพ่อื ให้นักเรยี นได้สารวจตนเอง และ รูจ้ กั ตนเองในทกุ ด้าน ๗. การตดิ ตามผลผเู้ รยี นในปัจจุบันและจบการศกึ ษาแล้ว ๘. การแนะแนวการศึกษา ให้ผู้เรยี นพฒั นาการเรยี นไดเ้ ต็มศกั ยภาพ วางแผนการเรียนและ การศกึ ษาต่อไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ๒. กิจกรรมนักเรยี น เป็นกิจกรรมทเ่ี กดิ จากความสมัครใจของผู้เรยี นไดพ้ ฒั นาตามคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพิ่มเติมจากกิจกรรมในกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นกจิ กรรมท่ีอาศัยความรว่ มมือระหวา่ งครู นกั เรยี น ผ้ปู กครอง ทชี่ ว่ ยกันคิด ชว่ ยกันทา ช่วยกนั แก้ปญั หา สง่ เสริมศักยภาพของผู้เรียนอย่างเตม็ ที่ รวมถึงกจิ กรรม ท่ีปลูกฝงั ความมรี ะเบียบวินัยรบั ผดิ ชอบ รู้จกั สทิ ธิและหน้าท่ขี องตนเอง ซ่งึ แบง่ เป็นกิจกรรมหลัก ๒ กจิ กรรม คอื ๒.๑ กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด เปน็ กจิ กรรมท่ีมุ่งปลกู ฝงั ระเบยี บวนิ ยั กฎกตกิ า เพอ่ื การอย่รู ่วมกนั ในสภาพชวี ิตต่าง ๆ นาไปสพู่ นื้ ฐานการทาประโยชนแ์ ก่สงั คม และวถิ ชี ีวิตในระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข

๑๑๖ ๒.๒ กจิ กรรมพฒั นาความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของผเู้ รยี น เป็นกจิ กรรมที่ มงุ่ เนน้ การเติมเต็มความรูค้ วามสามารถ ความชานาญ และประสบการณข์ องผู้เรยี นให้กว้างขวางยงิ่ ขนึ้ เพ่ือ การคน้ พบความถนัด ความสนใจของตนเองและพฒั นาตนเองให้เต็มศักยภาพ ตลอดจนการพัฒนาทกั ษะทาง สังคม และปลูกฝังจิตสานึกของการทาประโยชน์เพื่อสังคม ๓. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์ เปน็ กิจกรรมท่ตี ้องการปลูกฝังใหผ้ ู้เรียนเลง็ เห็นถงึ ความสาคัญของตนเองในการมสี ว่ นรว่ มและช่วยเหลือสงั คมตามระดับของวยั วุฒิ คณุ วฒุ ิ หรือตามศักยภาพของ ตนทพ่ี งึ จะกระทาได้ จนเกิดเปน็ กจิ นิสัยที่ไดร้ บั การบ่มเพาะสงิ่ ทด่ี ีงามให้บงั เกดิ ในตัวผู้เรียนต้งั แต่วยั เยาว์ จน ส่งผลให้ผเู้ รียนเหลา่ นน้ั เป็นทรัพยากรมนุษยท์ ี่มคี ณุ ภาพของสังคม ๔. กจิ กรรมพฒั นาทักษะดารงชีวติ

๑๑๗ การจดั การเรียนรแู้ ละการสง่ เสรมิ การเรียนรู้ ตามหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ การจดั การเรยี นรเู้ ป็นกระบวนการสาคญั ในการนาหลกั สตู รสกู่ ารปฏบิ ัติ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ขัน้ พนื้ ฐาน เป็นหลกั สตู รท่มี ีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรยี น เปน็ เปา้ หมายสาหรับพฒั นาเดก็ และเยาวชน ในการพฒั นาผ้เู รยี นให้มคี ุณสมบตั ติ ามเป้าหมายหลกั สูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรโู้ ดยชว่ ยให้ผเู้ รยี นเรียนรผู้ า่ นสาระทก่ี าหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการ เรยี นรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสรมิ สร้างคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ พฒั นาทักษะตา่ ง ๆ อนั เปน็ สมรรถนะสาคัญให้ ผู้เรียนบรรลุตามเปา้ หมาย หลกั การจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ การจดั การเรยี นรตู้ ามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ยึดหลักการจดั การเรียนร้ตู ามแนวทางของ พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่เนน้ ผู้เรียนมคี วามสาคัญท่ีสดุ เชอ่ื วา่ ทุกคนมีความสามารถ เรยี นรูแ้ ละพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชนท์ ี่เกิดกับผเู้ รียน โดยมเี ป้าหมายให้ผู้เรยี นเป็นคนดี เก่ง มีความเป็นไทย และทางานรว่ มกับผู้อื่นได้อยา่ งมีความสุข ในกลุ่มสาระการเรียนรทู้ งั้ ๘ กลุม่ กระบวนการจดั การเรยี นร้ตู ้อง สง่ เสริมใหผ้ ้เู รยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศกั ยภาพ คานงึ ถึงความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลและ พัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญท้ังความรู้ และคุณธรรม คดิ เป็นองค์รวม และร่วมมือกันพัฒนา สงั คมไทย การจดั การเรยี นรเู้ พื่อให้ผูเ้ รียนมคี วามรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระบวนการจดั การ เรียนร้ตู อ้ งส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศกั ยภาพ คานึงถงึ ความแตกตา่ งระหว่าง บคุ คลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคญั ทงั้ ความรู้ และคุณธรรม การจดั การเรียนรตู้ ามหลักสตู ร สถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้น พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงได้กาหนดแนวดาเนินการเพ่อื ให้การจดั การเรยี นรู้ตามหลกั สูตรประสบ ความสาเรจ็ ตามจดุ มุ่งหมาย ดงั น้ี ๑. จัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้โดยยดึ หลกั การพัฒนาผู้เรยี นใหถ้ ึงศักยภาพสูงสุด คือ ผเู้ รียนได้ พฒั นา ตนเอง ท้ังรา่ งกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสงั คม มีความรสู้ ึกทีด่ ีเกี่ยวกบั ตนเอง ภาคภูมิใจในผลการปฏบิ ัติ ๒. จัดประสบการณ์การเรยี นรู้โดยยึดชวี ิตจริงของผูเ้ รยี นเป็นหลัก เน้นให้ผู้เรยี นมีศกั ยภาพในการคดิ เชิงระบบ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ มรี ูปแบบการคิดของตนเอง คน้ พบตนเอง ๓. จดั ประสบการณก์ ารเรียนร้โู ดยยึดหลกั ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล และหลกั การเรยี นรู้ในเชงิ พหุ ปัญญา และใชก้ ระบวนการวิจยั ในการแก้ปัญหาและพัฒนาผูเ้ รียน ๔. จัดประสบการณ์โดยใช้คุณธรรมนาความรู้ บูรณาการคุณธรรมในการจดั ประสบการณ์ทุกกลุม่ สาระ การเรยี นรู้ และทุกขน้ั ตอนในการจดั การเรยี นรู้ ถือว่าครทู ุกคนมีหน้าท่พี ฒั นาผเู้ รียนให้ประพฤตติ นยึดหลกั คุณธรรม และพัฒนาตนให้มีค่านิยมอนั พึงประสงค์

๑๑๘ ๕. จัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง มีอสิ ระในการคดิ ไดล้ งมือปฏิบัติจริง ครู พรอ้ มให้คาปรึกษา ให้กาลงั ใจ เสริมแรงใหผ้ เู้ รยี นมคี วามเช่อื ม่ันวา่ ตนเองมศี กั ยภาพในการเรียนรู้ในเชงิ พหุ ปญั ญา ไม่ด้านใดก็ดา้ นหนึ่งหรอื หลายดา้ นพร้อมกัน ๖. จัดประสบการณก์ ารเรยี นรูใ้ ห้มคี วามสมั พันธ์ เชื่อมโยง หรอื บูรณาการทง้ั ภายในกลุ่มสาระการ เรียนรู้ และระหวา่ งกลุ่มสาระการเรียนรใู้ ห้มากที่สุด ๗. จัดประสบการณ์การเรยี นรู้ใหย้ ืดหยุ่นตามเหตุการณ์ และสภาพท้องถ่นิ โดยใช้แหลง่ การเรียนร้แู ละ ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ ในการจดั การเรยี นรตู้ ามความเหมาะสม ๘. จดั ประสบการณก์ ารเรยี นร้โู ดยม่งุ เน้นกระบวนการเรยี นรู้ กระบวนการคิดอย่างมเี หตุผล และ สรา้ งสรรค์ กระบวนการกลุ่ม การจดั การเรยี นรูท้ ี่เน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ ผู้เรียนจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย เปน็ เคร่ืองมอื ท่ีจะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลกั สตู ร กระบวนการเรียนรทู้ ีจ่ าเป็นสาหรบั ผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณแ์ ละแกป้ ญั หา กระบวนการเรยี นรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการ ปฏบิ ตั ิ ลงมือทาจรงิ กระบวนการจัดการ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรยี นรู้การเรียนรขู้ องตนเอง กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนิสัย กระบวนการเหลา่ น้เี ป็นแนวทางในการจัดการเรยี นรทู้ ่ผี เู้ รียนควรไดร้ ับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนรไู้ ด้ดี บรรลเุ ป้าหมายของหลกั สูตร ดังนน้ั ผูส้ อน จึงจาเป็นต้องศึกษาทา ความเขา้ ใจในกระบวนการเรียนรตู้ า่ ง ๆ เพอื่ ใหส้ ามารถเลือกใช้ในการจดั กระบวนการเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผูส้ อนตอ้ งศึกษาหลกั สตู รสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชี้วัด สมรรถนะสาคัญของ ผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่เี หมาะสมกับผเู้ รยี น แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ จัดการเรียนรู้โดยเลอื กใช้วิธสี อนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่อื ให้ผ้เู รียนได้ พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายที่กาหนด ๑. บทบาทของผสู้ อนและผเู้ รยี น การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผเู้ รยี นมีคุณภาพตามเปา้ หมายของหลักสตู ร ทั้งผ้สู อนและผเู้ รียนควรมี บทบาท ดงั น้ี ๑.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศึกษาวเิ คราะห์ผูเ้ รยี นเป็นรายบคุ คล แลว้ นาข้อมูลมาใช้ในการวางแผน การจดั การเรียนรู้ ท่ีทา้ ทายความสามารถของผู้เรียน ๒) กาหนดเปา้ หมายท่ีต้องการใหเ้ กดิ ข้ึนกับผูเ้ รยี น ด้านความรแู้ ละทักษะ กระบวนการ ทเี่ ป็นความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมทง้ั คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรยี นรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและ พฒั นาการทางสมอง เพ่ือนาผู้เรยี นไปส่เู ปา้ หมาย ๔) จดั บรรยากาศทเี่ อื้อต่อการเรียนรู้ และดแู ลช่วยเหลอื ผูเ้ รยี นให้เกดิ การเรยี นรู้ ๕) จัดเตรยี มและเลอื กใชส้ ื่อใหเ้ หมาะสมกบั กจิ กรรม นาภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ เทคโนโลยีทเี่ หมาะสมมาประยกุ ตใ์ ช้ในการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผเู้ รียนด้วยวธิ ีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับ

๑๑๙ ธรรมชาติของวิชาและระดับพัฒนาการของผเู้ รยี น ๗) วิเคราะหผ์ ลการประเมนิ มาใช้ในการซ่อมเสรมิ และพฒั นาผู้เรยี น รวมทง้ั ปรับปรุงการจดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๑.๒ บทบาทของผเู้ รยี น ๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผิดชอบการเรียนรขู้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตง้ั คาถาม คดิ หาคาตอบหรือหาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ๒) ลงมือปฏบิ ตั ิจริง สรปุ สงิ่ ทีไ่ ดเ้ รยี นร้ดู ว้ ยตนเอง และนาความรูไ้ ปประยุกตใ์ ช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ๓) มปี ฏสิ ัมพันธ์ ทางาน ทากจิ กรรมร่วมกบั กลุ่มและครู ๔) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอย่างตอ่ เนอื่ ง การสง่ เสรมิ การเรียนรู้ ปจั จยั สาคญั ที่เปน็ ส่วนหน่งึ ของการจดั การศึกษาใหม้ ีคณุ ภาพ และประสบความสาเรจ็ ตามจดุ ม่งุ หมาย ของหลกั สตู ร คือการพัฒนาระบบการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ของสถานศกึ ษาในดา้ นต่าง ๆ ทีจ่ ะเอื้อใหส้ ามารถ จดั การเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ สาหรบั แนวปฏิบัติในการส่งเสรมิ การเรียนรู้ และสนับสนนุ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนของสถานศกึ ษา ได้กาหนดแนวในการสง่ เสรมิ การเรียนรู้ ดังต่อไปน้ี ๑. การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศกึ ษาให้เอ้อื ตอ่ การใช้หลกั สตู ร การจัดสภาพแวดล้อมใน สถานศึกษาให้เอ้ือต่อการใช้หลักสตู รเป็นหนา้ ท่โี ดยตรงของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาที่จะต้อง ร่วมมอื กัน โดยยึดเปา้ หมาย หลกั การ และจุดเน้นต่าง ๆ ของหลกั สูตรเป็นหลักในการดาเนนิ การ ท้ังนี้เพอื่ ให้ ผู้เรยี นไดเ้ รยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ ๒. การจดั ใหม้ ีแหล่งการเรียนรู้ หอ้ งสมุด และมมุ หนงั สอื หรอื แหลง่ วิชาท่จี ะให้ผเู้ รียนได้ศึกษา ค้นควา้ หาความร้ดู ้วยตนเอง เพือ่ เพมิ่ พนู ประสบการณ์และความชานาญ โดยเฉพาะห้องสมุดเปน็ แหลง่ การ เรยี นรทู้ ส่ี าคญั ย่งิ เพราะเปน็ แหล่งที่รวบรวมองค์ความรทู้ เี่ ป็นประโยชนก์ บั ผู้เรยี นโดยตรง นอกจากนย้ี ังจัดให้มี แหล่งการเรียนรู้ในรปู ของศนู ย์การเรียนร้แู บบพ่ึงพาตนเอง คอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบตั กิ ารทางภาษา หอ้ งปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์ และ เทคโนโลยตี า่ ง ๆ ๓. การจัดให้มีบริเวณสาหรบั ให้ผ้เู รียนไดฝ้ กึ ปฏิบตั ิกิจกรรมในกลมุ่ สาระการเรียนร้ตู า่ ง ๆ เพอื่ ให้ ผ้เู รียนได้เรยี นรูจ้ ากประสบการณจ์ รงิ ได้คดิ ได้ทา ได้แสดงออก ได้เรยี นรเู้ อง และค้นพบความรดู้ ว้ ยตนเอง ตามศักยภาพของนักเรยี นแต่ละคน ๔. การจดั ให้มีแหล่งการเรยี นรู้ในท้องถ่นิ และการใช้ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น การจัดการเรียนรู้ตามหลกั สูตร เนน้ การเรียนร้จู ากแหลง่ การเรียนรทู้ ้ังในและนอกห้องเรียน ทง้ั น้ีเพื่อผูเ้ รียนจะไดม้ ีโอกาสทจ่ี ะสมั ผัสกบั ชีวิตจริง นอกห้องเรยี นหรือนอกโรงเรียน ได้พบปะกบั ผู้คน ผรู้ ู้ ภูมิปญั ญาของท้องถิน่ เพ่ือจะไดเ้ รียนรู้สง่ิ ตา่ ง ๆ มากขนึ้ มี ประสบการณ์กว้างขวางขึ้น เรยี นรไู้ ด้ทุกเวลาและทุกสถานที่ไมจ่ ากัดวา่ จะต้องเรียนร้จู ากผู้สอนในสถานศกึ ษา เทา่ นน้ั ๕. การวิจัยเพื่อพฒั นาคณุ ภาพ การวจิ ยั เป็นกระบวนการทีค่ วบค่กู บั กระบวนการเรียนรู้ และ กระบวนการทางานของผู้ที่เก่ียวข้องกับการศึกษา ซึ่งเปน็ กลไกทีน่ าไปสูส่ ังคมแห่งภมู ิปัญญาและการเรียนรู้ ดังน้ันในการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องนากระบวนการวิจัยมาผสมผสานหรอื บูรณาการเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพของ ผู้เรยี น และสามารถใชก้ ระบวนการการวจิ ยั เปน็ ส่วนหนงึ่ ของกระบวนการเรยี นรู้ นอกจากนี้ผลการวจิ ัยยังเป็น ประโยชน์ต่อการแกป้ ัญหาหรือพัฒนาคณุ ภาพของผเู้ รยี นได้เปน็ อย่างดี

๑๒๐ ๖. การจัดเครือข่ายวชิ าการ ผูส้ อนนบั วา่ มสี ่วนสาคัญทจี่ ะทาใหก้ ารจดั การเรียนรู้ประสบผลสาเร็จ สถานศึกษาจงึ จดั ให้มีเครือข่ายเชอ่ื มโยงกบั สถานศกึ ษาอ่นื ซ่งึ เปน็ สถานศึกษาในโครงการโรงเรยี นเครือขา่ ยการ ใช้หลกั สูตรสถานศึกษาของจังหวัดชลบรุ ี ทงั้ น้ีเพือ่ ให้ผ้สู อนได้แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ แลกเปล่ียนประสบการณ์ใน การจัดการเรยี นรู้ซ่ึงกนั และกัน ทาให้ได้รับความรู้ และแนวคิดใหม่ ๆ ทห่ี ลากหลาย และกว้างขวาง ที่สามารถ นาไปพฒั นาการจัดการเรยี นการสอนได้อย่างมีคณุ ภาพ นอกจากน้ียังสง่ เสริม และสนับสนนุ ให้มีการแลกเปล่ยี น เรียนรทู้ างวชิ าการ จากผู้สอนในสถานศกึ ษาเดียวกนั และสถานศกึ ษาอน่ื ๆ ตลอดจนชมรมวิชาการต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้สอนได้รบั การพฒั นาตนเองอยา่ งสมา่ เสมอ

๑๒๑ ระเบยี บโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ วา่ ดว้ ยการประเมนิ ผลการเรยี นตามหลกั สตู รโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ……………………………… โดยที่โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ไดป้ ระกาศใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาสงั่ กระทรวงศึกษาธกิ าร ที่ สพฐ. ๒๙๓ / ๒๕๕๑ ลงวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เรื่อง ให้ใช้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และกระจายอานาจใหส้ ถานศึกษากาหนดหลกั สูตร สถานศกึ ษาขึ้นใช้เอง เพื่อให้สอดคล้องกับคาสง่ั ดังกล่าว ฉะนั้น อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๑ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบญั ญัติระเบยี บบริหาร ราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ.๒๕๔๖ และคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ จงึ วางระเบยี บไว้ดงั ต่อไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบน้เี รียกวา่ “ระเบียบสถานศึกษาวา่ ด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑” ข้อ ๒ ระเบยี บนี้ให้ใช้บงั คับต้ังแต่ปีการศกึ ษา ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบข้อบังคับหรือคาส่ังอ่ืนใดในส่วนทีก่ าหนดไวใ้ นระเบียบนี้หรือซ่ึงขดั หรือแย้ง กบั ระเบยี บน้ี ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนี้แทน ข้อ ๔ ระเบียบนใ้ี ห้ใชค้ วบคู่กบั หลกั สตู รสถานศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ขอ้ ๕ ในระเบียบนี้ “หลักสูตร” หมายถงึ หลักสูตรการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ “โรงเรยี น” หมายถงึ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ “ผู้อานวยการโรงเรยี น” หมายถึง ผ้อู านวยการสถานศึกษา โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ “ครู” หมายถึง ครู ผปู้ ฏิบัติการสอนในโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ “นกั เรยี น” หมายถงึ นักเรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ขอ้ ๖ ให้ผู้อานวยการโรงเรียนรักษาการให้เปน็ ไปตามระเบียบนี้

๑๒๒ หมวดท่ี ๑ หลกั การในการวดั และประเมนิ ผลการเรยี น ขอ้ ๗ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นใหเ้ ปน็ ไปตามหลักการดังนี้ ๗.๑ ทุกระดับชั้นตง้ั แตช่ ั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ ถึงช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ มีการวดั และ ประเมินผล ตดั สนิ ผลการเรยี นตามรายวิชาเป็นรายปี ส่วนระดบั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ – ๖ มีการวดั และ ประเมนิ ผล ตดั สินผลการเรยี นตามรายวชิ าเปน็ รายภาค ๗.๒ โรงเรียนมหี นา้ ท่วี ดั และประเมินผลการเรียนใหส้ อดคล้องกบั วิธกี ารวดั และประเมินผลการ เรียน ๗.๓ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี น ต้องสอดคลอ้ งและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ช้ีวดั ที่กาหนดในหลกั สตู รแกนกลางฯ ๗.๔การวัดผลและประเมนิ ผลการเรียน เป็นสว่ นหนงึ่ ของกระบวนการเรยี นการสอน ตอ้ ง ดาเนนิ การด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เหมาะสม ตามสภาพจรงิ ธรรมชาติวิชา และระดับช้ันของนักเรยี น ๗.๕ วดั และประเมินผล ทง้ั เพอื่ ปรับปรงุ การเรยี นและเพื่อตัดสินผลการเรียน ๗.๖ ใหม้ กี ารวดั และประเมินความรคู้ วามสามารถของนักเรียนดา้ นการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี นสื่อความในทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๗.๗ ให้มกี ารประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของนกั เรยี น ในทุกกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๗.๘ ให้มีการวดั และประเมนิ ผลคุณภาพนักเรยี น ทั้งระดบั ชน้ั เรยี นและระดบั สถานศึกษาในแตล่ ะช้ันปี ๗.๙ ให้นักเรยี นที่กาลงั ศึกษาในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ถึงช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เข้า รบั การประเมนิ คณุ ภาพระดับตา่ ง ๆ ตามทโี่ รงเรียน สานักงานเขตพน้ื ที่ หรือกระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด ๗.๑๐ ให้มกี ารเทียบโอนผลการเรียนระหวา่ งสถานศกึ ษาและรูปแบบการศกึ ษาตา่ งๆ หมวดท่ี ๒ วธิ กี ารวดั และประเมินผลการเรยี น การตดั สนิ ผลการเรยี น ข้อ ๘ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น การตัดสินผลการเรยี นน้ี เป็นการประเมินผลระดบั ชน้ั เรียน ปฏบิ ัตดิ ังน้ี ๘.๑ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ๘.๑.๑ กอ่ นการเรยี น ครูแจ้งให้นกั เรียนทราบถงึ วธิ ีการวดั และประเมินผล ตวั ชวี้ ดั การ ประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ เขียนสอื่ ความ การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑก์ ารประเมิน และการตดั สนิ ผลการเรียน ๘.๑.๒ ครปู ระเมนิ ความรู้พ้ืนฐานของนักเรยี น ก่อนการเรียนการสอนสาระการเรียนรู้ ตา่ งๆ ๘.๑.๓ ครูวัดและประเมนิ ผลการเรยี นเพ่ือศึกษาผลการเรียน เพ่อื จัดการสอนซ่อมเสรมิ และประเมนิ ผลตามตวั ชี้วัดเพ่ือตัดสินผลการเรียน ดังนี้ ๘.๑.๓.๑ วดั และประเมนิ ผลการเรยี นตามตวั ชี้วัด ของแต่ละสาระการเรียนรู้ ท่กี าหนดในหลักสูตร ๘.๑.๓.๒ วดั และประเมนิ ผลการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนส่อื ความ ท่ี สอดคล้องกับตัวชี้วัดของแต่ละสาระการเรยี นรู้

๑๒๓ ๘.๑.๓.๓วัด และประเมินผลคุณลักษณ์อนั พึงประสงคข์ องแตล่ ะสาระการเรยี นรู้ ทกี่ าหนดในหลกั สูตร ๘.๑.๔ ครวู ัดและประเมนิ ผลการเรยี นได้ตลอดในขณะเวลาที่เรียน ตามตวั ชวี้ ดั ทก่ี าหนด โดยประเมินในรูปเกณฑ์คุณภาพ ๘ ระดับ โดยใชส้ ัญลักษณ์เปน็ เลขฮินดูอารบิกหรืออยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผูส้ อน ดงั น้ี ผลการประเมนิ “๔” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ดเี ยย่ี ม หรือมผี ล การวัดตงั้ แต่ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “ดีมาก” หรอื มีผลการวดั ต้ังแตร่ ้อยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมิน “๓” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ด”ี หรือมีผลการวดั ตั้งแต่รอ้ ยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมนิ “๒.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ค่อนขา้ งดี” หรือมผี ลการวดั ตั้งแตร่ อ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมนิ “๒” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “นา่ พอใจ” หรือมผี ลการวัด ตง้ั แต่รอ้ ยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมนิ “๑.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “พอใช้” หรอื มผี ล การวดั ตง้ั แตร่ ้อยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมิน “ ๑” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ผ่านเกณฑ์ขัน้ ตา่ ” หรือมีผลการวัดต้งั แตร่ ้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมิน “๐” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ตา่ กว่าเกณฑ”์ หรอื มีผลการวัด ต่ากว่าร้อยละ ๕๐ ๘.๑.๕ การตดั สนิ ผลการเรยี น ผลการประเมินการเรยี นรู้ของสาระการเรยี นรนู้ น้ั ๆ เปรยี บเทยี บตัวเลขแสดงความหมายระดับผลการเรียนแตล่ ะรายวิชา โดยใชส้ ญั ลักษณ์เป็นเลขฮนิ ดูอารบกิ ดังนี้ ผลการประเมิน “๔” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ดเี ย่ยี ม หรือมีผล การวดั ตง้ั แตร่ อ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดมี าก” หรือมผี ลการวัด ต้งั แตร่ ้อยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมนิ “๓” หมายถึงเกณฑค์ ณุ ภาพ “ด”ี หรือมีผลการวดั ตั้งแตร่ ้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “คอ่ นข้างดี” หรอื มผี ลการวดั ตั้งแตร่ อ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมนิ “๒” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “น่าพอใจ” หรอื มผี ลการวดั ต้งั แตร่ อ้ ยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมิน “๑.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “พอใช้” หรือมผี ล การวัดต้ังแตร่ อ้ ยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมนิ “ ๑” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ผา่ นเกณฑ์ขัน้ ต่า” หรอื มผี ลการวัดต้งั แต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมนิ “๐” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ตา่ กวา่ เกณฑ”์ หรือมผี ลการวัด ตา่ กวา่ ร้อยละ ๕๐

๑๒๔ ๘.๑.๖ การประเมนิ ผลการเรียนเพอื่ ตัดสนิ ผลการเรยี น ใชเ้ ฉพาะนักเรยี นผ้ทู ม่ี ีเวลา เรียนตลอดปีไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนรายวชิ านั้น ๘.๑.๗ นักเรยี นทม่ี ีเวลาเรยี นไม่ถึงรอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในวิชานน้ั โรงเรียน แตง่ ตง้ั คณะกรรมการประกอบด้วยผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา หวั หนา้ กลมุ่ งานวชิ าการ ครูประจาช้นั ครูผ้สู อน และผู้ปกครอง พิจารณาให้มีโอกาสซ่อมเสริมเวลาเรียน ปรับปรงุ แก้ไขการเรียน แล้วประเมนิ ผลใหม่ ภายใน ๙๐ วันของปกี ารศึกษาถดั มา หากระยะเวลาเกนิ กวา่ ที่กาหนด ให้เรียนซา้ ในรายวชิ านัน้ ๘.๑.๘ นกั เรียนทีม่ ผี ลการเรยี นเฉลี่ยของปี ต่ากวา่ “๑” หรือมผี ลการประเมินการอ่าน คิด วเิ คราะห์ เขียนส่ือความไม่ผ่านเกณฑ์ หรือ มผี ลการประเมินคุณลกั ษณะพงึ ประสงค์ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ หรือมีผล การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนไมผ่ ่านเกณฑ์ หรอื ไม่เอาใจใสใ่ นการเรียน คณะกรรมการ ตามข้อ ๘.๑.๗ เห็นวา่ ควรเรยี นซ้าชั้น ใหม้ ีการเรยี นซ้าช้ันในปถี ัดมา ๘.๑.๙ นักเรยี นที่มีการทจุ ริตในการสอบหรือทุจรติ ในงานทม่ี อบหมายให้ได้คะแนน ๐ หรือมผี ลการประเมิน “ตก”ในการประเมนิ คร้งั น้ัน ขอ้ ๙ การประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นสอ่ื ความ ในระดบั สถานศกึ ษา เพ่ือ ปรับปรงุ พฒั นา และจบช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖โดยปฏบิ ตั ดิ งั นี้ ๙.๑ โรงเรยี นแต่งตงั้ คณะกรรมการประเมินการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี นสอื่ ความขน้ึ คณะหนึ่งในแต่ละปีการศกึ ษา ๙.๒ คณะกรรมการประเมนิ การอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียนส่อื ความกาหนดแนวทาง วธิ กี ารประเมินและเกณฑก์ ารตัดสิน ตามที่หลักสูตรกาหนด ๙.๓ มีการประเมนิ เปน็ รายปี เพือ่ ปรับปรุงและพฒั นาในปที ี่ ๑-๕ การตัดสนิ จบชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ใหถ้ ือผลการประเมนิ ปลายปีของปีท่ี ๖ ๙.๔ ประเมนิ นักเรียนเปน็ รายบุคคลตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละเกณฑท์ ี่กาหนด ๙.๕ นักเรยี นท่ผี ่านเกณฑ์การประเมนิ ตัดสิน “ดี หรือ ดเี ย่ยี ม” แล้วแต่กรณี ๙.๖ นักเรยี นทีไ่ ม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ตดั สนิ “ปรับปรงุ ” ๙.๗ นักเรียนทีไ่ ดร้ บั การตดั สิน “ปรับปรุง” ตอ้ งดาเนินการซ่อมเสริมปรบั ปรุง แก้ไข ตาม แนวทางที่คณะกรรมการกาหนด และมีการประเมนิ ใหม่ ๙.๘ นักเรียนทไ่ี ดร้ บั การตัดสิน “ปรบั ปรุง” และมีการประเมนิ ใหม่แลว้ ผ่านเกณฑก์ าร ประเมนิ ตัดสนิ “ผ่าน” ๙.๙ นักเรยี นทีไ่ ด้รับการตัดสิน “ดี หรือ ดเี ยีย่ ม หรอื ผา่ น” มสี ทิ ธิไดร้ บั การพจิ ารณาการ จบชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ข้อ ๑๐ การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของโรงเรียน การประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของโรงเรียน ระดับสถานศกึ ษา เพื่อ ปรับปรุง พัฒนา และจบชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ และชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ โดยปฏบิ ตั ิดงั น้ี ๑๐.๑ โรงเรยี นแต่งต้งั คณะกรรมการประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ โรงเรยี นขึ้น คณะหนึ่งในแต่ละปกี ารศึกษา ๑๐.๒ คณะกรรมการประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของโรงเรียน กาหนดแนวทาง วิธกี ารประเมนิ และเกณฑ์การตดั สนิ ตามที่หลกั สตู รกาหนด ๑๐.๓ มกี ารประเมนิ เป็นรายปี เพอ่ื ปรบั ปรงุ และพัฒนาในปที ี่ ๑-๕ การตดั สินจบช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ให้ถือผลการประเมนิ ปลายปขี องปที ี่ ๖ สาหรบั มัธยมศึกษามีการประเมนิ ผลเปน็ รายภาค ๑๐.๔ ประเมินนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล ตามมาตรฐาน และเกณฑ์ท่กี าหนดในหลกั สูตร ๑๐.๕ นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตดั สิน “ดี หรือ ดีเย่ียม” แล้วแต่กรณี

๑๒๕ ๑๐.๖ นักเรยี นไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน ตดั สิน “ปรับปรุง” ๑๐.๗ นักเรียนที่ได้รับการตดั สนิ “ปรับปรุง” ต้องดาเนินการปรับปรงุ ซ่อมเสริมแก้ไข ตาม แนวทางทีค่ ณะกรรมการกาหนดและมีการประเมนิ ใหม่ ๑๐.๘ นกั เรยี นทไี่ ดร้ ับการตดั สนิ “ปรับปรุง” และไดร้ บั การประเมนิ ใหม่แล้วผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ตดั สนิ “ผา่ น” ๑๐.๙ นกั เรียนทไ่ี ด้รบั การตดั สิน “ดี หรอื ดเี ยยี่ ม หรอื ผ่าน” มีสิทธิได้รับการพจิ ารณาจบ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ขอ้ ๑๑ การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ระดบั สถานศึกษา โดยปฏิบัติดงั น้ี ๑๑.๑ โรงเรยี นแต่งต้งั คณะกรรมการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนของ โรงเรียนขึ้นคณะหนงึ่ ในแต่ละปกี ารศกึ ษา ๑๑.๒ คณะกรรมการประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นของโรงเรยี น กาหนดแนว ทางวิธีการประเมิน และเกณฑ์การตดั สินตามท่ีหลักสูตรกาหนด ๑๑.๓ นักเรยี น ต้องเขา้ รว่ มกิจกรรม ๓ กลุม่ ดงั นี้ ๑๑.๓.๑ กจิ กรรมแนะแนว เวลาเรียน ๑ ช่วั โมง/สัปดาห์ เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปญั หา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชวี ิตท้ังด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้ อย่างเหมาะสม นอกจากน้ียังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ ผปู้ กครองในการมสี ว่ นร่วมพฒั นาผู้เรยี น ๑๑.๓.๒ กจิ กรรมนกั เรยี น เวลาเรียน ๑ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามที่ดี ความ รับผิดชอบ การทางานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปัน กัน เอื้ออาทร และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ ได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกข้ันตอน ได้แก่ การศึกษาวเิ คราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรงุ การ ทางาน เน้นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของ สถานศกึ ษาและทอ้ งถ่นิ กจิ กรรมนักเรียนประกอบดว้ ย ก. กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารหี รอื ยุวกาชาด หรอื ผบู้ าเพญ็ ประโยชน์ ข. กจิ กรรมชมุ นุม ชมรม ๑๑.๓.๓ กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ เวลาเรยี น ชัน้ ปีละ ๑๐ ชว่ั โมง เป็นกจิ กรรมท่สี ง่ เสริมให้ผเู้ รียนบาเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ สงั คม ชมุ ชน และ ท้องถ่ินตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพ่ือแสดงถงึ ความรบั ผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มจี ิตสาธารณะ เชน่ กจิ กรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กจิ กรรมสร้างสรรค์สงั คม ๑๑.๔ ครผู ู้รับผิดชอบกิจกรรมแนะแนว เป็นผู้ประเมินและตัดสินผลกจิ กรรม แนะแนว

๑๒๖ ๑๑.๕ ครูผู้บังคับบญั ชาในกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยวุ กาชาด หรอื ผบู้ าเพ็ญ ประโยชน์ เปน็ ผู้ประเมินและตัดสินผลการพฒั นาผ้เู รียนในกจิ กรรมลูกเสือเนตรนารี ยุวกาชาด หรือผบู้ าเพ็ญ ประโยชนต์ ามแตก่ รณี ครทู ่ปี รึกษาในกิจกรรมชุมนุม หรือชมรมเป็นผูก้ าหนดกจิ กรรม และประเมิน ผ้เู รยี นใน กจิ กรรมนนั้ โดยนาผลการประเมนิ ท้ัง ๒ กจิ กรรม มาประเมนิ ตดั สนิ รว่ มกนั ๑๑.๖ ครูผรู้ บั ผดิ ชอบ กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชนเ์ ป็นผูป้ ระเมนิ และ ตดั สินกิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑๑.๗ นักเรยี นทมี่ เี วลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลารว่ ม กิจกรรมรายปี และผา่ นจุดประสงคส์ าคัญของกิจกรรม มีผลการประเมนิ และตัดสนิ “ผา่ น” ๑๑.๘ นกั เรยี นท่มี เี วลาเข้าร่วมกิจกรรมน้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาร่วม กิจกรรมรายปี หรือไม่ผ่านจุดประสงค์สาคัญของกิจกรรม มีผลการประเมนิ และตดั สนิ “ไม่ผา่ น” ๑๑.๙ นกั เรยี นท่ีได้รบั การตดั สิน “ไม่ผ่าน” ต้องดาเนินการปรบั ปรงุ ซ่อมเสรมิ แก้ไข ตามแนวทางทค่ี รูปรกึ ษาหรือบังคบั บัญชากาหนดและมกี ารประเมินใหม่ ๑๑.๑๐ นกั เรียนทีไ่ ด้รับการตัดสนิ “ไมผ่ า่ น” และไดร้ บั การประเมินใหมแ่ ล้วผา่ นเกณฑ์ การประเมิน ตดั สิน “ผา่ น” ๑๑.๑๑ นกั เรยี นท่ีได้รบั การตัดสิน “ผ่าน” ทกุ กิจกรรมไดร้ ับสทิ ธิพิจารณาจบชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ หมวดที่ ๓ เกณฑก์ ารจบหลักสตู ร ข้อ ๑๒ นักเรียนจะไดร้ ับการพจิ ารณาอนุมัติให้จบชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ และชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ตอ้ งมีคุณสมบตั ิครบถ้วนทุกข้อดังน้ี ๑๒.๑ ต้องมเี วลาเรยี นไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด ๑๒.๒ ต้องได้รับการประเมินทุกตัวช้วี ัด และมผี ลการประเมินแตล่ ะกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ไม่ตา่ กว่า ระดับผลการเรยี น ๑ ๑๒.๓ ต้องไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรยี นทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๑๒.๔ ตอ้ งได้รับการประเมนิ และมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ ี่โรงเรียนกาหนด ใน ๓ ด้านดังนี้ ๑๒.๔.๑ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น ๑๒.๔.๒ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑๒.๔.๓ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ข้อ ๑๓ ผอู้ านวยการโรงเรียนเปน็ ผู้อนุมตั ผิ ลการเรยี นและการจบหลกั สูตร

๑๒๗ หมวดที่ ๔ การเทยี บโอนผลการเรยี น ข้อ ๑๔ โรงเรยี นจะรบั เทยี บโอนผลการเรยี น ซ่ึงเป็นความรู้ ทักษะ และประสบการณข์ องผู้เรยี น ทเ่ี กดิ จากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั มาประเมินเปน็ สว่ นหนง่ึ ของ การศึกษา ตามหลักสูตรของโรงเรยี นตามแนวปฏิบตั ติ ่อไปน้ี ๑๔.๑ คณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรียน ๑๔.๑.๑ โรงเรยี นแต่งต้งั คณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรียนขน้ึ คณะหน่งึ มี จานวนไมน่ อ้ ยกวา่ ๓ คน แตไ่ ม่เกนิ ๕ คน ประกอบดว้ ยหัวหนา้ กลุม่ วชิ าการเป็นประธานกรรมการ ๑ คน ครู ประจาชั้น เปน็ กรรมการและเลขานุการ ๑ คน และครูในโรงเรยี นผมู้ ีความรปู้ ระสบการณ์ในสาขาวิชาการศึกษา รวมไม่เกนิ ๓ คน เป็นกรรมการ ๑๔.๒ วธิ ีดาเนินการเทยี บโอนผลการเรยี น ๑๔.๒.๑ ผู้ขอเทียบโอนผลการเรยี น ตอ้ งขึ้นทะเบยี นเปน็ นักเรยี นของโรงเรยี น ราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ และโรงเรยี นต้องดาเนนิ การเทียบโอนในภาคเรยี นแรกทขี่ อข้ึนทะเบยี น ๑๔.๒.๒ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรยี น ต้องพิจารณาจากสาระการ เรยี นรู้/มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ช้ีวดั ความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ของผู้เทียบโอน โดยเทยี บเคียงกบั โครงสรา้ ง หลกั สูตร สาระการเรยี นรแู้ ละมาตรฐานของโรงเรียน โดยมีผลการพิจารณาแลว้ สอดคล้องกับโครงสรา้ ง หลักสตู ร สาระการเรยี นรู้และมาตรฐานของโรงเรยี นไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ๑๔.๒.๓ การเทยี บโอนความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ ใหพ้ ิจารณาจาก เอกสาร หลกั ฐาน (ถ้ามี) โดยให้มกี ารประเมินดว้ ยเครื่องมือทห่ี ลากหลาย และให้ได้ระดบั ผลการเรียนตามเกณฑ์ การประเมนิ ผลการเรียนของหลักสตู รโรงเรียน ๑๔.๒.๔ จานวนกลมุ่ วิชา รายวชิ า ที่จะรบั เทียบโอนและอายุของผลการเรยี นท่ี จะนามาเทียบโอนให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและวชิ าการ ทั้งนี้ เมือ่ เทยี บโอนแล้วผู้ ขอเทียบโอนตอ้ งมีเวลาเรียนในโรงเรยี นไมน่ ้อยกวา่ ๑ ภาคเรยี น ๑๔.๒.๕ ผลการพจิ ารณาและตัดสนิ ของคณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรียน ให้ เสนอคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและงานวชิ าการพจิ ารณาให้ความเห็นชอบแล้วเสนอผ้อู านวยการพจิ ารณา ตามเกณฑก์ าหนด คือ มผี ลการเรยี นเทยี บโอนสอดคลอ้ งกับหลกั สตู รของโรงเรยี นมากกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ พิจารณา อนมุ ตั ิ ผลการเรยี นเทยี บโอนสอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรของโรงเรียนน้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ พิจารณาไม่อนุมัติ ๑๔.๒.๖ การกาหนดรายละเอียดวธิ กี ารและหลักการเทียบโอนใหเ้ ปน็ ไปอย่าง สอดคลอ้ งกบั กฎกระทรวงและระเบียบท่กี ระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด

๑๒๘ หมวดท่ี ๖ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา ขอ้ ๑๕ โรงเรยี นจดั ใหม้ เี อกสารการประเมนิ ผลการเรยี นตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑๕.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ. ๑) ๑๕.๒ หลกั ฐานแสดงวฒุ กิ ารศกึ ษา (ประกาศนียบตั ร) (ปพ. ๒) ๑๕.๓ แบบรายงานผ้สู าเร็จการศึกษา (ปพ. ๓) ๑๕.๔ แบบแสดงผลการพฒั นาคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์(ปพ. ๔) ๑๕.๕ แบบบนั ทกึ ผลการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น(ปพ.๕) ๑๕.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รยี นรายบุคคล(ปพ. ๖) ๑๕.๗ ใบรับรองผลการศกึ ษา(ปพ. ๗) ๑๕.๘ ระเบยี นสะสม(ปพ. ๘) ๑๕.๙ สมดุ /คู่มือหลักสตู รโรงเรียน(ปพ. ๙) เอกสาร ปพ. ๑ ปพ. ๒ ปพ. ๓ ใหใ้ ชร้ ูปแบบทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด ขอ้ ๑๖ โรงเรยี นอาจจดั ใหม้ เี อกสารอนื่ ๆ เพื่อเปน็ หลกั ฐานการศึกษาเพ่มิ เติม ตามนโยบายและ ความเหมาะสมกับสถานการณ์ หรือบรู ณาการเอกสารทีโ่ รงเรยี นจดั ทาตามสภาพความเหมาะสม หมวดท่ี ๗ การปรบั ปรงุ และพฒั นาระเบยี บ ขอ้ ๑๗ ใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและงานวชิ าการ พิจารณาเสนอข้อมูล มติ เพ่ือปรบั ปรงุ และ พฒั นาระเบียบน้ีต่อผู้อานวยการโรงเรยี นพิจารณาให้ความเหน็ ชอบ ข้อ ๑๘ การใชร้ ะเบยี บ ระเบยี บน้ีมผี ลบังคบั ใช้ ตัง้ แตว่ ันท่ี ผอู้ านวยการโรงเรยี น ลงนามประกาศ เป็นตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๘ (นางวิลาวัลย์ ปาลี) ผู้อานวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑

๑๒๙ การบรหิ ารจดั การหลักสตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ การบรหิ ารจดั การหลักสตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ กระบวนการในการบรหิ ารจัดการนาหลักสูตรไปใช้ถือว่าเป็นปจั จัยท่สี าคญั เปน็ อยา่ งมากทจี่ ะชว่ ย สนับสนุนส่งเสรมิ ใหก้ ารใชห้ ลกั สูตรของสถานศึกษาบรรลผุ ลสงู สุด ดงั นน้ั สถานศกึ ษาจึงไดก้ าหนดแผนการ บรหิ ารจัดการหลักสูตรของสถานศึกษาข้ึน เพ่อื ใหผ้ ูท้ ม่ี ีสว่ นเกี่ยวข้องกบั การจดั การศกึ ษาของสถานศึกษาในทกุ ๆ ส่วน และทุกระดับ เกิดความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับจุดหมายของหลักสตู ร การพัฒนาการเรียนการสอน การ นเิ ทศการศกึ ษา การบรหิ ารหลักสูตร การประเมนิ ผล และแนวปฏิบตั ขิ องสถานศึกษาท่ีจะต้องดาเนนิ การให้ สอดคล้องและเหมาะสมกบั สภาพความต้องการของหลักสูตรสถานศกึ ษา สาหรับการบริหารจดั การหลกั สูตร ของสถานศึกษาโรงเรยี นพัฒนาการศึกษา กาหนดแนวทางการบริหารจัดการไว้ ๓ ข้ันตอน ๙ ภารกิจ ดงั นี้ ๑. แนวทางการบรหิ ารจดั การด้านวชิ าการ ข้นั ตอนท่ี ๑ การเตรยี มความพร้อมของสถานศกึ ษา ภารกจิ ที่ ๑ การเตรียมความพรอ้ มของสถานศกึ ษา ๑.๑ สร้างความตระหนักให้แก่บุคลากร ซ่ึงประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร ผู้สอน ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียน ท้ังน้ีเพ่ือให้เห็นความสาคัญ ความจาเป็นท่ีจะต้องร่วมมือกันบริหารจัดการ หลักสูตรสถานศึกษาของสถานศึกษา ๑.๒ แต่งต้ังคณ ะกรรมการ และคณ ะอนุกรรมการของสถานศึกษาตามระเบียบของ กระทรวงศึกษาธิการว่าดว้ ยคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและงานวิชาการสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พ. ศ. ๒๕๕๒ ๑.๓ ประชาสัมพันธ์ใหน้ กั เรยี น ผ้ปู กครอง ชุมชน หน่วยงาน องค์กรในชมุ ชนทกุ ฝ่าย ไดร้ ับทราบ และความรว่ มมอื ในการบริหารจดั การหลกั สตู รของสถานศึกษา ๑.๔ จดั ทาขอ้ มลู สารสนเทศของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ ๑.๕ จดั ทาแผนพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา ๑.๖ พัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนาความรู้ไปใช้ในการ จดั ทาสาระของหลกั สตู รสถานศึกษา ขน้ั ตอนที่ ๒ การดาเนินการจัดทาสาระของหลกั สตู รสถานศึกษา ภารกิจที่ ๒ จดั ทาสาระของหลักสตู รสถานศกึ ษา ๒.๑ ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลทีเ่ กยี่ วข้อง ๒.๒ กาหนดปรชั ญา และเป้าหมายของการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา ๒.๓ กาหนดโครงสรา้ งของหลกั สตู รแต่ละรายชนั้ และจดั สดั สว่ นเวลาเรยี น ๒.๔ กาหนดตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรู้ของกลุม่ วิชา ๒.๕ กาหนดสาระและกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ๒.๖ กาหนดส่ือการเรยี นรู้ ๒.๗ กาหนดการวดั และประเมินผล ภารกิจท่ี ๓ การวางแผนบรหิ ารจดั การหลกั สูตรสถานศกึ ษา ๓.๑ การบริหารการจัดการกิจกรรมการเรยี นรู้ ๓.๒ การบรหิ ารการจดั การกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๓.๓ การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การจัดการกจิ กรรมการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

๑๓๐ ภารกิจท่ี ๔ ปฏบิ ตั ิการบริหารจัดการหลกั สตู รสถานศึกษา ดาเนนิ การบริหารจัดการหลกั สูตรตามภารกิจที่ ๒ และภารกิจท่ี ๓ ที่กาหนดไว้ ขัน้ ตอนท่ี ๓ การนเิ ทศ กากับ ติดตาม ประเมินผล และรายงาน ภารกจิ ที่ ๕ การนเิ ทศ กากับ ติดตาม ประเมนิ ผล ๕.๑ การนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการภายใน สถานศึกษา ๕.๒ การนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการจากภายนอก สถานศกึ ษา ภารกิจท่ี ๖ สรุปผลการดาเนินการบริหารจัดการหลักสูตรของสถานศึกษา ๖.๑ สถานศกึ ษาสรปุ ผลการดาเนนิ การ และเขยี นรายงาน ๖.๒ สรุปผลการดาเนินงานรูปแบบบรหิ ารจดั การหลกั สูตรสถานศกึ ษา ภารกจิ ท่ี ๗ ปรับปรงุ และพฒั นากระบวนการบรหิ ารจดั การหลกั สูตร ๗.๑ สถานศึกษานาผลการดาเนินการ ปัญหา และขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ มาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานใน การวางแผนปรับปรงุ และพัฒนากระบวนการบริหารจดั การหลกั สูตรของสถานศกึ ษา ๗.๒ สถานศึกษาดาเนินการปรับปรุง และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตร เพื่อให้เกิด ประโยชนม์ ากขน้ึ ขน้ั ตอนท่ี ๔ การบรหิ ารทว่ั ไปตรยี มความพร้อมของสถานศกึ ษา ภารกจิ ที่ ๘ การสนับสนนุ กระบวนการบริหารจัดการหลกั สตู ร เปน็ ภารกิจการสนับสนุนการบริหารงานวชิ าการของโรงเรียน ให้มีประสิทธิภาพสงู สุด โดยมี กิจกรรมทีส่ าคญั ดังน้ี ๘.๑ การพัฒนาบุคลากรของสถานศกึ ษา ดาเนินการพัฒนาบคุ ลากรให้มคี วามรู้ ทักษะความสามารถและเจตคติทีถ่ ูกต้องต่อการ จัดการเรียนการสอนทีเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สาคัญตามนโยบายปฏิรปู การเรยี นรู้ สามารถจดั การเรยี นการสอนไดต้ าม จุดเนน้ ทีห่ ลักสตู รสถานศึกษากาหนด มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรมที่เหมาะสมกบั อาชพี และเป็นที่ยอมรับของนักเรยี น ผ้ปู กครอง ๘.๒ การใชห้ อ้ งเรยี น อาคารเรียน และสถานที่ เพอ่ื ให้ประโยชน์ในการจัดการศึกษาของ โรงเรยี น ๑) สนับสนุนการจัดหอ้ งเรยี นใหส้ ามารถจัดกิจกรรมการเรยี นรไู้ ด้หลากหลายลักษณะ สวยงาม น่าอยู่ มกี ารสื่อการเรียนและส่ือสนับสนุนการเรยี นรู้ทเ่ี พียงพอ ๒) สนบั สนุนให้ครูใช้และอานวยความสะดวกในการใชห้ ้องปฏิบตั กิ าร สถานที่ปฏิบัตงิ าน จุดศึกษาและแหล่งเรียนร้ภู ายในโรงเรยี น เพื่อเนน้ ให้ไดเ้ รยี นรู้ด้วยการปฏบิ ัตจิ ริง ๓) การสรา้ งความสะอาด สวยงาม รม่ รนื่ และความปลอดภยั ในโรงเรยี น โดยการจดั ใหโ้ รงเรียนมีความสวยงาม ร่มรื่นดว้ ยไม้ยืนตน้ ไม้ดอก ไม้ประดับ ใหน้ ักเรยี นเป็นผู้รับผดิ ชอบในการรกั ษาความ สะอาดในบริเวณโรงเรยี น ใหโ้ รงเรียนเป็นสถานท่ีพักผอ่ นหยอ่ นใจและเล่นกีฬาของนักเรียน มคี วามปลอดภัย ในการใช้ชวี ติ ในโรงเรียนและความปลอดภัยในทรัพยส์ นิ ของทางราชการและเปน็ เขตปลอดส่งิ เสพติดทุกประเภท ๘.๓ การบริหารจัดการงบประมาณในการจดั การเรียนการสอน โรงเรียนเน้นให้การจัดสรรงบประมาณค่าวัสดุการศึกษา (รายหัว) และงบประมาณอืน่ ๆ ท่ี เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคณุ ภาพการจดั การศึกษาให้เป็นประโยชน์ตอ่ นกั เรียนและการจดั การเรยี นการสอนตาม หลักสูตรสถานศกึ ษา

๑๓๑ ๘.๔ การขอรบั การสนับสนุนชว่ ยเหลือการจดั การศกึ ษาของโรงเรยี น มีกิจกรรมการ ดาเนินงาน ดังน้ี ๑) การประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พืน้ ฐานของโรงเรียน เพอื่ ให้การปฏิบัตงิ าน ตามภารกิจ หน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน เกิดประโยชน์และมี ประสทิ ธิภาพสูงสุดต่อการจัดการศึกษาของโรงเรยี น ๒) การประชุมผ้ปู กครองนักเรยี น เพอ่ื การช้แี จงการดาเนินงานของโรงเรยี น การ ประสานงานการจัดการศึกษาและพัฒนางาน ๓) การร่วมกิจกรรมกบั ชุมชน ท้องถิ่น องคก์ รปกครองท้องถ่นิ และหนว่ ยงานในท้องถิ่น ๘.๕ การประกันคุณภาพการจัดการศกึ ษาภายในของสถานศึกษา เปน็ การดาเนนิ งานของสถานศกึ ษาทร่ี ว่ มมือกับชุมชนและหน่วยงานต้นสังกัดทเ่ี กี่ยวข้อง ใหเ้ ปน็ ทีเ่ ช่อื มนั่ ไดว้ ่าผู้เรยี นทุกคนจะได้รบั บริการด้านการศึกษาท่ีมีคณุ ภาพจากสถานศึกษา สามารถพฒั นา ความรู้ ความสามารถและคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงคต์ ามที่กาหนดในมาตรฐานหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน โดยมีการดาเนนิ งาน ดงั น้ี ๑) การประเมินตนเองประจาปีของครูผู้สอน ๒) การประเมินตนเองประจาปีของสถานศึกษา ๓) การรายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี เสนอต่อหน่วยงานต้นสงั กดั หนว่ ยงานที่เก่ยี วข้อง คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ผูป้ กครองนักเรยี นและชุมชน เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. ระดบั ประถมศกึ ษา ๑.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดหลักเกณฑก์ ารวัดและ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพื่อตัดสินผลการเรียนของผ้เู รยี น ดังน้ี ๑) ผเู้ รยี นต้องมีเวลาเรยี นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด ๒) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ ับการประเมินทุกตวั ช้ีวัดและผา่ นตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด ๓) ผู้เรียนตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรียนทุกรายวชิ า ๔) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมินและมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนดในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น การตดั สนิ ผลการเรยี น ตดั สนิ เปน็ รายวิชา โดยใชผ้ ลการประเมินระหวา่ งปแี ละปลายปีตามสัดส่วนท่ี สถานศกึ ษากาหนด ทกุ รายวิชาตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ ให้ผลการเรยี นตามแนวทางการใหร้ ะดับผลการเรียนตามที่ สถานศกึ ษากาหนด และผูเ้ รยี นต้องผา่ นทกุ รายวิชาพื้นฐาน

๑๓๒ ๑.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรียน การประเมินผลการเรียนสาระการเรยี นรรู้ ายวิชา ตามผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวังของรายวชิ า ซึง่ สถานศกึ ษาวเิ คราะห์จากตัวช้ีวัดชัน้ ปี การประเมนิ สาระการเรยี นร้รู ายวชิ า ให้ตดั สินผลการประเมนิ ระดับผลการ เรยี น ๘ ระดบั คอื “๔” หมายถึง ผลการเรียนดีเย่ียม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรียนดีมาก “๓” หมายถงึ ผลการเรยี นดี “๒.๕” หมายถงึ ผลการเรียนคอ่ นข้างดี “๒” หมายถึง ผลการเรยี นนา่ พอใช้ “๑.๕” หมายถึง ผลการเรยี นพอใช้ “๑” หมายถึง ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ข้ันต่า “๐” หมายถึง ผลการเรยี นต่ากวา่ เกณฑ์ การประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคน์ น้ั ใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผา่ นและไมผ่ า่ น กรณที ผี่ า่ นใหร้ ะดบั ผลการประเมินเปน็ ดเี ยย่ี ม ดี และผ่าน ๑. ในการสรุปผลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน เพอ่ื การเลือ่ นช้นั และจบการศกึ ษา กาหนดเกณฑ์การตดั สนิ เป็น ๔ ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดับ ดังน้ี ดเี ยีย่ ม หมายถงึ มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นทม่ี ีคณุ ภาพดีเลิศอยูเ่ สมอ ดี หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นที่ มคี ณุ ภาพเป็นทีย่ อมรบั ผา่ น หมายถึง มีผลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ทมี่ คี ุณภาพเปน็ ทีย่ อมรับ แตย่ ังมีข้อบกพร่องบางประการ ไมผ่ า่ น หมายถึง ไมม่ ีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนหรือถ้ามผี ลงาน ผลงานนัน้ ยงั มขี ้อบกพร่องที่ต้องไดร้ บั การ ปรบั ปรุงแก้ไขหลายประการ ๒. ในการสรปุ ผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคร์ วมทุกคณุ ลกั ษณะเพื่อการเลอ่ื นชั้นและ จบการศึกษา กาหนดเกณฑก์ ารตัดสนิ เปน็ ๔ ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดบั ดงั น้ี ดเี ยย่ี ม หมายถงึ ผเู้ รยี นปฏบิ ัติตนตามคณุ ลักษณะจนเป็นนสิ ยั และนาไปใช้ใน ชวี ิตประจาวันเพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสงั คม โดยพิจารณา จากผลการประเมนิ ระดับดีเย่ียม จานวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไมม่ ี คณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากวา่ ระดับดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมคี ุณลักษณะในการปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑ์ เพอ่ื ใหเ้ ป็นการ ยอมรบั ของสังคม โดยพจิ ารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดเี ยี่ยม จานวน ๑-๔ คณุ ลักษณะ และ ไมม่ ี คณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กว่าระดับดี หรอื ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดเี ยี่ยม จานวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และไมม่ ี คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กว่าระดบั ผ่าน หรือ ๓. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี จานวน ๕-๘ คณุ ลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ากวา่ ระดับผา่ น ผ่าน หมายถึง ผูเ้ รยี นรับรู้และปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์และเงือ่ นไขท่ีสถานศึกษา

๑๓๓ กาหนดโดยพิจารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผ่าน จานวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ากว่าระดับผา่ น หรือ ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดับดี จานวน ๔ คุณลกั ษณะ และไมม่ ี คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กวา่ ระดับผา่ น ไมผ่ า่ น หมายถึง ผูเ้ รียนรับรูแ้ ละปฏิบตั ิได้ไม่ครบตามกฎเกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขท่ี สถานศึกษากาหนดโดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดับไมผ่ า่ น ตง้ั แต่ ๑ คุณลักษณะ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น จะต้องพจิ ารณาทงั้ เวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และผลงานของผเู้ รยี นตามเกณฑท์ สี่ ถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผ่านและไมผ่ า่ น กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน มี ๓ ลักษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนักเรยี น ซึง่ ประกอบดว้ ย (๑) กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี และผู้บาเพ็ญประโยชน์ โดยผ้เู รียนเลอื กอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ๑ กจิ กรรม (๒) กจิ กรรมชุมนุมหรอื ชมรมอกี ๑ กจิ กรรม ๓) กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ วั อักษรแสดงผลการประเมนิ ดงั น้ี “ผ” หมายถึง ผูเ้ รยี นมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ปฏิบตั กิ ิจกรรม และมีผลงานตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถงึ ผู้เรยี นมเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม และมีผลงานไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด ในกรณีทีผ่ เู้ รียนได้ผลของกิจกรรมเปน็ “มผ” สถานศกึ ษาต้องจัดซ่อมเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นทากิจกรรมใน สว่ นท่ผี ูเ้ รยี นไม่ได้เข้ารว่ มหรอื ไม่ได้ทาจนครบถ้วน แล้วจงึ เปล่ียนผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทง้ั น้ี ตอ้ ง ดาเนนิ การใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปกี ารศกึ ษาน้นั ยกเวน้ มีเหตุสดุ วิสยั ให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของสถานศกึ ษา ๑.๓ การเลอื่ นชน้ั เมื่อสิน้ ปกี ารศึกษา ผเู้ รียนจะไดร้ บั การเลื่อนชั้น เมื่อมคี ุณสมบตั ติ ามเกณฑ์ดงั ต่อไปนี้ ๑) ผู้เรียนมีเวลาเรียนตลอดปีการศึกษาไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด ๒) ผเู้ รยี นมีผลการประเมินผ่านทุกรายวิชาพืน้ ฐาน ๓) ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรม พฒั นาผู้เรยี นผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนด ท้ังน้ี ถา้ ผูเ้ รียนมีข้อบกพร่องเพยี งเลก็ น้อย และสถานศกึ ษาพจิ ารณาเหน็ ว่าสามารถพฒั นาและสอน ซ่อมเสรมิ ได้ ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาที่จะผ่อนผันให้เล่อื นชัน้ ได้ อน่งึ ในกรณีที่ผ้เู รยี นมีหลกั ฐานการเรยี นรทู้ แี่ สดงว่ามีความสามารถดีเลศิ สถานศึกษาอาจใหโ้ อกาส ผเู้ รยี นเลอื่ นชัน้ กลางปีการศึกษา โดยสถานศกึ ษาแตง่ ต้งั คณะกรรมการ ประกอบด้วย ฝา่ ยวชิ าการของ สถานศกึ ษาและผู้แทนของเขตพน้ื ที่การศึกษาหรือต้นสงั กดั ประเมินผู้เรียนและตรวจสอบคุณสมบัตใิ ห้ครบถ้วน ตามเงือ่ นไขทัง้ ๓ ประการ ต่อไปนี้ ๑. มผี ลการเรยี นในปีการศึกษาท่ีผา่ นมาและมีผลการเรยี นระหวา่ งปที ่กี าลงั ศกึ ษาอยูใ่ นเกณฑด์ เี ย่ียม ๒. มีวฒุ ิภาวะเหมาะสมทจี่ ะเรียนในชน้ั ทส่ี ูงข้นึ ๓. ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถทกุ รายวชิ าของช้นั ปีท่ีเรยี นปัจจุบัน และความรู้ ความสามารถทกุ รายวิชาในภาคเรยี นแรกของช้นั ปีทจี่ ะเล่ือนขน้ึ

๑๓๔ การอนุมัติใหเ้ ล่อื นชนั้ กลางปีการศกึ ษาไปเรยี นช้ันสงู ขึน้ ได้ ๑ ระดบั ชนั้ น้ี ตอ้ งไดร้ บั การยินยอมจาก ผูเ้ รียนและผปู้ กครอง และตอ้ งดาเนนิ การใหเ้ สรจ็ สิน้ ก่อนเปิดภาคเรียนท่ี ๒ ของปีการศึกษานั้น สาหรบั ในกรณีที่พบวา่ มผี ูเ้ รยี นกลุม่ พิเศษประเภทต่าง ๆ มปี ญั หาในการเรียนรู้ ใหส้ ถานศกึ ษา ดาเนนิ งานรว่ มกับสานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา/ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจงั หวดั /ศูนย์การศกึ ษาพิเศษเขต การศกึ ษา/หน่วยงานต้นสงั กัด โรงเรียนเฉพาะความพกิ าร หาแนวทางการแก้ไขและพฒั นา ๑.๔ การเรยี นซ้าชน้ั ผเู้ รียนทีไ่ ม่ผ่านรายวิชาจานวนมากและมแี นวโนม้ วา่ จะเป็นปัญหาตอ่ การเรยี นในระดับชัน้ ทส่ี ูงขึ้น สถานศกึ ษาอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียนซ้าช้นั ได้ ทัง้ น้ี ใหค้ านงึ ถงึ วฒุ ิภาวะและความรู้ความสามารถ ของผ้เู รียน เป็นสาคญั ผเู้ รียนท่ไี ม่มคี ุณสมบตั ติ ามเกณฑ์การเลอ่ื นช้ัน สถานศึกษาควรให้เรียนซ้าชนั้ ทงั้ น้ี สถานศึกษาอาจใชด้ ุลยพนิ จิ ใหเ้ ล่อื นชน้ั ได้ หากพิจารณาว่าผู้เรียนมคี ณุ สมบตั ิขอ้ ใดข้อหน่ึง ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) มเี วลาเรยี นไม่ถึงร้อยละ ๘๐ อันเนื่องจากสาเหตุจาเปน็ หรือเหตุสดุ วสิ ัย แตม่ คี ณุ สมบัติตามเกณฑ์ การเลือ่ นชั้นในข้ออื่น ๆ ครบถ้วน ๒) ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ ผ่านมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ไม่ถงึ เกณฑต์ ามทสี่ ถานศึกษากาหนด ในแต่ละรายวชิ า แต่เหน็ วา่ สามารถสอนซ่อมเสริมได้ในปีการศึกษานัน้ และมีคณุ สมบัตติ ามเกณฑก์ ารเล่ือนช้ันใน ข้ออื่น ๆ ครบถว้ น ๓) ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ รายวิชาในกลุม่ สาระภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมอยู่ในระดับผา่ นก่อนท่จี ะให้ผู้เรยี นเรียนซ้าชั้น สถานศึกษาควรแจง้ ให้ผู้ปกครองและผเู้ รียน ทราบเหตุผลของการเรียนซา้ ชั้น ๑.๕ การสอนซอ่ มเสรมิ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดใหส้ ถานศึกษาจัดสอนซอ่ มเสริม เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รยี นเต็มตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริม เปน็ การสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพรอ่ ง กรณีทผ่ี ูเ้ รยี นมีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลักษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากาหนด สถานศกึ ษาต้องจัดสอนซ่อมเสรมิ เปน็ กรณี พิเศษอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพอ่ื พฒั นาให้ผู้เรยี นสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดท่ี กาหนดไว้ เปน็ การใหโ้ อกาสแก่ผ้เู รียนไดเ้ รยี นร้แู ละพัฒนา โดยจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ีห่ ลากหลายและ ตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล ๑.๖ เกณฑก์ ารจบระดบั ประถมศกึ ษา ๑. ผเู้ รยี นเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน จานวน............ช่วั โมง และรายวชิ าเพมิ่ เติม / กจิ กรรมเพ่ิมเติม จานวน .........ช่ัวโมงและมผี ลการประเมินรายวชิ าพื้นฐานผา่ นทุกรายวชิ า ๒. ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน ระดบั “ผ่าน” ข้ึนไป ๓. ผเู้ รียนต้องมีลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผ่าน” ขึ้นไป ๔. ผู้เรียนตอ้ งเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน และไดร้ ับการตัดสินผลการเรียน “ผา่ น” ทุกกิจกรรม ๒. ระดบั มธั ยมศึกษา ๒.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี น หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดหลกั เกณฑ์การวดั และ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพื่อตดั สนิ ผลการเรียนของผู้เรยี น ดงั นี้ ๑) ตัดสนิ ผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรยี นตอ้ งมเี วลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมดในรายวิชานัน้ ๆ ๒) ผ้เู รียนต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชีว้ ดั และผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด ๓) ผเู้ รียนตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรยี นทกุ รายวชิ า

๑๓๕ ๔) ผู้เรียนตอ้ งได้รบั การประเมินและมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนดในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น การตัดสินผลการเรียน ตัดสนิ เปน็ รายวชิ า โดยใชผ้ ลการประเมนิ ระหว่างภาคและปลายภาคตาม สัดส่วนท่ีสถานศึกษากาหนด ทุกรายวชิ าตอ้ งไดร้ บั การตัดสินและให้ระดบั ผลการเรียน ท้ังน้ี ผเู้ รียนต้องผา่ นทุก รายวิชาพื้นฐาน ๒.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรียน การตดั สนิ ผลการเรยี นในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้ระบบผา่ นและไม่ผา่ น โดยกาหนดเกณฑ์การ ตดั สินผ่านแตล่ ะวชิ าท่ีร้อยละ ๕๐ จากนน้ั จงึ ให้ระดบั ผลการเรยี นทผี่ า่ น สาหรบั ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ และ ตอนลาย ใชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรยี นเป็น ๘ ระดบั แนวการใหร้ ะดบั ผลการเรียน ๘ ระดับ และความหมาย ของแตล่ ะระดบั ดงั นี้ “๔” หมายถึง ผลการเรียนดเี ยยี่ ม “๓.๕” หมายถึง ผลการเรยี นดีมาก “๓” หมายถงึ ผลการเรยี นดี “๒.๕” หมายถงึ ผลการเรยี นค่อนข้างดี “๒” หมายถงึ ผลการเรียนน่าพอใช้ “๑.๕” หมายถงึ ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถงึ ผลการเรียนผา่ นเกณฑข์ ั้นตา่ “๐” หมายถงึ ผลการเรยี นต่ากว่าเกณฑ์ ในกรณที ่ีไม่สามารถให้ระดบั ผลการเรยี นเป็น ๘ ระดับได้ให้ใชต้ วั อกั ษรระบเุ งื่อนไขของผลการเรียน ดังนี้ “มส” หมายถงึ ผเู้ รยี นไม่มีสทิ ธิเขา้ รับการวดั ผลปลายภาคเรยี น เนื่องจาก ผเู้ รียนมเี วลาเรยี นไม่ถงึ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแต่ละ รายวชิ า และไม่ได้รับการผ่อนผนั ใหเ้ ขา้ รับการวดั ผล ปลายภาคเรียน “ร” หมายถึง รอการตัดสนิ และยังตดั สนิ ผลการเรียนไม่ได้ เนื่องจาก ผู้เรยี นไมม่ ขี ้อมลู ผลการเรยี นรายวิชานั้นครบถว้ น ได้แก่ ไมไ่ ดว้ ัดผลระหวา่ งภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี น ไมไ่ ด้ส่งงาน ที่มอบหมายใหท้ า ซ่งึ งานนน้ั เป็นส่วนหน่งึ ของการตัดสนิ ผลการเรยี นหรือมีเหตสุ ดุ วสิ ยั ทีท่ าให้ประเมนิ ผลการเรียน ไม่ได้ การประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์นั้นให้ระดบั ผลการ ประเมนิ เป็นผ่านและไม่ผ่าน กรณีท่ีผ่านให้ระดบั ผลการประเมินเป็นดเี ย่ียม ดี และผ่าน ๑. ในการสรุปผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน เพ่อื การเล่อื นชน้ั และจบการศึกษา กาหนดเกณฑ์ การตัดสินเปน็ ๔ ระดับ และความหมายของแตล่ ะระดบั ดงั น้ี ดเี ยย่ี ม หมายถึง มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี นท่ีมีคุณภาพดเี ลศิ อยู่เสมอ

ดี หมายถงึ ๑๓๖ มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ทมี่ คี ุณภาพเป็นท่ียอมรบั ผา่ น หมายถงึ มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนท่ีมคี ุณภาพเป็นทย่ี อมรบั แตย่ ังมีข้อบกพรอ่ งบาง ประการ ไมผ่ ่าน หมายถงึ ไม่มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี น หรือถา้ มผี ลงาน ผลงานน้นั ยงั มี ข้อบกพร่องทีต่ ้องได้รบั การปรบั ปรงุ แกไ้ ขหลายประการ ๒. ในการสรปุ ผลการประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคร์ วมทกุ คณุ ลักษณะเพ่ือการเลื่อนชนั้ และจบ การศึกษา กาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเปน็ ๔ ระดับ และความหมายของแตล่ ะระดับ ดังน้ี ดเี ย่ยี ม หมายถงึ ผู้เรยี นปฏิบตั ิตนตามคณุ ลักษณะจนเปน็ นสิ ยั และนาไปใช้ ในชวี ิตประจาวนั เพอ่ื ประโยชน์สขุ ของตนเองและสังคม โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ดีเย่ยี ม จานวน ๕-๘ คณุ ลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่า กว่าระดบั ดี ดี หมายถึง ผเู้ รยี นมคี ุณลกั ษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพ่ือให้ เปน็ การยอมรับของ สังคม โดยพิจารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดเี ยยี่ ม จานวน ๑-๔ คณุ ลักษณะ และไม่มี คุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมิน ต่ากวา่ ระดบั ดี หรอื ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดับดีเย่ยี ม จานวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ผ่าน หรอื ๓. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ กวา่ ระดับผา่ น ผา่ น หมายถึง ผู้เรยี นรบั รู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขท่ี สถานศึกษากาหนดโดยพิจารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับผ่าน จานวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไมม่ ี คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ กวา่ ระดบั ผา่ น หรอื ไมผ่ า่ น หมายถงึ ๓. ได้ผลการประเมินระดบั ดี จานวน ๔ คุณลกั ษณะ และ ไม่มคี ณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผา่ น ผู้เรยี นรับรแู้ ละปฏิบตั ิได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และ เงื่อนไขท่สี ถานศึกษากาหนด โดยพจิ ารณาจากผลการ ประเมินระดบั ไมผ่ ่าน ต้ังแต่ ๑ คุณลกั ษณะ

๑๓๗ การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน จะตอ้ งพจิ ารณาทัง้ เวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และผลงานของผเู้ รียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด และใหผ้ ลการประเมินเปน็ ผ่านและไม่ผ่าน กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซ่งึ ประกอบดว้ ย (๑) กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ผูบ้ าเพ็ญประโยชน์ และนักศกึ ษาวิชาทหาร โดยผู้เรยี นเลือกอย่างใดอยา่ งหนึ่ง (๒) กิจกรรมชุมนุมหรือชมรม ทัง้ น้ี ผู้เรียนระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้นจะตอ้ งเข้าร่วมกจิ กรรมทง้ั ข้อ (๑) และ (๒) ๓) กิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ให้ใช้ตวั อักษรแสดงผลการประเมนิ ดังน้ี “ผ” หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ปฏิบัตกิ ิจกรรม และมผี ลงานตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถงึ ผูเ้ รียนมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน ปฏิบัติกิจกรรม และมผี ลงานไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด ๒.๓ การเปลย่ี นผลการเรยี น ๒.๓.๑ การเปลย่ี นผลการเรยี น “๐” สถานศึกษาจดั ให้มีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ดั ทผ่ี ู้เรียนสอบไม่ผ่านกอ่ นแลว้ จึง สอบแกต้ ัวได้ไม่เกิน ๒ คร้งั ถา้ ผู้เรียนไมด่ าเนนิ การสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาที่สถานศึกษากาหนด ให้อยูใ่ นดุลย พนิ ิจของสถานศกึ ษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรียน สาหรับภาคเรยี นที่ ๒ ตอ้ งดาเนนิ การให้ เสรจ็ สิ้นภายในปกี ารศกึ ษาน้ันถา้ สอบแกต้ วั ๒ คร้งั แลว้ ยังได้ระดับผลการเรียน “๐” อีก ให้สถานศึกษาแต่งตัง้ คณะกรรมการดาเนนิ การเกย่ี วกบั การเปลย่ี นผลการเรียนของผเู้ รยี น โดยปฏบิ ตั ดิ ังน้ี ๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพื้นฐาน ให้เรียนซา้ รายวิชาน้ัน ๒) ถ้าเปน็ รายวชิ าเพิ่มเติม ให้เรียนซา้ หรอื เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ท้งั นี้ ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของ สถานศึกษาในกรณที เี่ ปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นว่าเรียนแทนรายวิชาใด ๒.๓.๒ การเปลย่ี นผลการเรยี น “ร” การเปล่ียนผลการเรยี น “ร” ให้ดาเนนิ การดงั น้ี ใหผ้ ู้เรยี นดาเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผเู้ รยี นแก้ไขปญั หาเสรจ็ แล้วใหไ้ ด้ระดับผลการเรียน ตามปกติ(ตงั้ แต่ ๐-๔)ถา้ ผเู้ รยี นไม่ดาเนนิ การแก้ไข “ร” กรณีทส่ี ่งงานไม่ครบ แตม่ ีผลการประเมนิ ระหว่างภาค เรียนและปลายภาคให้ผ้สู อนนาข้อมูลท่ีมีอยู่ตดั สนิ ผลการเรียน ยกเว้นมีเหตุสดุ วิสัย ใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรียน สาหรบั ภาคเรยี นที่ ๒ ตอ้ งดาเนนิ การให้ เสร็จสน้ิ ภายในปกี ารศึกษาน้ัน เมื่อพ้นกาหนดนแ้ี ลว้ ให้เรยี นซ้า หากผลการเรยี นเป็น “๐” ให้ดาเนนิ การแก้ไข ตามหลักเกณฑ์ ๒.๓.๓ การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส” การเปลยี่ นผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ดงั น้ี ๑) กรณีผู้เรยี นได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถงึ ร้อยละ ๘๐ แต่มีเวลาเรยี นไมน่ ้อยกว่า ร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานัน้ ให้สถานศึกษาจดั ใหเ้ รียนเพ่มิ เติมโดยใชช้ วั่ โมงสอนซอ่ ม เสริม หรือใชเ้ วลาว่าง หรอื ใชว้ นั หยุด หรอื มอบหมายงานให้ทา จนมเี วลาเรียนครบตามท่กี าหนด ไวส้ าหรับรายวชิ านนั้ แลว้ จงึ ใหว้ ดั ผลปลายภาคเปน็ กรณีพิเศษผลการแก้ “มส” ใหไ้ ดร้ ะดบั ผล การเรยี นไม่เกนิ “๑” การแก้ “มส” กรณีนีใ้ หก้ ระทาให้เสร็จสิน้ ภายในปีการศึกษาน้นั ถ้าผูเ้ รยี น

๑๓๘ ไมม่ าดาเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้น้ใี ห้เรียนซา้ ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวิสัย ใหอ้ ยู่ใน ดลุ ยพินิจของสถานศึกษาท่จี ะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน แตเ่ ม่ือพ้น กาหนดนแี้ ลว้ ให้ปฏบิ ตั ิดงั นี้ (๑) ถ้าเป็นรายวิชาพ้ืนฐานให้เรยี นซา้ รายวชิ าน้นั (๒) ถา้ เป็นรายวิชาเพ่ิมเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซา้ หรอื เปลีย่ น รายวชิ าเรียนใหม่ ๒) กรณีผู้เรยี นได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรยี นน้อยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรยี น ท้ังหมด ใหส้ ถานศึกษาดาเนินการดังนี้ (๑) ถ้าเปน็ รายวิชาพน้ื ฐาน ใหเ้ รียนซ้ารายวชิ านั้น (๒) ถ้าเปน็ รายวชิ าเพ่ิมเติม ใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ใหเ้ รยี นซา้ หรอื เปลีย่ น รายวชิ า เรยี นใหม่ ในกรณีทเ่ี ปลย่ี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นวา่ เรยี นแทนรายวิชาใด การเรยี นซา้ รายวชิ า ผู้เรียนที่ได้รบั การสอนซอ่ มเสรมิ และสอบแก้ตัว ๒ คร้งั แล้วไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ให้ เรยี นซ้ารายวิชานั้น ทั้งน้ี ให้อย่ใู นดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจดั ให้เรยี นซ้าในช่วงใดช่วงหน่ึงทส่ี ถานศึกษา เห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วนั หยุด ช่วั โมงวา่ งหลังเลกิ เรียน ภาคฤดรู ้อน เปน็ ต้น ในกรณภี าคเรยี นท่ี ๒ หากผเู้ รียนยังมผี ลการเรยี น “๐” “ร” “มส” ให้ดาเนินการใหเ้ สร็จส้ินกอ่ นเปดิ เรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศกึ ษาอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดูรอ้ นเพื่อแก้ไขผลการเรยี นของผเู้ รยี นได้ ทัง้ น้ีหากสถานศึกษาใดไม่สามารถดาเนินการเปิดสอนภาคฤดูร้อนได้ ใหส้ านกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษา/ต้นสงั กดั เปน็ ผพู้ ิจารณาประสานงานให้มกี ารดาเนินการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อแก้ไขผลการเรยี นของผเู้ รยี น ๒.๓.๔ การเปลย่ี นผล “มผ” กรณีที่ผ้เู รยี นไดผ้ ล “มผ” สถานศึกษาตอ้ งจัดซ่อมเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนทากิจกรรมในสว่ นทีผ่ เู้ รยี นไม่ได้เขา้ ร่วมหรือไม่ไดท้ าจนครบถ้วน แล้วจงึ เปลยี่ นผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้งั นี้ ดาเนนิ การใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในภาค เรียนนั้น ๆยกเว้นมีเหตุสุดวสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินจิ ของสถานศึกษาทจี่ ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรียน สาหรับภาคเรยี นที่ ๒ต้องดาเนินการให้เสรจ็ สนิ้ ภายในปกี ารศึกษานน้ั ๒.๔ การเลอ่ื นชน้ั เมอ่ื สนิ้ ปีการศึกษา ผเู้ รียนจะไดร้ ับการเลอื่ นชัน้ เมือ่ มีคุณสมบตั ติ ามเกณฑ์ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๒.๔.๑ รายวิชาพ้นื ฐานและรายวชิ าเพิ่มเตมิ ได้รบั การตัดสินผลการเรียนผ่านตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษา กาหนด ๒.๔.๒ ผ้เู รียนตอ้ งได้รับการประเมนิ และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดในการ อา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ๒.๔.๓ ระดับผลการเรยี นเฉล่ียในปกี ารศึกษานน้ั ควรได้ไมต่ ่ากวา่ ๑.๐๐ ทงั้ นี้ รายวิชาใดที่ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ สถานศกึ ษาสามารถซ่อมเสรมิ ผู้เรยี นให้ได้รบั การแก้ไข ในภาคเรียนถัดไป ท้งั น้สี าหรับภาคเรียนที่ ๒ ตอ้ งดาเนนิ การให้เสร็จสน้ิ ภายในปกี ารศึกษาน้ัน ๒.๕ การสอนซอ่ มเสริม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให้สถานศึกษาจัดสอนซ่อมเสริม เพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รยี นเต็มตามศกั ยภาพ การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง กรณีทผี่ ้เู รียนมีความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลกั ษณะ ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด สถานศกึ ษาต้องจัดสอนซ่อมเสรมิ เปน็ กรณี พเิ ศษอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพ่ือพฒั นาใหผ้ เู้ รยี นสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั ที่

๑๓๙ กาหนดไว้ เป็นการใหโ้ อกาสแกผ่ ู้เรยี นไดเ้ รยี นรูแ้ ละพัฒนา โดยจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ หี่ ลากหลายและ ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลการสอนซอ่ มเสริมสามารถดาเนินการได้ในกรณี ดังต่อไปน้ี ๑) ผเู้ รียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอทจ่ี ะศึกษาในแตล่ ะรายวชิ าน้ัน ควรจัดการสอนซอ่ มเสรมิ ปรับความรู้/ทักษะพ้ืนฐาน ๒) ผเู้ รยี นไม่สามารถแสดงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะท่ีกาหนดไวต้ าม มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั ในการประเมินผลระหวา่ งเรียน ๓) ผเู้ รียนที่ไดร้ ะดบั ผลการเรียน “๐” ใหจ้ ัดการสอนซอ่ มเสริมก่อนสอบแก้ตัว ๔) กรณีผ้เู รยี นมผี ลการเรยี นไมผ่ ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสริมในภาคฤดรู ้อนเพอื่ แกไ้ ขผลการเรียน ท้ังนี้ ให้อยใู่ นดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา ๒.๖ การเรยี นซา้ ชน้ั ผู้เรียนท่ไี ม่ผา่ นรายวิชาจานวนมากและมแี นวโนม้ ว่าจะเป็นปญั หาตอ่ การเรียนในระดับชั้นท่สี งู ข้นึ สถานศกึ ษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียนซา้ ชนั้ ได้ ทั้งน้ี ใหค้ านงึ ถงึ วุฒภิ าวะและความรคู้ วามสามารถ ของผเู้ รยี นเป็นสาคัญการเรยี นซา้ ชั้น มี ๒ ลกั ษณะ คือ ๑) ผู้เรียนมรี ะดบั ผลการเรียนเฉล่ียในปกี ารศึกษานัน้ ตา่ กว่า ๑.๐๐ และมแี นวโน้มวา่ จะเป็นปัญหาต่อ การเรียนในระดับชั้นท่สี งู ข้ึน ๒) ผเู้ รยี นมผี ลการเรียน ๐, ร, มส เกนิ คร่ึงหน่งึ ของรายวิชาทีล่ งทะเบยี นเรียนในปกี ารศกึ ษานน้ั ทัง้ น้ี หากเกิดลกั ษณะใดลักษณะหนงึ่ หรอื ทัง้ ๒ ลักษณะ ใหส้ ถานศกึ ษาแตง่ ตั้งคณะกรรมการ พจิ ารณาหากเหน็ วา่ ไม่มเี หตุผลอันสมควรกใ็ ห้ซ้าช้นั โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและให้ใช้ผลการเรียนใหม่แทน หากพจิ ารณาแล้วไม่ต้องเรยี นซ้าชน้ั ใหอ้ ยูใ่ นดุลยพินจิ ของสถานศึกษาในการแก้ไขผลการเรยี น ๒.๗ เกณฑก์ ารจบระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑. ผเู้ รยี นเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน และรายวชิ าเพม่ิ เติม จานวน..........หนว่ ยกิต โดยเปน็ รายวิชาพ้ืนฐาน จานวน ๖๖ หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพมิ่ เตมิ จานวน..........หน่วยกิต ๒. ผู้เรยี นต้องไดห้ น่วยกติ ตลอดหลกั สูตร ไมน่ ้อยกว่า ๗๗ หนว่ ยกติ โดยเปน็ รายวิชาพ้นื ฐาน จานวน ๖๖ หนว่ ยกิต และรายวิชาเพ่มิ เติม ไมน่ ้อยกวา่ ๑๑ หน่วยกติ ๓. ผเู้ รยี นต้องมีผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น ระดบั “ผ่าน” ขน้ึ ไป ๔. ผู้เรยี นตอ้ งมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั “ผ่าน” ขึน้ ไป ๕. ผเู้ รียนตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน และได้รับการตดั สนิ ผลการเรียน “ผา่ น” ทุกกิจกรรม

๑๔๐ บทที่ ๔ การโอนผลการเรียนเขา้ สหู่ ลักสตู รการอาชีวศึกษา การโอนผลการเรยี นจากหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ระดบั มัธยมศึกษา ตอนปลาย รายวิชาพน้ื ฐาน และจากหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวิชาบังคับ เข้าส่หู ลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พุทธศักราช ๒๕๕๖ หมวดวชิ า ทักษะชวี ติ และหมวดวิชาเลอื กเสรี มีแนวทางในการดาเนนิ การ ดังน้ี ๑. วเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรูข้ องหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ เปรยี บเทยี บกบั จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชาและคาอธิบายรายวชิ า หมวดวิชาทักษะชวี ิต ในหลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พุทธศกั ราช ๒๕๕๖ ๒. พิจารณาแนวทางการเทียบรายวิชาตามระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ าร ว่าด้วยการจัดการศึกษาและ ประเมนิ ผลการเรยี นตามหลักสตู รประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ คอื ตอ้ งเปน็ รายวิชา หรือ กลุ่มวิชาท่ีมจี ุดประสงค์และเน้อื หาใกล้เคยี งกนั ไมต่ ่ากวา่ รอ้ ยละ ๖๐ และมจี านวนหน่วยกติ ไมน่ อ้ ยกวา่ หนว่ ยกติ ของ รายวิชาทรี่ ะบไุ ว้ในหลกั สูตร โดยมแี นวทางในการพิจารณาได้หลายกรณี ดังนี้ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน/ หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษา รายวชิ า ขนั้ พนื้ ฐาน ๓. การโอนผลการเรยี นรายวชิ า รายวิชาทีน่ ามาขอโอนผลการเรียนจะตอ้ งเปน็ รายวิชาทไ่ี ด้ระดบั ผลการเรียน ไม่ตา่ กว่า ๒.๐ กรณีทไ่ี ด้ระดบั ผลการเรยี นตา่ กว่า ๒.๐ ใหส้ ถานศึกษาท่ีรบั โอนผลการเรียนทาการประเมินใหม่ ถ้ามผี ล ตามเกณฑม์ าตรฐานแลว้ จงึ รบั โอนรายวิชานนั้ รายวชิ าทไี่ ดร้ ะดบั ผลการเรียนตง้ั แต่ ๒.๐ ขึ้นไป สถานศึกษาจะรบั โอนผล การเรยี นหรือจะทาการประเมนิ ใหม่แล้วจงึ รับโอนรายวชิ าน้นั กไ็ ด้ กรณีมีการประเมนิ ใหม่ ระดับผลการเรียนให้เป็นไปตามทไี่ ด้จากการประเมนิ ใหม่ แต่ต้องไม่สูงไปกว่าเดิม ๔. การใหร้ ะดับผลการเรียนเฉพาะรายวชิ า ให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับผลการเรยี นตามระเบียบกระทรวง ศกึ ษาธิการ วา่ ด้วยการจัดการศกึ ษาและการประเมินผลการเรยี นตามหลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพ พุทธศักราช ๒๕๕6ดงั น้ี ๔.๐ หมายถงึ ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดเี ยี่ยม ๓.๕ หมายถงึ ผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑด์ มี าก ๓.๐ หมายถงึ ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑด์ ี ๒.๕ หมายถงึ ผลการเรยี นอย่ใู นเกณฑ์ดีพอใช้ ๒.๐ หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑพ์ อใช้ ๑.๕ หมายถึง ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑ์อ่อน

๑.๐ หมายถึง ผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑอ์ อ่ นมาก ๑๔๑ ๐ หมายถงึ ผลการเรยี นตก ๓ นก. ๒-๐-๒ ชี ๑-๐-๑ ๑-๐-๑ พ ๑-๐-๑ ๑-๐-๑ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ๖ นก. พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ ๒-๐-๒ ๒-๐-๒ พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๐-๒-๑ ๐-๒-๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๖ กลมุ่ วชิ าภาษาไทย นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพนื้ ฐาน ๒๐๐๐-๑๑๐๒ ภาษาไทยเพอื่ อาชีพ * ๒๐๐๐-๑๑๐๔ การพดู ในงานอาชีพ * ๒๐๐๐-๑๑๐๕ การเขยี นในงานอาชพี * ๒๐๐๐-๑๑๐๖ ภาษาไทยเชงิ สร้างสรรค์ หมายเหตุ * หมายถึง นาไปเทยี บเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลือกเสรี กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๖ นก. ๒๐๐๐-๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษในชีวติ จรงิ ๑ ๒๐๐๐-๑๒๐๒ ภาษาองั กฤษในชีวิตจรงิ ๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๕ การอ่านสอ่ื สง่ิ พมิ พใ์ นชวี ิตประจาวนั ๒๐๐๐-๑๒๐๖ การเขยี นในชีวติ ประจาวนั กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ๖ กลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔ นก. นก. ๒๐๐๐-๑๓๐๑ วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาทกั ษะชวี ติ ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๒ วิทยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาอาชพี ชา่ งอตุ สาหกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๓ วทิ ยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาอาชพี ธุรกจิ และบรกิ าร ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๔ วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชีพศิลปกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๕ วิทยาศาสตร์เพอ่ื พฒั นาอาชพี เกษตรกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๖ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ * ๐-๒-๑ หมายเหตุ * หมายถึง นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลือกเสรี ** หมายถึง เลอื กตามสาขาวชิ าท่ีเรยี นเพ่ือนาไปเทยี บเปน็ รายวชิ า ในหมวดวชิ าทักษะชวี ติ

๑๔๒ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กลมุ่ วชิ าคณติ ศาสตร์ ๔ นก. กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ๖ นก.ช ๒๕๕๑ ๒๐๐๐-๑๔๐๑ คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๒ คณติ ศาสตร์พ้ืนฐานอาชพี * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๓ คณติ ศาสตรพ์ ้นื ฐานอุตสาหกรรม ๑ ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๕ เรขาคณติ วเิ คราะหแ์ ละแคลคูลัสเบ้อื งตน้ ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๖ คณติ ศาสตรพ์ าณชิ ยกรรม ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๗ คณติ ศาสตรเ์ พ่อื การออกแบบ ** ๒-๐-๒ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ** หมายถึง เลือกตามสาขาวชิ าทเ่ี รียนเพ่ือนาไปเทยี บเปน็ รายวชิ า ในหมวดวชิ าทักษะชวี ติ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ๘ กลมุ่ วชิ าสงั คมศกึ ษา ๓ นก. นก. ศาสนาและวฒั นธรรม ๒๐๐๐-๑๕๐๑ หนา้ ทพี่ ลเมืองและศีลธรรม ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๒ ทกั ษะชวี ิตและสังคม * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๓ ภมู ิศาสตร์และประวตั ิศาสตร์ไทย * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๗ ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทยี บเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษา ๓ กลมุ่ วชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๒ นก. นก. และพลศกึ ษา ๒๐๐๐-๑๖๐๓ การออกกาลงั กายเพื่อเสริมสร้าง ๐-๒-๑ สมรรถภาพในการทางาน ๒๐๐๐-๑๖๐๖ การจัดระเบยี บชวี ิตเพ่ือความสุข ๑-๐-๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ ๓ - นก. ๓ - กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงาน นก. รวม หมวดวชิ าทกั ษะชวี ิต ๒๒ หนว่ ยกติ อาชพี และเทคโนโลยี หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๑๐ หนว่ ยกติ จานวนหนว่ ยกติ รวม ๔๑ หนว่ ยกติ

๑๔๓ ตารางการเทยี บรายวชิ า หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ าบงั คบั กับหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พุทธศักราช ๒๕๕๖ หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ และหมวดวชิ าเลือกเสรี หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบ หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ วชิ าภาษาไทย กลมุ่ วชิ าภาษาไทย ๓ นก. พท๓๑๐๐๑ ภาษาไทย ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพ้ืนฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๑๐๒ ภาษาไทยเพ่ืออาชพี ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๔ การพดู ในงานอาชีพ * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๕ การเขียนในงานอาชีพ * ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทยี บเปน็ รายวิชาในหมวดวิชาเลือกเสรี วชิ าภาษาตา่ งประเทศ กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๖ นก. พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษในชีวิตจรงิ ๑ ๒-๐-๒ และสังคม ๒๐๐๐-๑๒๐๒ ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ๒ ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๕ การอา่ นสอื่ สง่ิ พิมพ์ในชีวิตประจาวัน ๐-๒-๑ หมายเหตุ ตอ้ งเรยี นรายวิชาภาษาตา่ งประเทศเพมิ่ ในกลุ่มทกั ษะวชิ าชพี เลอื ก อีก ๑ รายวิชา จานวน ๑ หน่วยกิต วชิ าวทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔ นก. พว๓๑๐๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๕ ๒๐๐๐-๑๓๐๑ วิทยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาทักษะชวี ติ ๑-๒-๒ นก. ๒๐๐๐-๑๓๐๒ วทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพ ๑-๒-๒ ช่างอตุ สาหกรรม *** ๒๐๐๐-๑๓๐๓ วิทยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชีพธุรกจิ ๑-๒-๒ และบริการ ** ๒๐๐๐-๑๓๐๔ วิทยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาอาชีพศิลปกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๕ วิทยาศาสตรเ์ พื่อพัฒนาอาชพี เกษตรกรรม *๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๖ โครงงานวิทยาศาสตร์ * ๐-๒-๑ หมายเหตุ * หมายถึง นาไปเทยี บเป็นรายวิชาในหมวดวิชาเลือกเสรี ** หมายถงึ เลอื กตามสาขาวิชาท่เี รยี นเพ่ือนาไปเทียบเป็นรายวิชา ในหมวดวชิ าทักษะชีวติ *** หมายถึง กรณเี รยี นประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม ต้องเรียนเพิ่ม วชิ าคณติ ศาสตร์ กลมุ่ วชิ าคณติ ศาสตร์ ๔ นก. พค๓๑๐๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๔๐๑ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๒ คณติ ศาสตร์พื้นฐานอาชพี ๒-๐-๒ หมายเหตุ

๑๔๔ กรณีเรียนประเภทวชิ าอุตสาหกรรม ใหเ้ รียนรายวิชาคณติ ศาสตร์ พืน้ ฐานวชิ าชีพเพม่ิ เติมตามเงื่อนไข ของหลกั สตู ร หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบ หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๖ วชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ทช๓๑๐๐๒ สขุ ศกึ ษา พลศกึ ษา ๒ นก. กลมุ่ วชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๒ นก. ๒๐๐๐-๑๖๐๓ การออกกาลังกายเพื่อเสริมสร้าง ๐-๒-๑ สมรรถภาพในการทางาน ๒๐๐๐-๑๖๐๖ การจัดระเบยี บชวี ติ เพ่ือความสุข ๑-๐-๑ วชิ าสงั คมศกึ ษา กลมุ่ วชิ าสงั คมศกึ ษา ๓ นก. สค๓๑๐๐๑ สงั คมศึกษา ๓ นก. ๒๐๐๐-๑๕๐๒ ทกั ษะชวี ติ และสงั คม * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๗ ประวัตศิ าสตร์ชาติไทย ๑-๐-๑ ศาสนาและหนา้ ที่พลเมอื ง ๒๐๐๐-๑๕๐๑ หน้าทพ่ี ลเมอื งและศีลธรรม ๒-๐-๒ สค๓๑๐๐๒ ศาสนาและหนา้ ทพ่ี ลเมือง ๒ นก. หมายเหตุ * หมายถึง นาไปเทียบเป็นรายวิชาในหมวดวิชาเลอื กเสรี การพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม ๑ นก. - ทกั ษะการขยายอาชพี โครงการพฒั นาทักษะวชิ าชพี อช๓๑๐๐๒ ทกั ษะการขยายอาชพี ๔ นก. ๒๕๐๑-๘๕๐๑ โครงการ *-*-๔ พัฒนาอาชีพให้มคี วามมน่ั คง ๒ นก. - ทักษะการเรยี นรู้ ทร๓๑๐๐๑ ทกั ษะการเรียนรู้ ๕ นก. วชิ าเลอื กเสรี ๒๐๐๐*๙๓๐๑ ทักษะการเรียนรู้ * ๒-๐-๒ หมายเหตุ * หมายถงึ รายวชิ าพฒั นาเพิ่มเตมิ นาไปเทยี บเป็นรายวชิ า ในหมวดวิชาเลอื กเสรี ช่องทางการขยายอาชพี ๒ นก. - ๑ นก. วชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒๐๐๐*๙๕๐๑ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ๑-๐-๑ ทช๓๑๐๐๑ เศรษฐกจิ พอเพยี ง หมายเหตุ * หมายถึง รายวิชาพัฒนาเพ่ิมเติม นาไปเทยี บเปน็ รายวชิ า ในหมวดวิชาเลอื กเสรี ศลิ ปศึกษา ๒๐๐๐*๙๕๐๒ ศิลปศกึ ษา ๒-๐-๒ ทช๓๑๐๐๓ ศิลปศึกษา ๒ นก. หมายเหตุ * หมายถึง รายวชิ าพัฒนาเพ่ิมเติม จานวนหนว่ ยกติ รวม ๔๔ หนว่ ยกติ รวม หมวดวชิ าทักษะชวี ติ ๒๑ หนว่ ยกติ หมวดวชิ าชีพ ๔ หนว่ ยกติ โครงการพฒั นาทักษะวชิ าชพี หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๑๐ หนว่ ยกติ

๑๔๕ บทที่ ๕ การวดั และประเมนิ ผล การวดั และประเมนิ ผล เน้นการประเมนิ สภาพจริง ทงั้ นี้ ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการจัดการศึกษา และการประเมินผลการเรียนตามหลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พุทธศักราช ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ บทท่ี ๖ การโอนผลการเรยี น การโอนผลการเรยี น ๑ หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ เปน็ การจัดการเรยี นการสอนในรายวชิ าพน้ื ฐาน ๔๑ หนว่ ยกติ ของสถานศึกษาในสงั กดั สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน และรายวชิ าบังคับ ๔๔ หนว่ ยกิต ในสถานศกึ ษาสงั กัดสานกั งานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ซงึ่ จัดการเรียนการสอนโดยสถานศึกษาตน้ สังกดั แล้วใชว้ ธิ ีการ โอนผลการเรยี น เข้าสูห่ ลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.) พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ ในหมวดวิชาทกั ษะชวี ติ แต่เงือ่ นไขของการ เรียนรายวิชาในหมวดวิชาทกั ษะชวี ติ กาหนดให้เรียนรายวิชาลาดับแรกของกล่มุ วชิ า หรือตามที่กลุ่มวิชากาหนด และเลือกเรียนรายวชิ าส่วนท่เี หลือตามท่ีกาหนดในแต่ละกล่มุ วชิ า ใหส้ อดคลอ้ งหรือสมั พันธ์กบั สาขาวชิ าทเ่ี รียน อีกรวมไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๒ หน่วยกติ ซ่งึ สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ดาเนินการจัดทาตารางเทยี บโอน รายวิชาจากมาตรฐาน การเรียนรู้ ในหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชาพื้นฐาน และหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชาบังคับส่หู ลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ หมวดวิชาทักษะชวี ิตและหมวดวชิ าเลอื กเสรี ตามตารางเทียบ รายวชิ า ในบทท่ี ๔ ประกอบดว้ ย ๖.๑.๑ กลุ่มวชิ าภาษาไทย ไม่นอ้ ยกว่า ๓ หนว่ ยกติ ๖.๑.๒ กลมุ่ วิชาภาษาต่างประเทศ ไมน่ ้อยกวา่ ๖ หน่วยกิต ๖.๑.๓ กล่มุ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ไมน่ ้อยกวา่ ๔ หน่วยกติ ๖.๑.๔ กลุ่มวิชาคณติ ศาสตร์ ไมน่ ้อยกวา่ ๔ หน่วยกติ ๖.๑.๕ กลุม่ วชิ าสังคมศึกษา ไม่น้อยกวา่ ๓ หนว่ ยกิต ๖.๑.๖ กลมุ่ วชิ าสุขศกึ ษาและพลศึกษา ไม่นอ้ ยกว่า ๒ หน่วยกิต ๒ หมวดวชิ าทกั ษะวชิ าชีพ ในหลกั สตู รการอาชีวศึกษาแตล่ ะประเภทวชิ า สาขาวิชาและสาขางาน กาหนดให้ผเู้ รยี นมสี มรรถนะ และมาตรฐานการศึกษาวิชาชพี ในหมวดวชิ าทักษะวชิ าชพี ไม่น้อยกว่า ๗๑ หน่วยกิต ประกอบด้วย ๒.๑ กลุ่มทักษะวชิ าชพี พ้นื ฐาน ๑๘ หนว่ ยกติ ๒.๒ กลมุ่ ทักษะวิชาชีพเฉพาะ ๒๔ หน่วยกิต ๒.๓ กลุม่ ทักษะวิชาชพี เลือก ไมน่ อ้ ยกว่า ๒๑ หนว่ ยกติ ๒.๔ ฝกึ ประสบการณท์ ักษะวิชาชพี ๔ หนว่ ยกติ ๒.๕ โครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพ ๔ หนว่ ยกิต ซง่ึ โครงการการจัดการศกึ ษาเรยี นร่วมหลกั สูตรอาชวี ศึกษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศกึ ษา) จะตอ้ งนารายวชิ าในหมวดทกั ษะวิชาชพี ไปจัดการเรยี นการสอนในสถานศึกษาสงั กัดสานักงานคณะกรรมการ

๑๔๖ การอาชวี ศกึ ษา ซ่งึ มีความพร้อมทั้งทางดา้ นครู บุคลากร เคร่ืองมือ อปุ กรณ์ ครุภัณฑ์ และหอ้ งปฏิบตั ิการประจา สาขาวิชาแล้วโอนผลการเรยี นเขา้ ส่หู ลักสตู รมัธยมศึกษาตอนปลายในรายวชิ าเพิ่มเตมิ หรอื รายวชิ าเลอื กต่อไป ๓ หมวดวชิ าเลอื กเสรี ใหเ้ ลือกเรียนตามความถนดั และความสนใจจากรายวิชาทก่ี าหนด หรือเลอื กเรยี นจากรายวิชา ในหลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ ทุกประเภทวชิ า สาขาวชิ าและสาขางาน ทงั้ น้ี สถานศึกษาอาชีวศึกษาสามารถพัฒนารายวชิ าเพ่ิมเตมิ ในหมวดวชิ าเลอื กเสรไี ดต้ ามบรบิ ทและความต้องการของ ชุมชนและท้องถิน่ ไม่น้อยกวา่ ๑๐ หนว่ ยกิต ซ่ึงในการนส้ี านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาไดจ้ ดั ทา ตารางเทียบรายวชิ าเพื่อโอนผลการเรยี นจากรายวิชาพืน้ ฐานและรายวชิ าบังคับ เข้าสู่รายวิชาในหมวดวิชาเลือก เสรีตามตารางเทียบรายวชิ า ในบทที่ ๔ ๔ กิจกรรมเสรมิ หลกั สตู ร สถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาต้องจัดใหม้ กี ิจกรรมเสรมิ หลกั สูตร ไม่นอ้ ยกว่า ๒ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ทกุ ภาค เรียน เพ่ือพัฒนาวชิ าการและวิชาชพี ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม ระเบียบวนิ ยั การตอ่ ตา้ นความรุนแรงและ สารเสพตดิ ส่งเสรมิ การคดิ วิเคราะห์ สรา้ งสรรค์การทางาน ปลกู ฝงั จติ สานกึ และเสรมิ สร้างการเป็นพลเมอื งไทย และพลโลกใช้กระบวนการกลมุ่ ในการทาประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและท้องถนิ่ รวมท้ังการทะนุบารุงขนบธรรมเนียม ประเพณีอนั ดีงามโดยการวางแผน ลงมอื ปฏิบตั ปิ ระเมินผล และปรบั ปรงุ การทางาน ทง้ั น้ีสาหรบั กิจกรรม เสริม หลักสูตรของสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน และสานักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สามารถดาเนนิ การเองและเทียบโอนได้ บทท่ี ๗ การสาเรจ็ การศกึ ษา การสาเรจ็ การศกึ ษา การตดั สินผลการเรยี นเพ่ือสาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ ใหถ้ ือตามเกณฑ์ต่อไปน้ี ๗.๑ ประเมนิ ผ่านรายวชิ าในหมวดวิชาตา่ ง ๆ ครบตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษาแต่ละ ประเภทวชิ า และสาขาวชิ า ๗.๒ ไดจ้ านวนหนว่ ยกติ สะสมครบถว้ นตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรสถานศกึ ษาแตล่ ะประเภทวชิ า และ สาขาวิชา ๗.๓ ได้คา่ ระดบั คะแนนเฉล่ยี สะสมไม่ต่ากวา่ ๒.๐๐ และผา่ นการประเมินมาตรฐานวชิ าชีพตามเกณฑ์ ที่ กาหนด ๗.๔ เขา้ รว่ มกิจกรรมในสถานศกึ ษาไมน่ ้อยกว่า ๒ ชั่วโมงตอ่ สัปดาห์ ครบทุกภาคเรยี น โดยมเี วลาเข้า ร่วมปฏบิ ตั กิ จิ กรรมไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาทจี่ ัดกิจรรมในแต่ละภาคเรียน บทท่ี ๘ การประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพ การประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี การประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี เป็นการยนื ยนั วา่ ผู้สาเร็จการศึกษามสี มรรถนะวิชาชีพตามมาตรฐาน การศกึ ษาวชิ าชพี ท่ีกาหนดไว้ในหลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ แต่ละประเภทวิชา สาขาวิชาและสาขางาน ซง่ึ มีแนวทางในการปฏิบัตดิ งั นี้ ๘.๑ นกั เรียนต้องรบั การประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี เมือ่ นักเรียนได้ลงทะเบยี นเรยี นครบทุกรายวิชา

๑๔๗ ตามหลกั สตู รแต่ละประเภทวิชา และสาขาวชิ าหรือ ตามระยะเวลาที่คณะกรรมการประเมิน มาตรฐานวชิ าชีพเหน็ สมควร ๘.๒ ในการกาหนดเกณฑ์การประเมนิ และเครื่องมือทีใ่ ช้ในการประเมินมาตรฐานวชิ าชพี ให้ ดาเนินการ โดยคณะกรรมการประเมินมาตรฐานวชิ าชีพและเปดิ โอกาสใหห้ นว่ ยงาน/สถานประกอบการหรอื องค์กรภายนอกมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี ๘.๓ ให้มีการพัฒนาเครื่องมือประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี อยา่ งมีระบบและถูกต้องตามหลักการพฒั นา เครื่องมอื บทท่ี ๙ การประกนั คุณภาพหลกั สูตร การประกนั คณุ ภาพหลกั สตู ร ใหท้ ุกหลักสตู รการอาชีวศึกษากาหนดให้มรี ะบบประกนั คุณภาพไว้ให้ชดั เจน อยา่ งนอ้ ยให้ครอบคลมุ ใน ๔ ประเด็น คอื ๙.๑ คุณภาพของผสู้ าเรจ็ การศึกษา โดยดาเนินการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี ตามประเภทวิชา สาขาวิชา และสาขางาน ๙.๒ การบรหิ ารหลกั สตู ร เป็นการบรหิ ารจดั การเรียนการสอนของประเภทวชิ า สาขาวชิ าและสาขา งาน ท่เี ปดิ สอน ทง้ั น้ี สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและสถานศกึ ษาต้องจดั ให้มกี ารประเมนิ เพอ่ื พัฒนาหลกั สตู รที่อยู่ในความรบั ผิดชอบอย่างต่อเนือ่ ง อย่างนอ้ ยทุก ๕ ปี ๙.๓ ทรพั ยากรการจดั การอาชวี ศกึ ษา ใหส้ ถานศึกษาจัดเตรียมทรัพยากรสนบั สนนุ การจัดการ อาชีวศึกษาประกอบด้วยความพร้อมทางดา้ นบุคลากร วัสดุ ครุภัณฑ์ อปุ กรณก์ ารเรยี นการสอนท่ี หลากหลาย งบประมาณ อาคารสถานท่ี หอ้ งสมุดและสง่ิ อานวยความสะดวกอ่ืนๆ ทัง้ นี้ ให้ เปน็ ไปตามมาตรฐานท่ี กาหนดของสาขาวชิ า สาขางาน ๙.๔ ความต้องการกาลงั คนของตลาดแรงงาน ใหส้ ถานศึกษาที่ร่วมจดั การศกึ ษาดาเนนิ การสารวจ ความต้องการกาลังคนของตลาดแรงงาน รวมท้งั สารวจความพงึ พอใจของตลาดแรงงาน สงั คม และ ชุมชนอยา่ งตอ่ เน่ืองทุกปีการศึกษา ทง้ั นี้ เพ่ือนาข้อมูลไปใชใ้ นการพัฒนา/ปรบั ปรุงหลักสูตรใหม้ ี ความทันสมยั สอดคล้องกบั ความต้องการกาลงั คนของตลาดแรงงานและมาตรฐานอาชพี

๑๔๘ ภาคผนวก

๑๔๙ คาสงั่ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ที่ 208 / ๒๕60 เรอ่ื ง แตง่ ตงั้ คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและวชิ าการของโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เพื่อให้การบรหิ ารหลกั สตู รและงานวชิ าการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับพระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพม่ิ เติม หมวด ๔ มาตรา ๒๗ ที่ กาหนดใหส้ ถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานมหี น้าที่จดั ทาสาระของหลักสตู รเพื่อความเปน็ ไทย ความเป็นพลเมืองท่ีดขี อง ชาติ การดารงชีวติ และการประกอบอาชีพคลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ในส่วนที่เก่ียวขอ้ งกบั สภาพของปัญหา ใน ชมุ ชนและสังคม ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์เพ่ือเป็นสมาชกิ ท่ดี ขี องครอบครวั ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ อาศยั ระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ าร ว่าด้วยคณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและงานวิชาการสถานศกึ ษา ขั้นพน้ื ฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ ขอ้ ๕ และประกาศการใช้หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เมอ่ื วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ จงึ แตง่ ตัง้ คณะกรรมการบรหิ าร หลักสตู รและงานวชิ าการของโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ดงั นี้ ก : ฝา่ ยอานวยการ ประกอบดว้ ย ๑. นางวลิ าวลั ย์ ปาลี ผูอ้ านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ประธานกรรมการ ๒. นายวเิ ศษ ฟองตา รองผู้อานวยการ กลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ กรรมการ ๓. นางสาวณฐั ธนัญา บญุ ถีง หวั หนา้ กลมุ่ งานบรหิ ารงานวชิ าการ กรรมการ ๔. นางสาววรรณภรณ์ ทพิ ย์สอน หัวหน้ากลมุ่ สาระภาษาไทย กรรมการ ๕. นางสาวรักชนก วงศซ์ อ่ื หวั หน้ากลุ่มสาระคณิตศาสตร์ กรรมการ ๖. นางสาวณัฐธนัญา บุญถงึ หวั หนา้ กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์ กรรมการ ๗. นางสาวศิรมิ า ปัจฉิมเมฆพชิ ิตหัวหนา้ กลมุ่ สาระสังคมศึกษ กรรมการ ๘. นางสาวจิตตานาถ เทพวงศ์ หัวหน้ากล่มุ สาระสุขศึกษาและพลศึกษา กรรมการ ๙. นายลิปปกร เหมอื งคา หัวหนา้ กล่มุ สาระศิลปะ กรรมการ ๑๐. นางสาววรี ์รศั มิ์ สิทธิพพิ ฒั นานันท์ หัวหนา้ กลุม่ วิชาคหกรรม กรรมการ ๑๑. นายจักรพนั ธ์ ขันคา หวั หน้ากล่มุ วชิ าอตุ สาหกรรม กรรมการ ๑๒. นายพนม บญุ ตอม หัวหน้ากลมุ่ วิชาเกษตรกรรม กรรมการ ๑๒. วา่ ท่รี อ้ ยตรีหญงิ กนกอร วงศ์ษาหวั หนา้ กลุม่ วิชาพาณิชยกรรม กรรมการ ๑๒. นางสาวฐิตารตั น์ คาภรี ะ หวั หนา้ กลุ่มวชิ าคอมพิวเตอร์ กรรมการ

๑๕๐ ภาระงานและหนา้ ทีค่ วามรบั ผิดชอบ ๑. ศกึ ษาและวิเคราะห์ขอ้ มูลพ้นื ฐานเก่ียวกับภารกิจของการบรหิ ารวชิ าการและการบรหิ าร หลกั สูตร แกนกลางฯ ๒. กาหนดและมอบนโยบายในการบริหารงานให้ฝา่ ยปฏิบัตกิ ารดาเนนิ งาน ๓. ดแู ล กากบั ติดตาม ผลการดาเนินงาน ๔. ประเมนิ ผลการดาเนนิ งานเปน็ ระยะ ๆ ๕. สง่ เสริม สนบั สนนุ ใหข้ วัญและกาลังใจในการปฏบิ ัตงิ านของผู้รับผิดชอบและผูท้ ม่ี ีส่วน เกย่ี วขอ้ ง ๖. สรุปผลการดาเนนิ งาน ข : ฝา่ ยปฏบิ ตั กิ าร ประกอบด้วย ทพิ ยส์ อน ประธานอนุกรรมการ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย อาทรกุ อนุกรรมการ รยิ ะนา อนุกรรมการ 1. นางสาววรรณภรณ์ อิ่นใจ อนุกรรมการ 2. นางสาวปิยะภทั ร สนธิคุณ อนุกรรมการ 3. นายนราวุฒิ จอมธรรม อนกุ รรมการ 4. นางสมพร 5. นางสาวกลุ รศิ า วงษ์ซือ่ ประธานอนกุ รรมการ 6. นางสาวนฤมล ดวงแก้ว อนุกรรมการ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ไผทพิทักษว์ งค์ อนกุ รรมการ 1. นางสาวรักชนก คาปนั อนุกรรมการ 2. นางสาวสิรธิ รณ์ 3. นางสาววันเพญ็ บุญถึง ประธานอนกุ รรมการ 4. นางสาวจีราวรรณ ธนันชยั อนกุ รรมการ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ จรูญพนากุล อนุกรรมการ 1. นางสาวณฐั ธนัญา แซจ่ าง อนกุ รรมการ 2. นางสาวจนั จริ า วรรณภิละ อนุกรรมการ 3. นางสาวเมทนิ ี 4. นายเสรี เมฆปจั จฉาพชิ ิต ประธานอนุกรรมการ 5. นางสาวศิริวิมล ไชยบตุ ร อนุกรรมการ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา สมบุตร อนุกรรมการ 1. นางสาวศริ ิมา สอนประเสริฐ์ อนกุ รรมการ 2. นายนิกร 3. นายศรมี ูล 4. นางสาวอาภาภรณ์ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา เทพวงค์ ประธานอนกุ รรมการ 1. นางสาวจติ ตานาถ บญุ รงั อนุกรรมการ 2. นางสาวเชาวนี สถิตทา่ ผาพฒั นา อนกุ รรมการ 3. นายอนชุ า รัตน์เริงวิทย์กลุ อนุกรรมการ 4. นายอนุชิต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook