Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานทวิศึกษาบัญชีปรับปรุง

หลักสูตรสถานทวิศึกษาบัญชีปรับปรุง

Published by sompongpok, 2019-06-14 00:58:17

Description: หลักสูตรสถานทวิศึกษาบัญชีปรับปรุง ปก

Search

Read the Text Version

หลกั สตู รทวศิ กึ ษา(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ ประเภทวิชาพาณชิ ยกรรม สาขา การบญั ชี สานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

๒ ประกาศโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ เรื่อง การใชห้ ลักสูตรโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๘ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ .......................................................................... อนุทินคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. ๒๙๓/๒๕5๑ เร่ืองให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สั่ง ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สอดคล้องกับสภาพความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมและความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการเป็นการสร้างกล ยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาให้สามารถตอบสนองความต้องการของบุคคลสังคมไทย ผู้เรียนมี ศักยภาพในการแข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในสังคมโลก ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีจิตสานึกในความเป็นไทย มี ระเบียบวินัย คานึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข เป็นไปตามเจตนารมณ์มาตรา ๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และ พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ฉะน้ันโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ จึงได้จัดทาหลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๓ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ใหเ้ ปน็ ไปดงั น้ี ปีการศึกษา ๒๕๕8 ให้ใช้หลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕8 ตาม หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ รายวชิ าสาระเพ่ิมเตมิ กล่มุ สาระการงานอาชพี และ เทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4-6 หลักสูตรเรียนร่วมอาชวี ศึกษาและมัธยมศกึ ษาตอนปลาย(ทวศิ ึกษา) ท้ังน้ีหลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้น พื้นฐาน เมอ่ื วนั ที่ ๒ เดอื น มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๘ จึงประกาศใช้หลกั สูตรโรงเรียนต้งั แต่บดั น้เี ป็นต้นไป ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒ เดอื น มีนาคม พุทธศกั ราช ๒๕60 (นายประมวล ฟองตา) (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ผู้อานวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑

๓ สารบญั คานา หนา้ ประกาศโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เรือ่ งการใช้หลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ความนา 2 วิสัยทศั น์ 4 หลกั การ 7 จุดหมาย 7 สมรรถนะหลกั ของผเู้ รยี น 8 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 8 โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 9 โครงสรา้ งหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานและโครงสรา้ งหลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี 10 โครงสร้างเวลาเรยี นระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) สาขาบญั ชี 11 12 โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ (สาขาบัญช)ี โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ (สาขาบญั ชี) 14 โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๖ (สาขาบัญช)ี 15 16 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน คาอธิบายรายวิชาพืน้ ฐาน 21 คาอธบิ ายรายวิชากลมุ่ บังคบั เลอื ก 30 คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ 80 กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 87 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้และการส่งเสรมิ การเรียนรตู้ ามหลักสูตรโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ 117 ระเบียบโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ว่าด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลาง 120 การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ พ.ศ. ๒๕๕๘ เกณฑ์การวดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้ 124 ภาคผนวก 125

๔ ความนา สบื เนือ่ งจากกระทรวงศกึ ษาธิการมีนโยบายในการผลติ ผเู้ รยี นด้านอาชีวศึกษาให้มากขึ้น เพ่อื รองรบั การ จ้างงาน ทั้งภาคธุรกิจบริการ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาชีพที่เป็นความ ต้องการของตลาดแรงงานที่กาลังขยายตัวในทุกภาคส่วน กระทรวงศึกษาธิการซ่ึงเป็นหน่วยงานที่ผลิตกาลังคน จาเป็นอย่างยิ่งต้องเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ ให้นักเรียนได้หันมาสนใจเรียนทางด้านอาชีพซ่ึงมีตลาด รองรับอย่างแน่นอนให้มากข้ึน แต่เน่ืองจากสภาพปัจจุบันค่านิยมของผู้ปกครองและผู้เรียนมุ่งท่ีจะสนับสนุนให้มี การเรียนสายสามัญเพื่อเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา ส่งผลให้ขาดกาลังคนในภาคแรงงานเป็นอย่างมาก รัฐบาลจึงมี นโยบายท่ีจะให้มีการจัดการศึกษาหลักสูตรเรียนร่วมอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลายควบคู่กันไป เพ่ือให้ ผู้สาเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีความรู้พื้นฐานด้านอาชีพและสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทันที การจดั การอาชวี ศกึ ษาและฝึกอบรมวิชาชีพถอื เปน็ อีก ชอ่ งทางหน่งึ ที่สอดคลอ้ งและสมั พันธ์กับตลาดแรงงาน สามารถผลิตกาลงั คนในระดับฝีมือท่ีได้มาตรฐาน สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ตระหนักถึงความสาคัญดังกล่าว จึงจัดให้มีการจัดการอาชีวศึกษาอย่าง หลากหลายย่ิงข้ึน ทั้งนี้เพื่อเปน็ การเพ่ิมโอกาสทางการศึกษาดา้ นวชิ าชีพใหแ้ กป่ ระชาชนวยั เรยี นและวัยทางานตาม ความถนัด ความสนใจ และสามารถเข้าถึงการอาชีวศึกษาได้ง่ายข้ึน โดยการขยายวิชาชีพและกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ ระบบการจัดการอาชีวศึกษาให้ชัดเจน ท่ัวถึง และรวดเร็วขึ้น เพ่ือเป็นทางเลือกสาหรับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลายที่มีความประสงค์จะเรียนควบคู่กันไปท้ังสายสามัญและสายอาชีพ เมื่อเรียนครบตามหลักสูตร ผู้เรียน สามารถสาเร็จการศึกษาทั้งหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญและหลักสูตรสายอาชีพไปพร้อมกัน ท้ังนี้ได้ มีการกาหนดการจัดการเรียนการสอนโดยการทาความตกลงร่วมมือกันในการจัดการเรียนการสอนระหว่าง สถานศกึ ษาทเี่ ปดิ สอนมธั ยมศกึ ษากบั สถานศึกษา ท่ีเปดิ สอนหลักสตู ร ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.)

๕ วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่อื เพ่มิ โอกาสทางการศึกษาด้านอาชวี ศึกษาแกป่ ระชาชนวยั เรยี นและวยั ทางานตามความถนดั และความสนใจ ๒. เพื่อขยายกลมุ่ เป้าหมายไปสู่นกั เรยี นระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายในการเขา้ สู่หลกั สูตรอาชวี ศึกษา ๓. เพ่อื เป็นทางเลือกสาหรบั ผ้เู รียนในระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายทีม่ ีความประสงค์จะเรียนควบคู่ ไปกับหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพ  การจดั การศกึ ษาวิชาชพี ในสถานศกึ ษาสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ และทีแ่ ก้ไขเพม่ิ เติม (ฉบบั ที่ ๒) พุทธศกั ราช ๒๕๔๕ซง่ึ ดาเนนิ การปฏิรปู การศกึ ษาทั้งดา้ นการบริหารจดั การและการจัดการเรียนการสอน โดยเนน้ ใหผ้ ู้เรยี น มี โอกาสเรียนร้ตู ลอดชีวิตตามความถนัด ความสนใจ โดยคานึงถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝกึ ทักษะ กระบวนการคดิ การจดั การ การเผชญิ สถานการณ์ และการประยกุ ต์ความรู้ เพื่อนามาใช้ป้องกันและแก้ปัญหา จดั กิจกรรมให้ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้จากประสบการณ์จรงิ ฝกึ การปฏบัตใิ ห้ท้ทาได้ คิดเปน็ ทาเปน็ รกั การอ่าน และเกดิ การ ใฝ่รู้อยา่ งต่อเนือ่ ง จัดการเรยี นการสอน โดยสดั สว่ นสมดลุ กนั รวมทั้งปลกู ฝงั ค่านยิ มท่ีดีงาม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ไว้ในทุกวชิ า ซ่งึ กระทรวงศกึ ษาธิการได้ออกกฎกระทรวงวา่ ด้วยการแบง่ ระดบั และประเภทการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน เป็น ๓ ระดับ คือ ๑. การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา ๒. การศึกษาระดบั ประถมศกึ ษา ๓. การศึกษาระดบั มธั ยมศกึ ษา แบง่ เปน็ ๒ ระดับ คือ ๓.๑ การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ๓.๒ การศึกษาระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งระดบั เป็น ๒ ประเภท คือ ๓.๒.๑ ประเภทสามัญศึกษา ๓.๒.๒ ประเภทอาชวี ศึกษา สาหรบั การจัดการศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลายได้ถูกแบ่งการศึกษาออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั นี้ ประเภทสามญั ศึกษา หน่วยงานที่รับผิดชอบ คอื สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน และประเภท อาชวี ศกึ ษา หนว่ ยงานทรี่ ัผิดชอบ คือสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จากสภาวะการณ์ปจั จบุ ันท่ีต้อง เผชิญการเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกจิ สังคม และเทคโนโลยีอยา่ งรวดเรว็ ทาใหท้ ุกคนในสังคมต้องพยายามปรับตวั ให้สามารถดารงชีวติ อยู่ได้ จึงทาให้สังคมหันมาให้ความสนใจกบั การพฒั นาคุณภาพชีวติ ด้วยการศึกษามากข้นึ โดยเฉพาะอย่างย่ิงดา้ นอาชีวศกึ ษา ทง้ั นี้ เพื่อตอบสนองต่อความตอ้ งการทั้งในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ กอปรกบั รัฐบาล โดยกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ได้ใหค้ วามสาคัญกับการจดั การอาชีวศกึ ษาเพ่ือต้องการให้นกั เรยี นสนใจ เรียนสายอาชีพมากขน้ึ เม่อื สาเรจ็ การศึกษาแลว้ สามารถทางานไดท้ นั ที ดังน้นั เพื่อเป็นการสนองนโยบายดังกลา่ ว ขา้ งต้น จงึ กาหนดให้ดาเนินการเปิดสอนหลกั สูตร ประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) ในโรงเรยี นมัธยม สงั กดั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ใน ๓ ลักษณะ คือ

๖ ลักษณะที่ ๑ ข้ึนทะเบยี นเป็นนักเรียนของสถานศกึ ษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการ ลักษณะท่ี ๒ อาชวี ศึกษาเรยี นหลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) จบแล้วได้วฒุ ปิ ระกาศนยี บตั ร ลกั ษณะท่ี ๓ วชิ าชพี (ปวช.) คือ รูปแบบที่ ๑ บุคลากรจากสถานศกึ ษาสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการ อาชวี ศกึ ษา ไปสอนที่โรงเรียนในสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน รูปแบบที่ ๒ โรงเรยี นในสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานสง่ นักเรียนมาเรียนทีส่ ถานศึกษาในสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ขึ้นทะเบียนเป็นนกั เรยี นของสถานศึกษาสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขน้ั พื้นฐานเรียนหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย แตเ่ นน้ วิชาชพี ตามหลักสตู รจบแลว้ ไดว้ ฒุ ิ มธั ยมศึกษาตอนปลายมี ๒ รูปแบบ คอื รูปแบบท่ี ๑ นักเรยี นเรียนรายวชิ าเพ่ิมเตมิ จากรายวิชาชีพหลักสตู รประกาศนยี บัตร วิชาชีพ (ปวช.) เพือ่ เทยี บโอนเขา้ สู่หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ และ ตอ้ งลงทะเบยี นเปน็ นกั เรยี นของสถานศึกษาในสงั กดั สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา เพื่อเรียนตามหลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) อีกอย่างนอ้ ย ๑ ภาคเรียน จึงจะได้ วฒุ ปิ ระกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ รูปแบบที่ ๒ นกั เรยี นเรียนรายวิชาเพมิ่ เตมิ จากรายวชิ าตามหลักสตู รประกาศนียบตั ร วชิ าชพี (ปวช.) เพอ่ื เป็นพ้ืนฐานการเรยี นต่อระดับประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชน้ั สงู (ปวส.) ขนึ้ ทะเบยี นเป็นนักเรียนของสถานศกึ ษาสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษา ข้นั พืน้ ฐาน แตน่ าหลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ มาจดั การเรยี น การสอน จบแล้วไดว้ ฒุ ิประกาศนียบตั รวชิ าชพี โดยให้สถานศึกษาสังกัดสานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษาเปน็ สถานศึกษาพี่เลย้ี ง ท้ังนี้ ในการเปิดสอนนน้ั ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑก์ ารขอเปิดสอนหลักสตู รระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน

๗  การเรยี นแบบสะสมหนว่ ยกติ การจัดการอาชวี ศึกษาและฝกึ อบรมวิชาชีพ เปน็ การจัดการศกึ ษาวิชาชีพให้สอดคล้องกบั ความตอ้ งการของ ตลาดแรงงาน ให้สามารถผลติ กาลังคนได้ตามเป้าหมายของประเทศรวมท้งั มที กั ษะฝีมอื ท่ไี ดม้ าตรฐาน สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษาจงึ เหน็ สมควรปรับปรุงรปู แบบการบริหารจดั การอาชีวศกึ ษาให้มคี วามหลากหลาย เหมาะสม เพ่อื เพมิ่ โอกาสในการศกึ ษาดา้ นวชิ าชพี สาหรับประชาชนวยั เรียนและวยั ทางานตามความถนัดและความสนใจ ในการเข้าถงึ การศึกษาอาชีวศกึ ษาไดง้ า่ ยมากขึน้ ตอ้ งขยายวธิ กี ารและกลุ่มเปา้ หมาย เพอ่ื เพิม่ โอกาสให้สามารถเขา้ ส่รู ะบบ การจดั การศึกษาอาชวี ศกึ ษาไดอ้ ยา่ งชัดเจน ท่วั ถงึ และรวดเร็ว นับเปน็ ทางเลือกสาหรับประชาชนผสู้ นใจ นักเรียนระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ม. ๑-๓) และระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม. ๔-๖) ทม่ี คี วามประสงคจ์ ะเพ่ิมพนู หรอื สะสมความรู้ ทกั ษะและเตรียมตวั ทีจ่ ะเข้าศึกษาในระดบั อาชวี ศึกษาต่อไป การเรยี นรายวิชาสะสมหนว่ ยกติ ซงึ่ ประกอบด้วยรายวชิ าระยะส้นั รายวิชาเตรียม ปวช. และรายวิชาเตรยี ม ปวส. จะเป็นแนวทางหนง่ึ ในการเพิม่ โอกาสทางดา้ นอาชีวศึกษาในกบั ผสู้ นใจ นกั เรียนทเ่ี รยี นในระดบั ตา่ กว่ามธั ยมศึกษา ตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ได้มโี อกาสศกึ ษาในหลกั สูตรอาชีวศึกษาตามความถนดั และความสนใจ โดยสามารถนา ผลการเรียนจากรายวชิ าดังกลา่ ว มาขอโอนเพอ่ื นบั จานวนหนว่ ยกิตสะสมภายหลงั จากทไ่ี ด้สมคั รเข้าเรียน และข้ึนทะเบยี น เป็นนกั เรียนตามหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) หรอื เป็นนักศึกษาตามหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี ช้นั สงู (ปวส.) กบั สถานศกึ ษาในสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา วสิ ยั ทศั น์ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ มงุ่ จัดการศึกษาสาหรบั เด็กดอ้ ยโอกาสท่มี ีคณุ ภาพและมาตรฐาน พัฒนาผ้เู รยี นให้เป็นบุคคลท่ีมีคุณธรรม จรยิ ธรรม ทักษะอาชีพและทักษะการดารงชวี ิตท่ีดแี ละเป็นสถานศกึ ษา ตน้ แบบแหลง่ เรยี นรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงภายในปี ๒๕๕๘ หลกั การ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๘ ตามหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีหลกั การท่สี าคญั ดงั นี้ ๑. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาเพอ่ื ความเปน็ เอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เปน็ เป้าหมายสาหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพน้ื ฐานของความเปน็ ไทย ควบคู่กบั ความเปน็ สากล ๒. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ท่ีประชาชนทุกคนมโี อกาสได้รับการศึกษาอยา่ งเสมอภาค และมี คณุ ภาพ ๓. เป็นหลกั สูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมสี ่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคล้องกบั สภาพและความต้องการของท้องถน่ิ ๔. เป็นหลกั สตู รการศึกษาทมี่ ีโครงสรา้ งยดื หย่นุ ท้ังดา้ นสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้ ๕. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาทีเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคัญ ๖. เปน็ หลักสตู รการศึกษาสาหรบั การศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั ครอบคลมุ ทกุ กลุม่ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์

๘ จดุ หมาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๘ ตามหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ม่งุ พัฒนาผเู้ รยี นใหเ้ ป็นคนดี มีปัญญา มคี วามสุข มศี ักยภาพใน การศกึ ษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเปน็ จดุ หมายเพอ่ื ใหเ้ กดิ กบั ผ้เู รียน เม่ือจบการศกึ ษาตามหลกั สูตร ดังนี้ ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาทีต่ นนบั ถอื ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการส่ือสาร การคดิ การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทกั ษะชวี ติ ๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจิตทดี่ ี มีสุขนิสัย และรักการออกกาลงั กาย ๔. มคี วามรักชาติ มีจติ สานกึ ในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถชี ีวติ และการปกครองตาม ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิต สาธารณะท่มี ุ่งทาประโยชน์และสร้างสง่ิ ที่ดงี ามในสังคม และอยู่รว่ มกันในสังคมอยา่ งมีความสขุ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น หลักสตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามหลักสตู รแกนกลาง พ.ศ. ๒๕๕๑ มุ่ง พัฒนาผู้เรียนใหม้ ีสมรรถนะสาคญั ๕ ประการตามเจตนารมณ์ของหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ดังน้ี ๑. ความสามารถในการส่ือสาร เปน็ ความสามารถในการรบั และสง่ สาร มวี ฒั นธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคดิ ความรู้ความเขา้ ใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพือ่ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ตอ่ การพฒั นาตนเองและสงั คม รวมทงั้ เจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหาความ ขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลือกรบั หรอื ไม่รับขอ้ มลู ข่าวสารด้วยหลักเหตผุ ล และความถกู ต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธกี าร สอื่ สารท่ีมีประสทิ ธภิ าพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบที่มตี อ่ ตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพอื่ นาไปสู่การสรา้ งองค์ความร้หู รอื สารสนเทศเพื่อ การตดั สินใจเกี่ยวกบั ตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เปน็ ความสามารถในการแก้ปญั หาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ทเี่ ผชญิ ได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพน้ื ฐานของหลักเหตุผล คณุ ธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพนั ธแ์ ละการ เปลย่ี นแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชใ้ นการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหา และมกี ารตดั สินใจท่ีมปี ระสิทธภิ าพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นต่อตนเอง สงั คมและส่งิ แวดล้อม ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรยี นรู้อย่างต่อเนื่อง การทางานและการอยู่ร่วมกันในสงั คมด้วย การสรา้ งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหวา่ งบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การ ปรับตัวให้ทนั กบั การเปลีย่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อมและการรู้จกั หลีกเลย่ี งพฤติกรรมไมพ่ ึงประสงค์ที่ สง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่ืน ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือกและใชเ้ ทคโนโลยีด้าน ตา่ ง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพือ่ การพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่อื สาร การทางาน การแกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ถกู ต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม

๙ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ตามหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มงุ่ พัฒนาผู้เรียนให้มคี ณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เพอื่ ให้ผู้เรยี นสามารถ อยู่รว่ มกบั ผูอ้ ่ืนในสงั คมได้อยา่ งมีความสขุ ในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลกดงั นี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ ๓. มีวินัย ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อยู่อยา่ งพอเพียง ๖. มุ่งมน่ั ในการทางาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มีจติ สาธารณะ

๑๐ โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประกอบดว้ ย โครงสรา้ งเวลาเรยี นและโครงสร้างชัน้ ปี ดงั นี้ 1. โครงสรา้ งเวลาเรยี น เป็นโครงสร้างทแี่ สดงรายละเอยี ดในภาพรวม เวลาเรียนของกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๘ กลุม่ สาระ ใชเ้ ปน็ เวลาเรยี นพ้ืนฐาน เวลาเรยี นเพ่มิ เตมิ และเวลาในการจัดกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน จาแนกแตล่ ะช้ันปี โครงสร้างเวลาเรยี นระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กลุม่ สาระการเรียนรู้ / กิจกรรม เวลาเรยี น ม.๔ ม.๕ ม.๖ รายวชิ าพนื้ ฐาน ภาษาไทย ๘๐ ๘๐ ๘๐ คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ประวัติศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศลิ ปะ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ภาษาองั กฤษ ๔๐ ๔๐ - รวมรายวชิ าพนื้ ฐานทัง้ หมด ๔๐ ๔๐ ๔๐ รายวชิ าเพ่ิมเติม กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๒. กิจกรรมนักเรียน ๔๐ ๔๐ ๔๐ - ชมุ นุม/ นศท./ ผู้บาเพ็ญประโยชน์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๓. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๕๖๐ ๕๖๐ ๕๒๐ รวมกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ๑,๖๔๐ ชั่วโมง ไมเ่ กินกว่า ๑,๖๐๐ ช่วั โมง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๓๖๐ ชวั่ โมง

๑๑ โครงสร้างหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และ โครงสร้างหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน โครงสรา้ งหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ า หนว่ ยกติ รายวชิ า หนว่ ยกติ ๑.รายวชิ าพน้ื ฐาน ๔๑ นก. ๑.หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๒ นก. ๑.๑ กลมุ่ วิชาภาษาไทย ไม่นอ้ ยกว่า ๓ นก. ๑.๑ ภาษาไทย ๖ นก. ๑.๒ ภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ) ๖ นก. ๑.๒ กลุ่มวิชาภาษาตา่ งประเทศ ไมน่ ้อยกว่า ๖ นก. ๑.๓ วิทยาศาสตร์ ๖ นก. ๑.๓ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ไม่น้อยกว่า ๔ นก. ๑.๔ คณิตศาสตร์ ๖ นก. ๑.๔ กล่มุ วชิ าคณติ ศาสตร์ ไม่น้อยกว่า ๔ นก. ๑.๕ สังคมศกึ ษาฯ ๘ นก. ๑.๕ กลุ่มวิชาสังคมศึกษา ไมน่ ้อยกว่า ๓ นก. ๑.๖ สุขศึกษาและพลศึกษา ๓ นก. ๑.๖ กลมุ่ วชิ าสุขศกึ ษาและพลศึกษา ไม่นอ้ ยกวา่ ๒ นก. ๑.๗ ศลิ ปศึกษา ๓ นก. ๑.๘ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๓ นก. ๒.รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ไมเ่ กนิ กวา่ ๔๐ นก. ๒.หมวดวชิ าทกั ษะวิชาชีพ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๗๑ นก. ๒.๑ กล่มุ ทกั ษะวชิ าชพี พน้ื ฐาน ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๘ นก. ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๓๖๐ ชว่ั โมง ๒.๒ กลุ่มทกั ษะวิชาชีพเฉพาะ รวม ไมน่ อ้ ยกวา่ ๘๑ นก. ๒.๓ กลมุ่ ทกั ษะวิชาชพี เลอื ก ๒๔ นก. ๒.๔ ฝกึ ประสบการณ์ทักษะวิชาชพี ไม่นอ้ ยกวา่ ๒๑ นก. ๒.๕ โครงการพัฒนาทักษะวิชาชพี ๓.หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๔ นก. ๔.กจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร ๔ นก. รวม ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐ นก. ๒ ชวั่ โมงตอ่ สปั ดาห์ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐๓ นก.

๑๒ โครงสรา้ งเวลาเรยี นระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) สาขาบัญชี กลุม่ สาระการเรียนรู้ / กิจกรรม เวลาเรยี น ปวช.๑ ปวช.๒ ปวช.๓ รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ๘๐ ๘๐ ๘๐ คณิตศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ วทิ ยาศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สงั คมศึกษาฯ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ศลิ ปศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาอังกฤษ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๕๖๐ ๕๖๐ ๕๖๐ รวมรายวชิ าพ้ืนฐานท้ังหมด รายวิชาเพ่ิมเติม ๑,๖๘๐ ชั่วโมง หน้าท่พี ลเมือง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ รวมรายวชิ าเพิ่มเติม กลุม่ วิชาเลือก (พาณิชยกรรม) ไมเ่ กินกว่า ๑,๖๐๐ ชวั่ โมง ความรู้เกย่ี วกบั งานอาชีพ การบัญชีเบื้องตน้ ๑ ๘๐ การขายเบื้องต้น ๑ ๑๒๐ คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ ๘๐ พิมพด์ ดี อังกฤษเบื้องตน้ ๑ ๑๒๐ เศรษฐศาสตรเ์ บ้ืองต้น ๑๒๐ การบญั ชเี บอ้ื งตน้ ๒ ๘๐ การขายเบ้ืองต้น ๒ ๑๒๐ พมิ พ์ดดี ไทยเบือ้ งต้น ๑๒๐ การใช้คอมพวิ เตอรใ์ นงานบัญชี ๑๒๐ การเป็นผูป้ ระกอบการ ๑๖๐ การบญั ชีสาหรบั กิจการซอื้ ขายสินค้า ๘๐ การบัญชหี ้างหุ้นสว่ น การบัญชสี นิ ค้าและระบบบัญชีเดยี่ ว ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ / กิจกรรม ปวช.๑ เวลาเรียน ๑๓ ปวช.๒ การบัญชตี น้ ทุนเบื้องตน้ ๑,๒๐๐ ๑๖๐ ปวช.๓ การบญั ชบี รษิ ทั จากดั ๔๐ ๑๖๐ กระบวนการจดั ทาบัญชี ๔๐ ๒๐๐ ๑๒๐ ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดากับการบญั ชี ๔๐ ๑๒๐ การบญั ชตี ว๋ั เงิน ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ภาษเี งนิ ไดน้ ติ บิ ุคคลกับการบัญชี ๑๒๐ โครงการ ๑,๒๐๐ ๑๒๐ การจัดการสนิ คา้ คงคลัง ๑,๒๐๐ ๑๖๐ การบัญชีกจิ การพเิ ศษ ๑๖๐ การบญั ชสี ินค้า ๔๐ ๑๖๐ การบัญชีเช่าซ้ือและฝากขาย ๔๐ ๑๖๐ การประยุกต์โปรแกรมตารางงานเพ่ืองานบญั ชี ๔๐ ๑,๑๒๐ การส่งเสรมิ การขาย ๑๒๐ คอมพิวเตอร์และการบารุงรักษา ๓๖๐ ชวั่ โมง ๔๐ ๔๐ รวมวิชาเลือก กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ๔๐ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๑๒๐ ๒. กิจกรรมนักเรียน - ชมุ นุม/ นศท./ ผูบ้ าเพ็ญประโยชน์ ๓. กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ รวมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น

๑๔ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวดั เชยี งใหม่ โครงสรา้ งรายวิชาที่เปดิ สอนสาหรบั นกั เรยี นรายวชิ า ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ (สาขาบัญชี) ภาคเรยี นที่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ หมายเหตุ รหัสวชิ า รายวชิ า นน./นก ชม.ทีส่ อน/ รหัสวชิ า รายวชิ า นน./นก ชม.ท่สี อน/ สปั ดาห์ สัปดาห์ กลุ่มรายวิชาพนื้ ฐาน ๑.๐(๖๐) ๒ ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๒ ๒ ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย ๒ ๒ ค๓๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ค๓๑๑๐๒ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑ ๑ ว๓๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ว๓๑๑๐๒ วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑ ๑ ส๓๑๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ๒ ส๓๑๑๐๓ สงั คมศกึ ษาฯ ๑.๐(๔๐) ๒ ส๓๑๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ ส๓๑๑๐๔ ประวัติศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑๔ พ๓๑๑๐๑ สขุ ศึกษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) ๑ พ๓๑๑๐๒ สุขศึกษาพลศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑ ศ๓๑๑๐๑ ศลิ ปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑ ศ๓๑๑๐๒ ศลิ ปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๓ ๓ ง๓๑๑๐๑ การงานอาชีพและ ๐.๕(๒๐) ๑ ง๓๑๑๐๒ การงานอาชีพและ ๐.๕(๒๐) ๔ เทคโนโลยี เทคโนโลยี ๒ อ๓๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑.๐(๔๐) ๒ อ๓๑๑๐๒ ภาษาอังกฤษ ๑.๐(๔๐) ๑๕ รวมกลมุ่ รายวชิ าพื้นฐาน ๗.๐(๓๔๐) ๑๔ รวมกล่มุ รายวิชาพนื้ ฐาน ๗.๐(๓๔๐) กลุ่มรายวชิ าเพิ่มเติม ๐.๕(๒๐) ๑ หนา้ ท่ีพลเมอื ง ๐.๕(๒๐) หนา้ ที่พลเมอื ง ๑.๕ ๑ ง๓๑๒๗๓ ๑.๕ ความรเู้ ก่ียวกบั งานอาชพี ง๓๑๒๗๑ การบัญชเี บ้อื งตน้ ๑ ๓ ง๓๑๒๘๙ การขายเบือ้ งตน้ ๒ ๑.๕ ง๓๑๒๗๒ การขายเบ้ืองต้น ๑ ๒ ง๓๑๒๙๒ พมิ พด์ ีดไทยเบ้อื งต้น ๑.๕ ง๓๑๒๗๔ คอมพวิ เตอร์และ ๓ ง๓๑๒๙๓ การใชค้ อมพิวเตอรใ์ น ๒ สารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ ง๓๑๒๗๕ พิมพ์ดีดอังกฤษเบื้องตน้ ๑ ๑.๕ งานบัญชี ๑ ๑ ๓ ง๓๑๒๙๑ การเป็นผปู้ ระกอบการ ๗.๕ ง๓๒๒๗๑ เศรษฐศาสตรเ์ บื้องต้น ๗.๕ ๒ รวมกลมุ่ วชิ าเลอื ก ๑๕ รวมกลมุ่ วิชาเลอื ก กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑.กิจกรรมแนะแนว (๒๐) ๒.กิจกรรมนกั เรียน (๒๐) -ชุมนุม/นศท./ผบู้ าเพ็ญประโยชน์ ๓.กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ (๒๐) รวมกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน (๖๐) รวมทั้งหมด

๑๕ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ โครงสร้างรายวชิ าทเ่ี ปดิ สอนสาหรบั นักเรยี นรายวชิ า ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ (สาขาบัญช)ี ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ หมายเหตุ รหสั วิชา รายวิชา นน./นก ชม.ท่สี อน/ รหสั วชิ า รายวชิ า นน./นก ชม.ท่ี สปั ดาห์ สอน/ ๑.๐(๖๐) สัปดาห์ กลมุ่ รายวิชาพ้ืนฐาน ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ๒ ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๒ ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๐(๔๐) ๒ ค๓๒๑๐๒ คณิตศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๒ ค๓๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ว๓๒๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๒ ส๓๒๑๐๓ สงั คมศึกษาฯ ๐.๕(๒๐) ๑ ว๓๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ส๓๒๑๐๔ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ พ๓๒๑๐๒ สุขศกึ ษาพลศึกษา ๑.๐(๔๐) ๑ ส๓๒๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ๒ ศ๓๒๑๐๒ ศลิ ปศึกษา ๗.๐(๓๔๐) ๑ ส๓๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ ๐.๕(๒๐) ๒ พ๓๒๑๐๑ สขุ ศกึ ษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) ๑ ๒ ๑๔ ศ๓๒๑๐๑ ศิลปศึกษา ๐.๕(๒๐) ๑ ๒.๕ ๑.๕ ๑ ง๓๒๑๐๑ การงานอาชพี และ ๐.๕(๒๐) ๑ ง๓๒๑๐๒ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๑.๕ เทคโนโลยี ๗.๕ ๔ อ๓๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑.๐(๔๐) ๒ อ๓๒๑๐๒ ภาษาอังกฤษ (๒๐) ๕ (๒๐) รวมกลมุ่ รายวิชาพ้นื ฐาน ๗.๐(๓๔๐) ๑๔ รวมกลุ่มรายวิชาพืน้ ฐาน ๓ (๒๐) กลมุ่ รายวิชาเพม่ิ เติม ๓ (๖๐) ๑๕ หนา้ ทพ่ี ลเมือง ๐.๕(๒๐) ๑ ส๓๒๒๐๕ หน้าทพี่ ลเมือง กล่มุ วชิ าเลอื ก (พาณชิ ยกรรม) เรียนรว่ ม ปวช.สาขาการบัญชี ง๓๒๒๙๔ การบัญชสี าหรบั กิจการ ๒ ๔ ง๓๒๒๘๗ การบัญชีบรษิ ทั จากัด ซือ้ ขายสินคา้ ง๓๒๒๗๒ การบญั ชีห้างห้นุ ส่วน ๒ ๔ ง๓๒๒๘๖ กระบวนการจดั ทาบญั ชี ง๓๒๒๗๕ การบัญชีสนิ คา้ และ ๑.๕ ๓ ง๓๒๒๘๘ ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดากับการ ระบบบัญชเี ดยี่ ว บญั ชี ง๓๒๒๗๓ การบัญชตี น้ ทนุ เบอ้ื งตน้ ๒ ๔ ง๓๒๒๘๙ การบัญชตี ัว๋ เงนิ รวมกลุ่มวิชาเลือก ๗.๕ ๑๕ รวมกลมุ่ วิชาเลอื ก กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ๑.กจิ กรรมแนะแนว (๒๐) ๑.กิจกรรมแนะแนว ๒.กิจกรรมนกั เรียน (๒๐) ๒.กจิ กรรมนักเรียน -ชุมนุม/นศท./ผูบ้ าเพ็ญประโยชน์ -ชุมนมุ /นศท./ผบู้ าเพ็ญประโยชน์ ๓.กิจกรรมเพ่อื สังคมและ (๒๐) ๓.กจิ กรรมเพอื่ สังคมและ สาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ รวมกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน (๖๐) รวมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น รวมท้ังหมด รวมทงั้ หมด

๑๖ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ อาเภอแมแ่ จ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โครงสร้างรายวชิ าทเ่ี ปดิ สอนสาหรบั นักเรียนรายวชิ า ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ (สาขาบัญช)ี ภาคเรยี นที่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ หมาย เหตุ ชม.ที่ ชม.ที่ สอน/ รหัสวิชา รายวิชา นน./นก สอน/ รหสั วชิ า รายวชิ า นน./นก สัปดาห์ สัปดาห์ ๒ ๒ กลุ่มรายวชิ าพน้ื ฐาน ๒ ๒ ท๓๓๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๒ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๑ คณติ ศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑ ค๓๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑ สังคมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ๑ ว๓๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ๒ สขุ ศึกษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) ส๓๓๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ๒ ศิลปศึกษา ๐.๕(๒๐) ๑๔ การงานอาชีพและ ส๓๓๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑ เทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๑ ภาษาองั กฤษ พ๓๓๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๐.๕(๒๐) ๑ ๑.๐(๔๐) ๔ รวมกลุม่ รายวชิ าพนื้ ฐาน ศ๓๓๑๐๑ ศิลปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑ ๗.๐(๓๔๐) ๔ หนา้ ทีพ่ ลเมือง ๔ ง๓๓๑๐๑ การงานอาชพี และ ๐.๕(๒๐) ๑ ๐.๕(๒๐) ๔ เทคโนโลยี ๑๖ อ๓๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑.๐(๔๐) ๒ รวมกล่มุ รายวชิ าพนื้ ฐาน ๗.๐(๓๔๐) ๑๔ กลมุ่ รายวชิ าเพม่ิ เติม หนา้ ทพ่ี ลเมือง ๐.๕(๒๐) ๑ กลุม่ วชิ าเลอื ก (พาณชิ ยกรรม) เรียนรว่ ม ปวช.สาขาการบญั ชี ง๓๓๒๖๑ ภาษีเงนิ ได้นติ ิบุคคลกับ ๑.๕ ๓ การบัญชีเช่าซื้อและฝากขาย ๒ การบัญชี ๒ การประยุกตโ์ ปรแกรม ๒ ง๓๓๒๖๓ โครงการ ๔* ตารางงานเพอื่ งานบญั ชี ๒ การสง่ เสรมิ การขาย ง๓๓๒๖๐ การจัดการสินค้าคงคลัง ๑.๕ ๓ คอมพวิ เตอร์และการ ๘ บารงุ รักษา (๒๐) ง๓๓๒๖๓ การบญั ชกี จิ การพเิ ศษ ๑.๕ ๓ (๒๐) รวมกลุ่มวชิ าเลอื ก ง๓๓๒๖๒ การบัญชสี นิ คา้ ๑.๕ ๓ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน (๒๐) ๑๐ ๑๒ รวมกล่มุ วชิ าเลอื ก ๑.กิจกรรมแนะแนว (๖๐) กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น (๒๐) ๒.กิจกรรมนักเรยี น (๒๐) -ชมุ นมุ /นศท./ผบู้ าเพ็ญ ๑.กจิ กรรมแนะแนว ประโยชน์ ๓.กิจกรรมเพื่อสังคมและ ๒.กิจกรรมนักเรียน สาธารณประโยชน์ -ชมุ นุม/นศท./ผู้บาเพ็ญประโยชน์ รวมกจิ กรรมพัฒนา ๓.กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ (๒๐) ผู้เรียน รวมกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน (๖๐) รวมท้ังหมด รวมท้ังหมด

๑๗ โครงสรา้ ง หลกั สตู รมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พุทธศกั ราช ๒๕๕๘ ผ้สู าเรจ็ การศึกษาตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พทุ ธศักราช ๒๕๕๘ จะตอ้ งศึกษา รายวิชาจากหมวดวิชาตา่ งๆ ตามกลมุ่ สาระการ เรยี นรู้ ๘ กลุม่ สาระการเรยี นร้รู วม ๓ ปี จานวน ๑,๖๔๐ ชัว่ โมง (๔๑ หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ๓๖๐ ชวั่ โมง และรายวชิ า/กจิ กรรมทีส่ ถานศึกษาจดั เพิม่ เติมตาม ความพร้อมและจดุ เนน้ ปลี ะไมน่ อ้ ยกวา่ ๑,๖๐๐ ช่ัวโมง (๔๐หน่วยกิต) รวม ๓ ปไี ม่นอ้ ยกว่า ๓,๖๐๐ ชวั่ โมง ดงั โครงสร้างต่อไปนี้ ๑.รายวชิ าพน้ื ฐาน ไมน่ ้อยกวา่ ๔๑ หนว่ ยกิต ๑.๑ กลุ่มวชิ าภาษาไทย (ไมน่ ้อยกว่า ๖ หนว่ ยกิต) ๑.๒ กลุ่มวิชาภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) (ไม่น้อยกว่า ๖ หนว่ ยกติ ) ๑.๓ กลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ (ไมน่ ้อยกวา่ ๖ หน่วยกติ ) ๑.๔ กลมุ่ วชิ าคณิตศาสตร์ (ไม่น้อยกวา่ ๖ หนว่ ยกติ ) ๑.๕ กล่มุ วิชาสงั คมศึกษาฯ (ไม่น้อยกว่า ๘ หน่วยกิต) ๑.๖ กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา (ไม่นอ้ ยกว่า ๓ หน่วยกติ ) ๑.๗ กลุม่ วิชาศลิ ปศึกษา (ไม่น้อยกว่า ๓ หน่วยกิต) ๑.๘ กล่มุ วชิ าการงานอาชีพและเทคโนโลยี (ไม่น้อยกวา่ ๓ หน่วยกิต) ๒.รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๐ นก. ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (๓๖๐ ชว่ั โมง) ๘๑ นก. รวมไม่นอ้ ยกวา่ ๑.รายวชิ าพน้ื ฐาน ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๑ หนว่ ยกติ ใหเ้ รยี นรายวิชาลาดับแรกของกล่มุ วชิ า หรือตามท่กี ล่มุ วิชากาหนด และเรียนรายวชิ าส่วนท่เี หลอื ตามท่ี กาหนดในแต่ละกลุ่มวิชา ให้สอดคล้องหรอื สมั พันธ์กับสาขาวชิ าทีเ่ รยี นอกี รวมไมน่ ้อยกวา่ ๔๑ หนว่ ยกติ ๑.๑ ภาษาไทย (ไมน่ อ้ ยกว่า ๖ หน่วยกติ ) รหสั วชิ า ชือ่ วชิ า หนว่ ยกติ ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ภาษาไทย ภาษาไทย

๑๘ ๑.๒ กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) (ไมน่ ้อยกวา่ ๖ หน่วยกิต) รหสั วชิ า ชอ่ื วชิ า หนว่ ยกติ อ๓๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๒๑๐๒ ภาษาองั กฤษ อ๓๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ภาษาองั กฤษ ๑.๓ วทิ ยาศาสตร์ (ไม่น้อยกวา่ ๖ หนว่ ยกติ ) รหสั วชิ า ช่อื วชิ า หนว่ ยกติ ว๓๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ว๓๑๑๐๒ วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ว๓๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ว๓๒๑๐๒ วิทยาศาสตร์ ว๓๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ๑.๔ คณติ ศาสตร์ (ไม่นอ้ ยกว่า ๖ หนว่ ยกติ ) รหสั วชิ า ชื่อวชิ า หนว่ ยกติ ค๓๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ค๓๑๑๐๒ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ค๓๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๐(๖๐) ค๓๒๑๐๒ คณิตศาสตร์ ค๓๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ๑.๕ สงั คมศกึ ษาฯ (ไม่น้อยกวา่ ๘ หนว่ ยกิต) รหสั วชิ า ช่อื วชิ า หนว่ ยกติ ๑.๐(๔๐) ส๓๑๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) ส๓๑๑๐๓ สงั คมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) ส๓๒๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ๐.๕(๒๐) ส๓๒๑๐๓ สงั คมศึกษาฯ ส๓๓๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ สงั คมศึกษาฯ ส๓๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์

๑๙ ส๓๑๑๐๔ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๒๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๒๑๐๔ ประวัติศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๓๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑.๖ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา (ไมน่ อ้ ยกวา่ ๓ หนว่ ยกติ ) หนว่ ยกติ รหสั วชิ า ช่อื วชิ า ๐.๕(๒๐) พ๓๑๑๐๑ สขุ ศกึ ษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) พ๓๑๑๐๒ สขุ ศึกษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) พ๓๒๑๐๑ สขุ ศึกษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) พ๓๒๑๐๒ สขุ ศกึ ษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) พ๓๓๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๐.๕(๒๐) สขุ ศึกษาพลศึกษา ๑.๗ ศิลปศกึ ษา (ไมน่ ้อยกว่า ๓ หน่วยกิต) รหสั วชิ า ชอ่ื วชิ า หนว่ ยกติ ศ๓๑๑๐๑ ศิลปศึกษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ศ๓๑๑๐๒ ศลิ ปศึกษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ศ๓๒๑๐๑ ศลิ ปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ศ๓๒๑๐๒ ศลิ ปศกึ ษา ศ๓๓๑๐๑ ศิลปศึกษา ศิลปศึกษา ๑.๘ การงานอาชีพและเทคโนโลยี (ไมน่ ้อยกว่า ๓ หนว่ ยกติ ) รหสั วชิ า ช่ือวชิ า หนว่ ยกติ ง๓๑๑๐๑ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๑๑๐๒ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๒๑๐๑ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๒๑๐๒ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ง๓๓๑๐๑ การงานอาชพี และเทคโนโลยี การงานอาชีพและเทคโนโลยี

๒๐ ๒.รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ช่ือวชิ า ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๐ นก. รหสั วชิ า หน้าท่ีพลเมือง หนา้ ทพี่ ลเมือง หนว่ ยกติ หน้าทพ่ี ลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าทพี่ ลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าทพ่ี ลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าท่ีพลเมือง ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (๓๖๐ ชวั่ โมง) รหสั วชิ า ชอื่ วชิ า หนว่ ยกติ กิจกรรมแนะแนว ๒๐ชั่วโมงต่อปี ๒๐ชว่ั โมงต่อปี กิจกรรมนักเรียน ๒๐ชว่ั โมงตอ่ ปี -ชมุ นุม/นศท./ผู้บาเพญ็ ประโยชน์ กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์

๒๑ สาระและมาตรฐานการเรยี นรรู้ ายวชิ าพนื้ ฐาน สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเกณฑใ์ นการกาหนดคณุ ภาพของผ้เู รียนเมื่อเรียนจบการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ซง่ึ กาหนดไว้ ดงั รายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี ภาษาไทย สาระที่ ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดไปใช้ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการ ดาเนนิ ชีวิตและมนี ิสยั รกั การอ่าน สาระท่ี ๒ : การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสือ่ สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราว ในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ สาระที่ ๓ : การฟงั การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ : สามารถเลอื กฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และ ความรสู้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และสร้างสรรค์ สาระที่ ๔ : หลกั การใชภ้ าษา มาตรฐาน ท ๔.๑ : เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ สาระที่ ๕ : วรรคดี และวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ : เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็น คณุ คา่ และนามาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจริง

๒๒ คณิตศาสตร์ สาระท่ี ๑ : จานวนและการดาเนนิ การ มาตรฐาน ค ๑.๑ : เขา้ ใจถึงความหลากหลายของการแสดงจานวนและการใช้จานวนในชวี ิตจริง มาตรฐาน ค ๑.๒ : เข้าใจถงึ ผลทีเ่ กิดข้ึนจากการดาเนินการของจานวนและความสัมพันธร์ ะหวา่ งการ ดาเนนิ การตา่ ง ๆ และสามารถใช้การดาเนนิ การในการแก้ปญั หา มาตรฐาน ค ๑.๓ : ใช้การประมาณคา่ ใจการคานวณ และแกป้ ญั หา มาตรฐาน ค ๑.๔ : เข้าใจในระบบจานวน และสามารถนาสมบัตเิ กย่ี วกบั จานวนไปใช้ สาระท่ี ๒ : การวดั มาตรฐาน ค ๒.๑ : เข้าใจพ้ืนฐานเกีย่ วกบั การวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่ิงทต่ี ้องการวัด มาตรฐาน ค ๒.๒ : แก้ปญั หาเกี่ยวกบั การวัด สาระท่ี ๓ : เรขาคณติ มาตรฐาน ค ๓.๑ : อธิบายและวิเคราะหร์ ปู เรขาคณิตสองมิติและสามมติ ิ มาตรฐาน ค ๓.๒ : ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกยี่ วกบั ปรภิ ูมิ (spatial reasoning) และ ใช้แบบจาลองทางเรขาคณติ (geometric model) ในการแก้ปัญหา สาระท่ี ๔ : พชี คณติ มาตรฐาน ค ๔.๑ : อธบิ ายและวิเคราะห์แบบรปู (pattern) ความสมั พนั ธ์ และฟงั กช์ นั ต่าง ๆ มาตรฐาน ค ๔.๒ : ใชน้ พิ จน์ สมการ อสมการ กราฟ และตัวแบบเชงิ คณิตศาสตร์ (Mathematical model) อืน่ ๆ แทนสถานการณ์ตา่ ง ๆ ตลอดจนแปลความหมายและนาไปใช้ แก้ปัญหา สาระที่ ๕ : การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และความนา่ จะเปน็ มาตรฐาน ค ๕.๑ : เขา้ ใจและใชว้ ธิ ีการทางสถติ ิในการวเิ คราะห์ข้อมูล มาตรฐาน ค ๕.๒ : ใชว้ ธิ กี ารทางสถติ แิ ละความร้เู ก่ยี วกับความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ได้อยา่ ง สมเหตุสมผล มาตรฐาน ค ๕.๓ : ใช้ความรูเ้ กี่ยวกับสถิตแิ ละความน่าจะเปน็ ช่วยในการตัดสนิ ใจและแก้ปัญหา สาระที่ ๖ : ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ มาตรฐาน ค ๖.๑ : มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา การใหเ้ หตุผล การส่ือสาร การส่ือความหมายทาง คณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเช่อื มโยงความร้ตู ่าง ๆ ทางคณติ ศาสตรแ์ ละ เชอื่ มโยงคณติ ศาสตรก์ ับศาสตรอ์ ่ืน ๆ และมีความคดิ รเิ รมิ่ สร้างสรรค์

๒๓ วิทยาศาสตร์ สาระท่ี ๑ : สงิ่ มชี วี ติ กบั กระบวนการดารงชวี ติ มาตรฐาน ว ๑.๑ : เข้าใจหน่วยพน้ื ฐานของสงิ่ มีชีวิต ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้างและหนา้ ทข่ี อง ระบบตา่ ง ๆ ของสงิ่ มีชวี ิตที่ทางานสมั พนั ธ์กัน มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สอื่ สารส่ิงท่ีเรยี นรู้ และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชวี ิตของตนเอง และดแู ล สิ่งมีชีวติ มาตรฐาน ว ๑.๒ : เขา้ ใจกระบวนการและความสาคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม วิวัฒนาการของสิง่ มีชีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ การใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพ ที่มผี ลกระทบต่อมนุษย์ และสงิ่ แวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และ จติ วิทยาศาสตร์ สื่อสารสิง่ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ ๒ : ชวี ติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ว ๒.๑ : เขา้ ใจส่ิงแวดลอ้ มในท้องถนิ่ ความสมั พันธ์ระหวา่ งส่งิ แวดลอ้ มกบั สิ่งมีชวี ิต ความ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ มชี ีวติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สอ่ื สารส่งิ ท่ีเรยี นรแู้ ละนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๒ : เขา้ ใจความสาคัญของทรพั ยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาตใิ นระดับ ท้องถิ่น ประเทศ และโลก นาความรู้ไปใชใ้ นการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ มในท้องถน่ิ อยา่ งย่ังยนื สาระท่ี ๓ : สารและสมบตั ขิ องสาร มาตรฐาน ว ๓.๑ : เขา้ ใจสมบัตขิ องสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบตั ิของสารกับโครงสรา้ งและแรง ยึดเหนีย่ วระหว่างอนภุ าค มีกระบวนการสบื เสาะหาความรูแ้ ละจิตวิทยาศาสตร์ สือ่ สารสิง่ ทเี่ รียนรแู้ ละนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๓.๒ : เข้าใจหลักการและธรรมชาตขิ องการเปล่ียนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏกิ ริ ิยา มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้และจติ วิทยาศาสตร์ สือ่ สารส่งิ ที่ เรยี นรแู้ ละนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ ๔ : แรงและการเคล่อื นท่ี มาตรฐาน ว ๔.๑ : เข้าใจธรรมชาตแิ ละแรงแม่เหลก็ ไฟฟา้ แรงโนม้ ถ่วง และแรงนิวเคลียร์ มี กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สื่อสารส่งิ ทีเ่ รยี นรู้และนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ อย่างถกู ต้องและมีคุณธรรม มาตรฐาน ว ๔.๒ : เขา้ ใจลกั ษณะการเคลื่อนทีแ่ บบตา่ ง ๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มกี ระบวนการ สืบเสาะหาความรูแ้ ละจติ วทิ ยาศาสตร์ สอื่ สารสิง่ ที่เรียนรู้ และนาความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ สาระท่ี ๕ : พลงั งาน มาตรฐาน ว ๕.๑ : เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งพลังงานกับการดารงชีวิต การเปลยี่ นรูปพลังงาน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลังงานตอ่ ชีวิตและ สงิ่ แวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งท่เี รยี นรูแ้ ละนาความรู้ไป ใชป้ ระโยชน์

๒๔ สาระท่ี ๖ : กระบวนการเปลยี่ นแปลงของโลก มาตรฐาน ว ๖.๑ : เขา้ ใจกระบวนการต่าง ๆ ท่ีเกดิ ขน้ึ บนผวิ โลกและภายในโลก ความสมั พันธข์ อง กระบวนการตา่ ง ๆ ทม่ี ผี ลตอ่ การเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศ ภูมปิ ระเทศ และสณั ฐาน ของโลก มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งท่ีเรยี นรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระท่ี ๗ : ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ มาตรฐาน ว ๗.๑ : เขา้ ใจววิ ฒั นาการของระบบสรุ ยิ ะ กาแลก็ ซีและเอกภาพ การปฏสิ มั พนั ธ์ภายใน ระบบสรุ ิยะและผลต่อสง่ิ มีชีวติ บนโลก มีกระบวนการสบื เสาะหาความร้แู ละ จติ วทิ ยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรยี นรแู้ ละนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๗.๒ : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยอี วกาศทน่ี ามาใชใ้ นการสารวจอวกาศและ ทรพั ยากรธรรมชาติ ด้านการเกษตรและการส่ือสาร มกี ระบวนการสบื เสาะ หาความรแู้ ละ จติ วิทยาศาสตร์ ส่ือสารสง่ิ ที่เรียนรูแ้ ละนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ อย่างมคี ณุ ธรรมต่อชวี ิตและสิ่งแวดล้อม สาระท่ี ๘ : ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๘.๑ : ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวิทยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกดิ ขึ้นสว่ นใหญม่ ีรปู แบบที่ แนน่ อน สามารถอธิบายและตรวจสอบไดภ้ ายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมือท่ีมีอยใู่ นชว่ ง เวลาน้ัน ๆ เขา้ ใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิง่ แวดล้อม มีความ เกย่ี วข้องสมั พันธ์กนั

๒๕ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ ๑ : ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ : รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาทตี่ นนับถือและศาสนาอ่ืน มศี รัทธาทถี่ ูกต้อง ยึดมนั่ และปฏิบัตติ าม หลกั ธรรมเพอื่ อยูร่ ว่ มกันอย่างสนั ตสิ ุข มาตรฐาน ส ๑.๒ : เข้าใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศาสนกิ ชนท่ดี ี และธารงรักษาพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาท่ตี นนบั ถือ สาระท่ี ๒ : ชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ส ๒.๑ : เขา้ ใจและปฏบิ ัติตนตามหนา้ ที่ของการเป็นพลเมืองดี มคี ่านยิ มทด่ี ีงาม และธารง รกั ษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดารงชวี ติ อยู่ร่วมกนั ในสังคมไทยและสังคม โลกอยา่ งสนั ติสขุ มาตรฐาน ส ๒.๒ : เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จบุ ัน ยึดมน่ั ศรัทธา และธารง รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็น ประมขุ สาระที่ ๓ : เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ : เข้าใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบรโิ ภค การใช้ ทรัพยากรท่มี ีอยู่จากดั ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเขา้ ใจหลกั การของ เศรษฐกจิ อยา่ งพอเพยี ง เพ่อื การดารงชีวติ อย่างมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ : เขา้ ใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจตา่ ง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกจิ และความจาเปน็ ของการร่วมมอื กันทางเศรษฐกจิ ในสงั คมโลก สาระท่ี ๔ : ประวตั ศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ : เขา้ ใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ สามารถ ใช้วธิ ีการทางประวัตศิ าสตรม์ าวิเคราะห์เหตุการณ์ตา่ ง ๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ : เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาตจิ ากอดตี จนถงึ ปจั จบุ ันในด้านความสมั พันธ์ และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อยา่ งต่อเน่ือง ตระหนักถึงความสาคัญและสามารถ วเิ คราะหผ์ ลกระทบทเี่ กิดข้นึ มาตรฐาน ส ๔.๓ : เขา้ ใจความเปน็ มาของชาติไทย วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาไทย มคี วามรกั มคี วาม ภูมิใจ และธารงความเป็นไทย สาระที่ ๕ : ภมู ิศาสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ : เขา้ ใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธข์ องสรรพส่ิงซึ่งมผี ลตอ่ กัน และกันในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนที่ และเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ในการคน้ หา วเิ คราะห์ สรปุ และใช้ข้อมลู ภมู สิ ารสนเทศอย่างมปี ระสิทธภิ าพ มาตรฐาน ส ๕.๒ : เขา้ ใจปฏสิ มั พันธ์ระหว่างมนุษย์กบั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพทก่ี อ่ ใหเ้ กิดการสร้างสรรคว์ ัฒนธรรม มีจติ สานึกและมสี ว่ นรว่ มในการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ มเพ่อื การพฒั นาทีย่ ่งั ยืน

๒๖ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา สาระท่ี ๑ : การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ : เข้าใจธรรมชาตขิ องการเจรญิ เตบิ โต และพฒั นาการของมนุษย์ สาระที่ ๒ : ชวี ติ และครอบครวั มาตรฐาน พ ๒.๑ : เข้าใจและเห็นคณุ คา่ ของตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดาเนนิ ชวี ิต สาระที่ ๓ : การเคลอ่ื นไหว การออกกาลงั กาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกฬี าสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ : เขา้ ใจ มที กั ษะในการเคล่ือนไหว กจิ กรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา มาตรฐาน พ ๓.๒ : รักการออกกาลงั กาย การเลน่ เกม และการเล่นกีฬา ปฏิบตั ิเปน็ ประจาอย่าง สมา่ เสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มนี ้าใจนักกีฬา มจี ติ วิญญาณในการ แขง่ ขนั และช่ืนชมในสุนทรยี ภาพของการกฬี า สาระท่ี ๔ : การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพและการปอ้ งกนั โรค มาตรฐาน พ ๔.๑ : เห็นคุณค่า และมที ักษะในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ การดารงสขุ ภาพ การปอ้ งกนั โรค และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพ่ือสขุ ภาพ สาระที่ ๕ : ความปลอดภยั ในชวี ติ มาตรฐาน พ ๕.๑ : ป้องกันและหลกี เลย่ี งปจั จัยเสี่ยง พฤติกรรมเส่ยี งต่อสขุ ภาพ อุบตั เิ หตุ การใช้ยา สารเสพตดิ และความรนุ แรง

๒๗ ศลิ ปะ สาระท่ี ๑ : ทศั นศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ : สร้างสรรคง์ านทศั นศิลปต์ ามจินตนาการ และความคดิ สรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความร้สู ึก ความคิดต่องานศิลปะ อยา่ งอสิ ระ ช่นื ชมและประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวนั มาตรฐาน ศ ๑.๒ : เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างทัศนศิลป์ ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คณุ ค่า งานทศั นศิลป์ทีเ่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ ภมู ิปัญญาไทยและสากล สาระท่ี ๒ : ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ : เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์คณุ คา่ ดนตรี ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรอี ย่างอสิ ระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวัน มาตรฐาน ศ ๒.๒ : เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งดนตรี ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เหน็ คณุ ค่าของ ดนตรีทเ่ี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ภูมิปญั ญาไทยและสากล สาระท่ี ๓ : นาฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ : เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศลิ ป์อย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณค์ ุณค่า นาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคดิ อย่างอิสระ ชืน่ ชม และประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวัน มาตรฐาน ศ ๓.๒ : เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งนาฏศลิ ป์ ประวตั ิศาสตรแ์ ละวฒั นธรรม เหน็ คณุ คา่ ของนาฏศลิ ป์ที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล

๒๘ การงานอาชพี และเทคโนโลยี สาระท่ี ๑ : การดารงชวี ติ และครอบครวั มาตรฐาน ง ๑.๑ : เข้าใจการทางาน มคี วามคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทางาน ทกั ษะการ จดั การ ทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา ทักษะการทางานร่วมกันและทักษะการแสวงหา ความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะนิสยั ในการทางาน มีจิตสานกึ ในการใช้พลงั งาน ทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อมเพื่อการดารงชวี ติ และครอบครัว สาระท่ี ๒ : การอาชพี มาตรฐาน ง ๒.๑ : เข้าใจเทคโนโลยแี ละกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งสิ่งของเครอื่ งใช้ หรือวิธกี าร ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมคี วามคิดสร้างสรรค์ เลอื กใช้ เทคโนโลยีในทางสรา้ งสรรคต์ อ่ ชีวิต สงั คม สิ่งแวดลอ้ ม และมสี ว่ นรว่ มในการ จัดการเทคโนโลยีท่ีย่ังยืน สาระที่ ๓ : เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร มาตรฐาน ง ๓.๑ : เขา้ ใจ เห็นคณุ คา่ และใช้กระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศในการสืบคน้ ข้อมลู การเรยี นรู้ การสอ่ื สาร การแก้ปญั หา การทางาน และอาชพี อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล และมีคุณธรรม สาระที่ ๔ : การอาชพี มาตรฐาน ง ๔.๑ : เขา้ ใจ มีทักษะที่จาเปน็ มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อ พัฒนาอาชพี มคี ุณธรรม และมีเจตคตทิ ด่ี ตี ่ออาชพี

๒๙ ภาษาตา่ งประเทศ สาระที่ ๑ : ภาษาเพอ่ื การสอื่ สาร มาตรฐาน ต ๑.๑ : เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ีฟงั และอ่านจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต ๑.๒ : มที ักษะการสือ่ สารทางภาษา ในการแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความร้สู ึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ : นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรือ่ งต่าง ๆ โดยการ พูดและการเขยี น สาระท่ี ๒ : ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ : เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ : เข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สาระที่ ๓ : ภาษากับความสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้อน่ื มาตรฐาน ต ๓.๑ : ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่อื มโยงความรกู้ ับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่นและเปน็ พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้และเปดิ โลกทัศน์ของตน สาระที่ ๔ : ภาษากับความสมั พนั ธ์กบั ชมุ ชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ : ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชนและสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ : ใชภ้ าษาต่างประเทศเปน็ เครอ่ื งมอื พื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้กับสังคมโลก

๓๐ ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรอง ประเภทโคลง ได้อย่างถูกต้อง จบั ใจความสาคญั วเิ คราะหว์ ิจารณ์ และตอบคาถามจากเร่ืองท่อี ่านอยา่ งมเี หตผุ ล เขียนกรอบแนวคิด ผงั ความคดิ จากเรอื่ งท่ีอ่าน เขียนบันทึก ย่อความ เรียงความ สังเคราะหค์ วามรจู้ ากส่ือสิ่งพิมพ์ สือ่ อเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละแหลง่ เรียนรูต้ า่ งๆ เขียน ส่ือสาร เขียนบรรยาย อธิบาย พรรณนา ไดถ้ กู ต้องตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ มขี ้อมลู และสาระสาคัญ รวมถึงมี มารยาทในการเขียน วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษาและความนา่ เช่ือถือจากเรือ่ งท่ีฟงั ดู และพูด อธิบาย มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจหลักการแต่งคาประพันธ์ ประเภทโคลง ศึกษาวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ อธบิ ายธรรมชาติ พลงั และลกั ษณะของภาษา เหน็ คุณคา่ ของวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่าน ท่องจาบทอาขยานตามทก่ี าหนด และตามความสนใจ มมี ารยาทในการอา่ น การฟัง การ ดู การพดู และการเขยี น โดยใชก้ ระบวนการอ่าน กระบวนการเขยี น กระบวนการคดิ ทักษะการใชภ้ าษา ทกั ษะการสื่อสาร การสืบคน้ ข้อมูล บนั ทกึ จดั กลุ่มข้อมูล และการอภิปราย เพ่อื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ หลักการอ่าน ออกเสยี งร้อยแกว้ ร้อยกรอง พัฒนาทักษะการคิด วิเคราะหว์ ิจารณ์ ประเมินคา่ สรุปลกั ษณะเดน่ และ ประเด็นสาคัญของวรรณคดีและวรรณกรรม สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านข่าวสารจากส่อื สิ่งพิมพส์ อ่ื อเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละแหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆในชุมชน บทความ เขียนสรุปความเขียนบนั ทกึ ย่อความ เรียงความ จาก สือ่ สง่ิ พิมพ์ สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์และแหลง่ เรยี นรูต้ ่างๆ เขยี นส่ือสาร เขียนบรรยาย อธบิ าย พรรณนา ย่อความ ฝึกฝนทักษะการฟัง การพูด การเลา่ เร่ือง และการแสดงความคดิ เห็นตามเจตนารมณ์ท่ตี อ้ งการสือ่ สาร สามารถ นาความร้ทู ไ่ี ดร้ บั ไปสื่อสารได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ เหน็ คณุ ค่าวถิ ชี วี ิตของคนไทยในอดีต มีความภาคภมู ิใจในวรรณคดแี ละวรรณกรรมอันเป็นมรดกของ ชาติ สามารถนาความรไู้ ปใช้ในการตดั สินใจและการดาเนินชีวติ ประจาวนั มจี ติ สาธารณะ ตระหนักถึงคุณค่าของ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม การมีค่านยิ มอันพงึ ประสงค์ ใชค้ วามร้ภู าษาไทยเพอื่ การจรรโลงจติ ใจ ธารงและพฒั นาสังคม ได้เตม็ ศักยภาพของผเู้ รยี น รหสั ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๓ , ม.๔/๗, ม.๔/๙ท ๒.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๔, ม.๔/๕, ม.๔/๗, ม.๔/๘ ท ๓.๑ ม. ๔/๑, ม.๔/๒, ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๕, ม.๔/๖ ท ๔.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๔, ม.๔/๗ ท ๕.๑ ม. ๕/๑, ม.๕/๖ รวมทง้ั หมด ๒๐ ตวั ชว้ี ดั

๓๑ ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง ประเภทกาพย์ กลอน ตีความ แปลความ ขยายความ วเิ คราะห์วิจารณ์ และตอบคาถามจากเร่ืองทอี่ ่านอยา่ งมเี หตผุ ล เขยี นกรอบแนวคิด ผังความคิดจากเรือ่ งท่ีอ่าน เขยี นรายงาน สงั เคราะห์ความรจู้ ากสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ส่ืออิเล็กทรอนกิ สแ์ ละแหลง่ เรียนรู้ตา่ งๆ เขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ การกรอกแบบรายการตา่ งๆ ไดถ้ ูกต้องตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ มีขอ้ มูลและสาระสาคัญ รวมถึงมีมารยาทในการเขียน วเิ คราะห์แนวคิด การใชภ้ าษาและความน่าเช่ือถือจากเร่ืองทฟ่ี งั ดู และพูด อภิปราย มคี วามรูค้ วามเข้าใจหลกั การ แตง่ คาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ กลอน ศกึ ษาวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ เสียงในภาษา ส่วนประกอบของภาษา องค์ประกอบของพยางค์และคา และเหน็ คุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ น ทอ่ งจาบทอาขยานตามท่ี กาหนด และตามความสนใจ มีมารยาทในการอ่าน การฟัง การดู การพูดและการเขียน โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขยี น กระบวนการคิด ทักษะการใช้ ภาษา ทกั ษะการส่ือสาร การ สบื คน้ ขอ้ มลู บันทกึ จดั กลมุ่ ขอ้ มลู และการอภิปราย เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ หลกั การอ่านออก เสยี งรอ้ ยแกว้ ร้อยกรอง พฒั นาทักษะการคิด วเิ คราะห์วิจารณ์ ประเมนิ ค่า สรปุ ลักษณะเด่นและประเด็น สาคัญของวรรณคดีและวรรณกรรม รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบ้านท่แี สดงถึงภาษากับวฒั นธรรม ภาษาถ่ิน อธบิ าย ภูมิปัญญาทางภาษา สังเคราะหค์ วามรจู้ ากการอา่ นข่าวสารจากสื่อส่งิ พิมพ์สื่ออิเล็กทรอนิกสแ์ ละแหล่งเรียนรูต้ ่างๆ ในชมุ ชน บทความ เขียนรายงาน จากสอ่ื สงิ่ พิมพ์ สือ่ อเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละแหลง่ เรยี นร้ตู ่างๆ เขียนจดหมายกิจธรุ ะ การกรอกแบบรายการต่างๆ เขียนรายงานเชงิ วชิ าการ การใชค้ า การเรยี บเรียงประโยคถูกตอ้ งเหมาะสมตาม ระดบั ภาษา ฝกึ ฝนทกั ษะการฟัง การพูด การพดู ต่อท่ีประชมุ ชน การพูดอภิปราย การเลา่ เร่ือง และการแสดง ความคดิ เหน็ ตามเจตนารมณ์ท่ีต้องการสอ่ื สาร สามารถนาความร้ทู ี่ได้รบั ไปใช้ภาษาสื่อสารไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เห็นคุณคา่ วถิ ีชวี ิตของคนไทยในอดตี มคี วามภาคภูมใิ จในวรรณคดแี ละวรรณกรรมอันเปน็ มรดกของชาติ สามารถนาความรู้ไปใช้ในการตัดสินใจและการดาเนินชวี ิตประจาวัน มจี ิตสาธารณะ ตระหนักถึงคุณคา่ ของ คุณธรรมจรยิ ธรรม การมีคา่ นยิ มอันพงึ ประสงค์ ใชค้ วามรู้ภาษาไทยเพอื่ การจรรโลงจิตใจ ธารงและพฒั นาสงั คม ได้เต็มศักยภาพของผเู้ รยี น รหสั ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๓ , ม.๔/๙ ,ท ๒.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๔, ม.๔/๖, ม.๔/๗, ม.๔/๘ ท ๓.๑ ม.๔/๒, ม. ๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๖ ท ๔.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๗ ท ๕.๑ ม. ๕/๑, ม.๕/๓, ม.๕/๕, ม.๕/๖ รวม ๒๐ ตวั ชว้ี ดั

๓๒ ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศกึ ษาการอา่ นออกเสยี งทั้งร้อยแก้วประเภทบทความ นวนยิ าย และความเรยี ง รอ้ ยกรองประเภทร่าย และลลิ ติ ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องสั้น นวนยิ าย วรรณกรรมพน้ื บ้าน วรรณคดีในบทเรยี น บทโฆษณา คาขวญั รวมถึงการวเิ คราะห์และวจิ ารณ์ การเขียนผังความคิด การบันทึก หลกั การเขียนเชิญ ชวน โครงการ เรียงความ ยอ่ ความ ผลติ งานเขยี นในรปู แบบสารคดี บันเทิงคดี ประเมนิ งานเขียนของผอู้ น่ื การสรุปแนวคิดแสดงความคิดเหน็ ประเมินการฟังการดู มีวิจารณญาณในการเลอื กเร่ืองจากการฟังและดู หลักการพูดอภิปราย โน้มน้าวใจ ดว้ ยภาษาทีถ่ กู ต้อง การใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยค หลักการแต่งคา ประพนั ธป์ ระเภท ร่าย อทิ ธพิ ลของภาษา ตา่ งประเทศและภาษาถน่ิ หลักการสรา้ งคาในภาษาไทย หลักการ วิเคราะหแ์ ละประเมินการใชภ้ าษาและส่ือสง่ิ พิมพ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ หลกั การวิเคราะหว์ ิจารณ์วรรณคดแี ละ วรรณกรรมการประเมนิ คณุ ค่าวรรณคดี การท่องบทอาขยาน โดยใชก้ ระบวนการดา้ นทกั ษะทางภาษา การส่อื สารในรูปแบบการเชิญชวน โครงการ เรียงความ ย่อ ความ ผลิตงานเขยี นในรูปแบบสารคดี บนั เทงิ คดี ประเมินงานเขยี นของผู้อืน่ บนั ทึก สรปุ แนวคดิ แสดงความ คิดเห็น ประเมนิ การฟงั การดูมีวจิ ารณญาณในการเลอื กเร่ืองจากการฟังและดู พูดอภิปราย โนม้ นา้ วใจ ดว้ ย ภาษาที่ถูกตอ้ ง ใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยคตรงตามวตั ถุประสงค์ ใชภ้ าษาเหมาะสมแกโ่ อกาสและกาลเทศะ แต่งคาประพนั ธ์ประเภท รา่ ย วิเคราะหอ์ ิทธพิ ลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถ่ิน อธิบายและวิเคราะห์ หลักการสร้างคาในภาษาไทย ตลอดจนวิเคราะห์และประเมนิ การใช้ภาษาและสื่อส่ิงพิมพอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ ประเมนิ คุณคา่ วรรณคดี ท่องบทอาขยาน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟังการดู และการพดู และเห็นคุณค่าของการใช้ภาษาไทยเพ่อื การส่ือสาร นาความรู้จากวรรณคดี วรรณกรรม ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ ตลอดจนมีความรกั และภาคภูมิใจ ในภาษาไทย อนั เปน็ ภาษาของชาติ รหสั ตวั ชวี้ ดั ท๑.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม. ๕/๕ม . ๕/๗ ม.๕/๙ ท ๒.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ม . ๕/๗ ม.๕/๘ ท ๓.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม. ๕/๕ม. ๕/๖ ท ๔.๑ ม.๕/๒ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ม . ๕/๗ ท ๕.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม . ๕/๗ รวม ๒๖ ตวั ชว้ี ดั

๓๓ ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นท่ี ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศึกษาการอ่านออกเสยี งบทท้งั รอ้ ยแกว้ ประเภทบทความ นวนิยาย และความเรยี ง ร้อยกรองประเภท ร่าย และลิลติ ตีความ แปลความ ขยายความ วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ ตอบคาถาม ผัง ความคดิ บนั ทกึ ยอ่ ความ สังเคราะห์ความรู้จากการอ่าน การเขยี นสอื่ สารในรูปแบบประกาศ จดหมายกจิ ธรุ ะ เรยี งความ ยอ่ ความการเขยี นรายงาน เขียนโครงงาน และเขียนรายงานการศึกษาคน้ ควา้ การสรุปแนวคดิ แสดง ความคิดเห็น ประเมนิ การฟงั การดู มีวจิ ารณญาณในการเลอื กเรือ่ งจากการฟังและดู หลกั การพูดอภปิ ราย โนม้ น้าวใจ แล้วใช้ข้อมูลสารสนเทศอา้ งองิ อยา่ งถูกต้อง แสดงความคดิ เห็น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แนวคิด การใช้ภาษา และความนา่ เชื่อถือ และประเมนิ จากเร่ืองที่ฟังและดูแล้วนากาหนดแนวทางไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวนั การใชค้ าและกลมุ่ คาสร้างประโยค การสร้างคาในภาษาไทย ตลอดจนวิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาและส่ือ ส่งิ พิมพอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ประเมนิ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ขอ้ คดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรม เพือ่ นาไป ประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จรงิ ตลอดจนรวบรวมวรรณกรรมพื้นบา้ นและอธิบายภมู ปิ ัญญาทางภาษา โดยใช้กระบวนการดา้ นทักษะทางภาษา การส่อื สารในรปู แบบการเชญิ ชวน โครงการ เรยี งความ ยอ่ ความ ผลิตงานเขียนในรปู แบบสารคดี บนั เทิงคดี ประเมนิ งานเขียนของผู้อน่ื บันทึก สรปุ แนวคิดแสดงความ คดิ เห็น ประเมินการฟังการดูมวี ิจารณญาณในการเลอื กเร่ืองจากการฟังและดู พดู อภิปราย โน้มน้าวใจ ดว้ ย ภาษาท่ีถูกต้อง ใช้คาและกลุ่มคาสรา้ งประโยคตรงตามวัตถุประสงค์ ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาสและกาลเทศะ แต่งคาประพันธป์ ระเภท ร่าย วิเคราะห์อิทธิพลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถ่ิน อธิบายและวเิ คราะห์ หลักการสรา้ งคาในภาษาไทย ตลอดจนวิเคราะห์และประเมินการใชภ้ าษาและสื่อส่งิ พมิ พ์อเิ ล็กทรอนิกส์ ประเมิน คณุ ค่าวรรณคดี ทอ่ งบทอาขยาน มมี ารยาทในการอา่ น การเขยี น การฟังการดู และการพูด ตลอดจนมีความรักและภาคภูมใิ จใน ภาษาไทย อนั เปน็ ภาษาของชาติ รหสั ตวั ชว้ี ดั ท๑.๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ม. ๕/๖ม . ๕/๗ ม.๕/๘ ม.๕/๙ ท ๒.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม. ๕/๖ม . ๕/๗ ม.๕/๘ ท ๓.๑ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม. ๕/๕ม. ๕/๖ ท ๔.๑ม.๕/๒ ม.๕/๓ท ๕.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ม. ๕/๖ รวม ๒๗ ตวั ชวี้ ดั

๓๔ ท๓๓๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศกึ ษาหลักการอ่านร้อยแก้วประเภทปาฐกถา เทศนา บทร้อยกรองประเภทโคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน ร่าย การอ่านจบั ใจความสาคัญ การตคี วาม การแปลความ และการขยายความ การอ่านวิเคราะห์ การ วจิ ารณ์ การประเมนิ ค่า และการแสดงความคดิ เห็นวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ การสรุปเปน็ แผนผังความคิด บนั ทึก ย่อความ รายงาน ความรูจ้ ากการอ่านสือ่ สิง่ พิมพ์ สอื่ อิเล็กทรอนิกส์ และแหลง่ เรยี นรู้ การเขียนอธบิ าย บรรยาย พรรณนา แสดงทรรศนะ การโต้แย้งได้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรยี งถกู ต้อง และมี ข้อมูลสาระสาคญั ชัดเจน การเขยี นเรียงความ ยอ่ ความจากสื่อทห่ี ลากหลาย และการเขียนบันเทงิ คดี การเขยี น รายงานจากการศึกษาคน้ ควา้ เรอื่ งทีส่ นใจ การฟัง การดู ข่าว เหตกุ ารณ์ การอภปิ ราย การใหค้ วามรู้ การคิด วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ การประเมินค่าโดยใช้วิจารณญาณอยา่ งสรา้ งสรรค์ การศึกษาบรบิ ทธรรมชาติของภาษา พลงั ของภาษา และลักษณะของภาษา การใช้คา กลมุ่ คา เพือ่ สรา้ งประโยคในการสื่อสาร การแตง่ บทรอ้ ยกรอง ประเภทฉันท์ อิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศและภาษาถน่ิ การศึกษากวีนิพนธ์ กลอน บทละคร วรรณกรรม วรรณคดี และการรวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบ้านทเ่ี ปน็ ภมู ิปัญญาทางภาษา การท่องจาบทอาขยานที่น่าสนใจ โดยใชท้ ักษะกระบวนการอ่าน กระบวนการเขยี น กระบวนการคิด ทกั ษะการใชภ้ าษา ทักษะการ สอ่ื สาร การสบื ค้นขอ้ มลู บันทกึ จดั กลุม่ ข้อมูล และการอภิปรายเพ่อื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาความรู้ที่ไดร้ บั นั้นไปใชส้ ่อื สารได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ เหน็ คณุ ค่าของวรรณคดี วรรณกรรม มีคุณธรรม ในการใช้ภาษา และนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน มีมารยาทในการอา่ น การเขยี น การฟังการดู และการพูด ตลอดจนมีความรกั และภาคภูมใิ จใน ภาษาไทย อันเปน็ ภาษาของชาติ รหสั ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ม.๖/๙, ท ๒.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ท ๓.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ท ๔.๑ ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๗, ท ๕.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/ ๖ รวม ๓๒ ตวั ชว้ี ดั

๓๕ ท๓๓๑๐๒ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ ภาคเรยี นที่ ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศกึ ษาหลักการอา่ นรอ้ ยแก้วประเภทพระบรมราโชวาท บทร้อยกรองประเภทกลอน ร่าย รอ้ ยกรองร่วม สมยั และบทอาเศยี รวาท การจับใจความสาคัญ การตีความ การแปลความ และการขยายความ การอ่าน วิเคราะห์ วิจารณ์ การประเมินค่า และการแสดงความคิดเหน็ วรรณกรรมประเภทตา่ งๆ การสรุปเปน็ แผนผัง ความคดิ ย่อความ รายงาน การสังเคราะหค์ วามรู้จากการอ่านสื่อสงิ่ พิมพ์ สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ การเขียนโนม้ น้าวใจเชญิ ชวน ประกาศ จดหมายกิจธุระ และการรายงานการประชมุ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใชภ้ าษาเรียบเรียงถกู ต้อง และมีข้อมูลสาระสาคัญชดั เจน การเขยี นสารคดี การเขียนรายงานจากการศึกษา คน้ คว้าท่ีสนใจ เพอ่ื พฒั นาตนเอง การฟงั การดสู ารคดี โฆษณาทางสอ่ื การวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ ประเมนิ ค่าโดย ใชว้ จิ ารณญาณอย่างสร้างสรรค์ โดยการพูดแสดงความรู้ พดู แสดงทรรศนะ และพูดโน้มน้าวใจ การศึกษาการใช้ ภาษาเหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะ บุคคล พรอ้ มทจี่ ะใชร้ ะดับของภาษาเป็นตวั กาหนด การใชค้ าราชาศพั ท์ และประเมนิ คา่ การใชภ้ าษาจากส่อื สง่ิ พิมพ์ สือ่ อิเล็กทรอนิกส์ การศกึ ษากวีนพิ นธ์ กลอนบทละคร วรรณกรรม วรรณคดี และการรวบรวมขอ้ คิดจากวรรณคดี วรรณกรรมมาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง โดยใช้ทกั ษะกระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคดิ ทักษะการใช้ภาษา ทักษะการ สอ่ื สาร การสืบคน้ ขอ้ มลู บันทึก จดั กลุม่ ข้อมลู และการอภิปรายเพือ่ ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาความรู้ทไี่ ด้รบั นั้นไปใช้สือ่ สารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหน็ คุณคา่ ของวรรณคดี วรรณกรรม มีคณุ ธรรม ในการใช้ภาษา และนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟงั การดู และการพดู ตลอดจนมีความรักและภาคภมู ใิ จใน ภาษาไทย อนั เปน็ ภาษาของชาติ รหสั ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ม.๖/๙, ท ๒.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ท ๓.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/ ๕, ม.๖/๖, ท ๔.๑ ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๗, ท ๕.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖ รวม ๓๒ ตวั ชว้ี ดั

๓๖ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๑๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เร่อื ง เซต การดาเนนิ การของเซต แผนภาพเวนน์- ออยเลอร์ และการแกป้ ญั หา การให้ เหตผุ ลแบบอุปนยั และแบบนิรนยั และการอ้างเหตุผล โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชวี ติ ประจาวนั ทใี่ กลต้ วั ให้ผเู้ รยี นได้ศกึ ษา ค้นคว้า โดยการ ปฏิบตั ิจรงิ สรุป รายงาน และนาเสนอ เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการทีไ่ ด้ ไปใชใ้ นการเรยี นรูส้ ิ่งต่างๆ และในชีวติ ประจาวันอยา่ งสร้างสรรค์ การเหน็ คณุ ค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเปน็ ระบบ ระเบยี บ รอบคอบ มี ความรบั ผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และเชือ่ มัน่ ในตนเอง มคี วามซอ่ื สัตยส์ ุจรติ มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ มคี วามม่งุ ม่ันในการ ทางาน และมจี ิตสาธารณะ รหสั ตวั ชวี้ ดั ค๔.๑ ม.๔ /๑ , ค๔.๑ ม.๔ /๒ , ค๔.๒ ม.๔ /๑ , ค๔.๒ ม.๔ /๒ , ค๖.๑ ม.๔/๑ , ค๖.๑ ม.๔/๒ , ค๖.๑ ม.๔/๓ ,ค๖.๑ ม.๔/๔ , ค๖.๑ ม.๔/๕ , ค๖.๑ ม.๔/๖ รวม ๑๐ ตวั ชวี้ ดั

๓๗ คาอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ รหสั วชิ า ค ๓๑๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเร่ือง จานวนจริง สมบัติของจานวนจริงเกี่ยวกับการบวก และการคูณ สมบัติการเท่ากันและการ ไมเ่ ท่ากัน สมการกาลังสองตวั แปรเดียว อสมการตัวแปรเดียว คา่ สมั บูรณ์ เร่อื ง เลขยกกาลังทีม่ ีเลขช้ีกาลังเป็นจานวนตรรกยะ รากที่ n ของจานวนจริง โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า โดยการ ปฏิบัติจริง สรุป รายงาน และนาเสนอ เพื่อพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการที่ได้ ไปใช้ในการเรียนรสู้ ิ่งตา่ งๆ และในชวี ติ ประจาวันอยา่ งสรา้ งสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเชื่อม่ันในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ รจู้ ักใช้ชีวติ อย่างพอเพยี ง มคี วามมุง่ มัน่ ในการทางาน รักความเป็นไทย และมจี ิตสาธารณะ รหัสตวั ชว้ี ดั ค๑.๑ ม.๔ /๑ , ค๑.๑ ม.๔/๒ , ค๑.๑ ม.๔/๓ , ค๑.๒ ม.๔/๑ , ค๑.๓ ม.๔/๑ , ค๑.๔ ม.๔/๑ , ค๔.๒ ม.๔/๓ ค๖.๑ ม.๔/๑ , ค๖.๑ ม.๔/๒ , ค๖.๑ ม.๔/๓ , ค๖.๑ ม.๔/๔ , ค๖.๑ ม.๔/๕ , ค๖.๑ ม.๔/๖ รวม ๑๓ ตวั ชี้วัด

๓๘ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๒๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เรื่อง ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน กราฟของความสัมพันธ์ และ ฟงั กช์ นั โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศกึ ษา ค้นคว้า โดยการ ปฏิบัติจริง สรุป รายงาน และนาเสนอ เพื่อพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการท่ีได้ ไปใชใ้ นการเรียนรูส้ งิ่ ตา่ งๆ และในชีวิตประจาวันอย่างสรา้ งสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวจิ ารณญาณ และเช่ือม่ันในตนเอง มีความรกั ชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซ่อื สัตยส์ ุจริต มี วนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ รจู้ ักใช้ชีวติ อย่างพอเพียง มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ รหัสตวั ชี้วดั ค๔.๑ ม.๕/๓ , ค๔.๒ ม.๕/๔ , ค๔.๒ ม.๕/๕ , ค๖.๑ ม.๕/๑ , ค๖.๑ ม.๕/๒ , ค๖.๑ ม.๕/๓ , ค๖.๑ ม. ๕/๔ ค๖.๑ ม.๕/๕ , ค ๖.๑ ม.๕/๖ รวม ๙ ตัวชี้วัด

๓๙ คาอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค ๓๒๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๒ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เร่ือง อตั ราส่วนตรีโกณมิตแิ ละการนาไปใช้ และ ลาดับและอนุกรม ลาดับ ลาดับเลขคณิต ลาดับเรขาคณิต อนุกรมเลขคณิต อนุกรมเรขาคณิต การหาผลบวก n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิตและอนุกรม เรขาคณิต โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าโดยการ ปฏิบัติจรงิ ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ใน การเรียนรู้สิ่งต่างๆ และในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเปน็ ระบบ ระเบยี บ รอบคอบ มีความรับผดิ ชอบ มวี ิจารณญาณ และเช่อื ม่ันในตนเอง การเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือมั่นในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ มีความซ่อื สัตย์สุจรติ มี วนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ รจู้ กั ใชช้ ีวติ อย่างพอเพียง มคี วามมงุ่ มัน่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ิตสาธารณะ รหัสตัวช้วี ัด ค๒.๑ ม.๕/๑ , ค๒.๒ ม.๕/๑ , ค๔.๑ ม.๕/๔ , ค๔.๑ ม.๕/๕ , ค ๔.๒ ม.๕/๖ , ค๖.๑ ม.๕/๑ , ค๖.๑ ม. ๕/๒ ค๖.๑ ม.๕/๓ , ค๖.๑ ม.๕/๔ , ค๖.๑ ม.๕/๕ , ค๖.๑ ม.๕/๖ รวม ๑๑ ตัวชว้ี ัด

๔๐ คาอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๓๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเร่ืองความน่าจะเป็นกฎเกณฑ์เบื้องต้นเก่ียวกับการนับและแผนภาพต้นไม้ ทดลองสุ่มเหตุการณ์ และหาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ นาความรู้เกี่ยวกับความน่าจะเป็นไปใช้ในการคาดการณ์ และช่วยในการ ตัดสนิ ใจ รวมถึงการเสรมิ ทักษะกระบวนการทาง คณติ ศาสตร์ โดยการปฏิบัติ สรุปและรายงานผลการเรียนรู้โดยการวัดและประเมินผล ด้วยวิธีการ ท่ีหลากหลาย ตามสภาพความเป็นจริง ให้สอดคล้องกับเน้ือหาและทักษะที่ต้องการวัด เพื่อพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการ คิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทกั ษะกระบวนการที่ไดไ้ ปใช้ในการเรยี นรู้ ส่งิ ตา่ ง ๆ และใช้ในชวี ติ ประจาวนั อย่างสรา้ งสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผดิ ชอบ มีวจิ ารณญาณ และเชื่อม่ันในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ มีความซอ่ื สัตย์สุจริต มี วนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ รจู้ ักใชช้ ีวติ อย่างพอเพยี ง มคี วามมุ่งมัน่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ติ สาธารณะ รหัสตัวชีว้ ดั ค๕.๒ ม.๖/๒ , ค๕.๓ ม.๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม.๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๓ , ค๖.๑ ม.๖/๔ , ค๖.๑ ม. ๖/๕ , ค๖.๑ ม.๖/๖ รวม ๘ ตัวช้ีวดั

๔๑ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค ๓๓๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เร่ือง สถติ เิ บอื้ งต้น รวมถึงการเสรมิ ทกั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ โดยการปฏิบัติสรุปและรายงานผลการเรียนรู้โดยการวัดและประเมินผลด้วยวิธีการ ท่ีหลากหลายตาม สภาพความเป็นจริงให้ สอดคล้องกับเนื้อห าและทักษะท่ีต้องการวัดเพ่ือพัฒ นาทักษะ /กระบวนการใน การคิด คานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคดิ ทักษะกระบวนการท่ไี ด้ไปใชใ้ นการเรยี นรู้ สิง่ ต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวนั อยา่ งสรา้ งสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเชื่อมนั่ ในตนเอง มคี วามรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซ่ือสตั ย์สุจริต มี วนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ รูจ้ กั ใชช้ วี ติ อย่างพอเพยี ง มคี วามมงุ่ ม่นั ในการทางาน รักความเป็นไทย และมจี ิตสาธารณะ รหสั ตวั ชว้ี ดั ค๕.๑ ม.๖/๑ , ค๕.๑ ม.๖/๒ , ค๕.๑ ม.๖/๓ , ค๕.๒ ม.๖/๑ , ค๕.๓ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม. ๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๓ , ค๖.๑ ม.๖/๔ , ค๖.๑ ม.๖/๕ , ค๖.๑ ม.๖/๖ รวม ๑๑ ตวั ชวี้ ดั

๔๒ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ว๓๑๑๐๑ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง / ภาคเรียน จานวน ๑ หนว่ ยกติ อธิบายการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต การเคลื่อนท่ีของสารผ่านเข้าออกจากเซลล์ การลาเลียงสาร โดยวิธีการแพร่ การออสโมซิส การลาเลียงแบบฟาซิลิเทต และการลาเลียงแบบใช้พลังงาน การลาเลียงสารขนาด ใหญ่เข้าและออกจากเซลล์ การลาเลียงของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์ กลไกในการรักษาดุลยภาพของน้า ในพืช การคายน้าผ่านปากใบ การดูดน้าท่ีราก โครงสร้าง หน้าที่ การางานในการขับของเสียจากกระบวนการเม แทบอลิซึมของไต การกาจัดน้าและของเสียของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์ การรักษาดุลยภาพของน้า แร่ ธาตุของปลาน้าจืดและปลาน้าเค็ม กลไกการควบคุมอุณหภูมิในร่างกายของสัตว์และมนุษย์ ระบบภูมิคุ้มกันและ การรักษาดุลยภาพในร่างกายของมนุษย์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบของ DNA การเกิดมิวเทชัน การแปรผันทางพันธุกรรม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ ผลที่เกิดจากการใช้ เทคโนโลยีทางชีวภาพ ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ประโยชน์ของความหลากหลายทางชีวภาพของส่ิงมีชีวิต ระบบนเิ วศ สมดุลของระบบนิเวศ การเปล่ียนแปลงแทนท่ี ความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พันธ์ระหวา่ ง ส่ิงมีชีวิต และส่ิงมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ผลท่ีเกิดจากการเพิ่มของประชากรมนุษย์ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่ อย่างจากดั ใหค้ ุ้มคา่ แนวทางปอ้ งกนั แก้ไขฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตอิ ย่างย่ังยืน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บนั ทกึ จดั กลุ่มขอ้ มูล และการอภิปรายเพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอ สอื่ สารสิ่งทเ่ี รียนรู้ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ เหน็ คณุ คา่ ของการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวนั มีจิตวิทยา ศาสตร์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทีเ่ หมาะสม รหสั ตวั ชว้ี ดั ว๑.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/ ๓ ม.๔-๖/๔ ว๑.๒ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ม.๔-๖/๔ ว๒.๑ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ว๒.๒ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ว๘.๑ ม.๔-๖/๑ - ๑๒

๔๓ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวิชา ว๓๑๑๐๒ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง / ภาคเรียน จานวน ๑ หนว่ ยกิต สบื คน้ ข้อมูล วิเคราะห์ อภปิ รายและอธบิ าย โครงสรา้ งอะตอมเก่ียวกับสัญลักษณน์ วิ เคลยี รข์ องธาตุ การจดั เรียงอิเล็กตรอนในอะตอม ความสัมพันธร์ ะหว่างอิเล็กตรอนในระดับพลังงานนอกสดุ กบั สมบัติของธาตุและ การเกดิ ปฏิกริ ยิ า การจัดเรยี งธาตุและทานายแนวโนม้ สมบตั ขิ องธาตุในตารางธาตุ การเกดิ พนั ธะเคมีในโครงผลกึ และในโมเลกุลของสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างจุดเดือด จุดหลอมเหลว และสถานะของสารกับแรงยดึ เหนี่ยว ระหว่างอนภุ าคของสาร ทดลองและเขยี นสมการของปฏิกิรยิ าเคมที ว่ั ไปที่พบในชวี ติ ประจาวันรวมทงั้ อธิบายผล ของสารเคมที ี่มผี ลต่อสง่ิ มชี วี ิตและส่ิงแวดล้อม อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ า เคมีและการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ การเกดิ ปิโตรเลียม กระบวนการแยกแกส๊ ธรรมชาตแิ ละการกล่ันลาดบั ส่วน นา้ มนั ดบิ การนาผลติ ภณั ฑ์ทีไ่ ด้จากการแยกแกส๊ ธรรมชาตแิ ละการกล่นั ลาดับส่วนน้ามันดิบไปใช้ประโยชน์รวมทัง้ ผลของผลิตภณั ฑ์ต่อสิ่งมีชวี ติ และสงิ่ แวดล้อม การเกิดพอลเิ มอร์ สมบตั ิของพอลิเมอร์ การนาพอลิเมอร์ไปใช้ ประโยชน์รวมทงั้ ผลท่ีเกิดจากการผลติ และใช้พอลเิ มอร์ต่อส่ิงมชี ีวิตและสง่ิ แวดล้อม องค์ประกอบ ประโยชน์ และ ปฏิกริ ิยาบางชนดิ ของคาร์โบไฮเดรต ไขมนั และน้ามนั โปรตีนและกรดนิวคลีอิก โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ขอ้ มลู บนั ทกึ จดั กล่มุ ข้อมลู และการอภปิ รายเพ่ือให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอส่ือสารสง่ิ ทีเ่ รยี นรู้ มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ เหน็ คุณคา่ ของการนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั มจี ิต วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม รหสั ตวั ชวี้ ดั ว ๓.๑ ม.๔-๖/๑-๕ ,ว ๓.๒ ม.๔-๖/๑-๙ . ว ๘.๑ ม.๔-๖/๑-๑๒

๔๔ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วิชา ว๓๒๑๐๑ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง / ภาคเรียน จานวน ๑ หนว่ ยกติ ศึกษาความสัมพันธ์ของแรงกับการเคลื่อนท่ีของวัตถุในสนามโน้มถ่วง สนามไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรง นิวเคลียร์ แรงไฟฟ้าระหว่างอนุภาคในนิวเคลียส การเคล่ือนที่ในแนวเส้นตรง การเคลื่อนท่ีแบบโพรเจคไทล์ แบบ วงกลม แบบฮาร์มอนิกส์อย่างง่าย ประโยชน์ของการเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์ แบบวงกลม และแบบฮาร์มอนิกส์ อย่างง่าย คลื่นและสมบัติของคล่ืน คล่ืนเสียง บีตส์ของเสียง ความเข้มเสียง ระดับความเข้มเสียง การได้ยิน คุณภาพของเสียง มลพิษของเสียง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปฏิกิริยานิวเคลียร์ ผลกระทบของปฏิกิริยานิวเคลียร์ต่อ ส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ธาตุกัมมันตรังสี วีธีการตรวจสอบกัมมันตภาพรังสี ผลกระทบของ กัมมันตภาพรงั สที ่ีมีผลต่อสง่ิ มชี วี ติ และสิง่ แวดล้อม โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บนั ทกึ จดั กลมุ่ ขอ้ มูล และการอภปิ รายเพอื่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอ ส่อื สารสิง่ ที่เรยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิต วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจริยธรรม และคา่ นยิ มทีเ่ หมาะสม รหสั ตวั ชว้ี ดั ว ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ - ๖ /๔ ว ๔.๒ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๓ ว ๕.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๙ ว ๘.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๑๒

๔๕ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวิชา ว๓๒๑๐๒ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง / ภาคเรยี น จานวน ๑ หนว่ ยกิต ศึกษาวเิ คราะห์โครงสรา้ งทางธรณวี ทิ ยาของโลก แผน่ เปลอื กโลก การเคล่อื นท่ีของแผน่ เปลือกโลก การ เคล่อื นท่ีของแผ่นเปลือกโลก ปรากฏการณ์ทางธรณี การหาอายขุ องหิน ลักษณะและอายุของซากดึก ดาบรรพ์ เปรียบเทยี บลาดบั ชัน้ หนิ และอายุของหิน เพ่ือศึกษาความเปน็ มาของโลก การเกิดและวิวฒั นาการ ของระบบสรุ ิยะ กาแลกซีและเอกภพ พลงั งานของดาวฤกษ์ ปฏิกริ ยิ าฟิชชัน ตาแหนง่ ของโลกในระบบสรุ ยิ ะ กาแลกซีและเอกภพ การใช้เทคโนโลยอี วกาศในการศึกษาปรากฏการณต์ ่าง ๆ บนโลกและในอวกาศ โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสงั เกต สืบค้นขอ้ มูล การอภปิ ราย และการสรปุ เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สอ่ื สารส่งิ ท่เี รยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ นา ความร้ไู ปใช้ในชีวิตประจาวนั มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ ม รหสั ตวั ชว้ี ดั ว ๖.๑ ม๕/๑, ม๕/๒, ม๕/๔, ม๕/๕, ม๕/๖ ว ๗.๑ ม๕/๑, ม๕/๒ ว ๗.๒ ม๕/๑, ม๕/๒, ม๕/๓

๔๖ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมรหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ ศกึ ษาและอธบิ ายประวัติพระพุทธเจ้า พระมุฮัมมัด พระเยซู ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาและศาสนิก ชนตัวอย่าง ชาดก หลักของพระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาประเทศย่ังยืนตามหลัก ศาสนาที่ตนนับถือ ลักษณะสังคมชมพูทวีปและคติความเช่ือทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้าหรือสังคมสมัยของ ศาสดาที่ตนนับถือ มีความรู้ความเข้าใจในพระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษิต โดยเห็น ความสาคัญของการสังคายนาประไตรปิฎกหรือคัมภีร์ทางศาสนาที่ตนนับถือ การเป็นชาวพุทธที่ดีและข้อควรรู้ใน การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ศึกษากฎหมายแพง่ เกี่ยวกับตนเอง และครอบครัว กฎหมายแพง่ เกี่ยวกบั นิติกรรม สัญญา กฎหมายอาญา ศึกษาการกาหนดราคาและค่าจ้างในระบบธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจของโลกปัจจุบัน ประเภทของ ตลาด การกาหนดราคาตามอุปสงค์-อุปทาน การเปิดเสรที างเศรษฐกจิ วิวัฒนาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ ศกึ ษาถึงผลกระทบของการเปดิ เสรที างเศรษฐกจิ มีความรู้ความเข้าใจในเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ซ่ึงทาให้เกิดปัญหาทาง กายภาพ หรอื ภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ ในประเทศไทย และภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอสื่อสารสิง่ ท่เี รยี นรู้ มาปรบั ใช้ในชวี ิตประจาวนั พร้อมท้ังเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพ่ือให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหว งแหนชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และเป็นบุคคลแหง่ การเรียนรูท้ ีม่ ีคุณภาพ รหัสตวั ชวี้ ดั ส๑.๑ม.๔/๑, ส๑.๑ม.๔/๑๑, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๕, ส๑.๑ม.๔/๑๗, ส๑.๒ม. ๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๓,ส ๓.๑ ม.๔/๑,ส ๓.๒ ม.๔/๒,ส ๕.๑ม ๔/๑,ส ๕.๑ม ๔/๒ มี ๑๒ ตัวชีว้ ัด

๔๗ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ อธิบายความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนากบั การศกึ ษา การเมอื ง สนั ตภิ าพ ศึกษาประวตั พิ ระพุทธเจ้าใน ฐานะเปน็ มนุษย์ท่ีฝึกตนไดอ้ ยา่ งสูงสุด(การตรสั รู้) การก่อตงั้ พระศาสนาวธิ ีการสอนและการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา พุทธจริยา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔และมงคล ๓๘ ประการ ศึกษาพุทธศาสนสุภาษิต ประวัติพุทธสาวก พุทธ สาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่างและผลท่ีจะเกิดทาความดี ความชั่ว ตามหลักธรรมและจริยธรรม หลักโยนิโส มนสิการโดยการกาหนดเป้าหมายบทบาทการดาเนินชีวิตเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและอยู่ร่วมกันอย่าง สมานฉันท์ นาหลกั การเจรญิ ปัญญาสตปิ ัฏฐานหรือตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนบั ถอื ไปปฏบิ ตั ิ ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว สังคม ศึกษาโครงสร้างทางสังคม การจัดระเบียบทางสังคม สถาบันทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การแก้ปัญหาและแนวทางการพัฒนาทาง สงั คม ศกึ ษาการกาหนดคา่ จ้าง กฎหมายท่เี กีย่ วขอ้ งกับการจ้างแรงงาน การคา้ และการลงทุนระหวา่ งประเทศ มีความร้คู วามเข้าใจบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวทโี ลกเรยี นรู้สถานการณ์และวิกฤตการณ์ดา้ น ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ของประเทศไทยและโลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอส่ือสารส่งิ ท่ีเรยี นรู้ มาปรบั ใช้ในชีวิตประจาวนั พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และเปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรู้ทม่ี ีคุณภาพ รหสั ตวั ชีว้ ัด ส๑.๑ม.๔/๒, ส๑.๑ม.๔/๑๒, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๖, ส๑.๑ม.๔/๒๐, ส๑.๒ม. ๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๔,ส ๓.๑ ม๔/๑,ส ๓.๒ ม๔/๒,ส ๕.๒ม๔/๑ มี ๑๑ ตวั ชวี้ ัด

๔๘ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี ๑ ศกึ ษาและอธบิ ายประวัตพิ ระพุทธเจ้า พระมุฮัมมดั พระเยซู ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาและศาสนิก ชนตัวอย่าง ชาดก หลักของพระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาประเทศย่ังยืนตามหลัก ศาสนาที่ตนนับถือ ลักษณะสังคมชมพูทวีปและคติความเช่ือทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้าหรือสังคมสมัยของ ศาสดาท่ีตนนับถือ มีความรู้ความเข้าใจในพระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษิต โดยเห็น ความสาคัญของการสังคายนาประไตรปิฎกหรือคัมภีร์ทางศาสนาท่ีตนนับถือ การเป็นชาวพุทธท่ีดีและข้อควรรู้ใน การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ ศกึ ษากฎหมายแพ่งเกีย่ วกบั ตนเอง และครอบครัว กฎหมายแพ่งเก่ียวกบั นิติกรรม สญั ญา กฎหมายอาญา ศึกษาการกาหนดราคาและค่าจ้างในระบบธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจของโลกปัจจุบัน ประเภทของ ตลาด การกาหนดราคาตามอปุ สงค์-อปุ ทาน การเปดิ เสรีทางเศรษฐกจิ วิวัฒนาการของการเปดิ เสรีทางเศรษฐกิจ ศกึ ษาถึงผลกระทบของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ มีความรู้ความเข้าใจในเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ซ่ึงทาให้เกิดปัญหาทาง กายภาพ หรือภยั พบิ ัติ ทางธรรมชาติ ในประเทศไทย และภูมภิ าคต่าง ๆ ของโลก โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสื่อสารสง่ิ ทีเ่ รียนรู้ มาปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวัน พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพ่ือให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และเป็นบคุ คลแห่งการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ รหสั ตวั ชี้วดั ส๑.๑ม.๔/๑, ส๑.๑ม.๔/๑๑, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๕, ส๑.๑ม.๔/๑๗, ส๑.๒ม. ๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๓,ส ๓.๑ ม.๔/๑,ส ๓.๒ ม.๔/๒,ส ๕.๑ม ๔/๑,ส ๕.๑ม ๔/๒ มี ๑๒ ตัวชว้ี ดั

๔๙ คาอธบิ ายรายวิชา กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๒ อธบิ ายความสาคัญของพระพุทธศาสนากบั การศกึ ษา การเมือง สันติภาพ ศึกษาประวัตพิ ระพุทธเจ้าใน ฐานะเป็นมนุษย์ท่ีฝึกตนได้อย่างสูงสดุ (การตรัสรู้) การก่อต้งั พระศาสนาวิธีการสอนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พุทธจริยา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔และมงคล ๓๘ ประการ ศึกษาพุทธศาสนสุภาษิต ประวัติพุทธสาวก พุทธ สาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่างและผลที่จะเกิดทาความดี ความช่ัว ตามหลักธรรมและจริยธรรม หลักโยนิโส มนสิการโดยการกาหนดเป้าหมายบทบาทการดาเนินชีวิตเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและอยู่ร่วมกันอย่าง สมานฉันท์ นาหลักการเจรญิ ปญั ญาสตปิ ฏั ฐานหรือตามแนวทางของศาสนาทตี่ นนบั ถอื ไปปฏบิ ัติ ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว สังคม ศึกษาโครงสร้างทางสังคม การจัดระเบียบทางสังคม สถาบันทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม การเปล่ียนแปลงทางสังคม การแก้ปัญหาและแนวทางการพัฒนาทาง สังคม ศึกษาการกาหนดค่าจ้าง กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกับการจ้างแรงงาน การคา้ และการลงทนุ ระหว่างประเทศ มคี วามรคู้ วามเข้าใจบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวทีโลกเรยี นรสู้ ถานการณ์และวกิ ฤตการณ์ดา้ น ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ของประเทศไทยและโลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสอ่ื สารสงิ่ ที่เรยี นรู้ มาปรับใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน พร้อมท้ังเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเป็นบุคคลแห่งการเรยี นรูท้ ่มี ีคุณภาพ รหสั ตวั ชวี้ ดั ส๑.๑ม.๔/๒, ส๑.๑ม.๔/๑๒, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๖, ส๑.๑ม.๔/๒๐, ส๑.๒ม. ๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๔,ส ๓.๑ ม๔/๑,ส ๓.๒ ม๔/๒,ส ๕.๒ม๔/๑ มี ๑๑ ตัวชว้ี ัด

๕๐ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ ศึกษาหาความรู้ความเข้าใจในพุทธประวัติด้านการบริหารและการธารงรักษาพระพุทธศาสนาที่เป็น ศาสตร์แห่งการศึกษา ศึกษาหลักการฝึกตนไม่ประมาท มุ่งประโยชน์และสันติภาพบุคคล สังคมและโลก ศึกษา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษิตประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่าง ชาดก นามาเป็นแบบอย่างในการดาเนินชีวิต ศึกษาหลักธรรมสาคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และมีความรู้ ความเข้าใจในพิธบี รรพชา อปุ สมบท ศึกษาปัญหาการเมืองสาคัญที่เกิดข้ึนภายในประเทศ สถานการณ์การเมืองการปกครองของสังคมไทย อทิ ธพิ ลของระบอบการเมืองการปกครองท่ีมีผลต่อการดาเนินชีวิต การประสานประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศ การแลกเปลีย่ นเพอ่ื ช่วยเหลือและส่งเสริมดา้ นวัฒนธรรม การศึกษา เศรษฐกิจ สงั คม ศึกษาความสาคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงท่ีมีผลต่อเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ การประยุกต์ใช้ เศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชีวิตของตนเองและครอบครัว การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในภาค เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคา้ และบรกิ าร ศกึ ษาการเปลีย่ นแปลงธรรมชาติในโลกว่าเป็นผลมาจากการกระทาของมนุษย์และหรือธรรมชาติ การใช้ ประโยชนจ์ ากสงิ่ แวดล้อม ในการสรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมอันเปน็ เอกลักษณข์ องท้องถ่ิน ทั้งในประเทศไทยและโลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสอ่ื สารสง่ิ ทเี่ รยี นรู้ มาปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพ่ือให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเปน็ บุคคลแห่งการเรยี นร้ทู ี่มคี ณุ ภาพ รหัสตวั ชวี้ ัด ส๑.๑ม.๖/๓, ส๑.๑ม.๖/๙,ส๑.๑ม.๖/๑๐, ส๑.๑ม.๖/๑๓, ส๑.๑ม.๖/๑๔, ส๑.๑ม.๖/๒๑, ส๑.๒ม.๕/ ๒, ส๑.๒ม.๕/๕ ส ๒.๒ ม ๖/๑,ส ๒.๒ ม ๖/๒,ส ๓.๑ ม๖/๑,ส ๕.๑ ม ๖/๔,ส ๕.๒ ม ๖/๔ มี ๑๓ ตัวช้ีวัด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook