How to get your research published กรณัฏฐ์

สรุปความรู้จากการเข้ารับการอบรม “การเขียนบทความวจิ ยั เพื่อตีพิมพ์ ในวารสารระดบั ชาติ และระดบั นาๆชาติ สาหรับนิสิตระดบั บณั ฑิตศึกษา” How to get your research published? นางสาวกรณฏั ฐ์ ตาแปง 61170038 การบริหารการศึกษา

11 steps to to organizing your manuscript Step 1 Prepare the figures and tables - Never include vertical lines in a table - No illustrations should duplicate the information described elsewhere in the manuscript - “A figure is worth a thousand words.\" - tables give the actual experimental results, while figures are often used for comparisons of experimental results with those of previous works ข้นั ตอนที่ 1. เตรียมตัวเลขและตาราง “ตวั เลข 1 ตวั มีค่า 1,000 คา” หมายความวา่ การนาเสนอผลลพั ธด์ ว้ ย ภาพประกอบ ตวั เลขและตารางเป็นวิธีท่ีมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะชดั เจนและ เขา้ ใจง่าย แต่ไม่ควรใส่ตาราง ภาพประกอบ และตวั เลขมากจนเกินไป

Step 2 write the method - Include detailed information - Knowledgeable reader can reproduce the experiment ข้นั ตอนที่ 2. เขยี นวธิ ีการ ส่วนน้ีคือตอบคาถามของวธิ ีการศึกษาปัญหา ดงั น้นั ควร อธิบายขอ้ มูลเห็นผลลพั ธ์โดยละเอียดของวธิ ีการ ใชก้ ารอา้ งอิงและวสั ดุ สนบั สนุนเพ่ือระบุข้นั ตอนที่เผยแพร่ก่อนหนา้ น้ี บทสรุปหรือการอา้ งอิง ที่สาคญั เพยี งพอ

Step 3. Write up the Results - Essential for discussion results - Use those supplementary materials if data are too abundant. - Use sub – heading to keep results of the same type together. - Decide on a logical order that tell a clear story and make it easy to understand. - Do not include inferences in this section ข้นั ตอนท่ี 3. เขยี นผลลพั ธ์ ส่วนน้ีตอบคาถามวา่ “คุณพบอะไร” ดงั น้นั ควรนาเสนอผลลพั ธ์ที่ มีความสาคญั สาหรับการอภิปราย โดยขอ้ มูลใหเ้ ลือกลาดบั ตรรกะที่บอก เล่าเรื่องราวท่ีชัดเจนและทาให้เข้าใจง่าย โดยทั่วไปจะอยู่ในลาดับ เดียวกบั ที่แสดงในส่วนวิธีการ อย่ารวมการอา้ งอิงในส่วนน้ี เพราะคุณ กาลงั นาเสนอผลลพั ธ์ของคุณ ดงั น้นั คุณไม่สามารถอา้ งอิงถึงคนอ่ืนๆ

 Step 4. Write the Discussion - Take into account that a huge numbers of manuscripts are rejected because the discussion is weak. Take into account the following tips: 1. Avoid statements that go beyond what the results can support. he is get 2. Avoid unspecific expressions. 3. Avoid sudden introduction of new terms or ideas; 4. Speculations on possible rooted in fact, rather than imagination. 5. Revision of Results and Discussion is not just paper work. ข้นั ตอนท่ี 4.เขียนอภิปรายผล ส่วนน้ีเป็นส่วนท่ีเขียนง่ายที่สุด และกเ็ ป็นส่วนท่ีเขียนยากที่สุด เพราะเป็นส่วนที่สาคญั ที่สุดของบทความ ในส่วนน้ีจะตอ้ งอภิปรายผล ใหส้ อดคลอ้ งกบั ผลลพั ธ์ และในส่วนน้ีคุณอาจจะตอ้ งเปรียบเทียบ ผลลพั ธ์ท่ีเผยแพร่โดยผอู้ ่ืนกบั ของคุณ (ใชข้ อ้ มูลอา้ งอิงบางส่วนที่อยใู่ น บทนา) โดยอยา่ ละเลยงานที่ไม่เห็นดว้ ยกบั คุณ ในทางกลบั กนั คุณตอ้ ง เผชิญหนา้ และโนม้ นา้ วผอู้ า่ นวา่ คุณถูกหรือดีกวา่

 Step 5. Write clear Conclusion - shows how the work advances the field from the present state of knowledge. - A common error in this section is repeating the abstract, or just listing experimental results. - provide a clear scientific justification for your work in this section, - propose present global and specific conclusions, in relation to the objectives included in the introduction. ข้นั ตอนที 5.เขยี นบทสรุป ในส่วนน้ี จะแสดงใหเ้ ห็นวา่ งานกา้ วหนา้ ไปอยา่ งไรจากสภาวะ ความรู้ในปัจจุบนั ในวารสารบางเล่มจะแยกส่วนน้ีไวต้ ่างหาก วธิ ีการ เขียน คุณควรเขียนใหเ้ หตุผลทางวทิ ยาศาสตร์ท่ีชดั เจน การเขียน แนะนาการทดลองในอนาคตและช้ีใหเ้ ห็นสิ่งที่กาลงั ดาเนินการอยู่ การเสนอขอ้ สรุประดบั โลกและขอ้ เสนอเฉพาะท่ีเก่ียวขอ้ งกบั วตั ถุประสงค์

 Step 6. Write a compelling introduction - Convince readers that you clearly know why your work is useful. - Answer the following questions: 1. What is the problem to be solved? 4. Are there any existing solutions? 2. Which is the best? 5. What is its main limitation? 3. What do you hope to achieve? Editors like or dislike Editors like provided a perspective consistent with the nature of the journal, citing a couple of original and important works, including recent review articles Editors hate improper citations of too many references irrelevant to the work, or inappropriate judgments on your own achievements. They will think you have no sense of purpose. ข้ันตอนท่ี 6.เขียนบทนาทนี่ ่าสนใจ ตอ้ งตอบคาถามไดด้ งั น้ี 1. ปัญหาอะไร 4. ทางออกท่ีน่าสนใจ 2. สิ่งไหนดีที่สุด 5. ขอบเขตเน้ือหาคืออะไร 3. ความคาดหวงั คืออะไร ในส่วนน้ีจะเขียนวา่ งานของคุณมีประโยชน์อยา่ งไร มีแนวทางการแกป้ ัญหาอยา่ งไร สิ่งไหนดีท่ีสุด อะไรคือขอ้ กาหนดหลกั อะไรคือความหวงั จากการทางาน

 Step 7. Write the Abstract - The abstract tells prospective readers what you did and what the important findings in your research were. - Make it interesting and easily understood without reading the whole article. - You must be accurate, using the words that conveythe precise meaning of vour research. - A clear abstract will strongly influence whether or not your work is further considered. - The abstracts must be keep as brief as possible - Normally they have less than 250 words. - Hit to the point ศึกษาที่ไหน - Objective ศึกษาเพ่อื - Result ผลลพั ธท์ ี่ได้  ข้นั ตอนที่ 7. เขยี นบทคดั ย่อ ให้เขียนบทคดั ยอ่ เป็นลาดบั สุดทา้ ย ถา้ บทคดั ยอ่ ดี จะส่งผลให้บรรณาธิการ หรือผูอ้ ่านอ่านงานของคุณต่อไป ดงั น้นั การเขียนจึงตอ้ งเขียนให้กระชบั ที่สุด ไม่ส้นั มากหรือยาวมากจนเกินไป หลีกเลี่ยงคาท่ีไม่เป็นทางการ และขอ้ มูลตอ้ ง ถูกตอ้ ง ส่ิงสาคญั คือ ในบทคดั ยอ่ จะไม่มีการอา้ งอิง

 Step 8. Compose a concise and descriptive Title - The title must explain what the paper is broadly about. - The readers don't have time to read all scientific production. - Reviewers will check whether the title is specific and whether it reflects the content of the manuscript. 2 whats are essential - 1. What has been done? - 2. What are the main findings? ข้นั ตอนท่ี 8.เขยี นชื่อทกี่ ระชับและมีความหมาย ช่ือเรื่องเป็ นส่ิงท่ีผูอ้ ่านจะสนใจเป็ นอนั ดับแรก และชื่อเรื่องท่ีมี ความชดั เจนยงั สามารถทาใหผ้ อู้ ่านตดั สินใจเลือกอ่านบทความน้นั ๆ ได้ อยา่ งรวดเร็ว การเขียนชื่อเรื่องจึงตอ้ งเขียนให้เฉพาะเจาะจง สะทอ้ นถึง เน้ือหาไดอ้ ยา่ งเพยี งพอ ดงั น้นั วธิ ีการเขียนช่ือเร่ืองจึงตอ้ งกระชบั ชดั เจน ไม่ยาวเกินไป หลีกเล่ียงศพั ทท์ างเทคนิคหรือไม่เป็ นทางการ และตวั ยอ่ ต่างๆ ท้งั น้ีเพราะตอ้ งดึงดูดผอู้ า่ นใหม้ ากที่สุด

Step 9. Select Keywords for indexing - Keywords are used for indexing your paper. - avoid words with a broad meaning and words already included in the title - Some journals require that the keywords are not those from the journal name, because it is implicit that the topic is that - Only abbreviations firmly established in the field are eligible - check the Guide for Authors and look at the number of keywords admitted, label, definitions, thesaurus, range, and other special requests. ข้นั ตอนที่ 9.เลือกคาสาคญั สาหรับการจดั ทาดชั นี การกาหนดคาสาคญั ควรหลีกเลี่ยงคาท่ีมีความหมายกวา้ งและคาที่ รวมอยใู่ นชื่อเร่ืองแลว้ วารสารบางฉบบั ตอ้ งการใหค้ าสาคญั ไม่ไดม้ า จากชื่อวารสาร หลีกเล่ียงสิ่งที่ไม่ไดใ้ ชอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ไม่เป็นทางการ เป็ นตน้

 Step 10. Write the Acknowledgements - Thank people who have contributed to the manuscript - The most important thing is to thank your funding agency or the agency giving you a grant or fellowship. - Do not forget to include the grant number or reference. ข้นั ตอนที่10.เขยี นข้อความตอบรับ คุณสามารถเขียนขอบคุณคนท่ีมีส่วนร่วม เช่น บุคคลท่ีให้ความ ช่วยเหลือดา้ นเทคนิค เก่ียวกบั การเขียนและการพิสูจน์อกั ษร ท่ีสาคญั ที่สุด คือการขอบคุณหน่วยงานท่ีระดมทุน ของคุณ ในกรณีท่ีเป็ นโครงการใน ยโุ รป อยา่ ลืมระบุหมายเลขทุนหรือการอา้ งอิง

 Step 11. Write up the References - It is one of the most annoying problems, and causes great headaches among editors. - You must cite all the scientific publications on which your work is based. - But do not over-inflate the manuscript with too many reference - Do not include unpublished observations, manuscripts submitted but not yet accepted for publication, publications that are not peer reviewed, grey literature, or articles not published in English. ข้นั ตอนท่ี 11.เขยี นอ้างองิ ความผดิ พลาดในการเขียนอา้ งอิงเป็นปัญหาหน่ึงท่ีน่าราคาญท่ีสุด สาหรับบรรณาธิการ คุณตอ้ งอา้ งอิงสิ่งพิมพท์ ี่อยใู่ นงานของคุณ แต่อยา่ ทาเกินจริง หลีกเลี่ยงการอา้ งอิงตนเองมากเกินไป ลดการสื่อสารส่วน บุคคลรวมถึงสิ่งพมิ พท์ ่ียงั ไม่ไดผ้ า่ นการตรวจสอบโดยผอู้ า่ นวรรณกรรม ที่เป็ นสีเทา

การประยุกต์ใช้นวตั กรรมเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพ่ือการศึกษาบนพืน้ ฐานของการเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี 21

Magics M = mobile /Mooc A = Analytics G = Gamifications I = Internet of things C = cloud for learning S = Social media

MOBILE /M0OC การเรียนรู้ที่อาศยั อุปกรณ์ท่ีสามารถพกพาไดเ้ พื่อคน้ หาขอ้ มูลท่ีตอ้ งการได้ ทนั ทีและตลอดเวลาปฏิสัมพนั ธ์กบั ผูอ้ ื่นนอกจากเวลาเรียนและห้องเรียนและใช้ เพ่ือการเรียนรู้ผา่ นส่ือและ APPLICATION ต่างๆเพื่อการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ

ANALYTICS การนา IT มาใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูลสารสนเทศต่างๆของผเู้ รียนและเก็บ ขอ้ มูลไปใชใ้ นการออกแบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างรายบุคคลของ ผเู้ รียนไดด้ ีข้ึน

GAMIFICATIONS การนาเน้ือหาการเรียนรู้ไปออกแบบในส่ิงแวดลอ้ มของเกมมาใชใ้ น การจูงใจทาให้ผูเ้ รียนสนใจที่จะเรียนรู้ผ่านความพยายามท่ีจะบรรลุ เป้าหมายในรูปแบบการจาลองสถานการณ์ต่างๆ

INTERNET OF THINGS อุปกรณ์ท่ีมีการฝังCHIP หรือ SMART SENSER ไว้ เพือ่ การเช่ือมต่อระหวา่ งกนั ผา่ นเครือข่าย INTERNET ส่งผา้ นขอ้ มูลต่างๆระหวา่ งกนั เพม่ิ ประโยชนข์ องบริการ ใชใ้ นอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ลาโพง ,GPS รถยนต์

CLOUD FOR LEARNING รูปแบบการให้บริการแบ่งปันทรัพยากร APPLICATION หรือข้อมูลต่างๆถูก เก็บไว้บนเคร่ือง SERVER ให้บริการกับผู้คนจานวนมากได้ โดยเชื่อมต่อกบระบบ CLOUD ทางคอมพวิ เตอร์อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์เช่อมต่อกบั INTERNET เรียกใช้ บริการผ่าน WEB BROWER APPLICATION ต่างๆใช้งานได้สะดวกจากทุก สถานที่ เช่น GOOGLE FOR EDUCATION , GOOGLE DRIVE

SOCIAL MEDIA ผู้ใช้มสี ่วนร่วมในการสร้างเน่ือหาด้วยข้อความ รูปภาพ เสียง CLIP VDO ทาง WEBSIDE ,APPLICATION ในการเข้าถงึ แลกเปลย่ี นข้อมูล ข่าวสารออนไลทได้ หลายทศิ ทางผ่านINTERNET เป็ นเครือข่ายสังคมการเรียนรู้ เช่น FACE BOOK, LINE, ประยุกต์ในการเรียนการสอน ผู้เรียนและผ้าสอนสามารถแลกเปลยี่ นเรียนรู้ได้ สะดวกรวดเร็ว