๒๕๖๐เลอื กวิเคราะห์โครงการ Kanyarat Amram วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษานครราชสีมา 5/7/2560
เลอื กวเิ คราะห์โครงการบทนำ การวิเคราะห์ การเลือกกระทาโครงการใดน้ัน ผู้กระทาจะต้องเลือกสิ่งที่เหมาะสม และ ตรงกับความสามารถให้มากทสี่ ุด การทาโครงการของผู้เรียนเช่นเดียวกนั ผ้เู รียนจะต้องมีการวเิ คราะห์หรือพจิ ารณาตนเองก่อนว่า มีความสนใจมีความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ด้านใน แล้วจึงเลือกทาโครงการท่ีคิดว่าเหมาะสมกบั ตนเองมากทสี่ ุดการเลอื กวเิ คราะห์โครงการ กำรเลือกโครงกำร เป็ นข้นั ตอนท่ีสำคญั ข้นั ตอนหน่ึงในกำรเรียนวิชำโครงกำรวิชำชีพ เพรำะถำ้ เลือกโครงกำรไดถ้ ูกตอ้ ง เหมำะสมกบั ควำมพร้อม ควำมถนดั ควำมรักและควำมจริงใจของตนเองก็จะส่งผลให้ปฏิบตั ิงำนโครงกำรมีควำมสุขขณะปฏิบตั ิงำน และประสบผลสำเร็จในกำรทำโครงกำร ไดช้ ิ้นงำนท่ีตนพอใจ ดงั น้นั กำรศึกษำขอ้ มูลโครงกำรดำ้ นต่ำง ๆ เช่น ลกั ษณะและประโยชน์ของชิ้นงำน วสั ดุอุปกรณ์ท่ีตอ้ งท่ีใช้ แหล่งจดั ซ้ือ จดั หำ เทคนิคและข้นั ตอนกำรปฏิบตั ิ ควรมีกำรวิเครำะห์ นอกจำกน้นั กำรตดั สินใจเลือกโครงกำรควรมีองคป์ ระกอบดงั ต่อไปน้ี 1. ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ มี 3 ดำ้ น ไดแ้ ก่ 1.1 ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง คือ ข้อมูลเกี่ยวกับควำมพร้อมของตนเองในด้ำนควำมรู้ ทกั ษะในโครงกำรน้ัน ๆ วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองใช้ ค่ำใช้จ่ำย เวลำ แรงงำน ตลอดจนสิ่งอื่น ๆ ท่ีจำเป็ น ต่อกำรทำโครงกำรที่ตนกำลงั จะตดั สินใจเลือกทำ 1.2 ข้อมูลเกยี่ วกบั สังคมแวดล้อม ซ่ึงเป็นขอ้ มลู ตำ่ ง ๆ ท่ีอยู่รอบตัวเรำ หรือจะต้องเข้ำมำเก่ียวขอ้ ง อนั อำจจะส่งผลดีหรือผลเสียต่อกำรทำโครงกำร ในดำ้ นควำมเห็นชอบของคนในครอบครัวผสู้ อนผสู้ อนท่ีปรึกำ แหล่งกำรเรียนรู้ แหล่งจดั หำวสั ดุ อุปกรณ์ ตลอดจนสถำนที่ที่จะใชป้ ฏิบตั ิโครงกำร 1.3 ข้อมูลเกี่ยวกับความรู้พืน้ ฐานทางวิชาการของโครงการ คือ ขอ้ มูลควำมรู้และเทคนิคต่ำง ๆสำหรับทำโครงกำร
2. ความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล กำรที่จะทำโครงกำรให้ไดผ้ ลดี จะตอ้ งพิจำรณำควำมสนใจและควำมถนดั ของตนเองด้วย เพรำะควำมสนใจและควำมถนัดจะช่วยให้ทำโครงกำรได้สะดวกรวดเร็ว คล่องแคล่ว และมองเห็นช่องทำงที่จะพฒั นำ หรือปรับปรุงโครงกำรใหม้ ีประสิทธิภำพยง่ิ ข้ึน 3. ความรักและความจริงใจ เป็ นองคป์ ระกอบที่เกิดควำมรู้สึกภำยในของแตล่ ะคน ควำมรู้สึกน้ีจะเป็ นแรงผลดั ดนั ให้เกิดควำมมำนะ อดทน ขยนั และละเอียดรอบคอบในกำรทำโครงกำรจึงถือเป็ นองคป์ ระกอบในกำรตดั สินใจท่ีสำคญั อีกขอ้ หน่ึง หำกพิจำรณำตดั สินใจมิไดค้ ำนึงถึงส่ิงน้ีแลว้ กำรจดั ทำโครงกำรอยำ่ งเด็ดเด่ียว มนั่ คงจะลดนอ้ ยลงไดง้ ่ำย เม่ือมีอุปสรรคเกิดข้ึนอำจส่งผลใหก้ ำรทำโครงกำรไมป่ ระสบควำมสำเร็จการเลอื กโครงการของผ้เู รียน กำรเรียนโครงกำรของผเู้ รียน ควรคำนึงถึงส่ิงตอ่ ไปน้ีคือ 1. มีควำมรู้ ประสบกำรณ์ ทกั ษะ ควำมถนดั และควำมพร้อมในกำรทำโครงกำรท่ีเลือกไวซ้ ่ึงโครงกำร ควรมีควำมเหมำะสมกบั เพศ วยั ควำมสำมำรถ และงบประมำณของตนเอง 2. โครงกำรมีควำมเหมำะสม สอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรท่ีเรียน สำมำรถนำควำมรู้มำบูรณำกำรกบั กำร ปฏิบตั ิงำนในระหวำ่ งกำรทำโครงงำนได้ 3. ควรเป็ นโครงกำรที่สำมำรถคน้ ควำ้ ขอ้ มูลเพิม่ เติมไดท้ ้งั จำกแหล่งขอ้ มูลต่ำง ๆ ในทอ้ งถิ่น ภูมิปัญญำ ชำวบำ้ น ผรู้ ู้ และผชู้ ำนำญท่ีจะใหค้ ำปรึกษำ 4. ช่วงระยะเวลำในกำรดำเนินงำนโครงกำรไมค่ วรส้ันเกินไปและไม่เกิน 1 ภำคเรียน 5. โครงกำรมีควำมเหมำะสมกบั สภำพแวดลอ้ มหรือทอ้ งถิ่นของตนเอง สำมำรถนำผลงำนไปพฒั นำสู่ สถำนประกอบอำชีพได้การเลอื กโครงการประเภทโครงการส่ิงประดษิ ฐ์ โครงกำรส่ิงประดิษฐ์ เป็ นกำรประยุกต์ทฤษฎีหรือหลักกำรท่ีเรียนมำมำประดิษฐ์เป็ นเคร่ืองมืออุปกรณ์เพื่อประโยชน์ใชส้ อยในชีวติ ประจำวนั ส่ิงประดิษฐด์ งั กล่ำวอำจเป็ นส่ิงใหม่ท่ีเกิดจำกควำมคิดริเร่ิมสร้ำงสรรคข์ ้ึนเอง หรืออำจเป็นกำรปรับปรุงตดั แปลงจำกของเดิมท่ีมีอยแู่ ลว้ ใหม้ ีประสิทธิภำพ ก่อนท่ีจะเลือกทำโครงกำรผูเ้ รียนจะตอ้ งพิจำรณำตนเองหรือคณะกลุ่มทำงำนก่อนตดั สินใจเลือกเพอื่ ใหโ้ ครงกำรหรือชิ้นงำนที่ออกมำมีประสิทธิภำพซ่ึงคุณลกั ษณะของผเู้ รียนหรือกลุ่มทีมงำนควรเป็ นดงั น้ี
1. มีความรู้ทางด้านวชิ าการ การประดิษฐ์ส่ิงต่าง ๆ ยอ่ มตอ้ งใชค้ วำมรู้ทำงวชิ ำกำรอยำ่ งแทจ้ ริงมำเป็นพ้นื ฐำนกำรทำงำน เพื่อให้ไดผ้ ลงำนท่ีถูกตอ้ ง มีหลกั กำร และมีควำมเป็นไปได้ ซ่ึงหำกเรียนมีควำมสนใจประดิษฐ์ งำนดำ้ นใด กค็ วรแสวงหำควำมรู้ทำงวชิ ำกำรที่เกี่ยวขอ้ งกบั กำรประดิษฐช์ ิ้นงำนน้นั ๆ ใหช้ ดั เจน และ ควรเป็นควำมรู้ที่ถูกตอ้ งกนั ควำมเสียหำยที่จะเกิดข้ึนได้ เช่น กำรประดิษฐเ์ ครื่องกรองน้ำ ผเู้ รียนก็ตอ้ งหำรควำมรู้เก่ียวกบั กำรทำงำนของเคร่ืองและอื่น ๆ กำรหำควำมรู้ทำงวชิ ำกำรในปัจจุบนั ทำไดไ้ ม่ยำก มีแหล่งคน้ ควำ้ หำควำมรู้มำกมำยหำยหำกผเู้ รียนสนใจอยำ่ งแทจ้ ริง 2. มที กั ษะในการปฏบิ ตั ิงาน ทกั ษะในการปฏบิ ตั ิงาน มีควำมสำคญั อีกอยำ่ งหน่ึงในกำรดำเนินงำนดำ้ นโครงกำร เพรำะทกั ษะส่วนใหญเ่ กิดจำกกำรฝึกฝนจนเกิดควำมชำนำญหรือเช่ียวชำญ กำรมีทกั ษะในกำรปฏิบตั ิงำน จะช่วยให้ชิ้นงำนท่ีประดิษฐข์ ้ึนมำน้นั มีประสิทธิภำพ และสำมำรถใชง้ ำนไดต้ ำมจุดมุ่งหมำยท่ีต้งั ไว้ 3. มจี รรยาบรรณ จรรยาบรรณ เป็นส่ิงท่ีทุกอำชีพพงึ มี กำรมีจรรยำบรรณทำใหอ้ ำชีพน้นั ไดร้ ับกำรยอมรับและเป็นท่ีน่ำเชื่อถือแก่บุคคลทวั่ ไป ผเู้ รียนจะตอ้ งมีคุณธรรม จริยธรรมในกำรปฏิบตั ิงำน และมีจิตสำนึกในหนำ้ ที่รับผดิ ชอบ อนั เป็นพ้นื ฐำนท่ีดีท่ีจะเป็นผปู้ ระกอบกำรท่ีมีจรรยำบรรณในอนำคต 4. มคี วามคดิ สร้างสรรค์ การทาโครงการในแต่ละประเภทจะตอ้ งประกอบไปกบั ควำมรู้ควำมชำนำญและควำคิดริเร่ิมสร้ำงสรรค์ เพื่อจะไดใ้ หโ้ ครงกำรหรือส่ิงประดิษฐท์ ่ีทำข้ึนมำเกิดควำมสมบรู ณ์ และมีประสิทธิภำพเป็นท่ียอมรับของผใู้ ชบ้ ริกำร 5. มเี จตคตทิ ดี่ ตี ่องานอาชีพ การเลอื กประกอบอาชีพใดกต็ าม บุคคลน้นั จะตอ้ งมีเจตคติที่ดีต่ออำชีพที่เลือก จึงจะปฏิบตั ิงำนได้อยำ่ งมีควำมสุข กำรท่ีผเู้ รียนเลือกประดิษฐช์ ิ้นงำนใดก็ตำมยอ่ มตอ้ งมีเจตคติท่ีดีต่องำนน้นั ดว้ ย
ข้อกาหนดของโครงการส่ิงประดิษฐ์ข้อกาหนดโครงการส่ิงประดิษฐ์ ควรมีขอ้ กำหนด ดงั ต่อไปน้ี 1. จะตอ้ งเป็ นกำรทำสิ่งประดิษฐท์ ่ีเกิดจำกกำรบูรณำกำรควำมรู้ควำมสำมำรถ ประสบกำรณ์และทกั ษะท่ีเกิดข้ึนจำกกำรปฏิบตั ิง่ำนในสำขำงำน 2. จะตอ้ งเป็ นงำนท่ีสร้ำงสรรคแ์ ละพฒั นำควำมรู้ให้เกิดประโยชน์ในกำรประกอบอำชีพในสำขำงำน 3. จะตอ้ งพิจำรณำควำมถนดั และควำมสนใจของแต่ละบุคลหรือกลุ่มโดยผำ่ นกระบวนกำรตดั สินใจและควำมเห็นชอบจำกครูผสู้ อนท่ีปรึกษำ 4. จะตอ้ งเกิดจำกกำรออกแบบข้ึนใหม่โดยคำนึงถึงรูปแบบควำมเหมำะสม ควำมสวยงำมและประโยชน์ในกำรใชไ้ ดจ้ ริง 5. สำมำรถทำไดเ้ ป็นกลุ่ม กลุ่ม 5-6 คน หรือตำมควำมเหมำะสม 6. ตอ้ งผำ่ นควำมเห็นชอบจำกผสู้ อนท่ีปรึกษำและคณะกรรมกำรโครงกำรหลกั การออกแบบส่ิงประดิษฐ์ หลกั การออกแบบสิ่งประดษิ ฐ์ ควรคำน่ึงถึงส่ิงต่อไป 1. ประโยชน์ใช้สอย นบั เป็ นปัจจยั แรกที่ตอ้ งคำนึง เพรำะเมื่ออกแบบส่ิงประดิษฐแ์ ลว้ จะ ตอ้ งมีเป้ ำหมำยวำ่ จะนำไปใชใ้ นดำ้ นใด 2. วสั ดุทใี่ ช้ทา เป็นปัจจยั ที่นกั ออกแบบหรือผสู้ ร้ำงผลงำนจะตอ้ งทำกำรสำรวจ คน้ ควำ้ หำ ขอ้ มูล และควรเลือกใชว้ สั ดุท่ีมีอยใู่ นทอ้ งถิ่นหรือวสั ดุท่ีมีอยใู่ นทอ้ งถิ่น เพื่อควำมสะดวกและ ประหยดั 3. ข้นั ตอนหรือวธิ ีการในการประดษิ ฐ์ผลงาน ควรศึกษำถึงข้นั ตอนหรือวธิ ีกำรในกำร ประดิษฐผ์ ลงำนแต่ละชนิดใหเ้ ขำ้ ใจอยำ่ งละเอียด เพือ่ จะไดป้ ระดิษฐผ์ ลงำนไดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพ ตำมลำดบั ข้นั ตอน
4. ความทนทานและความสวยงาม นอกจำกจะคำนึงถึงเร่ืองควำมประหยดั ตอ้ งคำนึงถึง ควำมทนทำนหรือระยะเวลำในกำรใชง้ ำน และควำมสวยงำมดว้ ยแนวทางในการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ แนวทางในการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ มีแนวทำงดงั น้ี การสร้างผลงานขนึ้ ใหม่ เป็ นกำรสร้ำงประดิษฐช์ ิ้นงำน หรือเครื่องใชเ้ ป็ นกำรขำยหรือชุมชนสร้ำงข้ึนมำใหมส่ ำมำรถทำได้ ดงั น้ี 1. เปลย่ี นวสั ดุ หมำยถึง กำรใชว้ สั ดุอ่ืนที่มีคุณภำพมำกกวำ่ เดิมมำสร้ำงผลงำนให้เป็นรูปแบบเดียวกนั 2. เปลยี่ นวธิ ีการใหม่ หมำยถึง กำรใชเ้ ทคนิคสร้ำงประดิษฐผ์ ลงำนที่แปลกใหม่กวำ่ เดิม เพอ่ื ใหผ้ ลงำนน่ำสนใจและใชป้ ระโยชนไ์ ดม้ ำกข้ึน 3. การปรับปรุงเปลยี่ นแปลงสภาพจากของเดิม เป็นกำรประดิษฐท์ ่ียดึ หลกั ควำมประหยดั และปรับปรุงแกไ้ ขปัญหำใหด้ ียง่ิ ข้ึนและอำจเปล่ียนวสั ดุอุปกรณ์บำงชนิดใหม้ ีคุณภำพมำกกวำ่ ตน้ แบบและประสิทธิภำพในกำรทำงำนดีข้ึนการเลอื กโครงการประเภทโครงการทดลองและวจิ ัย โครงการทดลองและวจิ ัย เป็ นโครงกำรท่ีทำกำรศึกษำคำตอบของปัญหำซ่ึงคำตอบของปัญหำน้นัไดม้ ำจำกกำรสำรวจและรวบรวมขอ้ มลู โดยขอ้ มลู เหล่ำน้นั มำจดั เป็นหมวดหมู่แลว้ นำเสนอ เพ่ือใหเ้ ห็นลกั ษณะหรือควำมสัมพนั ธ์ในเร่ืองที่ตอ้ งกำรศึกษำไดช้ ดั เจนมำกยงิ่ ข้ึนข้อกาหนดของโครงการทดลองและวจิ ัย 1. ตอ้ งผำ่ นควำมเห็นชอบของผสู้ อนที่ปรึกษำและคณะกรรมกำรอำนวยกำร 2. ตอ้ งมีแผนกำรทดลองวจิ ยั ประกอบดว้ ย สมมติฐำน ข้นั ตอนกำรทดลองและวจิ ยั ระยะ งบประมำณและผลท่ีคำดวำ่ จะไดร้ ับจำกกำรทดลองและกำรวิจยั 3. ตอ้ งเกิดจำกควำมถนดั และควำมสนใจของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มโดยผำ่ นกระบวนกำรตดั สินใจและควำเห็นชอบของผสู้ อนท่ีปรึกษำ
4. ตอ้ งเกิดจำกกำรสร้ำงสมมติฐำนและกำรคำดหมำยผลท่ีจะเกิดข้ึนตำมหลกั วชิ ำทกั ษะและประสบกำรณ์ในสำขำงำนท่ีน่ำจะเป็ นไปได้รายละเอยี ด โครงการ 1 โครงการ 2 โครงการ 3 หมายเหตุข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเอง1. ควำมถนนั และควำมสนใจ2. ควำมรู้3. ประสบกำรณ์4. เงินทุน5. วสั ดุอุปกรณ์6. ควำมพร้อมในดำ้ นเวลำและแรงงำนข้อมูลเกยี่ วกบั สังคมแวดล้อม1. เป็นโครงกำรที่มีประโยชน์2. มีคนสนบั สนุน3. สำมำรถจดั หำวสั ดุไดง้ ่ำย4. มีสถำนท่ีปฏิบตั ิเหมำะสม5. มีแหล่งควำมรู้ที่จะศึกษำรำยละเอียดข้อมูลเกยี่ วกบั ความรู้พนื้ ฐานทางวชิ าการ1. ควำมรู้เก่ียวกบั อำชีพ2. ข้นั ตอนในกำรปฏิบตั ิงำนไม่ซบั ซอ้ น3. นำควำมรู้ทกั ษะในโครงกำรน้ีนำไปเป็นขอ้ มูลในกำรสร้ำงงำนอ่ืนได้ คะแนนรวม 5. ตอ้ งเป็ นงำนที่สร้ำงสรรคแ์ ละพฒั นำควำมรู้ใหเ้ กิดประโยชน์ในกำรนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั หรือประกอบอำชีพ 6. สำมำรถทำไดเ้ ป็นรำยบุคคลหรือเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-6 คน หรือตำมควำมเหมำะสมตารางวเิ คราะห์ข้อมูลเพอ่ื ตดั สินใจเลอื กโครงการ
หมายเหตุ 1. กำรใหค้ ะแนนมี 4 ระดบั คือ4. = มำกที่สุด 2. = ปำนกลำง3. = มำก 1. = นอ้ ยองค์ประกอบในการนาเสนอขออนุมัติกำรเขียนโครงกำร ควรมีองคป์ ระกอบสำคญั 10 ประกำร ดงั น้ี1. ช่ือโครงการ ควรเขียนส้ันๆ กระชบั มีควำมชดั เจน เฉพำะเจำะจง และส่ือควำมหมำย2. ผู้รับผดิ ชอบโครงกำร หมำยถึง บุคคลหรือกลุ่มซ่ึงเป็นผดู้ ำเนินงำนตำมโครงกำรให้ไปตำมหลกั กำร วตั ถุประสงคแ์ ละเป้ ำหมำยของโครงกำร3. หลกั การแหละเหตุผล แสดงใหเ้ ห็นควำมจำเป็นหรือควำมสำคญั หรือภูมิหลงั ในกำรจดั ทำโครงกำร โดยหำขอ้ มลู ทฤษฏีมำสนบั สนุนใหส้ มเหตุสมผล กำรเขียนหลกั กำรและเหตุผลในส่วยน้ีประกอบดว้ ย 3 ส่วนสำคญั คือ 1. ควำมเป็นมำของโครงกำรยอ่ ๆ 2. เหตุผลและควำมจำเป็นท่ีตอ้ งมีโครงกำรน้นั ๆ 3. วธิ ีกำรทำโครงกำร ยอ่ ๆ4. วตั ถุประสงค์ของโครงการ แสดงใหเ้ ห็นทิศทำงในกำรดำเนินงำนของโครงกำรและควำมตอ้ งกำรท่ีจะกระทำใดสิ่งหน่ึง ใหเ้ ห็นอยำ่ งชดั เจน กำรเขียนวตั ถุประสงคค์ วรเขียนเป็นขอ้ ๆ เรียงตำมลำดบั ควำมสำคญั โดยคำน่ึงถึงลกั ษณะต่ำงๆ ดงั น้ี 1. ควำมเป็นไปได้ 2. วดั ผลและประเมินผลได้ 3. ระบุสิ่งท่ีตอ้ งกำร 4. มีควำมเป็นเหตุเป็นผลต่อโครงกำร 5. มีกำรกำหนดระยะเวลำของกำรปฏิบตั ิโครงกำร5. เป้ าหมายของดโครงการ เป็นกำรคำดหวงั เก่ียวกบั กำรผลิตท่ีจะไดร้ ับเม่ือดำเนินกำรตำมโครงกำร กำรเขียนเป้ ำหมำยจะตอ้ งเขียนให้ชัดเจนว่ำตอ้ งกำรผลิตอะไร ท้งั เชิงปริมำณและคุณภำพ
6. วธิ ีการดาเนินการ แสดงถึงแนวทำงและวธิ ีกำรที่จะตอ้ งทำตำมลำดบั ข้นั ตอนต้งั แต่เร่ิมตน้จนสิ้นสุดโครงกำรโดยกำหนดเป็ นแผนกำรปฏิบตั ิงำน แสดงรำยละเอียดของกิจกรรมและระยะเวลำที่จะตอ้ งดำเนินกำร7. ระยะเวลาและสถานทด่ี าเนินการ ระบุถึงช่วงเวลำ และสถำนท่ีของกำรดำเนินงำนตงั แต่ข้นั เร่ิมตน้ และสิ้นสุดของโครงกำร8. งบประมาณและทรัพยากร ระบุถึงคำ่ ใชจ้ ่ำย วสั ดุ ครุภณั ฑ์ และทรัพยำกรที่ใชใ้ นดำเนินกำร รวมถึงแหล่งท่ีมำของเงินทุนและทรัพยำกร โดยกำรกำหนดงบประมำณและทรัพยำกร ที่ตอ้ งใช้ตอ้ งคำนึงถึงควำมประหยดั ควำมมีประสิทธิภำพ ประสิทธิผลและควำมยตุ ิธรรม9. การติดตามผลประเมนิ เป็นกำรระบุวำ่ จะตอ้ งติดตำมควำมกำ้ วหนำ้ กำรพฒั นำกำรดำเนินงำนอย่ำงไรจึงประเมินควำมสำเร็จของกำรดำเนินงำนได้ ใครเป็ นผูร้ ับผิดชอบและจะดำเนิน กำรในช่วง เช่น ก่อนเร่ิมทำโครงกำร ระหว่ำงดำเนินกำร และเม่ือเสร็จสิ้นโครงกำรโดยหัวข้อของกำรประเมินผลตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องโครงกำร10. ผลที่คาดจะได้รับ แสดงถึงผลประโยชน์ท่ี ผดู้ ำเนินกำรและผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งจะไดร้ ับหลงั โครงกำร สิ้นสุดท้งั ทำงตรงและทำงออ้ ม11. ปัญหาและอุปสรรคท่ีคาดว่ าจะเกิดขึ้น แสดงถึงส่ิ งท่ีผดู้ ำเนินกำรคำดวำ่ จะได้รับ หรือคำดว่ำอำจเกิดข้ึน และจะเป็ นปัญหำหรืออุปสรรคในกำรดำเนินโครงกำรไม่เป็ นไปตำมข้นั ตอน ระยะเวลำวตั ถุประสงคห์ รือเป้ ำหมำยที่กำหนดไว้ กำรเขียนโครงกำรเพือ่ นำเสนอผสู้ อนประจำวิชำ ผสู้ อนท่ีปรึกษำ คณะกรรมกำรโครงกำรควรมีแบบกำรนำเสนอขออนุมตั ิโครงกำรแนบดว้ ย รูปท่ี 2.1 เครื่องอดั ป๋ ุยเมก็ อินทรีย์
แบบนาเสนออนุมัตโิ ครงการ ชื่อสถำนท่ี............................................................................... ภำคเรียนท่ี...........................ปี กำรศึกษำ.......................... ระดบั ช้นั ................................ช่ือโครงกำร...................................................ระยะเวำฃลำดำเนินกำร................................สถำนที่ดำเนินกำร.........................................ประมำณค่ำกำรใชจ้ ำ่ ย....................................ผรู้ ับผดิ ชอบโครงกำร 1..........................................................รหสั ...................................... 2..........................................................รหสั ...................................... 3..........................................................รหสั ...................................... 4..........................................................รหสั ...................................... ลงชื่อ...........................................หวั หนำ้ โครงกำร (.................................................)ควำมคิดเห็นของผสู้ อนประจำวชิ ำ.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..........................................ผสู้ อนประจำวชิ ำ (...................................................)ควำมคิดเห็นของคณะกรรมกำรโครงกำร.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ..............................................คณะกรรมกำร (..................................................)
สรุปหลกั การในการเลอื กวเิ คราะห์โครงการ มดี งั นี้1. กำรเสนอของอนุมตั ิโรงกำร ควรมีส่ิงสำคญั 2 ประกำร คือ 1) ชื่อโครงกำร 2) ผรู้ ับผดิ ชอบ2. หลกั กำรและเหตุผล ตอ้ งประกอบดว้ ยส่วนสำคญั 3 ส่วน คือ 1) ควำมเป็นมำของโครงกำรยอ่ ๆ 2) เหตุผลและควำมจำเป็นท่ีตอ้ งมีโครงกำรน้นั ๆ 3) วธิ ีกำรดำเนินโครงกำรยอ่ ๆ3. วตั ถุประสงคข์ องโครงกำร ควรเขียนเป็นขอ้ ๆ เรียงลำดบั ควำมสำคญั โยคำนึงถึงลกั ษณะต่ำง ๆ ดงั น้ี 1) ควำมเป็นไปได้ 2) กำรวดั และประเมินผลได้ 3) ระบุสิ่งท่ีตอ้ งกำรได้ 4) มีควำมเป็นเหตุเป็นผล 5) มีกำหนดระยะเวลำ4. เป้ ำหมำยของโครงกำร เป็นกำรคำดหวงั เก่ียวกบั ผลผลิตท่ีจะไดร้ ับเม่ือดำเนินตำมโครงกำร5. มีวธิ ีกำรดำเนินงำน แสดงถึงแนวทำงและวธิ ีกำรที่จะตอ้ งทำตำมลำดบั ข้นั ตอนต้งั แต่เริ่มตน้ จนสิ้นสุด โครงกำร6. ระยะเวลำและสถำนท่ีดำเนินกำร7. งบประมำณและทรัพยำกร8. กำรติดตำมและประเมินผล9. ผลท่ีคำดหวงั จะไดร้ ับ10.ปัญหำและอุปสรรคที่คำดวำ่ จะเกิดข้ึน11.กำรเขียนรำยงำนโครงกำรตอ้ งอยใู่ นรูปแบบเสนอขออนุมตั ิโครงกำร
การเลอื กโครงการของผู้เรียน มีเกณฑท่ีควรพจิ ำรณำ ดงั น้ี 1. มีควำมรู้ทกั ษะ ประสบกำรณ์ ควำมสนใจในโครงกำร 2. เหมำะสมสอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรท่ีเรียน 3. เหมำะสมกบั สภำพของชุมชนของตนเอง 4. สำมำรถคน้ ควำ้ ขอ้ มลู เพิ่มเติมไดจ้ ำกแหล่งขอ้ มลู ตำ่ ง ๆ ในทอ้ งถิ่น 5. เหมำะสมกบั เพศ วยั กำลงั ควำมสำมำรถและงบประมำณ 6. เวลำไม่ควรส้ันเกินไปหรือไมค่ วรเกิน 1 ภำคเรียนการเลอื กโครงการประเภทสิ่งประดษิ ฐ์ โครงการส่ิงประดษิ ฐ์เป็นกำรประยกุ ตท์ ฤษฎีหรือหลกั กำรท่ีเรียนมำ มำประดิษฐเ์ ป็ นเคร่ืองมือเครื่องจกั รที่ทนั สมยั และใชส้ อยในชีวติ ประจำวนั อยำ่ งมีประสิทธิภำพ ผเู้ รียนที่เลือกทำโครงกำรประเภทสิ่งประดิษฐ์ ควรมีลกั ษณะดงั น้ี 1. มีทกั ษะในกำรปฏิบตั ิงำน 2. มีควำมรู้ดำ้ นวชิ ำกำร 3. ขยนั ที่จะศึกษำขอ้ มูลท่ีจะมำประกอบ 4. มีเจตคติท่ีดีต่องำน 5. มีควำมซ่ือสตั ย์
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: