หลักการ ใหค้ าํ ปรึกษา เ อ ก ร า ช เ พ ช ร เ ด ช า กุ ล จี ร ที ป ต สั ง ข ท อ ง พิ ติ ยั น ต รั ก ษ พ ง ศ วิ ช า ก า ร บ ริ ห า ร กิ จ ก า ร นั ก เ รี ย น ส า ข า ก า ร บ ริ ห า ร ก า ร ศึ ก ษ า ค ณ ะ ม นุ ษ ย ศ า ส ต ร แ ล ะ สั ง ค ม ศ า ส ต ร วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ภ า ค ใ ต 2564
คำนำ บทความ เร่ือง หลักการให้คำปรึกษา ได้จดั ทำข้ึนเพื่อนำเสนอผลการศึกษาในรายวชิ าการบรหิ าร กิจการนกั เรียน ตามหลักสูตรการศกึ ษามหาบัณฑติ (การบริหารการศึกษา) ซึ่งได้รวบรวมความหมายของการให้ คำปรกึ ษา หลักการและแนวคิด ประเภท และกระบวนการของการให้คำปรึกษา และสรปุ องค์ความรู้ทีเ่ กิดข้นึ จากการศึกษา จนสำเร็จเป็นบทความวชิ าการ ทนี่ ำเสนอหลกั การในการให้คำปรึกษา ซง่ึ เปน็ รปู แบบของการให้ การชว่ ยเหลือแก่บุคคล คณุ คา่ และประโยชนจ์ ากการอ่านบทความฉบบั นี้ คณะผู้จัดทำขอมอบแด่สถานศกึ ษา คณาจารย์ทุกทา่ น ทีป่ ระสทิ ธิ ประสาทวชิ าความรู้ เพอ่ื การพัฒนาตนเอง หวงั เป็นอย่างยิง่ ว่าบทความฉบับนี้จกั เป็นประโยชน์แก่ทุก คนทสี่ นใจ คณะผจู้ ัดทำ 7 พฤษภาคม 2564
สารบญั คำนำ 1 สารบญั 2 1. หลกั การให้คำปรกึ ษา 2 2. แนวคิดเกีย่ วกับการให้คำปรึกษา 4 3. ประเภทของการให้คำปรกึ ษา 5 4. กระบวนการให้คำปรึกษา อ้างองิ
1 หลกั การใหค้ ำปรกึ ษา การให้คำปรึกษา (Counseling) เป็นหน่ึงในรูปแบบของการให้การช่วยเหลอื แก่บุคลล การใหค้ วาม ชว่ ยเหลือแบบน้ี ผใู้ หค้ วามชว่ ยเหลอื จะสนใจผูข้ อความชว่ ยเหลอื มากกวา่ ปัญหาที่เกิดข้ึน กระบวนการแก้ไข ปญั หาจะเป็นการรว่ มมอื กนั ระหวา่ งผใู้ หค้ วามชว่ ยเหลือและผูข้ อความชว่ ยเหลือ การให้ความชว่ ยเหลือแบบการ ใหค้ ำปรกึ ษาจะแตกตา่ งจากแบบการใหค้ วามชว่ ยเหลือแบบ การบอก (Telling) การใช้อทิ ธิพล (Influence) และการแนะนำ (Advising) กลา่ วคอื ผูใ้ หค้ ำปรึกษาไมจ่ ำเปน็ ต้องมคี วามรู้ ความเชยี่ วชาญในรายละเอียด เก่ยี วกบั ปญั หาทีเ่ ขาเสนอใหช้ ่วยมากนัก แตจ่ ะต้องรูเ้ ก่ยี วกับธรรมชาติของคน อันได้แก่ ความแตกตา่ งของคน ความตอ้ งการของคน ความเห็นใจและเข้าใจคน ก็คือ ผู้ขอความช่วยเหลอื น่ันเอง และการใช้ความชว่ ยเหลือ แบบน้ี เขาอาจไมร่ ู้ว่าผลลพั ธ์หรอื คำตอบจะเป็นอย่างไร แต่จุดมุ่งหมายท่สี ำคัญของการให้คำปรึกษา กค็ ือ การ สนับสนนุ ใหผ้ ู้ขอความช่วยเหลอื สามารถหาคำตอบของปัญหาไดด้ ้วยตนเอง รับผดิ ชอบอย่างเตม็ ที่ต่อปญั หาของ เขา ผูใ้ ห้คำปรึกษาจะไม่ให้คำแนะนำและไมว่ ิพากษ์ วจิ ารณ์ ผูข้ อความช่วยเหลือ เพราะเขาเช่ือว่าอะไรดีที่สดุ สำหรบั ตัวเองและช่วยใหเ้ ขาพบว่าส่ิงนค้ี อื อะไร และเมอื่ เขาพบปญั หาอืน่ เขาก็พร้อมท่ีจะแก้ไขปญั หาดว้ ยตนเอง ดังนั้นผูใ้ หค้ ำปรกึ ษาจะฟงั มากกว่าพดู และใช้ทักษะในการตงั้ คำถามชว่ ยให้ผ้ขู อความชว่ ยเหลือสามารถสำรวจ และวิเคราะหป์ ัญหาได้ ขณะเดยี วกันกต็ ้องให้ความสำคัญกบั ผู้ขอความชว่ ยเหลอื สนใจความรู้สกึ อารมณ์ ยอมรับว่าส่งิ เหลา่ นเี้ ช่อื มโยงกับปญั หาอย่างมาก การใหค้ วามช่วยเหลือแบบน้ีมักไดย้ นิ คำพูดต่อไปนี้ “คณุ คิด อยา่ งไร” หรือ “ส่ิงนนั้ ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร” หรือ “คุณตอ้ งการพูดเกยี่ วกับ...หรอื ไม่” หรอื “ถ้าคุณทำสง่ิ น้นั คุณคดิ ว่าอะไรจะเกิดข้ึน” 1. หลักการใหค้ ำปรกึ ษา ผูใ้ ห้คำปรกึ ษายดึ หลักต่อไปน้ี ในการพจิ ารณาใหค้ วามชว่ ยเหลอื บคุ คล 1) ผขู้ อคำปรึกษาเต็มใจทจี่ ะเปล่ียนแปลงพฤติกรรมโดยขอความช่วยเหลือจากผู้ใหค้ ำปรึกษา มิใชม่ าขอ ความช่วยเหลือเพราะถูกบงั คับ 2) การใหค้ ำปรึกษามวี ัตถปุ ระสงคใ์ หผ้ ู้ขอรับคำปรกึ ษาร้จู ักตนเอง ผูอ้ ่ืน และสิง่ แวดล้อม ให้ดีย่งิ ข้นึ ไม่ ว่าจะเป็นความรู้สกึ ความเข้าใจ การตัดสนิ ใจ และการนำไปปฏบิ ัติเพ่ือใหเ้ กิดประสิทธภิ าพ และเหมาะสม ย่งิ ขึน้ 3) ผู้ใหค้ ำปรกึ ษาจะต้องเป็นผ้ทู ่ีได้รบั การฝกึ ฝนและอบรมทางดา้ นการให้คำปรึกษาโดยเฉพาะเป็นอย่างดี 4) ผใู้ ห้คำปรึกษาต้องยึดหลักวา่ ผูข้ อคำปรึกษาทุกคนมีสิทธิและความสามารถในการตัดสนิ ใจหรือ แก้ปัญหาดว้ ยตนเอง ดังน้นั ผู้ให้คำปรกึ ษาไมค่ วรตดั สินใจแทนผู้ขอคำปรกึ ษา เพยี งชว่ ยเหลือในเรื่องของการ ตัดสนิ ใตเท่าน้นั 5) ผใู้ หค้ ำปรึกษาตอ้ งยึดหลักว่า ผู้ขอคำปรึกษาแตล่ ะคนมคี วามแตกต่างกัน ทง้ั ดา้ นความคิด ความสามารถ ความสนใจ ความถนัด ตลอดจนสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ดงั น้นั ผู้มาขอคำปรกึ ษาจึง มที กุ เพศ ทุกวยั ซง่ึ แตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งในเรอ่ื งดังกลา่ วขา้ งต้น
2 2. แนวคิดเกย่ี วกับการให้คำปรึกษา (Counseling Approaches) ตามข้อเสนอแนะของ Sherman and Bohlander (1996 : 561-563) แบ่งแนวคิดการให้ คำปรึกษาได้ ดังน้ี 1) แนวคดิ การให้คำปรกึ ษาแบบนำทาง (Directive Counseling Approach) การใหค้ ำปรึกษาแบบนำทาง หรอื บางคร้ังเรียกวา่ การให้คำปรึกษาแบบผใู้ ห้คำปรึกษาเป็น ศนู ยก์ ลาง (Counselor Centered Counseling) “คนสามารถแก้ปญั หา และตัดสินใจได้ ถ้าเขาได้ร้จู ักและ เขา้ ใจตนเอง” 2) แนวคิดการให้คำปรึกษาแบบไมน่ ำทาง (Nondirective Counseling Approach) การให้คำปรึกษาแบบไมน่ ำทาง หรือบางครั้งเรียกว่า การให้คำปรกึ ษาแบบผู้ขอรบั คำปรึกษาเป็น ศูนย์กลาง (Client Centered Counseling) “คนสามารถแกป้ ัญหา และตดั สนิ ใจได้ด้วยตนเอง” 3) แนวคิดการให้คำปรึกษาแบบมีส่วนร่วม (Participative Counseling Approach) การใหค้ ำปรึกษาแบบมีสว่ นรว่ ม หรือบางครงั้ เรียกว่า การให้คำปรึกษาแบบผสม (Elective Counseling Approach) “แนวคดิ น้ีเนน้ การมสี ว่ นรว่ ม หรอื รว่ มมือระหวา่ งแนวคดิ การให้คำปรึกษาแบบนำ ทางและแนวคดิ การให้คำปรึกษาแบบไมน่ ำทาง” 3. ประเภทของการใหค้ ำปรกึ ษา (Type of Counseling) การให้คำปรึกษาแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ดงั นี้ 1) การใหค้ ำปรึกษาเป็นรายบคุ คล (Individual Counseling) ใหค้ ำปรึกษาทผี่ ู้ใหค้ ำปรกึ ษา 1 คน รว่ มมือกบั ผู้ขอคำปรึกษา 1 คน 2) การใหค้ ำปรึกษาแบบกล่มุ (Group Counseling) ใหค้ ำปรึกษากลุ่มคนท่ีมปี ญั หาคล้ายกนั 4. กระบวนการให้คำปรึกษา (Counseling Process) กระบวนการการใหค้ ำปรึกษามขี น้ั ตอนและวิธกี ารที่เกย่ี วเน่ืองเปน็ ขัน้ เป็นตอนลำดับกอ่ นและหลัง ซ่ึง ตอ้ งมีการกำหนดเป้าหมาย การใชว้ ิธกี ารศกึ ษาทางจิตวิทยา การเลอื กใชแ้ นวคดิ และทฤษฎีการให้คำปรกึ ษา วา่ ควรใช้วธิ ีการใด และเทคนิคในการให้คำปรึกษาไม่วา่ จะเป็นการฟังหรือการพดู และอนื่ ๆ และในท้ายท่สี ดุ ก็คือ การประเมนิ ผลการใหค้ ำปรึกษา หรอื ผู้ให้คำปรกึ ษา ถา้ จะกล่าวโดยย่อ กระบวนการให้คำปรึกษามีขั้นตอน ดงั น้ี 1) สร้างสัมพันธภาพและตกลงบรกิ าร เพ่ือสรา้ งความไวว้ างใจ กลา้ เปิดเผยเรื่องราว ด้วยวธิ ีการ ดงั น้ี 1.1) การทักทาย (Greeting) 1.2) การพูดคุยเร่อื งทวั่ ไป (Small talk) 1.3) การใส่ใจ (Attending) - ภาษาพูด (Verbal) - ภาษาทา่ ทาง (Non-verbal)
3 1.4) การเปิดประเด็น (Opening) 2) สำรวจปัญหา เขา้ ใจปญั หา และสาเหตคุ วามต้องการ 2.1) ภูมหิ ลังความเป็นมา (เท่าท่ีจำเปน็ ) 2.2) องคป์ ระกอบของปญั หา - เน้อื หาของปัญหา ได้แก่ รูปแบบของการเกดิ ปัญหา ความรนุ แรง ความรู้สึก และ ความคดิ - ผลกระทบต่อผรู้ บั คำปรึกษา 2.3) พฤติกรรมของผรู้ ับคำปรึกษา 2.4) สมั พนั ธภาพของผ้รู ับคำปรึกษาตอ่ คนอื่น ไดแ้ ก่ ครอบครวั เพือ่ น ผ้รู ว่ มงาน และคนที่มี ส่วนในปญั หา 2.5) ศกั ยภาพของผรู้ บั คำปรกึ ษา ได้แก่ วิธีการแก้ปญั หาปจั จบุ ัน วิธกี ารแกป้ ญั หาในอดีต และ ผู้ให้การชว่ ยเหลือ 3) วางแผนการแก้ไขปญั หา ประกอบด้วย องค์ประกอบพน้ื ฐาน ไดแ้ ก่ แรงจงู ใจ ศักยภาพ และการ สนบั สนนุ ทางสงั คม โดยมีวิธีการวางแผนแก้ไขปัญหา ดงั น้ี 3.1) มีแรงจงู ใจในการแกป้ ัญหา 3.2) กำหนดเปา้ หมายได้ 3.3) สำรวจทางเลือกตา่ ง ๆ เพ่ือแก้ไขปัญหา 3.4) พิจารณาทางเลอื กท่ีพึงประสงค์ 3.5) กำหนดแผนโดยละเอียด ตาราง 1 แสดงประเภทของปัญหาและเทคนคิ ท่ใี ช้ ประเภทของปัญหา เทคนิคทใ่ี ช้ 1. ขาดความรู้ 1. ให้ข้อมลู 2. อารมณ์ความรู้สกึ 2. ให้กำลังใจ 3. ขาดแนวทางหรือขาดทกั ษะปฏิบัติ 3. ฝกึ ทักษะ 4. ไม่สามารถตดั สินใจ 4. การพจิ ารณาทางเลือก 5. ไมร่ ูแ้ นวปฏิบตั ิ 5. การเสนอแนะ 4) ยุติบริการ เป็นการยตุ กิ ารให้การปรึกษาในแต่ละครัง้ และยตุ ิการใหค้ ำปรึกษาในแตล่ ะราย โดยมี เงื่อนไขการยตุ ิบรกิ าร ดังน้ี 4.1) หมดเวลา 4.2) ผู้รบั คำปรกึ ษาผ่อนคลาย พบแนวทางปฏิบตั ิ
4 4.3) สถานการณเ์ กินขอบข่ายการช่วยเหลอื ดา้ นจิตใจ หรือมีอันตราย 4.4) ผ้รู บั คำปรกึ ษาเกดิ ภาวะพ่ึงพิงผู้ให้คำปรึกษา 4.5) ผรู้ บั คำปรกึ ษาไม่ใหค้ วามร่วมมอื 4.6) ประเดน็ เกินขีดความสามารถของผู้ให้คำปรกึ ษา ข้ันตอนการยตุ ิการให้คำปรึกษา 1) ประเมนิ สถานการณ์ 2) การสรปุ ความ 3) การนัดหมายคร้ังตอ่ ไป 4) การส่งต่อ 5) การลา
5 อ้างอิง มหาวทิ ยาลยั รามคำแหง. 2561. การให้คำปรกึ ษา. สบื คน้ เมอ่ื 7 พฤษภาคม 2564. http://old-book.ru.ac.th/e-book/h/HR413/hr413-5.pdf กรุงเทพมหานคร. 2561. การให้คำปรกึ ษา (Counseling). สบื ค้นเม่ือ 7 พฤษภาคม 2564. http://www.bangkok.go.th/upload/user/00000150/proj_dist/friend/friend_2.pdf
หลกั การ ใหค้ าํ ปรึกษา เ อ ก ร า ช เ พ ช ร เ ด ช า กุ ล จี ร ที ป ต์ สั ง ข์ ท อ ง พิ ติ ยั น ต์ รั ก ษ์ พ ง ศ์ วิ ช า ก า ร บ ริ ห า ร กิ จ ก า ร นั ก เ รี ย น ส า ข า ก า ร บ ริ ห า ร ก า ร ศึ ก ษ า ค ณ ะ ม นุ ษ ย ศ า ส ต ร แ ล ะ สั ง ค ม ศ า ส ต ร์ วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ภ า ค ใ ต้ 2564
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: