Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การศึกษาคุณลักษณะของผู้นำที่มีผลต่อการบริหารสถานศึกษา

การศึกษาคุณลักษณะของผู้นำที่มีผลต่อการบริหารสถานศึกษา

Published by georgepitiyan, 2020-08-31 13:34:47

Description: การศึกษาคุณลักษณะของผู้นำที่มีผลต่อการบริหารสถานศึกษา โดย นายเฉลิมพร มากแก้ว

Search

Read the Text Version

บทความวิชาการ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ผู้ นํา นายเฉลิมพร มากแก้ว สาขาบริหารการศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ภ า ค ใ ต้ 2563

คำนำ บทความ เรื่อง การศึกษาคุณลักษณะของผนู้ ำท่ีมผี ลต่อการบรหิ ารสถานศกึ ษา ได้จัดทำขน้ึ เพ่อื นำเสนอผลการศกึ ษางานวจิ ัยท่เี ก่ียวขอ้ งกบั คุณลักษณะของผู้นำ (leader qualities) ซึ่งมีท้ังงานวจิ ัยในประเทศ และตา่ งประเทศ และจดั ทำเป็นบทความสรปุ องค์ความรูท้ ่เี กดิ ขึน้ จากการศึกษา คุณค่าและประโยชน์จากการอ่านบทความฉบับนี้ คณะผู้จดั ทำขอมอบแด่สถานศึกษาทกุ แหง่ ผู้บรหิ าร สถานศึกษา และผู้ที่ทส่ี นใจเกี่ยวกบั พฤติกรรมความเป็นผนู้ ำของผบู้ ริหารสถานศึกษาทม่ี ผี ลตอ่ ประสิทธภิ าพการ บริหารสถานศกึ ษา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความฉบบั น้ีจกั เป็นประโยชนแ์ ก่ทุกคนท่ีสนใจ นายเฉลิมพร มากแก้ว 31 สงิ หาคม 2563

สารบญั 1 คำนำ 2 สารบญั กลา่ วนำ 3 คุณลกั ษณะผ้นู ำของผู้บรหิ ารที่สง่ ผลต่อความผูกพันในองคก์ รของพนักงาน 4 องคก์ รเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร 5 คณุ ลกั ษณะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาทีส่ ่งผลต่อการมสี ่วนร่วมของชุมชนใน สถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 6 คุณลกั ษณะของผู้บริหารและการมสี ่วนรว่ มของชมุ ชนที่ส่งผลตอ่ การบริหาร 7 ทรัพยากร ทางการศึกษาของสถานศกึ ษา สงั กัดสำนักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา ประถมศกึ ษา ประจวบคีรขี นั ธ์ เขต 1 8 การศึกษาคุณลกั ษณะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ที่ส่งผลตอ่ การจดั การศึกษาใน 9 ศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษา สังกัดสำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาพังงา 10 คุณลักษณะของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาในการเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น ตามความ 11 คิดเห็นของครใู นสังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาเขต 1 12 12 Analysis of Head of Departments Leadership Styles: Implication 17 for Improving Research University Management Practices. 19 20 LEADERSHIP STYLE AND ORGANIZATIONAL GROWTH: A CORRELATIONAL STUDY. A COMPARISON OF THE LEADERSHIP STYLES OF ADMINISTRATORS IN CHARGE OF SCHEDULING IN MISSOURI’S SECONDARY SCHOOLS. Leadership Styles and School Effectiveness: Empirical Evidence from Secondary Level. Principals’ Leadership Style and Students’ Academic Performance in Public Secondary Schools in Homa Bay County, Kenya. การศึกษาคุณลักษณะของผนู้ ำทมี่ ีผลตอ่ การบริหารสถานศกึ ษา วรรณกรรมท่เี กีย่ วขอ้ ง 1. แนวคดิ และทฤษฎเี ก่ียวกับภาวะผ้นู ำ 2. แนวคิดและทฤษฎเี กยี่ วกับ ภาวะผนู้ ำ เชงิ คุณลักษณะ (trait theories) 3. สรปุ ผลการศกึ ษาคุณลักษณะของผนู้ ำที่มผี ลตอ่ การบริหารสถานศึกษา บรรณานุกรม

1 คณุ ลกั ษณะผู้นำของผบู้ รหิ ารทส่ี ง่ ผลต่อความผูกพนั ในองคก์ รของพนกั งานองคก์ รเอกชนในเขต กรงุ เทพมหานคร ปรารถนา วรรณเผอื ก : 2561 การศกึ ษาวิจัยคร้ังนีม้ ีวตั ถุประสงค์ เพอ่ื ศกึ ษาคณุ ลกั ษณะผู้นำ ของผู้บรหิ ารทสี่ ง่ ผลตอ่ ความผูกพันใน องค์กรของพนักงานองค์กรเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร จากการสุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน โดยใช้เครือ่ งมือใน การเกบ็ รวบรวมข้อมลู คือ แบบสอบถาม และรวบรวมข้อมลู มาทำการวิเคราะหโ์ ดยใช้สถิตคิ ่าความถี่ (Frequency) คา่ สถติ ริ ้อยละ (Percentage) ค่าเฉล่ีย (Mean) สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard deviation) และทำการวิเคราะห์ทางสถติ ิ โดยใช้ t-test, One Way ANOVA (F- Test) ในการทดสอบสมมตฐิ าน จากการศกึ ษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงอายุ 21 – 25 ปี การศกึ ษาระดับปรญิ ญา ตรี สถานะภาพโสด รายได้เฉลย่ี ระหว่าง 15,001 – 20,000 บาท/เดือน ระยะเวลาในการปฏบิ ตั งิ าน 1 – 5 ปี กลมุ่ ตวั อยา่ งมีระดบั ความคดิ เห็นเก่ยี วกับคณุ ลกั ษณะผนู้ ำของผบู้ ริหารทส่ี ง่ ผลตอ่ ความผกู พันในองคก์ รเรียง ตามลำดับ คือ ดา้ นคุณลักษณะด้านสตปิ ญั ญา และความสามารถดา้ นคณุ ลกั ษณะดา้ นภมู ิหลังทางสงั คม ดา้ น คณุ ลักษณะท่ีเก่ียวกับงาน ด้านคณุ ลกั ษณะทางสังคม ด้านคณุ ลกั ษณะดา้ นบคุ ลิกภาพ และดา้ นคณุ ลกั ษณะทาง รา่ งกาย ตามลำดับ และมีระดับความผูกพันในองคก์ รเรียงตามลำดับ คอื ด้านการคงอยู่ด้านความรสู้ กึ ตอ่ องค์การ และดา้ นบรรทัดฐานทางสังคม ตามลำดบั สำหรับผลการทดสอบสมมตฐิ าน พบวา่ พนกั งานทมี่ ีปัจจัย ประชากรศาสตร์และความคิดเห็นเกี่ยวกับคณุ ลักษณะผ้นู ำของผบู้ รหิ ารส่งผลตอ่ ความผกู พันในองคก์ รของ พนกั งานองคก์ รเอกชนในเขตกรงุ เทพมหานครแตกต่างกนั อยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั 0.05 ผู้นำมบี ทบาทอย่างมากตอ่ ความผกู พันในองค์กรของพนกั งาน หากองค์กรมีผบู้ รหิ ารท่ีมคี ุณลกั ษณะผู้นำ ที่ดียอ่ มจะสง่ ผลให้พนกั งานมีความมงุ่ มนั่ ตงั้ ใจในการทำงาน และชืน่ ชมกบั ผลสำเรจ็ ขององค์กรไปพรอ้ มกนั ซึ่งจะ สง่ ผลให้มีความผูกพันในองคก์ รตามไปดว้ ย ดังน้นั องค์กรจงึ ควรให้ความสำคญั ในการพัฒนาผ้บู ริหารใหม้ ี คณุ ลกั ษณะผนู้ ำที่ถูกต้อง อันจะชว่ ยให้องค์กรสามารถรักษาพนักงานที่มคี ณุ ค่าใหอ้ ยคู่ ู่กบั องคก์ รไปไดน้ าน ๆ

2 คณุ ลกั ษณะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาที่สง่ ผลตอ่ การมีสว่ นรว่ มของชุมชนในสถานศึกษา สงั กัดสำนกั งานเขต พ้นื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 10 สทิ ธชิ ยั พลายแดง และสุเทพ ลิม่ อรณุ : 2557 การจดั การศกึ ษาใหม้ ีประสิทธิภาพ สงิ่ ท่สี ำคัญประการหน่งึ คอื การมีสว่ นร่วมของชุมชน ขณะเดยี วกนั คุณลักษณะของผบู้ รหิ ารมผี ลตอ่ การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในสถานศกึ ษา ผวู้ ิจยั จงึ สนใจทำเร่อื งนี้ โดยมีวตั ถุ ประสงคเ์ พอ่ื ศกึ ษา 1) คุณลักษณะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 10 2) การมสี ่วนรว่ มของชมุ ชนในสถานศกึ ษา สังกดั สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 10 และ 3) คณุ ลกั ษณะของผ้บู ริหารทส่ี ง่ ผลตอ่ การมีสว่ นร่วมของชมุ ชนในสถานศึกษา สงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา เขต 10 ประชากรในการวิจยั คอื ผ้บู ริหารสถานศึกษา และครูสายงานปฏิบตั ิการสอน ได้กลมุ่ ตัวอยา่ งจำนวน 310 คน โดยคำนวณขนาดตวั อยา่ งตามตารางสำเรจ็ รูปของเครจซ่ี และเมอรแกน เคร่ืองมอื ที่ใช้ ในการวิจยั เปน็ แบบสอบถามลักษณะเป็นมาตราสว่ นประมาณคา่ 5 ระดับ มีค่าความเชือ่ มั่น เทา่ กบั 0.95 การ เก็บ รวบรวมไดข้ ้อมลู กลบั คนื มา 310 ชุด คดิ เปน็ ร้อยละ 100 สถิติท่ใี ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู คอื รอ้ ยละ คา่ เฉลยี่ ความถ่ีส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน และการวเิ คราะห์การถดถอยพหคุ ณู แบบขัน้ ตอน ผลการวิจัยพบวา่ 1. ระดับคุณลกั ษณะของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา โดยภาพรวมและรายด้านอยใู่ นระดับมาก โดยคณุ ลกั ษณะ ทางดา้ นบคุ ลิกภาพ อยใู่ นอันดับสูงสดุ รองลงมา คือ ด้านสตปิ ัญญา ดา้ นลกั ษณะที่เก่ียวขอ้ งกับงาน ด้านลกั ษณะ ทางกาย ดา้ นลักษณะทางสงั คม และดา้ นภูมหิ ลงั ทางสังคมอยใู่ นอนั ดบั ตำ่ สุด 2. ระดับการมีส่วนรว่ มของชมุ ชนในสถานศกึ ษา โดยภาพรวมและรายดา้ นอยใู่ นระดบั มาก โดยดา้ นการ ประเมนิ ผล อยู่ในอันดับสงู สดุ รองลงมา คือ ดา้ นการปฏิบัตกิ าร ดา้ นการตดั สินใจ และดา้ นการรับผลประโยชนอ์ ยู่ ในอันดับต่ำสุด 3. คุณลักษณะของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาท่ีส่งผลตอ่ การมสี ว่ นร่วมของชมุ ชน มี 3 ด้าน คือ ด้านลักษณะที่ เกย่ี วข้องกบั งาน ด้านลกั ษณะทางสังคม และดา้ นบคุ ลิกภาพ โดยรว่ มกนั สง่ ผลได้อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิตทิ ี่ .01 โดยสมการถดถอย ซงึ่ มอี ำนาจ/ประสิทธิภาพในการทำนาย คดิ เป็นร้อยละ 78 ขอ้ คน้ พบจากงานวจิ ยั แสดงให้ เห็นวา่ ผู้บริหารสถานศกึ ษาตอ้ งมคี ณุ ลกั ษณะทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับงานลักษณะทางสงั คมและบคุ ลกิ ภาพทด่ี ี ทงั้ น้ี ผู้บรหิ าร สถานศกึ ษา ควรพัฒนาปรบั ปรุง คุณลกั ษณะทางกาย ภูมหิ ลังทางสงั คม และสติปัญญาใหเ้ กิดการยอมรบั เพอ่ื ความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน จงึ จะทำให้การมีส่วนรว่ มของชุมชนมีประสทิ ธิภาพมากยงิ่ ข้ึน

3 คณุ ลักษณะของผบู้ รหิ ารและการมสี ว่ นร่วมของชมุ ชนทสี่ ่งผลต่อการบริหารทรพั ยากร ทางการศึกษาของ สถานศึกษา สงั กดั สำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษา ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ศภุ มาส แก้วเกลือ่ น : 2560 การวจิ ัยครง้ั นี้ มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ศึกษา (1) ระดับคุณลักษณะของผู้บริหารและการมสี ว่ นร่วมของชมุ ชน (2) ระดบั การ บรหิ ารทรพั ยากรทางการศกึ ษา (3) คณุ ลักษณะของผ้บู ริหารและการมีส่วนรว่ มของชุมชนที่ส่งผลตอ่ การบรหิ ารทรัพยากรทางการศกึ ษา ของสถานศกึ ษา สังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 กลุ่มตวั อยา่ งเป็นผบู้ รหิ ารสถานศึกษาและ ครผู ้สู อนสังกดั สำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา ประถมศกึ ษาประจวบครี ีขนั ธ์ เขต 1 จำนวน 368 คน เครื่องมือท่ใี ช้ในการวจิ ัย ได้แก่ แบบสอบถามลักษณะ เปน็ มาตราสว่ นประมาณคา่ 5 ระดบั วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยคาํ นวณหาค่าความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉลย่ี คา่ เบ่ียงเบน มาตรฐาน และการวิเคราะหก์ ารถดถอยพหคุ ณู แบบปำนขัน้ ตอน ผลการวิจยั พบว่า 1. คณุ ลักษณะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก 2. การมีส่วนรว่ มของชุมชน โดยภาพรวมอยูใ่ นระดบั มากทุกดา้ น 3. การบริหารทรพั ยากรทางการศกึ ษาของสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา ประจวบครี ขี ันธ์ เขต 1 โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มากทุกดา้ น 4. คุณลักษณะของผบู้ รหิ ารและการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนทสี่ ง่ ผลต่อการบริหารทรพั ยากรทางการศกึ ษา ของสถานศกึ ษา สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาประจวบคีรขี นั ธ์ เขต 1 พบวา่ คุณลกั ษณะของ ผู้บริหารสถานศึกษาส่งผลตอ่ การบริหารทรัพยากรทางการศกึ ษาของสถานศึกษาเปน็ ดา้ นแรก ด้านทีส่ ่งผลในลำดบั ตอ่ มา คือ การมสี ว่ นร่วมของชุมชน อยา่ งมนี ยั สําคัญทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.05 โดยมีคา่ สมั ประสทิ ธิ์ สหสมั พันธพ์ หุคณู เท่ากบั 0.818 สามารถเขยี นเป็นสมการวิเคราะหก์ ารถดถอยดงั น้ี Y = 0.302 + 0.993 (X 1 ) + 0.117 (X 2 ) คณุ ลกั ษณะของผ้บู ริหารสถานศึกษาส่งผลตอ่ การบรหิ ารทรัพยากรทางการศกึ ษาของสถานศึกษาเปน็ ด้านแรก ดา้ นท่ีสง่ ผลในลำดับตอ่ มา คอื การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน ดังน้ัน ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาควรเปิดโอกาส ให้ ชุมชนเขา้ มามีสว่ นร่วมในการบรหิ ารทรพั ยากรทาง การศึกษาไม่วา่ จะมีส่วนร่วมในการวางแผน การแสดงความ คิดเห็น การตัดสนิ ใจ การประสานงาน ตลอดจนการประเมนิ ผลในลกั ษณะ ของการร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมแก้ไข ปัญหาใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดตอ่ การจดั การศกึ ษา

4 การศึกษาคุณลักษณะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ที่สง่ ผลตอ่ การจดั การศึกษาในศตวรรษท่ี 21 ของสถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาพังงา ชยาภรณ์ จันโท, หริ ญั ประสารการ : 2560 การวจิ ัยครัง้ น้ี มีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ศึกษาคุณลักษณะของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ศกึ ษาระดบั การจดั การศึกษา ในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษา และเพือ่ วิเคราะห์ คณุ ลักษณะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ที่ส่งผลตอ่ การจัดการ จดั การในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาพังงา เกบ็ ขอ้ มลู จากกลุ่ม ตัวอย่างซึง่ เปน็ ผูบ้ ริหารสถานศึกษา และหัวหน้าฝา่ ยวชิ าการของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา ประถมศึกษาพังงา จำนวน 226 คน เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการวิจัยเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อม่ันทัง้ ฉบับเท่ากับ .988 และ .879 สถติ ทิ ี่ใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล ได้แก่ ค่ารอ้ ยละ ค่าเฉลยี่ ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานและการวเิ คราะห์ ค่าสมั ประสทิ ธิ์สหสมั พนั ธแ์ บบเพยี รส์ ัน และการวเิ คราะห์สมการถดถอยพหคุ ณู แบบ ขน้ั ตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. คุณลักษณะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาของโรงเรียนในสงั กัดสำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา จงั หวัดพังงาในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก เม่อื พิจารณาในแต่ละคณุ ลกั ษณะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาในแตล่ ะดา้ น พบว่า ค่าเฉลย่ี สูงสดุ คอื ดา้ นความรคู้ วามสามารถทางการบรหิ าร รองลงมา คอื ดา้ นวิสยั ทัศน์ และด้านภาวะผนู้ ำ และ ความเป็นผู้นำทางวิชาการ สว่ นดา้ นท่ีต่ำทสี่ ุด คอื ดา้ นมนุษยสัมพนั ธ์ 2. การจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาของโรงเรยี นในสังกดั สำนกั งานเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาจงั หวัดพงั งา ในภาพรวมอย่ใู นระดบั มาก เมื่อพจิ ารณาการจดั การศกึ ษาในศตวรรษที่ 21 ของผ้บู ริหารสถานศึกษาในแต่ละ ดา้ น พบวา่ ค่าเฉล่ียสงู สุด คอื ดา้ นแถลงการณ์พันธกิจ รองลงมาคอื ด้าน หลักสตู ร ส่วนด้านท่ีต่ำทีส่ ุด คอื ดา้ นการสอน 3. คณุ ลกั ษณะของผู้บริหารสถานศึกษา สามารถพยากรณก์ ารจัดการศกึ ษา ในศตวรรษท่ี 21 (Y) ไดอ้ ย่าง มีนัยสำคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดบั 0.01 โดยตวั แปรทง้ั 4 รว่ มกัน พยากรณก์ ารจดั การศกึ ษาในศตวรรษท่ี 21 ไดร้ อ้ ยละ 72.7

5 คณุ ลกั ษณะของผู้บริหารสถานศกึ ษาในการเข้าสูป่ ระชาคมอาเซยี น ตามความคดิ เห็นของครูในสังกดั สำนกั งาน เขตพ้ืนที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต 1 นันทภคั สขุ โข และดร.วาสนา วิสฤตาภา : 2558 การวิจัยครงั้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื 1) เพอ่ื ศึกษาคุณลกั ษณะของผบู้ ริหารสถานศึกษา ในการเข้าสู่ ประชาคมอาเซยี น ตามความคดิ เห็นของครูในสังกดั สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา มัธยมศึกษา เขต 1 2) เพอื่ เปรยี บเทียบคณุ ลกั ษณะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาในการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซยี น ตามความคดิ เห็นของครู ในสังกดั สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 และ 3) เพอ่ื ศึกษาแนวทางพฒั นาคุณลกั ษณะของ ผู้บริหาร สถานศึกษาในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตามความคิดเหน็ ของครใู นสงั กดั สำนกั งานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษา มัธยมศึกษา เขต 1 ประชากร คอื ครูมัธยมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต 1 จำนวน 4,768 คน (ระบบสารสนเทศมัธยมศกึ ษา, 2558) ขนาดกลุม่ ตัวอย่าง จำนวน 354 คน ผลการวจิ ัย พบว่า ในภาพรวมคณุ ลักษณะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนตาม ความคดิ เหน็ ของครูในสงั กัดสำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 1 โดยภาพรวมมคี ่าเฉลีย่ อยู่ในระดบั มาก เมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายด้านทั้ง 8 ด้าน มีการปฏบิ ัตอิ ยใู่ นระดบั มาก เรยี งลำดับคา่ เฉลย่ี ดังน้ี คือ ด้านความเปน็ ผู้นำมีคา่ เฉลย่ี สงู สดุ เท่ากบั 4.26 และรองลงมา คือ ดา้ นความสามารถในการบริหารมีคา่ เฉลย่ี เทา่ กับ 4.19 ด้าน การมีวสิ ัยทัศนม์ ีค่าเฉลยี่ เท่ากบั 4.18 ดา้ นการม่งุ ผลสัมฤทธิม์ คี า่ เฉลี่ย 4.16 ด้านการทำงานเปน็ ทีมมคี า่ เฉล่ยี เทา่ กบั 4.15 ด้านบคุ ลกิ ภาพมคี า่ เฉล่ยี เทา่ 4.03 ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมมคี า่ เฉล่ียเท่ากบั 3.97และดา้ นการ สอื่ สารมีคา่ เฉล่ียตำ่ สดุ เท่ากบั 3.96 ตามลำดบั ผลการสัมภาษณค์ รผู ้สู อน พบว่า คณุ ลกั ษณะของผบู้ รหิ ารดา้ น ความเป็นผู้นำ คอื ความสามารถในการจงู ใจผูร้ ่วมงานและมวี ุฒภิ าวะทางอารมณใ์ นการสร้างมติ รภาพ ด้าน ความสามารถในการบรหิ าร คือ ความสามารถในการใช้ความร้ทู กั ษะกระบวนการและเทคนิควิธบี รหิ ารจดั การ เทคโนโลยีใหบ้ รรลุเปา้ หมาย ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรม คอื การตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องสว่ นรวม ด้านการส่อื สาร คือ การมวี าทศิลปส์ ามารถพูดจูงใจสอื่ สารภาษาอังกฤษเรียนรูภ้ าษาเพ่ือนบ้านได้ ดา้ นบุคลิกภาพ คือ การมมี นุษย สัมพันธ์ การแตง่ กาย วาจาทีด่ ี ดา้ นการมวี สิ ัยทศั น์ คือ มองการณ์ไกลวางแผนและแกป้ ัญหาได้อยา่ งชาญฉลาด ด้านการทำงานเปน็ ทมี คอื แบ่งหนา้ ทีแ่ ละความรับผิดชอบใหบ้ คุ ลากรตามความรคู้ วามสามารถ ด้านการมงุ่ ผลสัมฤทธ์ิ คือ นำกระบวนการวัดประเมินผลเป็น ตัวชี้วดั ผลการทำงานมงุ่ เน้นความมปี ระสิทธภิ าพและเกิดประสทิ ธผิ ล ผลการเปรยี บเทียบคณุ ลกั ษณะของ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาในการเขา้ ส่ปู ระชาคมอาเซียน ตามความคดิ เหน็ ของครูในสังกัดสำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา มธั ยมศึกษา เขต 1 จำแนกตามวิทยฐานะ ประสบการณ์ และขนาดโรงเรียน พบว่า ในภาพรวมความคดิ เห็นของครู มัธยมศึกษาสังกัดสำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 1 มีคา่ เฉล่ียไม่แตกตา่ งกัน ส่วนผลการวิเคราะห์ แนวทางพัฒนา พบวา่ ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาตอ้ งมคี วามสามารถในการจดั ตง้ั เครือข่ายการสือ่ สารอยา่ งเป็นระบบ ดว้ ยโครงขา่ ย ส่งั การดว้ ยเทคโนโลยีที่ทนั สมัย มีทกั ษะในการเขยี นและ พดู ภาษาอังกฤษไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เรยี นรู้แลกเปล่ยี นวัฒนธรรมและภาษาของประเทศในกลมุ่ ประชาคมอาเซียนได้ เพ่ือให้สอดคลอ้ งกับการ เปลีย่ นแปลงในการเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซียน ผลการวเิ คราะห์ แบบสมั ภาษณค์ อื ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาตอ้ งมี ความสามารถในการจงู ใจผู้รว่ มงานและมวี ุฒิภาวะทางอารมณ์ ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องส่วนรวม โดยจะนำไปสู่ ประสิทธภิ าพในการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษา

6 Analysis of Head of Departments Leadership Styles: Implication for Improving Research University Management Practices. Zaidatol Akmaliah Lope Pihie, Amir Sadeghi, and Habibah Elias 2011 Being an international center of excellence in higher education is considered as a comprehensive goal of the Ministry of Higher Education in Malaysia. In satisfying this goal, Malaysian higher education institutions and specifically Research Universities (RUs) are in center of attention, as they play a crucial role in developing the community. Administrators’ leadership styles has influenced on lecturers’ job satisfaction and play essential role in materialization of research university’s goals and vision. Utilizing a descriptive correlational design, this study aimed to determine head of departments’ leadership style and its correlation with lecturers’ job satisfaction. The target populations were the lecturers of three Malaysian RUs. The MLQ 5x and WFJSDS were used as the instruments of the study. Based on lecturers’ perception, the head of departments applied a combination of three distinct leadership styles in terms of transformational leadership (fairly often), transactional leadership (sometimes), and laissez-faire (once in a while). Among three discernable leadership styles, the transformational and the transactional leadership styles were positively and laissez-faire were negatively correlated with the lecturers’ job satisfaction. In terms of job satisfaction RUs’ lecturers were moderately satisfied. The study concludes that head of departments in RUs are encouraged to practice transformational leadership since multiple regression analysis revealed that it is a significant predictor of lecturer’s job satisfaction.

7 LEADERSHIP STYLE AND ORGANIZATIONAL GROWTH: A CORRELATIONAL STUDY. DAVID MICHAEL CHURCH : 2012 This research project explored the dynamic relationship between leadership style and organizational achievement in an ecclesiastical setting. The correlation between transformational leadership and growth within an organization has been proven in various industries, including government, education, and manufacturing, and it impacts constituent satisfaction, work effort, and performance. The correlation has not been explored in ecclesiastical communities above the individual congregational level. The ecclesiastical organization chosen for the research was the Church of the Nazarene, and the study specifically focused on the midlevel leaders that oversee the 80 geographical districts that encompass North America. Sixty-four district superintendents completed the Multifactor Leadership Questionnaire Form 5X-Short (MLQ) that determined their perceived leadership styles; their scores were then compared to the growth statistics for their individual districts. The design of the research included using Hierarchical Linear Modeling (HLM) and controlling for both time and population so that any correlation between leadership style and district growth could be elucidated. The resulting data showed that there was a positive correlation between perceived transformational leadership style and organizational growth. This correlation can inform the executive leadership of the organization under study concerning the recruitment, placement, and iv development of district leaders. While these findings have not yet been proven to be causal, they should be informative to all enterprises that are interested in developing a participatory leadership style.

8 A COMPARISON OF THE LEADERSHIP STYLES OF ADMINISTRATORS IN CHARGE OF SCHEDULING IN MISSOURI’S SECONDARY SCHOOLS. Don F. Christensen Dr. Cynthia MacGregor, and Dissertation Supervisor. : 2010 The process of earning a doctorate and writing a dissertation is long and arduous— and it is certainly not done singlehandedly. First and foremost, I would like to thank my wife and family for putting up with an absentee husband and father during this process. Kristi has been unfailingly supportive—and has borne the burdens which have fallen in her lap as I spent my time and energy pursuing goals that took me from away from her and the family. It is a credit to her that I have been able to both work and go to school during most of our 25 years of marriage. Without my family’s constant support, encouragement, and understanding, it would not have been possible for me to achieve my educational goals. I wish there was room on my diploma to write the names of my “supporting cast,” my wife and children: Kristi Christensen, Cassidy Christensen, Allison Christensen, Abby Christensen, Joseph Christensen and William Christensen. I would certainly be remiss to not mention and sincerely thank Dr. Cynthia MacGregor, professor, mentor, and dissertation advisor extraordinaire. Without her help, advice, expertise, and encouragement, this research and dissertation would not have happened. I would also like to thank the other members of my dissertation committee: Dr. Robert Watson, Dr. Jason Anderson, Dr. Beth Hurst, and Dr. Kevin Kopp. Their insight, feedback, and advice was influential and essential throughout the dissertation writing process. I would also like to thank my many friends and colleagues in the Ash Grove R-IV School District where it has been my pleasure and honor to work for the last 15 years. I arrived there as an inexperienced and young high school principal. Through their love, support, encouragement and camaraderie, I’ve grown and developed—not only as an iii administrator, but as a person. I would not want to work anywhere else or with any other group of people—they are honestly some of the finest people I’ve ever known. Finally, I would like to thank my parents John and Linda Christensen. They provided a home full of love, encouragement and high expectations. As children, we were never asked “whether” we would go to college or “whether” we would serve as missionaries for our church. It was always just taken for granted and expected that we would succeed and excel. No other option was ever considered or mentioned. Their love, support and encouragement have been a constant in my life—the foundation upon which my life, ideals, and abilities were nurtured and built.

9 Leadership Styles and School Effectiveness: Empirical Evidence from Secondary Level. Ijaz Ahmad Tatlah. Prof.Dr.Muhammad Zafar Iqbal. : 2012 School effectiveness is an important area of research in Education. The research in this area has primarily focused on leadership and school effectiveness in terms of its academic achievement. There are no significant studies looking at the relationship of school leaders` leadership with school effectiveness. The main premise of the article is that school factors of effectiveness basically depends upon different styles of leadership being adopted by the headteachers with reference to gender and type of the institutions; public and private sector. This article draws on leadership theory to examine the connection between leading styles of school leaders towards learning outcomes of the schools. The study under discussion is a co- relational research for which a survey was conducted through two questionnaires. Analysis was conducted on the sample of 300 male and female headteachers, deputy headteachers and senior teachers, and students in the province of Punjab in Pakistan. The findings reveal that, the significant factor responsible for affecting the achievement of the school is the degree to which headteachers are participative and adopt the selling leadership style. Results showed that there was a considerable relationship of leadership styles with school effectiveness and there is a significant difference between leadership styles of headteachers / deputy headteachers on the bases of gender both for public and private sectors.

10 Principals’ Leadership Style and Students’ Academic Performance in Public Secondary Schools in Homa Bay County, Kenya. Mr. Moses Ouma Obama, Lucy Akinyi Eunice, and Prof. John Aluko Orodho. : 2016 The thrust of this study was to examine the effects of principals’ leadership styles on students’ academic performance in public secondary schools in Homabay County, Kenya. This study was based on combinations of modified Bossert’s framework and Pitner’s moderated effects model of effective schools. The main objective of the study was to examine the extent principals leadership styles influence students’ academic performance in national examinations in HomaBay County Kenya. The study adopted the ex-post facto research design. Combinations of stratified random sampling and purposive sampling techniques were used to draw 216 secondary school teachers and 39 principals yielding a sample size of 255 respondents. The study employed a questionnaire for teachers and interview guide for principals. It was established that school principals utilize diverse leadership behaviour, some pointing to the more democratic and transactional styles while others skewed towards the more autocratic and laissez-faire types. The use of diverse leadership behaviour notwithstanding, it was evident that most principals were deficient in the types of leadership behaviour that support the creation of a conducive learning environment and support to teachers necessary for effective teaching and the expected enhanced students’ academic achievement. A test of null hypothesis retained the null hypothesis that that there was no statistically significant relationship between principals’ leadership styles and students’ academic performance. It was recommended that school principals should aspire to establish a school environment which is conducive for effective teaching and learning (236 words).

11 การศกึ ษาคุณลักษณะของผู้นำที่มผี ลต่อการบรหิ ารสถานศึกษา นายเฉลิมพร มากแกว้ : 2563 ภาวะผนู้ ำ มคี วามสำคัญตอ่ การปรบั กระบวนการทำงาน เพื่อให้บรรลุประสทิ ธิผลขององคก์ รแล้ว ผูบ้ รหิ าร ยงั ต้องใหค้ วามสนใจตอ่ บคุ ลากรในองคก์ รดว้ ย ภาวะผนู้ ำน้นั ถอื ว่าเปน็ สิง่ จำเป็นอยา่ งย่ิงสำหรับผนู้ ำ ในการท่ีจะนำ พาองคก์ รให้ประสบความสำเรจ็ ไดผ้ บู้ ริหารตอ้ งเป็นผูน้ ำ ในการบริหารจัดการ ซงึ่ สิง่ เหลา่ นถ้ี ือเป็นหน้าทีข่ องผู้นำ ทจี่ ะต้องให้ความมนั่ ใจเพ่อื การยอมรบั ของคนในองค์กร อันจะนำไปสู่ความไม่ไวว้ างใจระหว่างกนั ผู้นำ จะตอ้ ง มงุ่ เน้นเร่อื งของการสอื่ ความให้มคี วามชดั เจนและมีประสทิ ธภิ าพมากยงิ่ ข้นึ การสอ่ื ความทด่ี นี ้นั ถอื ว่าเปน็ รากฐาน ท่สี ำคญั ยง่ิ ในการสรา้ งพนั ธะสัญญา ( commitment) และทำใหเ้ กิดความร่วมมอื ร่วมใจกนั (cooperation) ใน ทส่ี ุด” (ประพนธ์ ผาสุขยดื , 2541, : 91) พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และที่แกไ้ ขเพ่มิ เติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 (ราชกจิ จา นุเบกษา, 2542, 1-14, 18) หมวดที่ 1 บททวั่ ไปในมาตรา 6 ได้กล่าวถงึ การศกึ ษาไว้ว่า การจดั การศกึ ษาตอ้ ง เป็นไปเพื่อพฒั นาคนไทยใหเ้ ปน็ มนุษยท์ สี่ มบรู ณท์ ง้ั รา่ งกาย จติ ใจ สติปัญญา ความรูแ้ ละคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ วัฒนธรรมในการดำรงชีวิต และสามารถอยู่รว่ มกับผู้อืน่ ไดอ้ ย่างมคี วามสุข สถานศกึ ษาจงึ มีบทบาทสำคญั สูงสุดตอ่ การพัฒนาคุณภาพของคน เนื่องจากการดำเนนิ งานในสถานศึกษามีผลกระทบตอ่ การพฒั นาศักยภาพของนักเรียน โดยตรง สถานศึกษาเปน็ องคก์ ารในระดบั หน่วยปฏบิ ตั ทิ ม่ี บี ทบาทสำคญั ในการจดั การศกึ ษา พัฒนาคนให้เปน็ คนดี มีคุณธรรม จรยิ ธรรม โดยมีครูเปน็ กลไกทส่ี ำคญั ยิง่ ในการดำเนินกิจกรรมการเรยี นรู้ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของ สถานศกึ ษาให้เป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ผู้บรหิ ารสถานศึกษาเปน็ อกี ปัจจยั หนง่ึ ท่ีมีความสำคญั ไม่ยิง่ หย่อนไปกว่า ครู เพราะเป็นเสมอื นหัวเรือใหญ่ในการขบั เคล่อื นสถานศึกษาไปสจู่ ุดมงุ่ หมาย นอกจากผบู้ ริหารจะตอ้ งมีความรู้ ความสามารถในการบรหิ าร และมีวิสัยทศั นก์ ว้างไกล พฤติกรรมผู้นำของผ้บู ริหารกเ็ ป็นสง่ิ สำคัญ และจำเป็น อย่างยง่ิ ในการบรหิ ารงาน เพราะผู้บรหิ ารจะตอ้ งใช้พฤตกิ รรมผ้นู ำในการช้นี ำ ชกั ชวน และ กระต้นุ ให้ครูไดใ้ ช้ ศักยภาพท่ีดที ำงานใหเ้ กิดประโยชน์สูงสดุ ดว้ ยความเต็มใจ ดังนัน้ พฤตกิ รรมผู้นำและความผูกพันตอ่ องคก์ ารของ ครจู ึงมีความสำคญั เปน็ อย่างยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษาของชาติ การศกึ ษาองค์ประกอบของพฤตกิ รรมผู้นำและ สภาพท่ีแท้จริงของความผกู พนั ต่อองค์การของครู จะนำมาซึ่งความรทู้ เ่ี ปน็ ประโยชน์ต่อการจัดการศกึ ษาในอนาคต ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาจำเปน็ อยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งใชภ้ าวะผู้นำ เพ่ือปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม รูจ้ ักใชอ้ ำนาจท่ี เหมาะสม ซึ่งความสำเร็จของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาอยทู่ ่ีการเรียนรฝู้ กึ ฝนใหม้ ที ักษะการใชภ้ าวะผูน้ ำในสถานการณ์ ต่าง ๆ มีความโอบอ้อมอารี กวา้ งขวาง ไมต่ ระหน่ีถี่เหนียว มีมรรยาทเป็นนักวิชาการ สง่าผา่ เผย มคี ุณธรรม จริยธรรม มีความจำเปน็ เลิศ และเปน็ ผ้ใู ห้บริการ ดงั นั้น การทจ่ี ะทำให้เกิดประสิทธภิ าพ ในการปฏบิ ตั งิ านของ ผู้บริหารสถานศึกษา จงึ ควรใหค้ วามสำคญั กกบั การเปน็ ผนู้ ำแบบมติ มิ งุ่ งานและเปน็ ผนู้ ำ แบบมติ มิ ่งุ สมั พนั ธ์ควบคู่ กันไป การบริหารจงึ จะประสบความสำเร็จและมีประสทิ ธิภาพ

12 วรรณกรรมทเี่ กี่ยวขอ้ ง ผ้นู ำ (Leader) เปน็ ปัจจยั ทสี่ ำคญั ยิง่ ต่อความสำเร็จขององค์การ ทัง้ นี้เพราะผนู้ ำมีภาระหนา้ ท่ี และความ รับผิดชอบโดยตรงทจี่ ะตอ้ งวางแผน สงั่ การ ดูแล และควบคมุ ใหบ้ ุคลากรขององคก์ ารปฏบิ ัตงิ านต่าง ๆ ให้ประสบ ความสำเรจ็ ตามเป้าหมาย และวัตถปุ ระสงค์ทต่ี งั้ ไว้ ซึ่งมิใชเ่ รอ่ื งงา่ ยที่ผูน้ ำจะแสดงออกถงึ พฤติกรรมทจ่ี ะสง่ เสรมิ สนบั สนนุ หรือทำให้ผู้ใต้บงั คบั บญั ชาเกิดความผกู พันกับงาน แลว้ ทุ่มเทความสามารถ และความพยายามทจ่ี ะทำ ให้งานสำเรจ็ ดว้ ยความเตม็ ใจ ในอดีตมีความเชอื่ วา่ ความเปน็ ผู้นำนั้นเปน็ มาโดยกำเนดิ พรอ้ มคณุ ลกั ษณะเฉพาะท่ี คนทั่วไปไม่มี สร้างกนั ไม่ได้ ดงั นนั้ ผู้นำทีป่ ระสบความสำเร็จจะเปน็ ผู้ที่มีความสามารถเหนือคนธรรมดำ แต่ใน ปจั จุบันนนั้ ความเชือ่ ดังกล่าวเปลยี่ นไปอย่างส้ินเชิง เพราะนักการศกึ ษาสว่ นใหญเ่ ช่อื ว่าการเปน็ ผู้นำ อาจได้มาโดย กำเนิด แตก่ ารเป็นผูน้ ำทีย่ ่ิงใหญ่นั้นจะตอ้ งไดม้ าดว้ ยการสรา้ งหรอื การเรียนรู้ไมใ่ ช่ได้มา โดยกำเนดิ ในการบรหิ ารองค์กรของผบู้ รหิ ารยอ่ ม ต้องเผชญิ ความรนุ แรงและความรวดเรว็ ทั้งกระแสของการแข่งขัน และความเปลี่ยนแปลงตา่ ง ๆ ดงั นนั้ จึงตอ้ งอาศัยศกั ยภาพของตนเองและของทีมงานรว่ มกนั รวมถึงความมรี ะบบ ทีต่ ้องดำเนิน ไป ให้เกิดสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ งตลอดเวลา ความสำเรจ็ จึงจะเกดิ ขึน้ ได้โดยระบบที่ถูกตอ้ งของแต่ละองคก์ รนัน้ กจ็ ะอยู่บนพืน้ ฐานของวิสัยทัศน์ ( vision) คือ ตอ้ งการจะเปน็ อะไรและตง้ั อยู่บนพ้นื ฐานของคา่ นยิ ม (value) คอื จะไปให้ถงึ จดุ นัน้ โดยยดึ อะไรเป็นหลัก ซ่ึงถือว่า องค์ประกอบทง้ั 3 นี้เปน็ สิง่ สำคญั ในการกำหนดทศิ ทางหรอื เป้าหมายขององค์กร การมเี ป้าหมายขององคก์ รทช่ี ดั เจนตง้ั แตแ่ รก จะสามารถประเมนิ ผลไดว้ ่า ผลในการ ดำเนินงานนั้นบรรลปุ ระสิทธิผล ( effectiveness) หรอื ไม่ ซงึ่ เป็นกรอบความคิดใหมใ่ นการประเมินผลท่ีผบู้ ริหาร ต้องคำนึงถงึ มากกวา่ ที่จะม่งุ แต่ประสิทธิภาพ (efficiency) เปน็ หลักอยา่ งเดียว ซง่ึ หมายถงึ ความสามารถในการ สร้างผลผลิตโดยใช้ทรพั ยากรน้อยท่ีสุด ใช้เวลานอ้ ยท่สี ุด ซ่ึงจะเปน็ การเปรยี บเทยี บส่งิ ท่ไี ด้( output) กบั ปจั จัยนำ เขา้ (input) เปน็ หลัก แต่ส่วนคำว่า ประสิทธผิ ลน้ัน จะมองเน้นไปท่ีวา่ ส่งิ ท่ีทำนัน้ เปน็ ไปตามเปา้ หมายหรอื ไม่ (ประพนธ์ ผาสขุ ยดื , 2541, หน้า 24-25) โดยคุณลกั ษณะของผู้นำ ในด้านตา่ ง ๆ จะสะท้อนออกมาให้พันกงานรบั ทราบได้ ภายใต้การ บริหารงานของผูบ้ รหิ าร อนั จะส่งผลต่อความรสู้ ึกในการทำงานและความผกู พันต่อองค์กรดว้ ยเชน่ กนั ดงั นน้ั การศึกษา “คณุ ลักษณะผูน้ ำ ของผบู้ ริหารท่สี ่งผลตอ่ ความผูกพนั ในองค์กรของพนักงานองคก์ รเอกชนในเขต กรงุ เทพมหานคร” จะชว่ ยใหส้ ามารถเขา้ ใจถงึ ลักษณะผนู้ ำ ที่ส่งผลตอ่ ความผูกพันของพนักงานองค์กรเอกชน เพอ่ื ที่สามารถรักษาพนักงานใหม้ ีความผูกพนั และทมุ่ เทในการทำงานให้แกอ่ งคก์ รอย่างเต็มประสทิ ธิภาพ และคง อยเู่ ป็นบคุ ลากรทม่ี ีคุณภาพกบั องคก์ รนานทส่ี ดุ แนวคดิ และทฤษฎีเก่ียวกบั ภาวะผนู้ ำ แนวคิดภาวะผ้นู ำ ในทกุ องค์การ ภาวะผนู้ ำ ท่ปี ระสบความสำเร็จขนึ้ อยู่กับความสามารถในการประยุกต์ ทักษะท่ีได้รบั มา จากประสบการณก์ ารเรียนรแู้ ละการสังเกต ภาวะผ้นู ำไมไ่ ดข้ น้ึ อยู่กับการใชอ้ ำนาจตามตำแหน่ง (authority) ความ มีบารมี (prestige) หรือพลังอำนาจ (power) อย่างใดอยา่ งหนง่ึ โดยลำพัง ผู้นำท่ีมปี ระสิทธิผลมักจะลดสดั สว่ น ของการใช้อำนาจตามตำแหน่งลงใหเ้ หลอื นอ้ ยที่สุด ส่งิ ท่ีผู้นำต้องการ คอื ความเหน็ พ้องจากผูต้ ามมากกวา่ การ

13 บงั คับให้รว่ มมือ จงึ มีคำกลา่ วทางการบรหิ ารท่ีว่า “ผบู้ รหิ ารทเ่ี ดินนำหน้า คือ ผนู้ ำแหง่ ความหวงั ผูบ้ ริหารทชี่ อบ ผลักหลัง คอื ผ้บู รหิ ารทห่ี ย่อนสมรรถภาพ” (The poor manager drives; the good manager leads) การ บรหิ ารองค์กรในปจั จุบนั มีส่วนประกอบทส่ี ำคญั หลายอยา่ งขององค์การทจ่ี ะชว่ ยใหอ้ งค์การนั้น อยไู่ ด้โดยไมล่ ้ม มี ความเจริญก้าวหนา้ และบรรลุวัตถุประสงค์ทวี่ างไว้ องค์ประกอบทส่ี ำคญั ย่ิง ส่วนหน่งึ ท่จี ะขาดเสยี มไิ ด้ คือ บคุ คลท่ี ทำหน้าที่เป็นผ้นู ำ หวั หน้า หรือผบู้ ังคับบญั ชาขององคก์ ารนน้ั ความหมายของผนู้ ำและภาวะผู้นำ ผู้นำ (leader) กบั ภาวะผูน้ ำ (leadership) มีความหมายแตกตา่ งกนั ผู้นำ อาจเป็นคำที่เกดิ ในยุค หลังใน ยุคก่อนนั้น มคี ำท่แี สดงความเป็นผนู้ ำ เชน่ หัวหนา้ ประมุข ราชา พญา เป็นต้น Oxford English Dictionary ได้ ชใี้ หเ้ ห็นวา่ คำว่า Leader มีในภาษาองั กฤษประมาณ ค.ศ. 1300 แตค่ ำวา่ Leadership เพงิ่ จะมปี ระมาณปี ค.ศ. 1800 อย่างไรกต็ ามการศกึ ษาการเป็นผนู้ ำ นั้น มมี านานแล้ว เชน่ ในหนงั สอื Republic ซ่ึง Plato (อา้ งถึงใน เสริม ศกั ดิ์ วิศาลาภรณ์, 2525, หนา้ 3) ไดพ้ ยายามอธิบายคณุ ลกั ษณะของบคุ คลทเี่ ป็น Philosopher-king ซ่ึงกท็ ำ หน้าท่ีเปน็ ผู้นำนน่ั เอง กิติ ตยัคคานนท์ (2530 หนา้ 12) กลา่ วว่า ผูน้ ำ คือ บุคคลที่ได้รบั การแต่งตง้ั หรอื ไดร้ ับการยกย่องให้เปน็ หัวหนา้ และเปน็ ผู้ตัดสนิ ใจ เนอ่ื งจากมคี วามสามารถในการปกครองบงั คับบัญชาและจะพาผู้ใตบ้ ังคบั บญั ชาหรอื หมู่ ชนไปในทางทด่ี หี รอื ทางชั่วซึ่งได้สอดคล้องกับ เสริมศักด์ิ วิศาลาภรณ์ (2536, หน้า 8) กลา่ วว่า ผนู้ ำ คอื บุคคลท่ี ได้รบั มอบหมาย ซง่ึ อาจโดยการเลอื กต้ังหรือแตง่ ตั้งและเปน็ ท่ยี อมรบั ของสมาชิกใหม้ อี ิทธพิ ลและบทบาทเหนือ กลุ่ม สามารถทีจ่ ะจงู ใจ ชักนา หรอื ชี้นำให้สมาชกิ ของกลมุ่ รวมพลังเพือ่ ปฏิบัติภารกิจตา่ ง ๆ ของกลมุ่ ให้สำเรจ็ เธียรชัย เอย่ี มวรเมธ (2536, หน้า 821-822) กล่าววา่ ภาวะผนู้ ำ หมายถงึ การนำเจาห้ น้าท่ฝี ่ายนำ หรอื ความสามารถในการนำ Trewatha and Newport (1982, p. 384) กลา่ ววา่ ภาวะผ้นู ำทางการบริหาร หมายถึง กระบวนการ ของความสมั พันธ์ระหวา่ งบคุ คล โดยที่ผนู้ ำพยายามใช้อิทธิพลตอ่ พฤตกิ รรมของผู้อืน่ เพอ่ื นำพฤติกรรมองคก์ ารให้ เปน็ ไปในทิศทางทจ่ี ะบรรลุวัตถปุ ระสงคท์ ี่กำหนดไว้แลว้ ในทัศนะน้ี กลา่ ววา่ ภาวะผนู้ ำ เปน็ ปัจจัยทมี่ ีพลวัตหรือ เปลย่ี นแปลงมากทสี่ ดุ ปัจจัยหนงึ่ ขององค์การเพราะเหตวุ ่า ในบางคร้ังความมภี าวะผู้นำ สามารถกระตุ้นใหผู้ตาม ทำงานให้ไดผ้ ลผลิตสูงสดุ และในทางตรงกนั ข้ามบางครั้งความขาดภาวะผู้นำ กเ็ ป็นตวั ทำลายความแข็งแกร่งของ องค์กรและอาจมผี ลตอ่ ความอยู่รอดขององคก์ าร ประเวศ วะสี (2540, หนา้ 53-57) กลา่ วว่า ภาวะผูน้ ำ อาจมไี ด้ทั้งในผู้ดำรงตำแหนง่ หวั หนา้ และผู้ท่ีไมไ่ ด้ ดำรงตำแหนง่ หวั หนา้ ผู้นำตามธรรมชาตใิ นกระบวนการชุมชนจะมหี ลายคน ลักษณะของภาวะผู้นำ คือ ฉลาด เปน็ คนเห็นแก่ส่วนรวม เปน็ คนติดตอ่ สือ่ สารกับผู้อนื่ รู้เร่ืองและเป็นทย่ี อมรับของสมาชกิ โดยอัตโนมัติ ไพบูลย์ วัฒนศริ ิธรรม (2540, หน้า 96) กลา่ ววา่ ภาวะผนู้ ำ มีทัง้ สิ่งทต่ี ิดตวั มาหรือทเ่ี รยี กว่า แวว สิง่ ทีม่ า จากสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์ทคี่ ่อย ๆ ปั้นปรงุ แต่งขน้ึ มาและส่ิงทเ่ี กดิ จากการฝึกอบรมอยา่ งเปน็ กจิ จะลักษณะ ภาวะผูน้ ำของผนู้ ำไทยนา่ จะมคี ณุ ลักษณะ 5 ประการเปน็ สว่ นประกอบ คือ สภาพจติ ใจม่ันคง มีความเมตตา

14 กรุณา มเี จตคติมุ่งไปข้างหน้า สร้างสรรค์หาทางแก้ไข มคี วามสามารถดา้ นการพดู และการแสดงออกเอาจริงเอาจัง และมีผลงาน ภาวะผนู้ าํ จงึ ปรากฏใน 2 ลกั ษณะ คอื ประการแรก ภาวะผนู้ ําที่เป็นทางการ (formal leadership) จะ เกิดขนึ้ เมอื่ ผ้บู รหิ ารเป็นผู้นํา โดยการอำนาจหนา้ ท่ีทเ่ี ปน็ ทางการ บคุ คลทีด่ ำรงตำแหนง่ บรหิ ารทมี่ โี อกาสและความ รับผิดชอบทจ่ี ะใชค้ วามเป็นผนู้ าํ อยา่ งเปน็ ทางการ ในความสมั พนั ธ์กบั ผูใ้ ต้บงั คับบญั ชา ผูบ้ ริหารบางคนจะมคี วาม เขา้ ใจท่ีดตี ่ออำนาจ หนา้ ทแ่ี ละความสมั พนั ธ์อยา่ งเปน็ ทางการกับผ้ใู ตบ้ งั คบั บญั ชา ผู้บริหารเหลา่ นี้จะเปน็ ผูน้ าํ ท่ีดี ประการท่ีสองคือ ภาวะผู้นาํ ที่ไม่เปน็ ทางการ (informal leadership) จะเกิดข้นึ เม่ือบคุ คลท่ีไม่มีอำนาจ หนา้ ท่ี ที่เปน็ ทางการสามารถมอี ิทธิพลต่อพฤตกิ รรมของบคุ คลอื่นไดแ้ ม้วา่ พวก เขาจะไมไ่ ดถ้ ูกแต่งตงั้ อย่างเปน็ ทางการ พวกเขาสามารถกลายเป็นผู้นาํ โดยความดงึ ดดู สว่ น บคุ คลของพวกเขาได้ องค์การที่ประสบความสำเรจ็ มลี กั ษณะทส่ี ำคญั อยา่ งหน่งึ ท่ีแตกต่างไปจากองค์การทไ่ี ม่ประสบ ความสำเร็จ คือ ความเป็นผนู้ าํ ท่ีมปี ระสิทธภิ าพ การขาดแคลนผู้นําทม่ี ีประสิทธิภาพไม่ไดเ้ กดิ ขึ้นกบั องคก์ ารธรุ กจิ เพยี งอยา่ งเดียวเทา่ นนั้ โดยพยายามที่จะอธบิ ายในเรื่องคุณลักษณะ (traits) ความสามารถ (abilities) จากความหมายทกี่ ล่าวขา้ งตน้ สรปุ ได้ว่า ภาวะผูน้ ำ หมายถงึ การใช้อทิ ธพิ ลของบคุ คลหรือของตำแหนง่ โดยการจูงใจให้บคุ คลหรอื กลมุ่ ปฏิบตั ติ ามความคิดเหน็ ความต้องการของตนดว้ ย ความเต็มใจยินดีทจ่ี ะให้ความ รว่ มมือเพอื่ จะนำไปสู่การบรรลวุ ัตถปุ ระสงคข์ องกลุ่มตามทีก่ ำหนดไว้ ภาวะผ้นู ำเปน็ ความสามารถในการชักจงู หรอื โนม้ นา้ วผ้อู ่ืนใหค้ น้ หาหนทางทจ่ี ะบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ ทกี่ ำหนดใหอ้ ย่างกระตอื รอื ร้น และเปน็ การผกู มดั หรอื หลอม รวมกลมุ่ เขา้ เปน็ อันหนึ่งอนั เดียวกนั แล้วกระต้นุ ให้ดำเนินไปสเู่ ป้าหมาย หรอื อาจสรุปไดว้ ่า ภาวะผู้นำ คือ รปู แบบ อทิ ธิพลระหวา่ ง บคุ คล (interpersonal influence) เปน็ ความสามารถในการนำของผ้นู ำ หรือกลุม่ ในอนั ทจี่ ะ ก่อให้เกิด การกระทำกิจกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงเพอื่ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกล่มุ บทบาทหน้าท่ีของผู้นำ กวี วงศพ์ ฒุ (2539 : 31-32) ไดก้ ล่าวถงึ บทบาทหนา้ ทข่ี องผู้นำไวด้ งั ต่อไปนี้ 1) การวางแผน (Planning) ถา้ ผบู้ ริหารไมม่ กี ารคดิ ไว้ลว่ งหนา้ ผูป้ ฏิบัติกจ็ ะกระทำในส่งิ ท่ไี ม่ คุ้มค่ากับเวลาและพลงั งาน การวางแผนเปน็ เร่อื งของการคิดเพ่อื ควบคมุ แนวทางการปฏบิ ตั งิ านใหไ้ ด้ประสิทธภิ าพ มากทส่ี ุด 2) การจัดองคก์ าร (Organizing) คอื การรวบรวมกำลังคน งบประมาณ วิธีการ วสั ดุอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยประโยชน์อื่น ๆ ของหนว่ ยงานเขา้ ดว้ ยกัน เพื่อใหก้ ารดำเนินงานมปี ระสิทธิภาพสงู สดุ โดยตอ้ งไมท่ ำ ใหเ้ กดิ การสูญเปล่าน้อยที่สดุ 3) การจดั คณะบคุ คลเข้าทำงาน (Staffing) ผนู้ ำไม่ควรคดิ เพยี งแตก่ ารทำงานอย่างเดยี ว จงึ จะตอ้ งแน่ใจวา่ ไดจ้ ดั สรรคนเขา้ กับงานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ตรงตามความสามารถของแต่ละบคุ คล รวมทัง้ มกี ารพัฒนา ความสามารถของบคุ ลากรไดอ้ ยา่ งดอี ีกดว้ ย 4) การวนิ ิจฉยั สง่ั การ (Directing) การสั่งการของผู้นำถอื เป็นเร่อื งสำคัญประการหนงึ่ เพราะผนู้ ำ ท่ดี ีต้องรู้จกั การใช้คนใหเ้ กิดประสิทธิภาพสงู สดุ ดว้ ยเช่นกัน จะตอ้ งมีความชัดเจนสามารถนำไปปฏิบตั ไิ ดท้ นั ที การ สงั่ การท่ีดีนน้ั หากสามารถส่งั ดว้ ยวาจาแล้วตามดว้ ยเอกสารทเ่ี ปน็ ลายลักษณอ์ ักษรด้วยก็จะยงิ่ สรา้ งความเช่ือมนั่ ใน

15 การเขา้ ใจการสั่งการดงั กล่าวไดเ้ ปน็ อย่างดี ด้วยเพราะหากมคี วามชัดเจนในงานแล้วก็จะช่วยให้งานมีผลงานดตี าม ไปดว้ ย ผ้นู ำต้องเปน็ ผชู้ ้ีทาง โดยการแยกอำนาจและหนา้ ท่ีใหผ้ ู้ใตบ้ ังคบั บญั ชา รวมท้ังการกำหนดมาตรฐานการ ปฏิบัติเพือ่ สามารถประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ านได้ 5) การประสานงาน (Coordinating) ในการทำงานสว่ นใหญ่แล้วการประสานงานของหนว่ ยงาน ตา่ ง ๆ รวมท้งั การประสานงานในตำแหน่งหนา้ ทกี่ ารงานถอื วา่ เป็นความจำเปน็ และสำคัญอย่างมากในการ ปฏิบัตงิ าน ผนู้ ำหรือหวั หนา้ งานจะทำหนา้ ทป่ี ระสานงานไดเ้ ป็นอย่างดี เพราะมหี น้าทท่ี จ่ี ะต้องรับผดิ ชอบใน หนว่ ยงานอยแู่ ลว้ หรือรวมไปถึงงานทท่ี กุ คนจะต้องอาศัยการทำงานทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับหวั หน้าเป็นประจำ ดังนนั้ ผ้นู ำ จะตอ้ งประสานงานปจั เจกบคุ คลกับกลุ่มเขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือบคุ ลากรจะไดท้ ำงานเปน็ ลักษณะอันหนึง่ อนั เดียวเพื่อ ประโยชน์ขององคก์ าร 6) การระดมความรว่ มมือ (Participating) ผนู้ ำตอ้ งสามารถทำใหบ้ คุ ลากรมีความรว่ มมือกันใน การทำงาน โดยการจดั สภาพการทำงานใหส้ มั พันธก์ นั ตอ้ งตรงตามความตอ้ งการของบุคคากรและสรา้ ง บรรยากาศของความรว่ มมอื ช่วยเหลือซงึ่ กนั และกัน 7) การควบคุม (Controlling) คนเราสว่ นใหญ่ไม่ตอ้ งการทจี่ ะใหใ้ ครมาควบคมุ เรา แตใ่ นทาง ปฏบิ ตั งิ านแล้ว การควบคุมสงิ่ ท่อี ยู่หา่ ง ๆ จะได้ผลดีตามมาในลกั ษณะของการตดิ ตามผลงาน 8) การทบทวนและการประเมนิ ผล (Reviewing and Evaluating) ผนู้ ำจะปฏิบตั งิ านกับ ผู้เกยี่ วข้อง ไมเ่ พยี งแตค่ วามพอใจเทา่ นน้ั ยงั ต้องให้หน่วยงานนั้นสามารถช่วยเหลอื กนั พนักงานส่วนใหญม่ ี สมรรถภาพในการปฏบิ ตั งิ าน เปน็ บุคลากรท่มี ีคณุ ภาพ ในการพิจารณาความดคี วามชอบตลอดระยะเวลาของการ ทำงานขงพนักงานหรือเจา้ หนา้ ที่ ถือเปน็ หนา้ ทส่ี ำคัญประการหนึ่งของผู้นำ อันจะเปน็ การเพิ่มขวญั และกำลงั ใจใน การทำงาน การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานทดี่ คี วรกระทำเป็นระยะและสามารถประเมินผลงานไดอ้ ย่างถูกต้องและ เปน็ ธรรมแลว้ ปญั หาในดา้ นการบริหารบคุ คลยอ่ มท่ีจะลดน้อยลง 9) การนำ (Leading) ผนู้ ำจะต้องเป็นผูน้ ำของพนกั งาน ด้วยการกระตนุ้ ใหท้ ำงานด้วยความเตม็ ใจและศลิ ปะในการจงู ใจใหท้ ำงานดว้ ยทา่ ทมี ีคณุ ภาพทุกคน 10) การทำงบประมาณ (Budgeting) ผนู้ ำจะตอ้ งประเมินค่าตนเองวา่ ไดท้ ำใหห้ นว่ ยงานนั้นเกดิ ความเป็นปึกแผน่ มคี วามสมานสามัคคใี นบรรดาพนักงาน มีความมนั่ คงเพยี งใด รวมทง้ั พจิ ารณาถงึ การใชเ้ วลา ความคดิ ความสามารถ และพฤติกรรมตา่ ง ๆ เป็นการเออื้ อำนวยใหง้ านดำเนนิ ไปตามหลักการงบประมาณทตี่ ้งั ไว้ นอกจากนี้ ผบู้ ริหารในฐานะผู้นำในสถานศกึ ษานั้น มภี ารกจิ ในการบริหารงานวิชาการ งบประมาณ บุคคล และการบรหิ ารกิจการตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วกับนักเรยี น ซ่ึงผูบ้ ริหารจะตอ้ งรับผิดชอบให้การปฏิบัตงิ านบรรลุเปา้ หมาย โดยผบู้ รหิ ารมีหนา้ ทปี่ ระสานและอำนวยความสะดวกในการปฏบิ ตั งิ าน ชาญชัย อาจนิ สมาจาร (2543 : 86) จาํ แนกคณุ ลกั ษณะของผู้นําที่สัมพันธ์กบั ประสิทธิผลของภาวะผู้นาํ เปน็ 3 หวั ข้อดงั นี้ 1. ด้านสติปัญญา 1.1 วจิ ารณญาณ 1.2 กล้าตดั สนิ ใจ 1.3 ความรู้ 1.4 ความคล่องแคลว่

16 2. ดา้ นบุคลกิ ภาพ 2.1 ความสามารถในการปรบั ตวั 2.2 ความต่ืนตัว 2.3 ความคิดสรา้ งสรรค์ 2.4 บูรณาการสว่ นบคุ คลความเชื่อม่ันในตนเองความสมดลุ ในอารมณ์ การควบคุมอารมณ์ความ อิสระ 3. ด้านความสามารถ 3.1 ได้รบั ความรว่ มมือ 3.2 ให้ความร่วมมือ 3.3 เปน็ นกั คิด นกั พฒั นาเปน็ ที่นยิ มยกย่อง 3.4 มคี วามสามารถในการเข้าสงั คมการมีสว่ นร่วมในสงั คม มไี หวพรบิ มคี วามเปน็ นักการทตู ความสามารถในการนิเทศงาน รงั สรรค์ ประเสรฐิ ศรี (2544 : 36-38) ได้สรปุ ลกั ษณะของผูน้ ําด้านบคุ ลกิ ภาพทั่วไป (General Personality Traits) ดงั น้ี 1. ความเช่ือม่ันในตนเอง (Self-confidence) 2. การสรา้ งความไว้วางใจได้ (Trustworthiness) 3. ลกั ษณะที่เดน่ (Dominance) เปน็ ลักษณะเดน่ ของผู้นําที่มีเหนือบุคคลอ่ืน ๆ อยา่ งเห็นได้ชัด ในดา้ นตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 3.1 ลักษณะทางกายภาพ (Physical Characteristics) 3.1.1 กระฉบั กระเฉง 3.1.2 กระปร้ี กระเปร่า 3.2 ภมู หิ ลงั ทางสังคม (Social Background) 3.2.1 ความสามารถในการปรบั เปล่ียนวฒั นธรรมองคก์ ร 3.3 สติปัญญาและความสามารถ (Intelligence and Ability) 3.3.1 การตดั สนิ ใจวิจารณญาณ 3.3.2 ความรู้ 3.3.3 ทกั ษะการพดู 3.4 บคุ ลิกภาพ (Personality) 3.4.1 กระตอื รอื ร้น 3.4.2 มีความคดิ สร้างสรรค์ 3.4.3 ความซื่อสตั ย์ มีจรยิ ธรรม 3.4.4 ความเชื่อมนั่ ในตนเอง 3.5 ลกั ษณะท่ีสัมพนั ธก์ ับงาน (Work Related Characteristics) 3.5.1 มีกระตนุ้ ท่ีจะนําไปสู่ความสำเร็จ 3.5.2 แรงกระต้นุ ที่จะนําไปสู่ความรบั ผิดชอบ

17 3.5.3 มีความรับผิดชอบเพื่อใหง้ านบรรลเุ ปา้ หมาย 3.5.4 การมงุ่ ม่ันในการทำงาน 3.6 ลักษณะด้านสงั คม (Social Characteristics) 3.6.1 ความสามารถท่ีจะสรา้ งความร่วมมอื 3.6.2 ความร่วมมือ 3.6.3 ความเป็นท่ีนิยมชมชอบ มชี ื่อเสียง 3.6.4 ความสามารถด้านสังคมทักษะในการติดตอ่ ระหวา่ งบุคคล 3.6.5 การมสี ่วนร่วมในสังคม 3.6.6 รจู้ ักกาลเทศะมีความสามารถในการเจรจา 4. เป็นคนกลา้ แสดงออก (Extroversion) 5. การเปน็ คนท่ีมกี ารแสดงออกท่ีเหมาะสม (Assertiveness) 6. ความมั่นคงทางอารมณ์ (Emotional Stability) 7. มีความกระตอื รอื รน้ (Enthusiasm) 8. มีอารมณ์ขัน (Sense of Humor) 9. ความเป็นคนดอู บอ่นุ หรือมีความเอ้ืออารี (Warmth) 10. มคี วามอดทนสูงตอ่ ความตงึ เครียด ความผิดหวงั หรอื ความคับข้องใจ (High Tolerance for Frustration) 11. รู้จกั ตนเองและมวี ัตถุประสงค์ในการทำงาน (Self-awareness and Self Objectivity) จากการศึกษาแบบผู้นํา สามารถสรุปคุณลกั ษณะของผู้นํา จงึ เปน็ ส่ิงจําเป็นอยา่ งย่ิงต่อการดำเนินการ ต่าง ๆ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายตอ้ งมคี วามกระฉบั กระเฉงความเพยี รความกลา้ ในการตดั สนิ ใจและมีความเช่ือมั่นใน ตนเอง สงิ่ เหล่าน้ีจะช่วยใหผ้ ู้นำมรี ะดบั สมั พันธ์กบั กลมุ่ ตา่ ง ๆ ได้อยา่ งดแี ละเหมาะสมไดร้ บั การยอมรบั จากสังคม ท่ัวไป แนวคิดและทฤษฎีเก่ียวกบั ภาวะผู้นำเชงิ คุณลักษณะ (trait theories) ทฤษฎภี าวะผนู้ ำ เชงิ คณุ ลกั ษณะคือ ทฤษฎที ี่เนน้ การหาคุณลักษณะท่วั ไปของผ้นู ำ เพื่อเปรยี บเทยี บกบั บคุ คลที่ไมใ่ ช่ผนู้ ำ ในการศกึ ษาภาวะผู้นำระยะแรก ๆ นักวชิ าการให้ความสำคญั กับคุณลักษณะส่วนตวั (personal traits) ของผนู้ ำ โดยพยายามแยกแยะวา่ คณุ ลักษณะใดบา้ งทดี่ ำรงอย่ใู นตวั ผู้นำ ตวั อยา่ งคุณลักษณะทม่ี กี ารระบกุ นั มากกวา่ เป็นตวั ชี้วัดความเปน็ ผู้นำ คือ ความเฉลยี วฉลาด (intelligence) ความซอ่ื สตั ย์ (honesty) และความ เช่อื มัน่ ในตนเอง ( self-confidence) งานวิจัยในยุคแรก ๆ ของแนวทางน้ี จะศกึ ษาผู้นำท่ีประสบความสำเร็จ ดังนนั้ แนวทางนจี้ งึ รูจ้ ักกนั อกี นาน ประหนึ่งวา่ แนวทาง “บุรษุ ผู้ยงิ่ ใหญ”่ ( the great man approach) และมี ความเชอ่ื วา่ มคี นบางคนเท่านนั้ ท่เี กิดมาเพือ่ เป็นผ้นู ำ กลา่ วอีกนยั หนึง่ คือ บุคคลคนใดจะเป็นผู้นำในอนาคตได้ หรอื ไม่ได้ ถกู กำหนดลว่ งหน้าโดยธรรมชาติแลว้ การวเิ คราะห์คณุ ลกั ษณะผู้นำจากผลงานวจิ ยั เมื่อปี ค.ศ. 1948 ได้ มกี ารค้นพบจดุ รว่ มสำคญั 7 ประการของคณุ ลักษณะเชิงบุคลกิ ภาพกบั การเป็นผนู้ ำ ทีป่ ระสบความสำเรจ็ คอื ความเฉลียวฉลาด การริเริ่มสร้างสรรคท์ ักษะดา้ นสังคม ความเช่ือมัน่ ในตนเอง พลังแหง่ ความรับผิดชอบ และความ ซือ่ สตั ย์ มั่นคงต่อหลกั การ (พชิ าย รตั นดลิ ก ณ ภเู ก็ต, 2552, หนา้ 172)

18 Bass (1990, pp. 79-81) ได้ทบทวนงานวิจยั ทเ่ี ก่ียวกบั ผ้นู ำ มากกว่า 163 เร่ือง ตัง้ แตป่ ีค.ศ. 1948-1970 จนทำให้ เขาสามารถระบคุ ณุ ลกั ษณะของผ้นู ำทดี่ วี ่า ข้ึนอยกู่ ับคณุ ลกั ษณะ 6 ประการ คอื คณุ ลกั ษณะทาง ร่างกาย ภมู หิ ลังทางสงั คม สตปิ ัญญา บุคลิกภาพ คุณลกั ษณะทีเ่ ก่ยี วกับงาน และคุณลักษณะทางสังคม ซ่งึ ในแต่ละ คุณลกั ษณะสามารถอธิบายได้ ดังน้ี 1. คุณลักษณะทางรา่ งกาย (physical characteristics) ประกอบด้วย ความแขง็ แรง ( activity, energy) รูปร่าง (appearance grooming) ความสงู (height) น้ำหนัก ( weight) ซงึ่ กล่าวได้ว่า ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง ความเป็นผู้นำท่มี ีประสิทธภิ าพ และมีประสทิ ธิผลกับคุณลกั ษณะทางรา่ งกาย ให้ผลลัพธท์ ข่ี ัดแย้งกนั เชน่ การมี สว่ นสงู และน้ำหนักมากกวา่ ไมไ่ ด้เป็นตัวบง่ ชี้ว่า ความเป็นผนู้ ำจะมปี ระสิทธภิ าพ และประสิทธผิ ลหรือไมแ่ ตก่ ็มี องค์กรจำนวนมากเช่ือว่า บุคคลท่มี ีรูปร่างสว่ นใหญ่ จะจำเป็นตอ่ การเชอื่ ฟังของผูต้ าม ซงึ่ ก็สามารถอธบิ ายไดอ้ ยบู่ น พน้ื ฐานของอำนาจการบงั คับ หรอื ความกลัว แตใ่ นขณะเดียวกนั Mahatma Gandhi, Napoleon, Stalin และ Deng Xiaoping กเ็ ป็นตัวอย่างของบคุ คลรปู รา่ งเลก็ แตก่ ็เปน็ ผู้นำทยี่ ิ่งใหญไ่ ด้ 2. คณุ ลักษณะดา้ นภมู หิ ลังทางสงั คม ( social background) ประกอบด้วย การศกึ ษา (education) สถานภาพทางสังคม ( social status) และการเปล่ียนแปลงสถานภาพทางสังคม (mobility) ได้แสดงความคิดเห็น เกยี่ วกับ สถานภาพทางสังคมเศรษฐกจิ ทดี่ ีจะเปน็ ข้อไดเ้ ปรยี บต่อการเข้าสูส่ ถานภาพทางของความเป็นผู้นำ บุคคล ท่ีมสี ถานะทางเศรษฐกิจและสงั คมต่ำ แต่สามารถก้าวสูส่ ถานภาพทางสงั คมทส่ี งู กว่า ไดจ้ ะไปสู่ตำแหน่งผนู้ ำระดบั สงู ได้มากกว่า และในปจั จบุ ันผู้นำท่ีมีการศกึ ษาดจี ะมีโอกาสเข้าสตู่ ำแหนง่ ผนู้ ำได้ดกี วา่ 3. คุณลักษณะดา้ นสตปิ ญั ญา และความสามารถ ( intelligence and ability) ซ่ึง Bass (1990) สรุปไว้ ว่า ผูน้ ำ ท่มี คี วามรู้ (knowledge) มีดุลพินจิ (judgment) มที ักษะในการพูดไดอ้ ย่างคล่องแคล่ว ปฏภิ าณไหวพรบิ ดสี ่ิงเหล่านี้ เป็นตัวบง่ ช้ีได้ในระดับหนง่ึ วา่ ผู้นำท่ีมปี ระสิทธภิ าพและประสทิ ธิผล ตอ้ งมคี ุณสมบตั ิเหลา่ นอ้ี ยู่ถงึ แม้ว่า จะตอ้ งศึกษาปัจจยั อ่นื ๆ มาประกอบกต็ าม 4. คุณลักษณะด้านบคุ ลกิ ภาพ (personality) พบว่า Bass and Avolio (1990) แสดงความ คิดเหน็ ว่า บคุ ลกิ ภาพประกอบดว้ ยการมีความเช่อื มัน่ ในตนเอง ( self-confidence) มคี วามซอื่ สัตย์ (integrity) อดทนต่อ ความเครียด ( tolerance of stress) การควบคมุ อารมณไ์ ดด้ ี (emotional control) มีความกระตือรอื รน้ ( enthusiasm) ความตน่ื ตวั ( alertness) มีความคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ ( original, originality) มีความสามารถในการ ปรบั ตวั ( adaptability) เป็นคนเปิดเผยไมเ่ กบ็ ตวั ( extroversion) เปน็ ตน้ แสดงให้เห็นว่า คุณลักษณะด้าน บคุ ลกิ ภาพ จะตอ้ งนำมาศึกษาในเรอ่ื งของความเปน็ ผู้นำ 5. คุณลักษณะท่ีเกย่ี วกบั งาน ( task-related characteristic) ประกอบด้วยความขยันหมน่ั เพียร (drive to achieve) ความรบั ผดิ ชอบ ( responsibility) การไมย่ ่อท้อต่ออุปสรรค ( persistence against obstacle) จะตอ้ งมคี วามมงุ่ งานสูงริเร่ิมงานใหมๆ่ ผู้ที่จะเป็นผนู้ ำทีด่ ไี ด้ จะต้องมคี ุณสมบัตเิ หล่าน้ี 6. คุณลักษณะทางสงั คม ( social characteristics) ประกอบด้วยความนิยมแพร่หลาย (popularity) มี ทกั ษะความสมั พันธร์ ะหวา่ งบคุ คล( interpersonal skills) มีเสน่หด์ งึ ดูด (attractiveness) ความร่วมมือ ( cooperativeness) ชอบสังคม ( social participation) นกั การทูต (diplomacy)

19 แนวคดิ ทฤษฎภี าวะผู้นำเชงิ คุณลกั ษณะของ Bass (1990) และ Mosley (1996) สรุปได้ว่า การมี คุณลกั ษณะที่เหมาะสม และสอดคล้องจะชว่ ยใหผ้ นู้ ำมแี นวโน้มทจี่ ะเกดิ ประสิทธผิ ลมากขึน้ แตก่ ไ็ ม่อาจรับประกนั ได้แนน่ อนว่า จะต้องมีประสทิ ธิผลผู้นำ ทมี่ ีคณุ ลกั ษณะแบบหน่งึ เฉพาะตน อาจมปี ระสทิ ธิผลไดใ้ นสถานการณห์ น่ึง แต่ในอีกสถานการณ์หน่ึงอาจไรป้ ระสิทธิผลกไ็ ด้ ยิ่งกว่าน้นั ผู้นำที่มีแบบแผนของคณุ ลกั ษณะของตนน้ีแตกตา่ งกัน แตส่ ามารถทจี่ ะมปี ระสิทธผิ ลไดใ้ นสถานการณเ์ ดียวกัน สรปุ ผลการศึกษาคุณลกั ษณะของผนู้ ำที่มีผลต่อการบรหิ ารสถานศึกษา คณุ ลกั ษณะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ผบู้ ริหารสถานศึกษาเปน็ ผ้ทู ม่ี บี ทบาทสำคญั ในการบรหิ ารจัดการ สถานศึกษาใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและเปน็ ทย่ี อมรับแกส่ งั คม ดงั น้นั ผบู้ ริหารสถานศึกษาจงึ มคี วามมงุ่ ม่ัน มที ักษะและ ประสบการณใ์ นการบริหารงาน สามารถบริหารงานบรรลเุ ปา้ หมายตามที่กำหนด มคี วามรบั ผดิ ชอบ ในการทำงาน มคี วามอดทน แก้ไขปัญหาจนสำเรจ็ มคี วามเสยี สละและอทุ ศิ ตนในการทำงานเต็มตามศกั ยภาพ ถือวา่ เป็น คุณลกั ษณะที่สำคัญของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ผ้บู ริหารควรมคี วามมงุ่ มัน่ ในการบรหิ ารงาน มีทักษะดา้ น ความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะด้านเทคนคิ วธิ กี าร มี มนษุ ยสัมพนั ธ์เป็นท่ยี อมรบั ของชมุ ชน ทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื ได้ดี มบี ุคลิกภาพท่ีดี สุขภาพแข็งแรง จิตใจมั่นคง เชอ่ื มน่ั ในตนเอง ไมอ่ ่อนไหวตอ่ ปญั หาและอุปสรรค มีอธั ยาศยั ดี มีความเมตตาปรานตี ่อผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา และสามารถเปน็ ที่พ่งึ ของเพ่อื นร่วมงานได้ ยอมรบั ความคิดเห็นของผูอ้ นื่ สามารถในการประสานงานกบั หน่วยงานภายในและ ภายนอกได้ดี มีเกยี รตเิ ปน็ ทีย่ อมรบั เช่อื ถอื และศรทั ธาของ บคุ คลท่ัวไป ดังนั้น ผบู้ รหิ ารจำเป็นตอ้ งยดึ หลกั การ บริหารทม่ี ุ่งเนน้ การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน เพือ่ ก่อให้เกิดความร่วมมอื ระหวา่ งบคุ ลากรและชุมชนทำงานร่วมกันอย่าง เตม็ ความสามารถ เพอ่ื ประสทิ ธภิ าพของการบรหิ ารงานในสถานศกึ ษา

20 บรรณานกุ รม กติ ติ ตยัคคานนท์. (2530). เทคนิคการสร้างภาวะผนู้ ำ. กรุงเทพมหานคร : สำนกั พิมพ์เชษฐาการพิมพ์. กวี วงศพ์ ฒุ . (2535). ภาวะผู้นำ (พิมพ์ครั้งท่ี 2). กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ส่งเสริมวิชาชีพบญั ชี กรุงเทพ. ชยาภรณ์ จนั โท, หริ ญั ประสารการ. (2560, มถิ นุ ายน). การศึกษาคณุ ลักษณะของผู้บริหารสถานศกึ ษา ที่ สง่ ผลต่อการจัดการศกึ ษาในศตวรรษที่ 21 ของสถานศกึ ษา สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ประถมศึกษาพงั งา. วารสารวชิ าการมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ภเู กต็ . ปีที่ 13 ฉบบั ท่ี 1. ชาญชัย อาจินสมาจาร . (2536). เทคนิคการเปน็ หัวหน้างาน. กรงุ เทพฯ : ศูนยส์ ื่อเสริมกรุงเทพ. เธยี รชัย เอี่ยมวรเมธ. (2536). พจนานกุ รมอังกฤษ-ไทย. กรุงเทพมหานคร : รวมสาสน นันทภัค สขุ โข และดร.วาสนา วิสฤตาภา (2558) คณุ ลกั ษณะของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาในการเข้าส่ปู ระชาคม อาเซยี น ตามความคดิ เหน็ ของครใู นสงั กดั สำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 1. หลกั สตู ร มหาบัณฑิต สาขาวชิ าการจดั การการศึกษา วทิ ยาลยั ครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรุ กิจบณั ฑิตย์. ประเวศ วะสี. (2540). การพฒั นาพลังสร้างสรรคอ์ งคกร. กรุงเทพฯ : หมอชาวบาน. ประพนธ์ ผาสุกยืด. ( 2541). ทางเลอื กทางรอด. กรงุ เทพมหานคร: สํานกั พมิ พเ์ ออาร์ อินฟอรเ์ มชัน่ แอนด์ พับ บเิ คชน่ั .: หน้า 24-25. ปรารถนา วรรณเผอื ก. (2561). คณุ ลักษณะผูน้ ำของผบู้ รหิ ารทส่ี ง่ ผลตอ่ ความผูกพันในองค์กรของพนกั งาน องค์กรเอกชนในเขตกรงุ เทพมหานคร. ไพบลู ย์ วัฒนศิรธิ รรม. (2540). ภาวะผู้นาํ ของไทยในอนาคต. ใน สงวน นติ ยารัมภพ์ งศ์ และสทิ ธลิ ักษณ์สมติ ะสริ ิ (บรรณาธกิ าร), ภาวะผูน้ ำความสำคญั ต่ออนาคตไทย. กรุงเทพมหานคร : สํานักพมิ พพ์ มิ พไ์ ทย. รังสรรค์ ประเสริฐศรี . (2544). ภาวะผู้นำ. กรุงเทพฯ : Diamond in Business World. สิทธิชัย พลายแดง, สุเทพ ล่ิมอรณุ (2557, ธนั วาคม). คณุ ลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาทส่ี ง่ ผลตอ่ การมี ส่วนร่วมของชมุ ชน ในสถานศกึ ษา สังกดั สำนักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 10. วารสารวชิ าการ สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบุรี. ปีที่ 7 ฉบบั ท่ี 3. ศภุ มาส แก้วเกล่ือน. (2560). คณุ ลกั ษณะของผู้บริหารและการมสี ว่ นร่วมของชมุ ชนท่สี ง่ ผลตอ่ การบรหิ าร ทรพั ยากร ทางการศกึ ษาของสถานศกึ ษา สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษา ประจวบคีรขี ันธ์ เขต 1. สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา คณะครุศาสตร์ มหาวทยิ าลัยราชภัฏเพชรบุร.ี

21 DAVID MICHAEL CHURCH. (2012). LEADERSHIP STYLE AND ORGANIZATIONAL GROWTH: A CORRELATIONAL STUDY. A dissertation submitted to the Graduate Faculty of University of Colorado at Colorado Springs in partial fulfillment of the requirements for the degree of Doctor of Philosophy in Educational Leadership, Research, and Policy Department of Educational Leadership, Research, and Foundations. Don F. Christensen, Dr. Cynthia MacGregor, and Dissertation Supervisor. (2010). A COMPARISON OF THE LEADERSHIP STYLES OF ADMINISTRATORS IN CHARGE OF SCHEDULING IN MISSOURI’S SECONDARY SCHOOLS. In Partial Fulfillment Of the Requirements for the Degree Doctor of Education. Zaidatol Akmaliah Lope Pihie, Amir Sadeghi, and Habibah Elias. (2011). Analysis of Head of Departments Leadership Styles: Implication for Improving Research University Management Practices. Faculty of Educational Studies, University Putra Malayisa, Serdang, Selangor, 43400, Malaysia. Ijaz Ahmad Tatlah. Prof.Dr.Muhammad Zafar Iqbal. (2012). Leadership Styles and School Effectiveness: Empirical Evidence from Secondary Level. Department of Education, University of Management and Technology C-ii Johar Town Lahore , 54600, Pakistan. Mr. Moses Ouma Obama, Lucy Akinyi Eunice, and Prof. John Aluko Orodho. (2016). Principals’ Leadership Style and Students’ Academic Performance in Public Secondary Schools in HomaBay County, Kenya. Research on Humanities and Social Sciences. Vol.6, No.7, 2016 Trewatha, R.L.,& Newport, G.M. (1982). Management (3 rd ed). Plano, TX: Business Publication.

นายเฉลิมพร มากแก้ว ส า ข า บ ริ ห า ร ก า ร ศึ ก ษ า ค ณ ะ ม นุ ษ ย ศ า ส ต ร์ แ ล ะ สั ง ค ม ศ า ส ต ร์ วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ภ า ค ใ ต้ 2563