รายงานการศึกษาโครงงาน การพัฒนาบทเรียนอีเลริ น์ นง่ิ เร่ือง การใชเ้ ทคโนโลยีอย่างปลอดภัย รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ผจู้ ดั ทำ นางสาวเอมมกิ า ทองจารุแข รหัส 406009002 รหสั 406009016 นายตัลมซี ี มือเซ๊าะ รหสั 406009018 รหสั 406009029 นางสาวไซนะห์ สาฮบี าตู รหัส 406009030 นายบกู อรี ตือบิงหม๊ะ นางสาวอาซยี ะห์ เจะเลาะ สาขาวชิ าคอมพิวเตอร์ศกึ ษา เสนอ อาจารย์ ดร.ศริ ิชยั นามบุรี การศึกษาโครงงานนเี้ ป็นส่วนหนง่ึ ของการศกึ ษา รายวชิ า ระบบการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ 4111318 หลกั สตู รครุศาสตรบณั ฑิต (ค.บ.) 5 ปี คณะวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยแี ละการเกษตร ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏยะลา
รายงานการศึกษาโครงงาน การพัฒนาบทเรียนอีเลริ น์ นง่ิ เร่ือง การใชเ้ ทคโนโลยีอย่างปลอดภัย รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ผจู้ ดั ทำ นางสาวเอมมกิ า ทองจารุแข รหัส 406009002 รหสั 406009016 นายตัลมซี ี มือเซ๊าะ รหสั 406009018 รหสั 406009029 นางสาวไซนะห์ สาฮบี าตู รหัส 406009030 นายบกู อรี ตือบิงหม๊ะ นางสาวอาซยี ะห์ เจะเลาะ สาขาวชิ าคอมพิวเตอร์ศกึ ษา เสนอ อาจารย์ ดร.ศริ ิชยั นามบุรี การศึกษาโครงงานนเี้ ป็นส่วนหนง่ึ ของการศกึ ษา รายวชิ า ระบบการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ 4111318 หลกั สตู รครุศาสตรบณั ฑิต (ค.บ.) 5 ปี คณะวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยแี ละการเกษตร ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏยะลา
ก ชือ่ โครงงาน การพัฒนาบทเรียนอีเลิร์นนิง เรื่อง การใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย รายวิชาวิทยาการ คำนวณ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 ชื่อผ้ศู กึ ษา นางสาวเอมมิกา ทองจารุแข รหัส 406009002 นายตัลมซี ี มือเซา๊ ะ รหัส 406009016 นางสาวไซนะห์ สาฮีบาตู รหสั 406009018 นายบูกอรี ตือบิงหม๊ะ รหัส 406009029 นางสาวอาซียะห์ เจะเลาะ รหัส 406009030 ท่ปี รกึ ษา อาจารย์ ดร.ศริ ชิ ยั นามบรุ ี ปกี ารศกึ ษา 2563 บทคดั ยอ่ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างบทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภัย รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อศึกษา ความพึงพอใจการใช้บทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย บทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรอื่ ง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั รายวชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดับช้นั มธั ยมศึกษา ปีที่ 2 3) ปรับกระบวนการเรียนการสอนจากรูปแบบเดิม ซึ่งเป็นการเรียนแบบพบหน้ากันใน ชั้นเรียนเพียง อย่างเดียว ให้เป็นกระบวนการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ที่มีการนำ E-learning เข้ามาประยุกต์ใช้ วิธีดำเนินการดำเนินการตามขั้นตอนวงจรการพัฒนาระบบ (SDLC) ได้แก่ การวิเคราะห์ การออกแบบ การ พัฒนาระบบ การนำระบบไปใช้ บำรุงรักษา จากการศึกษา พบว่าซอฟต์แวรท์ ีศ่ ึกษามคี วามสามารถของระบบ ได้แก่ 1. เป็น Open Source ที่ได้รับการยอมรับ 2. รองรับทั้ง ซีเอ็มเอส (CMS = Course Management System) และ แอลเอ็มเอส (LMS = Learning Management System) 3. เป็นแหล่งเผยแพร่เอกสาร ออนไลน์เช่น Microsoft Office, Web Page, PDF หรือ Image เป็นต้น 4. มีระบบติดต่อสื่อสารระหว่าง นักเรียน เพื่อนร่วมชั้น และครู 5. มีระบบแบบทดสอบ รับการบ้าน และกิจกรรม ที่รองรับระบบให้คะแนนท่ี หลากหลายให้ส่งงาน ให้ทำแบบฝึกหัด ตรวจให้คะแนนแล้ว export ไป excel ได้ 6. สำรองข้อมูลเป็น .zip แฟม้ เดยี วไดท้ ำให้ครูหรือนกั เรยี นนำไปกู้คนื ในเครื่องคอมพวิ เตอร์ที่ใดก็ได้อย่างของผมทำวิชาระบบปฏิบัติการ แล้วเก็บเปน็ .zip 7. ผู้บริหารท่ีมวี ิสัยทัศน์ และใจกว้างส่งเสริมเรื่องนี้เพราะ ครูได้ทำหน้าที่ นักเรียนได้เรยี นรู้ และสถาบันยกระดับการให้บริการ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในโรงเรียนหรือสถาบันศึกษาได้เป็น อยา่ งดี
ข กติ ติกรรมประกาศ การศึกษาโครงงานนี้ สามารถดำเนินการสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ตามระยะเวลาและบรรลุผลตาม เป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่ม ที่ร่วมกันศึกษาและปฏิบัติงานด้วยความ เขม้ แข็ง ทำงารว่ มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไมไ่ ดร้ บั ความรว่ มมือจากสมาชิกในกลุ่มการศกึ ษาโครงงานนี้ ก็ไมส่ ามารถสำเร็จได้ ขอขอบคุณอาจารย์ ดร.ศิริชัย นามบุรี ที่ปรึกษาในการดำเนินการศึกษาครั้งนี้ ที่กรุณาให้คำปรึกษา และอาจารย์ผู้สอน ที่กรุณาอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำตลอดระยะเวลาการดำเนินการศึกษา โครงงาน คณะผศู้ ึกษา 13 ตลุ าคม 2563
สารบญั ค บทคัดย่อ หน้า กติ ติกรรมประกาศ ก สารบญั ข ค บทท่ี 1 บทนำ ความสำคญั และความเป็นมา 1 วตั ถปุ ระสงค์การศกึ ษา 1 ขอบเขตการศึกษา 2 ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รบั 2 ระยะเวลาศกึ ษาโครงงาน 3 นยิ ามศัพท์เฉพาะ 3 บทท่ี 2 ทฤษฎแี ละเอกสารท่เี กยี่ วข้อง 4 เอกสารที่เกี่ยวข้องกบั บทเรียน E-Learning 6 ลกั ษณะทีส่ ำคญั ของการเรียนรู้แบบออนไลน์ 6 องค์ประกอบของ E-Learning 7 รูปแบบของ E-Learning 8 บทบาทผู้สอนและผูเ้ รยี นใน E-Learning 8 ประโยชนข์ องการเรยี นรู้แบบ E-Learning 9 เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หารใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย 13 ขน้ั ตอนการพัฒนาบทเรียน E-Learning 14 ซอฟตแ์ วร์และเวบ็ ไซต์ 14 เนอ้ื หาอน่ื ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 16 งานวจิ ัยท่เี กีย่ วขอ้ ง
บทท่ี 3 วิธีดำเนินการศึกษา ง การศึกษาซอฟตแ์ วร์ การติดตั้งและทดลองใช้ หน้า การออกแบบและพฒั นา การวางแผนการดำเนินงาน 18 การออกแบบเนื้อหารายวชิ า 18 พฒั นาเนือ้ หา 18 19 บทท่ี 4 ผลการศึกษา 19 ผลการตดิ ตงั้ ซอฟตแ์ วร์/ทดลองใช้ 20 การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใชร้ ะบบ ผลการวิจัย 21 สรปุ ผล 30 30 บทที่ 5 สรปุ และข้อเสนอแนะ 32 สรุปความสำคญั แนวทางการนำไปประยุกต์ใชใ้ นวิชาชพี ครู 33 ข้อเสนอแนะ 34 การวิจยั หรือการศกึ ษาต่อยอดจากโครงงานน้ี 35 35 บรรณานกุ รม 36 ภาคผนวก 37
1 บทท่ี 1 บทนำ ความสำคัญและความเปน็ มา ระบบการศึกษาในโลกปัจจุบันกำลังมุ่งสู่การศึกษาที่อาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นสื่อกลาง อาทิ เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ เทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยกี ารสื่อสาร เทคโนโลยดี ิจทิ ัล ส่งผลให้สถานศึกษาต่าง ๆ ในแต่ละระดับพัฒนาผู้เรียนโดยใช้วิธีการส่งถ่ายความรู้มุ่งสู่ผู้เรียนทางโลกดิจิทัล เพื่อเป็นการจัดการเรียน การสอนในรูปแบบใหม่อย่าง อีเลิรน์นิ่ง (e – Learning) และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ส่งถ่ายข้อมูลบนโลก โซเซียลซึ่งเข้ามาใชก้ ันอย่างกว้างขวาง การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก และยังไม่มีการ นำมาใช้ประโยชน์มากนัก เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากแรง ขับเคลื่อนของกระแสโลกาภิวัฒน์ อีเลิรน์นิ่งจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความเหมาะสมสำหรับการพัฒนา ทรพั ยากรบุคคลของประเทศ ตลอดจนสามารถขยายเวลาเรียน ไดท้ ้งั 24 ชว่ั โมง โดยไมจ่ ำกัดสถานทีเ่ รียนและ ขอบเขตเน้ือหาสามารถตอบสนองผู้เรยี นได้ในการทำกิจกรรมการเรยี นรู้ทบี่ ูรณาการตามความต้องการ เรียนรู้ ได้ทกุ ท่ที ุกเวลาดว้ ยระบบเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ตและสื่อสังคมออนไลน์ การเรียนรูใ้ นปจั จบุ ันนี้เป็นการเรียนรู้ทีส่ ง่ ผ่านบทเรยี นอัตโนมตั ิหรือบทเรยี นแบบเครือข่ายเพ่ือส่งผ่าน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่รับบริการจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอาจเป็นการจัดให้เป็นห้องเรียนในระบบ เครือข่าย โดยผู้เรียนจะเรยี นผ่านเนื้อหาการเรียนรู้บนเว็บ (Web-Base a Learning) ได้แก่ สื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ ในรูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ที่ทำงานผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้แก่ การส่งข้อมูล ความรู้ผ่านเว็บกลุ่ม เครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอแบบอิเล็กทรอนิกส์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นสื่อที่ทำเป็นเอกสารอาจใช้ โปรแกรมเอกสารช่วยในการอา่ นผ่านเครือขา่ ยออนไลน์ โปรแกรมวดี โี อ รูปภาพ เสียง จากหลกั การและเหตุผลดงั กล่าวข้างต้น ผจู้ ดั ทำจงึ มคี วามสนใจท่ีจะศึกษา การพฒั นาบทเรียนอีเลิรน์ นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เทคนิควิธีการ และความรู้เข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนา ผเู้ รยี นใหม้ ีความสามารถทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสามารถเรียนรูไ้ ด้ตลอดชวี ติ วัตถุประสงค์ การทำโครงงานครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อศึกษาบทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภยั รายวชิ า เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ าปีท่ี 2 โดยมีจุดมุ่งหมาย เฉพาะดงั น้ี 1. เพื่อสร้างบทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2
2 2. เพ่อื ศึกษาความพึงพอใจการใช้บทเรยี นอเี ลิร์นน่งิ เรอ่ื ง การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย บทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ขอบเขตการศกึ ษา การทำโครงงานครั้งนี้ผู้จัดทำได้กำหนดขอบเขตการศึกษา แบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ ขอบเขตด้าน เนือ้ หา ขอบเขต ด้านประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง และขอบเขตดา้ นตัวแปร ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 1. ขอบเขตด้านเน้อื หา เนื้อหาวิชาที่ใช้ในการพัฒนาบทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วย การใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อการใช้งาน เทคโนโลยีสารสนเทศ และทรพั ย์สนิ ทางปัญญา 2. ประชากร ประชากร คอื นกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 3. กลมุ่ ตวั อย่าง กลมุ่ ตัวอยา่ ง คือ ได้จากการสุ่ม จำนวน 10 คน ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รบั 1. ได้บทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 2. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจในการใช้บทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย บทเรียนอีเลิรน์นิ่ง เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2
3 ระยะเวลาศึกษาโครงงาน สปั ดาห์ กจิ กรรม สงิ หาคม กนั ยายน ตลุ าคม 12 3 41 2 341 2 3 4 1. เตรยี มความ พรอ้ ม 2. กาํ หนดหัวข้อ โครงงาน 3. วางแผนการทำ โครงงาน 4. เขียนเค้าโครงของ โครงงาน 5. ปฏบิ ัตงิ าน โครงงาน 6. เขยี นรายงาน 7. ประเมินผลงาน 8. นำเสนอโครงงาน ในช้ันเรียน นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ บทเรียน e-Learning คือ การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ในระบบอินเทอร์เน็ต (Internet) อินทราเน็ต (Intranet) มาออกแบบและจัดระบบ เพื่อสร้างระบบการเรียนการสอน โดยการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิด การเรียนรู้อย่างมีความหมาย ตรงกับความต้องการของผู้สอนและผู้เรียน เชื่อมโยงระบบเป็นเครือข่ายที่ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา และ ทุกคน สามารถประเมิน ติดตามพฤติกรรมผู้เรียนได้เสมือนการเรียนใน หอ้ งเรียนจริง ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 คือ นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาป่ีท่ี 2
4 บทที่ 2 ทฤษฎแี ละเอกสารทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 2.1 เอกสารทเี่ กยี่ วข้องกบั บทเรยี นอเี ลริ ์นน่งิ ความหมาย การเรียนการสอนออนไลน์ (E – Learning) คือ นวัตรกรรมทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงวิธีเรียนท่ี เป็นอยู่เดิมเป็นการเรยี นท่ใี ช้เทคโนโลยที ี่ก้าวหน้า เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต อนิ ทราเน็ต เอก็ ซท์ ราเนต็ ดาวเทียม ดังน้ัน จึงหมายรวมถึงการเรียนทางไกล การเรียนผ่านเว็บ ห้องเรียนเสมือนจริง ซึ่งมีจุดเชื่อมโยง คือเทคโนโลยีการ ส่ือสารเปน็ สื่อกลางของการเรยี นรู้” (เวบ็ ไซต์ http:// http://www.capella.edu / elearning) e-Learning เปน็ รปู แบบของเนอื้ หาสาระท่สี ร้างเปน็ บทเรยี นสำเร็จรูป ท่ีอาจใชซ้ ีดีรอมเปน็ สื่อกลางใน การสง่ ผ่าน หรือใช้การสง่ ผา่ นเครือข่ายภายในหรืออนิ เทอรเ์ น็ต ทั้งน้ีอาจจะอยู่ในรูปแบบคอมพิวเตอร์ช่วยการ ฝึกอบรม (Computer Based Training : CBT) และการใช้เว็บเพื่อการฝึกอบรม (Web Based Training : WBT) หรือการเรยี นการสอนทางไกลผ่านดาวเทยี มกไ็ ด้ (Krutus (2000)) e-Learning เป็นการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สร้างการศึกษาที่มีปฏิสัมพันธ์และ การศึกษาที่มีคุณภาพสูง ที่ผู้คนทั่วโลกมีความสะดวกและสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำกัดสถานที่และ เวลา เป็นการเปิดประตูการศึกษาตลอดชีวติ ให้กับประชากร (Campbell (1999)) e-Learning หมายถึง การเรียนรู้บนฐานเทคโนโลยี (Technology-based learning) ซึ่งครอบคลุม วิธีการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ อาทิ การเรียนรู้บนคอมพิวเตอร์ (computer-based learning) การเรียนรู้ บนเว็บ (web-based learning) ห้องเรียนเสมือนจริง (virtual classrooms) ความร่วมมือดิจิทัล (digital collaboration) เปน็ ต้น ผเู้ รยี นสามารถเรียนรูผ้ า่ นส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ทุกประเภท อาทิ อนิ เทอร์เน็ต (internet) อินทราเน็ต (intranet) เอ็กซ์ทราเน็ต (extranet) การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม (satellite broadcast) แถบ บันทกึ เสยี งและ วิดีทศั น์ (audio/video tape) โทรทัศน์ที่สามารถโต้ตอบกันได้ (interactive TV) และซีดรี อม (CD- ROM) ศ.ดร.ถนอมพร (ตันพิพัฒน์) เลาหจรัสแสง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้คำจำกัดความไว้ 2 ลักษณะ คอื
5 – ลักษณะแรก e-Learning หมายถึง การเรียนเนื้อหา หรือสารสนเทศสำหรบการสอน หรือการ อบรม ซึ่งใชก้ ารนำเสนอดว้ ยตัวอักษร ภาพนง่ิ ผสมผสานกบั การใช้ภาพเคล่ือนไหว วดี ิทศั นแ์ ละเสยี ง โดยอาศยั เทคโนโลยีของเว็บ (Web Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมทั้งใช้เทคโนโลยีการจัดการคอร์ส (Course Management System) ในการบรหิ ารจดั การงานสอนต่าง ๆ – ลักษณะที่สอง e-Learning คือ การเรียนในลักษณะใดก็ได้ ซึ่งใช้การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านทาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ สัญญาณโทรทศั น์ สัญญาณดาวเทียม การเรียนร้แู บบออนไลน์ หรือ e-learning เป็นการศกึ ษาเรยี นรู้ผา่ นเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต (Internet) หรืออินทราเนต็ (Intranet) ดว้ ยตัวเอง ผู้เรียนจะไดเ้ รียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหา ของบทเรียน ประกอบดว้ ย ขอ้ ความ รปู ภาพ เสยี ง วดิ โี อ และมัลติมีเดียอนื่ ๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser โดยผู้เรียน ผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย เช่น ( e- mail, web-board, chat, Social Network) การเรียนรู้แบบออนไลน์จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน, เรียนได้ ทกุ เวลา และทุกสถานท่ี (Learn for all : anyone, anywhere and anytime) E-learning คอื อะไร คำว่า e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทาง สัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web- Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียน ด้วยวีดโี อผา่ นออนไลน์ เป็นตน้ ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการ จัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการงานสอนด้านต่าง ๆ โดยผู้เรียนที่ เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และท่ี สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่าง ๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยเี ชิงโตต้ อบ (Interactive Technology)
6 คำว่า e-Learning นั้นมีคำที่ใช้ได้ใกล้เคียงกันอยู่หลายคำเช่น Distance Learning (การเรียน ทางไกล) Computer based training (การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือเรียกย่อ ๆ ว่า CBT) online learning (การเรียนทางอินเตอร์เน็ต) เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของ การเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และ เน้อื หา โดยสามารถมสี อื่ ในการนำเสนอบทเรียนได้ต้ังแต่ 1 สือ่ ข้ึนไป และการเรียนการสอนนน้ั สามารถที่จะอยู่ ในรปู ของการสอนทางเดียว หรอื การสอนแบบปฎิสัมพนั ธไ์ ด้ ลักษณะท่สี ำคญั ของการเรียนรูแ้ บบออนไลน์ (E-Learning) Anyone, Anywhere and Anytime คือ ผู้เรียนจะเป็นใครก็ได้ มาจากที่ใดก็ได้ และเรียนเวลาใดก็ ได้ตามความตอ้ งการของผ้เู รยี น เพราะโรงเรียนไดเ้ ปดิ เว็บไซตใ์ ห้บริการตลอด 24 ชว่ั โมง Multimedia สื่อทนี่ ำเสนอในเว็บ ประกอบด้วยขอ้ ความ ภาพน่ิง ภาพเคล่อื นไหว และเสียง ตลอดจน วดี ทิ ศั น์ อันจะช่วยกระตุ้นการเรียนรขู้ องผเู้ รียนไดเ้ ป็นอย่างดี Non-Linear ผ้เู รียนสามารถเลอื กเรยี นเนือ้ หาทีน่ ำเสนอได้ตามความตอ้ งการ Interactive ดว้ ยความสามารถของเอกสารเวบ็ ท่มี จี ุดเชือ่ ม (Links) ยอ่ มทำให้เน้อื หามีลกั ษณะโต้ตอบ กับผู้ใช้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว และผู้เรียนยังเพิ่มส่วนติดต่อกับวิทยากรผ่านระบบ e-mail, web-board, chat, Social Network ก็ได้ทำให้ผเู้ รยี นกับผู้สอนสามารถติดต่อกันไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว องคป์ ระกอบของ e- learning การเรียนแบบออนไลน์ หรือ e-learning มีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่ 4 ส่วน แต่ละส่วนจะต้อง ออกแบบใหเ้ ชอ่ื มสมั พนั ธ์กันเป็นระบบ และจะตอ้ งทำงานประสานกันได้อย่างลงตวั คอื 1. เนอื้ หาของบทเรียน ถอื ว่าเปน็ สิ่งที่สำคัญทีส่ ดุ 2. ระบบบริหารการเรียน เนื่องจากการเรียนแบบออนไลน์หรือ e-learning นั้นเป็นการเรียนท่ี สนับสนุนให้ผู้เรียนได้ศึกษา เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ระบบบริหารการเรียนท่ีทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง กำหนดลำดับของเนื้อหาในบทเรียน นำส่งบทเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังผู้เรียน ประเมนิ ผลความสำเร็จของบทเรยี น ควบคุม และสนับสนนุ การใหบ้ รกิ ารท้งั หมดแกผ่ ู้เรยี น จึงถือ ว่าเป็นองค์ประกอบของ e-learning ที่สำคัญมาก เราเรียกระบบนี้ว่า “ระบบบริหารการเรียน” (LMS : e-Learning Management System) 3. การติดต่อสื่อสาร การเรียนแบบ e-learning ถือว่าเป็นการเรียนทางไกลอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ส่ิง สำคัญท่ที ำให้ e-learning มีความโดดเด่นและแตกต่างไปจากการเรียนทางไกลท่วั ๆ ไปก็คือการ
7 นำรูปแบบการติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทาง มาใช้ประกอบในการเรียน เพื่อเพิ่มความสนใจ และ ความตืน่ ตัวของผเู้ รียนทม่ี ีต่อบทเรยี นให้มากย่ิงข้ึน ตลอดจนใชเ้ ป็นเคร่ืองมือที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้ ติดต่อ สอบถาม ปรึกษาหารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างตัวผู้เรียนกับครูผู้สอน และ ระหว่างผู้เรียนกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนอื่น ๆ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารอาจแบ่งได้ เปน็ 2 ประเภทดังน้ี 1) ประเภท real-time ได้แก่ Chat (message, voice) , White board / Text slide , Real-time Annotations, Interactive poll , Conferencing และอื่น ๆ 2) ประเภท non real-time ได้แก่ Web-board , e-mail 4. การสอบ / วดั ผลการเรยี น โดยทัว่ ไปแล้วการเรียนไมว่ า่ จะเปน็ การเรียนในระดับใดหรือเรียนวิธีใด ก็ย่อมต้องมีการสอบ / การวัดผลการเรียน เป็นส่วนหนึ่งอยู่เสมอ การสอบ / การวัดผลการเรยี น จงึ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้การเรียนแบบ e-learning เปน็ การเรียนท่สี มบูรณ์ กล่าวคือ ในบางวิชาจำเป็นต้องวัดระดับความรู้ก่อนเข้าสมัครเข้าเรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนใน บทเรียนหรือหลักสูตรที่เหมาะสมมากที่สุด ซึ่งทำให้การเรียนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเข้าสู่ บทเรียนในแต่ละหลักสูตรก็จะมีการสอบย่อยท้ายบท และการสอบใหญ่ก่อนที่จะจบหลักสูตร ระบบบริหารการเรียน จะเรียกข้อสอบที่จะใช้มากจากระบบบริหารคลังข้อสอบ (Test Bank System) ซง่ึ เป็นสว่ ยยอ่ ยท่รี วมอย่ใู นระบบบรหิ ารการเรียน รปู แบบการเรยี นใน e – learning e – learning เป็นรูปแบบการเรียนที่ใช้เว็บเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ และมีคำเรียกที่แตกต่างกันไป เช่น การเรียนการสอนผ่านเครือข่าย (Web-Based Instruction : WBI) การเรียนอย่างมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเว็บ (Web-Based Interactive Environment) การศึกษาผ่านเว็บ (Web-Based Education) การนำเสนอ มัลติมีเดียผ่านเว็บ (Web-Based Multimedia Presentations) และการศึกษาที่ช่วยให้มีปฏิสัมพันธ์ (Interactive Education Aid) เป็นตน้ วิธีจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ e – learning เป็นในปัจจุบันใช้กันอยู่ 3 ลักษณะ คือ 1. ใช้เป็นสื่อเสริม โดยการสร้างเว็บเพจโครงการสอน เนื้อหาวิชาบางส่วน หรือทั้งหมด แจ้งแหล่ง อ้างอิง แหล่งค้นคว้า ให้นักศึกษาทราบ ตอบคำถามที่นักศึกษาถามเข้ามาบ่อย ๆ (Frequently Ask Question – FAQ) แจง้ e-mail ให้ผเู้ รียนส่งงาน
8 2. ใช้เป็นทางเลือก โดยผุ้เรียนสามารถเลือกเรียนแบบวิธีเข้าชั้นเรียนปกติ หรือเรียนผ่านระบบ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ดังน้นั เว็บเพจรายวชิ าตอ้ งมีความสมบูรณ์ใกล้เคียงกบั การเรียนการสอนใน ชั้นเรียน นนั่ คือจะต้องมีความละเอยี ดมากกว่า ในระดับทใ่ี ชเ้ ป็นสอ่ื เสรมิ 3. ใช้สอนทดแทนการเรียนการสอนปกติ เป็นระดับสูงสุดที่คาดหวังในการทำ e – learning โดย ผู้เรียนสามารถเรียน ทำแบบฝึกหัด และทดสอบตนเองได้ในระบบไออนไลน์โดยไม่ต้องเข้าช้ัน เรียน อย่างไรก็ตาม ในการประเมินผลออนไลน์ ยังต้องอาศัยความซื่อสัตย์ของผู้เรียน จึงยังคง นำมาใช้ได้ยาก ขอ้ สอบอาจอยู่ในกระดาษ หรอื อยใู่ นคอมพิวเตอรก์ ็ได้ บทบาทผู้สอนและผ้เู รียนใน e – learning บทบาทของผู้สอนใน e – learning จะเปลี่ยนไปเป็นผู้ให้คำแนะนำ (Guide) เป็นผู้ฝึก (Coach) เป็น ผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และเป็นพี่เลี้ยง (Mentor) ต่อกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ในขณะที่ บทบาทของผเู้ รยี นจะเปล่ียนแปลงจากการเป็นผู้รับมาเป็นผู้สำรวจสารสนเทศ ผู้คดิ ผู้ลงมือปฏิบัติ ในลักษณะ เรียนรู้รว่ มกนั กบั ผูเ้ รียนคนอืน่ อย่างมปี ฏสิ ัมพันธต์ อ่ กัน ประโยชนข์ องการเรยี นรูแ้ บบออนไลน์ (E-Learning) 1. เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการเรยี นการสอน 2. สนบั สนุนการเรยี นการสอน 3. เกดิ เครอื ขา่ ยความรู้ 4. เน้นการเรยี นแบบผูเ้ รียนเปน็ ศูนยก์ ลาง ตรงตามหัวใจของการปฏิรปู การศกึ ษา 5. ลดชอ่ งว่างการเรียนรู้ระหว่างเมืองและทอ้ งถน่ิ ดังนั้นรูปแบบการเรียนรู้แบบออนไลน์ (E-Learning) จึงมีความยึดหยุ่นสูง ผู้เรียนจะต้องมีความ รับผิดชอบ มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากกว่าปกติ มีความตั้งใจใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ ตรงกับระบบการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยมีผู้สอนเป็นเพียงผู้แนะนำ ที่ปรึกษา และแนะนำแหล่งควา มรู้ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียน ผู้เรียนสามารถทราบผลย้อนกลับของการเรียน รู้ความก้าวหน้าได้จาก E-Mail การ ประเมินผลควรแบ่งเป็น การประเมนิ ยอ่ ย โดยใชเ้ วบ็ ไซตเ์ ปน็ ทส่ี อบ และการประเมินผลรวม ที่ใชก้ ารสอบแบบ ปกติในหอ้ งเรียน เพอ่ื เป็นการยืนยันว่าผู้เรยี นเรยี นจริงและทำขอ้ สอบจรงิ ไดห้ รือไม่ อย่างไร
9 ประโยชน์ของ e-Learning - ยดื หยนุ่ ในการปรบั เปล่ยี นเนื้อหา และ สะดวกในการเรียน การเรยี นการสอนผ่านระบบ e-Learning นั้นง่ายต่อการแก้ไขเนื้อหา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะสามารถกระทำได้ตามใจของผู้สอน เน่ืองจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพวิ เตอร์เปน็ องค์ประกอบหลัก นอกจากนผ้ี เู้ รียนก็สามารถเรยี นโดย ไม่จำกดั เวลา และสถานท่ี – เข้าถึงได้ง่าย ผู้เรียน และผู้สอนสามารถเข้าถึง e-learning ได้ง่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรียน อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดท่ี เหมาะกับสื่อการเรียนการสอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และใน ปัจจุบันนี้ การเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกระทำได้ง่ายขึ้นมาก และยังมีค่าเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มี ราคาต่ำลงมากวา่ แตก่ อ่ นอีกดว้ ย – ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยกระทำได้ง่าย เนื่องจากผู้สอน หรือผู้สร้างสรรค์งาน e-Learning จะ สามารถเข้าถึง server ได้จากที่ใดก็ได้ การแก้ไขข้อมูล และการปรับปรุงข้อมูล จึงทำได้ทันเวลาด้วย ความรวดเรว็ – ประหยัดเวลา และค่าเดินทาง ผู้เรียนสามารถเรียนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ โดย จำเป็นต้องไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องใชเ้ ครือ่ งคอมพิวเตอร์เครื่องประจำก็ได้ ซึ่ง เปน็ การประหยัดเวลามาก การเรียน การสอน หรอื การฝึกอบรมด้วยระบบ e-Learning นี้ จะสามารถ ประหยดั เวลาถึง 50% ของเวลาท่ีใช้ครูสอน หรืออบรมการเรยี นการสอนผา่ นเว็บ เป็นการใช้เว็บเพ่ือ การเรยี นการสอนเปน็ การนำเอาคณุ สมบัตขิ องอินเทอรเ์ นต็ มา 2.2 เอกสารทเ่ี กี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology: IT) หรือเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technologies: ICTs) คือ เทคโนโลยีสองด้านหลักๆ ประกอบด้วย เทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมที่ผนวกเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในกระบวนการ จัดหา จัดเก็บ สรา้ ง และเผยแพรส่ ารสนเทศในรูปต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็นเสยี ง ภาพ ภาพเคลอ่ื นไหว ข้อความหรือ ตวั อักษร และตัวเลข เพอื่ เพิม่ ประสทิ ธิภาพ ความถกู ต้อง ความแม่นยำ และความรวดเร็วให้ทนั ต่อการนำไปใช้ ประโยชน์ ความรบั ผดิ ชอบตอการใชงานเทคโนโลยสี ารสนเทศ 1. ความรับผิดชอบต่อตนเองเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนสิ่งที่ควรกระทำเพื่อไม่ให้เกิดความ ขัดแย้งหรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เช่น ไม่พยายามใช้งานบัญชีของผู้อื่นไม่ติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ผิด กฎหมาย
10 2. ความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่นเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนการให้ความเคารพต่อสิทธิของแต่ ละคนเปรียบได้กับมารยาททางสังคมท่ีพึงกระทำ เช่น ไม่คัดลอกผลงานผูอ้ ื่นมาแอบอ้างเป็นของ ตนเอง ไม่ข่มขู่หลอกลวง ทำสงิ่ ใด ๆใหผ้ ูอ้ ่ืนเดือดรอ้ น 3. ความรับผิดชอบต่อสังคมเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเปนความรับผิดชอบที่ทุกคนพึงมีและต้อง ปฏิบัติทั้งในระดับบุคคลและองค์กร เช่นไม่นำข้อมูลภายในองค์กรไปเผยแพร่ คัดลอก หรือ ดดั แปลงแกไ้ ขโดยไม่ได้รบั อนญุ าต เคารพกฎระเบยี บสว่ นรวม โทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มักจะเกิดขึ้นจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจซ่ึงมักจะขาดสติความ ยั้งคิดต่อการรับรู้ข่าวสารหรือเกิดจากการหลงเชื่อสิ่งที่มีการโฆษณาหลอกลวงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่มี ผลกระทบต่อผู้คนหรือตัวผู้ใช้ได้โดยส่วนใหญ่สาเหตุที่เกิดขึ้นมักจะเกิดจากตัวผู้รับข่าวสารขาดความรู้ความ เข้าใจ หรือเกิดความคึกคะนองรวมถงึ ต้องการใหเ้ ปน็ ทีส่ นใจของสังคม 1. ปญหาการติดเกมจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ เปน็ ปญั หาทเี่ กดิ ข้นึ มานานและยังเป็นปัญหาที่ เกิดขึ้นในวัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ และยังก่อให้เกิดปัญหาสังคมบ่อยครั้ง เช่น การซื้อของในเกม การเลน่ เกมเป็นเวลานานจนเสียชีวติ การควบคมุ อารมณ์ไม่ได้ การทำลายทรัพย์สินของผู้อ่ืนหรือ ของตนเอง 2. ปญหาการละเมดิ ลิขสทิ ธจ์ิ ากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ เกิดขึน้ บ่อยครง้ั ซ่ึงเกดิ จากผู้ท่ีต้ังใจและ ไม่ตั้งใจจนนำมาซึ่งปัญหาการเรียกร้องค่าเสียหายต่อผู้ที่กระทำผิด เช่น การดาวน์โหลดหรือ คัดลอกข้อความ ภาพ ผลงาน และอื่น ๆโดยไม่ได้รับการอนุญาตใหเ้ ผยแพร่หรือครอบครองก่อน ได้รับอนุญาตจากเจา้ ของลิขสิทธ์ิ 3. ปญั หาสังคมเสื่อมจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศการใชเทคโนโลยีในทางทผี่ ิดกาํ ลงั เปนปญหาใน สังคมไทยจากการเผยแพร หรือแสดงพฤติกรรมเลียนแบบที่ไม เหมาะสมซึ่งป จจุบันเด็กเล็กก็ สามารถเขาไปรับชมรับฟงไดงายทําใหเด็กเกิดอยากรูอยากลองเปนการกระทําที่เปนพฤติกรรม เลียนแบบกอใหเกิดปญหาอาชญากรรมจากการใช เทคโนโลยีมากขึ้นในวัยเด็กเพราะเด็กยังไม มี วิจารณญาณในการคิดวิเคราะหสิ่งที่เห็นหรือรับฟงซึ่งเปนปญหาใหญที่ทําใหสังคมเสื่อมจากการ ใชเทคโนโลยี ดังน้ัน ตองรีบแกไขโดยการปลกู ฝงการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศในทางทถ่ี ูกตอง 4. ปญหาอาชญากรรมทางขอมูลจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศเปนปญหาที่มีผลกระทบรุนแรง เพราะเปนการนําขอมูลสวนบุคคลหรือองคกร มาดัดแปลง แกไข ปลอมแปลงหรือทําการขโมย โดยใชเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื ใหไดขอมูลมาทําใหเกิดการสญู เสียทรัพยสนิ ตอผูที่ถกู กระทํา เชน ขอมูลทางการเงิน ขอมูลบัตรเครดิตขอมูลบัตรประจําตัวประชาชนหนังสือเดินทาง (Passport) การบิดเบือนขาวสาร จากความเปนจรงิ (หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน, 2551)
11 ภัยคุกคามจากเทคโนโลยสี ารสนเทศ (Threats of Information technology) โลกไซเบอร์ทกุ วนั นก้ี ้าวหนา้ อยา่ งรวดเรว็ จนแทบตามไมท่ ันขณะเดียวกนั บรรดา มจิ ฉาชพี กฉ็ วยโอกาส เกาะขบวนรถไฟสายเทคโนโลยีขบวนนี้ด้วย โดยอาศัยช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการ บวกกับความ รู้เท่าไม่ถึงการณ์และการละเลยในการศึกษาข้อแนะนำต่าง ๆ ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งเปิด ประตูต้อนรับโจรไซเบอร์เข้าโดยไม่รู้ตัว และด้วยหน้าที่การงานทุกวันนี้เราต่างก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ใช้คอมพิวเตอร์” ปัจจุบันเทคโนโลยีไดเ้ ป็นที่สนใจของคนทุกมมุ โลกทุกสาขา เทคโนโลยีจึงเป็นทีแ่ พรห่ ลาย และนำมาใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน การเรียนการศึกษาในสมัยนี้จึงมีหลักสูตรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี เข้าไปด้วย เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญคือ เพราะปัจจุบันนี้อุปกรณ์หลายชนิดก็ต้อง พ่งึ พาเทคโนโลยสี ารสนเทศ ไม่วา่ จะเปน็ คอมพวิ เตอร์ โทรศพท์ มอื ถอื PDA GPS ดาวเทยี ม และไมน่ านมาน้ีมี การออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ เป็นการบ่งบอกว่าสังคมให้ ความสำคัญแก่คอมพิวเตอร์ จึง ได้มีการออกพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผดิ เกีย่ วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2550 กฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่กำหนดฐานความผิดและบทลงโทษสำหรับการกระทำความผิดทาง คอมพิวเตอร์ใน รูปแบบใหม่ ซึ่งกฎหมายทผี่ ่านมายังไม่สามารถรองรับหรือครอบคลุมถึง เชน่ การกระทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถทำตามคำสั่งที่กำหนดไว้หรือทำให้การทำ งานผิดพลาดไปจากคำสัง่ ที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เขา้ ลว่ งร้ขู อ้ มลู แกไ้ ข หรือทำลายข้อมลู ของบคุ คลอ่ืนในระบบคอมพวิ เตอรโ์ ดยมิชอบฯลฯ ดังนั้น “ เทคโนโลยี ” หรือ อาซฺโม่ประยุกต์วิทยา หรือ เทคนิควิทยา มีความหมายค่อนข้างกว้าง โดยทั่วไปหมายถึง การนำความรู้ทางธรรมชาติวิทยา และต่อเนื่องมาถึง มาเป็นวิธีการปฏิบัติและประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ อันก่อให้เกิดวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร แม้กระทั่งองค์ ความรู้ เชน่ ระบบหรอื กระบวนการต่าง ๆ เพ่อื ให้การดำรงชีวิตของมนุษย์งา่ ยและสะดวกยิง่ ขึ้น เทคโนโลยีก่อ เกิดผลกระทบต่อ และในพ้นื ท่ีทม่ี ีเทคโนโลยีเข้าไปเกี่ยวข้องในหลายรูปแบบ เทคโนโลยีไดช้ ว่ ยใหส้ งั คมหลาย ๆ แห่งเกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจมากขึ้นซึ่งรวมทั้งเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ในหลาย ๆ ขั้นตอนของการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีได้ก่อให้ผลผลิตที่ไม่ต้องการ หรือเรียกว่ามลภาวะ เกิดการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและ เป็นการทำลายส่งิ แวดล้อม เทคโนโลยหี ลาย ๆ อย่างที่ถูกนำมาใชม้ ีผลต่อค่านยิ มและวฒั นธรรมของสังคม เม่ือ มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขน้ึ กม็ กั จะถูกต้ังคำถามทางจรยิ ธรรม จากการศึกษาแนวโน้มและทิศทางเทคโนโลยีสารสนเทศและความมั่นคงปลอดภัย สารสนเทศในปี 2010 ว่า ช่องโหว่และภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยช่องโหว่ของ โปรแกรมประยุกต์ (Application Security Vulnerability), ช่องโหว่ของการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ที่ไม่มั่นคงปลอดภัย (Insecure Application Development), การ Hack ข้อมูลผ่าน Wireless, การหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว (Identity theft/ Privacy Information Attack), การตม้ ตุ๋นหลอกหลวงในรปู แบบ Social Engineering และ
12 ช่องโหว่ผ่านการใช้ประโยชน์โดยมิชอบจาก Social Network เช่น hi5, Twitter, Facebook, MySpace, Linked สำหรบั ปี 2010 เทรนดข์ องภัยคุกคามจะมาจากเวบ็ เซอรว์ ิส รวมถงึ ภัยการใช้ Social Network ดงั นนั้ ผู้ใช้งาน Social Network ไม่ควรใสข่ ้อมลู สว่ นตัวมากเกนิ ไป เพราะอาจตกเปน็ เหยื่อของอาชญากรไซเบอรไ์ ด้ ง่ายขึ้น โดยอาชญากรไซเบอร์ใช้หาข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อโดยอาศัยข้อมูลจากเครือข่าย Social Network เป็นหลกั นอกจากนี้ Gartner Inc. ไดว้ เิ คราะห์เทรนดข์ องเทคโนโลยีท่ีมีความสำคัญในปี 2010 ได้แก่ 1) Cloud Computing ซึ่งเป็นแนวคิดด้านบริการโดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานไอทีท่ี ทำงาน เชื่อมโยงกัน ซึ่งมีข้อดีคือ ลดความซับซ้อนยุ่งยาก อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่าย สามารถรองรบั ความตอ้ งการทห่ี ลากหลายกวา่ 2) Advanced Analytics เป็นเครอื่ งมอื ทีจ่ ะจำลองและวิเคราะห์ Business Process และขอ้ มูลใน องคก์ รให้มีประสิทธภิ าพและเหมาะสมมากทส่ี ดุ 3) Client Computing Virtualization จะถูกนำมาใช้ในเครื่อง Client ทำให้การเลือกใช้ OS ตา่ ง ๆ มีความสำคัญน้อยลง และจะทำให้การบรหิ ารจดั การ Client ทำได้ง่ายขนึ้ 4) IT for Green เป็นการนำไอทีเข้ามาใช้เพื่อลดสภาวะโลกร้อน และยังสามารถใช้สร้างเครื่องมือ วิเคราะห์วธิ ีท่ีองค์กรจะใชพ้ ลังงานให้ต่ำสุดได้ 5) Reshaping the Data Center เป็นการจัดทำ Data Center ในยุคใหม่ จะมีการออกแบบที่ใช้ พ้ืนท่นี ้อยลง และลดค่าใช้จา่ ย 6) Social Computing ปัจจุบันสังคมการทำงานเริ่มเปลี่ยนไป องค์กรต่าง ๆ จะต้องมีการเชื่อมต่อ กับชุมชนมากขึ้น ดงั น้นั จะมกี ารนำ Social Network เขา้ มาใชใ้ นองคก์ รมากข้ึน 7) Security-Activity Monitoring ระบบความปลอดภัยด้านไอทีเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกำลังพัฒนา ไปส่คู วามสามารถในการตรวจสอบกิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีผู้ใชก้ ำลังทำอยู่ รวมถงึ เร่ืองของการระบตุ ัวตน 9) Virtualization for Availability สามารถที่จะใช้ Virtualization สำหรับการทำ High Availability ของเซิรฟ์ เวอร์ได้ 10) Mobile Applications ในปี 2010 ทั่วโลกจะมีโทรศัพท์มือถือถึง 1.2 พันล้านเครื่อง ซึ่งจะทำ ให้ Application บนโทรศพั ท์มอื ถอื มีความสำคัญมากข้ึน ไมว่ า่ จะเปน็ บน BlackBerry, IPhone ดังนน้ั ผใู้ ช้เทคโนโลยที ั้งหลายจะต้องระวังภัยที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยี เปน็ ภัยทต่ี อ้ งใช้เครื่องมือทาง สังคมในการสอดส่อง และกำกับการใช้งาน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงให้ ความสำคัญกับการจัดการเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากเป็นภัยอันตรายต่อความคิดและ พฤติกรรมของการบริโภคสื่อ ซึ่งจะมีแนวทางร่วมกันเฝ้าระวังภัยทางเทคโนโลยีอย่างไร ติดตามจากรายงาน ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Security Operation Center เรียกสั้น ๆ ว่า ศนู ย์ ISOC จัดต้งั ขึ้น โดยความดูแลของกระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร และหน่วยงานด้าน ความมั่นคงของประเทศ ประกอบด้วย กรมยุทธการทหารบก กรมการทหารสื่อสาร ศูนย์รักษาความมั่นคง
13 ภายใน กองทพั ไทย สำนกั ข่าวกรองแหง่ ชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองบัญชาการสอบสวนกลาง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังและ ตอบโต้การกระทำทุกรปู แบบที่มีผลกระทบต่อความมั่น คง วัฒนธรรม ศีลธรรม การพนัน และสิ่งผิดกฎหมาย ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 2.3 ขั้นตอนการพฒั นาบทเรยี นอีเลริ น์ น่ิง 1. การเตรียมความพร้อม ได้แก่ ผู้จัดเตรียมความพร้อม เพื่อเตรียมแหล่งข้อมูลสำหรับนำไปสู่ โครงงาน และการเตรยี มแผนการสอน 2. การเลือกและกำหนดหวั ขอ้ ได้แก่ กลุ่มผู้จดั ร่วมกนั กำหนดหวั ข้อท่ีจะทำเปน็ โครงงาน ศกึ ษาความ เป็นไปได้ของแต่ละหัวข้อ เสนอผู้สอนให้ความเห็นชอบให้ทำโครงงาน ขั้นตอนนี้เน้นผู้เรียนเป็น สำคญั และเหน็ ชอบในหวั ข้อโครงงาน 3. การวางแผนโครงงาน โดยเขียนเค้าโครงของโครงงาน ซึ่งเป็นการวางแผนเพื่อให้การดําเนินการ เป็นไปอยา่ งรัดกมุ และรอบคอบ 4. การเขียนเค้าโครงของโครงงาน ได้แก่ ผู้จัดศึกษาขอบเขตของโครงงานแหล่งข้อมูล ตลอดจน ค้นหาแหล่งข้อมูล แลว้ รว่ มกันวางแผนการจดั ทำโครงงาน โดยระบกุ จิ กรรมในแต่ละข้นั ตอน และ บทบาทหน้าท่ภี าระงานของสมาชกิ แต่ละคน ตลอดจนระยะเวลาในการดำเนินงานโครงงาน กรณี โครงงานในรายวิชาโครงงาน (Project) การเขียนเค้าโครงใช้รูปแบบสมบูรณ์คล้ายการทำ วิทยานิพนธ์ ส่วนกรณีเป็นโครงงานในรายวิชาทั่วไป อาจเขียนเค้าโครงให้เห็นแผนการปฏิบัติแต่ ละกิจกรรม 5. การปฏิบัติงานโครงงาน เป็นขั้นตอนที่สมาชิกในกลุ่มร่วมกันดำเนินงานตามแผนด้วยการบูรณา การความรู้ ทกั ษะ แลกเปล่ยี นประสบการณ์ และคน้ หาความรู้ใหม่ โดยมผี สู้ อนเปน็ ผ้ใู หค้ ำปรึกษา และร่วมแกป้ ญั หาไปพร้อมกบั ผูเ้ รียน โดยผูเ้ รยี นจะเป็นศนู ยก์ ลางการเรียนรู้ 6. การเขียนรายงาน เป็นการเขียนรายงานสรุปผลการดําเนินงานโครงงานให้กลุ่มอื่นได้เข้าใจถึง แนวคดิ วธิ กี ารดําเนินงาน ผลทีไ่ ด้ ตลอดจนข้อสรปุ และข้อเสนอแนะตา่ ง ๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น 7. การประเมินโครงงานควรเป็นการประเมินตามสภาพจริง เพื่อค้นหาความสามารถและ ความก้าวหนา้ ในการเรียนร้ทู แ่ี ทจ้ ริงของผเู้ รยี น 8. การนำเสนอผลงาน เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนสรุปผลของโครงงานและเขียนรายงานโครงงาน และ จะต้องนำเสนอผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียน หรือผู้เรียนกับผู้สอน เป็นขั้นตอน สำคัญที่ผู้จัดแสดงออกถึงความสามารถในการทำโครงงาน และผู้สอนจะให้ข้อเสนอแนะ หรือให้ ปรับปรุงโครงงาน โดยให้แก้ไขให้สมบูรณ์ เพื่อนำผลงานไปสู่ขั้นการประเมินผลต่อไป (Bas Julalak, 2559)
14 2.4 ซอฟต์แวรแ์ ละเว็บไซต์ เวบ็ ไซต์อีเลิร์นน่งิ SMP-YRU eLearning การจัดการเรียนร้ใู นปัจจบุ ัน ปรับรูปแบบ (Platform) ให้อยู่ บนระบบออนไลน์ เพื่อสะดวกในการเข้าถึงเนื้อหา การขยายจำนวนผู้เรียน และตอบสนองการเรียนรู้เป็น รายบุคคล ระบบอีเลิร์นนิ่ง เป็นระบบหนึ่งที่สามารถจัดการการเรียนการสอนในรูปแบบห้องเรียนเสมือน สามารถบริหารจัดการหลกั สตู ร รายวิชา เนือ้ หา ส่ือการเรียนรู้ การทำกิจกรรมการเรียนรู้ การประเมนิ ผล และ การติดตามพฤติกรรมของผู้เรียน โดยบริหารจัดการด้วยซอฟต์แวร์ LMS (Learning Management System: LMS) ระบบ SMP-YRU e learning เลือกใช้ระบบ Moodle LMS ระบบเปิด (Open Source) ที่นิยมใช้ อย่างแพร่หลาย ไม่มีค่าใช้จ่ายในการนำมาประยุกต์ใช้ ปรับองค์ประกอบและรูปแบบให้สอดคล้องกับบริบท ของที่ตรงตามความต้องการไดส้ ะดวก 2.5 เน้อื หาอน่ื ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง Moodle LMS 1. แนะนำระบบ Moodle LMS ปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ได้มีการพัฒนาไปอย่าง รวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อ เครื่องคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ ให้เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั่วโลก อินเทอร์เน็ตจะมีบริการรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถ เอื้อประโยชน์ในการให้บริการสื่อสารข้อมูล เช่นการเข้าถงึ ข้อมูลระยะไกล การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล ฃจดหมาย
15 อิเล็กทรอนิกส์ การนำเอารูปแบบของบริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาใช้สนับสนุนในการเรียนการสอนใน ลักษณะเรียนผ่านเว็บเป็นการใช้คุณสมบัติต่าง ๆ ของอินเทอร์เน็ตมาออกแบบและพัฒนาเป็นสื่อในการเรียน การสอนในลักษณะทผ่ี ู้เรียนสามารถมปี ฏิสัมพนั ธก์ ับเน้ือหาบทเรยี นและผู้สอนเหมือนอยู่กบั ในห้องเรียนจริงใน รูปแบบของห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) โดยสามารถที่จะศึกษาเนื้อหา อภิปรายกลุ่มสัมมนา ซักถาม และตอบปัญหาการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงระหว่างคอมพิวเตอร์ของผู้เรียน (Client) กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการ(Server) ที่มีแหล่งข้อมูลด้านการศึกษาหรือฐานความรู้ (Knowledge-based) เพ่ือการมปี ฏิสัมพันธ์กนั ระหว่างผู้เรียนกับผเู้ รียนหรือผเู้ รียนกับผ้สู อน มีการนำเสนอสื่อ ในลกั ษณะของส่ือประสมท้งั ข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสยี ง กิจกรรมตา่ ง ๆ เช่น การสนทนาผ่าน ห้องสนทนา การตั้ง กระทู้ ถาม-ตอบ บนกระดานข่าว หรือการสง่ -การบ้าน E-Learning เป็นการจัดการเรยี น การสอน ในรูปแบบเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยใช้ร่วมกับเนื้อหาที่เป็น สื่อ-ประสม ร่วมกับระบบ จัดการเรียนการสอน (LMS) ซึ่งผู้เรียนและผู้สอนใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกันโดยมีส่วนประกอบที่ สำคัญ ได้แก่ส่วนจัดการระบบ ส่วนของเนื้อหา การนำส่งเนื้อหาหรือการจัดการเรียน เครื่องมือช่วยจัดการ เรียน การปฏิสัมพันธ์ และกระบวนการในการเรียน ทำให้ไม่มีขีดจำกัดทางการเรียนใน ระยะทาง เวลา และ สถานที่ทำให้ตอบสนองต่อความสนใจและความสามารถของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี Open Source Software: OSS ซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส เป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้น ด้วยเงื่อนไขที่ผู้พัฒนาให้สิทธิบุคคลอื่นได้ นำไปใช้หรือนำเอาซอฟต์แวร์นั้น ๆ ไปพัฒนาได้ต่อไป พร้อมกับเปิดเผยหลักการหรือแหล่งที่มาในการพัฒนา ซอฟต์แวร์ต้นฉบับ (Source code) นั้น ให้แก่บุคคลภายนอกตามเงื่อนไขบางประการเพื่อให้ศึกษาใช้งาน แก้ไขเผยแพร่ และนำไปพัฒนาตอ่ ไดต้ ามข้อตกลงทางกฎหมาย เชน่ GPL (General Public License)งานวจิ ยั ท่ีเก่ยี วข้อง Learning Management System: LMS เป็นระบบจัดการการเรียนการสอนที่มีหน้าที่ในการบริหารจัดการข้อมูลของผู้เรียนผู้สอนโครงสร้าง เนื้อหา หลักสูตร และข้อสอบ รวมทั้งการติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลผู้เรียน ตลอดจนจัดการ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน ผู้สอนสามารถสร้างรายวิชาโดยบรรจุเนื้อหา สร้างแบบทดสอบ สื่อการ สอน จัดการสภาพแวดล้อมทางการเรียน และจัดเก็บบันทึกข้อมูลการเรียนของผู้เรียนด้วยตนเองเพื่อที่ผู้สอน จะสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อติดตามและประเมินผลการเรียนการสอนในรายวิชานั้นได้ผู้เรยี นสามารถศึกษา เนอ้ื หา และทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามทผ่ี ้สู อนสร้างไว้นอกจากน้นั ผู้สอนและผ้เู รียนยังสามารถตดิ ต่อสือ่ สารกันได้ ผ่านทางเครื่องมือสื่อสารที่ระบบจัดไว้ให้เช่น News E-mail Chat และ Webboard เป็นต้น Moodle Moodle ม า จ า ก ค ำ ว ่ า Modular Object Oriented Dynamic Learning Environment เ ป ็ น course
16 management system (CMS) หรือระบบจัดการเรียนการสอน (LMS) แบบ Open Source Software ท่ี พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระบบการเรียนแบบออนไลน์ให้มีบรรยากาศเหมือน เรียนในห้องเรียนจริงที่ผู้สอนกับผู้เรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันได้ผู้พัฒนา Moodle คือ Dr.Martin Dougiamas ชาวออสเตเลีย ปัจจุบัน Moodle ได้มีผู้นำไปใช้งานทั่วโลกกว่า 75 ภาษา ใน 193 ประเทศ โดย เว็บไซต์หลักคือ http://moodle.org การใช้งานระบบ SU e-Learning 3 Moodle เป็นซอฟต์แวร์สำหรับใช้ ในการจัดการรายวิชาผ่านเว็บโดยกำหนดให้มีระบบการจัดการเว็บไซต์ซึ่งรองรับทั้งผู้ดูแลระบบผู้สอนและ ผู้เรียนมีเครื่องมือที่ช่วยในการจัดแหล่งความรู้กิจกรรมและสภาพแวดล้อมทางการเรียนการสอนผ่านเว็บให้ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพระบบนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีพื้นฐานมาจาก Open Source Software ได้แก่ php และ mysql 2.6 งานวิจยั ทเี่ ก่ียวข้อง สามมติ ิ สขุ บรรจง. (2554) . การพัฒนาบทเรยี นอเี ลริ น์ นิ่ง เรอื่ ง การแสดงและสือ่ พิพัฒน์ศักดิ์ ไชยวงษ์. (2562) . การพัฒนาบทเรียนอีเลิร์นนิ่ง (E-Learning) รายวิชาเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่อื สาร สำหรับนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรียนยางตลาดวทิ ยาคาร ธนเดช ศักดิ์สุวรรณและบัญชา สำรวยรื่น. (2559) . การพัฒนาบทเรียน e-Learning กลุ่มสาระการ เรียนร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี เรือ่ ง คอมพวิ เตอรใ์ นชวี ิตประจำวนั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1
17 บทที่ 3 วธิ ดี ำเนินการศึกษา การพฒั นาบทเรยี นในระบบ Science Mathematics Program : SMP หรือเรียกว่าเป็นการเรยี นผ่าน ระบบ e-Learning นนั่ เองซ่งึ เปน็ การเรยี นการสอนทางไกลที่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกสผ์ า่ นทาง World Wide Web ซึ่ง ผู้เรียนและผู้สอนใชเ้ ป็นช่องทางในการตดิ ต่อส่ือสารระหว่างกัน ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งขอ้ มูลมากมาย ที่มีอยู่ทั่วโลกอย่างไร้ขอบเขตจำกัด ทำให้ระบบการเรียนการสอนเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นระบบปิดมาเป็น ระบบเปิด ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากแหล่งวิชาที่มีการเชื่อมโยงอยู่ในเว็บ โดยไม่มีอุปสรรคทางด้าน ภูมิศาสตร์ ระยะทาง และเวลา การเรียนในลักษณะนี้ช่วยทำให้ผู้สอนและผู้เรียนเป็นอิสระจากปัญหาการจัด ตารางเรียนตารางสอน เพราะผู้เรียนสามารถเข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้ตามความสะดวกตามต้องการ ผู้เรียนเป็นผู้ควบคุมการเรียนด้วยตนเอง ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่เป็นไปตามพัฒนาการของตนเอง ช่วยในการ ปรับเปลี่ยนบทบาทของผู้สอนจากผู้บอกและถ่ายทอดมาเป็นผู้ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา และอำนวยความ สะดวก ในขณะท่ีผู้เรียนมีบทบาทเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าและสำรวจข้อมูลในลักษณะการเรียนรู้ร่วมกันและมี ปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเองมิใช่เป็นแต่เพียงผู้รอรับ เพื่อให้เป็นทางเลือกและเป็นส่วน เสริมในการเรยี นท่ีดีน้นั จะต้องทการศึกษาข้อมูลจากหลาย ๆ ดา้ น ซงึ่ จะทำให้สามารถพฒั นาบทเรียนในระบบ ไดเ้ หมาะสมและตรงกบั ความตอ้ งการของผสู้ อนและผเู้ รียนมากทส่ี ุด ส่ิงสำคัญในหลายประการที่ขาดไม่ได้ เช่น การเลือกใช้วธิ ีการจัดการเรียนการสอน การเลอื กใชซ้ อฟตแ์ วร์ทีเ่ ปน็ เคร่ืองมือสำหรับการเรยี นการสอน รวมถึง การออกแบบบทเรียนในระบบ ซึ่งเป็นระบบ Science Mathematics Program : SMP ที่สามารถจัดทำ แบบฝึกหัดและบททดสอบมีระบบบันทึกข้อมูลการเข้าใช้งานระบบ สามารถบันทึกผลการทำแบบฝึกหัด แบบทดสอบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอนสามารถติดตามพฤติกรรมและพัฒนาการเรียนของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่าง ต่อเนอ่ื ง การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน ปรับรูปแบบ (Platform) ให้อยู่บนระบบออนไลน์ เพื่อสะดวกในการ เขา้ ถงึ เนอ้ื หา การขยายจำนวนผูเ้ รยี น และตอบสนองการเรียนรเู้ ป็นรายบุคคล ระบบอีเลริ ์นนง่ิ เป็นระบบหนึ่ง ท่สี ามารถจัดการการเรยี นการสอนในรูปแบบหอ้ งเรียนเสมือน สามารถบรหิ ารจดั การหลักสูตร รายวิชา เน้ือหา สื่อการเรียนรู้ การทำกิจกรรมการเรียนรู้ การประเมินผล และการติดตามพฤติกรรมของผู้เรียน โดยบริหาร จดั การด้วยซอฟตแ์ วร์ LMS (Learning Management System: LMS) ระบบ SMP-YRU e - learning เลือกใช้ระบบ Moodle LMS ระบบเปิด (Open Source) ที่นิยมใช้ อย่างแพร่หลาย ไม่มีค่าใช้จ่ายในการนำมาประยุกต์ใช้ ปรับองค์ประกอบและรูปแบบให้สอดคล้องกับบริบท ของท่ีตรงตามความตอ้ งการไดส้ ะดวก โดยผู้สอนจะเปน็ ผ้จู ดั เตรยี มเนือ้ หาของแต่ละบทเรียน แบบฝึกหัดและแบบทดสอบ สือ่ การเรียนรู้ท่ีจะ ใชส้ ำหรับการสอนให้แกผ่ เู้ รยี นและนำเข้าสรู่ ะบบเพื่อให้ผเู้ รยี นสามารถเรยี นรูบ้ ทเรยี น ทบทวนบทเรียนและทำ
18 แบบทดสอบเพื่อที่จะทดสอบความรู้ ความเข้าใจของตนเองในเบื้องต้นได้ว่ามีความเข้าใจในเนื้อหามากน้อย เพียงใด ซ่งึ การทำโครงงานครั้งนี้มขี ั้นตอนการศึกษา ไดแ้ ก่ การศกึ ษาซอฟต์แวร์ การตดิ ตั้งและทดลองใช้ การ ออกแบบและพัฒนา การวางแผน การนำไปใช้ และการประเมินผล 1. การศกึ ษาซอฟต์แวร์ ในการเลือก Software มาใช้งานในระบบ Science Mathematics Program : SMP นั้นผู้จัดทำ โครงการไดเ้ ลอื กใช้ระบบ Moodle LMS เพราะเปน็ ระบบเปิด (Open Source) ท่ีนยิ มใช้อย่างแพรห่ ลาย ไม่มี ค่าใช้จ่ายในการนำมาประยุกต์ใช้ ปรับองค์ประกอบและรูปแบบให้สอดคล้องกับบริบทของที่ตรงตามความ ต้องการได้สะดวกและตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด Moodle เป็นซอฟต์แวร์สำหรับใช้ในการจัดการ รายวิชาผ่านเว็บ โดยกำหนดสิทธ์ิแบ่งเปน็ 3 ส่วน คือ ผู้ดูแลระบบ ผู้สอน และผู้เรียน มีเครื่องมือท่ีชว่ ยในการ จัดแหล่งความรู้กิจกรรม และสภาพแวดล้อม ทางการเรียนการสอนผ่านเว็บให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนไ้ี ด้ถกู พัฒนาขนึ้ โดยมพี ้นื ฐาน มาจาก Open Source Software ได้แก่ PHP และ MySQL นอกจากนั้น แลว้ ยังสามารถทำงานผ่าน เครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต โดยใช้ CGI Script รว่ มกบั Database และนอกจากนั้นแล้ว Moodle แบ่ง ฟังก์ชั่นการทำงาน คือ ระบบการจัดการเนื้อหา ระบบบริหารจัดการรายวิชา ระบบการ ติดต่อสื่อสาร ระบบจัดการการทดสอบ 2. การติดตั้งและทดลองใช้ ในขน้ั นี้ทาง อ.ดร.ศิริชยั นามบรุ ี และคณะ ไดท้ ำการพฒั นาและติดตั้งระบบไวอ้ ย่างสมบรู ณ์แล้ว ซ่งึ ใน การติดตั้งระบบ Moodle ก็อาจมีแนวทางในการติดตั้งอยู่ด้วยกันหลายวิธี เช่น สามารถเลือก ติดตั้งได้ตาม ความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งในการติดตั้งในครั้งนี้ผู้จัดทำสารนิพนธ์จะใช้วิธีการติดตั้งขึ้นบน Web Hosting จริงสำหรบั การใช้งาน โดยตดิ ตัง้ ผ่าน Control panel ช่อื DirectAdmin 3. การออกแบบและพัฒนา 3.1 ออกแบบ การออกแบบการเรียนการสอนในระบบ e-Learning โดยการนำตัวบทเรียนที่ผ่านการออกแบบเป็นการ เรียนอเี ลิรน์ นง่ิ และการออกแบบหนา้ จอภาพ (screen design) การจัดพ้นื ทแี่ ละองค์ประกอบของจอภาพเพ่ือ ใช้ในการนำเสนอเนื้อหา ภาพ กราฟิก เสียง สี ตัวอักษร และส่วนประกอบอื่น ๆ ให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ ของผู้เรียน
19 3.2 พฒั นา ขั้นพัฒนาเป็นขั้นตอนของการลงมือปฏิบัติการสร้างบทเรียนตามผลการออกแบบ จากขั้นตอนออกแบบ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยผู้มีความเชี่ยวชาญหลายด้าน เช่น นักออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก นัก คอมพิวเตอรผ์ ดู้ แู ลและจดั การระบบการจดั การเรียนการสอน Science Mathematics Program : SMP 3.3 นำไปใช้ การนำเสนอบทเรียนผ่านระบบ Science Mathematics Program : SMP หรือการเรียนผ่านระบบe- Learning โดยเลือกใช้ระบบ Moodle LMS ระบบเปิด (Open Source) ที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย ไม่มี ค่าใช้จ่ายในการนำมาประยุกต์ใช้ การนำเสนอการเรียนผ่านระบบบริหารจัดการเรียนการสอนเผยแพร่บน ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ (network) และสูก่ ารนำไปจดั การเรียนการสอนจริง 4. การวางแผนการดำเนนิ งาน การวางแผนการดำเนนิ งานมขี ้นั ตอน ดงั น้ี 4.1 ข้นั เตรยี มการ ผ้จู ัดทำโครงงานศกึ ษารายละเอียดเกย่ี วกับรูปแบบการจัดการเรยี นรู้ โดยใชร้ ะบบSMP YRU หรือเรียกว่า การเรียนผ่านระบบ e-learning แล้วศึกษา กำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือนักเรียนที่จะทำการ สอนโดยเลือกรายวิชารายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั เพ่อื นํามาปรบั ใชก้ บั กลมุ่ ตัวอยา่ ง 4.2 ขั้นทดลอง จากที่ได้วางแผนไว้กลุ่มอาจจะทดลองกับเพื่อน ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างก่อนเพื่อที่จะ สามารถรับรู้และทราบถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้วนำไปดำเนินการแก้ไข ก่อนที่จะนำไปใช้ในการเรี ยนการ สอนจริง 5. การออกแบบเนอ้ื หารายวชิ า การออกแบบเนื้อหารายวิชา เป็นกระบวนการที่จะกำหนดว่าการเรียนการสอนจะดำเนนิ การอย่างไร โดย มีการเขียนวัตถุประสงค์จัดทำลำดับขั้นตอนของการเรียน กำหนดวิธีสอน เลือกเนื้อหาการเรียนการสอนที่ เหมาะสมและกำหนดวิธีการประเมินผลว่าผู้เรยี นบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ที่กำหนดไว้หรอื ไม่ ในการออกแบบเน้ือหา รายวชิ าทจ่ี ะใช้กับการพัฒนาบทเรียนในระบบ Science Mathematics Program : SMP นัน้ ขึ้นอยู่กับผู้สอน เป็นสำคัญเนื่องจากลกั ษณะของรายวชิ ามีความแตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วนั้น ขั้นตอนของการปฏิบตั ิ ในการออกแบบผู้ออกแบบจะใช้วิธีการที่ไม่ต่างกัน กล่าวคือ มีการเขียนผังงาน เพื่อจัดลำดับความสำคัญของ เนื้อหา ออกแบบบทเรียน ภาพ ข้อความ กำหนดกิจกรรมการเรียน และการประเมินผลในส่วนของการ ออกแบบเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนนนั้ จะแบง่ หัวขอ้ ดงั ต่อไปนี้
20 1) เนือ้ หารายวชิ า 2) แบบฝกึ หดั 3) แบบทดสอบ 4) การบา้ น 5) แจ้งปัญหาการใช้งาน 6. พฒั นาเนอื้ หา การพัฒนาเป็นกระบวนการดำเนินการเตรียมการจัดการเรียนการสอน หรือ สร้างแผนการเรียนการสอน เลือกใช้สื่อการเรียนการสอนโดยพิจารณาสื่อที่มีอยู่ว่าเหมาะสมที่จะใช้ ควรปรับปรุงก่อนใช้หรือควรสร้างส่ือ ใหม่ และทำการประเมินผลขณะดำเนนิ การพัฒนาหรอื สร้างเพื่อปรบั ปรุง แกไ้ ขให้ได้ ระบบการเรียนการสอนท่ี มีประสิทธิภาพ พัฒนาแผนการเรียนการสอน พัฒนาสื่อการเรียนการสอน ประเมินผลขณะดำเนินการพัฒนา ขั้นการพัฒนาประกอบด้วยขั้นตอนย่อย เช่น การพัฒนาแผนการเรียนการสอน การพัฒนาสื่อการเรียนการ สอน และการประเมินผลระหว่างดำเนินการพัฒนา การพฒั นาเนื้อหาการเรียนรู้ และการออกแบบบทเรียนให้ เกดิ ความนา่ สนใจนัน้ ควรคำนึงถึงขอ้ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การใชต้ ัวอกั ษรของเนอ้ื หาขอ้ ความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 2. การใช้สี ภาพกราฟิก 3. สีที่ปรากฎในจอภาพและสีของตัวอักษรข้อความไม่ควรใช้สมี ากเกินไป 4. สอื่ ในการนำทาง ควรเลือกใชล้ ักษณะรปู (icon) ท่เี หมาะสม
21 บทที่ 4 ผลการศึกษา ผลการติดต้งั ซอฟตแ์ วร์/ทดลองใช้ หลงั จากออกแบบบทเรยี นในระบบ Science Mathematics Program : SMP ขนึ้ มาแล้วนน้ั ไดม้ กี าร ทดลองโดยให้ผเู้ รียนเขา้ มาใช้งานจริงเพ่ือวดั ประสิทธภิ าพว่าสามารถตอบสนองการใชง้ านในกระบวนการเรียน การสอนได้ มากน้อยเพียงใด โดยระบบ Science Mathematics Program : SMP ที่ถูกนำมาทดลองใช้งาน นั้นมีประสิทธิภาพและใช้งานได้ ดังนี้ สามารถใช้งานผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ มีระบบบันทึก ขอ้ มลู ส่วนตวั มีแหลง่ ดาวนโ์ หลดขอ้ มลู หรอื เนอ้ื หารายวิชา มรี ะบบลอ็ คอินเข้าใช้งาน สามารถสร้างแบบทดสอบ ได้ หลากหลาย สามารถสร้างเน้ือหารปู ภาพ และเสรมิ วดิ โี อต่าง ๆ ไดม้ ากมาย ภาพที่ 4.1 หน้าแรกของระบบ Science Mathematics Program : SMP จากภาพที่ 4.1 อธิบายการทดลองใช้งานผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตการทดลองใช้งานผ่าน ทางระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ คือ โดยการเปดิ บราวเซอรแ์ ละพมิ พ์ ชื่อเว็บ https://smp.yru.ac.th/ จากรปู ที่ 4.1 เม่ือทดลองแล้วพบวา่ ระบบ Science Mathematics Program : SMP ท่ีถกู พัฒนาขนึ้ มานนั้ สามารถใช้ งานผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้จาก https://smp.yru.ac.th/ ผู้เรียนเข้าถึงเนื้อหาการเรียนได้จาก อปุ กรณต์ ่าง ๆ เชน่ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ โทรศัพทม์ อื ถอื ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและสามารถนำไป ประยุกตใ์ ช้กับกระบวนการเรยี นการสอนภายในหอ้ งเรยี นและทบทวนนอกเวลาเรียนได้
22 ภาพที่ 4.2 ทดลองเข้าส่รู ะบบ Science Mathematics Program : SMP จากภาพที่ 4.2 อธบิ ายการทดลองเขา้ สรู่ ะบบ ในสว่ นของการทดลองเขา้ สรู่ ะบบนั้น มีดังน้ี 1. ใหก้ รอกขอ้ มูล username 2. ให้กรอกข้อมลู password 3. คลกิ เขา้ สรู่ ะบบ ภาพที่ 4.3 หนา้ หลักของระบบ Science Mathematics Program : SMP
23 จากภาพท่ี 4.3 อธิบายหน้าจอแรกหน้าหลักของระบบ เมื่อเข้าสู่ระบบ Science Mathematics Program : SMP จะปรากฏหนา้ ตา่ งแสดงรายวชิ าและผูเ้ รยี นสามารถกดเลือกรายวชิ าของตนเอง ภาพที่ 4.4 หน้าเนื้อหาในรายวิชาท่ีผู้เรียนเข้าเรยี น เมื่อเข้าสู่บทเรียนจะแสดงเนื้อหาในบทเรียนผู้เรียนสามารถกดเลือกชื่อเรื่องที่ตนเองจะเรียน ซึ่งใน บทเรยี นรายวชิ าเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ มี 2 เร่ือง ดังนี้ เรอ่ื งที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เรื่องท่ี 2 ภัยคกุ คามจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการปอ้ งกนั
24 เรอื่ งท่ี 1 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ภาพท่ี 4.5 หน้าเน้อื ในเร่อื งท่ี 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั เมื่อเข้าสหู่ นา้ เนอื้ หาเรอื่ งท่ี 1 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ประกอบไปดว้ ย 1. คำช้ีแจง 2. สือ่ ประกอบการเรียน 3. เอกสารประกอบการเรียนรู้ 4. สอ่ื ประกอบการเรียนรู้(เพ่ิมเติม) 5. วดี โี อการใช้อินเทอรเ์ น็ตอยา่ งปลอดภยั 6. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) 7. แบบทดสอบหลังเรียน (Pos-test)
25 เรอื่ งที่ 2 ภัยคกุ คามจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการป้องกัน ภาพท่ี 4.6 หน้าเนอื้ ในเร่อื งท่ี 2 ภัยคุกคามจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการป้องกนั เมอ่ื เขา้ สู่หนา้ เนอื้ หาเร่ืองที่ 2 ภัยคกุ คามจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการป้องกนั ประกอบไป ดว้ ย 1. เอกสารประกอบการเรียนรู้ 2. สื่อประกอบการเรียนรู้ เรื่องภัยคุกคามจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการป้องกัน แหลง่ ข้อมลู 3. คลิปวีดีโอ เรือ่ ง ภยั คุกคามจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการป้องกนั 4. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) 5. แบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test) 6. แบบทดสอบแบบ (ถูก-ผิด)
26 ภาพท่ี 4.7 การเลือกแบบทดสอบ จากภาพที่ 4.7 อธิบาย จากการทดลองใช้งานระบบแบบทดสอบ ผลปรากฏว่าระบบแบบทดสอบ สามารถใชง้ านไดน้ อกจากผู้เรยี นจะเข้าเรียนแบบออนไลน์ได้แล้วนน้ั ยงั สามารถทำแบบทดสอบผา่ นทางระบบ ออนไลนไ์ ด้อกี ดว้ ย ซึ่งระบบสามารถตรวจสอบและจดั เกบ็ คะแนนได้ ผู้สอนสามารถบริหารจัดการแบบทดสอบ ได้ เช่น กำหนดรูปแบบของแบบทดสอบได้หลากหลาย กำหนดระยะเวลาในการเปิดและปิดการทำ แบบทดสอบ กำหนดจำนวนครั้งที่ให้ทำได้ เกณฑ์คะแนน เป็นต้น ระบบแบบทดสอบนั้นผู้สอนจำเป็นจะต้อง ป้องกันการรั้วไหลและการทุจริตไม่ให้เกิดขึ้นในกระบวนการเรียนการสอน ซึ่งจากการทดลองแล้วสามารถทำ ได้โดยการ กำหนดเวลาในการเข้าสอบ กำหนดจำนวนครัง้ ในการทำและระบบสามารถสลบั หรือสุ่มคำถามได้ นอกจากนี้แล้วหากเป็นการสอบสำคัญจะให้ทำในห้องเรียน แต่หากเป็นแบบฝึกหัดก็จะเปิดให้ทำนอกเวลา เรียน
27 รูปที่ 4.8 หน้าการแกไ้ ขขอ้ มลู รายวิชา จากภาพท่ี 4.8 อธิบาย เมือ่ กรอกขอ้ มลู ครบถว้ น ให้คลกิ เลือกบนั ทึกและแสดงผล ภาพท่ี 4.9 เมื่อเขา้ สู่หน้าสำหรบั การแก้ไขแลว้ จากภาพที่ 4.9 อธิบาย เม่อื เข้าสูห่ น้าสำหรบั การแก้ไขแล้ว 1. ใหเ้ ลือกหวั ข้อทต่ี ้องการเพิ่มกิจกรรม 2. ใหค้ ลิกเลอื กเพ่ิมกิจกรรมหรอื แหล่งข้อมูล
28 ภาพที่ 4.10 การเพมิ่ กจิ กรรมหรอื แหล่งข้อมูล จากภาพที่ 4.10 อธิบาย ในหน้านี้เป็นการเลือกการเพิ่มกิจกรรมหรือเพิ่มแหล่งข้อมูลที่ต้องการ ให้ เลอื กกจิ กรรมหรือแหลง่ ข้อมูลทตี่ ้องการ แลว้ คลกิ เลือกปุ่มเพิ่ม ท่ดี ้านลา่ ง ภาพที่ 4.11 การเพม่ิ กิจกรรมหรอื จากภาพที่ 4.11 อธิบาย เมื่อกรอกข้อมูลแคหรลบง่ ถข้อ้วมนูลและเลือกไฟล์แล้วให้คลิกเลือกบันทึกและแสดงผล หรอื บันทึกและกลบั ไปยังรายวชิ า
29 ภาพที่ 4.12 การบันทกึ การเพ่มิ กิจกรรม จากภาพที่ 4.12 อธิบาย จากการทดลองจัดการเนื้อหารายวิชาในระบบ นั้น ผลปรากฏว่าสามารถ เพิ่ม ลบ เนื้อหารายวิชาได้ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น document Page Wiki Assignment บทเรียน สำเรจ็ รูป จากการทดลองทั้งหมดทีผ่ า่ นมานั้น พบว่าระบบ Science Mathematics Program : SMP สามารถ ใช้งานได้ตามที่ต้องการ กล่าวคือ ระบบสามารถเข้าถึงเนื้อหาการเรียนได้จากอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นเครื่อง คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และสามารถนำมาปรับกระบวนการเรียน การสอนจากรูปแบบเดิม ซึง่ เป็นการเรียนแบบพบหนา้ กันในชนั้ เรียนเพยี งอย่างเดียวใหเ้ ปน็ กระบวนการ เรียน การสอนแบบผสมผสาน โดยนำระบบ Science Mathematics Program : SMP มาประยุกต์ใช้ในการจดั การ เรียนการสอนร่วมกันกบั การเรียนมีกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีเหมาะสมในแตล่ ะรายวิชา มเี นื้อหาการเรยี นที่นา่ สนใจ ทง้ั ข้อความ เสยี ง รูปภาพ ผูส้ อนสามารถจัดการเน้ือหาและกจิ กรรมในการเรียน เชน่ การสรา้ งรายวชิ า สร้าง บทเรียน ดาวน์โหลดข้อมูล กำหนดระยะเวลาในการเรียน กำหนด กิจกรรมในการเรียนการสอน การสั่งงาน และการสง่ งาน การสร้างขอ้ สอบ การวดั และประเมินผลความรขู้ องนักเรยี นผา่ นระบบได้ จากประสิทธิภาพของระบบ E-Learning เมื่อนำไปใช้กับกระบวนการเรียนการสอนแล้วนั้น จะทำให้ เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้เรียนเกิดความสนในการเรียน ช่วยเสริมทักษะ การเรียนรู้ด้วย ตนเอง สามารถเรยี นรนู้ อกเวลาเรยี นดว้ ยตนเองได้ตลอดเวลา ช่วยให้ประหยดั เวลา การเรยี นในห้องเรยี น
30 การประเมินความพงึ พอใจของนักเรียนต่อการใชร้ ะบบ เพอื่ วัดผลความพงึ พอใจของนักเรยี นตอ่ การใชร้ ะบบ Science Mathematics Program : SMP จงึ ได้ จัดทำแบบสอบถามโดยมีเกณฑ์การให้คะแนนของแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้ระบบ Science Mathematics Program : SMP 1 หมายถึง พงึ พอใจน้อยท่สี ุด 2 หมายถึง พงึ พอใจน้อย 3 หมายถึง พึงพอใจปานกลาง 4 หมายถงึ พึงพอใจมาก 5 หมายถงึ พงึ พอใจมากท่สี ดุ ในการนำเสนอคา่ เฉลย่ี ( X) ความพงึ พอใจของนกั เรียนตอ่ การใชร้ ะบบ Science Mathematics Program : SMP ผจู้ ัดทำสารนพิ นธ์ขอเสนอการแปลความหมายค่าเฉลย่ี ( X )(JosephG.VanMatre & Glenn H.Gilbreath,1987:789) ดงั นี้ คา่ เฉลี่ยอยู่ระหวา่ ง 4.51 – 5.00 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สดุ ค่าเฉล่ยี อยรู่ ะหวา่ ง 3.51 – 4.50 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ระหวา่ ง 2.51 – 3.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั ปานกลาง คา่ เฉล่ียอยูร่ ะหวา่ ง 1.51 – 2.50 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยใู่ นระดับน้อย คา่ เฉลย่ี อย่รู ะหว่าง 1.00 – 1.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยทส่ี ดุ ผลการวิจยั 1. คณุ ภาพของแบบสอบถามวดั ความพงึ พอใจ ผลการวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ที่ 4.17 อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ข้อที่อยู่ใน ระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.80 คือ ด้านการใช้งาน อยู่ในระดับมาก ด้านการออกแบบหน้าจอ มีค่าเฉลี่ย 4.18 ด้านการจัดการเรียนการสอน มีค่าเฉลี่ย 4.06 และด้านการติดต่อสื่อสาร มีค่าเฉลี่ย 4.23 ดังแสดงในตาราง
31 ตาราง แสดงความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learning เรื่อง การใช้เทคโนโลยีอย่าง ปลอดภยั ขอ้ ลักษณะของแหล่งเรียนรู้ Mean S.D. แปลผล ด้านการใชง้ าน 1. อีเลริ ์นนิงมีความสะดวกในการใชแ้ ละการเข้าถงึ 4.8 0.4 มากท่ีสุด 2. อเี ลริ ์นนงิ มีการเชอ่ื มโยงท้ังภายในและภายนอกถูกต้อง 3.9 0.3 มาก 3. การเชื่อมโยงสะดวกต่อการเข้าถงึ ข้อมูลและสารสนเทศท่ีต้องการ 4.1 0.5 มาก 4. ความเหมาะสมของระยะเวลาในการเข้าถงึ ข้อมลู และสารสนเทศ 4 0.4 มาก รวม 4.80 0.42 มากท่ีสดุ ด้านการออกแบบหน้าจอ 5. การออกแบบหน้าจอมีความเหมาะสมกับผ้เู รียน 4.1 0.7 มาก 6. ปริมาณของเน้ือหา และสารสนเทศสอดคลอ้ งกับความ ต้องการ 3.9 0.5 มาก 7. ภาษาท่ีใช้ถูกตอ้ งและเหมาะสมกับผเู้ รยี น 3.9 0.7 มาก 8. รปู แบบและขนาดตวั อักษรที่ใชอ้ า่ นไดช้ ดั เจน 4.4 0.5 มาก 9. สีของตวั อักษรและพ้ืนหลงั มีความเหมาะสม 3.9 0.7 มาก 10. รปู แบบการจัดวางองค์ประกอบในอีเลริ ์นนงิ มีความ เหมาะสม 3.8 0.4 มาก 11. การออกแบบสอ่ื ประกอบการเรียนรมู้ คี วามเหมาะสม 4.5 0.5 มาก 12. สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้สะดวกในการใชง้ าน 4.9 0.3 มาก 13. การออกแบบอเี ลริ ์นนิงโดยรวมน่าสนใจ 4.2 0.4 มาก รวม 4.18 0.53 มากท่สี ุด ด้านการจดั การเรียนการสอน 14. การแนะนำการเรยี นการสอนครบถว้ นและชัดเจน 4.1 0.5 มาก 15. คำชแ้ี จงในการเรียนการสอนชดั เจน 4 0.4 มาก 16. เน้อื หามคี วามถกู ตอ้ งเหมาะสม 3.9 0.7 มาก 17. การกำหนดข้นั ตอนการดำเนินกจิ กรรมชดั เจน 3.9 0.3 มาก 18. กจิ กรรมท่ีมอบหมายใหผ้ ู้เรียนมีความเหมาะสม 4.1 0.5 มาก 19. กิจกรรมการเรียนรู้มีประโยชน์ต่อผู้เรียนในการเรียนรู้ ร่วมกัน 4 0.4 มาก และมปี ฏสิ มั พันธร์ ว่ มกนั
32 20. แบบวัดความสามารถในการแกป้ ญั หามีความเหมาะสม 3.8 0.6 มาก 21. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทำงานรว่ มกันมีความเหมาะสม 4 0.6 มาก 22. แบบประเมินความพึงพอใจมีความเหมาะสม 4.7 0.5 มากท่ีสดุ รวม 4.06 0.5 มาก ดา้ นการตดิ ตอ่ สื่อสาร 23. การสื่อสารและการปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งผสู้ อนและผู้เรียน มีความ 4.8 0.4 มากทสี่ ดุ เหมาะสม 24. การสื่อสารและการปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างผ้เู รยี นและผ้เู รยี น มีความ 3.9 0.3 มาก เหมาะสม 25. ภาพรวมของการเรยี นอเี ลริ ์นนิ่งแบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน 4 0 มาก รวม 4.23 0.2 มาก รวมทั้งหมด 4.17 0.46 มาก สรปุ ผล นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learning เรื่อง การใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย มีความพึงพอใจ โดยรวมเป็นราย ดา้ น 4 ดา้ น คอื ด้านการใช้งาน ด้านการออกแบบหน้าจอ ด้านการจดั การเรียนการสอน ด้าน การติดต่อสอ่ื สาร มคี า่ เฉลี่ย 4.17 อยู่ในระดบั มาก
33 บทท่ี 5 สรุป และขอ้ เสนอแนะ สรปุ ความสำคัญ การนำไปประยุกต์ใช้ในปัจจบุ ันการพัฒนาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารได้นำมาใช้เป็น เครื่องมือ อีเลิร์นนิงที่นำเสนอเนื้อหาผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถเชื่อมโยงกับแหล่งความรู้ แหล่งข้อมูลที่หลากหลายบนเครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต อาจารย์ผู้สอนสามารถออกแบบให้การค้นหาและเชื่อมโยง แหล่งความรู้เข้ามาที่บทเรียน เพื่อชี้นำแหล่งความรู้เพิ่มเติม ทันสมัย ให้กับผู้เรียนได้เกิดประโยชน์ทั้งในด้าน คุณภาพการเรียนรู้ มีแหล่งความรู้ให้ผู้เรียนหลากหลาย และประสิทธิภาพ ผู้สอนประหยัดเวลาในการเตรียม และข้อมูลทนั สมยั เสมอ ทำงาน การศึกษา การเรยี นรู้ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพและสะดวกสบายมากขึ้น กิจกรรมการ เรียนการสอนที่เกิดขึ้นเช่น คำถาม-คำตอบ ปฏิสัมพันธ์ รวมทั้งเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะถูกจัดเก็บ และบนั ทึกไวใ้ นระบบคอมพิวเตอร์ สามารถนำมาใชเ้ พ่ือเป็นประโยชนไ์ ด้อย่างกวา้ งขวาง เชน่ ตดิ ตามการเรียน ของผเู้ รียน ประเมินผลการเรยี นรู้ระหวา่ งการเรียน (formative evaluation) ประเมินรวบยอด (summative evaluation) การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ผ่านมาอาจไม่เพียงพอสำหรับการ ดำเนินชีวิต ที่ต้องมีพื้นฐานความรู้และทักษะเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริงหรือพัฒนานวัตกรรมวิทยาการคำนวณ (Computing science) เป็นวิชาที่มุ่งเน้นการเรียนการสอนให้นักเรียน มีความพื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยี ดิจิทลั (Digital technology) และมพี ื้นฐานการรู้เทา่ ทนั ส่อื และข่าวสาร (Media and information literacy) ซึ่งการเรียนวิชาการคำนวณ จะไม่จำกัดอยู่เพียงแค่การคิดให้เหมือนคอมพิวเตอร์เท่านั้น และไม่ได้จำกัดอยู่ เพียงการคิดในศาสตร์ของนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นกระบวนการความคิดเชิงวิเคราะห์เพื่อนำมาใช้ แก้ปัญหาของมนุษย์ โดยเป็นการสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานและช่วยแก้ไขปัญหาตามที่เราต้องการได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ เพ่อื ให้ผ้เู รยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ วัตถุประสงค์ เพื่อให้นักเรียนสามารถทราบถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ภัยคุกคามจาก เทคโนโลยีสารสนเทศและการป้องกนั จากการศึกษาพบว่าซอฟต์แวร์ที่ศกึ ษามีความสามารถนำไปใช้ได้จริงใน ชีวิตประจำวนั
34 ข้นั ตอนการศึกษาโครงงาน เตรียมความพร้อมในการจัดทำโครงงาน คิดหัวข้อของการทำโครงงาน เรื่องการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภัย แล้ววางแผนในการจัดทำแล้วผู้ทำโครงงานเขียนเค้าโครง จากนั้นปฏิบัติงาน โครงงาน ดำเนินการวิเคราะห์และเนื้อหาบทเรียนมาประกอบในระบบอีเลิร์นนิง และได้ทดลองใช้ระบบ อีเลิร์นนงิ เพอ่ื หาขอ้ บกพร่อง สรุปผลการศกึ ษา 1. สามารถพัฒนาบทเรียน E-learning เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 2 2. สามารถหาคุณภาพและประสิทธิภาพของบทเรียน E-learning เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อยา่ งปลอดภัย ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 3. สามารถทดลองการใช้งานและประเมนิ ความเพิ่งพอใจของผูเ้ รยี นที่มีต่อบทเรียน E-learning เรื่อง การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับจากโครงงาน เพื่อให้นักเรียนสามารถทราบถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ภัยคุกคามจาก เทคโนโลยีสารสนเทศและการป้องกนั จากการศึกษาพบว่าซอฟต์แวร์ท่ีศึกษามีความสามารถนำไปใช้ได้จรงิ ใน ชวี ิตประจำวนั แนวทางการนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นวิชาชีพครู ระบบการเรียนที่ให้นักเรียนนักศึกษาเข้าถึงเนื้อหารายวิชาได้ ผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตนั้น สามารถนำระบบการจัดการเรียนการสอน(Learning Management System :LMS) มาช่วยในการบริหาร จัดการ ซึ่งนับว่าเปน็ หวั ใจสำคัญในการพัฒนาระบบ E-learning เพราะระบบ สามารถบริหารทรัพยากรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน สามารถสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนกับ การเรียนปกติได้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับ กระบวนการเรียนการสอนภายในหอ้ งเรยี นและทบทวนนอกเวลาเรียนได้ สามารถตรวจสอบการเข้าเรียน การ เข้าถงึ เน้อื หา การแลกเปล่ยี นความคดิ และการประเมินผล
35 ขอ้ เสนอแนะ 1. ให้นกั เรยี นได้ศึกษาหลาย ๆ โปรแกรม เพื่อนำมาพัฒนาบทเรยี น e-learning ของตวั เองได้ 2. การนำไปใชใ้ นการเรียนการสอน เพือ่ ประโยชนต์ ่อการพัฒนาของนกั เรียนศักยภาพ 3. ควรมีการพัฒนาบทเรียน e-learning ในรายวชิ าหรอื ในเร่อื งอนื่ ๆ ตอ่ ไป การวจิ ัยหรอื การศกึ ษาตอ่ ยอดจากโครงงานนี้ 1. ควรติดตามความก้าวหน้าของครูจากการนำความรู้และทักษะ ไปประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอน ทีส่ ง่ ผลตอ่ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนรู้ ของนกั เรยี น 2. ควรศึกษาทกั ษะการพัฒนาของครูด้วยการเรยี นรจู้ ากรูปแบบการใช้อเี ลิร์นนิงแบบผสมผสานโดยใช้ โครงการเป็นฐาน โดยศึกษาเพมิ่ เตมิ
36 บรรณานกุ รม วลิ าชินณ์ ประคลั ภพ์ งศ.์ (2554). การพฒั นาบทเรียนคอมพวิ เตอรบ์ นระบบอีเลริ ์นนง่ิ เรือ่ ง คอมพวิ เตอร์ เบ้ืองตน้ วชิ าเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์สำหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 วรัณศณางค์ บุณฑริก. (2554). การพัฒนาบทเรียน e-Learning วิชาคอมพิวเตอร์ช่วยสอนและศึกษา ประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning วชิ าคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน.รายงานการวิจยั สำนกั วิทยบริการ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ. มหาวิทยาลยั ราชภัฏอบุ ลราชธานี. ขัตติยา น้ายาทอง. การพฒั นาบทเรียน e-Learning วิชาสถติ ธิ ุรกิจ. รายงานวจิ ัย. สถาบันวจิ ยั และพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ อุบลราชธานี : อบุ ลราชธานี, 2552. อาณัติรัตนถิรกุล. ติดตั้งและบริหารระบบ e-Learning ด้วย moodle (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : ซีเอ็ด ยูเคชนั่ , 2558. Photchanan. E-learning คอื อะไร. สืบคน้ 29 สิงหาคม 2563, จาก https://sites.google.com/site/photchanan1818/e-learning-khux-xari
37 ภาคผนวก
38
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: