Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่1

บทที่1

Published by budsarinburin, 2020-10-05 06:47:24

Description: การจัดการอาชีวอามัยและความปลอดภัย

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การจัดการอาชีวอนามยั และความปลอดภยั

ใบความรู้ที่ 1 เร่อื ง การจดั การอาชีวอนามยั และความปลอดภยั เบื้องต้น 1. ความหมาย ความสำคัญ และความเป็นมาของอาชีวะอนามยั 1.1ความหมายของอาชวี อนามัยและความปลอดภัย อาชีวะอานามัย (Occupational health) เป็นการรวม2 คำด้วยกันคือ อาชีวะ (Occupation) หมายถึง การทำมาหากิน อนามัย ( Health ) หมายถึงความไม่มีโรค ความสบายกาย อาชีวะอนามัย หมายถึงการดูแล สขุ ภาพของผู้ท่ที ำงานให้มคี วามปลอดปลอดภัยจากสภาพแวดล้อมของการทำงาน ความปลอดภัย (safety) ความหมายการไมม่ ีอันตราย ไม่มีความเส่ียงใดๆ อาชีวะและความปลอดภัย ( Occupational health and safety ) หมายถึง การดูแลสุขภาพของผู้ท่ีทำงานให้มีความปลอกภัยจากสภาพแวดล้อมในการทำงานท้ังทางด้านร่างกาย และจติ ใจ 1.2ความสำคัญของอาชีวะอนามยั และความปลอดภยั ในการจัดการองค์กรคนเป็นทรัพยากรที่มีค่าและสำคัญที่สุด ในกระบวนการปฏิบัติงานอาจเกิดอันตรายจากการ ปฏิบัตงิ าน ก่อใหเ้ กิดการสญู เสียเวลา ค่าใช้จ่าย และขวัญกำลงั ใจของผู้ปฏิบัติงาน ทำให้ผลผลิตลดลง กระบวนการ ผลิตต้องหยุดชะงัก ส่งผลกระทบกับการทำงานท้ังทางตรงและทางอ้อม จึงมีการจัดตั้งสมาคมส่งเสริมความ ปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน เม่ือวันท่ี 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการทำงาน แก่หน่วยงานต่างๆ ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้เกี่ยวข้องให้ทราบและเข้าใจถึงความสำคัญของอาชีวอนา มัยและความปลอดภัย ได้แก่ 1. เพ่อื ให้มีความปลอดภยั ในการทำงาน 2. เพื่อลดอุบัตเิ หตุต่างๆ ท่ีจะทำให้เจา้ ของกจิ การเกดิ การสูญเสียทั้งเวลาและค่าใชจ้ า่ ย 3. เพื่อช่วยสรา้ งขวญั และกำลังใจใหก้ บั ผู้ปฏิบตั งิ าน 4. เพื่อเพม่ิ ผลผลิตและประสทิ ธิภาพในการปฏิบัติงาน 5. เพือ่ สรา้ งภาพลักษณ์ทีด่ ตี ่อองค์กรและสนิ ค้า 1.3 ความเปน็ มาของอาชีวะอนามัยและความปลอดภัย ต้นศตวรรษท่ี 18 ก่อนมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่จะใช้ เคร่ืองจักรขนาดเล็ก และใช้แรงงานจากคนและสัตว์ในกระบวนการผลิตเป็นส่วนใหญ่เช่น อาชีพทางเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม พาณิชย-กรรม การก่อสรา้ ง การบริการ และด้านอื่นๆ ต่อมาหลังจากการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมได้มีการ นำเคร่ืองจักรกลมาใช้ในการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตเพ่ิมมากข้ึน ในขณะที่เทคโนโลยีทางการผลิตก้าวหน้าขึ้น ผูป้ ฏบิ ัตงิ านจะได้รบั อนั ตรายเพมิ่ ข้นึ ตามไปด้วย ในระยะเวลาต่อมาการผลิตแบบอุตสาหกรรมได้นำเครื่องจักรไอน้ํามาใชใ้ นกระบวนการผลิตมากขนึ้ เกิด อันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานจากการทำงานมากข้ึน เริ่มมีการร้องเรียนต่อศาลอยู่เสมอรัฐบาลอังกฤษได้ออกกฎหมาย ป้องกันการระเบิดของเคร่ืองจักรหม้อไอน้ํา และให้เจ้าหน้าท่ีเข้าไปตรวจสอบสภาพการทำงานของโรงงาน อุตสาหกรรมเหล่าน้ัน ใน ค.ศ. 1844 รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศใช้กฎหมายโรงงาน ซึ่งเป็นกฎหมายเก่ียวกับความ ปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม ต่อมาประกาศใช้กฎหมายเงนิ ทดแทน และกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยในการ ทำงานในโรงงานอตุ สาหกรรมอกี หลายฉบบั

1.4 ความเปน็ มาของงานอาชวี อนามยั และความปลอดภัยในประเทศไทย อดีตประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ต่อมาเม่ือมีการ ปฏิวัติอุตสาหกรรมนำเครื่องจักรมาใช้แทนคนในการผลิต ทำให้การผลิตแบบโรงงานอุตสาหกรรมพัฒนาก้าวหน้า มากขึ้น เมื่อมีโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น กอ่ ให้เกิดมลพิษจากโรงงาน มีขยะทางอุตสาหกรรมมากข้ึน เกิดอุบตั ิเหตุ จากการทำงาน หน่วยงานรัฐบาลและเอกชนต่างตระหนักถงึ ความสญู เสียทางดา้ นทรัพยากรบุคคลวัยทำงาน รฐั บาล จึงได้ออกกฎหมายฉบับแรกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของคนงาน ในพ.ศ. 2475 ต่อมาใน พ.ศ. 2484 มีการออก พระราชบัญญัติด้านสาธารณสุขเพื่อบังคับใช้เก่ียวกับสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน โดยประกาศใช้พระราชบัญญัติ แรงงานคุ้มครองสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยแก่ผู้ประกอบอาชพี ใน พ.ศ. 2499 และ พ.ศ. 2509 สภาพัฒนา เศรษฐกิจแห่งชาติได้บรรจุโครงการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 2 ต่อมา พ.ศ. 2512 ไดม้ ีการออกพระราชบัญญัติโรงงานเพ่ือควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม โดยเร่ิมจากการควบคุมการ ออกแบบก่อสรา้ ง เคร่ืองจักรอุปกรณ์ที่มคี วามปลอดภัย รวมท้ังสภาพแวดล้อมในโรงงาน ให้มีการกำหนดมาตรการ และจดั สภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภยั ตอ่ ผู้ปฏิบัติงาน เพอื่ ลดความสญู เสยี ต่างๆ ท่ีจะเกดิ ขึ้น พ.ศ. 2526–พ.ศ. 2528 ได้มีการต้ังสถาบันความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อส่งเสริมงานด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัย เก่ียวกับวิชาการและเทคโนโลยี พร้อมทั้งออกประกาศบังคับให้สถานประกอบการที่มีคนงาน เกิน 100 คน ต้องมีเจ้าหน้าท่ีความปลอดภัยปฏิบัติงานเต็มเวลา เพื่อให้ความคุ้มครองความปลอดภัยกับคนงาน และได้จัดตั้งสำนักงานประกันสังคม ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เพื่อดูแลสวัสดิการต่างๆ ให้กับ คนทท่ี ำงานกับสถานประกอบการทุกอาชีพ พ.ศ. 2536–พ.ศ. 2540 รัฐบาลจัดต้ังกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้อง กบั ความต้องการในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีท่เี กย่ี วขอ้ งกับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยได้มกี าร กำหนดมาตรฐานด้านอาชีวอนามัยความปลอดภัยกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพ่ือเป็นการดูแลสุขภาพของ คนทำงาน สร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน เป็นการดแู ลขั้นพื้นฐานจากหน่วยงานของรัฐและเจ้าของสถาน ประกอบการทั้งหลายและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ทด่ี ีด้านแรงงานในประเทศไทยท่ีจะทำให้สินค้าทีผ่ ลิตในประเทศ เป็นทย่ี อมรบั จากนานาประเทศ เพือ่ ทจ่ี ะนำประเทศไทยเข้าสู่การค้าสากล 2. ขอบเขตของงานอาชีวอนามัยและความปลอดภยั งานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับสถานประกอบการที่ต้องดูแล สขุ ภาพอนามยั สภาพแวดล้อมในการทำงาน เพือ่ ดแู ลและปอ้ งกนั อันตรายต่างๆ ที่จะเกดิ กับผปู้ ฏบิ ัตงิ านในทุกสาขา อาชีพ ดังน้ัน องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization: ILO) ได้ร่วมกันกำหนดขอบเขตของงานอาชีวอนามยั ไว้ 5 ประการ คอื 2.1 การส่งเสริม (Promotion) คือ การส่งเสริมและการดูแลรักษาให้สขุ ภาพของผู้ปฏิบัติงานทั้งหลายไม่ ว่าจะเปน็ ทางร่างกายและจิตใจ มคี วามสมบูรณ์แข็งแรง มคี วามเป็นอยู่ทีด่ ีในสังคมของการทำงาน 2.2 การป้องกัน (Prevention) คือ สถานประกอบการต้องจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความ เหมาะสมและปลอดภัย เพ่ือท่ีจะป้องกันไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานมีสุขภาพท่ีไม่แข็งแรง หรือมีสุขภาพท่ีผิดปกติ อัน เน่อื งมาจากกระบวนการทำงานในสถานประกอบการไม่เหมาะสม อนั จะกอ่ ให้เกิดอนั ตรายได้ เช่น จัดให้มแี สงสว่าง

ที่เพียงพอ ไม่มากหรือน้อยเกินไป อากาศถ่ายเทสะดวกไม่ร้อนหรือเย็นไป สิ่งแวดล้อมท้ังภายในและภายนอกต้อง สะดวก สะอาด สบาย เป็นต้น 2.3 การปกป้องคุ้มครอง (Protection) คือ การดูแลปกป้องคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการ ไม่ให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุในระหว่างการทำงาน หรือผู้ปฏิบัติงานต้องทำงานเส่ียงอันตรายในสถานที่ทำงาน หรือสภาพแวดลอ้ มท่ไี ม่ดีทก่ี ่อให้เกิดโรคจากการทำงานได้ 2.4 การจัดการงาน (Placing) คือ การจัดสภาพแวดล้อมในกระบวนการทำงานให้มีความเหมาะสมและ พอดีกับขนาดของร่างกายคนงาน 2.5 การปรบั ปรุงคนและงานให้เหมาะสมกัน (Adaptation) คือ การปรบั ปรุงการทำงานกับผู้ปฏิบัติงาน ใหม้ ีความสอดคลอ้ งเหมาะสมกัน เพือ่ ท่ีจะได้งานทมี่ ีคณุ ภาพ และผู้ปฏิบัตงิ านกม็ ีสุขภาพดีไม่เจ็บปว่ ยหรอื มอี ันตราย โดยพิจารณาถึงรูปร่างของคนงานกับทักษะขั้นพื้นฐานที่แตกต่างกันของผู้ปฏิบัติงาน โดยต้องจัดงานให้เหมาะสม เพ่อื ทีจ่ ะไดง้ านทมี่ ีคุณภาพและผ้ปู ฏิบตั ิงานได้ทำงานอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 3. บุคลากรและหนว่ ยงานที่เกยี่ วขอ้ งกับงานอาชีวอนามยั และความปลอดภัย บุคลากรและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการดำเนินงานด้านอาชีวศึกษาและความปลอดภัยเพ่ือให้งานอาชี วอนามัยและความปลอดภัยมีประสิทธิภาพ ท่ีจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับความคุ้มครองทั้งร่างกายและจิตใจ ประกอบด้วย 3.1 ด้านสุขศาสตร์ อุตสาหกรรม หรืออาชีวสุขศาสตร์ ไดแ้ ก่ นักสุขศาสตร์อุตสาหกรรมที่จะช่วยทำการ สบื ค้น ตรวจวดั ประเมินส่งิ อันตรายทีเ่ กิดจากสภาพแวดลอ้ มในการทำงานด้านตา่ งๆ 3.2 ด้านความปลอดภัย ได้แก่ เจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยที่เจ้าของสถานประกอบการจ้างตาม กฎกระทรวง พ.ศ. 2549 3.3 ด้านอาชีวนิรภัย ได้แก่ นักอาชีวอนามัยและวิศวกรความปลอดภัย ทำหน้าที่ออกแบบเคร่ืองจักรให้ มีความปลอดภยั ตรวจสภาพสงิ่ แวดลอ้ มการทำงาน เพอื่ ปอ้ งกันและควบคุมไมใ่ ห้เกิดอบุ ตั เิ หตุในการทำงาน 3.4 ด้านการยศาสตร์ ได้แก่ นักการยศาสตร์ ทำหน้าที่ออกแบบและปรับปรุงกระบวนการทำงาน เครื่องมอื อปุ กรณ์ วิธีทำงาน สภาพแวดล้อมการทำงาน ให้เหมาะสมกับรา่ งกายและจิตใจของผ้ปู ฏิบตั งิ าน 3.5 ด้านอาชีวเวชศาสตร์ ได้แก่ บุคลากรด้านสาธารณสุข ทำหน้าที่แพทย์อาชีวอนามัยแพทย์เวช ศาสตร์ พยาบาลอาชวี อนามยั ผชู้ ว่ ยพยาบาลท่ดี ูแลสขุ ภาพอนามยั รกั ษาโรคใหแ้ กผ่ ้ปู ฏิบัตงิ าน 3.6 ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้แก่ นักกายภาพบำบัด นักจิตบำบัด มีหน้าที่ฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ ใหแ้ ก่ผ้ปู ฏบิ ตั งิ านทไ่ี ด้รบั อนั ตรายจากการทำงาน งานอาชีวอนามัยและความปลอดภยั มหี นว่ ยงานหลายหน่วยงานท่เี ก่ียวข้องกนั ประกอบดว้ ย 1. กระทรวงอุตสาหกรรม 2. กระทรวงแรงงาน

3. กระทรวงสาธารณสขุ 4. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม 5. กระทรวงมหาดไทย 6. สำนักนายกรฐั มนตรี 4. ผลกระทบและความสญู เสียท่ีเกิดจากปัญหาอาชีวอนามัยและความปลอดภยั ผลกระทบและความสูญเสยี ท่ีเกิดจากปญั หาอาชีวอนามยั และความปลอดภัย มีดงั น้ี 4.1 ผลกระทบท่ีเกิดจากปัญหาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ได้แก่ การขาดความรู้ความเข้าใจใน การใช้เคร่ืองจักรและอุปกรณ์ การเกิดโรคหรือการเจ็บป่วยจากการปฏิบัติงาน การใช้เคร่ืองมือเครื่องจักรท่ีไม่ได้ มาตรฐานหรือชำรุด มกี ารใชแ้ รงงานสตรแี ละเดก็ ไม่ถกู ประเภท 4.2 ความสูญเสียที่เกิดจากปัญหาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ได้แก่ ความสูญเสียด้านร่างกาย ความสูญเสยี ด้านจิตใจ ความสญู เสียด้านเวลา ความสญู เสียดา้ นคา่ ใช้จา่ ย และสญู เสียความน่าเช่ือถอื 5. แนวทางการปอ้ งกันและควบคมุ ปัญหางานอาชีวอนามัยและความปลอดภยั แนวทางการป้องกันและควบคมุ ปญั หางานอาชีวอนามัยและความปลอดภยั มีดงั นี้ 1. ศึกษาข้อมูลและตรวจหาปัญหาที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการโดย ตรวจสอบว่าส่ิงใดเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุในการทำงาน ต้องแยกปัญหาออกมาและให้ผู้ที่เช่ียวชาญ หรือผูท้ ีม่ ปี ระสบการณพ์ จิ ารณา 2. ประเมินปัญหาท่ีพบว่าเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงมากน้อยเพยี งใด จะเกดิ อนั ตรายตอ่ ผู้ปฏิบตั ิงานมาก หรอื น้อยเพียงใด 3. เปรียบเทียบความรนุ แรงของปญั หาว่ามคี วามรนุ แรงระดับใด 4. ดำเนินการป้องกันและควบคุมอันตรายที่จะเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของบุคลากรทุกฝ่ายในสถาน ประกอบการ 5. ประเมินผลความสำเร็จและความคุ้มค่า รวมท้ังเสนอแนวทางปรับปรุงสถานประกอบการเคร่ืองจักร เคร่ืองมอื อปุ กรณ์ และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน การทีจ่ ะดูแลสุขภาพอนามัยของผู้ปฏิบตั ิงาน ได้แก่ 1. การควบคมุ ป้องกนั โรคทอี่ าจทำให้เกดิ การเจบ็ ป่วย อันเนอื่ งมาจากการทำงานที่มสี ภาพแวดลอ้ มไม่เหมาะสม ทำใหเ้ กดิ การเจ็บป่วย พิการ หรอื เสียชีวิต ได้แก่ 1.1 การป้องกนั เบ้ืองต้น 1.2 การป้องกันระหว่างการทำงาน 1.3 การป้องกนั เพือ่ ไม่ใหเ้ กิดซ้าํ อกี 2. การควบคมุ ป้องกนั ไม่ให้เกิดอนั ตรายจากการทำงาน ควรมกี ารตรวจสอบเคร่ืองจักรเคร่อื งมือ อุปกรณ์ ตาม ระยะเวลาท่ีกำหนด ปรบั ปรุงสภาพแวดลอ้ มในการทำงานใหม้ ีความเหมาะสมกบั การทำงาน 3. การควบคุมมลพิษต่างๆ ในกระบวนการทำงานควรมกี ารปอ้ งกันและควบคุมมลพษิ ด้านตา่ งๆ 6. มาตรฐานและการจดั การอาชีวอนามัยและความปลอดภยั มาตรฐานและการจัดการอาชวี อนามัยและความปลอดภัย ประกอบดว้ ย

1. วัตถุประสงค์ของมาตรฐานการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยการจัดมาตรฐานการอาชีวอนามัย และความปลอดภัย มีวัตถุประสงค์ให้สถานประกอบการและผปู้ ฏบิ ัติงานมีความปลอดภยั และมีสุขภาพท่ดี ี ดังน้ี 1.1 ลดความเสีย่ งด้านอบุ ตั เิ หตุ และอนั ตรายทีจ่ ะเกิดข้นึ กบั ผู้ปฏิบตั งิ านและผ้ทู ่เี กีย่ วขอ้ ง 1.2 ลดความสูญเสียของกิจการ โดยมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมและสภาพการดำเนินงานให้เกิดความ ปลอดภัยต่อผู้ปฏบิ ัตงิ าน 1.3 สร้างภาพลักษณ์ให้สถานประกอบการ ในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เก่ียวข้องโดยมีความรับผิดชอบต่อ ผปู้ ฏิบัติงาน และรับผิดชอบต่อสถานประกอบการ รวมทง้ั รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม ประโยชนต์ อ่ สถานประกอบการและผู้ปฏิบัตงิ าน มดี ังนี้ 1. ผู้ปฏิบัติงานรู้วิธีการปฏิบัติงานที่ถูก เป็นการป้องกันอันตรายและอุบัติเหตุท่ีจะเกิดต่อร่างกายและ ทรพั ย์สนิ 2. ผ้ปู ระกอบการสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรกั ษาพยาบาล และลดค่าใช้จ่ายสมทบเข้ากองทุนเงินทดแทน รวมทั้งการเสียเวลาจากการเกดิ อุบัติเหตใุ นการดำเนนิ งาน 3. เสริมสรา้ งภาพลักษณ์ของสถานประกอบการให้เป็นที่ยอมรบั จากในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับ การรับรองมาตรฐาน มอก.18001 ซงึ่ เครือ่ งหมายรับรองสามารถนำไปโฆษณา ประชาสัมพันธ์ใหส้ ถานประกอบการมีความน่าเชือ่ ถือในการผลิตสนิ ค้าที่ไดม้ าตรฐาน 4. เปน็ การเตรยี มความพรอ้ มการแขง่ ขันเขา้ ส่ตู ลาดในระดบั ภมู ิภาคอาเซียนและในระดบั โลก มาตรฐานและการจัดการอาชวี อนามยั และความปลอดภยั มาตรฐานและการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยท่ีเปน็ แนวทางใหส้ ถานประกอบการนำไปปฏิบัติ เพื่อใช้แก้ปัญหาอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสถานท่ีทำงานและในกระบวนการทำงาน รวมท้ังป้องกันและ ควบคุมไม่ให้เกิดอนั ตรายตอ่ สุขภาพของผู้ปฏิบตั ิงานและส่ิงแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกสถานประกอบการ โดย มีการกำหนดมาตรฐานระบบการจัดการอาชวี อนามัยและความปลอดภยั หรือ มอก.18000 ในการใช้เป็นข้อกำหนด ในการตรวจประเมิน เพื่อให้การรับรองระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตอ่ สถานประกอบการ โดย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงแรงงาน เป็นผู้กำหนดอนุกรมมาตรฐานระบบการ จัดการ อาชวี อนามยั และความปลอดภยั หรือ มอก.18000 มาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภยั หรือ มอก.18000 ได้แบง่ อนุกรมมาตรฐาน ออกเป็น 4 เล่ม ไดแ้ ก่ 1. อนุกรมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย: ข้อกำหนด มาตรฐานเลขท่ี มอก.1801-2542 (Occupational health and safety management system: specification) 2. อนุกรมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย: ข้อแนะนำ ทั่วไปเกี่ยวกับหลักการ ระบบและเทคนิคในทางปฏิบัติ มาตรฐานเลขท่ีมอก.1804-2544 (Occupational health and safety management system: general guidelines on principles, systems and supporting techniques) 3. อนกุ รมมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ุตสาหกรรมระบบการจดั การอาชวี อนามัยและความปลอดภัย: แนวทางการ กำหนดความสามารถของผู้ตรวจประเมินระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มาตรฐานเลขท่ี มอก.

18012-2548 (Occupational health and safety management system: guidelines on competence of occupational health and safetymanagement system auditors) 4. อนกุ รมมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรมระบบการจัดการอาชวี อนามัยและความปลอดภยั : แนวทางการ ตรวจประเมินระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมาตรฐานเลขที่ มอก.18011 (Occupational health and safety management system: guidelines on auditing in occupational health and safety management systems) มาตรฐานระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (มอก.18001) มดี ังนี้ 1. การศึกษาและทบทวนสถานะเบื้องต้น สถานประกอบการต้องศึกษาทบทวนการดำเนินงานอาชีวอ นามัยและความปลอดภัยท่ีมีอยู่กบั ข้อกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และทรัพยากรทีมีที่จะนำไปใช้ในการจัดการ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซง่ึ ข้อมูลที่ทบทวนสถานะเบ้ืองต้นจะนำไปใช้ในการพิจารณากำหนดนโยบายและ กระบวนการจดั ทำระบบการจดั การอาชีวอนามยั และความปลอดภัยต่อไป 2. กำหนดนโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เป็นการกำหนดโดยผู้บริหารระดับสูงท่ีจะแสดง เจตจำนงอย่างชดั เจนในการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ให้เป็นส่วนหนงึ่ ในการดำเนินงาน ซึ่งเหมาะสม กับความเสี่ยง และจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม ปรับปรุงสภาพแวดล้อม เพื่อป้องกันอันตรายท่ีจะเกิดกั บ ผู้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องในงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย รวมทั้งให้ผู้ปฏิบัติงานมีส่วนร่วมเสนอข้อคิดเห็น และปฏิบตั ติ ามนโยบาย เพอ่ื ให้สอดคล้องกบั สภาพการทำงานและสถานประกอบการ 3. การวางแผน สถานประกอบการต้องดำเนินการจัดทำข้อกำหนดในการพัฒนางานอาชีวอนามัยและ ความปลอดภัย ในการประเมินความเสี่ยง มีข้อบ่งชี้อันตราย มีความเสี่ยงทุกประเภทโดยมีการกำหนดมาตรการ ควบคุมความเส่ียง สถานประกอบการต้องมีการบนั ทกึ กจิ กรรมท่ีดำเนินในการทำงาน เพ่อื ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ กฎหมาย ที่กำหนดไว้ อีกทั้งมีการวางแผนกำหนดข้อปฏิบัติสำหรับควบคุมความเส่ียงให้อยู่ในระดับท่ีทุกคนยอมรับได้ มีการ ตดิ ตามตรวจสอบ วดั ผล ประเมนิ และทบทวนการจดั การอาชวี อนามยั และความปลอดภัย 4. นำไปใช้และการปฏิบัติ การนำแผนท่ีวางไว้ไปปฏิบัติโดยกำหนดโครงสร้างและความรับผิดชอบ อำนาจหน้าที่ของบุคลากรทุกคนทุกระดับ สถานประกอบการต้องจัดให้มีการฝึกอบรม เพื่อสร้างความรู้ ความสามารถ ปลุกจิตสำนึก รวมท้ังจัดทำเอกสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มีการควบคุมการปฏิบัติงานอาชีวอนามัย และความปลอดภัยให้เป็นไปตามข้อกำหนดและมีการปรับปรุงระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย อย่างสม่ําเสมอ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ปฏิบัติงานและสถาน ประกอบการ 5. การติดตามตรวจสอบและแก้ไข สถานประกอบการต้องดำเนินงานตรวจสอบตามข้ันตอนอย่างสม่ํา เสมอและวัดผลการปฏิบัติ เพ่ือให้บรรลุนโยบายท่ีกำหนดไว้ โดยตรวจประเมินว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคอย่างไรบ้าง หาสาเหตุและดำเนนิ การแกไ้ ขต่อไป 6. ทบทวนการจัดการ ผู้ประกอบการต้องพิจารณาหาแนวทางแก้ไข และพิจารณาดำเนินการตามระบบ การจัดการอาชวี อนามัยและความปลอดภัย มกี ารปรับปรุงอย่างต่อเน่ือง เพ่ือลดความเสี่ยงในการดำเนนิ งาน โดยให้ เปน็ ไปตามขอ้ กำหนดและนโยบายที่วางไว้ การขอรบั การรับรองระบบการจดั การอาชวี อนามยั และความปลอดภัย มอก.18001มขี น้ั ตอน ดังน้ี 1. ยื่นคำขอการรบั รองพรอ้ มทัง้ แนบเอกสารประกอบการพิจารณา

2. หน่วยงานท่ีออกหนังสือรับรองจะพิจารณาประเมินเอกสารเพ่ือจัดทำเป็นรายงานผลการพิจารณา ประเมิน และแจง้ ให้สถานประกอบการท่ยี ืน่ ขอคำรบั รองไดท้ ราบ 3. หน่วยงานที่รับรองจัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจประเมินไปตรวจประเมินเบื้องต้นถึงความพร้อมของสถาน ประกอบการ รวบรวมข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ เพ่ือที่จะพิจารณาจัดทำรายงานผลการตรวจประเมินเบ้ืองต้น และกำหนดวันเขา้ ตรวจประเมิน 4. เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรับรองเข้าตรวจประเมินสถานประกอบการตามวันและเวลาท่ีกำหนด เม่ือ ตรวจประเมนิ เรียบร้อยก็จัดทำรายงานผลการตรวจประเมินแจง้ ใหส้ ถานประกอบการทขี่ อคำรับรองทราบ 5. เจ้าหน้าท่ีท่ีรับผิดชอบในการเข้าตรวจประเมินสถานประกอบการสรุปผลรายงานการตรวจประเมิน เสนอคณะกรรมการของหนว่ ยงานรบั รองพิจารณาให้การรับรองผลการตรวจประเมินดังกล่าว 6. หน่วยงานที่รับรองระบบจัดพิมพ์ใบรับรองว่าสถานประกอบการได้ผ่านการตรวจประเมินงานอาชีวอ นามยั และความปลอดภยั 7. ติดตามผลการประเมนิ อยา่ งน้อยปลี ะ 1 ครงั้ จากหน่วยงานรบั รองการตรวจประเมิน 8. เม่ือครบกำหนด 3 ปี ต้องตรวจประเมินสถานประกอบการใหม่ทั้งระบบเพื่อให้ได้ใบรับรองอย่าง ต่อเน่อื ง หน่วยงานท่ีรับรองระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีหลายหน่วยงานสถาน ประกอบการควรพิจารณาหน่วยงานท่ีผ่านการรับการรับรองจากคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการรับรอง ระบบงาน (NAC)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook