ประมวลภาพ
...การทำ�ทฤษฎีใหม่มิใช่เป็นของง่ายๆ แล้วแต่ที่แล้วแต่โอกาส และแล้วแต่งบประมาณ เดี๋ยวนี้ประชาชนทราบถึงทฤษฎีใหม่นี้ อย่างกว้างขวาง... พระราชด�ำ รัสพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเม่ือวนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๘
2 ทฤษฎีใหม่ ชวี ิตทีพ่ อเพียง ปัญหาหลักของเกษตรกรในอดีตจนถึงปัจจุบันที่สำ�คัญ ประการหนึ่ง คือ การขาดแคลนน้ําเพ่ือการเกษตรกรรม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเขตพนื้ ทอ่ี าศยั นาํ้ ฝนซงึ่ เปน็ พนื้ ทสี่ ว่ นใหญ่ ของประเทศท่ีอยู่ในเขตท่ีมีฝนค่อนข้างน้อยและส่วนมาก เปน็ นาขา้ วและพชื ไร่ เกษตรกรยงั คงท�ำ การเพาะปลกู ไดป้ ลี ะครง้ั ในชว่ งฤดฝู นเทา่ นน้ั และมคี วามเสย่ี งกบั ความเสยี หายอนั เนอ่ื ง มาจากความแปรปรวนของดิน ฟ้า อากาศ และฝนท้ิงช่วง แม้ว่าจะมีการขุดบ่อหรือสระน้ําไว้ใช้บ้าง แต่ก็ไม่มีขนาด แน่นอน หรือมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นปัญหาให้มีนํ้าใช้ไม่เพียงพอ รวมทั้งระบบการปลูกพืชไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ และส่วนใหญ่ ปลูกพืชชนิดเดียว ด้วยเหตุน้ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จงึ ไดพ้ ระราชทานพระราชด�ำ รเิ พอ่ื เปน็ การชว่ ยเหลอื เกษตรกร ทป่ี ระสบความยากล�ำ บากดงั กลา่ วใหส้ ามารถผา่ นพน้ ชว่ งเวลา วิกฤตโดยเฉพาะการขาดแคลนน้ําได้โดยไม่เดือดร้อนและ ยากลำ�บากนกั ท่ีทรงเรยี กว่า “ทฤษฎีใหม่” อนั เปน็ แนวทาง หรือหลักการในการบริหารจัดการท่ีดินและนํ้าเพื่อการเกษตร ในทด่ี นิ ขนาดเล็กให้เกิดประโยชนส์ งู สดุ
3 ทฤษฎีใหม่ : ท�ำ ไมใหม่ ๑. มีการบริหารและจัดแบ่งท่ีดินขนาดเล็กออกเป็น สดั สว่ นทช่ี ัดเจนเพอื่ ประโยชนส์ งู สุดของเกษตรกร ซึง่ ไมเ่ คย มใี ครคดิ มาก่อน ๒. มีการคำ�นวณโดยหลักวิชาการเกี่ยวกับปริมาณน้ํา ที่จะกักเก็บให้พอเพียงต่อการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสม ตลอดปี ๓. มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบสำ�หรับเกษตรกร รายยอ่ ย โดยมีถงึ ๓ ข้นั ตอน
4 ทฤษฎีใหมข่ ้นั ทีห่ นึ่ง (ขน้ั ต้น) การจัดสรรพื้นท่ีอยู่อาศัยและที่ทำ�กิน ให้แบ่งพ้ืนท่ี ออกเปน็ ๔ ส่วน ตามอัตราส่วน ๓๐ : ๓๐ : ๓๐ : ๑๐ ซงึ่ หมายถึง พนื้ ทส่ี ่วนท่หี นงึ่ ประมาณ ๓๐% ใหข้ ุดสระเกบ็ กกั นา้ํ เพอื่ ใชเ้ กบ็ กกั นาํ้ ฝนในฤดฝู น และใชเ้ สรมิ การปลกู พชื ในฤดแู ลง้ ตลอดจนการเลย้ี งสัตวน์ ้ําและพืชนาํ้ ต่างๆ
5 พ้นื ทส่ี ว่ นที่สอง ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลกู ข้าวในฤดูฝน เพ่ือใช้เป็นอาหารสำ�หรับครอบครัวให้เพียงพอตลอดปี เพื่อ ตดั ค่าใชจ้ า่ ยและสามารถพึ่งตนเองได้ พนื้ ทสี่ ว่ นทส่ี าม ประมาณ ๓๐% ใหป้ ลกู ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ พืชผัก พืชไร่ พชื สมุนไพร ฯลฯ เพ่ือใชเ้ ป็นอาหารประจำ�วัน หากเหลอื บรโิ ภคก็นำ�ไปจำ�หน่าย พน้ื ทส่ี ว่ นทส่ี ี่ ประมาณ ๑๐% เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั เลย้ี งสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอืน่ ๆ
6 หลกั การและแนวทางส�ำ คญั ๑. เป็นระบบการผลิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่ เกษตรกรสามารถเล้ียงตัวเองได้ในระดับที่ประหยัดก่อน ทั้งน้ีชุมชนต้องมีความสามัคคีร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน ทำ�นองเดียวกับการ “ลงแขก” แบบด้ังเดิม เพ่ือลดคา่ ใชจ้ า่ ย ๒. เนื่องจากข้าวเป็นปัจจัยหลักที่ทุกครัวเรือนจะต้อง บริโภค ดงั นั้น จึงประมาณวา่ ครอบครัวหนงึ่ ท�ำ นาประมาณ ๕ ไรจ่ ะทำ�ใหม้ ขี ้าวพอกนิ ตลอดปี โดยไม่ตอ้ งซอื้ หาราคาแพง เพื่อยดึ หลกั พึ่งตนเองได้อยา่ งมอี สิ รภาพ ๓. ต้องมีน้ําเพ่ือการเพาะปลูกสำ�รองไว้ใช้ในฤดูแล้ง หรอื ระยะฝนท้ิงช่วงไดอ้ ย่างพอเพยี ง ดังนัน้ จงึ จำ�เป็นต้องกนั ทด่ี นิ สว่ นหนง่ึ ไวข้ ดุ สระนาํ้ โดยมหี ลกั วา่ ตอ้ งมนี า้ํ เพยี งพอทจี่ ะ
7 ทำ�การเพาะปลูกไดต้ ลอดปี ทงั้ น้ไี ด้พระราชทานพระราชดำ�ริ เปน็ แนวทางวา่ ตอ้ งมนี า้ํ ๑,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตรตอ่ การเพาะปลกู ๑ ไร่ โดยประมาณ ฉะน้นั เม่อื ทำ�นา ๕ ไร่ พืชไรห่ รือไมผ้ ล อกี ๕ ไร่ (รวมเปน็ ๑๐ ไร)่ จะตอ้ งมนี า้ํ ๑๐,๐๐๐ ลกู บาศกเ์ มตร ต่อปี ดังน้ันหากตั้งสมมุติฐานว่ามีพ้ืนที่ ๑๕ ไร่ ก็สามารถ กำ�หนดสตู รคร่าวๆ ว่าแตล่ ะแปลงประกอบด้วย • นา ๕ ไร่ • พชื ไร่ พชื สวน ๕ ไร่ • สระน้ํา ๓ ไร่ ลกึ ๔ เมตร จุประมาณ ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศกเ์ มตร ซง่ึ เป็นปริมาณทเ่ี พียงพอที่จะสำ�รอง ไว้ใช้ยามฤดแู ลง้ • ที่อยู่อาศัยและอ่นื ๆ ๒ ไร่ รวมทง้ั หมด ๑๕ ไร่
8 แตท่ งั้ นี้ ขนาดของสระเกบ็ นา้ํ ขนึ้ อยกู่ บั สภาพภมู ปิ ระเทศ และสภาพแวดล้อม ดงั น้ี • ถ้าเปน็ พ้นื ทที่ �ำ การเกษตรอาศยั น้าํ ฝน สระนาํ้ ควรมี ขนาดทเ่ี หมาะสม ซึ่งจะทำ�ใหม้ ีนํ้าใช้ตลอดทง้ั ปี • ถา้ เปน็ พนื้ ทท่ี �ำ การเกษตรในเขตชลประทาน สระนา้ํ อาจมีลกั ษณะลกึ ตน้ื แคบหรือกวา้ งกไ็ ด้ โดยพิจารณาตาม ความเหมาะสมเพราะสามารถมีน้ํามาเตมิ ได้อย่เู รอ่ื ยๆ • การมสี ระเกบ็ กกั นาํ้ นนั้ เพอ่ื เกษตรกรไดม้ นี าํ้ ใชอ้ ยา่ ง สมาํ่ เสมอทงั้ ปี (ทรงเรยี กวา่ Regulator หมายถงึ การควบคมุ ให้ดีมีระบบน้ําหมุนเวียนใช้เพื่อการเกษตรได้โดยตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง) โดยเฉพาะอย่างย่ิงในหน้าแล้งและระยะ ฝนทง้ิ ชว่ ง แตม่ ไิ ดห้ มายความวา่ เกษตรกรจะสามารถปลกู ขา้ ว
9 นาปรงั เพราะหากนา้ํ ในสระเกบ็ กกั นาํ้ ไมพ่ อ ในกรณมี เี ขอื่ นอยู่ บริเวณใกล้เคียงก็อาจจะต้องสูบน้ํามาจากเข่ือน ซ่ึงจะทำ�ให้ นาํ้ ในเขอื่ นหมดได้ แตเ่ กษตรกรควรท�ำ นาในหนา้ ฝน และเมอื่ ถึงฤดูแล้งหรือฝนทิ้งช่วงให้เกษตรกรใช้น้ําที่ได้เก็บตุนนั้นให้ เกดิ ประโยชนท์ างการเกษตรอยา่ งสงู สดุ โดยพจิ ารณาปลกู พชื ใหเ้ หมาะสมกบั ฤดูกาล เชน่ • หน้าฝนจะมีนํ้ามากพอท่ีจะปลูกข้าวและพืชชนิด อื่นๆ ได้
10 • หน้าแล้งหรือฝนท้ิงช่วง ควรปลูกพืชท่ีใช้นํ้าน้อย เช่น ถั่วตา่ งๆ ๔. การจัดแบ่งแปลงท่ีดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคำ�นวณและคำ�นึงจาก อตั ราการถอื ครองทด่ี ินถัวเฉลี่ยครวั เรอื นละ ๑๕ ไร่ อยา่ งไรกต็ ามหากเกษตรกรมพี นื้ ทถี่ อื ครองนอ้ ยกวา่ หรอื มากกวา่ นี้ กส็ ามารถใชอ้ ตั ราสว่ น ๓๐: ๓๐ : ๓๐ : ๑๐ ไปเปน็ เกณฑ์ ปรับใช้ได้ กลา่ วคอื • ๓๐% ส่วนแรก ขุดสระน้ํา (สามารถเล้ียงปลา ปลูกพชื นํา้ เช่น ผักบุง้ ผักกระเฉด ฯลฯ) และบนสระอาจจะ สร้างเลา้ ไก่ไดด้ ้วย
11 • ๓๐% ส่วนทส่ี อง ทำ�นา ปลกู ข้าว • ๓๐% สว่ นทส่ี าม ปลกู พชื ไร่ พชื สวน (ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ ไม้ใช้สอย ไม้เพ่ือเป็นเช้ือฟืน ไม้สร้างบ้าน พืชไร่ พืชผัก สมุนไพร เปน็ ต้น) • ๑๐% สุดท้าย เปน็ ที่อาศยั และอื่นๆ (ถนน คนั ดนิ กองฟาง กองปยุ๋ หมกั โรงเรอื น โรงเพาะเหด็ คอกสตั ว์ ไมด้ อก ไมป้ ระดบั พชื ผักสวนครัวหลังบ้าน เป็นต้น)
12 อย่างไรก็ตามอัตราส่วนดังกล่าวเป็นสูตรหรือหลักการ โดยประมาณเท่านั้น สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตาม ความเหมาะสม โดยข้ึนอยู่กับสภาพของพื้นที่ดิน ปริมาณ น้ําฝน และสภาพแวดล้อม เช่น ในกรณีภาคใต้ที่มีฝนตก ชกุ กว่าภาคอ่ืน หรือพ้ืนทใ่ี ดมีแหลง่ น้าํ มาเติมสระไดต้ อ่ เนื่อง ก็อาจลดขนาดของบ่อหรือสระน้ําให้เล็กลงเพ่ือเก็บพ้ืนที่ไว้ใช้ ประโยชนอ์ ่นื ต่อไปได้
13 ทฤษฎีใหม่ข้นั ก้าวหน้า หลกั การดังที่กล่าวมาแลว้ เปน็ ทฤษฎีใหม่ขน้ั ทีห่ นง่ึ หรอื ขั้นต้นเม่ือเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ลงมือปฏิบัติตาม ขนั้ ทีห่ น่ึงในทดี่ ินของตนจนไดผ้ ลแล้ว เกษตรกรก็จะสามารถ พัฒนาตนเองไปสูข่ ้ันพออย่พู อกนิ และลดค่าใชจ้ ่ายลงได้ มอี ิสระ จากสภาพปัจจัยภายนอกและเพ่ือให้มีผลสมบูรณ์ยิ่งข้ึน จึงควร ที่จะต้องดำ�เนินการตามทฤษฎีใหม่ข้ันที่สองและข้ันท่ีสามต่อไป ตามล�ำ ดบั
14 ทฤษฎีใหมข่ ั้นท่ีสอง ขนั้ นี้ เปน็ การ “รวมพลงั กนั ” ในรปู กลมุ่ หรอื “สหกรณ”์ คือให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ร่วมแรง ร่วมใจกันดำ�เนินการในด้านต่างๆ ดงั นี้ ๑) การผลติ (พนั ธพ์ุ ชื เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ) • เกษตรกรจะต้องร่วมมือในการผลิตโดยเร่ิมตั้งแต่ ขัน้ เตรียมดิน การหาพันธุพ์ ชื ปุ๋ย การจัดหานา้ํ และอื่นๆ เพอ่ื การเพาะปลูก
15 ๒) การตลาด (ลานตากขา้ ว ยงุ้ เครอื่ งสขี า้ ว การจ�ำ หนา่ ย ผลผลติ ) - เม่ือมีผลผลิตแล้ว จะต้องเตรียมการต่างๆ เพ่ือ การขายผลผลิตให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น การเตรียมลาน ตากขา้ วรว่ มกนั การจดั หายงุ้ รวบรวมขา้ ว เตรยี มหาเครอื่ งสขี า้ ว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลติ ใหไ้ ดร้ าคาดี และลดคา่ ใชจ้ า่ ย ลงดว้ ย ๓) การเป็นอยู่ (กะปิ น้าํ ปลา อาหาร เครอ่ื งนงุ่ ห่ม ฯลฯ) • ในขณะเดียวกันเกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ท่ีดี พอสมควร โดยมีปจั จยั พน้ื ฐานในการดำ�รงชีวติ เชน่ อาหาร การกินต่างๆ กะปิ น้าํ ปลา เสอ้ื ผา้ ท่พี อเพียง ๔) สวัสดกิ าร (สาธารณสุข เงนิ กู้) • แตล่ ะชุมชนควรมีสวัสดภิ าพและบริการท่จี �ำ เปน็ เช่น มีสถานีอนามัยเมื่อยามป่วยไข้ หรือมีกองทุนไว้กู้ยืม เพ่อื ประโยชน์ในกจิ กรรมต่างๆ ของชมุ ชน
16 ๕) การศึกษา (โรงเรยี น ทนุ การศึกษา) • ชุมชนควรมีบทบาทในการส่งเสรมิ การศึกษา เช่น มกี องทนุ เพ่อื การศึกษาเลา่ เรียนใหแ้ กเ่ ยาวชนของชมุ ชนเอง ๖) สังคมและศาสนา • ชมุ ชนควรเปน็ ทร่ี วมในการพฒั นาสงั คมและจติ ใจ โดยมศี าสนาเป็นที่ยึดเหน่ียว • กจิ กรรมทง้ั หมดดงั กลา่ วขา้ งตน้ จะตอ้ งไดร้ บั ความ รว่ มมอื จากทกุ ฝา่ ยทเี่ กยี่ วขอ้ ง ไมว่ า่ สว่ นราชการ องคก์ รเอกชน ตลอดจนสมาชกิ ในชมุ ชนนนั้ เป็นสำ�คัญ
17 ทฤษฎีใหมข่ นั้ ทส่ี าม เมื่อดำ�เนินการผ่านพ้นข้ันท่ีสอง เกษตรกรหรือกลุ่ม เกษตรกรกค็ วรพฒั นาก้าวหน้าไปส่ขู ้นั ท่ีสามต่อไป คอื ติดตอ่ ประสานงานเพ่อื จัดหาทนุ หรอื แหล่งเงิน เชน่ ธนาคารหรอื บรษิ ทั หา้ งรา้ นเอกชน มาชว่ ยในการลงทนุ และพฒั นาคณุ ภาพ ชวี ติ ทงั้ นี้ ทง้ั ฝา่ ยเกษตรกรและฝา่ ยธนาคารหรอื บรษิ ทั เอกชน จะได้รบั ประโยชนร์ ว่ มกนั กล่าวคอื • เกษตรกรขายขา้ วไดใ้ นราคาสงู (ไมถ่ ูกกดราคา) • ธนาคารหรือบริษัทเอกชนสามารถซื้อข้าวบริโภคได้ ในราคาต�ำ่ (ซ้ือขา้ วเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสเี อง) • เกษตรกรซอื้ เครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคไดใ้ นราคาตาํ่ เพราะ รวมกนั ซ้อื เป็นจำ�นวนมาก (เปน็ ร้านสหกรณ์ราคาขายส่ง) • ธนาคารหรือบริษัทเอกชน จะสามารถกระจาย บคุ ลากร เพอ่ื ไปด�ำ เนนิ การในกจิ กรรมตา่ งๆ ใหเ้ กดิ ผลดยี ง่ิ ขน้ึ
18 ประโยชนข์ องทฤษฎีใหม่ (ยกตวั อยา่ งพระราชดำ�รัส) จากพระราชดำ�รัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทไี่ ดพ้ ระราชทานในโอกาสตา่ งๆ นน้ั พอจะสรุปถงึ ประโยชน์ ของทฤษฎใี หม่ได้ ดังน้ี • ใหป้ ระชาชนพออยพู่ อกนิ สมควรแกอ่ ตั ภาพในระดบั ที่ประหยดั ไมอ่ ดอยาก และเล้ียงตนเองไดต้ ามหลกั ปรชั ญา ของ “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” • ในหนา้ แลง้ มนี า้ํ นอ้ ย กส็ ามารถเอานาํ้ ทเี่ กบ็ ไวใ้ นสระ มาปลกู พชื ผกั ตา่ งๆ ทใี่ ชน้ า้ํ นอ้ ยได้ โดยไมต่ อ้ งใชน้ �้ำ ชลประทาน • ในปที ฝ่ี นตกตามฤดกู าลโดยมนี า้ํ ดตี ลอดปี ทฤษฎใี หม่ นกี้ ็สามารถสรา้ งรายไดใ้ ห้ร่ำ�รวยขึ้นได้ • ในกรณที ่ีเกดิ อุทกภยั กส็ ามารถท่ีจะฟืน้ ตวั และชว่ ย ตัวเองได้ในระดับหนึ่ง โดยทางราชการไม่ต้องช่วยเหลือมาก เกนิ ไป อนั เปน็ การประหยดั งบประมาณดว้ ย
19 ขอ้ สำ�คญั ทค่ี วรพจิ ารณา • การดำ�เนินการตามทฤษฎีใหม่น้ัน มีปัจจัยประกอบ หลายประการ ข้ึนอยู่กับสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องถ่ิน ฉะนัน้ เกษตรกรควรขอรบั คำ�แนะน�ำ จากเจา้ หนา้ ทีด่ ้วย • การขดุ สระนา้ํ นน้ั จะตอ้ งสามารถเกบ็ กกั นา้ํ ไดเ้ พราะ สภาพดนิ ในแต่ละท้องถน่ิ แตกต่างกนั เช่น ดินรว่ น ดินทราย ซึง่ เปน็ ดินทไ่ี ม่สามารถอ้มุ นํ้าได้ หรอื เปน็ ดินเปร้ยี ว ดนิ เค็ม ซ่งึ อาจจะไม่เหมาะสมกบั พชื ท่ีปลกู ได้ ฉะนน้ั จะต้องพิจารณา ให้ดีและควรขอรับคำ�แนะนำ�จากเจ้าหน้าที่พัฒนาท่ีดินหรือ เจา้ หนา้ ที่หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกอ่ น • ขนาดของพื้นท่ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง คำ�นวณและคำ�นึงจากอัตราการถือครองท่ีดินถัวเฉลี่ยครัวเรือน ละ ๑๕ ไร่ แต่ให้พึงเข้าใจว่าอัตราส่วนเฉล่ียขนาดพื้นท่ีน้ีมิใช่ หลักตายตัว หากพน้ื ทก่ี ารถือครองของเกษตรกรจะมนี ้อยกว่า หรือมากกวา่ นี้ กส็ ามารถนำ�อัตราสว่ นน้ี (๓๐ : ๓๐ : ๓๐ : ๑๐) ไปปรับใชไ้ ด้ โดยถอื เกณฑ์เฉล่ยี
20 • การปลกู พชื หลายชนดิ เชน่ ขา้ ว ซง่ึ เปน็ พชื หลกั ไมผ้ ล พชื ผกั พชื ไร่ และพชื สมนุ ไพร อกี ทงั้ ยงั มกี ารเลย้ี งปลาหรอื สตั ว์ อน่ื ๆ ซง่ึ เกษตรกรสามารถน�ำ มาบรโิ ภคไดต้ ลอดทงั้ ปี เปน็ การ ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของอาหารสำ�หรับครอบครัวได้และ สว่ นท่ีเหลอื สามารถจำ�หน่ายเปน็ รายได้แกค่ รอบครวั ได้อีก • ความร่วมมือร่วมใจของชุมชนจะเป็นกำ�ลังสำ�คัญ ในการปฏบิ ตั ติ ามหลกั ทฤษฎใี หม่ เชน่ การลงแรงชว่ ยเหลอื กนั หรือท่ีเรยี กวา่ การลงแขก นอกจากจะทำ�ให้เกิดความสามัคคี ในชุมชนแล้ว ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน ได้อกี ดว้ ย • ในระหว่างการขุดสระนํ้า จะมีดินท่ีถูกขุดขึ้นมาเป็น จำ�นวนมาก หน้าดินซึ่งเป็นดินดีควรนำ�ไปกองไว้ต่างหาก เพื่อ นำ�มาใชป้ ระโยชนใ์ นการปลกู พชื ตา่ งๆ ในภายหลงั โดยนำ�มาเกลยี่ คลมุ ดนิ ชน้ั ลา่ งทเ่ี ป็นดินไมด่ ี ซ่งึ อาจน�ำ ไปถมท�ำ ขอบสระนํ้า หรอื ยกรอ่ งส�ำ หรับปลูกไม้ผล
21 เงือ่ นไขหรือปัญหาในการดำ�เนินงาน เมอ่ื วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๘ ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำ�รัส ความ ตอนหนงึ่ วา่ “...การท�ำ ทฤษฎใี หมน่ ม้ี ใิ ชข่ องงา่ ยๆ แลว้ แตท่ แ่ี ลว้ แต่ โอกาส และแลว้ แตง่ บประมาณ เพราะว่าเดย๋ี วนีป้ ระชาชน ทราบถึงทฤษฎีใหม่นี้กว้างขวางและแต่ละคนก็อยากได้ ให้ทางราชการขุดสระแล้วช่วยแตม่ นั ไม่ใชส่ ง่ิ งา่ ยนัก บางแหง่ ขดุ แลว้ ไมม่ นี าํ้ แมจ้ ะมฝี น นา้ํ กอ็ ยไู่ มไ่ ด้ ทฤษฎใี หมน่ จี้ งึ ตอ้ งมี พนื้ ทท่ี เี่ หมาะสมดว้ ย...ฉะนน้ั การทป่ี ฏบิ ตั ติ ามทฤษฎใี หมห่ รอื อีกนัยหน่ึงปฏิบัติเพ่ือหานํ้าให้แก่ราษฎร เป็นสิ่งท่ีไม่ใช่ง่าย ต้องช่วยท�ำ ...”
22 ตวั อยา่ งพืชทีค่ วรปลกู และสัตวท์ ่ีควรเลีย้ ง ไม้ผลและผกั ยืนตน้ : มะม่วง มะพร้าว มะขาม ขนุน ละมุด สม้ กล้วย น้อยหน่า มะละกอ กระท้อน แคบ้าน มะรมุ สะเดา ขี้เหล็ก และกระถนิ เปน็ ตน้ พชื ผักและดอกไม้ : มนั เทศ เผอื ก ถั่วฝกั ยาว มะเขือ มะลิ ดาวเรอื ง บานไมร่ โู้ รย กหุ ลาบ รกั และซอ่ นกลนิ่ เปน็ ตน้ สมนุ ไพรและเครอื่ งเทศ : หมาก พลู พรกิ ไทย บุก บัวบก มะเกลือ ชมุ เหด็ หญ้าแฝก และพชื ผกั บางชนิด เช่น กะเพรา โหระพา สะระแหน่ แมงลกั และตะไคร้ เป็นต้น ไมใ้ ชส้ อยและเชื้อเพลงิ : ไผ่ มะพรา้ ว ตาล กระถิน ณรงค์ มะขามเทศ สะแก ทองหลาง จามจุรี กระถนิ สะเดา ขีเ้ หลก็ ประดู่ ชงิ ชัน และยางนา เป็นต้น
23 พชื ไร่ : ขา้ วโพด ถวั่ เหลอื ง ถว่ั ลสิ ง ถว่ั พมุ่ ถวั่ มะแฮะ ออ้ ย มนั ส�ำ ปะหลงั ละหงุ่ นนุ่ เปน็ ตน้ พชื ไรห่ ลายชนดิ อาจเกบ็ เกย่ี ว เม่อื ผลผลิตยังสดอยู่ และจ�ำ หนา่ ยเปน็ พืชประเภทผักได้และ มรี าคาดกี วา่ เกบ็ เมอ่ื แก่ พชื ไรเ่ หลา่ นไ้ี ดแ้ ก่ ขา้ วโพด ถว่ั เหลอื ง ถ่ัวลสิ ง ถวั่ พมุ่ ถั่วมะแฮะ ออ้ ย และมนั ส�ำ ปะหลงั พืชบ�ำ รงุ ดินและพชื คลุมดิน : ถว่ั มะแฮะ ถวั่ ฮามาตา้ โสนแอฟริกนั โสนพน้ื เมอื ง ปอเทือง ถ่วั พรา้ ขี้เหลก็ กระถนิ รวมท้ังถ่วั เขยี วและถว่ั พุม่ เป็นตน้ เมอ่ื เกบ็ เกี่ยวแล้วไถกลบ ลงไปเพ่ือบำ�รุงดินได้
24 หมายเหตุ : พืชหลายชนดิ ใช้ทำ�ประโยชน์ได้มากกวา่ หนงึ่ ชนดิ และการเลอื กปลกู พชื ควรเนน้ พชื ยนื ตน้ ดว้ ยเพราะ การดูแลรักษาในระยะหลงั จะลดนอ้ ยลง มผี ลผลิตทยอยออก ตลอดปี หากเลอื กพชื ยนื ตน้ ชนดิ ตา่ งๆ กนั จะใหค้ วามรม่ เยน็ และชุ่มช้ืนกับท่ีอยู่อาศัยและส่ิงแวดล้อม ควรเลือกต้นไม้ และพืชให้สอดคลอ้ งกับคณุ ภาพของพน้ื ที่ เชน่ ไม่ควรปลกู ยคู าลปิ ตสั บรเิ วณขอบสระ ควรเป็นไม้ให้คุณคา่ สูงกว่า เชน่ ไม้ผล เปน็ ตน้
25 สัตว์เลย้ี งอืน่ ๆ ไดแ้ ก่ • สตั วน์ า้ํ เชน่ ปลาไน ปลานลิ ปลาตะเพยี นขาว ปลาดกุ เพื่อเป็นอาหารเสริมประเภทโปรตีน และยังสามารถนำ�ไป จ�ำ หนา่ ยเปน็ รายไดเ้ สริมไดอ้ กี ดว้ ย ในบางพื้นทีส่ ามารถเลี้ยง กบได้ • สกุ ร หรอื ไก่ ท�ำ เลา้ เลย้ี งบนสระนา้ํ ทงั้ นมี้ ลู สกุ รและไก่ สามารถนำ�มาเปน็ อาหารปลา บางแห่งอาจเลย้ี งเป็ดได้
26 ทฤษฎีใหมท่ ่ีสมบรู ณ์ ทฤษฎีใหม่ที่ดำ�เนินการตามธรรมชาติ อาศัยแหล่งนํ้า จากน้ําฝน ประสิทธิภาพยังอยู่ในลักษณะ “หม่ินเหม่” เพราะหากปไี หนฝนนอ้ ยอาจไมเ่ พยี งพอ ฉะนนั้ การทจี่ ะท�ำ ให้ ทฤษฎีใหม่สมบูรณ์ได้น้ัน สระเก็บกักนํ้าจะต้องทำ�หน้าท่ี ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มความสามารถโดยต้องมี แหล่งนํ้าขนาดใหญ่ที่สามารถเพ่ิมน้ําในสระเก็บกักน้ําให้เต็ม อยู่เสมอ ดังเช่นในกรณีของการทดลองที่วัดมงคลชัยพัฒนา จังหวัดสระบุรี ณ โครงการพัฒนาพ้ืนที่บริเวณวัดมงคล ชัยพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ ซ่ึงพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ ัวทรงเสนอวิธกี ารดังน้ี
27 ระบบทฤษฎีใหม่ทส่ี มบรู ณ์ อา่ งใหญ่ เตมิ อ่างเล็ก อ่างเลก็ เตมิ สระนา้ํ จากภาพ สี่เหล่ียมเล็กคือสระน้ําที่เกษตรกรขุดขึ้นตามทฤษฎีใหม่ เม่ือเกิดชว่ งขาดแคลนนาํ้ ในฤดูแล้ง เกษตรกรสามารถสูบนํ้า มาใช้ประโยชน์ได้และหากนํ้าในสระน้ําไม่เพียงพอก็ขอรับนํ้า จากอ่างหว้ ยหนิ ขาว (อ่างเลก็ ) ซงึ่ ไดท้ �ำ ระบบสง่ นา้ํ เชอ่ื มตอ่ ทางทอ่ ลงมายงั สระนา้ํ ท่ีได้ขดุ ไว้ในแต่ละแปลง ซง่ึ จะชว่ ยให้ สามารถมีนํ้าใช้ตลอดปี กรณีที่เกษตรกรใช้นํ้ากันมาก อ่างเก็บน้ําห้วยหินขาว (อ่างเล็ก) ก็อาจมีปริมาณน้ําไม่ พอเพียง เม่ือมีเข่ือนป่าสักชลสิทธิ์หรือมีโครงการใหญ่ ท่ีสมบูรณ์แล้ว ก็ใช้วิธีการผันนํ้าจากป่าสัก คือ อ่างใหญ่ ต่อลงมายังอ่างเก็บน้ําห้วยหินขาว (อ่างเล็ก) ก็จะช่วยให้มี ปริมาณน้ํามาเติมในสระของเกษตรกรพอตลอดปีโดยไม่ต้อง เสี่ยง ระบบการจดั การทรัพยากรนาํ้ ตามแนวพระราชด�ำ ริใน
28 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามารถทำ�ให้การใช้นํ้าเพ่ิม ประสทิ ธภิ าพจากระบบสง่ ทอ่ เปดิ ผา่ นไปตามแปลงไรน่ าตา่ งๆ ถงึ ๓ - ๕ เท่า เพราะยามหนา้ ฝนนอกจากน้ําในอา่ งเก็บนาํ้ แล้ว ยังมีน้ําในสระของราษฎรเก็บไว้พร้อมกันด้วยทำ�ให้มี ปริมาณน้ําเพิ่มอย่างมหาศาล นํ้าในอ่างท่ีต่อมาสู่สระจะทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ แหล่งเก็บนา้ํ สำ�รอง คอยเตมิ เท่านน้ั เอง
29 ขอ้ ควรท�ำ และไม่ควรท�ำ ไมค่ วรท�ำ ควรท�ำ • อยา่ คิดวา่ ถา้ มีพน้ื ทีเ่ กษตรน้อยกว่าหรอื มากกวา่ ๑๕ ไร่ จะทำ�ทฤษฎีใหมไ่ ม่ได้ • ปรบั อตั ราสว่ นที่กำ�หนดไวใ้ หเ้ หมาะสม กับพน้ื ทแี่ ละสภาพแวดลอ้ ม • ไม่ควรเสยี ดายทด่ี ินส่วนหนงึ่ ทีจ่ ะต้อง (๓๐ : ๓๐ : ๓๐ : ๑๐) นำ�มาขดุ เปน็ สระนาํ้ และถ้ามีสระนา้ํ อย่แู ล้วไมจ่ ำ�เปน็ ตอ้ งขดุ สระใหม่ • ต้องปลูกข้าวให้เพยี งพอตอ่ การบรโิ ภค เพยี งแต่ปรบั ปรงุ ให้สามารถ ในครัวเรอื นตลอดท้งั ปี เก็บกักนา้ํ ได้ • ควรศึกษาสภาพดินก่อนดำ�เนนิ การ • อย่าท�ำ ลายหนา้ ดนิ ทีม่ คี วาม ขดุ สระวา่ จะสามารถเกบ็ กักนํา้ ไดห้ รอื ไมโ่ ดยปรึกษากบั เจ้าหนา้ ท่ี อุดมสมบรู ณ์ในขณะขุดสระนา้ํ • ไม่ควรปลกู พืชหรอื ไม้ยนื ต้นท่ีตอ้ งการ • ควรน�ำ หนา้ ดินจากการขดุ สระนา้ํ ไปถมไวใ้ นบริเวณที่จะทำ�การเพาะปลูก น้าํ มากบรเิ วณคนั ขอบสระนํา้ • ไม่ควรปลกู พชื เพยี งชนดิ เดยี ว • ควรปลกู ผกั สวนครวั พชื สมุนไพร • หากดำ�เนินการด้านการเกษตรกรรม บริเวณทีว่ ่างรอบบ้านเพ่ือลดคา่ ใชจ้ ่าย ดา้ นอาหารในครัวเรือน อ่ืนใดได้ผลอยู่แลว้ ไม่ควรปรับเปลีย่ น มาท�ำ ทฤษฎใี หม่ เพราะไม่จำ�เป็น • ควรเลยี้ งสตั ว์ท่ีเก้ือกูลตอ่ กนั และกนั • หากสภาพภมู ิประเทศไม่เหมาะสม เชน่ ไก่ เปด็ หรอื หมู บรเิ วณขอบสระน้าํ ท�ำ ทฤษฎใี หมไ่ มไ่ ด้ ก็ตอ้ งหาหนทางอ่นื หรือบริเวณบา้ น ท่เี หมาะสมต่อไป • อย่าทอ้ ถอยและเกียจคร้าน • ควรเลยี้ งปลาในสระนํ้า เพอ่ื การบรโิ ภค อาหารโปรตีนแลว้ และยังสามารถ ขายเป็นรายได้เสริมของครอบครวั อีกด้วย • ควรปลกู หญ้าแฝกเพื่อป้องกันการ พงั ทลายรอบคนั ขอบสระน้าํ • ควรมคี วามสามคั คีในท้องถน่ิ โดย ชว่ ยกนั ท�ำ แบบ “ลงแขก” จะทำ�ให้ ประสบผลส�ำ เร็จ • ควรปรกึ ษาเจ้าหนา้ ที่จากกรมพฒั นาที่ดนิ กรมวิชาการเกษตร กรมชลประทาน กรมสง่ เสรมิ การเกษตร ตลอดจน นายอ�ำ เภอ เกษตรอ�ำ เภอ เกษตรตำ�บล และเจา้ หนา้ ที่อ่นื ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง
30 รายละเอียดและข้อมูลเก่ียวกับแปลงสาธิตทฤษฎีใหม่ และสถานท่ีดำ�เนินการท่ีติดต่อได้ ท่านท่ีสนใจและมีความ พร้อมที่จะดำ�เนินการตามแนวพระราชดำ�ริทฤษฎีใหม่ สามารถขอคำ�ปรึกษาขอข้อมูล และเยี่ยมชมแปลงสาธิต ทฤษฎีใหม่ได้ สนใจตดิ ตอ่ ขอรายละเอยี ด และขอ้ มูลเก่ียวกบั โครงการทฤษฎีใหม่ โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีบริเวณวดั มงคลชัยพฒั นา อันเนือ่ งมาจากพระราชด�ำ ริ อ�ำ เภอเฉลมิ พระเกยี รติ จังหวัดสระบรุ ี เป็นจุดกำ�เนิดของ “ทฤษฎีใหม่” แห่งแรกของ ประเทศไทย ตามแนวพระราชดำ�ริในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ต้ังแต่ปี ๒๕๓๕ บริเวณวัดมงคลชัยพัฒนา ต�ำ บลหว้ ยบง อำ�เภอเฉลมิ พระเกียรติ จงั หวดั สระบรุ ี มีการ ดำ�เนินงานเป็นศูนย์สาธิตการเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างเป็น รปู ธรรม และเปน็ แนวทางในการพฒั นาของเกษตรกรรายยอ่ ย ทมี่ พี นื้ ทถ่ี อื ครองโดยเฉลย่ี ประมาณ ๑๐ - ๑๕ ไร่ สามารถน�ำ ไป ประยุกตใ์ ชไ้ ด้
31 โดยมีการแบ่งพ้ืนที่ดำ�เนินงานออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนแปลงสาธิตการเกษตรทฤษฎีใหม่ และส่วนแปลงสาธิต การเกษตรแบบผสมผสาน ผังภูมโิ ครงการพัฒนาพ้ืนทบี่ รเิ วณวดั มงคลชยั พฒั นา อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำ�ริ จังหวดั สระบุรี •ทางเขา้ แปลงศึกษาและสาธิตเกษตรผสมผสาน เนื้อที่ ๑๖.๕ ไร่ แปลงทฤษฎใี หม่ เนื้อที่ ๑๕.๕ ไร่ ส่วนแปลงสาธติ เกษตรทฤษฎีใหม่ จ�ำ นวน ๑๕ - ๒ - ๒๔ ไร่ แบง่ พน้ื ทดี่ �ำ เนนิ งานตามแนว พระราชด�ำ รทิ ฤษฎีใหม่ โดยแบง่ พื้นทีอ่ อกเป็น ๔ สว่ น คอื ๓๐ : ๓๐ : ๓๐ : ๑๐ โดยสัดส่วนดังกล่าวได้นำ�มาปรับตาม ความเหมาะสมของสภาพพื้นท่ีของวัดมงคลชัยพัฒนาใน สดั ส่วน ๑๖ - ๓๕.๕ - ๒๔.๕ - ๒๔ โดยแต่ละส่วนประกอบด้วย สว่ นท่ี ๑ รอ้ ยละ ๑๖ พนื้ ทป่ี ระมาณ ๒.๕ ไร่ ดำ�เนิน การขดุ สระกักเกบ็ นำ้�ขนาด ๕๕ เมตร ยาว ๗๑ เมตร ลึก ๕ เมตร สามารถเกบ็ กักนำ้�ไดป้ ระมาณ ๑๘,๐๐๐ ลกู บาศก์เมตร เพื่อน�ำ นำ้�มาไว้ใช้ในฤดูแลง้ นอกจากนใี้ นสระยังได้เล้ียงปลา นลิ และปลาตะเพยี น เพ่อื เป็นรายไดเ้ สรมิ อกี ทางหนง่ึ
32 สว่ นที่ ๒ รอ้ ยละ ๓๕.๕ พนื้ ทป่ี ระมาณ ๕.๕ ไร่ พฒั นา พ้ืนที่เป็นแปลงนาข้าว โดยหลังฤดูเก็บเก่ียวสามารถปรับ สภาพดนิ เพอื่ ท�ำ การปลกู พชื ไร่ พชื ผกั ชนดิ ตา่ งๆ เชน่ ขา้ วโพด หวาน มะระ ถัว่ เขียว เปน็ ต้น สว่ นท่ี ๓ รอ้ ยละ ๒๔.๕ พนื้ ทีป่ ระมาณ ๓.๘ ไร่ ท�ำ การ เกษตรอน่ื ๆ เชน่ ปลกู พชื ไร่ ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ และพชื สมนุ ไพร เพอื่ ใชเ้ ปน็ อาหารประจ�ำ วนั หากเหลอื จากการน�ำ บรโิ ภคกน็ �ำ ไปจ�ำ หนา่ ย โดยเลอื กปลกู ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มและ ความตอ้ งการของตลาด ตวั อยา่ งของพชื ทปี่ ลกู คอื ออ้ ย กลว้ ย กระถิน พรกิ ข้หี นู มะกรดู เป็นตน้ สว่ นท่ี ๔ รอ้ ยละ ๒๔ พืน้ ที่ประมาณ ๓.๗ ไร่ เป็น สว่ นของทอี่ ยอู่ าศยั ถนน และเลย้ี งสตั ว์ ตลอดจนการปลกู ผกั
33 ไร้สารพิษเพื่อบริโภคในครัวเรือนและจำ�หน่ายเป็นการลด คา่ ใชจ้ ่ายและเสรมิ รายได้ในครัวเรอื น สว่ นแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน จ�ำ นวน ๑๖ - ๒ - ๒๓ ไร่ ด�ำ เนนิ การทดสอบและพฒั นา ระบบการปลูกพชื ผกั สวนครวั ในรปู แบบตา่ งๆ อาทิ สวนพืช ตระกลู มะ สวนพืชสมนุ ไพร สวนผลไมใ้ นที่ดอน สวนพรรณ ไม้หอมเฉลิมพระเกียรติ รวมถึงการขุดสระนำ้�สำ�หรับเล้ียง ปลาและปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของ ดิน เป็นตน้ ติดต่อ : ผู้อำ�นวยการโครงการพัฒนาพื้นท่ีบริเวณ วัดมงคลชัยพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ ศูนย์บริการ ดา้ นพืชและปจั จยั การผลิต โทร ๐ ๓๖๔๙ ๙๑๘๐ - ๑
34 โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่อนั เน่อื งมาจากพระราชด�ำ ริ (เกษตรน้ำ�ฝน) อ�ำ เภอเขาวง จังหวดั กาฬสินธุ์ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราช ดำ�ริให้พิจารณาจัดหานำ้� เพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกของ ราษฎร โดยการดำ�เนินงานขุดสระเก็บกักน้ำ�ตามทฤษฎีใหม่ ในบรเิ วณพนื้ ทจ่ี �ำ นวน ๑๓ ไร่ ๓ งาน ทอ่ี �ำ เภอเขาวง จงั หวดั กาฬสินธ์ุ และให้ขยายผลการดำ�เนินงานของโครงการไปสู่ ราษฎรในบรเิ วณใกลเ้ คยี งดว้ ย ปจั จบุ ันมีผลการดำ�เนนิ งานแตล่ ะกจิ กรรม ดังน้ี กจิ กรรม ๑ แปลงนา พ้นื ท่ี ๓ ไร่ ในฤดูเพาะปลูก ปลกู ข้าวนาปี ๒ พนั ธ์ุ คือพันธ์ขุ ้าว กข ๖ และพันธข์ุ ้าวขาว ดอกมะลิ ๑๐๕ เมอื่ เกบ็ เกย่ี วผลผลติ ขา้ วแลว้ ปลกู พชื ไรห่ ลงั นา ได้แก่ ถ่ัวลิสงและขา้ วโพดฝักสด
35 กิจกรรม ๒ สระนำ้�และขอบสระ (ระบบพืช-ปลา) พน้ื ที่ ๓ ไร่ สระน�ำ้ ปลอ่ ยปลาชนดิ ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ ปลายสี่ กเทศ ปลานิล ปลาไน บริเวณขอบสระปลกู พืชผกั และไม้ผล กิจกรรม ๓ ไม้ผลผสมผสาน พื้นท่ี ๖ ไร่ ปลูกไม้ผล ชนดิ ตา่ งๆ ได้แก่ น้อยหน่า ละมุด มะกอกน�้ำ กล้วยน้ำ�ว้า ปลกู พชื ผกั และพชื ผกั สวนครวั แซมในแปลงไมผ้ ล เลยี้ งสตั วป์ กี ได้แก่ ไก่ หา่ น เป็ดเทศ และไกง่ วง เป็นตน้ กจิ กรรมที่ ๔ ทอ่ี ยอู่ าศยั พน้ื ที่ ๑ ไร ่ ๓ งาน บรเิ วณใกล้ ทอ่ี ยอู่ าศยั สาธติ การเลยี้ งสกุ รในคอกหลมุ ปลกู พชื ผกั พน้ื บา้ น สมุนไพรในทอ้ งถนิ่ ไมด้ อกไม้ประดับและไม้ผลยนื ตน้ การขยายผล • สาธติ การด�ำ เนนิ งานของโครงการพฒั นาพน้ื ทเี่ กษตร น�ำ้ ฝนแกเ่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั เกษตรกร และผสู้ นใจทว่ั ไปเขา้ เยย่ี มชม โครงการฯ • ฝกึ อบรมใหค้ วามรดู้ า้ นการเกษตร จ�ำ นวน ๓ หลกั สตู ร ได้แก่ การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี การผลิตนำ้�หมักและ ปุ๋ยหมกั ชีวภาพ และการผลิตพชื ปลอดภยั จากสารพษิ • จดั พมิ พเ์ อกสารเผยแพรแ่ จกใหผ้ เู้ ยย่ี มชมในโครงการฯ ไดแ้ ก่ เอกสารแนะน�ำ การด�ำ เนนิ การของโครงการฯ การปลกู ขา้ ว การป้องกนั ก�ำ จดั โรคและแมลงศตั รขู า้ ว เป็นตน้ ติดต่อ : โครงการสาธิตทฤษฎีใหม่บ้านแดนสามัคคี อ�ำ เภอเขาวง จังหวดั กาฬสนิ ธ์ุ เครอื ขา่ ยกลมุ่ เกษตรกรอ�ำ เภอเขาวง ๐ ๘๙๘๔ ๓๒๒๔- ๑
36
37 ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาเขาหนิ ซอ้ นอนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำ ริ อำ�เภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ แห่งแรกท่ีก่อต้ังข้ึนตาม แนวพระราชด�ำ รใิ นพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ด�ำ เนนิ งาน สนองพระราชด�ำ รใิ นการศกึ ษาทดลอง วจิ ยั ดา้ นตา่ งๆ รวมถงึ การจัดทำ�แปลงสาธิตทฤษฎีใหม่บนพ้ืนที่ ๑๐ ไร่ สภาพดิน เปน็ ทรายจดั มกี ารปรบั พน้ื ทใ่ี หส้ อดคลอ้ งกบั แนวพระราชดำ�ริ โดยแบ่งพื้นทีด่ ังน้ี ส่วนที่ ๑ คัดเลือกพื้นที่ต่ำ�สุดติดกับการระบายน้ำ� จากอ่างเก็บน้ำ�ห้วยเจ๊ก ขุดสระเพ่ิมเติมสามารถเก็บน้ำ�ได้ ๑๒,๘๐๐ ลบ.ม. เลย้ี งปลา ท�ำ การเกษตร และกจิ กรรมตา่ งๆ ส่วนที่ ๒ ปลูกข้าวปีละ ๒ ครั้ง ช่วงฤดูแล้งปลูกพืช ตระกูลถัว่ สว่ นท่ี ๓ เปน็ พน้ื ที่ปลูกพชื ผสมผสาน สว่ นท่ี ๔ เปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั โรงเกบ็ วสั ดอุ ปุ กรณก์ ารเกษตร ลานผลติ ปยุ๋ หมัก และระบบสาธารณปู โภค ตดิ ตอ่ : ผอู้ �ำ นวยการศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาเขาหนิ ซอ้ นฯ โทรศพั ท์ ๐ ๓๘๕๙ ๙๑๐๕, ๐ ๓๘๕๕ ๔๙๘๒ - ๓
38
39 ศูนยศ์ กึ ษาการพัฒนาพิกลุ ทองอนั เนื่องมาจากพระราชด�ำ ริ อำ�เภอเมอื ง จังหวัดนราธวิ าส ดำ�เนินการศึกษาวิจัยและทดลองเพ่ือแก้ปัญหาดิน พฒั นาพ้นื ที่ และหารปู แบบวิธีการท่ีเหมาะสมไดผ้ ลดี นำ�ไป ใช้พัฒนาพ้ืนที่ท่ีมีปัญหา ขยายผลการจัดทำ�แปลงสาธิตการ ปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดตามแนวพระราชดำ�ริทฤษฎีใหม่ ร่วม กับเกษตรกรในพ้นื ที่ ๔๐ ไร่ ประกอบดว้ ย ปลกู ขา้ ว ไม้ผล ปรับสภาพนำ้�ในบอ่ โดยใชน้ ำ้�จากสระ ๑๐ ไร่ ซ่งึ สามารถ ยกระดับความเป็นกรดของนำ้�ให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงปลา ควบคกู่ บั การปลกู ขา้ วนาปี อกี ทงั้ ขดุ ยกรอ่ งไมผ้ ล พชื ผกั พชื ไร่ และปาลม์ น�้ำ มนั ปจั จบุ นั ขยายผลไปยงั ๒ ต�ำ บล ๑๓ หมบู่ า้ น ทอ่ี ยูร่ อบศูนยฯ์ ตดิ ต่อ : ผู้อ�ำ นวยการศนู ยศ์ ึกษาการพัฒนาพิกลุ ทองฯ โทรศัพท์ ๐ ๗๓๕๑ ๓๕๖๐
40
41 ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาภพู านอันเนือ่ งมาจากพระราชด�ำ ริ อำ�เภอเมอื ง จังหวดั สกลนคร ดำ�เนินงานตามแนวพระราชดำ�ริ ด้วยการพัฒนา การเกษตรท่ีเหมาะสมกับท้องถิ่น และส่งเสริมการประกอบ อาชีพ โดยนำ�องค์ความรู้ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ ไดศ้ ึกษาทดลองแลว้ มาใชก้ ับเกษตรทฤษฎีใหม่ พนื้ ที่ ๑๒ ไร่ โดยใชท้ รพั ยากรในทอ้ งถนิ่ ให้เกิดประโยชน์สงู สุด ส่วนที่ ๑ บ่อน้ำ� เพ่ือเก็บกักนำ้�ให้มีน้ำ�ใช้ตลอดทั้งปี มกี ารเล้ียงสัตวแ์ ละพชื น้ำ� เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด เลย้ี งเป็ด บาบารีร่วมกับปลานิลแดง ผักตบชวาซึ่งสามารถบำ�บัดน้ำ� เน่าเสีย นำ�ไปใช้ทำ�ปุ๋ยหมักมีธาตุอาหารสูง เป็นแหล่งผลิต อาหาร ลดค่าใช้จ่ายในครวั เรอื น สว่ นท่ี ๒ นาข้าว ปลกู ขา้ วในฤดฝู นและดำ�เนนิ การ ปลกู พชื หลงั นา เชน่ พชื ตระกลู ถวั่ เพอื่ จ�ำ หนา่ ยและบ�ำ รงุ ดนิ หรือข้าวโพดหวานหรือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพ่ือเป็นอาหาร บรโิ ภคในครวั เรอื นหรอื อาหารสตั วท์ เ่ี หลอื จ�ำ หนา่ ยสรา้ งรายได้ สคู่ รัวเรอื น
42 สว่ นที่ ๓ การปลกู ไมผ้ ล พชื ไร่ พชื ผกั พนื้ บา้ น พชื สมนุ ไพร และเลี้ยงสัตว์ ดำ�เนินการปลูกพชื ลม้ ลกุ และพชื ยืนตน้ เช่น ปลกู ผกั บรอกโคลี กะหลำ่�ปลี กะหล่ำ�ดอก ในช่วงฤดหู นาว มะเขือพันธ์ุหยกภูพาน สวนส้มตำ� พืชไม้เลื้อย ไม้ผล ผัก พน้ื บา้ น พชื สมนุ ไพร เลยี้ งสตั ว์ เชน่ เลยี้ งกบ หา่ น เปด็ ปลา ไก่ดำ�ภูพาน จิ้งหรีด หมูหลุม การจัดการศัตรูพืชโดยวิธีกล และชีววิธี เช่น การใช้ไตรโคเดอร์มาป้องกันโรครากเน่า โคนเน่า การใชไ้ สเ้ ดือนฝอยกำ�จัดหนอน การใชน้ ำ้�ส้มควันไม้ ไลแ่ มลง การใชส้ ารลอ่ แมลงและกบั ดกั แมลง ซงึ่ เปน็ เทคโนโลยี สะอาดอนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม การเพาะเหด็ โดยกจิ กรรมทกุ อยา่ ง มกี ารเกอื้ กูลกันเชอ่ื มโยงซึ่งกนั และกัน
43 สว่ นท่ี ๔ ทอ่ี ยอู่ าศยั สว่ นนด้ี �ำ เนนิ การ มบี า้ น โรงเรอื น เหด็ เรอื นเพาะช�ำ โรงเรอื นจงิ้ หรดี คอกปยุ๋ หมกั คอกหมหู ลมุ ยงุ้ ฉาง ปัจจุบัน มีเกษตรกรเข้ามาศึกษาดูงานหรือเข้ารับการ ฝึกอบรมหลักสูตรเกษตรผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่และ นำ�ไปประยกุ ต์ใช้ในพน้ื ทีข่ องตนเอง มีการขยายผลสูห่ มู่บา้ น รอบศูนย์ฯ ด้วยกิจกรรมต่างๆ มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านทฤษฎใี หมแ่ ละเสรมิ ด้วยหลักสูตรที่เกษตรกรสนใจ เชน่ การเลยี้ งจง้ิ หรดี โดยสนบั สนนุ ปจั จยั การผลติ ไขจ่ งิ้ หรดี ๑๐ ขนั ใหเ้ กษตรกรน�ำ ไปเลยี้ งและเพาะพนั ธจุ์ �ำ หนา่ ย สรา้ งรายไดถ้ งึ ๑๐๙,๔๐๐ บาท รวมถึงมีการส่งเสริมการสร้างกลุ่มผู้เล้ียง จิ้งหรีด ส่วนการเล้ียงห่านเพ่ือกำ�จัดวัชพืชในสวนไม้ผล สนบั สนุนหา่ นให้ ๒ ตวั ให้เกษตรกรบ้านดอนเชยี งคูน ตำ�บล เชียงเครือ อำ�เภอเมือง จังหวัดสกลนคร เพ่ือนำ�การเล้ียง กำ�จัดวัชพืชในสวนไม้ผล สามารถลดต้นทุนการกำ�จัดวัชพืช เป็นตน้ ติดตอ่ : ผูอ้ �ำ นวยการศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาภพู านฯ โทรศัพท์ ๐ ๔๒๗๔ ๗๔๕๘ - ๙ โทรสาร ๐ ๔๒๗๔ ๗๔๖๐
44 ศูนย์ศกึ ษาการพฒั นาห้วยฮอ่ งไคร้อันเนือ่ งมาจาก พระราชด�ำ ริ อ�ำ เภอดอยสะเก็ด จังหวดั เชยี งใหม่ ด�ำ เนนิ งานตามแนวพระราชดำ�ริ “ทฤษฎีใหม่” ทีท่ รง คิดและคำ�นวณตามหลักวิชาการบริหารจัดการทรัพยากร ธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคำ�นึงถึงภูมิประเทศ และภูมิสังคมเป็นสำ�คัญ และศูนย์ศึกษาการพัฒนา ห้วยฮ่องไคร้ฯ มีแนวทางการพัฒนาต้นทางเป็นการศึกษา สภาพพ้ืนท่ีป่าไม้ต้นนำ้�ลำ�ธารและปลายทางเป็นการศึกษา ด้านเกษตรกรรม เพื่อให้เป็นศูนย์ท่ีก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อราษฎรท่ีจะเขา้ มาศึกษากิจกรรมตา่ งๆ แลว้ น�ำ ไปใชป้ ฏบิ ัติ อย่างได้ผลตอ่ ไป ซ่ึงการดำ�เนนิ งาน “ทฤษฎีใหม่” มพี ้นื ที่ท้ังหมด ๑๓ ไร่ แบ่งเป็นพ้ืนที่สว่ นต่างๆ ดังน้ี ส่วนท่ี ๑ นาข้าว จำ�นวน ๔ ไร่ ปลกู ข้าวในฤดูฝน และด�ำ เนนิ การปลูกพืชหลงั นาเป็นพชื อายุสั้น เชน่ ขา้ วโพด เพอ่ื จ�ำ หนา่ ยและบ�ำ รงุ ดนิ บรโิ ภคในครวั เรอื น หรอื อาหารสตั ว์ ทเ่ี หลือจำ�หนา่ ยสร้างรายไดส้ ูค่ รัวเรือน
45 สว่ นท่ี ๒ การปลกู ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ พชื ผกั จ�ำ นวน ๔.๕ ไร่ ไม้ยืนต้น เชน่ ส้มโอ มะมว่ ง ขนุน กระท้อน ฝรั่ง มะนาว น้อยหนา่ มะละกอ ผักยนื ตน้ รอบแปลง เชน่ แคบ้าน มะรุม สะเดา ชะอม เปน็ ต้น ส่วนที่ ๓ สระเก็บน�้ำ จำ�นวน ๒.๕ ไร่ เพอ่ื เก็บกักน้ำ� ใหม้ นี �ำ้ ใชต้ ลอดท้งั ปี มกี ารเลยี้ งปลาและกบในกระชงั ปลกู หญา้ แฝก พืชผัก สมนุ ไพรบริเวณรอบขอบสระน้ำ� ส่วนที่ ๔ ท่ีอยู่อาศัย จำ�นวน ๒ ไร่ ส่วนน้ีมีคอก เล้ยี งหมู เล้าไก่ เลา้ เป็ดเทศ คอกป๋ยุ หมกั และปลูกพืชผัก พชื สมนุ ไพร ผกั พ้ืนบ้านบริเวณพ้นื ท่ีว่างรอบๆ พืน้ ที่ ปัจจุบัน มีเกษตรกรเข้ามาศึกษาดูงานหรือเข้ารับการ ฝึกอบรมหลักสูตรด้านการเกษตรกรรมตามแนวทฤษฎีใหม่ และนำ�ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนเอง มีการขยายผลสู่ หมบู่ ้านรอบศนู ย์ฯ ตดิ ตอ่ : ผอู้ �ำ นวยการศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาหว้ ยฮอ่ งไครฯ้ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๓๘ ๙๒๒๘ - ๙ ตอ่ ๑๐๒ โทรสาร ๐ ๕๓๓๘ ๙๒๒๘ - ๙ ตอ่ ๑๐๑
46 ศูนย์เรียนรู้ เกษตรกรตัวอยา่ งด้านเกษตรทฤษฎใี หมต่ ามแนวพระราชดำ�รแิ ต่ละภมู ิภาค ภาคเหนือ • นายมนูญ เทศนำ� ๒๓/๒ บ้านตลาดขเี้ หล็ก หมู่ท่ี ๑ ต�ำ บลแม่โปง่ อ�ำ เภอดอยสะเกด็ จงั หวดั เชยี งใหม่ • นายบุญเป็ง จนั ตะ๊ ภา ๔๕ หมู่ท่ี ๑๔ ต�ำ บลไม้ยา อำ�เภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชียงราย • นางเปรยี วจนั ทร์ ศรีสุวรรณ ๑๑๙ หมทู่ ี่ ๙ บ้านสันทราย ต�ำ บลเชยี งเค่ียน อ�ำ เภอเทงิ จังหวัดเชียงราย • นายประพนั ธ์ ศรสี วุ รรณ ๑๒/๕ หม่ทู ่ี ๑ ตำ�บลบา้ นปนิ อำ�เภอลอง จงั หวดั แพร่ • นายผล มีศรี กลุ่มเกษตรกรท�ำ สวนบ้านถ้�ำ ๒๖๒ หมทู่ ่ี ๕ ตำ�บลบา้ นถ้�ำ อำ�เภอดอกค�ำ ใต้ จงั หวัดพะเยา • นางพรรณพมิ ล ปนั คำ� กลุม่ ศนู ยเ์ ครือข่ายปราชญช์ าวบา้ นเกษตรย่งั ยนื ๕๙ หมทู่ ี่ ๗ ตำ�บลศรีเมืองชุม อำ�เภอแมส่ าย จงั หวดั เชียงราย ภาคกลาง • นายณรงค์ บัวสี ๘ หมทู่ ี่ ๑๔ แขวงสะพานสงู เขตสะพานสงู กรุงเทพมหานคร • นายปรชี า เหมกรณ์ ๕๕ หมู่ท่ี ๙ แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กรงุ เทพมหานคร
47 • นายยวง เขียวนิล ๙๑/๑ หมู่ท่ี ๗ ตาํ บลราษฎร์นยิ ม อาํ เภอไทรนอ้ ย จงั หวัดนนทบรุ ี • นายบญุ เยี่ยม ยะอะนันตร์ ๖๕ หมู่ที่ ๙ ตำ�บลบ้านซอ่ ง อำ�เภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา • นายวริ ัตน์ จนี ลกั ษณ์ ๑๓๓ หมทู่ ี่ ๖ ตำ�บลเกาะโพธิ์ อ�ำ เภอปากพลี จังหวัดนครนายก • นายส�ำ รอง แตงพลบั ๖๙/๑ หมู่ที่ ๔ ต�ำ บลไรใ่ หมพ่ ฒั นา อ�ำ เภอชะอำ� จงั หวัดเพชรบรุ ี • กลุ่มผลติ พนั ธุข์ ้าวฯ บ้านไทรใหญ่ ๑๙/๔ หมทู่ ี่ ๕ ถนนเลยี บคลองขนุ ศรี ต�ำ บลไทรใหญ่ อำ�เภอไทรน้อย จงั หวัดนนทบรุ ี • ชุมชนเพชราวุธ พัน ๒ ชุมชนเพชราวธุ พัน ๒ ถนนพหลโยธนิ แขวงอนสุ าวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื • นายจนั ทร์ที ประทมุ ภา ๑๓๘ บ้านโนนรงั หมู่ที่ ๖ ต�ำ บลตลาดไทร อำ�เภอชมุ พวง จงั หวดั นครราชสมี า • นางพิมพ์ โถตนั คำ� ๙๓ หมทู่ ี่ ๑๙ บา้ นนาขาม ต�ำ บลนาม่อง อ�ำ เภอกุดบาก จงั หวดั สกลนคร
48 • นายบุญแทน เหลาสุพะ ภาคใต้ ๑๐๔ หมู่ที่ ๑๓ ตำ�บลนาดินด�ำ อำ�เภอเมือง จังหวัดเลย • นายขวญั ใจ แก้วหาวงศ์ ๗๒ หมทู่ ่ี ๖ บ้านเหลา่ นกยงู ตำ�บลดงมะไฟ อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวัดสกลนคร • ด.ต. ปญั ญา ประชาชิต บา้ นนาจาม หมูท่ ี่ ๓ ต�ำ บลหว้ ยยาง อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดสกลนคร • นายวิเศษ คำ�ไชโย ๑๙๑ หมู่ท่ี ๙ ต�ำ บลคุ้มเกา่ อำ�เภอเขาวง จังหวดั กาฬสนิ ธุ์ • นายสมคดิ ศรลี าวงษ์ ๓๐ หมูท่ ี่ ๑๘ บา้ นโนนนาคำ� ต�ำ บลคำ�บ่อ อำ�เภอวาริชภูมิ จังหวดั สกลนคร • กลมุ่ ขา้ วคุณค่า ชาวนาคุณธรรม ๘๐ หมทู่ ่ี ๘ ชมุ ชนวัดป่าสวนธรรมร่วมใจ บ้านมว่ งไข่ ตำ�บลกระจาย อ�ำ เภอปา่ ตวิ้ จงั หวดั ยโสธร • กลุ่มเกษตรกรย่ังยนื อำ�เภอกนั ทรวชิ ัย เลขที่ ๔๓ หมูท่ ี่ ๒ บา้ นดอนแดง ต�ำ บลศรีสขุ อำ�เภอกันทรวิชยั จงั หวัดมหาสารคาม • นายสมชาย นลิ อนันต์ ๑๐๑ หมทู่ ี่ ๑ ต�ำ บลช้างขวา อำ�เภอกาญจนดษิ ฐ์ จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี • นายพินยั จนั ทรแ์ ก้ว ๗๒/๓ หมูท่ ี่ ๑ บ้านยุโป ต�ำ บลยโุ ป อำ�เภอเมอื ง จงั หวัดยะลา • ชมุ ชนบ้านบางโรง เลขที่ ๒/๒ หมู่ที่ ๓ ต�ำ บลป่าคลอก อ�ำ เภอถลาง จงั หวัดภูเก็ต
Search