ออกแบบ ชี วิ ต วพิสราะโไลพศาล
พระไพศาล วสิ าโล
อ อ ก แ บ บ ช ี ว ิ ต 2 คำ� ปรารภ บ้าน หากไม่ออกแบบไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาลงมือสร้าง ก็มักจะมีปัญหาตามมามากมาย รวมทั้งงบบานปลาย ยง่ิ กวา่ นนั้ เมอ่ื สรา้ งเสรจ็ กม็ กั ไมถ่ กู ใจเจา้ ของบา้ น และ อยู่อยา่ งไม่มีความสุข บ้านฉันใด ชีวิตก็ฉันนั้น หากไม่ออกแบบหรือ ก�ำหนดเป้าหมายของชีวิตไว้เลย ชีวิตก็ง่ายที่จะตกต่�ำ ย�่ำแย่หรือเส่ือมทรุด สร้างความทุกข์แก่เจ้าของชีวิต อยา่ งไรกต็ าม ชวี ติ กบั บา้ นมคี วามแตกตา่ งประการหนงึ่
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 3 นั่นก็คือ บ้านน้ันเราต้องออกแบบก่อนสร้าง ส่วนชีวิต นน้ั แมจ้ ะลว่ งเลยมาจนถงึ วยั กลางคน กย็ งั ไมส่ ายทจ่ี ะ ออกแบบ อกี ทั้งยังสามารถปรับเปลย่ี นแบบไดท้ กุ ขณะ การออกแบบช วี ติ เปน็ สง่ิ ทเี่ ราควรใครค่ รวญอยา่ ง ลกึ ซงึ้ เพราะมคี วามสำ� คญั อยา่ งยง่ิ ตอ่ เสน้ ทางชวี ติ ของเรา นา่ เสยี ดายทท่ี กุ วนั น ้ี ผคู้ นไมม่ เี วลาครนุ่ คดิ เรอ่ื งนอ้ี ยา่ ง เพียงพอ จึงมักปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามกระแสสังคม ซึ่งกระตุ้นให้บริโภค และถือเอาลาภ ยศ สรรเสริญ เปน็ จดุ หมายของชวี ติ หาไมก่ ป็ ลอ่ ยใหผ้ อู้ นื่ มาออกแบบ ชีวิตของตนให้แทน แม้จะท�ำด้วยความปรารถนาดี กต็ าม หลายคนกวา่ จะพบวา่ ชวี ติ ทเ่ี ปน็ อยนู่ นั้ ไมใ่ ชส่ ง่ิ ท ี่ จติ ใจสว่ นลกึ ตอ้ งการ กส็ ายไปแลว้ แมจ้ ะมที รพั ยส์ มบตั ิ มากมาย ก็หาใช่สิ่งท่ีตนเองต้องการอย่างแท้จริงไม ่
อ อ ก แ บ บ ช ี ว ิ ต 4 ดังค�ำเตือนใจของธอโร ปราชญ์ชาวอเมริกันที่กล่าวว่า “โศกนาฏกรรมท่ีสุดในชีวิต คือการใช้เวลาท้ังชีวิต ตกปลา เพยี งเพอื่ จะพบวา่ มนั ไมใ่ ชป่ ลาทต่ี วั ตอ้ งการ” เนอ้ื หาในหนงั สอื เลม่ นพี้ ดู ถงึ การออกแบบชวี ติ ใน มมุ มองของพทุ ธศาสนา โดยเชอ่ื มโยงกบั ชวี ติ สมยั ใหม ่ แม้กระนั้นก็เป็นเพียงมุมมองอย่างกว้างๆ ซ่ึงแต่ละคน จ�ำเป็นต้องน�ำไปประยุกต์ใช้กับตนเอง หากเห็นว่าเป็น แนวคดิ ทด่ี ี ทงั้ นตี้ อ้ งไมล่ มื วา่ แบบทอ่ี อกมานนั้ จะเหมาะ กับชีวิตของเรา ก็ต่อเมื่อเรารู้จักตัวเองอย่างแท้จริง รวมท้ังรู้ว่า อะไรคือ คุณค่าและความหมายท่ีส�ำคัญ ของชีวิต พูดง่ายๆ คือรู้ว่าเราต้องการอะไรจากชีวิตน ้ี เช่นเดียวที่แบบบ้าน จะก่อให้เกิดบ้านที่ดีได้ ก็ต่อเม่ือ เรารชู้ ัดวา่ ตอ้ งการอะไรจากบา้ นหลังน้ี
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 5 หนังสือเล่มน้ีมีที่มาจากค�ำบรรยายของข้าพเจ้า ในงานปฏิบัติธรรมที่จัดโดยชมรมกัลยาณธรรม ณ โรงพยาบาลสมทุ รปราการเมอื่ ปที แี่ ลว้ คณุ หมออจั ฉรา กล่ินสุวรรณ์ เห็นว่ามีประโยชน์ควรเผยแพร่ จึงได้จัด พมิ พเ์ ปน็ หนงั สอื ขา้ พเจา้ ขออนโุ มทนาดว้ ย และหวงั วา่ จะเปน็ ขอ้ คดิ ใหแ้ กท่ กุ ทา่ นในการออกแบบชวี ติ เพอื่ ใหไ้ ด ้ รบั ประโยชนส์ งู สดุ จากชวี ติ น ี้ สมกบั ทเี่ กดิ มาเปน็ มนษุ ย์ ๒๐ มถิ ุนายน ๒๕๖๓
อ อ ก แ บ บ ชี ว ิ ต 6 ค�ำนำ� ชมรมกัลยาณธรรม ชีวิตคนเราเป็นท่ีเห็นกันโดยทั่วไปว่า กว่าเราจะ รู้เดียงสา ก็ใช้เวลาหลายปี ทั้งยังต้องศึกษาเล่าเรียน หมดช่วงวัยต้นไป พอเข้าวัยท�ำงาน ก็มาพร้อมกับ ภาระการมีครอบครัว ท�ำงาน หาเงิน ดูแลครอบครัว เวลาวยั ผใู้ หญก่ ผ็ า่ นไปอยา่ งรวดเรว็ ราวตดิ ปกี การเรยี นร ู้ ชวี ติ ทหี่ มายถงึ “การออกแบบชวี ติ ” แทบจะทำ� ไมค่ อ่ ยได้ เพราะเมอื่ ชวี ติ มเี หตปุ จั จยั แหง่ ความเปน็ มา เปน็ ไปแลว้ ก็ต้องประคับประคองนาวาชีวิตไป ให้อยู่รอด ตาม เหตุการณ์เฉพาะหน้าที่ต้องประสบ ทั้งในวันดีคืนด ี กม็ เี หตกุ ารณไ์ มค่ าดฝนั มาทดสอบ ใหต้ อ้ งแกป้ ญั หากนั ไปตามสติปญั ญา
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 7 เม่ือคิดได้ ก็เกือบสายแล้ว เพราะล่วงเข้าสู่วัย กลางคน สุขภาพก็ไม่แข็งแรงเหมือนเก่า ความฝันที่ เคยมเี คยหวงั กเ็ รม่ิ ปลอ่ ยวางลง จะมาออกแบบชวี ติ กนั ตอนน ้ี กต็ อ้ งอยภู่ ายใตข้ อ้ จำ� กดั มากมาย แตก่ ย็ งั ดกี วา่ ไม่ได้เร่ิมต้นกันเสียเลย แม้เวลาท่ีผ่านมา จะเสียเวลา ไปกับสิ่งท่ีไม่ส�ำคัญ และถูกกิเลสหลอกมามากมาย กย็ งั ดกี วา่ ไมไ่ ดค้ ดิ สรา้ งสรรคท์ จี่ ะปรบั ปรงุ หรอื ปฏสิ งั ขรณ ์ ตัวแบบชวี ติ ใหท้ นั เวลา ก่อนลาจากโลกน้ไี ป จะมีสักก่ีคน ที่สามารถออกแบบชีวิตได้สวยงาม และท�ำได้อย่างใจ เดินตามแบบตามแปลนที่วางไว้ได ้ มากกว่าครึ่ง เพราะชีวิตคนเรา ต้องพบส่ิงไม่คาดฝัน มากมาย หากไมม่ หี ลกั ทางใจทมี่ นั่ คง ไมม่ วี นิ ยั และสต ิ ประคับประคองใหแ้ นว่ แน่ ก็อาจจะลม้ เหลวได้ในที่สดุ
อ อ ก แ บ บ ชี ว ิ ต 8 ท่านพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล มีเมตตามา บรรยายทโี่ รงพยาบาลสมทุ รปราการ ในวนั ท ่ี ๓ สงิ หาคม ๒๕๖๒ โดยในช่วงบ่ายท่านบรรยายเร่ือง “ออกแบบ ชีวิต” เป็นธรรมบรรยายท่ีเป็นประโยชน์ ช่วยเตือนสติ และใหก้ ำ� ลงั ใจพวกเรามากมาย ดว้ ยภาษางา่ ยๆ และมี หลกั ธรรมสำ� คญั เปน็ ขนั้ เปน็ ตอนทเ่ี ปน็ แนวปฏบิ ตั ชิ ดั เจน ทั้งข่าวดีว่า เราสามารถออกแบบชีวิตได้เสมอ ไม่สาย เกนิ ไปทจี่ ะเรมิ่ ตน้ ใหมใ่ นวนั น ี้ และสามารถออกแบบได้ ทุกขั้นตอน ต้ังแต่การอยู่ดี ไปจนถึงแบบชีวิตแห่งวัน สุดทา้ ย ที่จะตายดีดว้ ย ชมรมกลั ยาณธรรมเหน็ คณุ คา่ ของธรรมบรรยายนี้ จึงได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือ ซ่ึงพระอาจารย์ได้เมตตา ตรวจทานแก้ไขให้ ท้ังได้รับนำ�้ ใจจากทีมงานเบื้องหลัง
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 9 ทกุ ทา่ น ทใ่ี หเ้ วลาชว่ ยตรวจทานแกไ้ ข เตรยี มงาน จดั รปู เล่ม จนพร้อมเปน็ ธรรมบรรณาการทกุ ท่านในท่สี ุด ในมงคลวารแห่งวันอาสาฬหบูชาและเทศกาล เข้าพรรษา อันเป็นวันส�ำคัญแห่งธรรมร�ำลึก ทั้งเป็น ช่วงเวลาพรรษากาลแห่งการประพฤติธรรมที่เข้มข้น ทบทวนชีวิตที่ดีงามตลอดไตรมาสน้ี ชมรมกัลยาณ- ธรรม ขอมอบหนังสือนี้ให้เป็นดุจแผนที่และแนวทาง แหง่ การเดนิ ตามธรรมคำ� สอน ดว้ ยการ “ออกแบบชวี ติ ” ของทุกท่าน ให้สอดคล้อง งดงามตามธรรม เพ่ือ ประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมอย่างม ี คณุ คา่ ตามกำ� ลงั ศรทั ธา และหวงั วา่ เราจะมมี มุ มองท่ี งดงาม หลากหลาย ไม่ซ้�ำแบบให้ชืน่ ชมกัน
อ อ ก แ บ บ ช ี ว ิ ต 10 เป็นที่น่าปล้ืมใจว่าตลอดช่วงวิกฤตโควิด-๑๙ ทผี่ า่ นมา ประเทศไทยของเราไดร้ บั คำ� ชน่ื ชมจากทว่ั โลก ในเรือ่ งของมาตรฐานทางการแพทยแ์ ละการดแู ลผูป้ ว่ ย อย่างเอื้ออาทรใส่ใจ ตามปณิธานของบุคลากรทางการ แพทย์ นอกจากนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยความเป็น สังคมแห่งพุทธศาสนา ท่ีคนไทยต่างมีน้�ำใจห่วงใยกัน และมีระเบียบวินัยให้ความร่วมมือกับข้อก�ำหนดต่างๆ ทท่ี างราชการขอความรว่ มมอื มา รวมถงึ อกี เรอื่ งทส่ี ำ� คญั คอื เรามคี รบู าอาจารยใ์ นทางธรรมทค่ี อยใหส้ ต ิ ใหก้ ำ� ลงั ใจ โปรยปรายสายธารธรรมมาเป็นหลักทางใจ ให้พวกเรา ผ่านพ้นวิกฤตของโลกคร้ังน้ีมาได้อย่างปลอดภัย และ ครบู าอาจารยท์ า่ นหนง่ึ ทที่ ำ� งานหนกั ตลอดมาเพอ่ื เกอ้ื กลู ธรรมแก่สังคม ก็คือ ท่านพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล นเ่ี อง
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 11 บญุ กศุ ลใดอนั เกดิ จากธรรมทานน ้ี ขอนอ้ มถวาย เป็นพุทธบูชา และน้อมถวายเป็นอาจริยบูชา แด่ท่าน พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล พระผู้เป็นแบบอย่างทาง ชีวิตท่ีประเสริฐ ทั้งเป็นกัลยาณมิตรทางธรรมของเรา ทุกคน ขอพระธรรมจงรุ่งเรืองในใจของสาธุชนทุกท่าน เพ่ือเป็นที่พ่ึงแแหง่ ชีวติ ที่ดีงามยงิ่ ๆ ขน้ึ ไป เทอญ นอ้ มบูชาคุณพระรัตนตรัยดว้ ยเศยี รเกล้า ทพญ.อัจฉรา กล่นิ สวุ รรณ์ ๒๙ มิถนุ ายน ๒๕๖๓
บ้าน หากไม่ออกแบบไวก้ อ่ น เม่อื ถึงเวลาลงมอื สรา้ ง ก็มกั จะมปี ญั หาตามมามากมาย รวมทั้งงบบานปลาย ยิ่งกว่านนั้ เม่ือสรา้ งเสรจ็ กม็ กั ไมถ่ ูกใจเจา้ ของบา้ น และอยอู่ ย่างไม่มีความสุข บ้านฉันใด ชวี ิตก็ฉันน้ัน หากไม่ออกแบบหรือกำ� หนดเปา้ หมายของชวี ิตไว้เลย ชีวิตก็งา่ ยท่ีจะตกต�ำ่ ย่ำ� แยห่ รือเสือ่ มทรุด สรา้ งความทกุ ข์แกเ่ จ้าของชีวิต
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 15 เวลาเราจะออกแบบบ้านหรือ อาคาร เราตอ้ งชดั เจนกอ่ นวา่ บ้านหรืออาคารน้ันๆ มีวัตถ ุ ประสงคอ์ ยา่ งไร เราจะใชบ้ า้ น หรืออาคารนั้นเพ่อื อะไร
อ อ ก แ บ บ ชี ว ิ ต 16 วางเปา้ หมายชีวิต ในทำ� นองเดยี วกนั กอ่ นทเี่ ราจะออกแบบชวี ติ เรา ตอ้ งรชู้ ดั วา่ จดุ มงุ่ หมายของชวี ติ คอื อะไร หรอื เรามชี วี ติ อยู่เพ่ืออะไร ในแง่ของชาวพุทธนั้น จุดมุ่งหมายของ ชีวิต สามารถสรุปด้วยประโยคส้ันๆ ของท่านอาจารย ์ พุทธทาสท่ีว่า “ชีวิตท่ีดี คือ ชีวิตท่ีสงบเย็น และเป็น ประโยชน”์ ขอ้ ความสน้ั ๆ น ี้ กนิ ความหมายครบถว้ นมาก ในทัศนะของพุทธศาสนา “สงบเย็น” คือ จิตใจ ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความรุ่มร้อน เพราะไม่ถูกกิเลส รบกวนรงั ควาน ยง่ิ ปลอดจากกเิ ลสไดย้ ง่ิ ด ี เพราะความ รุ่มร้อนในจิตใจเกิดขึ้นได้เม่ือมีกิเลสมารบกวน ท�ำให ้ จิตใจไม่มีความสงบเย็น ไม่มีความสุข แน่นอนว่า
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 17 ทุกชีวิตต้องการความสุข แต่ความสุขมีหลายชนิด หลายระดับ หลายประเภท แล้วสุขอะไรท่ีประเสริฐสุด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “สุขอ่ืนย่ิงกว่าความสงบไม่มี” และความสงบสูงสุดก็คือ นิพพาน แต่หากยังไปไม่ถึง ขนั้ นนั้ อยา่ งนอ้ ยกค็ วรดแู ลรกั ษาใจไมใ่ หก้ เิ ลสมารบกวน ไม่ปล่อยให้ความโลภ โกรธ หลง มารังควานจิตใจ “สงบเย็น” เช่นนี้ ท�ำให้ความเห็นแก่ตัวลดลง จึงบ�ำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อ่ืนได้มากมาย ย่ิงบ�ำเพ็ญ ประโยชน์ต่อผู้อ่ืนมากเท่าใด ชีวิตก็ย่ิงมีคุณค่ามาก เทา่ นนั้ แตจ่ ะบำ� เพญ็ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ น่ื ไดม้ าก กต็ อ่ เมอื่ เราเขา้ ถงึ ความสงบเยน็ ในจติ ใจ “สงบเยน็ ” นน้ั หมายถงึ ประโยชน์ตน ส่วนค�ำว่า “เป็นประโยชน์” หมายถึง ประโยชน์ท่าน
อ อ ก แ บ บ ชี ว ิ ต 18 พุทธศาสนามองว่าชีวิตท่ีดีคือ ชีวิตที่ถึงพร้อม ทงั้ ประโยชนต์ นและประโยชนท์ า่ น ถา้ เกดิ ประโยชนต์ น คือจิตใจสงบเย็น แต่ไม่ได้ก่อประโยชน์ท่านเลย ยัง ไมถ่ อื วา่ เปน็ ชวี ติ ทคี่ รบถว้ นสมบรู ณ ์ ในทางตรงขา้ มแม ้ ท�ำประโยชนท์ า่ น แตไ่ มเ่ กดิ ประโยชนต์ น คอื ทมุ่ เทท�ำ เพอื่ ผอู้ นื่ ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู สว่ นรวม แตจ่ ติ ใจตวั เองกลบั รมุ่ รอ้ น ไมม่ คี วามสขุ เชน่ ไปออกโรงทาน ชว่ ยเหลอื ผคู้ น แตจ่ ติ ใจหงดุ หงดิ รำ� คาญ จนถงึ ขน้ั ทะเลาะเบาะแวง้ กับคนรอบข้าง อย่างนี้ก็ไม่ถูก ที่ถูกคือ ต้องถึงพร้อม ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน โดยประโยชน์ตน ท่ีประเสริฐ ได้แก่ ความสงบเย็น และประโยชน์ตน ท่ีประเสริฐสดุ ก็คือ นพิ พาน
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 19 ในทางพุทธศาสนา ประโยชน์ตนจะถึงพร้อม จนกระทงั่ สมั ผสั กบั ความสงบเยน็ ได้ กเ็ พราะมปี ญั ญา เมอื่ ปญั ญาถงึ พรอ้ ม เหน็ แจง้ ในสจั ธรรม รวู้ า่ สงิ่ ตา่ งๆ ไมม่ ี อะไรทยี่ ดึ มน่ั ถอื มนั่ ได ้ กป็ ลอ่ ยวาง เมอื่ ไมย่ ดึ ตดิ ถอื มนั่ ในส่ิงใดว่าเป็นตัวเป็นตน กิเลสก็ไม่มีท่ีต้ัง ความทุกข์ โดยเฉพาะความทกุ ขใ์ จกเ็ กดิ ขนึ้ ไมไ่ ด ้ เพราะความทกุ ขใ์ จ นั้น ถึงที่สุดแล้ว เกิดจากความยึดติดถือม่ันในตัวตน รวมทั้ง ยึด อยากให้เท่ียง อยากให้สุข อยากให้เป็น ของเรา หรืออยู่ในอ�ำนาจของเรา ปัญญาท่ีถึงพร้อม จะนำ� ไปสคู่ วามสงบเยน็ และเมอ่ื ไมม่ คี วามยดึ ตดิ ถอื มน่ั ในตัวตน ความเห็นแก่ตัวไม่มี ความกรุณาก็จะเจริญ งอกงาม นำ� ไปสกู่ ารบำ� เพญ็ ประโยชนเ์ พอื่ ผอู้ น่ื อยา่ งเตม็ ที่ และอย่างแทจ้ รงิ
อ อ ก แ บ บ ช ี ว ิ ต 20 ฉะนนั้ “สงบเยน็ และเปน็ ประโยชน”์ ในดา้ นหนง่ึ หมายถึง การถึงพร้อมด้วยประโยชน์ตนและประโยชน ์ ทา่ น และอกี ดา้ นหนงึ่ หมายถงึ การถงึ พรอ้ มทงั้ ปญั ญา และกรุณา พระพุทธเจ้าทรงเป็นแบบอย่างของผู้ท่ ี ถงึ พรอ้ มทง้ั ปญั ญาและกรณุ า ดงั ทเ่ี ราทราบดวี า่ พทุ ธคณุ หรอื คณุ สมบตั ขิ องพระพทุ ธเจา้ ม ี ๒ ประการ คอื พระ ปัญญาคุณ และพระกรุณาคุณ ส่วนพระวิสุทธิคุณน้ัน เพม่ิ มาทหี ลัง ในเม่ือชาวพุทธ มพี ระพทุ ธเจา้ เปน็ แบบ อยา่ ง ปณธิ านสงู สดุ ของชาวพทุ ธ จงึ ไดแ้ กก่ ารเจรญิ รอย ตามพระองค ์ นนั่ คอื การพฒั นาตนใหถ้ งึ พรอ้ มทงั้ ปญั ญา และกรุณา เม่ือปัญญาถึงพร้อม ก็เกิดความสงบเย็น อย่างยิ่ง และเมื่อความกรุณาถึงพร้อม การบ�ำเพ็ญ ประโยชนเ์ พอื่ ผอู้ น่ื อยา่ งแทจ้ รงิ ยอ่ มเกดิ ขน้ึ ตามมา คำ� วา่ “สงบเย็นและเป็นประโยชน์” จึงกินใจความส�ำคัญของ พุทธศาสนา โดยเฉพาะเมือ่ พูดถึงอุดมคติของชวี ติ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 21 พฒั นา ๓ ภาวนา ๔ เมอ่ื เราเหน็ ชดั วา่ จดุ มงุ่ หมายของชวี ติ คอื ความ สงบเยน็ และประโยชน ์ คราวนเี้ รากม็ าสกู่ ารออกแบบชวี ติ ชวี ติ ของคนเรามอี ย ู่ ๓ สว่ นใหญๆ่ คอื กาย ใจ และความสมั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ รวมทง้ั สง่ิ อนื่ “ผอู้ น่ื ” หมายถงึ คนในครอบครวั พอ่ แม ่ ลกู หลาน ญาตพิ นี่ อ้ ง ไปจนถงึ เพอ่ื นมนษุ ยห์ รอื สงั คมสว่ นรวม นอกจากความสมั พนั ธ์ กับคนแล้ว เรายังมีความสัมพันธ์กับส่ิงของ ปัจจัยสี ่ วตั ถสุ งิ่ เสพ แมก้ ระทง่ั พระเองยงั ตอ้ งมบี รขิ าร ๘ “สง่ิ อน่ื ” ยงั รวมไปถงึ สรรพสตั ว ์ รวมไปถงึ ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ดังนั้น เมื่อเราจะวางแผนชีวิต ก็ต้องท�ำให้ ๓ ส่วนน้ ี เจรญิ งอกงามอยา่ งสมดลุ กนั คอื สมดลุ กนั ทงั้ กาย ใจ และความสัมพันธ์
อ อ ก แ บ บ ช ี วิ ต 22 ชวี ติ ทส่ี งบเยน็ และเปน็ ประโยชนจ์ ะเกดิ ขนึ้ ได ้ ตอ้ ง พัฒนา ๓ ส่วนนี้ให้เจริญงอกงาม จะเห็นได้ชัดว่าถ้า เราพฒั นากาย กบั ใจใหด้ ี จะเกดิ “สงบเยน็ ” ไดง้ า่ ยขนึ้ และถา้ เราพฒั นาความสมั พนั ธ ์ กจ็ ะทำ� ให ้ “ประโยชน”์ หรอื การชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู ผคู้ นและสง่ิ แวดลอ้ ม เปน็ ไป ดว้ ยดี ส�ำหรับการพัฒนา ๓ ส่วนนี้ มีธรรมะอยู่หมวด หนึ่งที่น่าสนใจ เรียกว่า ภาวนา ๔ ค�ำว่า “ภาวนา” คอื พฒั นา ทำ� ใหเ้ จรญิ ภาวนา ๔ น ี้ เปน็ หลกั ธรรมท ี่ ชว่ ยให ้ กาย ใจ และความสมั พนั ธ ์ ดีข้นึ ภาวนา ๔ นน้ั ขอ้ แรกคอื กายภาวนา เปน็ การทำ� “กาย” ใหเ้ จรญิ งอกงาม สอง ศลี ภาวนา คอื การพฒั นา
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 23 “ความสัมพันธ์” ให้ดีงาม ศีลเป็นเร่ืองความสัมพันธ์ เรมิ่ จาก ศลี ๕ เปน็ ความสมั พนั ธใ์ นทางทไ่ี มเ่ บยี ดเบยี น ผู้อ่ืน เม่ือพัฒนาเป็นศีล ๘ ก็ช่วยความสัมพันธ์กับ ส่ิงอื่น โดยเฉพาะวัตถุส่ิงเสพ เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่ใช่การเสพเพ่ือปรนเปรอ หรือเกินสมควร จนกลาย เป็นความหมกมุ่น หรือหลงใหลมัวเมาในกามสุข เช่น ศีลข้อ ๓ อพฺรหฺมจริยา และศีลข้อ ๖, ๗, ๘ หมายถึง การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ ไม่กินอาหาร ในเวลาวิกาล ไม่ร้องร�ำท�ำเพลง ดูหนัง ฟังดนตร ี ประดบั ประดารา่ งกาย รวมทง้ั ไมเ่ พลดิ เพลนิ กบั การนอน ศีลภาวนา กล่าวรวมๆ เป็นการพัฒนาความ สัมพันธ์กับคน สิ่งของ รวมทั้งวัตถุสิ่งเสพ ให้เป็นไป ในทางทด่ี งี าม
ถา้ เราพัฒนากาย กับใจให้ดี จะเกดิ “ความสงบเย็น” ไดง้ า่ ยขึน้ และถา้ เราพฒั นาความสัมพันธ์ ก็จะท�ำให้ “การเปน็ ประโยชน์” หรอื “การชว่ ยเหลือเกื้อกูลผคู้ นแวดลอ้ ม” เป็นไปไดด้ ีขน้ึ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 25 ส่วนเรื่องของใจ พุทธศาสนาแยกออกเป็น ๒ คือ จิต กับ ปัญญา ดังนั้นจึงมี จิตภาวนา และ ปัญญาภาวนา จิตภาวนา คือ “สมาธิ” ในไตรสิกขา น่ันเอง (ไตรสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา) จิต- ภาวนา ทำ� ใหจ้ ติ มคี ณุ ภาพ สมรรถภาพ และสขุ ภาพด ี เช่น มีสติ สมาธิ ขันติ เมตตา ส่วนปัญญาภาวนา คือการพัฒนาปัญญา จนเกิดความเข้าใจแจ่มแจ้งใน สจั ธรรม โดยเฉพาะความจรงิ ของกายและใจ ซง่ึ เปน็ ไป ตามหลกั ไตรลักษณ์ คือ อนจิ จัง ทกุ ขงั อนตั ตา ภาวนา ๔ เปน็ ธรรมะทสี่ ำ� คญั แตช่ าวพทุ ธไมค่ อ่ ย รู้จักเท่าไรนัก รู้จักแต่เพียง สิกขา ๓ หรือไตรสิกขา ซงึ่ ครอบคลมุ เรอื่ งพฤตกิ รรมหรอื ความสมั พนั ธ ์ แตข่ าด เรอื่ งกายภาวนา อนั ทจ่ี รงิ “ศลี ” ในไตรสกิ ขา มองใหด้ ี
อ อ ก แ บ บ ชี ว ิ ต 26 กค็ รอบคลมุ ถงึ เรอ่ื งของกายได ้ กายภาวนานนั้ ความหมาย พ้ืนๆ ก็คือ การดูแลรักษาร่างกายให้เป็นปกติสุข ไม่ หวิ โหย ไมเ่ จบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย นเ้ี ปน็ การปฏบิ ตั ธิ รรมเชน่ กนั เพราะร่างกายจะเป็นปกติสุข มีสุขภาพดีได้ นอกจาก ออกก�ำลังกายอย่างพอเหมาะแล้ว เราต้องรู้จักกิน อาหารใหพ้ อเพยี ง ไมน่ อ้ ยและไมม่ ากไป ไมก่ นิ ตามใจ ปาก ซึ่งเป็นเร่ืองยากส�ำหรับคนสมัยน้ี เพราะมีของ อร่อยๆ น่ากินมากมาย จนคนจ�ำนวนไม่น้อยมีปัญหา โรคอว้ นหรอื นำ้� หนกั เกนิ ทำ� ใหเ้ กดิ โรคหวั ใจ เบาหวาน หรอื แมแ้ ตม่ ะเร็ง พทุ ธศาสนามคี ำ� สอนทเี่ กย่ี วกบั เรอ่ื งการดแู ลรกั ษา กายใหเ้ ปน็ สขุ ปลอดพน้ จากโรคภยั ไขเ้ จบ็ อยมู่ าก เชน่ คำ� สอนทช่ี อ่ื วา่ อายวุ ฒั นธรรม ๕ แปลวา่ ธรรมทที่ ำ� ให ้
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 27 อายยุ นื ไมเ่ จบ็ ปว่ ย มสี ขุ ภาพด ี ขอ้ แรกคอื กนิ อาหาร ทีย่ ่อยงา่ ย ข้อ ๒ คอื รจู้ กั ท�ำตนให้สบาย พุทธศาสนาไม่ได้ปฏิเสธเรื่องความสบาย ไม่ได ้ สอนใหล้ ำ� บาก หรอื ทรมานตน การงดเวน้ อาหารมอ้ื เยน็ ไมไ่ ดเ้ ปน็ การทรมานตน แตเ่ ปน็ ไปเพอื่ ความสบาย เพอื่ ความอยงู่ า่ ย พระพทุ ธองคท์ รงสอนใหร้ จู้ กั ทำ� ความสบาย แก่ตน แต่มีข้อท่ี ๓ ตามมา คือต้องรู้จักประมาณ ในความสบาย หรอื สบายแตพ่ อด ี ไมเ่ ชน่ นนั้ จะเกดิ โทษ ได้ เช่น ถ้าเอาแต่น่ังๆ นอนๆ ไม่ออกก�ำลังกาย ไปไหนก็น่ังรถ ไม่เดินบ้าง เอาแต่กิน ไม่ใช้เร่ียวแรง จะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ ซึ่ง กำ� ลังเป็นปัญหาส�ำคัญของคนสมยั นี้
อ อ ก แ บ บ ช ี วิ ต 28 ภาวนาในพทุ ธศาสนา จงึ รวมถงึ การดแู ลสขุ ภาพ การกินอาหารอย่างพอเพียง และการรู้จักประมาณใน การบรโิ ภค การรจู้ กั ประมาณในการบรโิ ภค หรอื บรโิ ภค แต่พอดีนี้ เป็นธรรมข้อหน่ึงในโอวาทปาติโมกข์ เป็น เรื่องที่ส�ำคัญมากในสมัยนี้ สามข้อท่ีว่าน้ีเป็นเรื่องของ กายโดยตรง อีก ๒ ข้อที่ท�ำให้อายุยืนก็คือ การมีศีล ศีลท�ำให้อายุยืน เพราะเมื่อไม่เบียดเบียนใคร ก็ไม่มี เรื่องเดือดเน้ือร้อนใจ ไม่ตายเร็ว ถ้าไม่มีศีลก็อาจจะ ตายเรว็ เพราะถกู คนอน่ื ทำ� รา้ ยเปน็ การแกแ้ คน้ หรอื ไมก่ ็ เกิดความเครียด ความวิตกกังวล เดือดเน้ือร้อนใจ เน่ืองจากท�ำความช่ัว และข้อสุดท้ายที่ท�ำให้อายุยืนคือ กัลยาณมิตร ปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายท่ียืนยันว่า คนเราจะมอี ายยุ นื ได ้ ปจั จยั สำ� คญั ประการหนงึ่ กค็ อื การ มีความสัมพันธ์ที่ดีงามกับผู้อื่น ไม่โดดเด่ียว อ้างว้าง มีชมุ ชนรอบตัวเกือ้ กูล
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 29 กายภาวนา เป็นสิ่งท่ีเราควรให้ความส�ำคัญ ซ่ึง ต้องใช้ธรรมะหลายประการ เช่น จะรู้จักสบายแต่พอดี หรือบริโภคแต่พอดี ได้น้ัน เราต้องมีสติในการบริโภค เร่ืองนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนพระเจ้าปเสนทิโกศล เนอ่ื งจากทา่ นเปน็ คนทเี่ พลดิ เพลนิ ในการกนิ มากจนอว้ น ขยับเขยื้อนร่างกายล�ำบาก เวลาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า จะลกุ จะนงั่ กไ็ มส่ ะดวก พระพทุ ธองคท์ รงสอนใหม้ สี ต ิ ในการบริโภคว่า “ผู้มีสติทุกเม่ือ รู้จักประมาณใน การบริโภค ย่อมมีเวทนาเบาบาง เขาย่อมแก่ช้า และ อายยุ นื ” พระเจา้ ปเสนทโิ กศลสนใจ จงึ สง่ั ใหค้ นใกลช้ ดิ คอยเตือนท่านด้วยคาถาน้ี ท�ำให้ท่านมีสติเวลาเสวย พระกระยาหาร ปรากฏวา่ ไมน่ านนำ้� หนกั กล็ ดลง เดนิ เหนิ แคล่วคล่องขึ้น เห็นประโยชน์ชัดเจน พระเจ้าปเสน- ทิโกศลจึงสรรเสริญพระพุทธองค์ว่า ทรงอนุเคราะห ์
อ อ ก แ บ บ ช ี ว ิ ต 30 ทงั้ ประโยชนป์ จั จบุ นั และประโยชนภ์ ายหนา้ (ทฏิ ฐธมั ม-ิ กัตถะ และสัมปรายิกัตถะ) พูดอีกอย่างคือ ประโยชน์ ทางกายและประโยชน์ทางใจ นอกจากสติในการบริโภคแล้ว เรายังต้องมีขันต ิ วริ ยิ ะดว้ ย หาไมก่ จ็ ะถกู ความเกยี จครา้ นครอบงำ� ไมอ่ ยาก ออกก�ำลังกาย ที่ว่ามาน้ีเป็นเร่ืองของกายภาวนาระดับ พนื้ ๆ อยา่ งไรกต็ าม กายภาวนาในพทุ ธศาสนา ยงั รวม ไปถงึ การวางใจถกู ตอ้ งเมอ่ื เกย่ี วขอ้ งกบั วตั ถสุ ง่ิ เสพ คอื ไมเ่ พลนิ ไม่ลมุ่ หลง หรอื ตกเปน็ ทาสของมนั เปน็ การ พัฒนาจิตไปด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ทำ� ให้ร่างกายดี แต่ยัง ทำ� ใหจ้ ติ ใจไมต่ กเปน็ ทาส ของ รปู รส กลนิ่ เสยี ง สมั ผสั ทเี่ ราเสพ อาตมาเรยี กรวมๆ กนั วา่ วตั ถสุ งิ่ เสพ เพราะ เด๋ียวน้ีเราไม่ได้เสพทางปากอย่างเดียว แต่เราเสพ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 31 ทางตา ทางหู ทางจมูก และทางกายด้วย ย่ิงสมัยน ้ี มโี ทรศพั ทม์ อื ถอื ยงิ่ เสพทางตาและทางหมู ากขน้ึ กลาย เปน็ วา่ วตั ถสุ ง่ิ เสพทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ ชวี ติ ของเรามาก เราจงึ ตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั มันใหถ้ ูก อันนเี้ รยี กว่า กายภาวนา ศีลภาวนา หมายถึง พฤติกรรม ความสัมพันธ ์ รวมถึงการท�ำหน้าท่ี เราจะมีปัจจัย ๔ เพื่อเลี้ยงดูตน ให้มีสุขภาพดีน้ัน เราก็ต้องท�ำการงาน มีหน้าท่ีท่ีต้อง ประกอบ เรยี กวา่ สมั มาอาชวี ะ ศลี ภาวนา รวมถงึ การ ประกอบสัมมาอาชีวะ เพ่ือท่ีเราจะได้มีปัจจัย ๔ และ วัตถุตา่ งๆ มาอำ� นวยใหช้ วี ติ ของเราเป็นไปได้ด้วยดี ดงั ไดก้ ลา่ วแลว้ วา่ ศลี ยงั หมายถงึ ความสมั พนั ธ์ ทด่ี งี ามกบั ผู้อนื่ นอกจากไมเ่ บยี ดเบียนแลว้ ยังรวมทง้ั
อ อ ก แ บ บ ชี วิ ต 32 การทำ� หนา้ ทกี่ บั คนทมี่ คี วามสำ� คญั กบั ชวี ติ เรา เชน่ พอ่ แม่ คนรัก ลูกหลาน ศีลจึงเป็นเรื่องความสัมพันธ์ท่ ี เราต้องจัดให้ดี เพราะถึงแม้เราจะต้องประกอบอาชีพ ท�ำมาหากิน เพื่อให้มีปัจจัย ๔ มีทรัพย์สมบัติเกื้อกูล เรากต็ อ้ งไมท่ งิ้ หนา้ ทท่ี เ่ี ราพงึ มตี อ่ ผอู้ น่ื ไมท่ งิ้ ครอบครวั และไม่ละเลยคนที่มีความส�ำคัญกับชีวิตของเรา รู้จัก ดูแลเขาให้มีความสุขท้ังกายและใจ รวมทั้งเอ้ือเฟื้อ เก้อื กูลผ้อู ืน่ และทำ� ประโยชนเ์ พอื่ ส่วนรวมด้วย
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 33 มคี นเปรยี บไวว้ ่า ชวี ิตเหมือนการเดินทางทตี่ อ้ งมีเป้าหมาย แต่ชวี ติ ตา่ งกบั การเดนิ ทางอยา่ งหนง่ึ คอื การเดนิ ทางนนั้ “จดุ หมาย” กบั “ปลายทาง” เป็นอันเดยี วกนั แตช่ วี ิตน้ัน “จดุ หมาย” กบั “ปลายทาง” เป็นคนละอนั
อ อ ก แ บ บ ช ี วิ ต 34 แคศ่ ลี ๕ ยงั ไม่พอ มีหลายคนที่เอาแต่ท�ำมาหากิน สนใจแต่ตนเอง และครอบครัว จนลืมสังคมส่วนรวม หรือเพ่ือนมนุษย์ ทที่ กุ ขย์ าก แบบนไี้ มถ่ กู ตอ้ ง ยง่ิ กวา่ นนั้ มหี ลายคนทช่ี อบ เขา้ วดั ทำ� บญุ ชอบปฏบิ ตั ธิ รรม แตล่ ะเลยคนใกลต้ วั เชน่ พอ่ แม่ ปล่อยใหพ้ อ่ แม่ซึ่งแกช่ ราทำ� งานบ้านจนเหนอื่ ย โดยท่ีตัวเองกลับมาบ้านก็ไม่ได้ช่วยเหลือท่านเลย เสารอ์ าทติ ยก์ ไ็ ปทำ� บญุ ทน่ี นั่ ทนี่ ่ี กลบั มากบ็ อกพอ่ แมว่ า่ “เอาบุญมาฝาก” แต่ไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระของท่าน ทั้งๆ ที่ภาระของท่านส่วนหนึ่งก็คือการทำ� อาหารให้ลูก ซักเส้ือผ้าให้ลูก หรือท�ำความสะอาดห้องนอนของลูก แตล่ กู ไมช่ ว่ ยเลย ไมใ่ สใ่ จทจี่ ะดแู ลชว่ ยเหลอื ทา่ น ทงั้ ๆ ท ่ี แกช่ รา หรอื ดแู ลทา่ นแมก้ ระทง่ั ในยามเจบ็ ปว่ ย อยา่ งน ้ี
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 35 เรยี กวา่ ศลี ภาวนาบกพรอ่ ง หรอื วา่ ไมม่ กี ารพฒั นาดา้ น ศลี ทด่ี ี ตรงนเี้ ปน็ เรอื่ งของสมดลุ ทตี่ อ้ งจดั ใหพ้ อดรี ะหวา่ ง ประโยชนต์ นกบั ประโยชนท์ า่ น หลายคนขยนั ทำ� บญุ เพอื่ ประโยชนต์ น แตว่ า่ ลมื ประโยชนท์ า่ น และ “ทา่ น” ในทนี่ ี้ กไ็ มใ่ ช่คนไกลตัว แต่เป็นคนใกล้นเี่ อง มีคนป่วยคนหน่ึง เป็นมะเร็งที่คอ เป็นก้อนเนื้อ ใหญ่ ต้องก้มหลังงอตลอดเวลา โรงพยาบาลก็ดูแล จนกระทง่ั พน้ จดุ วกิ ฤต พอกลบั บา้ นกต็ อ้ งหาคนมาชว่ ย ดูแล ทีแรกแฟนสาวก็มาช่วยดูแล แต่ตอนหลังพี่สาว ของคนปว่ ยไลแ่ ฟนสาวคนนน้ั ไป บอกวา่ ยงั ไมไ่ ดแ้ ตง่ งาน กนั อยดู่ ว้ ยกนั ไมไ่ ด ้ ผดิ ศลี ขอ้ ๓ อาตมากไ็ มท่ ราบวา่
อ อ ก แ บ บ ช ี วิ ต 36 ผิดตรงไหน ถึงแม้ไม่ได้จดทะเบียนแต่อยู่ด้วยกัน ก็ ไมไ่ ดผ้ ดิ ศลี ขอ้ ๓ แตอ่ ยา่ งใด เมอื่ เปน็ เชน่ นนั้ นอ้ งชาย กไ็ มม่ คี นดแู ล พยาบาลจงึ ตดิ ตอ่ พส่ี าวคนนนั้ ใหม้ าชว่ ย ดแู ลนอ้ งชาย พสี่ าวปฏเิ สธบอกวา่ “ฉนั กำ� ลงั ปฏบิ ตั ธิ รรม ไม่มีเวลามาดูแลน้องชาย ที่เขาเป็นแบบน้ีเป็นกรรม ของเขา” ที่จริงการมาดูแลน้องชายก็เป็นการปฏิบัติธรรม อย่างหน่ึง ท�ำไมจึงคิดว่าการปฏิบัติธรรมต้องอยู่ที่วัด และวัดที่พ่ีสาวปฏิบัติธรรม ก็ไม่ได้ไกลจากบ้านของ นอ้ งชายเลย อนั น้เี รยี กว่า ศีลยังบกพรอ่ ง จะว่าไปแล้ว แม้ศีล ๕ ครบถ้วน คือ ไม่ตบยุง ไมฆ่ า่ สตั ว ์ ไมล่ กั ทรพั ย ์ ฯลฯ แตข่ าดเมตตา ขาดกรณุ า
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 37 อย่างน้ีก็ยังไม่ถูกต้อง เราไม่ควรคิดว่ารักษาศีล ๕ เทา่ นน้ั กพ็ อ แมร้ กั ษาศลี ๕ ครบถว้ น กย็ งั ไมท่ ำ� ใหค้ น เป็นคนดีอย่างแท้จริง เพราะคนมีศีล ๕ แต่ไม่สนใจ ดูแลพ่อแม่ก็เยอะ คนมีศีล ๕ แต่ไม่สนใจน้องชายท ่ี ปว่ ยกม็ าก มศี ลี ๕ แตท่ งิ้ ขยะเกลอื่ นวดั แมก้ ระทง่ั ใน สถานทศี่ กั ดส์ิ ทิ ธ ์ิ เชน่ วดั หรอื สงั เวชนยี สถาน อยา่ งนี้ จะเรียกว่าเป็นคนดีเต็มปาก ก็คงไม่ได้ แต่คนดีต้อง มีศีล ๕ เป็นพ้ืนฐาน เพราะฉะนั้น ศีลภาวนา ไม่ใช ่ เพียงแค่ศีล ๕ อย่างเดียว ต้องไปไกลกว่าน้ัน ต้อง รวมถึงความรับผิดชอบต่อส่วนรวมด้วย แต่ทำ� อย่างไร เราถึงจะมสี มดลุ ระหวา่ ง ความรับผิดชอบตอ่ การงาน กบั ความรบั ผดิ ชอบตอ่ คนในบา้ น กบั พอ่ แม ่ กบั คนใน ครอบครัว รวมทั้งกับสังคมที่เราต้องพ่ึงพา ท่ีเราเป็น หนบี้ ุญคณุ น้เี ปน็ เรอ่ื งทต่ี อ้ งใคร่ครวญดว้ ยตวั เอง
ใครๆ กน็ ึกถงึ จดุ หมายของชีวิต แตไ่ ม่อยากนกึ ถงึ ปลายทาง แตถ่ งึ ไมอ่ ยากนึกถึง มันก็ต้องเกิดข้ึนกบั เราในทีส่ ุด เพราะฉะนนั้ อย่าทมุ่ เทเวลาและพลงั งาน ไปกบั การบรรลถุ ึงจุดหมายชวี ติ เพยี งอย่างเดยี ว ใหเ้ ผอื่ เวลาและพลงั งาน สำ� หรบั ปลายทางของชวี ติ ด้วย คอื พร้อมตายได้ทกุ เวลา
อ อ ก แ บ บ ชี วิ ต 40 ภาวนาเพือ่ จิตและปัญญาทงี่ อกงาม จากศลี ภาวนา นำ� ไปส ู่ จติ ภาวนา คอื การรกั ษา จติ ใหม้ คี ณุ ภาพ มสี มรรถภาพ มคี วามสขุ เชน่ มขี นั ติ มีวิริยะ มีเมตตากรุณา มีสติ มีสมาธิ มีสัมปชัญญะ รวมทง้ั มคี วามสนั โดษ สนั โดษคอื ความพอใจสง่ิ ทมี่ ี ยนิ ด ี สิ่งท่ีได้ เมื่อเรามีความสันโดษ เราจะไม่เสพ ไม่หลง เพลดิ เพลนิ ในวตั ถ ุ จนกระทงั่ บนั่ ทอนรา่ งกาย หรอื บนั่ ทอน ความสัมพนั ธ์กบั ผู้อ่ืน เม่ือใจเราไม่เป็นทาสของวัตถุ ไม่เพลิดเพลิน หลงใหลในสง่ิ เสพ หรอื ไมม่ งุ่ ปรนเปรอตนดว้ ยวตั ถสุ ง่ิ เสพ หรือกามสุข เราจะอยู่อย่างเรียบง่าย แต่มีความเพียร มีความขยัน ไม่ว่าจะเป็น ความขยันเพื่อพัฒนาจิต
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 41 บ�ำเพ็ญประโยชน์ตนให้สูงขึ้น หรือท�ำประโยชน์ให้กับ ผู้อื่น เช่น เป็นจิตอาสา หรือบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ ส่วนรวม แม้ท�ำงานเยอะ ขยันหมั่นเพียร แต่เงินที่ได้ มา ไม่ได้น�ำมาปรนเปรอตนเอง เพราะตัวเองใช้น้อย บรโิ ภคนอ้ ย เงนิ สว่ นทเี่ หลอื กน็ ำ� ไปชว่ ยผอู้ น่ื หรอื บรจิ าค เพื่อประโยชน์ส่วนรวม อันน้ีคือความหมายและคุณค่า ของสันโดษ คนที่สันโดษจะไม่รู้สึกจน ไม่รู้สึกพร่อง ทำ� ใหเ้ รารวยเสมอ ดงั พทุ ธภาษติ วา่ “ความสนั โดษเปน็ ทรัพย์อย่างยิ่ง” และยังท�ำให้จติ ใจมีความสงบเยน็ เทา่ นน้ั ยงั ไมพ่ อ คนเราไมไ่ ดม้ จี ติ แตม่ ปี ญั ญาดว้ ย จึงต้องพัฒนาปัญญา เร่ิมต้นจากการรู้จักสดับฟังผู้ที่มี ปัญญา มีกัลยาณมิตร รับฟังคำ� แนะน�ำ อย่างที่เรามา ฟังธรรม หรือศึกษาค้นคว้า ให้เวลากับการอ่านต�ำรับ
อ อ ก แ บ บ ชี วิ ต 42 ต�ำราหรือพระไตรปิฎก จากครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้รู ้ ในธรรม ปัญญาท่ีเกิดจากการฟังและอ่าน เรียกว่า สตุ มยปญั ญาแลว้ นอกจากสตุ มยปญั ญาแลว้ เราจำ� เปน็ ตอ้ งมจี นิ ตา- มยปัญญา คือปัญญาที่เกิดจากการใคร่ครวญ หม่ัน ตรึกตรอง ไม่ใช่ฟังแล้วเช่ือเลย แต่นำ� ไปพิจารณาและ ตอ่ ยอด ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั ญาเพม่ิ พนู ขน้ึ หรอื ท�ำใหค้ ดิ ชอบ เหน็ ชอบ ประการสดุ ทา้ ยไดแ้ ก ่ ภาวนามยปญั ญา คอื ปญั ญา ทเี่ กดิ จากการปฏบิ ตั ิ ดงั นนั้ นอกจากฟงั อา่ น และคดิ แล้ว เราควรให้เวลาส�ำหรับการเจริญสติ การฝึกสมาธิ และการทำ� วปิ สั สนา สมถกรรมฐานนน้ั เปน็ การพฒั นาจติ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 43 สว่ นวปิ สั สนากรรมฐานเปน็ การพฒั นาปญั ญา อยา่ งแรก ทำ� ใหเ้ กดิ ความสงบ สว่ นอยา่ งหลงั ทำ� ใหเ้ กดิ ความสวา่ ง เม่ือเรารู้ว่าชีวิตของเราควรเป็นไปเพ่ือความสงบ เยน็ และเปน็ ประโยชน ์ เราตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั กบั ภาวนา ๔ และตอ้ งจัดเวลาใหก้ ับภาวนา ๔ อยา่ งครบถ้วนและได้ สมดุล แต่ปัญหาของคนส่วนใหญ่ก็คือ ท้ังๆ ที่รู้ว่า ภาวนา ๔ เป็นเร่ืองดี แต่พอถึงเวลาจะลงมือปฏิบัติ หลายคนมักบอกว่าไม่มีเวลา ไม่มีเวลาออกกำ� ลังกาย ไมม่ เี วลาปฏบิ ตั ิธรรม
อ อ ก แ บ บ ช ี วิ ต 44 หลายสิ่งหลายอย่างไม่ดว่ นและไม่ส�ำคัญ แต่กด็ ึงเวลาเราไปไม่น้อย เพราะมนั สนกุ เพราะมันมีรสชาติ เราหมดเวลากบั มนั วันละเทา่ ไร หลายคนไม่มีเวลาออกกำ� ลังกาย ไม่มีเวลานง่ั สมาธิ ไมม่ เี วลาไปเย่ียมพอ่ แม ่ แตม่ ีเวลากับไลน์ กับเฟสบคุ๊ วันละ ๓ - ๔ ช่ัวโมง อันนเี้ พราะวา่ ขาดสต ิ จิตใจไมเ่ ข้มแขง็ ขาดวินัย มีค�ำพดู หนง่ึ อาตมาชอบมาก “ดีชั่วร้หู มด แต่อดใจไม่ได้”
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 45 ลำ� ดบั ความส�ำคัญใหถ้ ูก ค�ำว่า “ไม่มีเวลา” เป็นปัญหาใหญ่ของคนยุคนี ้ สว่ นหนงึ่ เปน็ ขอ้ อา้ ง อกี สว่ นหนง่ึ เปน็ ปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ จรงิ เพราะเราไม่รู้จักจัดล�ำดับความส�ำคัญ เวลาส่วนใหญ ่ ของเรามักหมดไปกับสิ่งที่เร่งด่วน หรือมีเส้นตาย ม ี ก�ำหนดเสร็จที่แน่นอน เช่น งานการ พรุ่งนี้ต้องเสร็จ อาทติ ยห์ นา้ ตอ้ งส่งงาน ส่ิงท่ีเร่งด่วนนั้นมี ๒ ประเภท คือ ๑. ด่วนและ ส�ำคัญ กับ ๒.ด่วนแต่ไม่ส�ำคัญ ด่วนและส�ำคัญ เช่น งานที่ต้องท�ำให้เสร็จพรุ่งนี้ หรือ ป่วยหนักต้องรีบ ไปหาหมอวันนี้ ส่วนด่วนแต่ไม่ส�ำคัญ เช่น คืนนี้ม ี มิดไนท์เซลท่ีห้างดัง ต้องไป หรือ คืนน้ีมีประกวด
อ อ ก แ บ บ ชี วิ ต 46 นางงามจักรวาล มีการถ่ายทอดตอนสุดท้ายของละคร บุพเพสันนิวาส ต้องดู อย่างอ่ืนเอาไว้ก่อน บางคร้ังก ็ เป็นงานสังคม เช่น งานเลี้ยงเย็นนี้ ทุกวันน้ีเราหมด เวลาส่วนใหญ่ไปกับส่ิงที่ด่วน ท้ังที่สำ� คัญและไม่ส�ำคัญ จนไมม่ ีเวลาเหลอื ให้กบั ส่ิงอื่นท่ไี มด่ ่วนแต่สำ� คัญ สิ่งท่ีไม่ด่วนแต่ส�ำคัญคืออะไร ได้แก่ การฝึกฝน จติ ใจ ทำ� สมาธ ิ หรอื จติ ภาวนาและปญั ญาภาวนา รวมทงั้ การใหเ้ วลากบั ครอบครวั เชน่ เยยี่ มเยยี นพอ่ แม ่ สนทนา กับลูก การออกก�ำลังกาย สิ่งเหล่าน้ี แม้รู้อยู่ว่าส�ำคัญ แตห่ ลายคนชอบผดั ผอ่ นวา่ ทำ� วนั หลงั กไ็ ด ้ เอาไวก้ อ่ น สุดท้ายก็ไม่ได้ท�ำเพราะไม่มีเวลา หรือหมดโอกาสเสีย แล้ว เช่น อยากจะมีเวลาให้พ่อแม่ แต่ผลัดไปเรื่อย จนท่านจากไป หรือรู้ว่าควรปฏิบัติธรรม แต่ก็ผลัดไป
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 47 เร่ือย จนล้มป่วย เลยไม่สามารถทำ� อย่างที่คิดได้ เป็น เชน่ น้ีกันมาก มผี หู้ นงึ่ มขี อ้ คดิ เตอื นใจไดด้ ี คอื คณุ หมอวสิ ทุ ธ์ ิ บุญเกษมสันติ รองศาสตราจารย์ ที่จุฬาลงกรณ์มหา- วิทยาลัย มีคนเคารพนับถือมาก เป็นอาจารย์แพทย ์ ดา้ นสตู นิ ารที เี่ กง่ ตดิ อนั ดบั ตน้ ๆ ของอาเซยี น มลี กู ศษิ ย ์ ลกู หาเคารพมากมาย แตว่ นั ดคี นื ดถี กู จบั ขอ้ หาฆา่ ภรรยา ถูกลงโทษประหารชีวิต ตอนหลังถูกลดโทษ จนเหลือ ติดคุกตลอดชีวิต แล้วก็ถูกลดโทษอีก จนภายหลังพ้น โทษ เป็นอสิ ระ ตอนท่ีใกล้จะพ้นโทษ คุณหมอพูดให้ข้อคิดที่ด ี มากวา่ “เสยี ดายทท่ี มุ่ เทกบั งานมากเกนิ ไป จนไมค่ อ่ ย
อ อ ก แ บ บ ช ี ว ิ ต 48 ได้ฝึกปฏิบัติธรรม สมัยก่อนในหัวมีแต่เร่ืองงาน ตำ� รา วิชาการ งานวิจัย ไม่ค่อยมีเวลาฝึกจิตใจ เรียนรู้เรื่อง การครองสติ บัดนี้รู้แล้วว่าส่ิงเหล่าน้ีส�ำคัญกว่าวิชา ความรู้ ถ้าได้ย้อนกลับไปเป็นหนุ่มอีกคร้ัง ผมจะให้ เวลากับการปฏิบัติธรรมมากข้ึน ไม่ใช่มัวมารอตอนแก่ แลว้ คอ่ ยทำ� ” คุณหมอวิสุทธ์ิเห็นว่า การครองสติเป็นสิ่งสำ� คัญ แต่เป็นเพราะละเลย ไม่ใส่ใจกับการฝึกสติ เม่ือเกิด ปญั หาชวี ติ ขน้ึ มา จงึ พลั้งพลาด เสียศนู ย์ ทำ� ส่ิงท่ีไมม่ ี ใครคาดคดิ วา่ จะทำ� ได ้ เปน็ สงิ่ ทไี่ มน่ า่ จะเกดิ ขนึ้ กบั คนท ่ี สุภาพ ใจเย็น ในสายตาของเหล่าลูกศิษย์และหมอ ตอ่ เมื่อไดเ้ ผลอท�ำไปแลว้ จึงมาตระหนักว่า การฝึกสต ิ เป็นสง่ิ ทม่ี องข้ามไปไมไ่ ด้
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล 49 เรอื่ งนเี้ ปน็ อทุ ธาหรณท์ ดี่ สี ำ� หรบั คนทหี่ มดเวลาไป กบั งานการ เพราะเปน็ สง่ิ ทเี่ รง่ ดว่ น ตอ้ งรบี ทำ� จนมอง ขา้ มสงิ่ ทส่ี ำ� คญั และไมเ่ รง่ ดว่ น เชน่ การฝกึ สต ิ คนสว่ น ใหญ่เป็นอย่างนี้ ชีวิตจึงขาดสมดุล ทั้งๆ ที่รู้ว่า งาน เป็นเพยี งส่วนหนึ่งของชีวติ ไมใ่ ชท่ ง้ั หมดของชีวติ แต ่ ทั้งชีวิตก็หมดไปกับงานการ ไม่มีเวลาให้กับการฝึกจิต ไม่ว่าจิตภาวนา หรือปัญญาภาวนา พอชีวิตเกิดวิกฤต ขนึ้ มา เกดิ ปญั หาในครอบครวั กบ็ นั ดาลโทสะ สตแิ ตก ระเบดิ ออกไป จนเกดิ ความเสยี หายมากมาย แตก่ ย็ งั ดที ี่ คุณหมอวิสุทธิ์มีโอกาสกลับมาแก้ตัวใหม่ แต่จะมีกี่คน ที่มีโอกาสกลับมาแก้ตัว หรือถึงแม้จะท�ำได้ ก็คงม ี ความรู้สึกผิดค้างคาใจ เป็นบาดแผล หรือปมในจิตใจ ทยี่ ากจะคลค่ี ลายได ้ เพราะฉะนนั้ เราอยา่ รอใหเ้ กดิ เหตุ ร้ายแรงแล้วคอ่ ยมาคดิ แก้ไข
Search