Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักศาสนา

หลักศาสนา

Published by owatnat, 2018-08-14 15:00:14

Description: หลักศาสนา

Search

Read the Text Version

น�้ำตาลในเลือด ตง้ั แต่ 200 มก./ดล.ขึ้นไป โดยไมจ่ ำ� เปน็ 51 ต้องอดอาหาร 2. ระดบั นำ�้ ตาลในเลอื ดกอ่ นรบั ประทานอาหารเชา้ ตง้ั แต่ 126 มก./ดล. ขึ้นไป อยา่ งน้อย 2 ครั้ง 3. กรณรี ายทส่ี งสยั วา่ เปน็ เบาหวาน แตร่ ะดบั นำ�้ ตาลในเลอื ด กอ่ นรับประทานอาหารเช้าไม่ถงึ 126 มก./ดล. ให้ตรวจ โดยการให้รับประทานกลูโคส 75 กรัม พบว่ามีระดับ น�้ำตาลหลังรับประทานกลูโคสท่ี 2 ชั่วโมง ต้ังแต่ 200 มก./ดล. ขน้ึ ไป ระดบั น�้ำตาลก่อนรับประทานอาหารเชา้ ทอ่ี ยใู่ นชว่ ง 100-125มก./ดล. เรียกว่าระดับน้�ำตาลขณะอดอาหารผิดปกติ ระดับน้�ำตาลหลังรบั ประทานกลูโคส 75 กรมั ที่อยใู่ นชว่ ง 140-199 มก./ดล. เรยี กว่าความทนต่อน�้ำตาลบกพร่อง ทั้งสองภาวะน้ีเรียกรวมกันว่าเป็น‘ระยะก่อนเปน็ เบาหวาน’ ใหง้ ดอาหารอยา่ งนอ้ ย 8-10 ชวั่ โมง ไมด่ ม่ื เครอื่ งดม่ื ทมี่ นี ำ�้ ตาลหรอื รบั ประทานลูกอม ผู้ป่วยท่ีมีน้�ำตาลสูงกว่าค่าปกติมากอาจมีอาการจากภาวะนำ้� ตาลในเลอื ดสงู หรอื จากโรคแทรกซ้อน ไดแ้ ก่ • ปัสสาวะบ่อยและมาก ปัสสาวะช่วงกลางคืน เนื่องจากมี นำ้� ตาลร่ัวมากบั ปสั สาวะและดงึ นำ้� ตามออกมาด้วย • คอแหง้ ด่มื น้�ำมาก กระหายนำ้� เป็นผลจากการทร่ี ่างกาย สูญเสยี นำ้� มากทางปสั สาวะ • หิวบอ่ ยทานจุ แตน่ �ำ้ หนกั ลดและออ่ นเพลยี เกิดจากการ เพ่อื ความไมอ่ าพาธของเหล่าภกิ ษไุ ทย

52 ทรี่ า่ งกายใชก้ ลโู คสเปน็ อาหารไมไ่ ด้ ตอ้ งใชโ้ ปรตนี และไข­ มันเป็นพลงั งานแทน • ตาพร่ามัว อาจเกิดจากน้�ำตาลค่ังในเลนซ์ตา โรคจอ ประสาทตาจากเบาหวานหรอื ต้อกระจก • ถ้ามีบาดแผล แผลจะหายยาก มีการติดเช้ือทางผิวหนัง เกิดฝีได้บ่อย น�้ำตาลท่ีสูงท�ำให้การท�ำงานของเม็ดเลือด ขาวในการก�ำจดั เชอ้ื โรคลดลง • คนั ตามผวิ หนงั ตดิ เชอื้ รางา่ ย โดยเฉพาะบรเิ วณชอ่ งคลอด ของผู้ป่วยหญงิ • ชาปลายมอื ปลายเทา้ หยอ่ นสมรรถภาพทางเพศ เกดิ จาก เสน้ ประสาทเสื่อม การรับสมั ผสั ลดลง เกดิ แผลท่เี ทา้ ง่าย บางครั้งกวา่ จะทราบแผลก็ลุกลามมากแล้ว ผทู้ ่คี วรได้รับการตรวจหาโรคเบาหวาน • ผู้ที่มีอาการของโรคเบาหวานดงั ขา้ งตน้ • อายมุ ากกว่า 40 ปี • มีญาติสายตรงเป็นโรคเบาหวาน • เคยมรี ะดบั นำ้� ตาลอยใู่ นระยะกอ่ นเบาหวาน • เคยเปน็ เบาหวานขณะต้ังครรภ์ • คลอดบตุ รหนกั มากกวา่ 4 กก. • มีความดันโลหติ สูง อนาพาธ

• มีไขมนั ในเลือดผิดปกติ 53 • มโี รคหลอดเลอื ดตบี แขง็ • มีโรคที่บ่งวา่ มีภาวะด้ือต่ออินซูลนิ ได้แก่ โรครงั ไขม่ ีถุงน้�ำ หลายถงุ ผทู้ มี่ ภี าวะดงั กลา่ ว แมไ้ มม่ อี าการของโรคเบาหวาน กค็ วรตรวจสอบ ถา้ ระดบั น�ำ้ ตาลอยู่ในขา่ ยสงสยั ควรตรวจซ้�ำในระยะ 1 ปี การป้องกนั โรคเบาหวาน โภชนะบ�ำบัดที่เหมาะสม การออกก�ำลังกาย และการลดน�้ำหนกั 5-10% ในผทู้ ีอ่ ว้ น สามารถลดการเป็นเบาหวานได้ การรักษาโรคเบาหวาน โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังไม่หายขาด จะต้องควบคุมโรคไปตลอดชีวิต และอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยและญาติ ในการดูแลตนเองตามค�ำแนะน�ำอย่างสม�ำ่ เสมอ การรักษา ไดแ้ ก่ • การควบคุมอาหาร • การออกกำ� ลงั กาย • การรักษาดว้ ยยาเมด็ ลดระดบั นำ้� ตาล และ/หรอื อนิ ซลู ิน • การเรียนรู้และดูแลรักษาตนเอง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถ ปฏิบัตติ นและควบคมุ โรคเบาหวานได้ถกู ตอ้ งเพือ่ ความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภิกษไุ ทย

54 ค�ำแนะนำ� เก่ยี วกบั โรคเบาหวาน 1. เบาหวาน เป็นโรคเร้ือรัง ที่ต้องใช้เวลาการรักษานาน หรือตลอดชีวิต หากไม่ได้รับการปฏิบัติท่ีถูกต้องก็อาจมี อันตรายจากโรคแทรกซ้อนไดม้ าก 2. ผู้ท่กี ินยาหรอื ฉดี ยารักษาเบาหวานอยู่ อาจมีบางครั้งเกิด ระดับน้�ำตาลในเลือดต่�ำ อาการได้แก่ ใจสั่น หน้ามืด ตาลาย ตวั เยน็ เหงอ่ื ออก อาจเปน็ ลม หมดสติ และอาจจะ ชกั ได้ ควรจะตอ้ งพกนำ้� ตาลหรอื ของหวานตดิ ตวั ไว้ ถา้ รสู้ กึ มอี าการกใ็ หร้ บี รบั ประทาน และควรรบั ประทานอาหารให้ ตรงเวลาทกุ มื้อดว้ ย 3. อย่าซ้ือยากินเอง เนื่องจากยาบางชนิดมีผลต่อค่าน้�ำตาล ในเลือดได้ เช่น ยาขับปัสสาวะ สเตียรอยด์ และยาบาง ประเภทก็อาจท�ำให้ฤทธ์ิของยารักษาเบาหวานแรงขึ้นได้ กจ็ ะมผี ลใหน้ ำ�้ ตาลในเลอื ดตำ่� กวา่ ปกติ เชน่ แอสไพรนิ ดงั น้นั เมอื่ เปน็ เบาหวาน กอ่ นทานยาประเภทใดควรจะตอ้ ง แน่ใจว่ายานัน้ ไมม่ ผี ลต่อคา่ น�ำ้ ตาลในเลอื ด อนาพาธ

โรคหลอดเลือดสมอง 55 นพ.ชัยวิวฒั น์  ตุงคะเสรีรักษ์  พญ.จฑุ าทิพย์ ยิ่งเจรญิ พาสุข โรคหลอดเลือดสมอง (อมั พฤกษ์ อัมพาต) เป็นโรคทพ่ี บมากขนึ้ เปน็ สาเหตขุ องการเสยี ชวี ติ ของประชากรไทยเปน็ อนั ดบั สาม โดยพบไดบ้ อ่ ยในผสู้ งู อายุ แตใ่ นปจั จบุ นั พบมากขน้ึ ในผทู้ อี่ ายตุ ง้ั แต่ 30 ปีขน้ึ ไป ซงึ่ โรคนเ้ี ปน็ ภยั เงยี บทคี่ วรระวงั นอกจากทำ� ใหเ้ สยี ชวี ติ แลว้ ยงัท�ำให้เกิดความพิการ ส่งผลกระทบตอ่ คุณภาพชวี ติ ของผู้ปว่ ย รวมทั้งสภาพจิตใจท่ีหดหู่ไร้คุณค่า เป็นภาระให้ครอบครัวคนดูแล อย่างไรก็ตาม โรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้ และในปัจจุบันการรกั ษาโรคหลอดเลอื ดสมองตบี สามารถรกั ษาไดผ้ ลดี มโี อกาสหายเปน็ปกตถิ ้ามาพบแพทยท์ ันทีเพอ่ื ความไม่อาพาธของเหล่าภกิ ษุไทย

56 โรคหลอดเลอื ดสมองแบง่ ออกเป็น 2 กลุม่ ใหญๆ่ คือ โรคหลอดเลือดสมองตีบหรอื อุดตนั พบไดร้ าว 70% ของโรคหลอดเลอื ดสมอง เกดิ จากหลอดเลอื ด ทไ่ี ปเลยี้ งสมองอดุ ตนั ทำ� ใหเ้ นอ้ื สมองบรเิ วณทห่ี ลอดเลอื ดนนั้ ไปเลย้ี ง เกิดการขาดเลือดและตายลง สาเหตุที่ส�ำคัญมดี ังนี้ • โรคหลอดเลือดตีบแข็ง มักพบในผทู้ ่ีเปน็ เบาหวาน ความ ดนั โลหติ สงู ไขมนั ในเลอื ดสงู การสบู บหุ รี่ อว้ นลงพงุ หรอื ในความเสอื่ มของหลอดเลอื ดแดงซง่ึ มคี วามเสอื่ มตามอายุ ทีม่ ากข้นึ • ลมิ่ เลอื ดทเ่ี กดิ ในหวั ใจหลดุ ขน้ึ ไปอดุ หลอดเลอื ดสมอง มกั พบในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีโรคล้ิน หวั ใจผิดปกติ • ภาวะเลือดแข็งตัวง่ายกว่าปกติ ท�ำให้เลือดแข็งตัวแล้วอุด ตนั หลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลอื ดสมองแตก พบได้ราว 30% ของโรคหลอดเลือดสมอง มักเกิดในผู้ป่วย ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันได้ไม่ดีหรือขาดยาลดความดัน โลหิต ทำ� ใหห้ ลอดเลือดสมองแตกและท�ำให้เกดิ ก้อนเลือดค่งั ในเนอื้ สมอง ถ้าก้อนเลือดมีขนาดใหญ่จะท�ำให้ผู้ป่วยซึมไม่รู้สึกตัวอย่าง รวดเร็วได้ นอกจากนี้ ยงั อาจเกดิ จากความผดิ ปกตขิ องหลอดเลือด สมองเอง เช่น การโป่งพองของผนังหลอดเลือดสมอง ซึ่งวันดีคืนดี อนาพาธ

หลอดเลอื ดที่โป่งพองกแ็ ตก ท�ำให้เกดิ เลือดค่ังในสมอง 57 อาการของโรคหลอดเลือดสมอง 1. หนา้ เบยี้ ว ทนั ทีทนั ใด 2. แขนขาออ่ นแรง หรือแขนขาชา ซกี ใดซีกหน่งึ ทันทที นั ใด 3. พดู ลำ� บาก พดู ไมช่ ัด พูดไมอ่ อก ฟงั ไมเ่ ขา้ ใจ ทนั ทีทันใด อาการอ่ืนๆ เช่น เห็นภาพซ้อน ตามัวภาพมืด เดินเซ ปวดศีรษะ เวียนศรี ษะ สบั สนหรอื ซึมกะทนั หนั ทันที ถ้ามีอาการท่ีสงสัยว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองต้องรีบมาโรงพยาบาลทันทีโดยเร็วที่สุด หรือโทรสายด่วน 1669 เรียกรถโรงพยาบาลมารับใหเ้ ร็วทีส่ ดุ ปัจจุบันมีการรักษาด้วยการฉีดยาละลายลิ่มเลือดซึ่งได้ผลดีพอสมควร (เฉพาะผู้ทเี่ ปน็ หลอดเลือดสมองตีบอดุ ตันเทา่ นนั้ ) และต้องได้รับยากอ่ น 4 ช่วั โมงครง่ึ หลงั จากเกดิ อาการ (ต้องเผอ่ื เวลาท่ีแพทย์ต้องใช้เวลาตรวจเอ็กซเรย์สมองและตรวจเลือดอีกประมาณอีก1 ชวั่ โมงดว้ ย) ถา้ อาการทสี่ งสยั โรคหลอดเลอื ดสมองเกดิ ขน้ึ แลว้ ถงึ แมจ้ ะหายไปเองเปน็ ปกติ กอ็ ยา่ ไดน้ ่งิ นอนใจ ตอ้ งไปโรงพยาบาลทนั ที เพราะอาการดงั กลา่ วมีโอกาสเกิดขึ้นอกี แลว้ ทำ� ใหพ้ ิการถาวรได้เพ่ือความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภกิ ษไุ ทย

58 วธิ ปี อ้ งกันอัมพฤกษ์ อมั พาต การเกดิ โรคนอี้ าจทำ� ใหพ้ กิ ารหรอื เสยี ชวี ติ ได้ ถา้ พกิ ารชว่ ยเหลอื ตวั เองไม่ได้ก็จะเป็นภาระแก่ผดู้ ูแลหรือคนในครอบครัว สาเหตุส่วน หนง่ึ ทเี่ ราไมส่ ามารถแกไ้ ขไดค้ อื อายุ ความเสย่ี งจะมากขน้ึ ถา้ อายมุ าก ขน้ึ คนในครอบครวั ปว่ ยเปน็ โรคหลอดเลอื ดสมองหรอื หวั ใจขาดเลอื ด ตัง้ แตอ่ ายุไมม่ าก แต่ทางท่ีดที ่สี ดุ เราควรปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกดิ โรคนี้ซ่ึง สาเหตุสว่ นใหญส่ ามารถควบคุมปอ้ งกันไดค้ อื 1. ผู้ปว่ ยท่มี โี รคประจำ�ตวั ควรควบคุม ดงั นี้ 1.1 ควบคุมความดันโลหิตโดยไม่ควรเกิน 140/90 มม.ปรอท ในผปู้ ว่ ยเบาหวานความดนั โลหติ ควรควบคมุ ใหน้ ้อยกวา่ หรอื ประมาณ 130/80 มม.ปรอท โดยหลีก เลยี่ งอาหารเคม็ เครอ่ื งดม่ื ชกู ำ� ลงั เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ หรอื ทานยาตามคำ� แนะนำ� ของแพทย์ 1.2 ควบคุมระดบั ไขมันในเลอื ดไม่ไหส้ งู โดยงดอาหารไข­ มันสูง หรือรับประทานยาลดไขมันตามค�ำแนะน�ำของ แพทย์ 1.3 ควบคมุ โรคเบาหวาน ระดบั นำ�้ ตาลในเลอื ดกอ่ นอาหาร ควรอยทู่ ปี่ ระมาณ 90-130 มิลลิกรัมตอ่ เดซิลิตร และ ระดบั นำ้� ตาลสะสมไม่เกิน 7% หรอื ถา้ น้อยกวา่ 6.5% จะยง่ิ ดี 2. หยุดสูบบุหรแ่ี ละงดเวน้ เครื่องดมื่ ท่มี แี อลกอฮอล์ 3. รับประทานอาหารที่เหมาะสม ลดอาหารหวาน มนั เคม็ ออกก�ำลังกายอย่างสม่ำ� เสมอ สัปดาหล์ ะ 3-4 ครั้ง นานครั้ง อนาพาธ

ละ 20-30 นาที 59 4. ควบคมุ อยา่ ให้อว้ นลงพงุ 5. ตรวจสขุ ภาพประจำ�ปี เพอ่ื ตรวจหาปัจจยั เสย่ี ง เชน่ โรค เบาหวาน โรคความดนั โลหิตสงู ไขมนั ในเลอื ดสงู ถา้ พบ ปัจจยั เส่ยี งต้องรกั ษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง ผู้ที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองแล้ว ควรควบคุมปัจจัยเส่ียงตามข้างต้น และทานยาเพ่ือป้องกันไม่ให้เป็นซ�้ำ ห้ามหยุดยาเองโดยเดด็ ขาดเพอ่ื ความไมอ่ าพาธของเหล่าภิกษไุ ทย

60 กาลกิ 4 กบั โรคหัวใจ และหลอดเลอื ด นพ.เขตต์ ศรีประทักษ์ แพทย์ผู้เช่ยี วชาญโรคหลอดเลือดหัวใจ ก่อนที่จะบวชเปน็ พระ เรื่องหน่งึ ท่ผี มกังวลอยบู่ อ่ ยๆกค็ ือ ฉัน มอื้ เดียวจะไหวไหม เนื่องจากตวั เองเป็นคน enjoy eating พอสมควร อย่าว่าแต่ฉันมื้อเดียวเลย แม้แต่เรื่องอาหารก็แอบกังวลเล็กๆว่าท่ี เขาใสบ่ าตรมาจะฉนั ไดไ้ หม จะเป็นโรคกระเพาะไหม แตเ่ นอ่ื งจาก ในการบวชครั้งน้ันมีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่คือ ต้องการบวชแทนคุณ บิดา มารดา และบวชถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเน่ืองในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา และ บวชเพ่ือปฏิบัติหลังจากได้ยินได้ฟังธรรมะมามากกับพระอาจารย์ที่ นับถือสมัยที่เคยเรียนอยู่ท่ีประเทศอังกฤษ รวมถึงส่ิงท่ีได้เรียนรู้จาก ครบู าอาจารยท์ า่ นอน่ื ๆ ทำ� ใหค้ วามกงั วลทงั้ หลายทมี่ อี ยหู่ ายไป เหลอื แตจ่ ิตกุศลที่พร้อมศึกษาพระธรรมอยา่ งเต็มที่ สิบปากว่าไมเ่ ท่าตาเห็น เมือ่ บวชแล้วถึงได้รวู้ ่า เรอื่ งกินไม่ใช่ เร่ืองใหญ่ แม้ว่าวันแรกๆจะมีหิวอยู่บ้างในช่วงเย็นๆ เพราะท่าน อาจารย์อนุญาตใหฉ้ ันไดเ้ ฉพาะน�้ำปานะหลงั เทย่ี ง แตไ่ มน่ านกป็ รับ ตวั ได้ เมือ่ จิตสงบ กายก็สงบ รา่ งกายเบา กภ็ าวนาไดด้ ี ตา่ งกับสมยั เปน็ โยมอย่างชัดเจน ภายหลังไดม้ โี อกาสกลบั ไปเยีย่ มโยมพ่อ และ โยมแมท่ างภาคเหนอื และไดม้ โี อกาสไปศกึ ษาธรรมะทวี่ ดั ปา่ แหง่ หนงึ่ ในจงั หวดั เชยี งราย ไดพ้ บเหน็ พระปา่ ฉนั อาหารทแ่ี ตกตา่ งจากพระใน เมือง และหลายสิ่งไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะฉันหลังเท่ียงได้ เช่น ของ อนาพาธ

เชอื่ มบางอย่าง จึงเกดิ ความสงสัยและไดศ้ ึกษาจากพระอาจารยท์ ี่น่นั 61และน�ำความมาเลา่ ต่อให้ฟังคอื   กาลกิ เปน็ ภาษาพระวนิ ัย หมายถึง อาหารหรอื ของทภ่ี กิ ษุรบั แลว้ เกบ็ ไวฉ้ นั ไดต้ ามกาลเวลาทกี่ ำ� หนดเทา่ นน้ั หากเกบ็ ไวเ้ กนิ กวา่นั้นถอื เป็นความผิด กาลิกมี 4 อยา่ ง คอื 1. ยาวกาลกิ ของทเี่ ก็บไว้ฉนั ไดช้ ่วั คราว คือตงั้ แต่เชา้ ถงึ เทีย่ ง วนั ได้แก่ ข้าวสกุ ขนม ปลา เนื้อ รวมทงั้ นมและเครือ่ งด่มื ธญั ญพืชทกุ ๆชนิด เชน่ นำ้ �นมถัว่ เหลอื ง น้ำ�ขา้ วโพด น้ำ� ฟกั ทอง ถงึ ไดร้ วู้ า่ นำ้ �นมถว่ั เหลอื งทน่ี ยิ มถวายพระสมยั เปน็ โยมไม่จัดว่าเป็นปานะ 2. ยามกาลิก ของท่ีเก็บไว้ฉันได้ชั่วระยะเวลาวันหนึ่งกับคืน หน่งึ   ไดแ้ ก่ นำ้ �ปานะหรอื น้ำ�ผลไม้คน้ั สดชนดิ ตา่ งๆ และ ตอ้ งกรองเอากากออกใหห้ มด ในพระวนิ ยั ใหก้ รองทงั้ หมด 8 คร้ัง โดยกำ�หนดให้ใช้ผลไม้มีขนาดเล็กกว่าผลมะตูม เช่น มะม่วง ชมพู่ แอปเป้ิล มะไฟ สม้ มะนาว น้ำ�องนุ่ นำ้ �ลิน้ จี่ เป็นต้น สว่ นทใ่ี หญ่กวา่ ผลมะตูมเรียกมหาผล ไม่ ทรงอนญุ าตใหท้ ำ�นำ้ �ปานะ เชน่ แตงโม มะพรา้ ว สัปปะ รด ดงั น้นั เวลาไปเลือกซือ้ นำ้ �ผลไมใ้ ห้พระถวายเป็นปานะ ก็ไม่ควรซือ้ น้ำ�ทีเ่ ป็นมหาผล 3. สตั ตาหกาลกิ ของท่ีเก็บไว้ฉนั ได้ภายใน 7 วัน ฉันเวลาใด ก็ไดแ้ ต่ต้องเกบ็ ไดเ้ พียง 7 วนั ได้แก่ เภสชั 5 คอื เนยใส เนยขน้ น้ำ�มนั น้ำ�ผึง้ นำ้ �ออ้ ย  ในปจั จุบันกม็ ีสตั ตาหการิก ที่นยิ มถวาย เช่น เนยทีไ่ มม่ ีนมผง น้ำ�หวานทกุ ชนิด เชน่ นำ้ �อัดลม เครื่องดื่มชูกำ�ลัง แต่พวกนี้มักมีนำ้ �ตาล และ สารคาเฟอีนซึ่งอาจไม่ดีกับผู้ป่วยท่ีเป็นเบาหวาน และ เพื่อความไม่อาพาธของเหลา่ ภกิ ษไุ ทย

62 โรคหัวใจ 4. ยาวชีวิก ของท่ีเก็บไว้ฉันได้ตลอดชีวิต ได้แก่ ของที่นอก เหนอื จากกาลกิ ทงั้ 3 นนั้ เปน็ ยาหรอื ยาสมนุ ไพร มที งั้ สว่ น ทเ่ี ปน็ พืชและแรธ่ าตุบางชนดิ เช่น ผลมะขามปอ้ ม สมอ 8 ชนดิ ลกู พรุน แตถ่ า้ ดองเคม็ เก็บไวไ้ ดต้ ลอด แตห่ ากเชอ่ื ม น้ำ�ตาลอายกุ ารเกบ็ จะลดลงมาเปน็ สตั ตาหกาลกิ 7 วนั เชน่ สมอเช่ือม พรุนเช่อื ม (สรรพคุณเป็นยาระบายและขับลม) ใบไมบ้ างชนดิ เชน่ ใบสม้ ลม ใบโหระพา เปน็ ตน้ ชนดิ ราก เชน่ ตะไคร ขิง ข่า พริก ปจั จบุ นั ยังมยี าวชีวกิ ทีน่ ยิ มถวาย คอื กาแฟ ชา ผงโกโก้ ซง่ึ ตวั ผมนยิ มฉนั โกโกม้ ากเนอื่ งจาก ไม่กนิ ชา หรือกาแฟตงั้ แต่สมัยเป็นโยม การเป็นพระน้ัน เร่ืองดีอย่างหน่ึงส�ำหรับผมก็คือ น้�ำหนักลด หายไปหลายกโิ ล เพราะมกี ารพจิ ารณาอาหาร ฉันเพือ่ เลี้ยงธาตุขนั ธ์ ใหพ้ อดี และระงบั ความหวิ ไม่เปน็ ไปเพอ่ื ความร่นื เรงิ ไม่เป็นไปเพือ่ รสชาติ หลังจากกายเบา จิตกเ็ บา ภาวนาได้ดี ในภาษาแพทย์มคี ำ� กลา่ วอยวู่ า่ Somato-Psychic Disorder คอื โรคทางกายกบั จติ มนั สมั พันธ์กนั เมอื่ มองดูทางพทุ ธศาสนา กพ็ อจะเป็นเหตเุ ป็นผลกนั อยู่ ยงิ่ เมอ่ื ไดล้ องกบั ตวั เอง จะรไู้ ดช้ ดั เลยวา่ เวลาจติ มนั เบาสบายจากการ น่ังสมาธภิ าวนา กายก็พลอยจะดไี ปด้วย เช่น โรคภมู แิ พ้ หรืออาการ มนึ ศรี ษะในยามบา่ ยสมยั เป็นโยม หายเปน็ ปลดิ ทิง้ เลย แตส่ งิ่ หนง่ึ ทผี่ มสงั เกตคอื การฉนั อาหารบางอยา่ งกอ็ าจมผี ลตอ่ สขุ ภาพของพระได้ ยกตวั อยา่ งเชน่ ตวั ผมเองเปน็ คนทม่ี ไี ขมนั ในเลอื ด สูงชนิดพันธุกรรม เวลาท่ีอยู่ในกรุงเทพฯ ฉันอาหารมันๆติดต่อกัน หลายวนั จะร้สู กึ ไมค่ ่อยสดชื่น งว่ งนอนบอ่ ย เวลาภาวนากจ็ ติ ไม่ค่อย ลง แต่พอย้ายไปภาวนาอยู่อีสานชาวบ้านท�ำอาหารถวายพระ เน้น ผกั เยอะ รา่ งกายกลบั เบาสบาย ดังนั้น จะเห็นไดว้ ่าท่ีฝร่งั เขาพดู กัน อนาพาธ

You are what you eat กินอะไรก็เป็นอย่างน้ัน คงใชไ้ ด้กับพระดว้ ย 63 เน่ืองจากความที่เป็นหมอโรคหัวใจมาบวช ก็จะได้รับหน้าท่ีพิเศษให้ดูแลสุขภาพพระนวกะที่อยู่ด้วยกัน โดยส่วนตัวผมชอบเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา จึงอยากให้ความรู้ทางโภชนาการมากกว่าการเน้นให้ยาจากตู้ยาในวัด โดยผมจะแนะน�ำสองแบบคือหนึ่ง ถ้ายังไม่มีโรคประจ�ำตัวท่ีรุนแรง เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคอัมพาต และโรคเบาหวาน (ซง่ึ ปจั จุบนั ทางการแพทย์ถือว่าเบาหวานเปน็ โรคทมี่ ีความรนุ แรงเทียบเทา่ โรคหลอดเลือดหัวใจเลยทีเดยี ว) ก็สามารถฉันได้ตามปกติ แต่ให้เน้นการออกก�ำลังกาย และไปตรวจสุขภาพประจ�ำปหี าปัจจัยเส่ยี งของโรคทก่ี ลา่ วมา ส่วนท่านท่ีมีโรคเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้เน้นเฝ้าระวังตามปัจจัยเสี่ยงของโรค เช่น พระท่ีเป็นโรคหัวใจ ก็ควรจะควบคุมความดันให้ดี เน่ืองจากความดันสูงท่ีควบคุมไม่ได้ อาจก่อให้เกิดภาวะน�้ำท่วมปอด หรือหัวใจวายได้ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักก็คือ อาหารเค็ม โดยนอกจากเกลือ ไม่ว่าจะเป็นน�้ำปลา ซีอิ๊ว ในอาหารที่ปรุงมา หรือบะหม่ีกึ่งส�ำเร็จรูปบางชนิดซึ่งมีเกลือโซเดียมค่อนข้างเยอะ ล้วนเป็นปจั จยั เสย่ี งทท่ี ำ� ใหค้ วามดนั ควบคมุ ไมไ่ ด้ หรอื พระทปี่ ว่ ยเปน็ เบาหวานตอ้ งระวงั ทงั้ ภาวะนำ้� ตาลสงู และนำ�้ ตาลตำ�่ โดยการฉนั นำ้� ปานะ แมว้ า่จะเป็นน�้ำผลไม้แต่ก็มีความหวานในตัว และน�้ำตาลผลไม้ก็สามารถเปลีย่ นแปลงไปเป็นน�้ำตาลในเลือด ทำ� ให้เกดิ ภาวะน้ำ� ตาลสงู ซึง่ ถ้าสูงมากเกินไปอาจท�ำให้หมดสติ และการที่น้�ำตาลสูงนานๆในเลือดจะกอ่ ใหเ้ กดิ การสะสมทตี่ าและไตได้ อาจทำ� ใหเ้ กดิ ภาวะตาเสอ่ื มจากเบาหวาน หรอื ไตวายเรอ้ื รัง ดงั นน้ั ในพระทปี่ ว่ ยเปน็ เบาหวานทย่ี งั ควบคมุ นำ้� ตาลไมไ่ ดอ้ าจเปลย่ี นไปฉนั ปานะทเ่ี ปน็ นำ้� ชาบา้ งจะดกี วา่ ในทางกลบั กนั ถา้ มยี าเบาหวานกนิ หลายตวั ในบางครง้ั ยาทอี่ อกฤทธม์ิ ากเกนิ ไป หรอื ออกฤทธิ์ เพอ่ื ความไม่อาพาธของเหล่าภิกษุไทย

64 ยาวอาจกอ่ ให้เกดิ ภาวะน�้ำตาลตำ�่ ได้ โดยอาจจะมอี าการหิว วงิ เวียน ใจสนั่ หน้ามดื หมดสติ โดยถ้าเรม่ิ มอี าการเตอื นเหล่าน้ี ควรรีบกนิ น้ำ� หวาน หากไมด่ ขี น้ึ ควรรบี ไปโรงพยาบาลเพ่อื พบแพทย์ เนอื่ งจาก ในบางคร้ัง ยาบางชนิดอาจออกฤทธิ์ยาว แม้กินน้�ำหวานจนอาการ ดีขึ้นก็อาจจะกลับมาเป็นซ้�ำได้ นอกจากนี้ โรคบางอย่างท่ีมีความ รนุ แรงมากยง่ิ ตอ้ งระวงั อาหารบางชนดิ เปน็ พเิ ศษ ยกตวั อยา่ งเชน่ โรค ตบั ทมี่ ีความรนุ แรงมาก แพทย์จะส่ังจ�ำกัดโปรตีนในปริมาณท่เี หมาะ สม หรือโรคหวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะบางชนิด การกนิ ชา กาแฟ น้ำ� อัดลม และเครอื่ งดม่ื ชกู ำ� ลงั ทมี่ สี ว่ นผสมของคาเฟอนี อาจทำ� ใหห้ วั ใจเตน้ ผดิ จังหวะมคี วามรุนแรงมากขน้ึ โดยเฉพาะอาการใจสั่น โดยสรุปคือ อาหารใดๆก็ตาม แม้ว่าจะเป็นยาระงับความหิว อนั เป็นโรคอย่างหน่งึ ไดเ้ ปน็ อย่างดี แตใ่ นบางกรณีทร่ี ่างกายของเรา ได้มีพยาธิสภาพเกิดข้ึนแล้ว ก็อาจจะจ�ำเป็นต้องทราบว่าอาหารบาง ชนิดอาจไม่ถูกกบั โรคประจำ� ตัวของเราดงั ทีไ่ ด้กล่าวมาข้างต้น ถ้าโรค ท่ีเป็นไม่ได้มีความรุนแรงมากก็คงไม่เป็นไร แต่หากโรคประจ�ำตัวมี ความรุนแรงมาก การรับประทานอาหารผิดประเภทก็อาจก่อให้เกิด ความเจ็บป่วยรุนแรงได้ อีกส่ิงหน่ึงท่ีต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ การทานยา หรอื อาหารเสรมิ ทญี่ าตโิ ยมทงั้ หลายนำ� มาถวายดว้ ยความ ห่วงใย อาจเป็นอันตรายได้โดยเฉพาะการเกิดปฏิกิริยาแทรกซ้อน กบั ยาประจำ� ทก่ี นิ อยู่ เช่น ยาละลายเลือด อาจท�ำให้ระดบั ยาสูงขนึ้ หรือ ต�่ำลงมากเกนิ ไปได้ ทางทีด่ คี วรปรึกษาแพทยห์ รอื เภสัชกรกอ่ น จะดมี าก สุดท้ายตัวผู้เขียนขออนุโมทนาบุญกับทีมงานผู้จัดท�ำหนังสือ เลม่ นเ้ี พอ่ื เผยแผใ่ หค้ วามรใู้ นการดแู ลธาตขุ นั ธข์ องพระภกิ ษทุ งั้ หลาย อนุโมทนาครับ อนาพาธ

การดแู ลผู้เป็นลม 65 นพ.พงศ์ภทั ร์ วรสายัณห์ การเปน็ ลม เปน็ อาการเนอ่ื งจากเลอื ดไปเลย้ี งสมองไมเ่ พยี งพอชวั่ คราว ทำ� ให้ไม่รู้สกึ ตวั ไประยะหนง่ึ อาการและอาการน�ำ ในระยะแรก ผเู้ ปน็ ลมอาจมคี วามรสู้ กึ เวยี นศรี ษะ ตาพรา่ เหงอื่แตก ตัวเย็น หน้ามดื ใจส่นั มือเท้าไมม่ แี รง จากนน้ั จะหมดสติ แต่บางคนอาจไม่มีอาการเหลา่ นกี้ ่อนหมดสติ (อาการตา่ งๆเหลา่ น้ีเกิดขึ้นอยา่ งรวดเรว็ ) อยู่ดๆี กล็ ้มหรอื หมดความรูส้ กึ ไปเฉยๆ บางคนอาจมอี าการเกรง็ กลา้ มเนือ้ กระตกุ (ซ่ึงต้องแยกกบั โรคลมชกั หรอื โรคลมบ้าหมู โดยใช้อาการแสดง ตลอดจนสถานการณร์ อบขา้ งของผู้ป่วย)ส่วนมากมักจะเกิดกับผู้ที่ยืนหรือนั่งมากกว่านอน บางรายอาจมีแค่อาการน�ำแตไ่ ม่หมดสติ ลักษณะอาการของผเู้ ปน็ ลมท่ีสงั เกตได้ มดี งั นี้ 1. หน้าซดี ปากซีด 2. มเี หงอ่ื ออกตามหนา้ ผาก ฝ่ามือ ฝา่ เท้า ตัวเย็น 3. หายใจตื้น บางคนหายใจหอบ 4. บางคนล้มลง ไม่รสู้ ตแิ ต่ไมม่ ีอาการชัก เพือ่ ความไมอ่ าพาธของเหล่าภกิ ษไุ ทย

66 5. ถ้าจบั ชีพจรจะรสู้ ึกวา่ เตน้ เบา และเรว็ สาเหตุของการเป็นลมท่พี บไดบ้ ่อย เชน่ หิว เหนอ่ื ย รอ้ นมาก กังวลใจ ตกใจ กลวั มคี วามเครียดอยา่ งรนุ แรง พกั ผอ่ นไม่เพียงพอ และอดอาหาร นอกจากนี้ ผทู้ ไี่ ดร้ บั ยาบางชนดิ เชน่ ยาระงบั ประสาท ยาลดความดนั โลหติ ยาลดระดบั นำ้� ตาลในเลอื ด มโี อกาสเปน็ ลมงา่ ย กวา่ คนปกติ หรอื ผทู้ เ่ี ปน็ โรคหวั ใจ ความดนั เลอื ดสงู ผทู้ เี่ สยี เลอื ดมาก มกี ารกระทบกระเทอื นทส่ี มองอยา่ งรนุ แรง กเ็ ปน็ สาเหตขุ องการเปน็ ­ ลมได้ ผทู้ เี่ ปน็ ลมควรไดร้ บั ‘การจบั ชพี จร’ ถา้ จบั ชพี จรทข่ี อ้ มอื หรอื ขอ้ พับข้อศอกไม่ได้ ให้จบั ทค่ี อ แสดงวิธีการจับชีพจร อนาพาธ

การจับชีพจรได้ ชีพจรแรงดี ไม่เต้นเร็วหรือช้ามากจนเกิน 67ไป (โดยปกติชีพจรเต้น 60-100 ครั้งต่อนาที) ร่วมกับผู้ป่วยไม่มีโรคประจ�ำตัว การเป็นลมอาจจะเกิดจากความอ่อนเพลีย ความหิวการยืนตากแดดในท่าเดียวนานๆ ในภาวะอากาศร้อนอบอ้าว หรือภาวะอืน่ ๆทพ่ี บได้บอ่ ย การดแู ลเมื่อชีพจรและการหายใจปกติ 1. ห้ามคนมุงดู ให้ผู้เป็นลมนอนราบในที่ร่ม บนพื้นแห้ง อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก 2. ทำ�ทางเดินหายใจให้โล่ง โดยเอาส่ิงแปลกปลอมในปาก เชน่ เสมหะ เศษอาหาร ฟนั ปลอมออกให้หมด 3. คลายเครอ่ื งรดั กมุ ออก เชน่ ปลดกระดมุ เสอ้ื ทง้ั นอกและใน ปลดเขม็ ขัดออก ควรถอดรองเท้าและถุงเท้าดว้ ย 4. อาจใช้พัดโบกด้วยลมออ่ นๆ 5. ใช้ผ้าชุบนำ้ �เย็นเช็ดตามหน้า ตัว หน้าผาก แขนขา ไม่ ควรเช็ดที่ท้อง เพราะความเย็นจะทำ�ให้ลำ�ไส้หดตัว อาจ อาเจียนได้ 6. อาจใชพ้ มิ เสน หรอื การบรู ขยใ้ี หล้ ะเอยี ด ทาลงบนรมิ ฝปี าก บน ถ้าไมม่ ีอาจใชย้ าหม่องทาบางๆ ถ้ามีแอมโมเนียอาจ ชุบสำ�ลีพอหมาดๆ แกว่งไปมาใกล้ๆจมูก (ไม่ควรเอาไป รอทจ่ี มูกเพราะอาจฉุนเกินไป) 7. อาจใช้วสั ดใุ กล้ๆตัว เชน่ เส้อื ผา้ กระเปา๋ ย่าม กระสอบ ทน่ี ุ่มๆรองขาใหส้ ูง เพอื่ ใหเ้ ลือดไปเลย้ี งสมองได้เพยี งพอ เพ่อื ความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภิกษไุ ทย

68 8. ถ้าอากาศเย็นหรือหนาวควรให้อยู่ในที่อบอุ่น หรือ เมื่อคลายเคร่ืองรัดกุมแล้ว อาจใช้ผ้าคลุมตัวไว้ เมื่อฟ้ืนแล้วควรไต่ถามถึงสาเหตุ ถ้าสงสัยว่าจะเป็น โรคท่ีต้องรักษา ควรไปขอคำ�แนะนำ�จากแพทย์ ในกรณีที่ผู้เป็นลมมีชีพจรและการหายใจท่ีผิดปกติ แสดงถึง สัญญาณอันตรายว่าอาจเกิดจากโรคหัวใจหรือโรคร้ายแรงอื่น ควร จะต้องท�ำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และน�ำตัวส่งโรงพยาบาลอย่าง รีบด่วน 1. ขอความชว่ ยเหลอื จากคนรอบขา้ ง หนว่ ยกชู้ พี หรอื สถาน พยาบาลใกลเ้ คียง 2. ดวู า่ ยงั จบั ชพี จรไดห้ รอื เปลา่ ถา้ จบั ไมไ่ ดใ้ หเ้ รมิ่ การชว่ ยฟน้ื คนื ชพี (Cardio-Pulmonary Resuscitation หรอื CPR) ซงึ่ มหี ลักใหญ่ๆ 2 ประการ ไดแ้ ก่ 2.1 การช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเล้ียงร่างกาย โดยการ กดหน้าอก 2.2 การชว่ ยการหายใจ โดยเปา่ ลมเข้าไปในปอด ข้ันตอนการช่วยฟ้ืนคืนชพี 1. ขอความชว่ ยเหลอื จากคนรอบขา้ ง หนว่ ยกชู้ พี หรอื สถาน พยาบาลใกล้เคียง 2. ใหผ้ ้ปู ว่ ยนอนหงายราบบนพื้นแข็ง อนาพาธ

3. ท�ำทางเดินหายใจให้โล่ง โดยเอาส่ิงแปลกปลอมในปาก 69 เชน่ เสมหะ เศษอาหาร ฟนั ปลอมออกให้หมด4. กดหน้าอกด้วยน้�ำหนักพอประมาณ ให้หน้าอกยุบลง ประมาณ 1.5 ถงึ 2 นว้ิ เพ่อื ท�ำใหห้ ัวใจถูกบบี เอาเลือด ออกไปเลย้ี งสว่ นต่างๆของรา่ งกาย5. จับศรี ษะใหห้ งายหนา้ ขึ้น เพื่อมิใหล้ ้ินตกไปอดุ หลอดลม6. ใชม้ อื ขา้ งหนง่ึ ประคองผเู้ ปน็ ลมไว้ อกี ขา้ งหนงึ่ จบั หนา้ ผาก ให้หงาย เพ่ือปากจะได้เผยอเล็กน้อย ผู้ช่วยเหลือหายใจ เข้าให้เต็มปอด แล้วก้มประกบปากเป่าลมเข้าในปากผู้ เปน็ ลมจนหมดเพอ่ื ความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภกิ ษไุ ทย

70 มาท�ำความรจู้ กั โรคไตกนั เถอะ นพ.ทวิ ัตถ์ ทิวาวรรณวงศ์ พบ.วว. อายุรศาสตร์, อายรุ ศาสตร์โรคไต หากพดู ถึงโรคต่างๆ แลว้ เชอื่ ไดว้ า่ โรคไต เป็นโรคท่ีน่ากลวั อนั ดับตน้ ๆ และคงจะเป็นประโยชนไ์ มน่ ้อยหากเราจะมาท�ำควมรู้จัก กบั ไตของเรา และโรคตา่ งๆ เกี่ยวกบั ไต ไตของคนเรามี 2 ข้าง มีลักษณะรูปร่างคล้ายเมล็ดถ่ัวแดง หน้าทห่ี ลกั ของไต คอื การขบั ของเสยี ออกจากรา่ งกาย ซงึ่ ของเสยี นั้น กผ็ ลติ ขนึ้ จากรา่ งกายของคนเรานน่ั เอง ไตจะขบั ของเสยี ตา่ งๆ เหลา่ นี้ ออกทางปสั สาวะ นอกจากนไี้ ตยังท�ำหนา้ ท่ีควบคุมสมดุลของน�้ำและ เกลอื แร่ในรา่ งกาย และยังผลติ ฮอรโ์ มนบางชนดิ ทจ่ี ำ� เปน็ ตอ่ รา่ งกาย อกี ดว้ ย ดงั นน้ั อาการผดิ ปกตทิ จี่ ะเกดิ ขน้ึ หากเปน็ โรคไต กจ็ ะสมั พนั ธ์ กบั หน้าทีข่ องไตทเ่ี ส่ือมเสยี ไปนน่ั เอง โรคไตมกี ี่ชนิด? หากพูดถึงโรคไตทั่วไปที่ทุกคนกลัว เรามักนึกถึงโรคไตวาย เรอ้ื รงั หรอื โรคไตเสอ่ื มเรอ้ื รงั ซง่ึ เปน็ ภาวะระยะทา้ ยของโรคไตทกุ ชนดิ ซงึ่ เปน็ ภาวะทไ่ี ตทำ� งานลดลงจนอาจตอ้ งไดร้ บั การรกั ษาโดยการฟอก ไต แต่จรงิ ๆ แล้ว โรคไตมอี กี หลายชนิดด้วยกนั แบง่ ออกกว้างๆ ดงั นี้ 1. โรคไตอักเสบ เปน็ การอักเสบของไต ซงึ่ ทำ�ใหม้ เี ลอื ดออก อนาพาธ

ในปัสสาวะ หรือพบไข่ขาวรั่วออกมาในปัสสาวะ ทำ�ให้มี 71 อาการบวมและความดนั โลหิตสูงตามมาได้ โรคในกลุ่มนี้ มหี ลายชนดิ แต่ทพี่ บบ่อยๆ ได้แก่ โรคไตอักเสบจากโรค เอสแอลอี ซึ่งพบบ่อยในหญิงสาว2. โรคตดิ เชอ้ื ทางเดนิ ปสั สาวะ หากมอี าการปสั สาวะเปน็ เลอื ด หรือแสบขัด อาจเป็นภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่ หากมีอาการดังกล่าวร่วมกับไข้สูงและปวดหลังข้างหน่ึง มาก ต้องนกึ ถงึ ภาวะกรวยไตอักเสบ ซ่ึงเปน็ ภาวะเร่งดว่ น ทีต่ ้องรีบไดก้ ารรักษาด้วยยาปฏชิ ีวนะ มิเชน่ นั้น อาจเกดิ อนั ตรายจากภาวะติดเช้ือในกระแสเลอื ดรนุ แรงได้3. โรคไตวาย แบ่งออกได้เป็นโรคไตวายเฉียบพลัน ซ่ึงอาจ เกิดจากภาวะขาดสารน้ำ� ยาท่ีเป็นพิษต่อไต ฯลฯ และ โรคไตวายเรอ้ื รัง หรอื ไตเสอื่ มเรื้อรัง ซ่ึงภาวะหลังนพี้ บได้ บ่อย และเป็นภาวะท่เี กิดตามหลังโรคไตทกุ ชนดิ ทดี่ ำ�เนนิ ไป แตท่ พ่ี บบ่อย ได้แก่ ไตวายเรื้อรังที่เกดิ ตามหลงั ภาวะ เบาหวาน หรอื ความดนั โลหติ สูงทร่ี กั ษาไม่ดี4. โรคไตจากพันธกุ รรม ได้แก่ โรคไตเปน็ ถุงน้ำ� ซ่ึงถ่ายทอด จากรุ่นพอ่ แม่สูล่ กู ได้5. โรคไตอุดก้ัน ได้แก่ การอุดกั้นจากนิ่ว หรือพังผืด หรือ กอ้ นไปกดระบบทางเดนิ ปสั สาวะ เชน่ เนือ้ งอกมดลูกไป กดท่อไต เปน็ ตน้6. โรคเนื้องอก ไดแ้ ก่ เนื้องอก และมะเรง็ ของระบบทางเดนิ ปัสสาวะเพอ่ื ความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภิกษุไทย

72 ใครเสีย่ งเป็นโรคไตบา้ ง? 1. ผ้ปู ่วยโรคเบาหวาน 2. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ซ่ึงในประเทศไทย ภาวะ เบาหวานและความดันโลหิตสงู นั้น พบว่าเปน็ สาเหตุของ ภาวะไตเสอื่ มเรอื้ รังถึงรอ้ ยละ 60 3. ภาวะอน่ื ๆ ไดแ้ ก่ โรคเอสแอลอี โรคตดิ เชอื้ ทางเดนิ ปสั สาวะ ท่เี กิดบ่อย โรคหัวใจทำ�งานผดิ ปกติ โรคนว่ิ ไต เป็นตน้ จะสังเกตไดอ้ ยา่ งไรว่าเปน็ โรคไต? อาการต่างๆ เหล่าน้ี หากพบเจอ จะต้องระวังว่าอาจเป็นโรค ไตได้ 1. บวมทวั่ ตวั โดยเฉพาะทหี่ นงั ตา ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วแลว้ วา่ หนา้ ที่ หลกั ของไต คอื การขบั ของเสยี ออกจากรา่ งกาย ซงึ่ ขบั ออก ทางปสั สาวะเปน็ หลัก ดังนนั้ หากเกดิ โรคไตขน้ึ ไม่วา่ จะ เป็นโรคไตอกั เสบ หรือไตเส่อื มเรอื้ รังกต็ าม ไตจะมคี วาม ผดิ ปกตใิ นการขบั น้ำ�ออกจากรา่ งกาย และเกดิ อาการบวม ตามมา อาการบวมทเ่ี กิดจากโรคไตน้นั มขี ้อสงั เกตว่าจะ เรมิ่ บวมทห่ี นงั ตาทง้ั 2 ขา้ ง จากนนั้ จงึ บวมทว่ั ตวั และบอ่ ย คร้ังพบร่วมกับการท่ีมีปัสสาวะออกลดลง อย่างไรก็ตาม อาการบวมนนั้ ไมไ่ ดเ้ จาะจงกบั โรคไตเพยี งอยา่ งเดยี ว อาจ จะเกดิ จากโรคหวั ใจวายคั่งน้ำ� หรือโรคตบั ไดด้ ้วย 2. ปสั สาวะเปน็ ฟอง โรคไตบางชนดิ โดยเฉพาะโรคไตอกั เสบ หรือโรคไตร่ัวไข่ขาว ไตจะทำ�หน้าที่ผิดปกติในการดูดซึม อนาพาธ

สารจำ�พวกไข่ขาวหรือโปรตีนกลับสู่ร่างกาย ทำ�ให้ตรวจ 73 พบไดใ้ นปสั สาวะ และทำ�ใหป้ สั สาวะเปน็ ฟองได้ พงึ สงั เกต วา่ ปกตคิ นเรากป็ สั สาวะเปน็ ฟองกนั อยแู่ ลว้ แตอ่ าจนกึ ถงึ โรคไตไดห้ ากปสั สาวะเปน็ ฟองมากกวา่ ปกติ โดยสงั เกตวา่ ใชน้ ำ้ �ราดในโถแลว้ ฟองกย็ งั ไม่หมด3. ปัสสาวะเป็นเลือด สามารถพบได้ในโรคบางชนิดของ ไต เช่น โรคนิ่วไต โรคเน้ืองอกของไตและระบบขับถ่าย ปสั สาวะ โรคไตอกั เสบ โรคตดิ เชอื้ ทางเดินปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น ความรุนแรงของเลือด ที่ออกมีไดห้ ลายระดบั ต้ังแต่เปน็ เลือดสดๆ หรืออาจเปน็ ปัสสาวะสีแดงจางๆ ดูคล้ายสีน้ำ�ชาหรือน้ำ�ล้างเนื้อได้ อยา่ งไรกต็ าม ภาวะทพี่ บไดบ้ อ่ ยในเพศหญงิ และไมค่ อ่ ยมี ความอนั ตรายมากนกั คือ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หาก รักษาหาย อาการปัสสาวะเป็นเลือดก็จะหายไปโดยไม่มี อนั ตรายใดๆ แต่หากเกดิ อาการนี้ขึ้นในเพศชาย จำ�เปน็ ต้องหาสาเหตุอย่างละเอียด โดยเฉพาะหากเป็นผู้ชาย สูงอายุ ซ่ึงมีประวัติสูบบุหรี่จัดในปัจจุบันหรือในอดีต เนื่องจากอาจเป็นเน้ืองอกของระบบทางเดินปัสสาวะได้ เน่อื งจากการสบู บุหรเี่ ป็นปัจจัยเสี่ยงทสี่ ำ�คัญของภาวะนี้4. ปสั สาวะข่นุ พบได้ในโรคตดิ เชือ้ ระบบทางเดินปสั สาวะ5. ปวดทอ้ งและหลงั ขา้ งใดขา้ งหนง่ึ อยา่ งรนุ แรง ลกั ษณะปวด แบบบดิ ๆ และรนุ แรงมากจนอาจทำ�ใหต้ อ้ งนอนตวั งอ หาก พบรว่ มกบั ปสั สาวะเปน็ กอ้ นกรวดทราย หรอื ปสั สาวะแดง เป็นเลือด จะทำ�ให้นึกถงึ โรคนิ่วไต6. คลำ�ได้ก้อนบริเวณไต พบได้ในโรคเนื้องอกของไต หรือ เพ่อื ความไมอ่ าพาธของเหล่าภกิ ษไุ ทย

74 ไตเปน็ ถุงนำ้ � 7. ส่วนอาการอ่ืนๆ ที่อาจพบได้ในภาวะโรคไต แต่ไม่ค่อย จำ�เพาะกับโรคไต เนื่องจากอาการดังกล่าวนี้สามารถพบ ไดใ้ นอีกหลายโรค ได้แก่ 7.1 อาการเหน่ือยง่าย ไตยังมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วย กระตุ้นการผลิตเมด็ เลอื ดแดง ดังนน้ั ผปู้ ่วยโรคไตวาย จะขาดฮอร์โมนชนิดนี้ อาจมภี าวะโลหิตจาง และท�ำให้ เหน่อื ยงา่ ยได้ ไมค่ ่อยมแี รง 7.2 ความดันโลหิตสูง เนื่องจากภาวะค่ังสารน้�ำและเกลือ แร่ ทำ� ใหเ้ กดิ ความดนั โลหติ สงู ตามมาได้ อยา่ งไรกต็ าม ความดันโลหิตสูงสามารถพบได้ในอีกหลายโรค เช่น โรคหัวใจ เปน็ ต้น 7.3 อาการผิดปกติเกี่ยวกับเกลือแร่ ไตท�ำหน้าท่ีเกี่ยวกับ การปรับสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย ดังนั้น โรคไต บางชนิดอาจเกิดอาการจากการที่เกลือแร่มีความผิด ปกติ เช่น อาเจียนมาก ซึม (โซเดียมต�่ำ), กล้ามเนื้อ แขนขาอ่อนแรง (โพแทสเซียมต�ำ่ ), หวั ใจเต้นผดิ จังหวะ หรอื อาจเกดิ ภาวะหมดสตเิ ฉยี บพลนั (โพแทสเซยี มสงู ), ตะคริว (แคลเซยี มต่�ำ) เป็นต้น หากสงสยั วา่ เปน็ โรคไตต้องทำ� อย่างไร? หากเกดิ อาการต่างๆ ดงั กล่าว อยา่ เพิ่งรบี ร้อนตกใจ เนอื่ งจาก ส่วนมากแล้ว อาการหนึ่งๆสามารถเกิดได้จากหลายโรคหรือหลาย ภาวะดว้ ยกัน อยา่ งไรก็ตาม หากสงสยั ว่าจะเป็นโรคไต ก็ควรไปพบ อนาพาธ

แพทย์ ซง่ึ แพทยจ์ ะซกั ประวตั ิ ตรวจรา่ งกาย และทส่ี ำ� คญั จะสง่ ปสั สาวะ 75และเลือดไปตรวจเพ่อื วนิ จิ ฉัยต่อไปเพ่อื ความไมอ่ าพาธของเหล่าภิกษุไทย

76 ภาวะตอ่ มลกู หมากโต นพ.พิชิต วีรวฒุ พิ ล ต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะส่วนหน่ึงของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ เพศชาย อยู่ติดกับท่อปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น มีหน้าที่ในการผลิตน�้ำเมือกหล่อเล้ียงตัวอสุจิ และเน่ืองจากต่อม ลูกหมากอยู่ระหว่างทางเดินปัสสาวะ จึงเกี่ยวข้องกับระบบทางเดิน ปัสสาวะดว้ ยเชน่ กัน ภาวะต่อมลูกหมากโต เป็นภาวะท่ีสามารถพบได้บ่อยในชาย อนาพาธ

สงู อายุ เปน็ ภาวะทร่ี บกวนการใชช้ วี ติ ประจำ� วนั ของผปู้ ว่ ยในระยะยาว 77โดยมกั จะเริม่ มอี าการแสดงให้เห็นตง้ั แต่อายุประมาณ 50 ปเี ป็นต้นไป ย่ิงอายมุ ากขน้ึ อาการก็จะชดั เจนขนึ้ เมอ่ื เริ่มมีภาวะตอ่ มลูกหมากโต จะสงั เกตอาการได้ดงั น้ี 1. ปสั สาวะบอ่ ย ท้ังกลางวันและกลางคืน 2. ปัสสาวะลำ�บาก ปัสสาวะไมพ่ ุง่ ลำ�เล็กลง 3. อาจมภี าวะกลนั้ ปสั สาวะลำ�บาก เมอื่ ปวดตอ้ งรบี เขา้ หอ้ งนำ้ � ทนั ที 4. ตอ้ งเบ่งหรอื รอนานจงึ จะปสั สาวะออกได้ 5. มคี วามรู้สึกว่าปสั สาวะไม่สุดหรอื ไมห่ มด 6. มักมีปัสสาวะหยดหลังปสั สาวะเสร็จแลว้ หลังจากพบแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นต่อมลูกหมากโต แพทย์จะทำ� การรักษาตามแนวทางดงั ตอ่ ไปนี้ การรักษา 1. รักษาโดยการให้ยา เป็นการรักษาขั้นต้น เพื่อขยายทาง เดนิ ปสั สาวะ (ขยายคอกระเพาะปสั สาวะ) ใหผ้ ปู้ ว่ ยสามารถ ปัสสาวะได้สะดวกข้นึ 2. การผ่าตัด แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดกับผู้ ป่วยในกรณตี ่อไปนี้ เพอื่ ความไม่อาพาธของเหล่าภกิ ษุไทย

78 2.1 มกี ารตดิ เชอ้ื ของระบบทางเดนิ ปสั สาวะสว่ นบน เนอ่ื งมา จากปสั สาวะออกลำ� บาก ทำ� ใหม้ ปี สั สาวะคง่ั คา้ ง จนเกดิ การติดเชื้อในกระเพาะปสั สาวะ 2.2 ปสั สาวะเปน็ เลือด โดยทแ่ี พทย์วินจิ ฉยั แล้วว่าไม่ไดเ้ กดิ จากสาเหตอุ น่ื 2.3 ปัสสาวะไม่ออกจนต้องใส่สายสวนปัสสาวะ และไม่ สามารถถอดสายออกเพอื่ ปสั สาวะเองได้ 2.4 ต่อมลูกหมากโตที่พบร่วมกับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ 2.5 ต่อมลูกหมากโตท่ีพบร่วมกับภาวะกระเพาะปัสสาวะ โป่งตัว 2.6 ต่อมลูกหมากโตจนทำ� ให้เกดิ ภาวะไตวาย 2.7 ไมส่ ามารถรกั ษาโดยการใชย้ าได้ เชน่ ผปู้ ว่ ยไมส่ ามารถ ทนผลข้างเคียงของยาได้ โดยเฉพาะอาการเวยี นศีรษะ หน้ามืด ผู้ที่สงสัยว่าตนอาจมีภาวะต่อมลูกหมากโต ควรมาพบแพทย์ เนื่องจากภาวะต่อมลูกหมากโต เป็นภาวะท่ีจ�ำเป็นต้องได้รับการ วินิจฉัยแยกโรคกับมะเร็งต่อมลูกหมาก เน่ืองจากผู้ป่วยจะมีอาการ คลา้ ยคลงึ กนั ทง้ั น้ี การรกั ษาตงั้ แตเ่ รม่ิ ตน้ ทำ� ใหก้ ารรกั ษาเปน็ ไปโดย งา่ ย ผลการรกั ษาออกมาดี มากกวา่ ปลอ่ ยใหล้ กุ ลาม และนอกจากนนั้ ยงั ช่วยคงคุณภาพชวี ิตใหเ้ ป็นปกติอกี ด้วย อนาพาธ

การดูแลโรคผิวหนังทพี่ บบ่อย 79 พญ.หทยั รตั น์ เชงิ วิวัฒนก์ จิ ทั้งกลากและเกลื้อน เป็นโรคผิวหนังท่ีเกิดจากเชื้อรา แต่มีลกั ษณะอาการแตกตา่ งกัน กลาก จะมลี กั ษณะเปน็ วงแดงเห็นขอบนนู ชดั เจน รอบๆ มักมตี ุม่ ใสเลก็ ๆ เรียงเป็นวง ตรงกลางจะเปน็ ขุยขาวๆ แหง้ ๆ มีลกั ษณะเปน็ รปูโค้งหรือวงเดอื น ชาวบา้ นจึงเรียกวา่ ‘กลากวงเดอื น’เพือ่ ความไม่อาพาธของเหล่าภกิ ษุไทย

80 กลากวงเดอื นมักขนึ้ ตามใบหนา้ ล�ำตัว หลัง แขนขา มือ ซอก เทา้ ถา้ เปน็ ในบรเิ วณรม่ ผา้ ขาหนบี หรอื อณั ฑะ ชาวบา้ นเรยี กวา่ สงั คงั และถ้าข้นึ ทศ่ี ีรษะ ก็มกั จะทำ� ใหเ้ กดิ ผมรว่ งเป็นหยอ่ มๆ เมื่อเป็นกลากวงเดือน คนไข้มักจะรู้สึกคันและเกา บางครั้ง เกาจนหนังถลอก ท�ำให้ติดเช้ือหนองอักเสบได้ กลากมักจะค่อยๆ ลามกวา้ งออกไปเรอื่ ยๆ ตา่ งจากผน่ื คันที่เกิดจากการแพซ้ ึ่งมกั จะเกิด ข้นึ พรอ้ มๆ กันทีเดยี ว กลากเมื่อรักษาหายแล้ว มักจะหายขาด ไม่เป็นซ้�ำๆ ซากๆ ยกเวน้ ไปตดิ เชอื้ รามาใหม่ สว่ นผน่ื คนั จากการแพ้ มกั จะเปน็ ๆ หายๆ เรือ้ รังเปน็ ปี ๆ และมปี ระวตั ชิ อบแพ้อะไรง่ายๆ อนาพาธ

การรักษา 81 ใหท้ าดว้ ยขผี้ ง้ึ รกั ษากลากเกลอ้ื นขององคก์ ารเภสชั กรรม วนั ละ2-3 ครงั้ ตดิ ต่อกันทุกวนั ประมาณ 1-2 อาทติ ย์ ผน่ื จะจาง และทาต่อไปนาน 3-4 อาทิตย์ ยาอ่ืนทใ่ี ชไ้ ด้ ไดแ้ ก่ 1. ครมี ทีป่ ระกอบด้วยตัวยาโคลไตรมาโซล (ตัวอยา่ งเช่น คา เนสเทน) ทาวนั ละ 2 ครงั้ เชา้ เยน็ ทาตอ่ เนอ่ื ง 2-4 สปั ดาห์ 2. ครีมทป่ี ระกอบด้วยตวั ยาโทลนาฟเตต (ตวั อยา่ งเชน่ ครมี โทนาฟ) ทาวนั ละ 2 ครง้ั เชา้ เยน็ ทาตอ่ เนอ่ื ง 2-4 สปั ดาห์ เกลอื้ น จะพบเป็นวงดา่ งขาวหรอื ออกแดงหรอื เปน็ รอยแตม้ ๆ ขอบไม่นนู เวลาถกู แดดสจี ะเข้มข้ึน มักไม่มีอาการคัน ชอบขนึ้ ตามใบหนา้ซอกคอ แผ่นหลงั ล�ำตัวเพอื่ ความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภกิ ษุไทย

82 การรกั ษา ให้ทาด้วย ยาน�้ำโซเดียม-ไธโอซัลเฟต ชนิด 20% สามารถ เตรียมเองได้โดยผสมเกรด็ ยานี้ (ซอื้ ไดจ้ ากโรงพยาบาลหรอื รา้ นถา่ ย รปู เรยี กวา่ ไฮโป ซง่ึ ใชผ้ สมเปน็ นำ้� ยาลา้ งรปู ) ใชเ้ กรด็ ยาหนกั 12 กรมั ผสมนำ�้ กลนั่ หรอื นำ�้ สกุ ทใ่ี สเ่ ตม็ ขวดยาขนาด 60 ซ.ี ซ.ี (2 ออนซ)์ ยาน้ี ผสมแลว้ จะเสือ่ มภายใน 2 อาทติ ย์ ถ้าใช้อีกตอ้ งเตรยี มผสมใหม่ ทา วนั ละ 2-3 ครัง้ ติดต่อกนั ทกุ วัน นาน 3-4 อาทิตย์ ถา้ หาซอื้ ล�ำบาก จะใชข้ ้ีผึ้ง รักษากลากเกลอ้ื น แทนกไ็ ด้ ยาอืน่ ทีใ่ ชไ้ ด้ ได้แก่ 1. ครมี ทปี่ ระกอบด้วยตัวยาโคลไตรมาโซล (ตวั อยา่ งเช่น คา อนาพาธ

เนสเทน) ทาวนั ละ 2 ครง้ั เชา้ เยน็ ทาตอ่ เนอ่ื ง 2-4 สปั ดาห์ 83 2. ครีมทป่ี ระกอบดว้ ยตวั ยาโทลนาฟเตต (ตัวอยา่ งเช่น ครมี โทนาฟ) ทาวันละ สองคร้ัง เช้าเย็น ทาต่อเน่ือง 2-4 สัปดาห์ ทัง้ กลากและเกลื้อน เปน็ โรคผวิ หนังทต่ี ดิ ต่อโดยการสัมผัสกับคนทเี่ ปน็ โรค ดังนั้นจงึ ควรปอ้ งกัน โดยไมใ่ ชเ้ สอื้ ผ้า ผ้าเชด็ ตัว ทน่ี อนร่วมกบั คนที่เป็นโรคน้ี ลมพิษพบได้ทุกเพศทกุ วัย มลี ักษณะขึ้นเปน็ ป้ืนนูนสซี ีด ขอบแดง มอี าการคันมาก พอเกาตรงไหน ก็จะมผี ื่นแดงขน้ึ ตรงนน้ั มขี นาดและรปู ร่างต่าง ๆ กัน เช่น เป็นวงกลม วงรี วงหยกั บางครั้งดูเหมือนแผนท่ี มกัเปน็ อยู่ 3-4 ชัว่ โมง แล้วหายไปเอง แตจ่ ะขนึ้ ใหม่ได้บอ่ ย ๆเพื่อความไม่อาพาธของเหล่าภกิ ษไุ ทย

84 โรคน้ีมีสาเหตุมาจาการแพ้ เช่น แพ้อาหารทะเล แพ้ยา แพ้ ความเย็น แพฝ้ ุน่ แพ้อากาศ เป็นต้น การรกั ษา ให้กินยาแก้แพ้ ยาเม็ดคลอร์เฟนิรามีน (เม็ดละประมาณ 5 สตางค์) คร้งั ละ 1 เม็ด เม่อื เริ่มมอี าการ หรอื ถ้าเปน็ อย่ทู ุกวนั กใ็ ห้ กนิ 1 เมด็ ทกุ ๆ 6-8 ชั่วโมง ส่วนอาการคันที่ผิวหนัง ให้ใช้ยาแก้ผดผ่ืนคันขององค์การ เภสัชกรรม หรอื คาลาไมน์โลชั่น ถ้าไม่มอี ะไรจริง ๆ จะใชใ้ บพลูตำ� ผสมกับเหลา้ ทากไ็ ด้ ถ้ารู้สาเหตุว่าแพ้อะไร ควรหลีกเลี่ยงจากส่ิงท่ีแพ้ เช่น ถ้าแพ้ อาหารทะเลหรอื แพย้ า กเ็ ลิกกินอาหารทะเลหรอื ยาชนดิ ท่แี พ้ แตถ่ า้ หลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ เชน่ แพค้ วามเยน็ แลว้ จำ� เปน็ ตอ้ งขนึ้ รถตดิ เครอื่ งปรบั อากาศก็ให้กินยาเม็ดคลอร์เฟนิรามีนก่อนขึ้นรถคร่ึงถึงหน่ึงชั่วโมง เปน็ การปอ้ งกนั ก็ได้ โรคนี้ไม่มีอันตรายร้ายแรง ส่วนมากมักจะหายได้เองในเวลา ไม่ก่ีวนั บางคนอาจเป็นนานเปน็ เดือน ๆ หรอื เป็นปี ๆ ถ้าเป็นเร้อื รัง ควรปรกึ ษาหมอเพื่อหาสาเหตุ เช่น อาจเกดิ จากฟันพุ หรอื เปน็ พยาธิ ล�ำไส้หรือตัวจี๊ด หรืออาจมีโรคอ่ืน ๆ ได้ บางคนอาจเป็นอยู่ทุกวัน นานเปน็ ปี ๆ หมออาจคน้ หาสาเหตไุ มเ่ จอ ในทส่ี ดุ ก็หายไปเองกไ็ ด้ อนาพาธ

สารเคมีกระเดน็ เขา้ ตาท�ำไงด?ี 85 พ.ญ. อารยี ์ นมิ ติ รวงศ์สกลุ บางท่านชอบเอาน้�ำตักใส่ขันมาแล้วลืมตาในน้�ำสะอาด ไม่แนะน�ำค่ะ เพราะน�ำ้ ยาสารเคมกี อ็ ย่ใู นขันทเี่ ราลืมตาแช่นน่ั เอง การล้างตาที่ถูกต้องคือ การเทหรือปล่อยน�้ำผ่านลูกตาโดยลมื ตาและกลอกตาไปมา ดงั นน้ั อาจจะต้องมีคนชว่ ยในการล้าง แต่ถ้าหาไม่ได้ หรือหาไม่ทัน ก็ให้ว่ิงไปท่ีก๊อกน้�ำและเปิดน�้ำไหลตลอด แล้วตะแคงหน้าย่ืนเข้าไปใต้ก๊อก ให้น�้ำผ่านตาลงมาเยอะๆอยา่ งตอ่ เนอ่ื งสกั พกั นงึ การลา้ งตาใหเ้ รว็ ทสี่ ดุ และมากทส่ี ดุ จะ เพ่ือความไม่อาพาธของเหล่าภกิ ษไุ ทย

86 เปน็ การชว่ ยลดการอกั เสบ หรอื ความเสยี หายตอ่ ตาทเ่ี กดิ จากปฏกิ ริ ยิ า ของสารเคมที ม่ี ตี อ่ ตาคะ่ ระหวา่ งนก้ี ใ็ หญ้ าตหิ รอื คนทอ่ี ยใู่ กลเ้ ตรยี มพา ไปหาหมอตาโดยเรว็ ไมต่ ้องตกใจหรอื รอเจอหมอกอ่ นคอ่ ยลา้ งนะคะ เพราะจะชา้ เกนิ ไป พอพบแพทยแ์ ลว้ เขาจะลา้ งเพิม่ ให้อีกที การล้างตา โดยมคี นช่วยเปิด ตาและเทน้ำ� ให้ ไหลผา่ นตา                          การลา้ งตาโดย เอาตาไปรองใต้ กอ๊ กนำ�้ และเปิด น้�ำใหไ้ หลผ่านตา อนาพาธ

ความรุนแรงของสารเคมีแต่ละชนิดเม่ือกระเด็นเข้าตาแล้วจะ 87ต่างกันค่ะ ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเคมี ถ้าเป็นด่างจะรุนแรงกว่ากรดกรดส่วนใหญ่มักจะก่อให้เกิดผลเสียต่อดวงตาใน 2-3 ช่ัวโมงแรกเท่านั้น เพราะกรดจะตกตะกอนกับโปรตีนในเนื้อเยื่อท�ำให้เหมือนเปน็ เขอื่ นกนั้ ไมใ่ หน้ ำ้� กรดซมึ ลกึ ลงตอ่ ไป และกรดจะถกู ลบลา้ งใหเ้ จอืจางลงด้วยน้�ำในเนื้อเย่ือต่างๆของร่างกายที่มีฤทธ์ิค่อนข้างเป็นด่างกรดจงึ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสยี หายเฉพาะที่ เชน่ เปลอื กตา เยอ่ื บตุ า กระจกตา แต่ในกรณีด่าง ด่างสามารถทะลุทะลวงเน้ือเย่ือของตาได้รวดเรว็ และมกี ารทำ� ลายเนอื้ เยอ่ื ลงไปเรอ่ื ยๆ เปน็ หลายๆชว่ั โมง และหลายวนั ตอ่ มาตวั ดา่ งจะรวมกบั ไขมนั ของเนอื้ เยอ่ื หมุ้ ผวิ ทำ� ใหเ้ กดิ การแตกสลายของเซลล์ ทำ� ลายเนอ้ื เยอื่ ใหอ้ อ่ นนมุ่ ลงและละลายหรอื สลายตวั ได้เองในท่สี ุด ดงั นัน้ ดา่ งเขม้ ขน้ ท่ีเข้าตาจ�ำนวนมากอาจทำ� ใหต้ าด�ำเป่ือยยยุ่ สลาย จนทะลุและตาบอดตามมาไดเ้ ลยทีเดียว ในกลุ่มสารเคมที ี่เข้าตา ดา่ งแอมโมเนียจะรนุ แรงทส่ี ุด ซ่งึ เรานิยมน�ำมาเป็นแก๊สบรรจุในถังแก๊ส หากถังระเบิดและแก๊สมาเข้าตารวมกบั น�้ำตาจะเกดิ เปน็ ด่างทีผ่ ิวกระจกตาและเยอื่ บุตาได้ ด่างที่รุนแรงรองลงมา คือ โซดาไฟ (NaOH) ท้ังในรูปผลึกหรือของเหลวที่มักใชใ้ นอุตสาหกรรม หรืออาจเปน็ ส่วนประกอบของน้�ำยาท�ำความสะอาดบางชนิด ด่างท่ีมีความรุนแรงลดลงมาอีก คือแคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)2) ซ่ึงเป็นด่างท่ีอยู่ในพลาสเตอร์หรอื ปูนซีเมนต์เพ่ือความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภิกษไุ ทย

88 อนั ตรายจากสารเคมเี ข้าตา อันตรายจะแตกต่างกันไป ข้ึนอยู่กับว่าสารเคมีเข้าส่วนไหน ของเน้ือเยือ่ เปลอื กตา (Eyelid) ระยะแรก: แสบ แดง อักเสบ หรือเกิดแผลตดิ เชอ้ื ได้ ระยะยาว: เปลือกตาผดิ รปู ขนตาท่ิมกระจกตา เปลือกตามว้ น เขา้ หรือผังผดื ที่ผวิ หนังดึงรั้งเปลอื กตาให้มว้ นออก เยอ่ื บุตาขาว (Conjunctiva) ระยะแรก: แดง เคอื งตานำ�้ ตาไหล หรอื หากเจอสารเคมรี นุ แรง อาจจะขาวซีดได้ บ่งบอกว่าเซลล์ที่เยื่อบุตาขาวถูกท�ำลายมาก กลุ่ม น้ีอาการระยะยาวมักไม่ค่อยดี จะมีปัญหา เย่ือบุตาผิดปกติ และ กระจกตาผิดปกตไิ ด้ ระยะยาว: เยื่อบุตาขาวติดกับเปลือกตาผิดต�ำแหน่ง ตาแดง อักเสบเรอื้ รัง กระจกตา (Cornea) ระยะแรก: ผิวถลอกท่กี ระจกตา (มอี าการแสบเคอื งตา น�้ำตา ไหล ตามวั ) กระจกตาเป็นฝ้าขาวขนุ่ (ตามวั ) ระยะหลัง: ฝ้าขาวที่กระจกตา เส้นเลือดงอกผิดปกติบนผิว อนาพาธ

กระจกตา บางรายอาจเกดิ กระจกตาทะลุ ตาบอดได้ นอกจากนี้ อาจ 89มปี ัญหาความดนั ตาขึ้นเป็นต้อหนิ ตามมาได้อกี ด้วย สรุปคือ ตั้งสติ และล้างตา มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ในการระหวา่ งรอการเดินทางไปพบหมอตาค่ะเพือ่ ความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภกิ ษุไทย

90 วธิ ีดูแลตนให้พ้นโรคภมู แิ พ้ พญ.พวงมะลิ ประเวศวรารตั น์ หากทา่ นไดร้ บั การวนิ จิ ฉยั เปน็ โรคภมู แิ พ้ การรกั ษามหี ลายวธิ ี เชน่ การรกั ษาดว้ ยยา การฉดี วคั ซนี ภมู แิ พ้ หรอื การผา่ ตดั เพอ่ื ควบคมุ อาการของโรคภมู แิ พ้ ยงั มวี ธิ ปี ฏบิ ตั ติ นเพอื่ ชว่ ยควบคมุ อาการได้ ดงั น้ี 1. ดูแลสขุ ภาพทัว่ ไปให้แข็งแรง โดยการออกกำ�ลงั กายอย่าง สมำ่ �เสมอ 2. หลีกเล่ยี งสารก่อความระคายเคืองทัง้ นอกและในบา้ น 2.1 สารเหลา่ นท้ี �ำให้อาการภมู แิ พ้เป็นมากข้นึ ไดแ้ ก่ ควนั บุหร่ี ควนั ไฟหรือทอ่ ไอเสีย นำ้� ยาล้างจาน น�้ำยาซักผ้า แหง้ หรือผงซกั ฟอกทม่ี ีกล่ินฉนุ 2.2 ฝุน่ ละอองจากแหล่งตา่ งๆ ควรสวมผา้ ปดิ จมกู และปาก เสมอขณะท�ำความสะอาด หลีกเล่ียงการใช้ไม้ขนไก่ หรอื ไมก้ วาด เปลยี่ นมาใชผ้ า้ หรอื ไมถ้ พู นื้ ชบุ นำ�้ หมาดๆ 2.3 อยา่ รีบเข้าไปในหอ้ งทเ่ี พิง่ ทำ� ความสะอาดเสรจ็ ควรรอ อย่างนอ้ ย 20 นาทเี พอ่ื ใหฝ้ ุน่ ผงตกลงสพู่ ้ืน 3. กำ�จดั และหลีกเลย่ี งสิง่ ที่แพ้ 3.1 สารก่อภูมแิ พ้ทีพ่ บในบา้ น ได้แก่ ไรฝุ่น ซากแมลงสาบ อนาพาธ

เชื้อรา 91 3.2 สารก่อภูมิแพ้ท่พี บนอกบา้ น ไดแ้ ก่ ละอองเกสรดอกไม้ หญา้ หรอื ต้นไม้ และเช้อื รา การกำ� จดั และหลกี เลยี่ งสง่ิ ทแ่ี พโ้ ดยทวั่ ๆไป สามารถทำ� ไดโ้ ดย 1. การใช้เคร่อื งเรือนให้น้อยชิน้ ทส่ี ดุ โดยเฉพาะในห้องนอน และควรเลือกเป็นไม้ พลาสติก โลหะ เพราะทำ�ความ สะอาดง่าย ไมก่ ักฝนุ่ หลกี เลี่ยงพรม ขนสัตว์ หมอนทีใ่ ส่ นุ่นหรอื ขนนก 2. เกบ็ หนังสือและของใช้ทีไ่ ม่ได้ใช้ประจำ�เข้าตใู้ หม้ ดิ ชิด 3. ทำ�ความสะอาดห้องนอนทุกสัปดาห์ ซักผ้าปูท่ีนอน ปลอกหมอน ผา้ หม่ โดยใช้น้ำ�ท่อี ุณหภูมสิ งู กวา่ 55 องศา เซนตเิ กรดเปน็ เวลาอยา่ งน้อย 30 นาทแี ละควรใชผ้ ้าคลมุ ที่นอน หมอน 4. อย่าตากเสื้อผ้าและเครื่องนอนไว้กลางแจ้งในฤดูที่มีเกสร ดอกไม้หรือหญา้ ทก่ี ่อภูมแิ พ้ พฤติกรรมบางอย่างที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่นอาการคดั จมกู น�ำ้ มูกใส หรือบางครั้งอาจมีอาการปวดศีรษะ มีดังนี้ 1. การสมั ผัสลมเย็นโดยตรงจากพดั ลม เครอ่ื งปรับอากาศ 2. การเปลยี่ นแปลงอณุ หภมู แิ บบเฉียบพลนั เชน่ 2.1 การเข้า-ออก หอ้ งแอรบ์ อ่ ยๆ 2.2 อาบน�้ำ ลา้ งหน้า หรอื ดื่มน้ำ� เยน็ หลงั จากกลบั มาจาก สถานท่ีทีม่ ีอากาศรอ้ น เพื่อความไมอ่ าพาธของเหลา่ ภิกษไุ ทย

92 ความเครยี ดและการจดั การ ความเครียด นพ.พลภัทร์ โลเ่ สถยี รกจิ ภาวะเครียดเป็นภาวะท่ีเกิดได้กับทุกเพศทุกวัยและทุก สถานภาพ และเมื่อเกิดความเครียดขนึ้ คนไทยจ�ำนวนมากก็มักจะ เขา้ หาพระภกิ ษสุ งฆเ์ พอ่ื ขอคำ� ปรกึ ษาและขอความชว่ ยเหลอื หากพระ ภกิ ษสุ งฆร์ จู้ กั และเขา้ ใจอาการของความเครยี ด กจ็ ะสามารถชว่ ยเหลอื ผทู้ ปี่ ระสบภาวะเครยี ดไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงิ่ ไปกวา่ นนั้ พระภกิ ษสุ งฆ์ เองกย็ งั สามารถเขา้ ใจภาวะเครยี ดทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ กบั ตนและชว่ ยเหลอื ตนเองไดด้ ้วยเชน่ กนั ภาวะเครยี ด เปน็ ค�ำกว้าง ๆ ที่ใช้บง่ ถึงกลุม่ อาการที่ประกอบ ดว้ ยอาการกระวนกระวายใจ ความไม่สบายใจ กงั วลใจ ซึมเศร้าหรือ ทอ้ แท้ใจ เป็นต้น มกั เกดิ จากการตอบสนองต่อส่ิงกระตุ้นหรือส่งิ เรา้ เช่น การสูญเสียคนรัก การเปลี่ยนแปลงในชีวิต อาการดังกล่าวมี ลักษณะคลา้ ยกบั ‘สภาวะทกุ ข’์ ในทางพทุ ธศาสนา ซึง่ ไดแ้ ก่ ความ พลัดพรากจากของรัก การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก ความไม่ สมปรารถนา ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแคน้ ใจ นน่ั เอง อย่างไรก็ตาม ในทางจิตวิทยา ความเครียดในปริมาณ และระยะเวลาท่ีพอเหมาะ จะช่วยกระตุ้นให้คนเราตื่นตัว มีแรงใจ อนาพาธ

ท่ีจะเอาชนะปัญหา มีแรงใจท�ำงานและรับผิดชอบงานได้ดี เช่น 93ความเครียดในชว่ งใกลส้ อบ จะกระตุ้นให้นักเรียนอา่ นหนงั สือ แต่หากความเครียดนั้นเรือ้ รงั และยาวนานจนเกนิ ไป จงึ จะก่อใหเ้ กิดผลเสียตามมา สาเหตขุ องความเครียด โดยทัว่ ไปแลว้ ความเครียดมีสาเหตใุ หญ่ ๆ ดังน้ี 1. สาเหตุจากรา่ งกาย เชน่ การเจบ็ ไข้ไดป้ ว่ ย ตงั้ แตอ่ าการ ไมร่ นุ แรงแตเ่ รอื้ รงั เชน่ การเปน็ หวดั เรอื้ รงั ไปจนถงึ ความ เจบ็ ปว่ ยทร่ี นุ แรงและเรอื้ รงั เชน่ เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง มะเรง็ เปน็ ตน้ 2. สาเหตทุ างดา้ นจิตใจ เชน่ ความกลวั ความผดิ หวัง ความ หนักใจ ความรู้สึกตำ่ �ต้อย ความรู้สึกไร้ความสามารถ รวมถึงความวิตกกังวลล่วงหน้ากับสิ่งที่ยังไม่เกิดข้ึน สาเหตุจากส่ิงแวดล้อมหรือสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนในชีวิต เช่น สภาพเศรษฐกิจ สภาพการเมือง สภาพแวดลอ้ มรอบ ตวั เชน่ อยใู่ นสงั คมทวี่ นุ่ วาย อยใู่ นสงั คมทใ่ี ชค้ วามรนุ แรง ตอ่ กนั แรงกดดนั จากสงิ่ แวดลอ้ มรอบตวั รวมถงึ เหตกุ ารณ์ ทเี่ กดิ ขึ้น เชน่ การแตง่ งาน การเปลีย่ นงาน การได้เลื่อน ขนั้ เลื่อนตำ�แหน่ง ภาระงานทมี่ าก การเกษียณอายุ การ ยา้ ยบา้ น การสูญเสียคนรัก เปน็ ตน้ 3. บุคลกิ ภาพบางชนดิ โดยท่ัวไป มักจะเปน็ บคุ ลิกภาพท่มี ัก จะทำ�ใหเ้ กิดความขดั แย้งกบั คนอื่น เช่น ความเปน็ คนเจา้ ระเบียบ มคี วามเข้มงวดจนเกนิ ไป ยอมหกั ไม่ยอมงอ แต่ ในบางกรณี บุคคลท่ีมีลักษณะสมยอม ปฏิเสธคนอ่ืนไม่ เพอ่ื ความไม่อาพาธของเหล่าภกิ ษุไทย

94 เปน็ กจ็ ะทำ�ให้มคี วามเครียดเกิดขึ้นได้เชน่ กนั ส�ำหรับมุมมองของพุทธศาสนาน้ัน สาเหตุของความเครียด หรือความทุกข์ อาจจะเข้าได้กับตัณหาหรือความอยากน่ันเอง ใน ทางศาสนาพทุ ธ ตณั หาหรอื ความอยากแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ 1. กามตัณหา ได้แก่ความอยากได้รูปสวยๆ รสอร่อย ๆ กล่ินหอม ๆ เสียงเพราะๆ และอารมณ์อันรนื่ เรงิ หาก ไม่สามารถได้ส่ิงเหล่าน้ีตามความต้องการแล้ว ก็จะเกิด ความทกุ ข์ขึ้นมา 2. ภวตัณหา คอื ความอยากเป็นหรอื อยากได้ เชน่ อยากเป็น คนมีช่ือเสียง อยากได้รับค�ำสรรเสริญเยินยอ อยากเป็น ทร่ี กั ของคนอื่น ๆ อยากมีบ้านหลังใหญ่ ๆ อยากมีเงิน ทองร่ำ� รวย เปน็ ตน้ 3. วภิ วตณั หา ไดแ้ กค่ วามไมอ่ ยากไดใ้ นสง่ิ ทต่ี นเองมอี ยู่ เชน่ ไม่อยากเจ็บป่วย ไม่อยากเป็นคนจน ไม่อยากถูกด่าทอ นินทา เป็นต้น ซ่ึงตัณหาทั้งสามชนิดน้ีนั้น เม่ือไม่ได้ อย่างท่ตี อ้ งการ ก็จะทำ� ให้เกิดความเครียดหรือความทุกข์ ขนึ้ มานน่ั เอง อาการเตือนของความเครียด เราสามารถจะสังเกตอาการเครียดท่ีเกิดข้ึนจากทางร่างกาย และจติ ใจ รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ท่เี ปล่ียนแปลงไป ได้ ดังนี้ • อาการทางร่างกาย เช่น มีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย นอนไมห่ ลบั หลับ ๆ ตน่ื ๆ หรือหลบั ยากกว่าปกติ เบื่อ อนาพาธ

อาหาร นำ้� หนกั ลดลง หายใจไมอ่ ิม่ ทอ้ งเสียเร้อื รงั เปน็ 95 โรคกระเพาะ หรอื เปน็ ความดนั โลหติ สงู เปน็ ตน้ • อาการทางอารมณ์ เช่น ร้สู กึ หงดุ หงดิ ง่าย รู้สกึ เบ่อื หน่าย รสู้ ึกทอ้ แท้ โมโหง่าย ฉนุ เฉยี วงา่ ย ซึมเศรา้ • อาการทางความคดิ เช่น คิดวกวนสบั สน มองโลกในแง่ ร้าย มองตวั เองในแงร่ ้าย รสู้ ึกตวั เองไร้ค่า หรือจ้องจับผิด คนอื่น เปน็ ตน้ • อาการที่ทางพฤติกรรม เช่น กระวนกระวาย กระสับ กระสา่ ย กา้ วรา้ วงา่ ยขึน้ ทะเลาะววิ าทกบั คนใกล้ชิด ไม่ พดู จาหรอื สงุ สิงกับใคร ไม่ท�ำในสิ่งทีเ่ คยชอบทำ� เปน็ ตน้ ในบางคน อาการตา่ งๆ ดังกลา่ ว อาจจะไมแ่ สดงออกหรอื ไม่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน และก็ไม่รู้ว่า ตนเองก�ำลังเครียดอยู่ดังนั้น การท�ำแบบประเมินความเครียดด้วยตนเอง อาจจะช่วยให้รูจ้ กั ตนเองไดด้ ขี ้นึ (แบบประเมนิ ตนเองดงั กลา่ ว อยูท่ ้ายบทความน้ี) วธิ จี ดั การกบั ความเครยี ด เมื่อประเมินความเครียดแล้ว หากความเครียดอยู่ในเกณฑ์ท่ีสูงกว่าปกติ ผู้ประเมินควรเข้าพบแพทย์ตามค�ำแนะน�ำ แต่หากความเครียดไม่สูงมากจนเกินไปนัก ผู้ประเมินสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในเบ้ืองต้น ซึ่งการจัดการกับความเครียดน้ัน ท�ำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น การออกก�ำลังกาย การพักผ่อนหย่อนใจ ดูหนังฟังเพลง การผอ่ นคลายกลา้ มเนอื้ การปรบั มมุ มอง เชน่ การมองมมุ บวกเปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ าม ในบทความน้ี ขอเสนอการจดั การความเครยี ดแบบพุทธ ซ่ึงพระภิกษุสงฆ์มีพ้ืนฐานความรู้เรื่องพุทธธรรมดีอยู่แล้ว เพอ่ื ความไม่อาพาธของเหลา่ ภิกษุไทย

96 จงึ สามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ง่ายย่ิงขึ้น การจัดการความเครียดแบบ พทุ ธ มหี ลกั การดงั นี้ 1. การจัดการความเครยี ดดว้ ยสติ 1.1 การรับรู้อารมณ์หรือความคิดที่เกิดขึ้นในขณะน้ัน ๆ เปน็ ขน้ั ตอนของการมสี ติ รบั รอู้ ารมณท์ ม่ี อี ยใู่ นขณะนน้ั เชน่ เมอ่ื เกดิ ความโกรธ กร็ บั รอู้ ารมณโ์ กรธทเ่ี กดิ ขนึ้ หรอื มีความคิดฟงุ้ ซา่ นหรือคดิ วกวนไปมา ก็รบั รู้ว่า มคี วาม คดิ ฟุ้งซา่ นเกดิ ข้ึน เป็นตน้ 1.2 การเบ่ียงเบนความสนใจไปยังส่ิงอื่น ในเบื้องต้นของ การฝกึ สติ ความคิดหรอื อารมณ์ท่เี กดิ ขึน้ จะรนุ แรง ดงั นั้น จึงอาจจะใช้การเบ่ียงเบนอารมณ์ จากความคิด หรือความรู้สึกที่รุนแรง มาหาอารมณ์ท่ีเป็นกลางและ สบายกวา่ โดยทวั่ ไป มกั จะแนะน�ำใหห้ ายใจเขา้ ออกลกึ ๆ ยาว ๆ 3-5 ครงั้ เพ่อื ใหเ้ กิดความผอ่ นคลาย หาก ความเครียดยังไม่เบาลง ก็อาจจะใช้วิธีการเบ่ียงเบน อารมณ์ท่ีแรงขึ้นกว่าเดิม โดยการท�ำกิจกรรมที่ไม่ก่อ ใหเ้ กิดความเครียด เช่นกวาดลานวัด ทำ� ความสะอาด เสนาสนะ เป็นต้น 1.3 การรับรู้อารมณ์เฉย ๆ ด้วยใจที่เป็นกลาง เม่ือฝึกขั้น ตอนท่ี 1 และ 2 จนช�ำนาญแล้ว สติจะว่องไวมาก ขนึ้ จะสามารถรบั ร้อู ารมณ์ไดเ้ รว็ ขึ้น และเป็นกลางตอ่ อารมณม์ ากขน้ึ ในขน้ั ตอนน้ี เปน็ การรบั รอู้ ารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ เฉย ๆ ดว้ ยใจทเ่ี ปน็ กลาง ซง่ึ จะเหน็ วา่ จติ กบั อารมณ์ เปน็ คนละอนั กัน (เป็นคนละขนั ธ์) และจะเห็นต่อไปวา่ อารมณห์ รอื ความคิดน้ัน เกิดขึ้นเพราะมเี หตุ เม่อื หมด อนาพาธ

เหตแุ ลว้ อารมณห์ รอื ความคดิ นน้ั กจ็ ะหายไปดว้ ย หรอื 97 บางคนกเ็ หน็ วา่ ความคดิ และอารมณ์ ผา่ นมาแลว้ กผ็ า่ น ไป อยูไ่ มไ่ ดน้ านกจ็ ะต้องเปลย่ี นแปลงไป 2. การมองมมุ บวกและการพจิ ารณาตามความเปน็ จรงิ เมื่อเกิดความเครียดข้ึนแล้ว คนจ�ำนวนหน่ึงมักจะกล่าวโทษตัวเอง มองตนเองในแง่รา้ ย ในขณะทบี่ างคน กม็ กั จะกลา่ วโทษหรอืตำ� หนิผอู้ ืน่ การกระทำ� ดังกล่าวนอกจากจะไมช่ ่วยแก้ปญั หาแล้ว ยังอาจจะทำ� ให้เกิดปญั หาและเพิ่มความเครยี ดภายในใจอกี ดว้ ย ดงั นั้นแทนท่ีจะใช้เวลาไปกับการโทษตวั เอง หรอื โทษคนอ่นื เราอาจจะฝกึการมองมุมบวกและมองตามความเป็นจริง ซึ่งแม้จะยังไม่สามารถแก้ปัญหาไดใ้ นตอนนั้น แต่กจ็ ะช่วยให้ลดความเครยี ดทเ่ี กดิ ขนึ้ ไดใ้ นขณะนน้ั การมองมมุ บวก มหี ลกั การคอื พยายามหาขอ้ ดใี นสถานการณ์ที่เกดิ ขึน้ เช่น เมอ่ื มอี ุบตั เิ หตุรถชนกัน แทนทจ่ี ะมองวา่ ท�ำไมคนขบัรถอีกฝ่ายถึงขบั รถได้แยม่ าก กอ็ าจจะมองว่า อย่างน้อย อุบัติเหตคุ รง้ันี้ เรากไ็ มไ่ ดบ้ าดเจบ็ บางคนถกู มอบหมายใหท้ ำ� งานหนกั กวา่ คนอน่ืก็อาจจะมองมุมบวกว่า การได้ท�ำงานหนักกว่าคนอ่ืน ก็เป็นการฝึกทักษะในการท�ำงาน มีผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน ก็มองตัวเองว่า ดีกว่าเปน็ อมั พาตหรอื ตาบอด เพราะอยา่ งนอ้ ยกย็ งั สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวกมากกวา่ เปน็ ต้น มองตามความเปน็ จรงิ โดยทวั่ ไป ชาวพทุ ธสว่ นใหญม่ กั มคี วามเชอื่ เรอื่ งกรรมและผลของกรรมอยเู่ ปน็ ทนุ เดมิ ดงั นนั้ จงึ อาจจะไมย่ ากนกั ท่ีจะยอมรับผลของกรรมทีเ่ กิดขนึ้ กบั ตน เชน่ เคยมีคนถกู โกงเงินไปหลายสิบล้าน เขาเครียดมากจนล้มป่วยลง แต่ในท่ีสดุ กส็ ามารถยอมรับว่าโดนโกงเงินไปแล้ว คงจะเป็นกรรมที่เคยไปโกงเงินคนอ่ืน เพ่อื ความไม่อาพาธของเหล่าภิกษุไทย

98 เอาไว้ และยงั มองออกอีกว่า แทนที่จะโดนโกงเงินอย่างเดยี ว แต่กลบั ต้องมาป่วยเพราะความเครียดซ้ำ� ซ้อนอกี แม้วา่ เงนิ จะถกู โกงไปแล้ว แตก่ ็ยังมีอาหาร มบี ้านใหอ้ ยู่ และยังมีเงินอกี พอเล้ยี งชพี ได้ เป็นต้น อยา่ งไรกต็ าม การมองตามความเปน็ จรงิ นนั้ ไมใ่ ชแ่ คย่ อมรบั ผลกรรม ในอดตี แตก่ ลบั สามารถชว่ ยใหส้ รา้ งกรรมใหมท่ ดี่ ขี นึ้ กวา่ เดมิ ดว้ ย เชน่ เมื่อนาย ก. ถกู ไฟไหม้บ้านจนหมดเนื้อหมดตวั แทนทจ่ี ะนง่ั ทอ้ แทใ้ จ กลับยอมรับความจรงิ วา่ ตอนน้ีบ้านกไ็ ด้ถกู ไฟไหม้ไปแลว้ ตนจะต้อง ลกุ ขึน้ ตอ่ สู้เพ่ือหาเลี้ยงครอบครัวของตนตอ่ ไป นอกจากนี้ เรายงั สามารถมองในมมุ ของไตรลกั ษณค์ อื อนจิ จงั ทกุ ขงั และอนตั ตาไดอ้ กี ดว้ ย เชน่ เมอ่ื ถกู กดดนั ใหต้ อ้ งรบั ผดิ ชอบงาน นาย ข. ต้องทำ� จนดึกด่นื หลายวนั ติด ๆ กนั จนรสู้ กึ เครยี ดข้นึ มา แต่ เขาก็พยายามอดทน และนึกไว้ในใจเสมอว่า ปัญหาเหล่านี้ อีกไม่ นานกจ็ ะผา่ นไป เหมอื นในชว่ งทเ่ี กดิ สนึ ามทิ ญี่ ป่ี นุ่ มคี นสง่ ขอ้ ความให้ กำ� ลงั ใจชาวญปี่ นุ่ มากมาย มขี อ้ ความทน่ี า่ สนใจเขยี นเอาไวว้ า่ ‘เราชาว ญปี่ นุ่ เคยผา่ นอปุ สรรคมาหลายครง้ั แตท่ กุ ครงั้ ปญั หาเหลา่ นนั้ กผ็ า่ น ไปดว้ ยดี และเรากลบั เตบิ โตและเขม้ แขง็ กวา่ เดมิ ครง้ั นกี้ เ็ ปน็ อปุ สรรค ที่รุนแรงของเราอกี ครงั้ หนง่ึ เราจะชว่ ยเหลอื กัน ข้ามผา่ นปญั หาเหลา่ นไ้ี ปให้ได้ และเติบโตและแขง็ แรงขนึ้ กวา่ เดิมอีกครงั้ ’ 3. การออกกำ�ลงั กาย นอกจากจะฝกึ สตแิ ละปรบั มมุ มองเพอื่ ลดความเครยี ดแลว้ การ ออกกำ� ลงั กายกเ็ ปน็ อกี วธิ กี ารหนง่ึ ทชี่ ว่ ยลดความเครยี ดไดด้ ว้ ยเชน่ กนั วิธีการออกก�ำลังกายส�ำหรับฆราวาส ควรเป็นการออกก�ำลังกายท่ี เรียกว่า การออกก�ำลังกายแบบแอโรบิค คือมีการออกก�ำลังกายที่มี การใช้ออกซิเจนให้เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมากท่ีสุด และจะท�ำให้ ออกซิเจนถกู สง่ ไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกายไดม้ ากทีส่ ดุ วธิ ีการคือ การออกก�ำลงั กายอยา่ งต่อเนื่อง ไมต่ �่ำกว่า 20 นาทีตอ่ คร้งั อนาพาธ

ส�ำหรับการออกก�ำลังกายของพระภิกษุสงฆ์น้ัน อาจจะมีข้อ 99จ�ำกัดอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม การออกก�ำลังกายที่ดีอย่างหน่ึงส�ำหรับนักบวช ได้แก่ การเดินจงกรม ซึ่งได้ประโยชน์ทั้งสองอย่างคือนอกจากจะเป็นการออกก�ำลังกายแล้ว ยังเป็นการฝึกสติสมาธิไปในเวลาเดยี วกนั โดยปกติ การเดนิ จงกรมจะเดินด้วยความเร็วปกติ หรอื จะเดนิเรว็ ขน้ึ จากเดมิ เลก็ นอ้ ย เพอ่ื กระตนุ้ ใหส้ ตอิ ยกู่ บั การเคลอื่ นไหว ไมซ่ มึหรือจมแช่ไปกับอาการทางร่างกาย และเม่ือจิตเร่ิมสงบลง การเดินจะช้าลงเองโดยอัตโนมัติ วิธีเดินคอื ใหก้ ลบั ไปกลับมา ในระยะทางประมาณ 20-25 กา้ ว เมอ่ื เดนิ ไปสดุ ทางจงกรมแลว้ กใ็ หห้ ยดุ ท�ำความรู้สกึ ตวั สกั ครู่ แล้วจึงคอ่ ย ๆ หมุนตวั กลับ แล้วเดนิ ตอ่ ขณะเดินจงกรม อาจจะใช้ค�ำบริกรรมว่าพุทโธ หรือบริกรรมขวาซา้ ย ๆ ตามการเคลือ่ นไหว หรอื ใช้วิธีนบั กา้ วกไ็ ด้ เพื่อใหใ้ จได้กลบั มาจดจอ่ อยกู่ บั อารมณเ์ ดยี ว (ซง่ึ ถอื วา่ เปน็ การทำ� สมถกรรมฐาน)อย่างไรก็ตาม ในการฝึกแรก ๆ น้ัน ใจจะไม่สามารถจดจ่ออยู่กับอารมณ์เดยี วได้ ใจจะคอยไหลไประลึกถึงอดีต คิดไปยังอนาคต ซงึ่เป็นธรรมชาติธรรมดาของจิตใจ ผู้เดินจงกรม จึงมีหน้าที่เพียงรับรู้อาการท่ีจิตไหลไปคิด แลว้ ก็กลบั มาบริกรรมพุทโธต่อไป อย่างไรก็ตาม การเคร่งเครียดกับการบริกรรมพุทโธในขณะเดนิ จงกรมมากจนเกนิ ไป อาจจะทำ� ใหจ้ ติ ใจเครง่ เครยี ดยงิ่ ขน้ึ กเ็ ปน็ ได้ 4. การวางแผนแก้ไขปัญหา เม่ือสามารถจัดการกับความเครียดท่ีเกิดขึ้นภายในใจของเราไดด้ ขี ึน้ แล้ว ความฟ้งุ ซ่านหรืออารมณเ์ ครยี ดลดลง จิตใจสงบมากข้ึนแลว้ จงึ ถงึ เวลาทจี่ ะลงมอื หาทางแกไ้ ขปญั หาโดยการคน้ หาสาเหตขุ องปัญหาวา่ เกิดจากสาเหตุใด แลว้ วางแผนแก้ไขปญั หาใหต้ รงจุด การ เพื่อความไม่อาพาธของเหล่าภิกษไุ ทย

100 แก้ไขปัญหาอาจจะเริ่มจาก การส�ำรวจตัวเอง ว่าปัญหาเหล่าน้ันเกิด จากตวั เราเองหรอื ไม่ โดยการทบทวนและวเิ คราะหส์ ถานการณท์ เี่ กดิ ข้ึน ตรงจดุ ใดท่ีเกย่ี วขอ้ งกับตนเอง ก็ปรบั ปรุงแก้ไข บางคร้ัง ปัญหาบางปัญหาก็ไม่สามารถแก้ได้โดยล�ำพังเพียง ผู้เดียว การได้พบปะพูดคุยกับคนใกล้ชิด เปิดใจรับค�ำแนะน�ำจาก กัลยาณมิตร หรือครูอาจารย์ ก็จะช่วยให้มีมุมมองส�ำหรับการแก้ไข ปัญหาไดก้ วา้ งขวางย่งิ ข้ึน อยา่ งไรกต็ าม ปญั หาบางปญั หา เปน็ ปญั หาทไี่ มส่ ามารถแกไ้ ข ได้ เราจึงจ�ำเป็นต้องวางใจให้เป็นกลางและยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น และนำ� ปญั หาทแ่ี กไ้ ขไมไ่ ดแ้ ลว้ นน้ั มาเปน็ บทเรยี น สำ� หรบั การปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ กดิ ปญั หาซ�้ำเดมิ ในครั้งต่อไป สรุป ความเครียดเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยและทุก สถานภาพ แต่หากเราท�ำความร้จู กั กับความเครียด ในแงข่ องอาการ เตอื นทเ่ี กิดขึน้ ทางร่างกาย ทางจติ ใจและพฤตกิ รรมแลว้ เราสามารถ จัดการกับความเครียดของตนเองและผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม มี ประสิทธิภาพ และยังอาจช่วยเหลือผู้อ่ืนในการวางแผนการจัดการ กบั ปัญหาไดอ้ กี ด้วย อนาพาธ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook