1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรื่อง แรงและการเคลื่อนท่ี รายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2559 เวลาเรยี น 21 ชว่ั โมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า แรงโนม้ ถว่ ง และแรงนวิ เคลียร์ มีกระบวนการ สบื เสาะหาความรู้ สอื่ สารส่งิ ที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างถูกตอ้ งและมคี ุณธรรม มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจลกั ษณะการเคล่อื นท่ีแบบต่าง ๆ ของวัตถใุ นธรรมชาติ มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ และจติ วทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารสงิ่ ทเ่ี รยี นรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจิตวิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การแกป้ ญั หา รู้ว่าปรากฎการณท์ างธรรมชาตทิ ีเ่ กิดขึ้นส่วนใหญ่ มีรูปแบบท่แี นน่ อน สามารถอธิบาย และ ตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมลู และเคร่อื งมือท่ีมีอยู่ในชว่ งเวลานัน้ ๆ เข้าใจวา่ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธก์ นั 2. ตวั ชี้วัด 1. อธิบายความเร่งและผลของแรงลพั ธท์ ่ีทาตอ่ วตั ถุ 2. ทดลองและอธิบายแรงกิรยิ าและแรงปฏิกิริยาระหว่างวตั ถุ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. ทดลองและอธิบายแรงพยุงของของเหลวทกี่ ระทาต่อวัตถุ 4. ทดลองและอธบิ ายความแตกต่างระหว่างแรงเสียดทานสถติ กบั แรงเสยี ดทานจลน์ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 5. ทดลองและวเิ คราะหโ์ มเมนตข์ องแรง และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 6. สงั เกตและอธิบายการเคลื่อนทข่ี องวตั ถุท่ีเป็นแนวตรงและแนวโคง้ 3. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด แรงลพั ธม์ ีผลทาใหว้ ตั ถมุ คี วามเรง่ ในทศิ เดยี วกันกบั แรงลพั ธน์ ัน้ ซึ่งแรงกริ ิยาจะมีแรงปฏิกริ ยิ าโต้ตอบดว้ ยขนาดของ แรงเทา่ กัน แต่มที ิศทางตรงข้าม แรงพยงุ เป็นแรงที่ของเหลวกระทาต่อวัตถุ และทาใหว้ ัตถลุ อยได้ในของเหลว แรงเสียดทานสถติ เป็นแรงท่ีกระทาต่อวตั ถุขณะหยุดน่ิง สว่ นแรงเสยี ดทานจลนเ์ ป็นแรงที่กระทาต่อวตั ถุขณะเคลื่อนท่ี เมือ่ แรงกระทาต่อวตั ถุ แลว้ ทาใหเ้ กดิ โมเมนต์ของแรงรอบจุดหมุน วัตถุจะเปลีย่ นสภาพการหมุน ส่วนการเคล่อื นท่ีของ วตั ถุมที ้งั การเคลื่อนท่ใี นแนวตรงและการเคลอื่ นที่ในแนวโค้ง 4. สาระการเรียนรู้ 1. วตั ถุเคลอ่ื นที่ดว้ ยความเร็วท่ีเปลยี่ นแปลง เป็นการเคล่ือนที่ด้วยความเร่ง เม่ือแรงลัพธม์ ีค่าไมเ่ ทา่ กบั ศูนย์ กระทาต่อวัตถุ วัตถจุ ะเคล่ือนที่ดว้ ยความเร่งซึง่ มีทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ 2. ทกุ แรงกริ ยิ าจะมีแรงปฏิกิริยาโตต้ อบด้วยขนาดของแรงเท่ากนั แต่มีทิศทางตรงขา้ ม 3. การนาความรู้เรือ่ งแรงกิริยาและแรงปฏิกิรยิ าไปใช้อธิบาย เชน่ การชกั เย่อ การจดุ บง้ั ไฟ 4. แรงพยงุ คือ แรงที่ของเหลวกระทาต่อวตั ถุมีคา่ เท่ากบั นา้ หนกั ของของเหลวทีม่ ปี ริมาตรเท่ากบั สว่ นท่จี มของวัตถุ 5. ของเหลวทม่ี คี วามหนาแน่นมากจะมีแรงพยุงมาก
2 6. วตั ถุท่ลี อยได้ในของเหลวจะมีความหนาแนน่ น้อยกวา่ ความหนาแนน่ ของของเหลว 7. แรงเสยี ดทานสถติ เปน็ แรงเสยี ดทานท่ีกระทาต่อวตั ถุขณะหยดุ นงิ่ สว่ นแรงเสียดทานจลน์ เป็นแรงเสียดทาน ทีก่ ระทาต่อวตั ถุขณะเคล่ือนท่ี 8. การเพิ่มแรงเสยี ดทาน เชน่ การออกแบบพนื้ รองเท้ากันล่ืน 9. การลดแรงเสียดทาน เชน่ การใช้นา้ มนั หลอ่ ลื่นทีจ่ ุดหมุน 10. เมื่อมแี รงท่ีกระทาต่อวตั ถแุ ลว้ ทาใหเ้ กิดโมเมนต์ของแรงรอบจดุ หมุน วัตถจุ ะเปลีย่ นสภาพการหมุน 11. การวเิ คราะห์โมเมนตข์ องแรงในสถานการณต์ ่างๆ 12. การเคล่ือนทขี่ องวัตถุมีท้งั การเคลอื่ นที่ในแนวตรง เช่น การตกแบบเสรี และการเคลื่อนทใ่ี นแนวโค้ง เชน่ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลข์ องลูกบาสเกตบอลในอากาศ การเคล่อื นทีแ่ บบวงกลมของวตั ถุทผ่ี กู เชอื ก แล้วแกว่ง เป็นตน้ 5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. หนังสือเรยี น วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน 8. การวดั และประเมินผล 1. การซักถาม/การตอบคาถาม 2. ตรวจใบงานท่ี 1.1 เร่ือง ความเร่ง 3. ตรวจใบงานที่ 1.2 เร่อื ง ความเร่งเน่อื งจากแรงโน้มถว่ งของโลก 4. ตรวจใบงานท่ี 3.1 เรอ่ื ง แรงพยุงของของเหลวที่กระทาต่อวตั ถุ 5. ตรวจใบงานที่ 3.2 เรื่อง แรงพยุงของของเหลวทกี่ ระทาต่อวัตถุ 6. ตรวจใบงานท่ี 4.1 เรื่อง แรงเสยี ดทาน 7. ตรวจใบงานที่ 4.2 เรอ่ื ง ประโยชนข์ องแรงเสยี ดทาน 8. ตรวจ ใบงานท่ี 5.1 เรอื่ ง โมเมนต์ของแรง 9. ตรวจใบงานท่ี 5.2 เรอ่ื ง การใชป้ ระโยชน์จากโมเมนต์ของแรง 10. ตรวจใบงานที่ 6 เรือ่ ง ลักษณะการเคลื่อนท่ี
3 11. ประเมินการนาเสนอผลงาน 12. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 9. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1-3 1. ครใู ห้นกั เรียนดูภาพนักว่ิง แลว้ ตัง้ คาถามให้นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นตามประเดน็ ที่กาหนดให้ 2. ครแู บ่งนกั เรยี นเป็นกลุม่ กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ แล้วให้แตล่ ะกลมุ่ ศึกษาความรู้เร่ือง ความเร่ง จากหนังสอื เรียน 3. นักเรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกนั อธบิ ายความรูท้ ่ีได้จากการศกึ ษา ผลัดกนั ซกั ถามข้อสงสัยกบั สมาชิกภายในกลุ่ม 4. ครูอธบิ ายเกี่ยวกับสมการและวิธีการคานวณการหาค่าความเร่ง ใหน้ ักเรยี นฟัง แล้วใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั ทาใบงานที่ 1.1 เร่ือง ความเร่ง 5. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกี่ยวกับความเร่งเน่ืองจากแรงโน้มถ่วงของโลก พรอ้ มอธิบายเพมิ่ เติมให้นกั เรยี นฟงั 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั ทาการทดลองและบันทึกผลลงในใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง ความเรง่ เน่อื งจากแรงโนม้ ถว่ ง ของโลก 7. นกั เรียนแต่ละกลุ่มผลดั กนั ออกมานาเสนอใบงานท่ี 1.2 หนา้ ชนั้ เรียน 8. นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความร้เู รอื่ ง ความเรง่ ชวั่ โมงที่ 4-6 1. ครูนาภาพรถชนตน้ ไม้ มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนบอกแรงกริ ิยาและแรงปฏกิ ริ ิยาที่เกิดขน้ึ ในภาพ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลมุ่ เดมิ จากเรือ่ งท่ี 1) ร่วมกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง แรงกริ ยิ าและแรงปฏิกริ ยิ า จากหนงั สือเรียน 3. ครูแจง้ จดุ ประสงค์การทดลองเกยี่ วกบั แรงกิริยาและแรงปฏิกิรยิ าใหน้ กั เรียนฟัง พร้อมกบั อธบิ ายขนั้ ตอนการทดลอง 4. ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ทาการทดลองและอธบิ ายเกยี่ วกบั แรงกิรยิ าและแรงปฏิกริ ยิ าตามขนั้ ตอน ทกี่ าหนด 5. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มผลดั กันออกมานาเสนอผลการทดลองหนา้ ชน้ั เรยี น แลว้ ใหเ้ พื่อนกลมุ่ อน่ื ชว่ ยเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ในสว่ นที่แตกตา่ ง 6. นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายภายในกลุม่ แลว้ สรุปผลการทดลองเกย่ี วกบั แรงกิริยาและแรงปฏกิ ริ ิยา 7. ครูตรวจสอบความถูกต้องของผลการทดลองและข้อสรุปของผลการทดลองของนกั เรยี นแต่ละกลุ่ม ชั่วโมงที่ 7-9 1. ครสู นทนากับนักเรียนว่า เหลก็ สามารถลอยน้าไดห้ รือไม่ แล้วนาภาพเรอื เหลก็ มาใหน้ ักเรียนดู แลว้ ถามนกั เรียนวา่ ทาไมเรือเหล็กในภาพจงึ ลอยน้าได้ 2. ครูเฉลยคาตอบพร้อมสาธติ โดยใชด้ นิ น้ามันแทนเหลก็ แลว้ หย่อนลงในนา้ สังเกตส่งิ ท่เี กิดขึ้น จากนน้ั ครนู าดนิ น้ามัน มาป้ันเป็นรปู เรอื แล้วหย่อนลงในนา้ สังเกตสิง่ ทเ่ี กิดขนึ้ แลว้ เปรียบเทยี บผลการสงั เกต 3. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม ศึกษาความรูเ้ รื่อง แรงลอยตัวหรอื แรงพยงุ ของของเหลว จากหนงั สอื เรียน 4. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มทาการทดลอง เรอื่ ง แรงพยุงของของเหลว ตามขน้ั ตอนทก่ี าหนด 5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองหนา้ ช้ันเรยี น โดยใหเ้ พ่ือนกลุ่มอ่นื ชว่ ยเสนอแนะเพ่ิมเติมในส่วนทแี่ ตกต่าง
4 6. นกั เรยี นแต่ละคนทาใบงานท่ี 3 เรอื่ ง แรงพยงุ ของของเหลวทีก่ ระทาต่อวัตถุ เมื่อนักเรยี นแตล่ ะคนคดิ หา คาตอบได้แลว้ ให้กลบั มารวมกลมุ่ เดมิ (กลุ่มละ 4 คน) แล้วผลัดกนั อธบิ ายคาตอบในใบงานให้สมาชกิ ในกลุ่มฟัง เพอ่ื ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 7. ครูสุ่มเรียกนกั เรยี น 5-6 กลุ่ม ออกมานาเสนอใบงานท่ี 3 หน้าช้ันเรยี น จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันเฉลย คาตอบ 8. ครูประเมนิ ผลการเรยี นรูข้ องนักเรียนจากการรายงานผลการทดลองและทาใบงาน ชั่วโมงที่ 10-12 1. ครูนาภาพ 2 ภาพ มาให้นักเรียนดู แล้วใหน้ กั เรียนบอกว่าภาพ 2 ภาพนี้ ภาพใดเกดิ แรงเสียดทาน ครเู ฉลยคาตอบ พรอ้ มอธิบายเพมิ่ เติม 2. นักเรยี นแต่ละกลุม่ (กลุม่ เดมิ จากเร่อื งท่ี 1) ร่วมกันศึกษาความรเู้ รือ่ ง แรงเสียดทานสถติ กบั แรงเสยี ดทานจลน์ จากหนังสือเรียน 3. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ ทาการทดลอง เร่ือง แรงเสียดทาน ตามข้ันตอนทีก่ าหนด 4. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนาผลการทดลองเร่ือง แรงเสียดทาน มาอภปิ รายรว่ มกนั ภายในกลมุ่ เพ่ือตรวจสอบความถูกตอ้ ง ของผลการทดลอง 5. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอผลการทดลองเรื่อง แรงเสียดทาน หนา้ ชั้นเรียน 6. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ศกึ ษาความรูเ้ รอ่ื ง ประโยชน์ของการเพม่ิ แรงเสยี ดทาน และประโยชน์ของการลดแรง เสยี ดทาน จากหนงั สือเรยี น แลว้ สบื ค้นข้อมลู เพมิ่ เติมจากห้องสมดุ และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ 7. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทาใบงานท่ี 4 เรอื่ ง ประโยชน์ของแรงเสียดทาน 8. ครสู มุ่ เรยี กนกั เรยี น 5-6 กลุ่ม ออกมานาเสนอใบงานที่ 4 หน้าชั้นเรียน แลว้ ใหเ้ พือ่ นกลุ่มอน่ื ช่วยเสนอแนะเพ่ิมเติม ในสว่ นทแี่ ตกตา่ ง 9. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความร้เู รอ่ื ง แรงเสยี ดทาน ชั่วโมงท่ี 13-15 1. ครูนาภาพกระดานหก มาใหน้ ักเรียนดู แล้วถามนกั เรียนวา่ การเคลือ่ นท่ีของกระดานหกเกิดในลักษณะใด 2. ครเู ฉลยคาตอบใหน้ ักเรียนฟงั พร้อมเปดิ โอกาสให้นักเรียนได้ซกั ถามขอ้ สงสัย 3. ครูถามนกั เรียนวา่ โมเมนต์คอื อะไร จากน้นั ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คน ออกมาอธิบายหนา้ ชั้นเรยี น 4. ครแู บ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเกง่ ปานกลางค่อนข้างอ่อน และอ่อน ให้แต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เรอ่ื ง โมเมนตข์ องแรง จากหนังสอื เรยี น 5. นักเรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ 6. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารทดลองใหน้ กั เรียนฟัง เพ่ือให้นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับโมเมนต์ของแรง 7. ครแู นะนาอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการทดลอง พรอ้ มอธิบายขั้นตอนการทดลองใหน้ ักเรียนฟงั 8. ครมู อบหมายให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มทาการทดลอง เรื่อง โมเมนต์ของแรง ตามขนั้ ตอนทีก่ าหนด แลว้ รายงาน ผลการทดลองหนา้ ชน้ั เรียน เพ่ือให้ครูประเมนิ ผล 9. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันสรปุ ผลการทดลอง และสง่ ตัวแทนกล่มุ ออกมานาเสนอผลการทดลองหน้าชัน้ เรยี น โดยใหเ้ พือ่ นกลมุ่ อืน่ ช่วยแสดงความคิดเหน็ เพ่ิมเติมในส่วนที่แตกต่าง 10. ครูต้งั คาถามถามนักเรียน เพอ่ื ให้ได้ข้อสรปุ ท่ตี รงกันวา่ กรณีใดที่ทาใหว้ ัตถุอยใู่ นสภาวะสมดลุ
5 11. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการสรุปหน้าชัน้ เรยี น โดยครเู ป็นผู้ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ซึ่งนักเรียนควรสรุปได้ ดังน้ี ถา้ มแี รงหลายแรงมากระทาต่อวัตถชุ ้นิ หนง่ึ แล้วทาใหว้ ตั ถุนัน้ อยู่ในสภาวะสมดลุ จะได้ผลรวมของโมเมนต์ รอบจุดใดๆ มคี ่าเปน็ ศนู ย์หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ ผลรวมของโมเมนตท์ วนเข็มนาฬิกามคี า่ เท่ากบั ผลรวมของโมเมนต์ ตามเขม็ นาฬิกา 12. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ 13. ครูใหน้ ักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง การนาโมเมนต์ของแรงไปใช้ประโยชน์จากหนงั สือเรียน แลว้ บนั ทึกความรู้ท่ีได้ จากการศึกษาลงในแบบบนั ทกึ การอา่ น ช่ัวโมงท่ี 16-18 1. ครใู หน้ ักเรยี นดภู าพการเคล่อื นท่ีของวัตถุ เช่น การเตะฟตุ บอล ปนั่ จกั รยาน แล้วใหน้ ักเรียน ชว่ ยกันวิเคราะหค์ วามแตกตา่ งของการเคล่ือนที่แบบตา่ งๆ ในภาพ 2. ครูเฉลยคาตอบพรอ้ มอธิบายเพ่ิมเติมว่า ในชวี ิตประจาวันแตล่ ะวนั ต้องเกย่ี วข้องกับการเคล่อื นท่ีของวัตถุ ซึ่งจะ พบว่ามลี ักษณะการเคล่ือนทีแ่ ตกต่างกนั ออกไป ซง่ึ มีทงั้ การเคล่ือนท่ีในแนวตรง 3. นักเรียนรวมกลุม่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1) ศกึ ษาความรู้เร่ือง การเคลื่อนท่ขี องวัตถุ จากหนงั สือเรยี น หอ้ งสมุด และแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ โดยศึกษาความรู้ ดังนี้ - เร่ือง การเคลื่อนทใ่ี นแนวตรง : การเคล่ือนท่ีในแนวราบ - เรื่อง การเคล่ือนท่ีในแนวตรง : การเคลื่อนทีใ่ นแนวด่ิง 4. นกั เรยี นแตล่ ะคนทาใบงานที่ 6 เรื่อง ลักษณะการเคลื่อนท่ีแนวตรง เสรจ็ แลว้ นาสง่ ครตู รวจ 5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความรเู้ ร่ือง การเคลอ่ื นท่ีของวตั ถแุ นวตรง ชว่ั โมงที่ 19-21 1. ครใู ห้นกั เรียนดภู าพการเคล่อื นท่ีของวตั ถุ เชน่ รถไฟเหาะ ม้าหมุน แลว้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันวเิ คราะห์ความแตกตา่ ง ของการเคล่อื นทแ่ี บบต่างๆ ในภาพ 2. ครเู ฉลยคาตอบพรอ้ มอธิบายเพ่มิ เติมวา่ ในชวี ติ ประจาวนั แต่ละวนั ต้องเก่ียวข้องกบั การเคลอ่ื นที่ของวตั ถุ ซ่ึงจะ พบวา่ มลี กั ษณะการเคล่ือนที่แตกตา่ งกนั ออกไป 3. นกั เรยี นรวมกลุม่ เดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1) ศึกษาความร้เู ร่ือง การเคล่ือนท่ขี องวตั ถุ จากหนงั สือเรยี น หอ้ งสมดุ และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ โดยศึกษาความรู้ ดงั น้ี - เร่อื ง การเคลื่อนท่ีในแนวโคง้ : การเคล่ือนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ - เรือ่ ง การเคลื่อนที่ในแนวโค้ง : การเคลื่อนที่แบบวงกลม 4. นักเรียนแต่ละคนทาแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ย 5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความรเู้ รื่อง การเคล่อื นที่ของวตั ถุแนวโค้ง 10. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. ดนิ น้ามนั 3. อุปกรณแ์ ละสารเคมีท่ีใชใ้ นการทดลอง 4. ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง ความเร่ง 5. ใบงานที่ 1.2 เร่ือง ความเรง่ เนอ่ื งจากแรงโนม้ ถว่ งของโลก 6. ตรวจใบงานท่ี 3.1 เรอ่ื ง แรงพยงุ ของของเหลวที่กระทาต่อวตั ถุ 7. ตรวจใบงานท่ี 3.2 เรื่อง แรงพยงุ ของของเหลวที่กระทาต่อวตั ถุ 8. ตรวจใบงานที่ 4.1 เรื่อง แรงเสยี ดทาน
6 9. ตรวจใบงานท่ี 4.2 เร่อื ง ประโยชนข์ องแรงเสียดทาน 10. ตรวจ ใบงานที่ 5.1 เรือ่ ง โมเมนต์ของแรง 11. ตรวจใบงานที่ 5.2 เรือ่ ง การใชป้ ระโยชน์จากโมเมนตข์ องแรง 12. ตรวจใบงานที่ 6 เร่ือง ลักษณะการเคลอื่ นที่ 13. ประเมินการนาเสนอผลงาน 14. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
7 แผนจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1 รหสั วชิ า ว23101 รายวิชา วทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง แรงและการเคลื่อนที่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เร่อื ง ความเร่ง เวลา 3 ชั่วโมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า แรงโน้มถว่ ง และแรงนวิ เคลียร์ มกี ระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ สอ่ื สารสง่ิ ท่ีเรยี นรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์อยา่ งถูกต้องและมคี ุณธรรม มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจติ วทิ ยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รูว้ ่าปรากฎการณ์ทางธรรมชาตทิ เ่ี กิดขน้ึ สว่ นใหญ่ มีรปู แบบทีแ่ นน่ อน สามารถอธิบาย และ ตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมอื ท่ีมอี ยู่ในชว่ งเวลานน้ั ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี สงั คม และสง่ิ แวดล้อมมีความเกีย่ วข้องสัมพันธ์กนั 2. ตวั ช้ีวดั 1. อธบิ ายความเร่งและผลของแรงลพั ธ์ท่ีทาตอ่ วตั ถุ 3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด แรงลัพธม์ ผี ลทาให้วัตถมุ ีความเรง่ ในทิศเดียวกนั กบั แรงลพั ธน์ น้ั 4. สาระการเรยี นรู้ วตั ถุเคลือ่ นท่ดี ้วยความเรว็ ทเ่ี ปลย่ี นแปลง เปน็ การเคลอ่ื นทีด่ ้วยความเร่ง เมื่อแรงลัพธม์ ีค่าไม่เท่ากับศูนย์ กระทาตอ่ วัตถุ วตั ถุจะเคล่ือนที่ด้วยความเร่งซ่งึ มีทิศทางเดียวกบั แรงลพั ธ์ 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุง่ มัน่ ในการทางาน 7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. หนงั สือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 2. ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ความเร่ง 3. ใบงานที่ 1.2 เร่อื ง ความเรง่ เนื่องจากแรงโนม้ ถ่วงของโลก
8 8. กระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 1. ครใู ห้นักเรียนดูภาพนกั วงิ่ แลว้ ต้ังคาถามให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นตามประเดน็ ที่กาหนดให้ ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา 2. ครแู บง่ นกั เรยี นเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มศกึ ษาความรู้เรื่อง ความเร่ง จากหนงั สือเรยี น ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อธิบายความรู้ท่ไี ด้จากการศึกษา ผลัดกันซักถามข้อสงสัยกบั สมาชกิ ภายในกลุม่ 4. ครูอธิบายเกยี่ วกบั สมการและวิธกี ารคานวณการหาค่าความเรง่ ใหน้ ักเรยี นฟงั แล้วใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ช่วยกนั ทาใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ความเร่ง 5. ครสู นทนากบั นักเรยี นเกีย่ วกบั ความเรง่ เน่ืองจากแรงโนม้ ถ่วงของโลก พร้อมอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนฟงั ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 6. นักเรยี นแต่ละกล่มุ ช่วยกันทาการทดลองและบันทกึ ผลลงในใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง ความเรง่ เนือ่ งจากแรงโน้มถ่วง ของโลก ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบความเข้าใจ 7. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ผลัดกนั ออกมานาเสนอใบงานที่ 1.2 หน้าชัน้ เรียน 8. นักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความร้เู ร่ือง ความเรง่ 9. ส่ือและแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 2. อุปกรณ์ท่ีใช้ในการทดลอง 3. ใบงานที่ 1.1 เร่ือง ความเร่ง 4. ใบงานท่ี 1.2 เร่ือง ความเร่งเน่อื งจากแรงโนม้ ถ่วงของโลก 10. การวดั และประเมินผล 1. การซักถาม/การตอบคาถาม 2. ตรวจใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ความเร่ง 3. ตรวจใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง ความเรง่ เน่อื งจากแรงโน้มถ่วงของโลก
11. ข้อเสนอแนะ 9 ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ลงช่อื …………………………………………………. ลงชือ่ …………………………………………………. (นายพัฒนะ พรหมโคตร) (นางวิลัยพร สมานราษฎร์) หัวหนา้ กล่มุ สาระ/ผนู้ ิเทศ ฝ่ายวิชาการ ลงช่อื …………………………………………………. (นายทองขาน บญุ ลา) ผ้อู านวยการโรงเรยี นทงุ่ ขนานวิทยา บนั ทกึ หลังสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………..…………………………………ผู้สอน (นางสาวญาดาลกั ษณ์ สสี ะแล) ..…../……………………/………..
10 ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง ความเร่ง ช่ือ............................................................... นามสกลุ ....................................................... ชั้น ม.3/..... เลขท.่ี ......... คาชีแ้ จง ให้นักเรียนหาคา่ ความเร่งจากโจทย์ทก่ี าหนดให้ 1. นายก้องพายเรือด้วยความเร็วเร่ิมตน้ 5 เมตร/ต่อวินาที เมื่อเวลาผา่ นไป 10 วินาที นายก้องพายเรอื เร็วขนึ้ เปน็ 35 เมตร/ต่อวนิ าที จงหาความเร่งจากการพายเรือของนายกอ้ ง วธิ ที า ตอบ 2. นางแกว้ ใจขบั รถดว้ ยความเรว็ เริ่มตน้ 60 เมตร/ต่อวินาที เมื่อเวลาผ่านไป 30 วินาที นางแกว้ ใจเพ่ิมความเร็วขนึ้ เปน็ 90 เมตร/ต่อวนิ าที จงหาความเร่งจากการขบั รถของนางแกว้ ใจ วธิ ีทา ตอบ 3. นกแก้วเดินไปตามถนนด้วยความเรว็ เริม่ ตน้ 10 เมตร/ต่อวนิ าที เมอ่ื เวลาผา่ นไป 20 วนิ าที นกแก้วเพิ่มความเรว็ ขึน้ เป็น 30 เมตร/ต่อวินาที จงหาความเรง่ จากการเดินของนกแก้ว วธิ ีทา ตอบ
11 ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง ความเร่งเน่ืองจากแรงโน้มถ่วงของโลก ช่อื ............................................................... นามสกลุ ....................................................... ชั้น ม.3/..... เลขท.ี่ ......... คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนทาการทดลอง เร่อื ง ความเรง่ เน่ืองจากแรงโนม้ ถ่วงของโลก ตามขน้ั ตอนทก่ี าหนด แลว้ บันทึกข้อมูล อปุ กรณ์ 1. หม้อแปลงโวลต์ตา่ 1 เครื่อง 2. เครื่องเคาะสัญญาณเวลา 1 เครอ่ื ง 3. ถงุ ทราย 1 ถุง 4. แถบกระดาษ 1 มว้ น 5. กรรไกร 1 ดา้ ม 6. กาว 1 หลอด 7. กระดาษกราฟ 1 แผน่ วิธปี ฏบิ ตั ิ 1. ต่อหม้อแปลงโวลตต์ ่าเข้ากบั เครื่องเคาะสัญญาณเวลาทวี่ างตรงขอบโต๊ะ โดยให้ชอ่ งสอดแถบกระดาษของ เครื่องเคาะสัญญาณเวลาอยู่ในแนวด่ิง และอยหู่ ่างขอบโตะ๊ ตามภาพประกอบ 2. ยึดถงุ ทรายให้ติดกับปลายขา้ งหน่งึ ของแถบกระดาษ สอดแถบกระดาษเข้าในช่องของเคร่ืองเคาะสญั ญาณเวลา โดยใหถ้ งุ ทรายอยูด่ า้ นลา่ งและอยใู่ กล้เคร่ืองเคาะสัญญาณเวลามากที่สดุ 3. เปิดสวติ ช์ใหเ้ คร่อื งเคาะสัญญาณเวลาทางาน แล้วปล่อยให้ถุงทรายตกลงสู่พ้นื สงั เกตช่วงหา่ งระหวา่ งจดุ บน แถบกระดาษ 4. ตดั แถบกระดาษจากขอ้ 3. แตล่ ะชว่ งจดุ แลว้ นาไปตดิ บนกระดาษกราฟ เรยี งตามลาดับ โดยให้แตล่ ะแถบ อยู่หา่ งกนั เป็นระยะเท่ากัน ลากเส้นเชือ่ มต่อระหว่างจดุ บนแถบกระดาษแตล่ ะแถบ ภาพประกอบ เคร่อื งเคาะ หมอ้ แปลง แถบกระดาษ สญั ญาณ ถุงทราย
12 คาถามหลังการทดลอง 1. ความเร็วในการเคลื่อนที่ของแถบกระดาษเปน็ อยา่ งไร 2. กราฟที่ได้จากการทดลองมลี ักษณะอย่างไร (วาดภาพกราฟ)
13 แผนจดั การเรียนรูท้ ี่ 2 รหสั วชิ า ว23101 รายวิชา วทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เร่อื ง แรงและการเคลื่อนที่ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง แรงกิรยิ าและแรงปฏกิ ิรยิ า เวลา 3 ช่ัวโมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงแมเ่ หล็กไฟฟ้า แรงโนม้ ถว่ ง และแรงนิวเคลยี ร์ มีกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสิง่ ท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์อยา่ งถูกตอ้ งและมคี ุณธรรม มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รู้วา่ ปรากฎการณ์ทางธรรมชาตทิ ีเ่ กิดข้ึนสว่ นใหญ่ มรี ูปแบบทแี่ นน่ อน สามารถอธบิ าย และตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมลู และเครอ่ื งมอื ท่มี ีอยูใ่ นช่วงเวลาน้ันๆ เขา้ ใจว่าวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี สงั คม และ สงิ่ แวดลอ้ มมีความเกี่ยวข้องสัมพันธก์ นั 2. ตวั ช้ีวดั 1. ทดลองและอธบิ ายแรงกิรยิ าและแรงปฏิกริ ยิ าระหว่างวัตถุ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ทกุ แรงกริ ยิ าจะมีแรงปฏกิ ิรยิ าโต้ตอบด้วยขนาดของแรงเท่ากัน แต่มที ิศทางตรงขา้ ม ซงึ่ การเรยี นรู้เกี่ยวกบั แรงกิรยิ า และแรงปฏิกริ ยิ านนั้ เพ่ือนาไปใช้อธิบายกจิ กรรมตา่ งๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ ง 4. สาระการเรยี นรู้ 1. ทุกแรงกิริยาจะมีแรงปฏิกริ ิยาโตต้ อบด้วยขนาดของแรงเท่ากนั แต่มที ศิ ทางตรงขา้ ม 2. การนาความรเู้ ร่ืองแรงกิรยิ าและแรงปฏิกิรยิ าไปใช้อธิบาย เช่น การชักเยอ่ การจุดบัง้ ไฟ 5. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 7. ช้นิ งาน/ภาระงาน 1. หนังสอื เรยี น วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2
14 8. กระบวนการเรยี นรู้ ข้นั ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ 1. ครนู าภาพรถชนตน้ ไม้ มาให้นักเรยี นดู แล้วให้นกั เรยี นบอกแรงกิรยิ าและแรงปฏกิ ริ ิยาทเ่ี กดิ ขึน้ ในภาพ ขั้นท่ี 2 สารวจค้นหา 2. นักเรียนแต่ละกล่มุ (กลมุ่ เดิมจากเรือ่ งท่ี 1) ร่วมกนั ศึกษาความรู้เร่อื ง แรงกิรยิ าและแรงปฏกิ ิรยิ า จากหนังสอื เรยี น ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ 3. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารทดลองเกยี่ วกับแรงกิรยิ าและแรงปฏิกริ ิยาใหน้ ักเรยี นฟัง พร้อมกบั อธิบายขัน้ ตอนการทดลอง 4. ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ทาการทดลองและอธบิ ายเกย่ี วกับแรงกริ ิยาและแรงปฏกิ ิริยาตามขนั้ ตอน ท่กี าหนด ขัน้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มผลัดกันออกมานาเสนอผลการทดลองหนา้ ชน้ั เรียน แล้วให้เพ่ือนกลุ่มอนื่ ชว่ ยเสนอแนะเพิ่มเตมิ ในสว่ นที่แตกต่าง ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบความเขา้ ใจ 6. นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายภายในกล่มุ แล้วสรปุ ผลการทดลองเกยี่ วกบั แรงกริ ิยาและแรงปฏกิ ิริยา 7. ครตู รวจสอบความถูกตอ้ งของผลการทดลองและข้อสรุปของผลการทดลองของนกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม 9. สอื่ และแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการทดลอง 10. การวดั และประเมินผล 1. การซักถาม/การตอบคาถาม 2. การนาเสนอผลการทดลอง
11. ข้อเสนอแนะ 15 ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ลงชื่อ…………………………………………………. ลงช่ือ…………………………………………………. (นายพฒั นะ พรหมโคตร) (นางวลิ ัยพร สมานราษฎร์) หัวหนา้ กลมุ่ สาระ/ผู้นิเทศ ฝ่ายวิชาการ ลงช่อื …………………………………………………. (นายทองขาน บุญลา) ผู้อานวยการโรงเรียนทงุ่ ขนานวทิ ยา บนั ทึกหลังสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………..…………………………………ผสู้ อน (นางสาวญาดาลกั ษณ์ สสี ะแล) ..…../……………………/………..
16 แผนจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 รหัสวชิ า ว23101 รายวิชา วทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่อง แรงและการเคล่ือนที่ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง แรงลอยตัวหรือแรงพยงุ ของของเหลว เวลา 3 ชัว่ โมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงแม่เหลก็ ไฟฟ้า แรงโน้มถว่ ง และแรงนิวเคลียร์ มกี ระบวนการ สบื เสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและมีคุณธรรม มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การแกป้ ญั หา รู้วา่ ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติท่เี กิดข้นึ สว่ นใหญ่ มรี ปู แบบท่แี นน่ อน สามารถอธิบาย และ ตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเครอ่ื งมอื ที่มอี ยู่ในชว่ งเวลานนั้ ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี สงั คม และส่ิงแวดล้อมมีความเก่ยี วขอ้ งสัมพนั ธก์ ัน 2. ตัวช้ีวดั 1. ทดลองและอธบิ ายแรงพยงุ ของของเหลวทีก่ ระทาต่อวัตถุ 3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด แรงพยุง เปน็ แรงท่ีของเหลวกระทาต่อวัตถุ วตั ถุที่ลอยได้ในของเหลวจะมคี วามหนาแน่นนอ้ ยกวา่ ความหนาแน่นของ ของเหลว 4. สาระการเรยี นรู้ 1. แรงพยงุ คือ แรงท่ีของเหลวกระทาต่อวตั ถุมีคา่ เท่ากับน้าหนกั ของของเหลวที่มปี ริมาตรเท่ากบั สว่ นทจ่ี มของวัตถุ 2. ของเหลวที่มีความหนาแนน่ มากจะมีแรงพยุงมาก 3. วัตถุที่ลอยไดใ้ นของเหลวจะมคี วามหนาแนน่ น้อยกวา่ ความหนาแนน่ ของของเหลว 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน
17 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. หนงั สือเรยี น วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2 2. ตรวจใบงานที่ 3 เรือ่ ง แรงพยุงของของเหลวที่กระทาตอ่ วัตถุ 8. กระบวนการเรยี นรู้ ขัน้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครสู นทนากับนักเรยี นว่า เหลก็ สามารถลอยน้าไดห้ รือไม่ แลว้ นาภาพเรือเหลก็ มาให้นักเรยี นดู แล้วถามนกั เรยี นวา่ ทาไมเรือเหล็กในภาพจึงลอยนา้ ได้ ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา 2. ครูเฉลยคาตอบพร้อมสาธิตโดยใชด้ ินน้ามันแทนเหล็ก แล้วหยอ่ นลงในน้าสงั เกตสง่ิ ทีเ่ กิดข้ึน จากนั้นครูนาดนิ น้ามัน มาป้นั เป็นรูปเรอื แล้วหย่อนลงในนา้ สงั เกตสิ่งที่เกิดขึน้ แลว้ เปรยี บเทยี บผลการสังเกต ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ 3. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง แรงลอยตวั หรือแรงพยุงของของเหลว จากหนงั สือเรยี น 4. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ทาการทดลอง ใบงานที่ 3.1 เรื่อง แรงพยงุ ของของเหลว ตามขั้นตอนทีก่ าหนด ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 5. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันอภปิ รายผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองหน้าช้ันเรยี น โดยใหเ้ พื่อนกล่มุ อ่ืน ชว่ ยเสนอแนะเพม่ิ เติมในสว่ นท่แี ตกตา่ ง 6. นักเรียนแตล่ ะคนทาใบงานที่ 3.2 เรื่อง แรงพยุงของของเหลวที่กระทาต่อวัตถุ เมื่อนักเรียนแต่ละคนคดิ หา คาตอบไดแ้ ล้ว ใหก้ ลับมารวมกลุ่มเดิม (กลุ่มละ 4 คน) แลว้ ผลดั กันอธิบายคาตอบในใบงานใหส้ มาชกิ ในกลุ่มฟงั เพื่อช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบความเขา้ ใจ 7. ครูสมุ่ เรียกนักเรียน 5-6 กลมุ่ ออกมานาเสนอใบงานที่ 3 หนา้ ชน้ั เรยี น จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลย คาตอบ 8. ครปู ระเมินผลการเรยี นรู้ของนักเรยี นจากการรายงานผลการทดลองและทาใบงาน 9. สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 2. อุปกรณ์ท่ีใช้ในการทดลอง 3. ใบงานที่ 3.1 เรอื่ ง แรงพยงุ ของของเหลวที่กระทาต่อวตั ถุ 4. ใบงานที่ 3.2 เรือ่ ง แรงพยุงของของเหลวที่กระทาต่อวัตถุ
18 10. การวดั และประเมนิ ผล 1. การซักถาม/การตอบคาถาม 2. การนาเสนอผลการทดลอง 3. ตรวจใบงานท่ี 3.1 เร่ือง แรงพยุงของของเหลวที่กระทาตอ่ วตั ถุ 4. ใบงานท่ี 3.2 เรอื่ ง แรงพยงุ ของของเหลวท่ีกระทาต่อวัตถุ
11.ขอ้ เสนอแนะ 19 ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ลงชอื่ …………………………………………………. ลงชอ่ื …………………………………………………. (นายพฒั นะ พรหมโคตร) (นางวิลยั พร สมานราษฎร์) หัวหนา้ กลุ่มสาระ/ผู้นเิ ทศ ฝ่ายวิชาการ ลงช่อื …………………………………………………. (นายทองขาน บญุ ลา) ผู้อานวยการโรงเรยี นท่งุ ขนานวทิ ยา บนั ทึกหลังสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ………..…………………………………ผสู้ อน (นางสาวญาดาลกั ษณ์ สสี ะแล) ..…../……………………/………..
20 ใบงานที่ 3.1 การทดลอง เร่ือง แรงพยุงของของเหลว ชอื่ ............................................................... นามสกุล....................................................... ชัน้ ม.3/..... เลขท.ี่ ......... คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นทาการทดลอง เรอื่ ง แรงพยงุ ของของเหลว ตามขนั้ ตอนทีก่ าหนด แลว้ บนั ทกึ ข้อมลู อุปกรณ์ วธิ ีปฏบิ ตั ิ ภาพประกอบ เครื่องช่ังสปรงิ 1 อัน 1. ชั่งนา้ หนักของวัตถุในอากาศ โดย ถ้วยยูเรกา 1 ใบ ใช้ 1 อนั เชอื กผกู วัตถุทีต่ ้องการทดลอง กระบอกตวง แลว้ นาไปแขวนกบั เคร่ืองชั่งสปรงิ เชอื กยาวประมาณ 20 ซม. 1 เสน้ อา่ นคา่ นา้ หนักของวตั ถจุ ากเครอื่ ง บกี เกอรข์ นาด 100 ml 1 ใบ ช่ัง นา้ 100 ml สปรงิ บันทกึ ผล 2-3 ชนดิ 2. เทนา้ ลงในถว้ ยเู รกาใหถ้ งึ ขอบพวย วัตถตุ า่ งๆ แลว้ นาวตั ถใุ นขอ้ 1 ไปชัง่ นา้ หนกั ในนา้ รองรบั นา้ ทล่ี น้ ออกมาดว้ ยบีกเกอร์ อา่ นคา่ น้าหนักจากเคร่อื งช่งั สปริง และวดั ปริมาตรนา้ ทล่ี น้ ออกมา บนั ทึกผล 3. เปลยี่ นเปน็ วัตถชุ นิดอน่ื ๆ แล้ว ปฏิบตั ิการซ้าตามข้อ 1 และ 2 บนั ทึกผลการทดลอง ชือ่ วัตถุ ชนดิ ท่ี 1 ชนดิ ท่ี 2 ชนิดที่ 3 การทดลอง คอื คอื คือ ชั่งนา้ หนักของวัตถุในอากาศ ช่งั นา้ หนักของวตั ถุในนา้ ปริมาตรนา้ ที่ล้นออกมา สรปุ ผลการทดลอง
21 คาถามหลงั การทดลอง 1. นา้ หนกั ของวัตถใุ นอากาศและนา้ หนกั ของวัตถุในนา้ เท่ากนั หรอื ไม่ อยา่ งไร 2. นา้ ทีล่ ้นออกมาหรือน้าท่ีถูกวัตถแุ ทนที่มปี ริมาตรเทา่ ใด 3. นา้ หนักของน้าท่ีลน้ ออกมาเท่ากับนา้ หนักของวัตถุทหี่ ายไปหรือไม่ อย่างไร
22 ใบงานที่ 3.2 เร่ือง แรงพยุงของของเหลวท่ีกระทาต่อวตั ถุ ชอ่ื ............................................................... นามสกุล....................................................... ชนั้ ม.3/..... เลขท.่ี ......... คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ให้นักเรียนเรียงลาดับขนาดของแรงพยงุ ของของเหลว เม่ือนาวัตถทุ ม่ี ปี รมิ าตรเทา่ กนั ไปหย่อนลงในบกี เกอร์ ที่บรรจนุ า้ ที่มปี ริมาตรเท่ากนั ตามหลักการของอาร์คมิ ดี ิส A BC 2. จากข้อ 1 ถา้ ต้องการเรียงลาดบั ความหนาแน่นของวัตถใุ นบีกเกอร์ จากน้อยไปมาก จะสามารถเรียงลาดับได้ อยา่ งไร 3. “เมอื่ นาเหล็กมารีดเปน็ แผน่ เพื่อต่อเรือ เป็นการเพ่ิมปรมิ าตรของเหล็ก เหล็กจงึ ลอยน้าได้” จากข้อความน้ี จงอธิบายวา่ เพราะเหตุใดเหลก็ จึงสามารถลอยน้าได้
23 แผนจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 รหัสวชิ า ว23101 รายวชิ า วิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง แรงและการเคลื่อนที่ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 เร่ือง แรงเสียดทาน เวลา 3 ชั่วโมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงแม่เหล็กไฟฟา้ แรงโน้มถว่ ง และแรงนวิ เคลยี ร์ มีกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสงิ่ ทเี่ รียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งถูกต้องและมคี ุณธรรม มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา รวู้ า่ ปรากฎการณท์ างธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขนึ้ ส่วนใหญ่ มีรูปแบบทแ่ี น่นอน สามารถอธบิ าย และ ตรวจสอบได้ภายใตข้ ้อมูลและเครอ่ื งมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานน้ั ๆ เข้าใจว่าวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี สังคม และสงิ่ แวดล้อมมีความเก่ียวข้องสัมพันธ์กัน 2. ตวั ช้ีวดั 1. ทดลองและอธิบายความแตกต่างระหว่างแรงเสยี ดทานสถติ กบั แรงเสียดทานจลน์ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด แรงเสียดทานสถติ เปน็ แรงเสยี ดทานทกี่ ระทาต่อวตั ถุขณะหยุดนงิ่ แรงเสียดทานจลน์ เปน็ แรงเสียดทานที่กระทาต่อวตั ถุ ขณะเคล่อื นที่ 4. สาระการเรยี นรู้ 1. แรงเสยี ดทาน เป็นแรงเสียดทานท่ีกระทาต่อวตั ถุขณะหยดุ นิ่ง ส่วนแรงเสยี ทานจลน์ เป็นแรงเสยี ดทานท่ี กระทาต่อวตั ถขุ ณะเคลอ่ื นที่ 2. การเพ่ิมแรงเสยี ดทาน เชน่ การออกแบบพ้นื รองเท้ากันล่ืน 3. การลดแรงเสียดทาน เช่น การใชน้ า้ มนั หล่อลื่นทจี่ ดุ หมุน 5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทางาน
24 7. ช้ินงาน/ภาระงาน 1. หนังสอื เรียน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 2 2. ตรวจใบงานที่ 4 เรอ่ื ง แรงเสยี ดทาน 8. กระบวนการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครูนาภาพ 2 ภาพ มาให้นกั เรียนดู แลว้ ให้นักเรียนบอกว่าภาพ 2 ภาพน้ี ภาพใดเกิดแรงเสยี ดทาน ครูเฉลยคาตอบ พรอ้ มอธิบายเพิ่มเติม ขน้ั ที่ 2 สารวจคน้ หา 2. นักเรียนแต่ละกลมุ่ (กลุ่มเดิมจากเรื่องที่ 1) ร่วมกนั ศึกษาความรู้เร่อื ง แรงเสยี ดทานสถิตกับแรงเสียดทานจลน์ จากหนังสือเรียน ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ 3. ครมู อบหมายให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ทาการทดลอง เรื่อง แรงเสียดทาน ตามขน้ั ตอนทกี่ าหนด 4. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนาผลการทดลองเร่ือง แรงเสยี ดทาน มาอภิปรายร่วมกนั ภายในกลุ่ม เพ่ือตรวจสอบความถกู ต้อง ของผลการทดลอง ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการทดลองเรอ่ื ง แรงเสียดทาน หนา้ ชัน้ เรยี น 6. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรเู้ รื่อง ประโยชน์ของการเพมิ่ แรงเสยี ดทาน และประโยชน์ของการลดแรง เสียดทาน จากหนังสอื เรียน แลว้ สืบคน้ ข้อมลู เพ่มิ เตมิ จากห้องสมุด และแหล่งข้อมลู สารสนเทศ 7. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ทาใบงานที่ 4 เรื่อง ประโยชน์ของแรงเสียดทาน ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบความเข้าใจ 8. ครสู มุ่ เรียกนกั เรียน 5-6 กลุม่ ออกมานาเสนอใบงานที่ 4 หน้าชัน้ เรยี น แล้วใหเ้ พ่ือนกลมุ่ อื่นชว่ ยเสนอแนะเพมิ่ เติม ในสว่ นท่แี ตกตา่ ง 9. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปความรู้เร่ือง แรงเสียดทาน 9. ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. อปุ กรณท์ ี่ใช้ในการทดลอง 3. ใบงานที่ 4.1 เรอ่ื ง แรงเสยี ดทาน 4. ใบงานท่ี 4.2 เร่ือง ประโยชน์แรงเสียดทาน
25 10. การวดั และประเมินผล 1. การซกั ถาม/การตอบคาถาม 2. การนาเสนอผลการทดลอง 3. ตรวจใบงานท่ี 4.1 เร่อื ง แรงเสยี ดทาน 4. ตรวจใบงานที่ 4.2 เรอ่ื ง ประโยชน์แรงเสียดทาน
11.ขอ้ เสนอแนะ 26 ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ลงชอื่ …………………………………………………. ลงช่ือ…………………………………………………. (นายพฒั นะ พรหมโคตร) (นางวิลยั พร สมานราษฎร์) หัวหน้ากลุ่มสาระ/ผูน้ ิเทศ ฝา่ ยวชิ าการ ลงช่อื …………………………………………………. (นายทองขาน บุญลา) ผอู้ านวยการโรงเรยี นทงุ่ ขนานวทิ ยา บนั ทึกหลังสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………..…………………………………ผสู้ อน (นางสาวญาดาลกั ษณ์ สีสะแล) ..…../……………………/………..
27 ใบงานท่ี 4.1 การทดลอง เรือ่ ง แรงเสียดทาน ช่ือ............................................................... นามสกลุ ....................................................... ชั้น ม.3/..... เลขท.ี่ ......... คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นทาการทดลอง เรอ่ื ง แรงเสยี ดทาน ตามขนั้ ตอนทก่ี าหนด แลว้ บนั ทกึ ขอ้ มลู อุปกรณ์ วธิ ปี ฏิบตั ิ ภาพประกอบ ถงุ ทราย 500 กรัม 1 ถุง 1. ใช้เครือ่ งชง่ั สปรงิ เกี่ยวถงุ ทราย 1 ถงุ เครือ่ งชง่ั สปรงิ 1 อัน ค่อยๆ ออกแรงดงึ ไปบนพื้นโต๊ะ แลว้ อ่านคา่ แรงดงึ จากเครอ่ื งช่งั สปริง ขณะทีถ่ ุงทรายอย่นู ิ่งและเริ่มเคลื่อนที่ บันทึกผล 2. ใชเ้ ครื่องช่ังสปริงเก่ยี วถุงทราย 1 ถุง ออกแรงลากถงุ ทรายไปบนพื้นโตะ๊ ด้วย ความเรว็ สม่าเสมอ แล้วอ่านค่าแรงดึง จากเคร่ืองชง่ั สปรงิ บันทึกผล บันทึกผลการทดลอง การทดลอง คา่ ท่ีอา่ นได้จากเครอื่ งชงั่ สปริง ใช้เครอ่ื งชั่งสปริงเกย่ี วถุงทราย 1 ถงุ คอ่ ยๆ ออกแรงดงึ ไปบนพน้ื โต๊ะ อ่านค่าแรงดึงจากเครื่องช่ังสปริงในขณะที่ถุงทรายอยู่นิ่ง ใชเ้ ครื่องช่งั สปริงเก่ยี วถงุ ทราย 1 ถุง คอ่ ยๆ ออกแรงดงึ ไปบนพน้ื โตะ๊ อา่ นคา่ แรงดงึ จากเครื่องช่งั สปรงิ ในขณะท่ีถุงทรายเร่ิมเคล่ือนที่ ใชเ้ คร่ืองชง่ั สปริงเกย่ี วถุงทราย 1 ถงุ ออกแรงลากถงุ ทรายไปบนพนื้ โตะ๊ ดว้ ยความเร็วสม่าเสมอ อา่ นค่าแรงดงึ จากเคร่ืองชั่งสปรงิ สรปุ ผลการทดลอง
28 คาถามหลงั การทดลอง 1. คา่ แรงดึงจากเครื่องชั่งสปรงิ ขณะทีถ่ ุงทรายอยู่นิ่งและเริ่มเคล่ือนท่ีกบั ขณะที่เคล่อื นท่ดี ้วยความเรว็ คงตวั มีความแตกต่างกนั อยา่ งไร 2. แรงเสียดทานที่เกดิ จากค่าแรงดึงของเครื่องช่งั สปริงขณะที่ถุงทรายอย่นู ิ่งและเร่มิ เคลื่อนท่ี เปน็ แรงเสียดทาน ชนิดใด มีคา่ แรงเสียดทานเป็นอยา่ งไร 3. แรงเสยี ดทานทเ่ี กิดขึ้นจากค่าแรงดงึ ของเคร่ืองชัง่ สปริงขณะทถี่ ุงทรายเคลื่อนทด่ี ว้ ยความเร็วคงตัว เป็นแรงเสียดทานชนดิ ใด มีค่าแรงเสียดทานเปน็ อย่างไร
29 ใบงานท่ี 4.2 เรื่อง ประโยชน์ของแรงเสียดทาน ชอ่ื ............................................................... นามสกุล....................................................... ชัน้ ม.3/..... เลขท.่ี ......... คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนี้ 1. จากสถานการณท์ ี่กาหนดให้ จงระบุวา่ เป็นแรงเสยี ดทานสถติ หรอื แรงเสียดทานจลน์ ลาดับท่ี สถานการณท์ ีก่ าหนด ประเภทของแรงเสยี ดทาน 1 หนังสอื วางทบั กนั บนโต๊ะ 2 หิว้ กระเป๋าไปโรงเรียน 3 ดนั กล่องไปขา้ งหน้า 4 ใชผ้ า้ ถูพื้น 5 รถเบรกขณะวงิ่ 2. ในชวี ติ ประจาวันของนักเรียน เก่ียวข้องกบั แรงเสียดทานอย่างไรบ้าง ยกตวั อย่างมา 3 ตัวอย่าง 3. ให้นกั เรียนยกตัวอยา่ งการเพิ่มแรงเสียดทาน มาอยา่ งน้อย 3 ตัวอยา่ ง (ไมซ่ า้ กบั บทเรยี น) 4. ให้นกั เรยี นยกตวั อยา่ งการลดแรงเสยี ดทาน มาอย่างน้อย 3 ตัวอย่าง (ไม่ซา้ กับบทเรียน) 5. นักเรียนจะใชค้ วามรู้เร่ือง ประโยชนข์ องการเพิ่มและลดแรงเสียดทานในการประดิษฐก์ รรไกรตัดหญ้าได้อยา่ งไร
30 แผนจดั การเรียนรู้ที่ 5 รหัสวิชา ว23101 รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง แรงและการเคล่ือนท่ี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรอ่ื ง โมเมนต์ของแรง เวลา 3 ชั่วโมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจลักษณะการเคล่อื นที่แบบต่าง ๆ ของวตั ถใุ นธรรมชาติ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจติ วทิ ยาศาสตร์ สื่อสารสงิ่ ทเี่ รยี นรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รู้ว่าปรากฎการณ์ทางธรรมชาตทิ ีเ่ กดิ ขึน้ สว่ นใหญ่ มีรูปแบบทแี่ นน่ อน สามารถอธบิ าย และ ตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมลู และเครือ่ งมอื ท่ีมีอยู่ในช่วงเวลานนั้ ๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สงั คม และสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธก์ นั 2. ตวั ช้ีวดั 1. ทดลองและวิเคราะหโ์ มเมนตข์ องแรง และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เม่อื แรงกระทาต่อวัตถุ แล้วทาให้เกิดโมเมนต์ของแรงรอบจุดหมุน วตั ถุจะเปลี่ยนสภาพการหมุน 4. สาระการเรียนรู้ 1. เมือ่ มีแรงที่กระทาต่อวัตถุแล้วทาใหเ้ กิดโมเมนต์ของแรงรอบจุดหมุน วตั ถุจะเปลี่ยนสภาพการหมนุ 2. การวเิ คราะห์โมเมนตข์ องแรงในสถานการณ์ต่างๆ 5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. หนงั สือเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. ตรวจใบงานท่ี 5 เร่ือง โมเมนต์ของแรง
31 8. กระบวนการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครนู าภาพกระดานหก มาให้นกั เรยี นดู แลว้ ถามนกั เรียนว่าการเคลือ่ นท่ขี องกระดานหกเกดิ ในลักษณะใด 2. ครเู ฉลยคาตอบให้นกั เรียนฟัง พร้อมเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนไดซ้ กั ถามข้อสงสยั ขน้ั ท่ี 2 สารวจค้นหา 3. ครูถามนกั เรยี นวา่ โมเมนต์คืออะไร จากนัน้ ครสู ุ่มเรยี กนักเรียน 2-3 คน ออกมาอธิบายหนา้ ชน้ั เรยี น 4. ครแู บ่งนักเรยี นเปน็ กลุม่ กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เกง่ ปานกลางค่อนขา้ งเกง่ ปานกลางค่อนข้างอ่อน และอ่อน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มศึกษาความรู้เรือ่ ง โมเมนต์ของแรง จากหนังสือเรียน 5. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ 6. ครแู จ้งจุดประสงค์การทดลองใหน้ ักเรียนฟัง เพ่อื ใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกับโมเมนตข์ องแรง 7. ครูแนะนาอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการทดลอง พร้อมอธิบายขนั้ ตอนการทดลองให้นักเรยี นฟงั 8. ครมู อบหมายให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ทาการทดลอง เรอ่ื ง โมเมนตข์ องแรง ตามข้ันตอนที่กาหนด แล้วรายงาน ผลการทดลองหน้าชน้ั เรียน เพอ่ื ให้ครปู ระเมินผล 9. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันสรุปผลการทดลอง และส่งตวั แทนกล่มุ ออกมานาเสนอผลการทดลองหน้าช้นั เรยี น โดยให้เพือ่ นกลุ่มอ่นื ช่วยแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเตมิ ในสว่ นท่แี ตกตา่ ง ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ 10. ครตู ้ังคาถามถามนักเรียน เพือ่ ให้ไดข้ ้อสรปุ ทต่ี รงกันวา่ กรณีใดท่ที าให้วตั ถุอยูใ่ นสภาวะสมดุล 11. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการสรุปหน้าชนั้ เรยี น โดยครเู ปน็ ผู้ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ซง่ึ นักเรยี นควรสรปุ ได้ ดงั น้ี ถา้ มแี รงหลายแรงมากระทาต่อวัตถชุ ้นิ หนึ่ง แล้วทาใหว้ ัตถนุ ั้นอยใู่ นสภาวะสมดุล จะได้ผลรวมของโมเมนต์ รอบจุดใดๆ มคี ่าเปน็ ศูนย์หรอื อาจกล่าวได้วา่ ผลรวมของโมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกามีคา่ เท่ากบั ผลรวมของโมเมนต์ ตามเข็มนาฬิกา ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบความเข้าใจ 12. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ 13. ครูให้นักเรยี นศึกษาความร้เู รอ่ื ง การนาโมเมนต์ของแรงไปใชป้ ระโยชน์จากหนงั สือเรียน แล้วบันทึกความรทู้ ่ีได้ จากการศกึ ษาลงในแบบบนั ทึกการอ่าน 9. ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียน วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 2. ใบความรู้ 3. อุปกรณท์ ี่ใช้ในการทดลอง 4. ใบงานท่ี 5.1 เรอื่ ง โมเมนตข์ องแรง 5. ใบงานท่ี 5.2 เรือ่ ง การใช้ประโยชน์จากโมเมนต์ของแรง
32 10. การวดั และประเมินผล 1. การซักถาม/การตอบคาถาม 2. การนาเสนอผลการทดลอง 3. ตรวจใบงานท่ี 5.1 เรื่อง โมเมนตข์ องแรง 4. ตรวจใบงานที่ 5.2 เรื่อง การใชป้ ระโยชน์จากโมเมนต์ของแรง
11.ขอ้ เสนอแนะ 33 ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ลงชอื่ …………………………………………………. ลงชอ่ื …………………………………………………. (นายพัฒนะ พรหมโคตร) (นางวิลยั พร สมานราษฎร์) หัวหน้ากลุ่มสาระ/ผู้นเิ ทศ ฝ่ายวิชาการ ลงช่อื …………………………………………………. (นายทองขาน บญุ ลา) ผ้อู านวยการโรงเรยี นทงุ่ ขนานวทิ ยา บนั ทึกหลังสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ………..…………………………………ผูส้ อน (นางสาวญาดาลักษณ์ สสี ะแล) ..…../……………………/………..
34 ใบงานท่ี 5.1 โมเมนตข์ องแรง ชือ่ ............................................................... นามสกุล....................................................... ช้ัน ม.3/..... เลขท.่ี ......... คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนทาการทดลอง เรอ่ื ง โมเมนตข์ องแรง ตามขัน้ ตอนทก่ี าหนด แล้วบนั ทกึ ข้อมูล โดยให้แตล่ ะกลุม่ ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลองเอง อปุ กรณ์ วธิ ปี ฏบิ ัติ ภาพประกอบ ไม้เมตร 1 อนั 1. ใช้เชอื กผูกบรเิ วณตรงกง่ึ กลางไมเ้ มตร ดินสอ 1 แท่ง แลว้ แขวน ดังภาพ เชือกยาว 60 ซม. 1 เส้น 2. ช่ังน้าหนกั ของถงุ ทราย 1 ถุง เคร่อื งชัง่ สปริง 1 อนั ดว้ ยเครื่องชง่ั สปริง ถงุ ทราย 1 ถุง 3. แขวนถงุ ทราย 1 ถงุ ท่ีตาแหน่งหนึ่งของ ไมเ้ มตร ใช้เครอื่ งชัง่ สปริงคลอ้ งที่ ไม้เมตรแล้วออกแรงดึงเครื่องช่ังสปริง ดงั ภาพ บนั ทกึ คา่ แรงดึง นา้ หนัก ถุงทราย และระยะห่างระหวา่ งจุดแขวน ไมเ้ มตรถึงจุดเคร่ืองชัง่ สปริงดึงไม้เมตร และระหวา่ งจุดแขวนไม้เมตรถงึ จุดแขวน ถงุ ทราย 4. ทาซา้ ข้อ 3. โดยเปลีย่ นตาแหน่งที่คล้อง เครื่องชั่งสปริง และตาแหน่งที่แขวน ถงุ ทรายไป 2-3 ตาแหนง่ (ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง)
35 สรปุ ผลการทดลอง คาถามหลงั การทดลอง 1. เม่ือใดไม้เมตรจึงจะอยใู่ นภาวะสมดลุ 2. ผลคูณระหว่างแรงทว่ี ดั ไดจ้ ากเครอื่ งชง่ั สปรงิ กบั ระยะทางจากแนวแรงดงึ ไปยังจุดที่แขวนไมเ้ มตร และผลคูณ ระหว่างนา้ หนกั ของถงุ ทรายกับระยะทางจากจุดทแ่ี ขวนถุงทรายไปยังจุดทแ่ี ขวนไม้เมตร มีความสัมพนั ธ์กัน หรอื ไม่ อย่างไร
36 ใบความรู้ เรือ่ ง การใช้ประโยชน์จากโมเมนตข์ องแรง โมเมนต์ของแรง (moment of force) หรอื โมเมนต์ (moment) หมายถึง ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถเุ พอื่ ให้ วัตถุหมุนไปรอบจุดหมุน ดังนั้น โมเมนตข์ องแรงก็คอื ผลคูณของแรงกับระยะต้งั ฉากจากแนวแรงถงึ จุดหมนุ ทศิ ทาง ของโมเมนต์ มี 2 ทิศทาง คือ 1. โมเมนตต์ ามเข็มนาฬิกา 2. โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกา คาน หลักการของโมเมนต์ เรานามาใชก้ ับอุปกรณท์ ีเ่ รียกว่า คาน (lever) หรือคานดีดคานงัด คานเปน็ เครื่องกลชนดิ หนึ่งทใี่ ช้ดดี งดั วัตถุใหเ้ คลอื่ นท่ีรอบจดุ หมด (fulcrum) มีลกั ษณะเป็นแท่งยาว หลกั การทางานของคานใช้หลักของโมเมนต์ รูปแสดงลักษณะของคาน สว่ นประกอบของคาน ส่วนประกอบที่สาคัญในการทางานของคานมี 3 สว่ น คอื 1. จดุ หมุนหรอื จดุ ฟัลกรมั (Fulcrum) F 2. แรงความต้านทาน (W) หรือนา้ หนักของวัตถุ 3. แรงความพยายาม (E) หรอื แรงที่กระทาต่อคาน การจาแนกคาน คานจาแนกได้ 3 ประเภทหรอื 3 อันดบั ดังน้ี 1. คานอันดับที่ 1 เป็นคานที่มีจดุ (F) อยรู่ ะหว่างแรงความพยายาม (E) และแรงความต้านทาน (W) เช่น กรรไกรตัดผา้ กรรไกรตัดเล็บ คีมตัดลวด เรือแจว ไม้กระดก เปน็ ตน้ รปู แสดงคานอันดบั 1
37 2. คานอนั ดบั 2 เป็นคานทมี่ ีแรงความต้านทาน (W) อยรู่ ะหวา่ งแรงความพยายาม (E) และจุดหมนุ (F) เชน่ ท่ี เปิดขวดนา้ อัดลม รถเขน็ ทราย ที่ตัดกระดาษ เปน็ ตน้ รูปแสดงคานอันดับ 2 3. คานอันดบั ท่ี 3 เปน็ คานทมี่ ีแรงความพยายาม (E) อยูร่ ะหว่างแรงความต้านทาน (W) และจดุ หมุน (F) เช่น ตะเกยี บ คมี คบี ถ่าน แหนบ เป็นตน้ รปู แสดงคานอันดับ 3
38 ใบงานท่ี 5.2 เรื่อง การใชป้ ระโยชน์จากโมเมนต์ของแรง ชื่อ............................................................... นามสกลุ ....................................................... ช้ัน ม.3/..... เลขท.ี่ ......... คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามวา่ จากภาพนนั้ จดั ว่าเปน็ คานในอันดับที่เท่าไหร่ 1. คานอันดับท่ี...... 5. คานอันดับท่ี...... 2. คานอนั ดบั ที่...... 6. คานอันดับที่...... 3. คานอันดับท่ี...... 7. คานอันดับที่...... เครอ่ื งทาน้าแขง็ ใส 8. คานอนั ดับที่...... 4. คานอนั ดับที่......
39 9. คานอนั ดบั ท่ี...... 13. คานอันดับท่ี...... 10. คานอนั ดบั ท่ี...... 14. คานอันดับที่...... 11. คานอันดบั ที่...... Y8 คนั ไถ 15. คานอันดับที่...... 12. คานอันดบั ท่ี...... 16. คานอันดับที่......
40 17. คานอนั ดับที่...... 21. คานอันดบั ท่ี...... 18. คานอันดบั ท่ี...... จอบ 22. คานอันดบั ที่...... 19. คานอนั ดับท่ี...... 23. คานอันดบั ที่...... 20. คานอันดบั ที่...... 24. คานอันดับที่......
41 25. คานอันดับที่...... 29. คานอนั ดับที่...... ครกกระเดื่อง 30. คานอันดบั ที่...... 26. คานอนั ดบั ท่ี...... เสยี ม 27. คานอันดบั ท่ี...... 31. คานอันดบั ท่ี...... 28. คานอนั ดบั ที่...... 32. คานอนั ดับที่......
42 33. คานอนั ดบั ท่ี...... 37. คานอนั ดับที่...... 34. คานอนั ดบั ที่...... เครอ่ื งบดหมึกทะเล 38. คานอนั ดบั ท่ี...... 35. คานอนั ดับท่ี...... เคร่อื งเจาะกระป๋อง 39. คานอันดับท่ี...... 36. คานอนั ดบั ที่...... 40. คานอันดับที่......
43 41. คานอันดับที่...... 46. คานอันดบั ที่...... 42. คานอนั ดับที่...... 47. คานอันดบั ท่ี...... การชักรอกดึงถงั นา้ ข้นึ จากบอ่ 48. คานอันดบั ท่ี...... 43. คานอันดบั ท่ี...... กรรไกรตกแต่งต้นไม้ 49. คานอนั ดับท่ี...... 44. คานอนั ดบั ที่...... 45. คานอนั ดับที่...... เคร่อื งตดั กระดาษ 50. คานอันดับท่ี......
44 แผนจดั การเรยี นรทู้ ี่ 6 รหสั วิชา ว23101 รายวิชา วิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง แรงและการเคลื่อนท่ี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เร่ือง การเคลื่อนท่ีของวตั ถุแนวตรง เวลา 3 ช่วั โมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจลักษณะการเคลอ่ื นที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารส่งิ ที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา รวู้ า่ ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดข้ึนสว่ นใหญ่ มีรปู แบบท่แี น่นอน สามารถอธิบาย และ ตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมลู และเครอื่ งมือที่มีอยู่ในช่วงเวลาน้ันๆ เขา้ ใจวา่ วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อมมีความเกีย่ วขอ้ งสัมพันธ์กนั 2. ตวั ช้ีวดั 1. สงั เกตและอธิบายการเคลอ่ื นทีข่ องวัตถุที่เป็นแนวตรง 3. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การเคลื่อนทีข่ องวัตถุมกี ารเคลอ่ื นที่ในแนวตรง 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การเคลื่อนทข่ี องวตั ถุมกี ารเคล่ือนท่ีในแนวตรง เช่น การตกแบบเสรี เป็นต้น 5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1. หนังสือเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 2. ตรวจใบงานที่ 6 เร่ือง ลักษณะการเคล่ือนท่ีแนวตรง
45 8. กระบวนการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 1. ครใู หน้ กั เรยี นดูภาพการเคล่ือนที่ของวัตถุ เช่น การเตะฟตุ บอล ป่นั จกั รยาน แล้วให้นกั เรยี น ชว่ ยกันวิเคราะห์ความแตกต่างของการเคล่ือนทแ่ี บบตา่ งๆ ในภาพ ขน้ั ที่ 2 สารวจคน้ หา 2. ครูเฉลยคาตอบพร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ในชวี ติ ประจาวนั แต่ละวันตอ้ งเก่ยี วข้องกบั การเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งจะ พบว่ามีลกั ษณะการเคลื่อนท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป ซึง่ มีทัง้ การเคล่อื นท่ีในแนวตรง ข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ 3. นักเรยี นรวมกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 1) ศึกษาความรู้เร่อื ง การเคลื่อนทข่ี องวตั ถุ จากหนังสือเรียน ห้องสมุด และแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ โดยศึกษาความรู้ ดังน้ี - เร่ือง การเคลื่อนทใ่ี นแนวตรง : การเคล่ือนทใี่ นแนวราบ - เรอ่ื ง การเคลื่อนที่ในแนวตรง : การเคลื่อนท่ีในแนวดง่ิ ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ 4. นกั เรยี นแต่ละคนทาใบงานท่ี 6 เรื่อง ลกั ษณะการเคลื่อนที่แนวตรง เสรจ็ แล้วนาสง่ ครตู รวจ ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบความเข้าใจ 5. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปความรเู้ รื่อง การเคลอ่ื นท่ีของวตั ถุแนวตรง 9. ส่ือและแหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. ใบความรู้ 3. อุปกรณท์ ี่ใช้ในการทดลอง 4. ใบงานที่ 6 เรื่อง ลกั ษณะการเคลอื่ นที่แนวตรง 10. การวัดและประเมินผล 1. การซักถาม/การตอบคาถาม 2. การนาเสนอผลการทดลอง 3. ตรวจใบงานท่ี 6 เรอื่ ง ลักษณะการเคลือ่ นท่ีแนวตรง
11.ขอ้ เสนอแนะ 46 ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ลงชอื่ …………………………………………………. ลงช่ือ…………………………………………………. (นายพัฒนะ พรหมโคตร) (นางวิลยั พร สมานราษฎร์) หัวหน้ากลุ่มสาระ/ผู้นเิ ทศ ฝา่ ยวชิ าการ ลงช่ือ…………………………………………………. (นายทองขาน บุญลา) ผูอ้ านวยการโรงเรียนทงุ่ ขนานวทิ ยา บนั ทึกหลังสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………..…………………………………ผสู้ อน (นางสาวญาดาลกั ษณ์ สีสะแล) ..…../……………………/………..
47 ใบงานที่ 6 เรอ่ื ง ลักษณะการเคล่ือนที่แนวตรง ช่อื ............................................................... นามสกลุ ....................................................... ชนั้ ม.3/..... เลขท.ี่ ......... คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นจาแนกภาพออกเป็นกลุ่ม พรอ้ มทงั้ อธบิ ายลกั ษณะการเคลอ่ื นทข่ี องแต่ละภาพ 1. 2. 3. 1. นกั เรยี นใชห้ ลกั เกณฑใ์ ดในการจาแนกภาพออกเป็นกลุ่ม 2. นกั เรยี นคดิ วา่ มลี กั ษณะการเคลอ่ื นทแ่ี บบอ่นื ทน่ี อกเหนือจากทน่ี กั เรยี นใชเ้ ป็นเกณฑอ์ กี หรอื ไม่ ถา้ มเี ป็น ลกั ษณะการเคลอ่ื นทแ่ี บบใด
48 แผนจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 รหสั วชิ า ว23101 รายวิชา วทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่อื ง แรงและการเคล่ือนที่ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 เรอ่ื ง การเคล่ือนทข่ี องวตั ถุแนวโคง้ เวลา 3 ชวั่ โมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจลักษณะการเคลือ่ นท่ีแบบต่าง ๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสง่ิ ท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา ร้วู ่าปรากฎการณ์ทางธรรมชาติทีเ่ กิดขนึ้ ส่วนใหญ่ มีรูปแบบท่แี นน่ อน สามารถอธบิ าย และ ตรวจสอบไดภ้ ายใต้ข้อมลู และเครื่องมือท่ีมอี ยู่ในช่วงเวลานนั้ ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี สังคม และสิง่ แวดล้อมมีความเก่ียวขอ้ งสัมพนั ธก์ ัน 2. ตัวช้ีวดั 1. สังเกตและอธบิ ายการเคลือ่ นทขี่ องวตั ถุท่ีเปน็ แนวโค้ง 3. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การเคล่อื นทีข่ องวตั ถุมีการเคล่ือนที่ในแนวโค้ง 4. สาระการเรียนรู้ 1. การเคลื่อนท่ีของวัตถุมีการเคลื่อนที่ในแนวโคง้ เชน่ การเคลอ่ื นที่แบบโพรเจกไทลข์ องลกู บาสเกตบอลในอากาศ การเคลอื่ นทแี่ บบวงกลมของวตั ถุท่ผี กู เชอื กแลว้ แกว่ง เป็นตน้ 5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุง่ มั่นในการทางาน 7. ช้ินงาน/ภาระงาน 1. หนงั สอื เรยี น วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 2. ตรวจใบงานที่ 6 เรอ่ื ง ลกั ษณะการเคลอ่ื นที่แนวโคง้ 8. กระบวนการเรยี นรู้
49 ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครใู หน้ กั เรียนดภู าพการเคล่ือนที่ของวตั ถุ เช่น รถไฟเหาะ มา้ หมุน แล้วใหน้ กั เรยี นช่วยกันวิเคราะหค์ วามแตกตา่ ง ของการเคลอื่ นท่ีแบบต่างๆ ในภาพ ขน้ั ที่ 2 สารวจค้นหา 2. ครเู ฉลยคาตอบพรอ้ มอธิบายเพม่ิ เติมว่า ในชวี ิตประจาวนั แต่ละวันตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั การเคลือ่ นท่ีของวตั ถุ ซงึ่ จะ พบวา่ มลี ักษณะการเคล่ือนท่แี ตกต่างกนั ออกไป ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ 3. นักเรียนรวมกลุม่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1) ศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง การเคล่ือนท่ขี องวัตถุ จากหนังสือเรยี น ห้องสมุด และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ โดยศึกษาความรู้ ดังนี้ - เรอื่ ง การเคล่ือนที่ในแนวโค้ง : การเคลื่อนทีแ่ บบโพรเจกไทล์ - เร่ือง การเคลื่อนทใ่ี นแนวโคง้ : การเคลื่อนทแี่ บบวงกลม ขั้นที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ 4. นกั เรยี นแตล่ ะคนทาแบบทดสอบทา้ ยหน่วย ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบความเขา้ ใจ 5. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้เรือ่ ง การเคลือ่ นท่ีของวัตถุแนวโค้ง 9. ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 2. ใบความรู้ 3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง 4. แบบทดสอบท้ายหนว่ ย 10. การวดั และประเมนิ ผล 1. การซักถาม/การตอบคาถาม 2. การนาเสนอผลการทดลอง 3. ตรวจแบบทดสอบทา้ ยหนว่ ย
11.ขอ้ เสนอแนะ 50 ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ………………………………………………………….. ลงชอื่ …………………………………………………. ลงชอ่ื …………………………………………………. (นายพฒั นะ พรหมโคตร) (นางวิลยั พร สมานราษฎร์) หัวหนา้ กลุ่มสาระ/ผู้นเิ ทศ ฝ่ายวิชาการ ลงช่อื …………………………………………………. (นายทองขาน บญุ ลา) ผู้อานวยการโรงเรยี นท่งุ ขนานวทิ ยา บนั ทึกหลังสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ………..…………………………………ผสู้ อน (นางสาวญาดาลกั ษณ์ สสี ะแล) ..…../……………………/………..
Search