Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พ.ศ. ๒๕๒๘

พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พ.ศ. ๒๕๒๘

Description: พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พ.ศ. ๒๕๒๘

Search

Read the Text Version

พระราชกาหนด แก้ไขเพม่ิ เตมิ พระราชบญั ญตั กิ ารธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พ.ศ. ๒๕๒๘

พระราชกาหนด แก้ไขเพมิ่ เตมิ พระราชบญั ญัติการธนาคารพาณชิ ย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พ.ศ. ๒๕๒๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นปี ท่ี ๔๐ ในรัชกาลปัจจบุ นั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราช โองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยที่เป็นการสมควรแกไ้ ขเพ่มิ เติมกฎหมายวา่ ดว้ ยการธนาคารพาณิชย์ อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๑๕๗ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชกาหนดข้ึนไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี มาตรา ๑ พระราชกาหนดน้ีเรียกวา่ “พระราชกาหนดแกไ้ ขเพิม่ เติม พระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พ.ศ. ๒๕๒๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกาหนดน้ีให้ใชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕ ทวิ แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั ิการธนาคาร พาณิชย์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๒๒ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๕ ทวิ บคุ คลใดจะถือหุ้นธนาคารพาณิชยใ์ ดเกินร้อยละหา้ ของ จานวนหุน้ ที่จาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมดของธนาคารพาณิชยน์ ้นั มิได้ เวน้ แต่เป็นกรณีท่ีผู้ ถือหุ้นเป็นส่วนราชการ รัฐวสิ าหกิจตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีการงบประมาณกองทนุ เพ่อื การฟ้ื นฟแู ละพฒั นาระบบสถาบนั การเงินตามกฎหมายวา่ ดว้ ยธนาคารแห่งประเทศ ไทย หรือนิติบคุ คลที่มีกฎหมายเฉพาะจดั ต้งั ข้ึน แตใ่ นกรณีท่ีมีเหตจุ าเป็นตอ้ งแกไ้ ข ฐานะหรือการดาเนินการของธนาคารพาณิชยน์ ้นั รัฐมนตรีดว้ ยคาแนะนาของธนาคาร แห่งประเทศไทยมีอานาจผอ่ นผนั ใหม้ ีการถือหุ้นเป็นอยา่ งอื่นได้ ในการผอ่ นผนั น้นั จะ กาหนดเงื่อนไขใด ๆ ไวด้ ว้ ยก็ได้ หุ้นธนาคารพาณิชยท์ ี่บุคคลหรือหา้ งหุ้นส่วนดงั ต่อไปน้ีถืออยู่ ใหน้ บั รวม เป็นหุ้นของบคุ คลตามวรรคหน่ึงดว้ ย (๑) คูส่ มรสของบุคคลตามวรรคหน่ึง (๒) บตุ รที่ยงั ไมบ่ รรลุนิติภาวะของบคุ คลตามวรรคหน่ึง (๓) ห้างหุ้นส่วนสามญั ที่บุคคลตามวรรคหน่ึงหรือบุคคลตาม (๑) หรือ (๒) เป็นหุน้ ส่วน (๔) ห้างหุน้ ส่วนจากดั ท่ีบุคคลตามวรรคหน่ึงหรือบุคคลตาม (๑) หรือ (๒) เป็นหุ้นส่วนจาพวกไม่จากดั ความรับผิด หรือเป็นหุ้นส่วนจาพวกจากดั ความรับผดิ รวมกนั เกินร้อยละสามสิบของทุนท้งั หมดของห้างหุน้ ส่วนจากดั น้นั (๕) บริษทั จากดั ท่ีบคุ คลตามวรรคหน่ึงหรือบุคคลตาม (๑) หรือ (๒) หรือห้างหุน้ ส่วนตาม (๓) หรือ (๔) ถือหุน้ รวมกนั เกินร้อยละสามสิบของจานวนหุ้นที่ จาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมดของบริษทั จากดั น้นั

(๖) บริษทั จากดั ที่บคุ คลตามวรรคหน่ึงหรือบคุ คลตาม (๑) หรือ (๒) หรือ หา้ งหุน้ ส่วนตาม (๓) หรือ (๔) หรือบริษทั จากดั ตาม (๕) ถือหุ้นรวมกนั เกินร้อยละ สามสิบของจานวนหุน้ ท่ีจาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมดของบริษทั จากดั น้นั ” มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕ เบญจ แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั ิการธนาคาร พาณิชย์ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๕ เบญจ ธนาคารพาณิชยต์ อ้ งมีผถู้ ือหุ้นซ่ึงเป็นบคุ คลธรรมดาไม่ ต่ากวา่ สองร้อยห้าสิบราย โดย (๑) ผถู้ ือหุน้ ดงั กล่าวตอ้ งถือหุ้นรวมกนั เป็นจานวนไม่ต่ากว่าร้อยละหา้ สิบของจานวนหุ้นที่จาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมด และ (๒) ผถู้ ือหุน้ แตล่ ะรายตอ้ งถือหุน้ ไม่เกินร้อยละศนู ยจ์ ดุ ห้าของจานวนหุน้ ที่จาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมด จานวนหุน้ ที่จาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมดตามวรรคหน่ึง (๑) ไม่นบั รวม จานวนหุน้ ท่ีผถู้ ือหุ้นเป็นส่วนราชการ รัฐวสิ าหกิจตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ ีการ งบประมาณกองทุนเพื่อการฟ้ื นฟแู ละพฒั นาระบบสถาบนั การเงินตามกฎหมายวา่ ดว้ ย ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจดั ต้งั ข้ึน ธนาคารพาณิชยใ์ ดมีผถู้ ือหุ้นหรือการถือหุ้นไมเ่ ป็ นไปตามวรรคหน่ึง ในขณะใดขณะหน่ึง ใหธ้ นาคารพาณิชยน์ ้นั ขอผอ่ นผนั จากรัฐมนตรีเพื่อดาเนินการ แกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งภายในเวลาที่รัฐมนตรีกาหนด ในการผอ่ นผนั น้นั จะกาหนดเง่ือนไขใด ๆ ไวด้ ว้ ยกไ็ ด้ ธนาคารพาณิชยต์ อ้ งมีจานวนหุน้ ที่บุคคลผมู้ ีสญั ชาติไทยถืออยไู่ มต่ ่ากวา่ สามในสี่ของจานวนหุ้นท่ีจาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมด และตอ้ งมีกรรมการเป็นบุคคลผมู้ ี สญั ชาติไทยไม่ต่ากวา่ สามในสี่ของจานวนกรรมการท้งั หมด

ความในวรรคหน่ึงมิใหใ้ ชบ้ งั คบั แก่ธนาคารพาณิชยท์ ี่เป็นรัฐวิสาหกิจ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีการงบประมาณ” มาตรา ๕ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบญั ญตั ิการธนาคาร พาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๑๒ หา้ มมิใหธ้ นาคารพาณิชยก์ ระทาการดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ลดทุนโดยมิไดร้ ับอนุญาตจากรัฐมนตรี (๒) ให้สินเชื่อแก่กรรมการ หรือประกนั หน้ีใด ๆ ของกรรมการหรือ รับรอง รับอาวลั หรือสอดเขา้ แกห้ นา้ ในตวั๋ เงินที่กรรมการเป็นผสู้ ง่ั จ่ายหรือผอู้ อกตว๋ั หรือผสู้ ลกั หลงั (๓) รับหุน้ ของธนาคารพาณิชยน์ ้นั เป็นประกนั หรือรับหุน้ ของธนาคาร พาณิชยจ์ ากธนาคารพาณิชยอ์ ่ืนเป็นประกนั (๔) ซ้ือหรือมีไวเ้ ป็นประจาซ่ึงอสงั หาริมทรัพย์ เวน้ แต่ (ก) เพ่อื ใชเ้ ป็นสถานท่ีสาหรับดาเนินธุรกิจ หรือสาหรับพนกั งานและ ลูกจา้ งของธนาคารพาณิชยน์ ้นั โดยไดร้ ับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการใหค้ วามเห็นชอบน้นั จะกาหนดเง่ือนไขใด ๆ ไวด้ ว้ ยกไ็ ด้ (ข) เป็นการไดม้ าจากการชาระหน้ีหรือจากการประกนั การใหส้ ินเช่ือ หรือจากการซ้ืออสงั หาริมทรัพยท์ ่ีจานองไวแ้ ก่ธนาคารพาณิชยน์ ้นั จากการขาย ทอดตลาดโดยคาสั่งศาลหรือเจา้ พนกั งานพิทกั ษท์ รัพย์ (๕) ซ้ือหรือมีหุ้นในบริษทั จากดั ใดเกินร้อยละสิบของจานวนหุน้ ที่ จาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมดของบริษทั จากดั น้นั หรือซ้ือหรือมีหุ้นหรือหุ้นกูม้ ีมลู คา่ รวมกนั ท้งั สิ้นเกินร้อยละยส่ี ิบของเงินกองทนุ ของธนาคารพาณิชยน์ ้นั ท้งั น้ี เวน้ แตจ่ ะไดร้ ับ อนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการอนุญาตน้นั จะกาหนดเง่ือนไขใด ๆ ไว้ ดว้ ยก็ได้

(๖) ซ้ือหรือมีหุน้ ธนาคารพาณิชยอ์ ่ืน เวน้ แต่เป็นการไดม้ าจากการชาระ หน้ีหรือการประกนั การให้สินเช่ือแต่ตอ้ งจาหน่ายภายในเวลาหกเดือนนบั แตว่ นั ที่ ไดม้ า หรือเป็นการไดม้ าโดยไดร้ ับผอ่ นผนั จากรัฐมนตรีดว้ ยคาแนะนาของธนาคาร แห่งประเทศไทย ในการผอ่ นผนั น้นั จะกาหนดเง่ือนไขใด ๆ ไวด้ ว้ ยกไ็ ด้ (๗) จา่ ยเงินหรือทรัพยส์ ินอื่นใหแ้ ก่กรรมการ พนกั งาน หรือลูกจา้ งของ ธนาคารพาณิชยน์ ้นั เป็นคา่ นายหน้าหรือค่าตอบแทนสาหรับหรือเนื่องจากการกระทา หรือการประกอบธุรกิจใด ๆ ของธนาคารพาณิชย์ ท้งั น้ี นอกจากบาเหน็จ เงินเดือน เงินรางวลั และเงินเพิม่ อยา่ งอื่นบรรดาท่ีพึงจ่ายตามปกติ (๘) ขายหรือให้อสงั หาริมทรัพยใ์ ด ๆ หรือสงั หาริมทรัพยท์ ี่มีมูลคา่ รวมกนั สูงกวา่ ท่ีธนาคารแห่งประเทศไทยกาหนดแก่กรรมการหรือซ้ือทรัพยส์ ินจาก กรรมการ ท้งั น้ี รวมถึงบคุ คลหรือหา้ งหุ้นส่วนที่เกี่ยวขอ้ งกบั กรรมการ ตามมาตรา ๑๒ ทวิ ดว้ ย เวน้ แต่ไดร้ ับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (๙) กระทาการใด ๆ อนั อาจก่อใหเ้ กิดความเสียหายทางเศรษฐกิจของ ประเทศหรือแก่ประโยชนข์ องประชาชน หรือเป็นการเอาเปรียบลูกคา้ หรือบุคคลที่ เก่ียวขอ้ งอยา่ งไมเ่ ป็นธรรม หรือเป็นอุปสรรคตอ่ การพฒั นาหรือต่อการแขง่ ขนั ใน ระบบสถาบนั การเงิน หรือเป็นการผกู ขาดหรือจากดั ตดั ตอนทางเศรษฐกิจท้งั น้ี ตามท่ี ธนาคารแห่งประเทศไทยกาหนดดว้ ยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา” มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๒ ทวิ แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิการธนาคาร พาณิชย์ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๑๒ ทวิ การให้สินเช่ือแกห่ รือการประกนั หน้ีใด ๆ ของบุคคล หรือหา้ งหุน้ ส่วนดงั ตอ่ ไปน้ี หรือการรับรอง รับอาวลั หรือสอดเขา้ แกห้ นา้ ในตวั๋ เงินท่ี บุคคลหรือห้างหุน้ ส่วนดงั ตอ่ ไปน้ีเป็นผสู้ งั่ จ่ายหรือผอู้ อกตวั๋ หรือผสู้ ลกั หลงั ให้ถือวา่

เป็นการใหส้ ินเชื่อ หรือการประกนั หรือการรับรองรับอาวลั หรือสอดเขา้ แกห้ นา้ แก่ กรรมการตามมาตรา ๑๒ (๒) ดว้ ย (๑) คู่สมรสของกรรมการ (๒) บตุ รที่ยงั ไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการ (๓) หา้ งหุ้นส่วนสามญั ท่ีกรรมการหรือบุคคลตาม (๑) หรือ (๒) เป็น หุน้ ส่วน (๔) หา้ งหุ้นส่วนจากดั ที่กรรมการหรือบคุ คลตาม (๑) หรือ (๒) เป็น หุ้นส่วนจาพวกไม่จากดั ความรับผิด หรือเป็นหุน้ ส่วนจาพวกจากดั ความรับผิดรวมกนั เกินร้อยละสามสิบของทุนท้งั หมดของห้างหุ้นส่วนจากดั น้นั (๕) บริษทั จากดั ที่กรรมการหรือบคุ คลตาม (๑) หรือ (๒) หรือห้าง หุน้ ส่วนตาม (๓) หรือ (๔) ถือหุน้ รวมกนั เกินร้อยละสามสิบของจานวนหุ้นที่จาหน่าย ไดแ้ ลว้ ท้งั หมดของบริษทั จากดั น้นั (๖) บริษทั จากดั ท่ีกรรมการหรือบคุ คลตาม (๑) หรือ (๒) หรือห้าง หุ้นส่วนตาม (๓) หรือ (๔) หรือบริษทั จากดั ตาม (๕) ถือหุ้นรวมกนั เกินร้อยละสามสิบ ของจานวนหุน้ ที่จาหน่ายไดแ้ ลว้ ท้งั หมดของบริษทั จากดั น้นั ” มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความใน (๘) ของมาตรา ๑๒ จตั วา แห่ง พระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิ การธนาคารพาณิชย์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “(๘) เป็นผจู้ ดั การ รองผจู้ ดั การ ผชู้ ่วยผูจ้ ดั การของห้างหุ้นส่วนหรือ บริษทั จากดั ซ่ึงตนหรือบคุ คลตามมาตรา ๑๒ ทวิ ถือหุ้นอยู่ เวน้ แตเ่ ป็นกรรมการหรือที่ ปรึกษาของธนาคารพาณิชย์ ซ่ึงไมม่ ีอานาจลงนามผกู พนั ธนาคารพาณิชยด์ ว้ ยตนเอง หรือร่วมกบั ผอู้ ่ืน”

มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในวรรคหน่ึงของมาตรา ๑๕ ทวิ แห่ง พระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิ การธนาคารพาณิชย์ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๑๕ ทวิ ให้ธนาคารพาณิชยป์ ิ ดบญั ชีทกุ งวดการบญั ชีในรอบ ระยะเวลาหกเดือน ถา้ ธนาคารพาณิชยใ์ ดมีสินทรัพยท์ ี่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ไดห้ รือ ที่สงสยั ว่าจะไมม่ ีราคาหรือเรียกคืนไม่ไดต้ ามท่ีธนาคารแห่งประเทศไทยกาหนดดว้ ย ความเห็นชอบของรัฐมนตรี ให้ธนาคารพาณิชยน์ ้นั ตดั สินทรัพยท์ ่ีไม่มีราคาหรือเรียก คืนไม่ไดด้ งั กล่าวออกจากบญั ชี หรือกนั เงินสารองสาหรับสินทรัพยท์ ่ีสงสยั วา่ จะไมม่ ี ราคาหรือเรียกคืนไม่ไดด้ งั กล่าวเมื่อสิ้นงวดการบญั ชีน้นั เวน้ แต่จะไดร้ ับอนุญาตจาก ธนาคารแห่งประเทศไทยใหป้ ฏิบตั ิเป็นอยา่ งอื่น ในการอนุญาตน้นั จะกาหนดเง่ือนไข ใด ๆ ไวด้ ว้ ยกไ็ ด”้ มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบญั ญตั ิการธนาคาร พาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๑๖ ภายในสี่เดือนนบั แตว่ นั สิ้นปี บญั ชีให้ธนาคารพาณิชยต์ าม มาตรา ๕ ประกาศงบดุลและบญั ชีกาไรขาดทุนท่ีไดร้ ับอนุมตั ิจากท่ีประชุมใหญแ่ ลว้ ตามแบบท่ีธนาคารแห่งประเทศไทยกาหนด ประกาศดงั กล่าวให้ปิ ดไวใ้ นที่เปิ ดเผย ณ สานกั งานของธนาคารพาณิชยน์ ้นั ลงพิมพใ์ นหนงั สือพิมพร์ ายวนั อยา่ งน้อยหน่ึงฉบบั และเสนอตอ่ รัฐมนตรีและธนาคารแห่งประเทศไทยภายในยส่ี ิบเอด็ วนั นบั แต่วนั ที่ ไดร้ ับอนุมตั ิจากที่ประชุมใหญ่ ท้งั น้ี เวน้ แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะไดก้ าหนดไว้ เป็นอยา่ งอื่น งบดุลตามวรรคหน่ึงจะตอ้ งมีการรับรองของผสู้ อบบญั ชีซ่ึงธนาคารแห่ง ประเทศไทยไดใ้ หค้ วามเห็นชอบในแต่ละปี บญั ชี และตอ้ งมิใช่กรรมการ พนกั งานหรือ ลูกจา้ งของธนาคารพาณิชยน์ ้นั

ให้ธนาคารพาณิชยต์ ามมาตรา ๖ ประกาศงบดุลและบญั ชีกาไรขาดทุน ของธนาคารในต่างประเทศท่ีธนาคารพาณิชยน์ ้นั เป็นสาขาภายในเวลาส่ีเดือนนบั แต่ วนั สิ้นปี บญั ชีของธนาคารตา่ งประเทศน้นั เวน้ แตจ่ ะพสิ ูจน์ไดว้ า่ มีเหตขุ ดั ขอ้ งอนั สมควร ประกาศดงั กล่าวใหป้ ิ ดไวใ้ นท่ีเปิ ดเผย ณ สานกั งานของธนาคารพาณิชยน์ ้นั ” มาตรา ๑๐ ใหเ้ พ่มิ ความตอ่ ไปน้ีเป็นมาตรา ๑๗ ทวิ แห่งพระราชบญั ญตั ิ การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ “มาตรา ๑๗ ทวิ เพอื่ แกไ้ ขฐานะหรือการดาเนินการของธนาคารพาณิชย์ หรือเพ่ือประโยชน์ในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินหรือระบบสถาบนั การเงิน ให้ รัฐมนตรีดว้ ยคาแนะนาของธนาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจสง่ั ให้ธนาคารพาณิชย์ ระงบั การดาเนินกิจการท้งั หมดหรือบางส่วนเป็นการชวั่ คราวภายในระยะเวลาท่ี กาหนด และในการน้ีจะกาหนดหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขใด ๆ ไวด้ ว้ ยก็ได”้ มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๒๒ ในกรณีท่ีธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นวา่ ธนาคารพาณิชย์ ใด (๑) ดารงเงินสดสารองไม่ไดต้ ามอตั ราส่วนท่ีกาหนดเป็นเนืองนิจ (๒) ดารงสินทรัพยส์ ภาพคล่องไม่ไดต้ ามอตั ราส่วนท่ีกาหนดเป็น เนืองนิจ (๓) รับฝากเงินหรือกูย้ มื เงินหรือก่อภาระผกู พนั โดยไม่ลงบญั ชีให้ถูกตอ้ ง และครบถว้ น หรือสร้างรายการให้สินเชื่อไมต่ รงต่อความเป็นจริง (๔) ใหส้ ินเชื่อหรือลงทุนเกินอตั ราท่ีกาหนด หรือให้สินเชื่อในลกั ษณะที่ เลง็ เห็นไดว้ า่ จะเรียกคืนไมไ่ ดต้ ามหลกั เกณฑท์ ่ีธนาคารแห่งประเทศไทยกาหนด

(๕) ใหส้ ินเช่ือแกห่ รือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชยห์ รือกรรมการ ของธนาคารพาณิชยน์ ้นั มีผลประโยชนเ์ ก่ียวขอ้ ง หรือใหส้ ินเชื่อแก่ผถู้ ือหุ้นของ ธนาคารพาณิชยน์ ้นั ในปริมาณเกินสมควรหรือมีเง่ือนไขหรือขอ้ กาหนดพเิ ศษผิดไป จากปกติ (๖) ไม่ตดั สินทรัพยท์ ี่ไมม่ ีราคาหรือเรียกคืนไม่ไดอ้ อกจากบญั ชี (๗) ไม่กนั เงินสารองสาหรับสินทรัพยท์ ี่สงสยั ว่าจะไม่มีราคาหรือเรียก คืนไมไ่ ด้ (๘) กระทาการหรืองดเวน้ กระทาการใดตามท่ีธนาคารแห่งประเทศไทย กาหนดข้ึนเพอื่ พทิ กั ษร์ ักษาประโยชนข์ องประชาชน ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจสง่ั ให้ธนาคารพาณิชยน์ ้นั กระทา การหรืองดเวน้ กระทาการ หรือแกไ้ ขการดงั กล่าวในวรรคหน่ึง ในการน้ีจะกาหนด เง่ือนไขและระยะเวลาไวด้ ว้ ยกไ็ ด”้ มาตรา ๑๒ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๒๔ รัฐมนตรีมีอานาจต้งั ผตู้ รวจการธนาคารพาณิชยเ์ พ่ือ ตรวจสอบและรายงานกิจการและสินทรัพยข์ องธนาคารพาณิชย์ หรือจะมอบอานาจให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยต้งั พนกั งานของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผตู้ รวจการ ธนาคารพาณิชยก์ ็ได้ แต่ไม่วา่ ในกรณีใด ๆ รัฐมนตรีจะต้งั หรือมอบอานาจให้ธนาคาร แห่งประเทศไทยต้งั ผตู้ รวจการธนาคารพาณิชยใ์ ห้ทาการตรวจเพ่ือทราบกิจการหรือ ทรัพยส์ ินของเอกชนคนใดคนหน่ึงโดยเฉพาะที่มีหรือปรากฏอยใู่ นธนาคารพาณิชยใ์ ด ๆ มิได้ เวน้ แตเ่ ป็นกรณีตามมาตรา ๓๕ (๓)” มาตรา ๑๓ ใหเ้ พ่มิ ความตอ่ ไปน้ีเป็นมาตรา ๒๔ ทวิ และมาตรา ๒๔ ตรี แห่งพระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕

“มาตรา ๒๔ ทวิ เม่ือปรากฏหลกั ฐานตอ่ ธนาคารแห่งประเทศไทยว่า ธนาคารพาณิชยใ์ ดมีฐานะหรือการดาเนินการอยใู่ นลกั ษณะอนั อาจเป็นเหตุใหเ้ กิด ความเสียหายแก่ประโยชนข์ องประชาชน ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจสง่ั ให้ ธนาคารพาณิชยน์ ้นั แกไ้ ขฐานะหรือการดาเนินการดงั กล่าวไดภ้ ายในระยะเวลาท่ี ธนาคารแห่งประเทศไทยกาหนด ในการน้ีจะสงั่ ใหเ้ พิ่มทุนหรือลดทุนดว้ ยกไ็ ด้ ในกรณีที่ธนาคารพาณิชยใ์ ดไม่เพมิ่ ทนุ หรือลดทุนภายในกาหนดเวลาท่ี ธนาคารแห่งประเทศไทยส่ังตามวรรคหน่ึง ใหถ้ ือวา่ คาสง่ั ของธนาคารแห่งประเทศ ไทยเป็นมติท่ีประชุมผถู้ ือหุ้นนบั แตว่ นั ที่ครบกาหนดเวลาตามคาสง่ั ของธนาคารแห่ง ประเทศไทยดงั กล่าว ในกรณีที่มีความจาเป็นรีบด่วนท่ีจะตอ้ งให้ธนาคารพาณิชยใ์ ดเพมิ่ ทุน หรือลดทนุ เพ่อื ให้ธนาคารพาณิชยน์ ้นั สามารถพยงุ ฐานะและการดาเนินการต่อไปได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะสง่ั ใหธ้ นาคารพาณิชยเ์ พ่มิ ทนุ หรือลดทนุ ทนั ทีก็ไดโ้ ดยให้ ถือวา่ คาส่ังของธนาคารแห่งประเทศไทยดงั กล่าวเป็นมติที่ประชุมผถู้ ือหุน้ ในการเพิ่มทุนหรือลดทนุ ตามวรรคสองหรือวรรคสาม มิให้นามาตรา ๑๒๒๐ มาตรา ๑๒๒๔ มาตรา ๑๒๒๕ และมาตรา ๑๒๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ และมาตรา ๑๔๙ วรรคสอง (๒) มาตรา ๑๕๒ และมาตรา ๑๕๔ แห่ง พระราชบญั ญตั ิบริษทั มหาชน พ.ศ. ๒๕๒๑ แลว้ แต่กรณี มาใชบ้ งั คบั มาตรา ๒๔ ตรี เม่ือปรากฏหลกั ฐานต่อธนาคารแห่งประเทศไทยวา่ ธนาคารพาณิชยใ์ ดมีฐานะหรือการดาเนินการอยใู่ นลกั ษณะอนั อาจเป็นเหตใุ ห้เกิด ความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน หรือกรรมการหรือบคุ คลซ่ึงรับผดิ ชอบใน การดาเนินงานของธนาคารพาณิชยใ์ ดไมป่ ฏิบตั ิตามคาสง่ั ของธนาคารแห่งประเทศ ไทยตามมาตรา ๒๔ ทวิ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจส่ังใหธ้ นาคารพาณิชยน์ ้นั ถอดถอนกรรมการหรือบคุ คลซ่ึงรับผิดชอบในการดาเนินงานของธนาคารพาณิชยผ์ ู้ เป็นตน้ เหตดุ งั กล่าวออกจากตาแหน่งได้

ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสงั่ ถอดถอนบคุ คลตามวรรคหน่ึง ให้ ธนาคารพาณิชยน์ ้นั แตง่ ต้งั บคุ คลอื่นโดยความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย เขา้ ดารงตาแหน่งดงั กล่าวแทนภายในเวลาสามสิบวนั นบั แตว่ นั ถอดถอน ในกรณีท่ีธนาคารพาณิชยใ์ ดไมถ่ อดถอนบุคคลตามวรรคหน่ึงหรือถอด ถอนแลว้ ไม่แต่งต้งั บุคคลอื่นเขา้ ดารงตาแหน่งแทนตามวรรคสอง ธนาคารแห่งประเทศ ไทยดว้ ยความเห็นชอบของรัฐมนตรีมีอานาจสงั่ ถอดถอนบุคคลดงั กล่าวหรือแตง่ ต้งั บคุ คลใดบคุ คลหน่ึงหรือหลายคนไปดารงตาแหน่งแทนเป็นเวลาไมเ่ กินสามปี และมิ ใหน้ าความในมาตรา ๑๒ จตั วา (๘) มาใชบ้ งั คบั ให้ผซู้ ่ึงธนาคารแห่งประเทศไทยแตง่ ต้งั ตามวรรคสามไดร้ ับคา่ ตอบแทน ตามที่รัฐมนตรีกาหนด โดยให้จ่ายจากทรัพยส์ ินของธนาคารพาณิชยน์ ้นั และใน ระหวา่ งเวลาท่ีบุคคลดงั กล่าวดารงตาแหน่งอยู่ ผถู้ ือหุ้นของธนาคารพาณิชยจ์ ะมีมติเพิก ถอนหรือเปลี่ยนแปลงคาสงั่ ของธนาคารแห่งประเทศไทยไมไ่ ด้ บุคคลซ่ึงถูกถอดถอนตามคาสง่ั ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะเขา้ ไป เกี่ยวขอ้ งหรือดาเนินการใด ๆ ในธนาคารพาณิชยน์ ้นั ไม่ไดไ้ ม่ว่าโดยทางตรงและ ทางออ้ ม และตอ้ งอานวยความสะดวกและให้ขอ้ เทจ็ จริงแก่บุคคลท่ีดารงตาแหน่งแทน หรือตามที่ผตู้ รวจการธนาคารพาณิชยก์ าหนด ใหถ้ ือวา่ คาสง่ั ของธนาคารแห่งประเทศไทยท่ีใหถ้ อดถอนหรือแต่งต้งั ตามมาตราน้ีเป็นมติของที่ประชุมผถู้ ือหุ้น” มาตรา ๑๔ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิการธนาคาร พาณิชย์ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๓๕ เพื่อประโยชน์แห่งมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๖ ให้ ผตู้ รวจการธนาคารพาณิชยห์ รือพนกั งานเจา้ หนา้ ที่แลว้ แตก่ รณีมีอานาจดงั ต่อไปน้ี

(๑) สงั่ ใหก้ รรมการ พนกั งานหรือลูกจา้ งของธนาคารพาณิชย์ ผสู้ อบ บญั ชีของธนาคารพาณิชย์ และผรู้ วบรวมหรือประมวลขอ้ มลู ของธนาคารพาณิชยด์ ว้ ย เคร่ืองคอมพิวเตอร์หรือดว้ ยเครื่องมืออื่นใด มาใหถ้ อ้ ยคา หรือส่งสาเนาหรือแสดงสมุด บญั ชีเอกสารหรือหลกั ฐานอื่นอนั เกี่ยวกบั กิจการ สินทรัพยแ์ ละหน้ีสินของธนาคาร พาณิชย์ (๒) เขา้ ไปในสถานที่ประกอบธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ หรือในสถานที่ ซ่ึงรวบรวมหรือประมวลขอ้ มูลของธนาคารพาณิชยด์ ว้ ยเครื่องคอมพวิ เตอร์หรือดว้ ย เคร่ืองมืออ่ืนใด ในเวลาทาการของสถานท่ีน้นั เพ่อื ตรวจสอบกิจการ สินทรัพยแ์ ละ หน้ีสินของธนาคารพาณิชย์ รวมท้งั เอกสาร หลกั ฐานหรือขอ้ มูลเกี่ยวกบั ธนาคาร พาณิชย์ (๓) เขา้ ไปตรวจสอบฐานะหรือการดาเนินงานในสถานท่ีประกอบธุรกิจ ของลูกหน้ีของธนาคารพาณิชย์ รวมท้งั สงั่ ใหล้ ูกหน้ีหรือบคุ คลที่เก่ียวขอ้ งมาให้ถอ้ ยคา หรือส่งสาเนาหรือแสดงสมุดบญั ชี เอกสารหรือหลกั ฐานอื่นที่เกี่ยวขอ้ งไดใ้ นกรณีท่ีมี เหตุอนั ควรสงสยั วา่ ธนาคารพาณิชยก์ ระทาการตามมาตรา ๒๒ (๓) (๔) หรือ (๕) ในการดาเนินการตาม (๓) ผตู้ รวจการธนาคารพาณิชยห์ รือพนกั งาน เจา้ หนา้ ท่ีจะตอ้ งไดร้ ับอนุมตั ิจากผวู้ า่ การธนาคารแห่งประเทศไทยหรือรัฐมนตรี แลว้ แตก่ รณี ก่อน ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ของผตู้ รวจการธนาคารพาณิชยห์ รือพนกั งาน เจา้ หนา้ ท่ีตามวรรคหน่ึง ใหเ้ จา้ ของหรือบคุ คลซ่ึงอยใู่ นสถานท่ีน้นั หรือบคุ คลที่ เกี่ยวขอ้ งอานวยความสะดวกตามสมควร” มาตรา ๑๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิการธนาคาร พาณิชย์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน

“มาตรา ๔๔ ธนาคารพาณิชยใ์ ดฝ่าฝืนหรือไมป่ ฏิบตั ิตามมาตรา ๕ ตรี วรรคหน่ึง มาตรา ๕ เบญจ มาตรา ๕ ฉ มาตรา ๗ ทวิ มาตรา ๙ ทวิ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๑ ตรี มาตรา ๑๒ (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) หรือ (๙) มาตรา ๑๒ ตรี มาตรา ๑๒ จตั วา มาตรา ๑๓มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ วรรคหน่ึง มาตรา ๑๕ ทวิ มาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๑๗ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบตั ิตามขอ้ กาหนดหรือเงื่อนไขหรือคาสง่ั ของ รัฐมนตรีตามมาตรา ๕ ทวิ มาตรา ๕ เบญจ มาตรา ๗ มาตรา ๑๒ (๖) มาตรา ๑๓ ตรี มาตรา ๑๗ ทวิ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๓ หรือมาตรา ๒๕ หรือฝ่าฝืนหรือไมป่ ฏิบตั ิตาม ขอ้ กาหนดหรือเง่ือนไขหรือคาสงั่ ของธนาคารแห่งประเทศไทยตามมาตรา ๑๒ (๔) (ก) หรือ (๕) มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๕ ทวิ มาตรา ๑๗ วรรคหน่ึง มาตรา ๒๒ วรรคสอง มาตรา ๒๔ ทวิ หรือมาตรา ๒๔ ตรี ตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท” มาตรา ๑๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๖ จตั วา แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิการธนาคาร พาณิชย์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๔๖ จตั วา ผใู้ ดฝ่าฝืนมาตรา ๒๔ ตรี วรรคหา้ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไมเ่ กินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ” มาตรา ๑๗ ใหย้ กเลิกความในวรรคหน่ึงของมาตรา ๔๖ อฏั ฐ แห่ง พระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิ การธนาคารพาณิชย์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๔๖ อฏั ฐ ความผดิ ตามมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ หรือมาตรา ๔๖ ทวิ ให้คณะกรรมการท่ีรัฐมนตรี แตง่ ต้งั มีอานาจเปรียบเทียบได”้

มาตรา ๑๘ ใหเ้ พมิ่ ความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๔๖ นว และมาตรา ๔๖ ทศ แห่งพระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ “มาตรา ๔๖ นว ในกรณีที่ปรากฏวา่ มีการกระทาความผดิ อยา่ งใดอยา่ ง หน่ึง ดงั ต่อไปน้ี (๑) ในการดาเนินงานของธนาคารพาณิชย์ กรรมการหรือบุคคลใดซ่ึง รับผดิ ชอบในธนาคารพาณิชยก์ ระทาความผิดเก่ียวกบั ทรัพยต์ ามบทบญั ญตั ิในหมวด ๑ หมวด ๓ หมวด ๔ หมวด ๕ หรือหมวด ๗ ของลกั ษณะ ๑๒ แห่งประมวลกฎหมาย อาญา หรือมาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ หรือมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบญั ญตั ิกาหนด ความผิดเกี่ยวกบั หา้ งหุน้ ส่วนจดทะเบียน หา้ งหุ้นส่วนจากดั บริษทั จากดั สมาคมและ มลู นิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙ หรือมาตรา ๒๔๓ หรือมาตรา ๒๔๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิบริษทั มหาชนจากดั พ.ศ. ๒๕๒๑ (๒) ในการสอบบญั ชีของธนาคารพาณิชย์ ผสู้ อบบญั ชีผใู้ ดกระทา ความผิดตามมาตรา ๒๖๙ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือมาตรา ๓๑ แห่ง พระราชบญั ญตั ิกาหนดความผิดเก่ียวกบั หา้ งหุ้นส่วนจดทะเบียน หา้ งหุ้นส่วนจากดั บริษทั จากดั สมาคม และมลู นิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙ (๓) ผใู้ ดเป็นผใู้ ชใ้ ห้กระทาความผดิ หรือเป็นผสู้ นบั สนุนการกระทา ความผิดตาม (๑) หรือ (๒) ให้ถือวา่ ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผเู้ สียหายตามประมวลกฎหมายวิธี พจิ ารณาความอาญา ในความผดิ ตามมาตราน้ี เมื่อพนกั งานอยั การยน่ื ฟ้ องคดีอาญา ให้ พนกั งานอยั การมีอานาจเรียกทรัพยส์ ิน หรือราคา หรือค่าสินไหมทดแทนเพื่อความ เสียหายแทนผไู้ ดร้ ับความเสียหายดว้ ย ในการน้ี ใหน้ าบทบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยการฟ้ องคดี แพง่ ที่เก่ียวเน่ืองกบั คดีอาญาตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญามาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม

มาตรา ๔๖ ทศ ในกรณีที่ปรากฏหลกั ฐานวา่ บุคคลใดกระทาความผดิ ตามท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา ๔๖ นว และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าหากปล่อยเน่ิน ชา้ ไวอ้ าจเกิดความเสียหายแก่ประโยชนข์ องประชาชน ใหธ้ นาคารแห่งประเทศไทยมี อานาจสง่ั ยดึ หรืออายดั ทรัพยส์ ินของบุคคลน้นั หรือทรัพยส์ ินซ่ึงตามกฎหมายอาจถือได้ วา่ เป็นของบุคคลน้นั แตจ่ ะยดึ หรืออายดั ทรัพยส์ ินไวเ้ กินกวา่ หน่ึงร้อยแปดสิบวนั ไม่ได้ เวน้ แต่ในกรณีมีการฟ้ องคดีต่อศาลให้คาสงั่ ยดึ หรืออายดั ดงั กล่าวยงั คงมีผลต่อไป จนกวา่ ศาลจะสั่งเป็นอยา่ งอื่น ในกรณีมีเหตจุ าเป็นไม่สามารถฟ้ องคดีไดภ้ ายในหน่ึง ร้อยแปดสิบวนั ศาลท่ีมีเขตอานาจจะสง่ั ขยายระยะเวลาออกไปอีกตามคาขอของ ธนาคารแห่งประเทศไทยกไ็ ด้ ใหธ้ นาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจแต่งต้งั พนกั งานของธนาคารแห่ง ประเทศไทย เป็นผดู้ าเนินการยดึ หรืออายดั ทรัพยส์ ินตามวรรคหน่ึง การยดึ หรืออายดั ทรัพยส์ ินตามวรรคหน่ึง ใหน้ าบทบญั ญตั ิแห่งประมวล รัษฎากรมาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม ในกรณีตามวรรคหน่ึง เม่ือมีเหตอุ นั ควรสงสยั วา่ บคุ คลดงั กล่าวจะ หลบหนีออกนอกราชอาณาจกั รเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยร้องขอ ให้ศาลอาญามี อานาจสง่ั ห้ามมิให้บคุ คลน้นั ออกนอกราชอาณาจกั รไวก้ ่อนได้ ในกรณีฉุกเฉินที่มี ความจาเป็นรีบด่วน เม่ือผวู้ ่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบคุ คลท่ีผวู้ า่ การธนาคาร แห่งประเทศไทยมอบหมายแจง้ ให้อธิบดีกรมตารวจทราบ ใหอ้ ธิบดีกรมตารวจมี อานาจสงั่ ห้ามมิให้บุคคลน้นั ออกนอกราชอาณาจกั รไวก้ ่อนเป็นการชว่ั คราวไดเ้ ป็น เวลาไมเ่ กินสิบหา้ วนั จนกว่าศาลอาญาจะมีคาสง่ั เป็นอยา่ งอื่น ผใู้ ดฝ่าฝืนคาสง่ั ของศาลอาญาหรือของอธิบดีกรมตารวจท่ีสงั่ ตามวรรคส่ี ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินหน่ึงลา้ นบาท” มาตรา ๑๙ ธนาคารพาณิชยท์ ี่เป็นบริษทั จากดั ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยแ์ ละไดร้ ับอนุญาตใหป้ ระกอบการธนาคารพาณิชยอ์ ยแู่ ลว้ ก่อนวนั ท่ีพระ

ราชกาหนดน้ีใชบ้ งั คบั หากประสงคจ์ ะเพ่มิ ทนุ โดยการออกหุน้ ใหมแ่ ละเสนอขายแก่ ประชาชน กใ็ หเ้ สนอขายต่อประชาชนและออกหนงั สือช้ีชวนได้ โดยใหน้ ากฎหมายวา่ ดว้ ยบริษทั มหาชนจากดั เกี่ยวกบั หนงั สือช้ีชวนและบทกาหนดโทษท่ีเกี่ยวขอ้ งมาใช้ บงั คบั โดยอนุโลม มาตรา ๒๐ ผใู้ ดเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของธนาคารพาณิชยอ์ ยใู่ น วนั ที่พระราชกาหนดน้ีใชบ้ งั คบั ซ่ึงเป็นการขดั ต่อมาตรา ๑๒ จตั วา (๘)แห่ง พระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราช กาหนดน้ี ให้ยนื่ ขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเกา้ สิบวนั นบั แตว่ นั ที่ พระราชกาหนดน้ีใชบ้ งั คบั เมื่อไดย้ นื่ ขออนุญาตตามวรรคหน่ึงแลว้ ให้ทาหนา้ ที่ต่อไปไดจ้ นกวา่ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะสง่ั ไมอ่ นุญาต มาตรา ๒๑ ให้รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลงั รักษาการตามพระราช กาหนดน้ี ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชกาหนดฉบบั น้ี คือ โดยที่ พระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั ิ การธนาคารพาณิชย์ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ ยงั มีมาตรการไม่เพียงพอแก่การควบคุม และกากบั การประกอบธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ และขาดมาตรการที่เหมาะสมในการ ช่วยแกไ้ ขปัญหาของธนาคารพาณิชยห์ ากจะพงึ มีข้ึน สมควรที่จะตอ้ งปรับปรุงแกไ้ ข กฎหมายดงั กล่าวให้มีประสิทธิภาพและสอดคลอ้ งเหมาะสมกบั ภาวการณ์ท่ีได้ เปล่ียนแปลงไปเพื่อเป็นการคุม้ ครองประโยชนข์ องประชาชนและก่อให้เกิดเสถียรภาพ ในระบบธนาคารพาณิชยอ์ ยา่ งแทจ้ ริง รวมท้งั เพ่อื ประโยชน์แก่การพฒั นาเศรษฐกิจ ของประเทศเป็นส่วนรวม และโดยท่ีเป็นกรณีฉุกเฉินท่ีมีความจาเป็นรีบด่วนในอนั ที่ จะรักษาความมนั่ คงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชกาหนดน้ี [๑] รก.๒๕๒๘/๑๗๗/๑พ/๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๘