พระราชกาหนด แก้ไขเพม่ิ เตมิ พระราชบญั ญตั กิ ารธนาคารพาณชิ ย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๔๑
พระราชกาหนด แก้ไขเพมิ่ เตมิ พระราชบญั ญตั กิ ารธนาคารพาณชิ ย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๑ ภมู ิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นปี ท่ี ๕๓ ในรัชกาลปัจจบุ นั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราช โองการโปรดเกลา้ ฯ ให้ประกาศวา่ โดยที่เป็นการสมควรแกไ้ ขเพิ่มเติมกฎหมายวา่ ดว้ ยการธนาคารพาณิชย์ อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๒๑๘ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชกาหนดข้ึนไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี มาตรา ๑ พระราชกาหนดน้ีเรียกวา่ “พระราชกาหนดแกไ้ ขเพิม่ เติม พระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๑” มาตรา ๒[๑] พระราชกาหนดน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป
มาตรา ๓ ใหเ้ พิม่ ความตอ่ ไปน้ีเป็นมาตรา ๓ ทวิ แห่งพระราชบญั ญตั ิการ ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ “มาตรา ๓ ทวิ พระราชบญั ญตั ิน้ีเป็นกฎหมายเกี่ยวกบั การจากดั เสรีภาพ ในเคหสถาน สิทธิในทรัพยส์ ินของบุคคล และเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือ ประกอบอาชีพ ซ่ึงตราข้ึนโดยอาศยั อานาจตามมาตรา ๓๕ วรรคสอง มาตรา ๔๘ และ มาตรา ๕๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย” มาตรา ๔ ใหเ้ พิม่ ความตอ่ ไปน้ีเป็นบทนิยามคาว่า “สถาบนั การเงิน” ระหวา่ งบทนิยามคาวา่ “บตั รเงินฝาก” และบทนิยามคาวา่ “รัฐมนตรี” ใน มาตรา ๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ “ “สถาบนั การเงิน” หมายความว่า (๑) บริษทั เงินทุน บริษทั เงินทนุ หลกั ทรัพย์ และบริษทั เครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลกั ทรัพย์ และธุรกิจ เครดิตฟองซิเอร์ (๒) นิติบคุ คลอ่ืนที่รัฐมนตรีกาหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา” มาตรา ๕ ให้เพิ่มความตอ่ ไปน้ีเป็นมาตรา ๓๘ ทวิ มาตรา ๓๘ ตรี มาตรา ๓๘ จตั วา มาตรา ๓๘ เบญจ มาตรา ๓๘ ฉ และมาตรา ๓๘ สตั ต แห่งพระราชบญั ญตั ิ การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ “มาตรา ๓๘ ทวิ ในกรณีท่ีธนาคารพาณิชยค์ วบกิจการเขา้ ดว้ ยกนั หรือ ควบกิจการเขา้ กบั สถาบนั การเงิน ไมม่ ีผลเป็นการโอนใบอนุญาตของธนาคารพาณิชย์ เดิมไปเป็นของธนาคารพาณิชยใ์ หมห่ รือสถาบนั การเงิน มาตรา ๓๘ ตรี การโอนกิจการของธนาคารพาณิชยท์ ้งั หมดหรือ บางส่วนท่ีสาคญั ใหแ้ ก่ธนาคารพาณิชยอ์ ื่นหรือสถาบนั การเงิน ตอ้ งไดร้ ับความ เห็นชอบจากรัฐมนตรี
เมื่อไดร้ ับความเห็นชอบการโอนกิจการจากรัฐมนตรีแลว้ ใหด้ าเนินการ โอนกิจการได้ ท้งั น้ีการโอนสิทธิเรียกร้องในการโอนกิจการน้ีไมต่ อ้ งบอกกล่าวการ โอนไปยงั ลูกหน้ีตามมาตรา ๓๐๖ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ แตไ่ ม่ กระทบกระเทือนสิทธิของลูกหน้ีท่ีจะยกขอ้ ตอ่ สู้ตามมาตรา ๓๐๘ วรรคสอง แห่ง ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๓๘ จตั วา ในกรณีท่ีธนาคารพาณิชยใ์ ดมีความจาเป็นเร่งด่วนท่ีจะ ควบกิจการกบั ธนาคารพาณิชยอ์ ื่นหรือสถาบนั การเงินหรือโอนกิจการท้งั หมดหรือ บางส่วนท่ีสาคญั ใหแ้ ก่ธนาคารพาณิชยอ์ ื่นหรือสถาบนั การเงินเพ่ือเสริมสร้างความ มนั่ คงของระบบสถาบนั การเงิน ใหค้ ณะกรรมการธนาคารพาณิชยน์ ้นั จดั ทาโครงการ แสดงรายละเอียดการดาเนินงานเสนอตอ่ รัฐมนตรี ถา้ รัฐมนตรีโดยคาแนะนาของ ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบกบั โครงการดงั กล่าว ให้รัฐมนตรีประกาศการให้ ความเห็นชอบในราชกิจจานุเบกษา ท้งั น้ี ในประกาศดงั กล่าวจะกาหนดระยะเวลา ดาเนินการและเง่ือนไขใด ๆ กไ็ ด้ ในการดาเนินการตามโครงการที่ไดร้ ับความเห็นชอบตามวรรคหน่ึง ถา้ ธนาคารพาณิชยห์ รือสถาบนั การเงินที่เก่ียวขอ้ งจาเป็นตอ้ งดาเนินการท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั บทบญั ญตั ิดงั ตอ่ ไปน้ี ให้ไดร้ ับยกเวน้ มิให้นาบทบญั ญตั ิดงั กล่าวมาใชบ้ งั คบั แลว้ แต่ กรณี (๑) มาตรา ๒๓๗ มาตรา ๑๑๑๗ มาตรา ๑๑๘๕ มาตรา ๑๒๒๐ มาตรา ๑๒๒๒ มาตรา ๑๒๒๔ มาตรา ๑๒๒๕ มาตรา ๑๒๒๖ และมาตรา ๑๒๔๐ แห่ง ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ (๒) มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๒ มาตรา ๑๐๒ ประกอบกบั มาตรา ๓๓ วรรค สอง มาตรา ๑๓๗ มาตรา ๑๓๙ วรรคหน่ึง มาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๑ มาตรา ๑๔๗ และ มาตรา ๑๔๘ แห่งพระราชบญั ญตั ิบริษทั มหาชนจากดั พ.ศ. ๒๕๓๕
(๓) มาตรา ๙๔ (๒) มาตรา ๑๑๔ และมาตรา ๑๑๕ แห่งพระราชบญั ญตั ิ ลม้ ละลาย พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๓ ท้งั น้ี เฉพาะท่ีเกี่ยวกบั การโอนทรัพยส์ ินหรือการ กระทาใด ๆ เก่ียวกบั ทรัพยส์ ินเนื่องในการควบกิจการหรือโอนกิจการ ในกรณีท่ีมีความเสียหายเกิดข้ึนแก่บุคคลใดในการดาเนินการตามวรรค สอง ธนาคารพาณิชยแ์ ละสถาบนั การเงินท่ีควบกนั หรือท่ีรับโอนกิจการตอ้ งร่วมกนั รับผิดชอบชดใชค้ ่าเสียหายที่เกิดข้ึนน้นั มาตรา ๓๘ เบญจ เม่ือไดม้ ีประกาศการใหค้ วามเห็นชอบของรัฐมนตรี ตามมาตรา ๓๘ จตั วา แลว้ ให้ธนาคารพาณิชยแ์ ละสถาบนั การเงินที่จะควบกิจการหรือ โอนหรือรับโอนกิจการ จดั ให้มีการประชุมผถู้ ือหุน้ เพ่อื พิจารณาการควบกิจการหรือ โอนหรือรับโอนกิจการ ในการน้ีมิใหน้ าบทกฎหมายเก่ียวกบั การประชุมผถู้ ือหุ้นเพือ่ ควบกิจการหรือโอนหรือรับโอนกิจการของธนาคารพาณิชยห์ รือสถาบนั การเงินน้นั มา ใชบ้ งั คบั และให้ธนาคารพาณิชยแ์ ละสถาบนั การเงินน้นั งดรับลงทะเบียนการโอนหุ้น เมื่อพน้ เจด็ วนั นบั แตว่ นั ที่มีประกาศการให้ความเห็นชอบของรัฐมนตรีตามมาตรา ๓๘ จตั วา จนถึงวนั ประชุมผถู้ ือหุ้น และเรียกประชุมผถู้ ือหุน้ โดยจดั ส่งหนงั สือนดั ใหผ้ ถู้ ือ หุน้ ทราบล่วงหนา้ ไม่นอ้ ยกวา่ เจด็ วนั แตต่ อ้ งไม่เกินสิบสี่วนั ท้งั น้ี ให้โฆษณาคาบอก กล่าวนดั ประชุมในระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์และโฆษณาในหนงั สือพิมพร์ ายวนั ที่ แพร่หลายอยา่ งนอ้ ยหน่ึงฉบบั เป็นระยะเวลาไมน่ อ้ ยกว่าสามวนั ก่อนวนั ประชุมดว้ ย ใน การประชุมถา้ มีคะแนนเสียงเห็นชอบดว้ ยไมน่ อ้ ยกวา่ สามในส่ีของจานวนเสียงของผู้ ถือหุน้ ซ่ึงมาประชุม ใหถ้ ือวา่ การควบกิจการหรือโอนหรือรับโอนกิจการน้นั เป็นการ ชอบดว้ ยกฎหมาย ในกรณีท่ีหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจมีหุน้ ในธนาคารพาณิชยห์ รือ สถาบนั การเงินใดไมต่ ่ากวา่ ร้อยละเกา้ สิบ เม่ือไดม้ ีประกาศการให้ความเห็นชอบของ รัฐมนตรีตามมาตรา ๓๘ จตั วา แลว้ ใหถ้ ือวา่ การใหค้ วามเห็นชอบของรัฐมนตรีเป็นมติ ของท่ีประชุมผถู้ ือหุน้ และการควบกิจการหรือโอนหรือรับโอนกิจการน้นั เป็ นการ ชอบดว้ ยกฎหมายโดยไม่ตอ้ งดาเนินการตามวรรคหน่ึง
หา้ มมิใหบ้ ุคคลใดฟ้ องธนาคารพาณิชยแ์ ละสถาบนั การเงินตามมาตรา ๓๘ จตั วา เป็นคดีลม้ ละลายในระหวา่ งการดาเนินการเพ่ือควบกิจการหรือโอนกิจการ ตามท่ีไดม้ ีประกาศการใหค้ วามเห็นชอบของรัฐมนตรีตามมาตรา ๓๘ จตั วา ให้ธนาคารพาณิชยแ์ ละสถาบนั การเงินตามมาตรา ๓๘ จตั วา ไดร้ ับ ยกเวน้ คา่ ธรรมเนียมและภาษีอากรตา่ ง ๆ บรรดาท่ีเกิดจากควบกิจการหรือโอนกิจการ ท้งั หมดหรือบางส่วนตามท่ีคณะรัฐมนตรีกาหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดย จะกาหนดเป็นการทว่ั ไปหรือเป็นการเฉพาะรายกไ็ ด้ คณะกรรมการของสถาบนั การเงินที่ควบกนั แลว้ มีสิทธิยน่ื ขอจดทะเบียน การควบกิจการไดภ้ ายในสิบส่ีวนั นบั แต่วนั ที่ไดม้ ีประกาศการใหค้ วามเห็นชอบของ รัฐมนตรีตามมาตรา ๓๘ จตั วา มาตรา ๓๘ ฉ ในการควบกิจการของธนาคารพาณิชยเ์ ขา้ ดว้ ยกนั หรือควบ กิจการเขา้ กบั สถาบนั การเงิน หรือโอนกิจการของธนาคารพาณิชยใ์ ห้แก่ธนาคาร พาณิชยอ์ ่ืนหรือสถาบนั การเงิน หากมีการโอนสินทรัพยท์ ี่มีหลกั ประกนั อยา่ งอ่ืนท่ีมิใช่ สิทธิจานอง สิทธิจานา หรือสิทธิอนั เกิดข้ึนแตก่ ารค้าประกนั ใหห้ ลกั ประกนั น้นั ตกแก่ ธนาคารพาณิชยห์ รือสถาบนั การเงินที่ควบกนั หรือที่รับโอนกิจการแลว้ แต่กรณี มาตรา ๓๘ สตั ต ในการควบกิจการของธนาคารพาณิชยเ์ ขา้ ดว้ ยกนั หรือ ควบกิจการเขา้ กบั สถาบนั การเงิน หรือโอนกิจการของธนาคารพาณิชยใ์ ห้แก่ธนาคาร พาณิชยอ์ ่ืนหรือสถาบนั การเงิน ถา้ มีการฟ้ องบงั คบั สิทธิเรียกร้องเป็นคดีอยใู่ นศาล ให้ ธนาคารพาณิชยห์ รือสถาบนั การเงินท่ีควบกนั หรือที่รับโอนกิจการ แลว้ แต่กรณี เขา้ สวมสิทธิเป็นคูค่ วามแทนในคดีดงั กล่าว และอาจนาพยานหลกั ฐานใหม่มาแสดง คดั คา้ นเอกสารท่ีไดย้ นื่ ไวแ้ ลว้ ถามคา้ นพยานท่ีสืบมาแลว้ และคดั คา้ นพยานหลกั ฐานท่ี ไดส้ ืบไปแลว้ ไดแ้ ละในกรณีท่ีศาลไดม้ ีคาพิพากษาบงั คบั ตามสิทธิเรียกร้องน้นั แลว้ ก็ ให้เขา้ สวมสิทธิเป็นเจา้ หน้ีตามคาพิพากษาน้นั ”
ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภยั นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชกาหนดฉบบั น้ี คือ โดยที่การแกไ้ ข ปัญหาเก่ียวกบั ฐานะหรือการดาเนินงานของธนาคารพาณิชย์ เพ่ือใหเ้ กิดความมนั่ คง และเขม้ แขง็ จาเป็นตอ้ งให้ธนาคารพาณิชยส์ ามารถควบกิจการเขา้ ดว้ ยกนั หรือควบ กิจการเขา้ กบั สถาบนั การเงินอ่ืน หรือโอนกิจการระหวา่ งกนั หรือกบั สถาบนั การเงินอื่น ได้ จึงจาเป็นตอ้ งมีกฎหมายเพ่อื แกไ้ ขปัญหาดงั กล่าว และโดยที่เป็นกรณีฉุกเฉินท่ีมี ความจาเป็นรีบด่วนอนั มิอาจหลีกเล่ียงไดใ้ นอนั ท่ีจะรักษาความมน่ั คงทางเศรษฐกิจ ของประเทศ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชกาหนดน้ี [๑] รก.๒๕๔๑/๕๑ก/๔/๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๑
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: