ราชกิจจานเุ บกษา พระราชบัญญัติ พฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐
พระราชบัญญัติ พฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นปี ที่ ๕๒ ในรัชกาลปัจจุบนั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยทเ่ี ป็นการสมควรมีกฎหมายวา่ ดว้ ยการพฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแห่งชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ิข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและ ยนิ ยอมของรัฐสภา ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั ิน้ีเรียกว่า “พระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐” มาตรา ๒[๑] พระราชบญั ญตั ิน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั เม่ือพน้ หกสิบวนั นบั แต่วนั ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๓[๒] ในพระราชบญั ญตั ิน้ี “มาตรวิทยา” หมายความวา่ ศาสตร์เกี่ยวกบั การวดั ปริมาณและการประยกุ ตใ์ ช้ ศาสตร์น้นั และใหห้ มายความรวมถึงกิจกรรมทางวทิ ยาศาสตร์ทเี่ ก่ียวกบั การสอบเทียบ ปรับต้งั ความถูกตอ้ งของเครื่องมือและอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการวดั ปริมาณหรือวเิ คราะห์ทดสอบ “มาตรฐานการวดั แห่งชาติ” หมายความวา่ มาตรฐานของระบบเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวสั ดุอา้ งองิ ท่ใี ชใ้ นการวดั ปริมาณ ที่มีวธิ ีการเก็บรักษา วธิ ีการใชง้ านตามวิธีการมาตรฐาน
ระหว่างประเทศ รวมถึงมาตรฐานการวดั มาตรฐานอา้ งอิง วสั ดุอา้ งอิง ท่ีใชส้ าหรับกาหนดค่า พ้ืนฐานของปริมาณใหก้ บั ปริมาณวดั ทีเ่ กี่ยวขอ้ งในประเทศ ทเี่ ก็บรักษาไวโ้ ดยสถาบนั มาตร วทิ ยาแห่งชาติ หรือหน่วยงานของรัฐที่สถาบนั มาตรวิทยาแห่งชาติมอบหมายเพ่ือเป็ นพ้ืนฐาน ในการกาหนดค่าปริมาณไปยงั มาตรฐานการวดั อนื่ ๆ สาหรับชนิดของปริมาณวดั ท่เี กี่ยวขอ้ ง และสามารถสอบกลบั ไดไ้ ปยงั มาตรฐานการวดั ระหวา่ งประเทศเพื่อใชอ้ า้ งอิงเป็นมาตรฐานทีม่ ี ความถูกตอ้ งสูงสุดของประเทศ “การวดั ปริมาณ” หมายความวา่ การวดั ปริมาณของหน่วยวดั ทางวิทยาศาสตร์ที่ กาหนดใหใ้ ชเ้ ป็นหน่วยวดั ตามระบบหน่วยวดั ระหว่างประเทศ เช่น ปริมาณความยาว มวล เวลา กระแสไฟฟ้า อณุ หภมู ิ ความเขม้ ของแสง และปริมาณสาร “การพฒั นาระบบมาตรวทิ ยา” หมายความวา่ การศึกษา คน้ ควา้ และวิจยั ทาง วทิ ยาศาสตร์เก่ียวกบั เคร่ืองมือ อปุ กรณ์ หรือวสั ดุอา้ งอิงท่ใี ชใ้ นการวดั ปริมาณ เพอ่ื ใหเ้ คร่ืองมือ อุปกรณ์ หรือวสั ดุอา้ งองิ ดงั กล่าว มีความถูกตอ้ งตามมาตรฐานระหว่างประเทศ รวมถึงกิจกรรมท่ี ส่งเสริมใหม้ กี ารถ่ายทอดความถูกตอ้ งของการวดั ปริมาณ การจดั หาและบารุงรักษาเคร่ืองมือ อปุ กรณ์ หรือวสั ดุอา้ งอิงทใี่ ชใ้ นการวดั ปริมาณ “มาตรฐานอา้ งอิง” หมายความวา่ มาตรฐานการวดั ที่องคก์ รหรือหน่วยงานใช้ เป็นมาตรฐานเพื่อการสอบเทยี บกบั มาตรฐานการวดั อ่นื ๆ สาหรับปริมาณที่กาหนด “วสั ดุอา้ งอิง” หมายความวา่ วสั ดุหรือสารมาตรฐานทมี่ ีการระบสุ มบตั ิเฉพาะ ซ่ึง สมบตั ิเฉพาะน้นั มีความเป็นเน้ือเดียวและเสถียรพอเพยี ง ซ่ึงจดั เตรียมข้ึนมาสาหรับใชใ้ นการวดั หรือการตรวจสอบสมบตั ิเชิงคุณภาพ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนเพือ่ การพฒั นาระบบมาตรวทิ ยา “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการมาตรวทิ ยาแห่งชาติ “สถาบนั ” หมายความวา่ สถาบนั มาตรวทิ ยาแห่งชาติ “ผอู้ านวยการ” หมายความวา่ ผอู้ านวยการสถาบนั มาตรวทิ ยาแห่งชาติ “รัฐมนตรี” หมายความวา่ รัฐมนตรีผรู้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรา ๔[๓] ใหม้ ีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกวา่ “คณะกรรมการมาตรวิทยา แห่งชาติ” ประกอบดว้ ย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และ นวตั กรรม เป็นประธานกรรมการ
(๒) ปลดั กระทรวงการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม เป็นรอง ประธานกรรมการ (๓) กรรมการโดยตาแหน่งจานวนเจด็ คน ไดแ้ ก่ ปลดั กระทรวงการคลงั ปลดั กระทรวงพาณิชย์ ปลดั กระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการพฒั นาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผอู้ านวยการสานกั งบประมาณ ประธานสภาหอการคา้ แห่งประเทศ ไทยหรือผแู้ ทน และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือผแู้ ทน (๔) กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิจานวนไม่เกินหา้ คนซ่ึงคณะรัฐมนตรีแต่งต้งั จากผซู้ ่ึงมี ความรู้ความสามารถความเช่ียวชาญ และประสบการณ์ดา้ นมาตรวิทยา ใหผ้ อู้ านวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ มาตรา ๕ ใหค้ ณะกรรมการมีอานาจหนา้ ทด่ี งั ต่อไปน้ี (๑) กาหนดแผนหลกั และเสนอแนะนโยบายและมาตรการเกี่ยวกบั การพฒั นา ระบบมาตรวิทยาต่อคณะรัฐมนตรี (๒) พิจารณาและเสนอต่อรัฐมนตรีในการออกประกาศตามมาตรา ๑๑ และใน การกาหนดระเบยี บตามมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๘ (๓)[๔] กาหนดระเบียบวา่ ดว้ ยการใชจ้ ่ายเงินกองทนุ ตามมาตรา ๒๒ (๔) ใหค้ าแนะนาแก่หน่วยงานและบุคคลต่าง ๆ เก่ียวกบั การใช้การเกบ็ รักษา การ สอบเทียบ การซ่อมบารุง และการดาเนินการอยา่ งอ่ืนทเ่ี กี่ยวกบั เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวสั ดุ อา้ งอิงที่ใชใ้ นการวดั ปริมาณ (๕)[๕] ออกขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ยการกาหนดตาแหน่ง อตั ราเงินเดือน ค่าจา้ ง ค่าตอบแทน สวสั ดิการและสิทธิประโยชน์อืน่ การคดั เลือก การบรรจุ การแต่งต้งั การใหไ้ ดร้ ับ เงินเดือนหรือค่าจา้ ง การออกจากงาน วนิ ยั และการลงโทษทางวินยั การร้องทกุ ขแ์ ละการอทุ ธรณ์ การลงโทษพนกั งานและลูกจา้ ง และกิจการอนื่ ดา้ นการบริหารงานบคุ คล (๖) อนุมตั ิแผนการเงินและงบประมาณประจาปี ของสถาบนั (๗) ปฏิบตั ิการอื่น ๆ ตามทีก่ ฎหมายกาหนดใหเ้ ป็นหนา้ ทขี่ องคณะกรรมการ มาตรา ๖[๖] กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิมีวาระการดารงตาแหน่งคราวละสามปี นบั แต่ วนั ทไ่ี ดร้ ับแต่งต้งั
ในกรณีกรรมการผทู้ รงคุณวุฒิพน้ จากตาแหน่งก่อนวาระ ใหค้ ณะรัฐมนตรี แต่งต้งั ผอู้ ื่นดารงตาแหน่งแทน เวน้ แต่วาระของกรรมการผทู้ รงคุณวุฒิเหลือไม่ถึงเกา้ สิบวนั จะ ไม่แต่งต้งั กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิแทนก็ได้ กรณีที่กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิท้งั หมดพน้ จากตาแหน่งก่อนวาระ ให้ คณะกรรมการประกอบดว้ ย กรรมการท้งั หมดที่มีอยจู่ นกวา่ จะมีการแต่งต้งั กรรมการ ผทู้ รงคุณวุฒิใหด้ ารงตาแหน่งแทน เม่ือครบกาหนดตามวาระในวรรคหน่ึง หากยงั มิไดม้ ีการแต่งต้งั กรรมการ ผทู้ รงคุณวุฒิข้ึนใหม่ ใหก้ รรมการผทู้ รงคุณวุฒิซ่ึงพน้ จากตาแหน่งตามวาระน้นั อยใู่ นตาแหน่ง เพอ่ื ดาเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิซ่ึงไดร้ ับแต่งต้งั ใหม่เขา้ รับหนา้ ที่ กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิซ่ึงพน้ จากตาแหน่งตามวาระ อาจไดร้ ับแต่งต้งั อกี ไดแ้ ต่จะ ดารงตาแหน่งติดต่อกนั เกินสองวาระไม่ได้ มาตรา ๗ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๖ กรรมการ ผทู้ รงคุณวฒุ ิพน้ จากตาแหน่ง เม่ือ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะรัฐมนตรีใหอ้ อกเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่องหรือทจุ ริตต่อ หนา้ ท่ี หรือหยอ่ นความสามารถ (๔) เป็นบคุ คลลม้ ละลาย (๕) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ไดร้ ับโทษจาคุกโดยคาพพิ ากษาถึงที่สุดใหจ้ าคุก เวน้ แต่เป็นโทษสาหรับ ความผดิ ทไ่ี ดก้ ระทาโดยประมาท หรือความผดิ ลหุโทษ ในกรณีท่มี ีการแต่งต้งั กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิในระหว่างทกี่ รรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิ ซ่ึงแต่งต้งั ไวแ้ ลว้ ยงั มีวาระอยใู่ นตาแหน่ง ไม่วา่ จะเป็นการแต่งต้งั เพิม่ ข้ึนหรือแต่งต้งั แทน ตาแหน่งทวี่ ่าง ใหผ้ ไู้ ดร้ ับแต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการผทู้ รงคุณวุฒิเพิ่มข้ึนอยู่ ในตาแหน่งเท่ากบั วาระท่ีเหลืออยขู่ องกรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิซ่ึงไดแ้ ต่งต้งั ไวแ้ ลว้ มาตรา ๘ การประชุมของคณะกรรมการ ตอ้ งมีกรรมการมาประชุมไม่นอ้ ยกว่า ก่ึงหน่ึงของจานวนกรรมการท้งั หมดจึงจะเป็นองคป์ ระชุม ถา้ ประธานกรรมการไม่อยใู่ นที่
ประชุมหรือไม่อาจปฏิบตั ิหนา้ ท่ีได้ ใหร้ องประธานกรรมการเป็นประธานในทป่ี ระชุม ถา้ รอง ประธานกรรมการไม่อยใู่ นที่ประชุมหรือไม่อาจปฏิบตั ิหนา้ ท่ีได้ ใหก้ รรมการซ่ึงมาประชุมเลือก กรรมการคนหน่ึงเป็ นประธานในท่ีประชุม การวนิ ิจฉยั ช้ีขาดของที่ประชุมใหถ้ ือเสียงขา้ งมาก กรรมการคนหน่ึงใหม้ ีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถา้ คะแนนเสียงเท่ากนั ให้ ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิม่ ข้ึนอกี เสียงหน่ึงเป็นเสียงช้ีขาด มาตรา ๙ ใหค้ ณะกรรมการมีอานาจแต่งต้งั คณะอนุกรรมการเพ่อื พจิ ารณาหรือ ปฏิบตั ิการอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดตามท่ีคณะกรรมการมอบหมายได้ และให้นามาตรา ๘ มาใช้ บงั คบั โดยอนุโลม มาตรา ๑๐ ใหป้ ระธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ และ อนุกรรมการไดร้ ับเบ้ียประชุมและประโยชนต์ อบแทนอ่นื ตามระเบยี บทค่ี ณะรัฐมนตรีกาหนด มาตรา ๑๑[๗] เพอื่ ส่งเสริมใหม้ ีการใชเ้ คร่ืองมือ อุปกรณ์ และวสั ดุอา้ งอิงทีใ่ ชใ้ น การวดั ปริมาณท่มี ีความถูกตอ้ งตามมาตรฐานระหวา่ งประเทศ ใหร้ ัฐมนตรีมีอานาจออกประกาศ โดยคาแนะนาของคณะกรรมการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) กาหนดใหเ้ ครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวสั ดุอา้ งอิงท่ใี ชใ้ นการวดั ปริมาณเป็น เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวสั ดุอา้ งอิงท่ใี ชอ้ า้ งองิ ความถูกตอ้ งตามมาตรฐานระหวา่ งประเทศเพื่อให้ ถือเป็นมาตรฐานการวดั แห่งชาติ (๒) กาหนดหน่วยการวดั ปริมาณท่ีใชใ้ นกิจการประเภทต่าง ๆ ใหส้ อดคลอ้ งเป็น ระบบเดียวกนั และสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานระหว่างประเทศ (๓) กาหนดหลกั เกณฑม์ าตรฐานสาหรับการใช้ การเกบ็ รักษา การสอบเทียบ การ ซ่อมบารุง และการดาเนินการอยา่ งอื่นท่เี ก่ียวกบั เคร่ืองมือ อุปกรณ์ หรือวสั ดุอา้ งอิงที่ใชใ้ นการ วดั ปริมาณ (๔) กาหนดกิจการอ่ืนใดอนั จาเป็นในการปฏิบตั ิตามพระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรา ๑๒[๘] ใหส้ ถาบนั มาตรวิทยาแห่งชาติ เป็ นหน่วยงานของรัฐที่เป็ นนิติ บุคคล อยู่ภายใตก้ ารกากบั ดูแลของกระทรวงการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และ
นวตั กรรม* ซ่ึงไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบบริหารราชการแผน่ ดินและไม่ เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอน่ื และรายไดข้ องสถาบนั ใหน้ าเขา้ สมทบกองทุนโดยไม่ตอ้ งนาส่งคลงั เป็นรายไดแ้ ผน่ ดิน กิจการของสถาบนั ไม่อยภู่ ายใตบ้ งั คบั แห่งกฎหมายวา่ ดว้ ยการคุม้ ครองแรงงาน กฎหมายวา่ ดว้ ยแรงงานสัมพนั ธ์ และกฎหมายวา่ ดว้ ยเงินทดแทน แต่พนกั งานและลูกจา้ งของ สถาบนั ตอ้ งไดร้ ับการคุม้ ครองและประโยชน์ตอบแทนไม่นอ้ ยกว่าท่ีกาหนดไวใ้ นกฎหมาย ดงั กล่าว ท้งั น้ี พนกั งานและลูกจา้ งทีพ่ น้ จากตาแหน่งดว้ ยเหตุมีอายคุ รบตามท่ีกาหนด ใหถ้ ือว่า เป็นการพน้ จากตาแหน่งตามกาหนดเวลาในสญั ญาจา้ ง ทรัพยส์ ินของสถาบนั ไม่อยใู่ นความรับผดิ แห่งการบงั คบั คดี มาตรา ๑๓[๙] สถาบนั มีวตั ถุประสงคด์ งั ต่อไปน้ี (๑) พฒั นาระบบมาตรวทิ ยา จดั หาและเกบ็ รักษามาตรฐานการวดั แห่งชาติ วสั ดุ อา้ งอิง มาตรฐานของประเทศทุกสาขา เพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั ระบบหน่วยวดั ระหวา่ งประเทศ รวมถึงการถ่ายทอดความถูกตอ้ งของการวดั ปริมาณไปสู่ผใู้ ชง้ าน (๒) ดาเนินการและสนบั สนุนในการวิเคราะห์ ทดสอบ และสอบเทยี บ ที่ เก่ียวขอ้ งกบั กิจกรรมการวดั ปริมาณของประเทศ (๓) ดาเนินการและสนบั สนุนการพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐานดา้ นคุณภาพของ ผลิตภณั ฑแ์ ละบริการเพอื่ การยอมรับในระหวา่ งประเทศ (๔) ส่งเสริมการประกอบวิชาชีพดา้ นมาตรวิทยาและความสามารถของ หอ้ งปฏิบตั ิการวเิ คราะห์ทดสอบ และสอบเทียบ มาตรา ๑๔[๑๐] สถาบนั มีอานาจหนา้ ที่กระทากิจการต่าง ๆ ภายในวตั ถุประสงค์ ตามมาตรา ๑๓ และอานาจเช่นว่าน้ี ใหร้ วมถึง (๑) บริหารกองทนุ ตามกฎหมาย และระเบียบทีค่ ณะกรรมการกาหนด (๒) ศึกษา สารวจ และวิเคราะห์ทางวิชาการต่าง ๆ เพื่อใชเ้ ป็นพ้ืนฐานในการ วางเป้าหมาย นโยบาย และจดั ทาแผนงานโครงการและมาตรการต่าง ๆ ในการพฒั นาระบบมาตร วิทยาของประเทศ แลว้ เสนอต่อคณะกรรมการเพือ่ พจิ ารณา
(๓) ออกใบรับรองผลการวดั ปริมาณทไี่ ดจ้ ากการวดั วเิ คราะห์ ทดสอบ หรือสอบ เทยี บใหก้ บั เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวสั ดุอา้ งอิง ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่ สถาบนั กาหนด (๔) ศึกษา พฒั นาเทคโนโลยกี ารวดั ปริมาณ และสนบั สนุนการวจิ ยั และพฒั นา ดา้ นมาตรวทิ ยาของภาครัฐ ผปู้ ระกอบการภาคเอกชน และสถาบนั การศึกษา ส่งเสริมความ ร่วมมือในกิจกรรมดา้ นน้ีระหวา่ งภาครัฐกบั ภาคเอกชน และสถาบนั การศึกษา ท้งั ในประเทศและ ต่างประเทศ (๕) มอบหมายใหห้ น่วยงานของรัฐทมี่ ีมาตรฐานและความสามารถดา้ นมาตร วิทยาเป็นตวั แทนในกิจกรรมดา้ นมาตรวิทยาในระดบั ระหว่างประเทศเพือ่ ใหเ้ ป็นไปตาม วตั ถุประสงคข์ องสถาบนั (๖) สนบั สนุนการมีส่วนร่วมของหอ้ งปฏิบตั ิการวิเคราะห์ ทดสอบ และสอบ เทยี บ ในกิจกรรมดา้ นมาตรวิทยาและระบบการถ่ายทอดความถูกตอ้ ง การใหบ้ ริการขอ้ มูลและ การใหค้ าปรึกษาทางเทคโนโลยกี ารวดั ปริมาณ และการใหบ้ ริการอ่นื ๆ ในส่วนที่เก่ียวกบั มาตร วิทยา (๗) ดาเนินการและสนบั สนุนการเพิ่มสมรรถนะในการศึกษา พฒั นาเทคโนโลยี การวดั ปริมาณ ระบบการถ่ายทอดความถูกตอ้ งของเคร่ืองมือและอปุ กรณ์การวดั ปริมาณ หรือ ความสามารถสอบกลบั ได้ ตลอดจนการจดั โครงการลงทนุ และโครงการทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การรับ เทคโนโลยดี า้ นมาตรวทิ ยาจากต่างประเทศเพอื่ ใหร้ ะบบมาตรวิทยาของประเทศมีประสิทธิภาพ เช่ือถือไดแ้ ละเป็ นทยี่ อมรับในระบบหน่วยวดั ระหว่างประเทศ (๘) ดาเนินการและส่งเสริมการพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานดา้ นมาตรวทิ ยาของ ประเทศ รวมท้งั การพฒั นากาลงั คนท้งั ในภาครัฐและภาคเอกชน (๙) รับผดิ ชอบงานธุรการของคณะกรรมการ และปฏิบตั ิงานอ่ืนใดตามทีก่ ฎหมาย กาหนดใหเ้ ป็นหนา้ ท่ขี องสถาบนั และงานตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมาย (๑๐) จดั ใหไ้ ดม้ า ถือกรรมสิทธ์ิ เช่า ใหเ้ ช่า เช่าซ้ือ ใหเ้ ช่าซ้ือ ยมื ใหย้ มื แลกเปล่ียน โอน รับโอน และขายหรือจาหน่ายดว้ ยวธิ ีใด ๆ ซ่ึงอสงั หาริมทรัพยห์ รือสงั หาริมทรพั ย์ รวมท้งั หลกั ทรัพยต์ ่าง ๆ ตลอดจนรับทรัพยส์ ินทม่ี ีผมู้ อบหรืออทุ ศิ ให้ (๑๑) เรียกค่าตอบแทนการใชป้ ระโยชนจ์ ากการศึกษา พฒั นาเทคโนโลยี การวดั ปริมาณ หรือความสามารถสอบกลบั ได้ การอนุญาตใหใ้ ชท้ รัพยส์ ินทางปัญญา การจาหน่าย
ผลิตผลทไ่ี ดจ้ ากการดาเนินงานและค่าบริการในการใหบ้ ริการ รวมท้งั ทาความตกลงและกาหนด เงื่อนไขเก่ียวกบั ค่าตอบแทนและค่าบริการน้นั ท้งั น้ี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ (๑๒) ทาความตกลงและร่วมมือกบั องคก์ ารหรือหน่วยงานในประเทศและ ต่างประเทศในกิจการที่เกี่ยวกบั การศึกษา พฒั นาเทคโนโลยกี ารวดั ปริมาณ และความสามารถ สอบกลบั ได้ (๑๓) จดั ใหม้ ีและใหท้ ุนเพ่ือสนบั สนุนการศึกษา พฒั นาเทคโนโลยกี ารวดั ปริมาณ หรือความสามารถสอบกลบั ได้ และการประดิษฐ์หรือพฒั นาเคร่ืองมือหรืออปุ กรณ์การวดั ปริมาณ หรือความรู้เทคโนโลยที ีใ่ ชเ้ ป็นมาตรฐานในกิจการดา้ นมาตรวิทยา (๑๔) เขา้ ร่วมกิจการหรือร่วมลงทนุ กบั บุคคลอื่น หรือถือหุน้ ในบริษทั จากดั หรือ บริษทั มหาชนจากดั เพอ่ื ประโยชนแ์ ก่การพฒั นาระบบมาตรวทิ ยาของประเทศ (๑๕) กูย้ มื เงิน ใหก้ ูย้ มื เงิน โดยมีหลกั ประกนั ดว้ ยบคุ คลหรือทรัพยส์ ิน ท้งั น้ี เพื่อ การศึกษา พฒั นาเทคโนโลยกี ารวดั ปริมาณ และการบริการวเิ คราะห์ ทดสอบ หรือสอบเทียบ ความถูกตอ้ งของเครื่องมือและอปุ กรณ์การวดั ปริมาณ (๑๖) กระทาการอ่ืนใดอนั จาเป็นในการปฏิบตั ิตามพระราชบญั ญตั ิน้ี การกยู้ มื เงิน การใหก้ ยู้ มื เงิน หรือการลงทนุ ตามวรรคหน่ึง ใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บ ทร่ี ัฐมนตรีกาหนด หากเกินวงเงินที่กาหนดไวใ้ นระเบียบ ตอ้ งไดร้ ับความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรีก่อน มาตรา ๑๕ ใหส้ ถาบนั มีผอู้ านวยการคนหน่ึง ซ่ึงคณะกรรมการเป็นผแู้ ต่งต้งั โดย ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ผอู้ านวยการมีวาระอยใู่ นตาแหน่งคราวละสี่ปี นบั แต่วนั ทไี่ ดร้ ับแต่งต้งั และอาจ ไดร้ ับแต่งต้งั อกี ไดแ้ ต่ตอ้ งไม่เกินสองวาระติดต่อกนั ใหผ้ อู้ านวยการไดร้ ับเงินเดือนและประโยชนต์ อบแทนอนื่ ตามทคี่ ณะกรรมการ กาหนด[๑๑] มาตรา ๑๖ ผอู้ านวยการตอ้ ง (๑) มีสญั ชาติไทย (๑/๑)[๑๒] มีอายไุ ม่เกินหกสิบหา้ ปี บริบรู ณ์ (๒) มีความสามารถในการบริหารและความรู้ดา้ นมาตรวิทยา
(๓) สามารถทางานใหส้ ถาบนั ไดเ้ ตม็ เวลา (๔) ไม่เป็นบคุ คลลม้ ละลาย (๕) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมอื นไร้ความสามารถ (๖) ไม่เคยตอ้ งโทษจาคุกโดยคาพพิ ากษาถึงทสี่ ุดใหจ้ าคุก เวน้ แต่ในความผดิ ทไ่ี ด้ กระทาโดยประมาทหรือความผดิ ลหุโทษ (๗) ไม่เป็นขา้ ราชการประจา พนกั งานรัฐวสิ าหกิจ พนกั งานส่วนทอ้ งถิ่น ผบู้ ริหารทอ้ งถ่ิน ขา้ ราชการการเมือง สมาชิกสภาทอ้ งถ่ิน หรือสมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแห่งรัฐ (๘)[๑๓] ไม่เป็นผมู้ ีส่วนไดเ้ สียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางออ้ มในกิจการทีเ่ ก่ียวขอ้ ง กบั สถาบนั หรือกิจการท่ีขดั หรือแยง้ กบั วตั ถปุ ระสงคข์ องสถาบนั มาตรา ๑๗ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๕ วรรคสอง ผอู้ านวยการอาจพน้ จากตาแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะกรรมการใหอ้ อกโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (๔) ขาดคุณสมบตั ิหรือมีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๑๖ การขาดคุณสมบตั ิตามมาตรา ๑๖ (๑/๑) ใหถ้ ือวา่ เป็นการพน้ จากตาแหน่งตาม กาหนดเวลาในสญั ญาจา้ ง[๑๔] มาตรา ๑๘ ผอู้ านวยการมีหนา้ ที่บริหารกิจการของสถาบนั ใหเ้ ป็นไปตาม วตั ถุประสงคแ์ ละอานาจหนา้ ท่ขี องสถาบนั และตามนโยบาย ขอ้ บงั คบั และระเบียบท่ี คณะกรรมการหรือรัฐมนตรีกาหนดกบั มีอานาจบงั คบั บญั ชาพนกั งานและลูกจา้ งทกุ ตาแหน่ง ผอู้ านวยการตอ้ งรับผดิ ชอบต่อคณะกรรมการในการบริหารกิจการของสถาบนั มาตรา ๑๙ ในกิจการท่ีเก่ียวกบั บคุ คลภายนอก ใหผ้ อู้ านวยการเป็นผแู้ ทนสถาบนั และเพอื่ การน้ีผอู้ านวยการอาจมอบหมายใหพ้ นกั งานคนหน่ึงคนใดปฏิบตั ิการบางอยา่ งแทนได้ ในเม่ือไม่ขดั ต่อระเบียบทคี่ ณะกรรมการกาหนด การกระทาของผอู้ านวยการทีฝ่ ่าฝืนระเบียบตามวรรคหน่ึง ยอ่ มไม่ผกู พนั สถาบนั เวน้ แต่คณะกรรมการจะใหส้ ัตยาบนั
ระเบยี บที่จากดั อานาจของผอู้ านวยการในการทากิจกรรมตามวรรคหน่ึง ให้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๒๐ เมื่อตาแหน่งผอู้ านวยการวา่ งลงใหค้ ณะกรรมการแต่งต้งั พนกั งานใน สถาบนั คนหน่ึงคนใดเป็นผทู้ าการแทนชวั่ คราว ในการทาการแทนผอู้ านวยการตามมาตราน้ีใหผ้ ทู้ าการแทนมีอานาจหนา้ ที่ เช่นเดียวกบั ผอู้ านวยการ มาตรา ๒๑ ใหจ้ ดั ต้งั กองทุนข้ึนกองทนุ หน่ึงในสถาบนั เรียกว่า “กองทุนเพื่อการ พฒั นาระบบมาตรวทิ ยา” ประกอบดว้ ย (๑) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจดั สรรให้ (๒) เงินและทรัพยส์ ินในส่วนทไ่ี ดร้ ับโอนจากสถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย (๓) เงินและทรัพยส์ ินท่ีไดร้ ับโอนจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละส่ิงแวดลอ้ ม (๔) เงินอดุ หนุนทีร่ ัฐบาลจดั สรรใหจ้ ากงบประมาณแผน่ ดินประจาปี (๕) เงินอดุ หนุนจากต่างประเทศและองคก์ รระหว่างประเทศ (๖) เงินหรือทรัพยส์ ินท่มี ีผมู้ อบใหส้ มทบกองทุน (๗) ดอกผลหรือรายไดข้ องกองทนุ (๘)[๑๕] ผลประโยชนจ์ ากค่าตอบแทนการใชป้ ระโยชนจ์ ากการศึกษา พฒั นา เทคโนโลยกี ารวดั ปริมาณหรือความสามารถสอบกลบั ได้ การอนุญาตใหใ้ ชท้ รัพยส์ ินทางปัญญา การจาหน่ายผลิตผลทไี่ ดจ้ ากการดาเนินงาน และจากคา่ บริการ (๙) เงินและทรัพยส์ ินอ่ืนทตี่ กเป็นของกองทุน ในกรณีกองทนุ มีจานวนเงินไม่พอสาหรับค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงานของสถาบนั และค่าภาระต่าง ๆ ท่เี หมาะสม และกองทนุ ไม่สามารถหาเงินจากแหล่งอนื่ ได้ รัฐพงึ จดั สรรเงิน งบประมาณแผน่ ดินเขา้ สมทบกองทุนตามจานวนที่จาเป็น มาตรา ๒๒[๑๖] การใชจ้ ่ายเงินกองทุนใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บท่ีคณะกรรมการ กาหนด เพื่อใชใ้ นกิจการดงั ต่อไปน้ี
(๑) การดาเนินงานและสนบั สนุนการวิจยั และพฒั นาดา้ นมาตรวิทยา การพฒั นา โครงสร้างพ้ืนฐานดา้ นมาตรวทิ ยาของประเทศ การพฒั นากาลงั คน การติดตามประเมินผล การ เผยแพร่ผลงานวิจยั และการส่งเสริมการนาผลงานไปใชป้ ระโยชน์ (๒) การบริหารกองทนุ (๓) การดาเนินงานของสถาบนั (๔) การดาเนินงานของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการและ อนุกรรมการ ตลอดจนเงินเบ้ยี ประชุมและประโยชนต์ อบแทนอ่ืนของบคุ คลดงั กล่าว มาตรา ๒๓[๑๗] ใหส้ ถาบนั วางและรักษาไวซ้ ่ึงระบบบญั ชีท่ีเหมาะสมเพื่อให้ สามารถจดั ทางบการเงินแสดงฐานะการเงินและผลการดาเนินงานของสถาบนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ตามหลกั การบญั ชีทีร่ ับรองโดยทวั่ ไป ใหส้ ถาบนั จดั ทางบการเงินส่งผสู้ อบบญั ชีภายในหกสิบวนั นบั แต่วนั สิ้นปี บญั ชี เพอ่ื ตรวจสอบ ปี บญั ชีใหเ้ ป็นไปตามปี งบประมาณ ใหส้ านกั งานการตรวจเงินแผน่ ดินหรือบุคคลที่สานกั งานการตรวจเงินแผน่ ดิน ใหค้ วามเห็นชอบเป็ นผสู้ อบบญั ชีของสถาบนั และทารายงานการสอบบญั ชีเสนอต่อ คณะกรรมการ มาตรา ๒๔[๑๘] ใหส้ ถาบนั จดั ทารายงานประจาปี เสนอต่อคณะกรรมการเพือ่ เสนอต่อรัฐมนตรีโดยแสดงงบการเงินทผี่ สู้ อบบญั ชีไดต้ รวจสอบแลว้ พร้อมท้งั รายงานของ ผสู้ อบบญั ชี รวมท้งั แสดงผลงานของสถาบนั ในปี ที่ล่วงมาแลว้ ดว้ ย มาตรา ๒๕ ในระยะเร่ิมแรกเมื่อยงั ไม่มีการแต่งต้งั ผูอ้ านวยการตามมาตรา ๑๕ ให้รัฐมนตรีแต่งต้งั ขา้ ราชการหรือพนกั งานในสังกดั กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ ส่ิงแวดลอ้ ม คนหน่ึงคนใดเป็ นผูท้ าการแทนชว่ั คราวจนกว่าจะไดม้ ีการแต่งต้งั ผูอ้ านวยการ มาตรา ๒๖ ใหโ้ อนบรรดากิจการ ทรัพยส์ ิน สิทธิ หน้ี และงบประมาณ รวมท้งั พนกั งานและลูกจา้ งของสถาบนั วิจยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย ในส่วนที่
เกี่ยวกบั การปฏิบตั ิงานดา้ นมาตรวทิ ยาทีม่ ีอยใู่ นวนั ท่พี ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ไปเป็ นของ สถาบนั พนกั งานหรือลูกจา้ งผใู้ ดของสถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่ง ประเทศไทยซ่ึงปฏิบตั ิงานเกี่ยวกบั กิจการทีโ่ อนไปตามวรรคหน่ึง ถา้ ไม่สมคั รใจจะโอนไป ปฏิบตั ิงานเป็ นพนกั งานหรือลูกจา้ งของสถาบนั ใหแ้ จง้ ความจานงต่อผบู้ งั คบั บญั ชาภายใน สามสิบวนั นบั แต่วนั ทพี่ ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ใหพ้ นกั งานหรือลูกจา้ งซ่ึงโอนไปเป็นพนกั งานหรือลูกจา้ งของสถาบนั ไดร้ ับ เงินเดือนหรือค่าจา้ งรวมท้งั สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากบั ทเี่ คยไดร้ ับอยเู่ ดิมไปพลางก่อนจนกวา่ จะไดร้ ับการบรรจุและแต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งในสถาบนั โดยใหไ้ ดร้ ับเงินเดือนหรือค่าจา้ งไม่ ต่ากวา่ เงินเดือนหรือค่าจา้ งท่ไี ดร้ ับอยเู่ ดิมและใหถ้ ือวา่ เป็นการใหอ้ อกจากงานเพราะยบุ เลิก ตาแหน่ง โดยใหม้ ีสิทธิไดร้ ับเงินกองทุนสงเคราะห์ตามขอ้ บงั คบั สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยแี ห่งประเทศไทยวา่ ดว้ ยกองทุนสงเคราะห์ และหรือค่าชดเชยตามขอ้ บงั คบั สถาบนั วจิ ยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทยว่าดว้ ยสิทธิประโยชน์เก่ียวกบั ค่าชดเชยและเงินตอบแทนความชอบในการทางาน แลว้ แต่กรณี เพอ่ื ประโยชนใ์ นการนบั เวลาทางานสาหรับคานวณบาเหน็จบานาญตาม ขอ้ บงั คบั สถาบนั พนกั งานผใู้ ดซ่ึงโอนไปตามมาตราน้ีประสงคท์ จี่ ะใหน้ บั เวลาทางานในขณะท่ี เป็นพนกั งานก่อนที่จะมีการโอนเป็ นเวลาทางานของพนกั งานของสถาบนั ก็ใหม้ ีสิทธิกระทาได้ โดยแสดงความจานงวา่ ไม่ขอรับเงินกองทุนสงเคราะห์ทีไ่ ดร้ ับอยเู่ ดิม การไม่ขอรับเงินกองทุนสงเคราะห์ตามวรรคส่ี จะตอ้ งกระทาภายในสามสิบวนั นบั แต่วนั ที่โอน ท้งั น้ี การโอนตามมาตราน้ีใหเ้ ป็นไปตามที่รัฐมนตรีและสถาบนั จะไดต้ กลงกนั มาตรา ๒๗ ใหโ้ อนบรรดากิจการ ทรัพยส์ ิน สิทธิ หน้ี และงบประมาณของกรม วทิ ยาศาสตร์บริการ กระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละส่ิงแวดลอ้ ม ในส่วนทเี่ ก่ียวกบั โครงการมาตรวทิ ยาและการรับรองหอ้ งปฏิบตั ิการทางวิทยาศาสตร์ และโครงการปรับปรุงและ ขยายงานมาตรวทิ ยาทางวิทยาศาสตร์ทมี่ ีอยใู่ นวนั ทีพ่ ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ไปเป็ นของ สถาบนั ขา้ ราชการหรือลูกจา้ งผใู้ ดของกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละส่ิงแวดลอ้ ม ซ่ึงปฏิบตั ิงานเก่ียวกบั กิจการทโี่ อนไปตามวรรคหน่ึง ถา้ สมคั รใจจะ
โอนไปปฏิบตั ิงานเป็นพนกั งานหรือลูกจา้ งของสถาบนั และไดแ้ จง้ ความจานงต่อผบู้ งั คบั บญั ชาผู้ มีอานาจบรรจุและแต่งต้งั ภายในสามสิบวนั นบั แต่วนั ที่พระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ใหโ้ อน ขา้ ราชการหรือลูกจา้ งผนู้ ้นั ไปเป็นพนกั งานหรือลูกจา้ งของสถาบนั ใหข้ า้ ราชการหรือลกู จา้ งตามวรรคสอง ซ่ึงโอนไปเป็นพนกั งานหรือลูกจา้ งของ สถาบนั ไดร้ ับเงินเดือนหรือค่าจา้ งรวมท้งั สิทธิและประโยชนต์ ่าง ๆ เทา่ กบั ที่เคยไดร้ ับอยเู่ ดิมไป พลางก่อนจนกวา่ จะไดร้ ับการบรรจุและแต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งในสถาบนั โดยใหไ้ ดร้ บั เงินเดือนหรือค่าจา้ งไม่ต่ากวา่ เงินเดือนหรือค่าจา้ งท่ไี ดร้ ับอยเู่ ดิม การโอนขา้ ราชการตามวรรคสอง ใหถ้ ือว่าเป็นการใหอ้ อกจากราชการเพราะเลิก หรือยบุ ตาแหน่งตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบขา้ ราชการพลเรือน การโอนลูกจา้ งตามวรรคสอง ใหถ้ ือวา่ เป็นการใหอ้ อกจากงานเพราะทางราชการ เลิกหรือยบุ ตาแหน่งตามระเบยี บกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยลกู จา้ งประจาของส่วนราชการ ใหข้ า้ ราชการหรือลูกจา้ งซ่ึงโอนไปตามวรรคสอง ไดร้ ับบาเหน็จบานาญหรือ ค่าตอบแทนตามกฎหมายว่าดว้ ยบาเหนจ็ บานาญขา้ ราชการ หรือตามระเบยี บกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยบาเหนจ็ ลูกจา้ งแลว้ แต่กรณี เพ่ือประโยชนใ์ นการนบั เวลาการทางานสาหรับคานวณบาเหน็จหรือบานาญตาม ขอ้ บงั คบั สถาบนั ขา้ ราชการหรือลูกจา้ งผใู้ ดซ่ึงโอนไปตามวรรคสองประสงคจ์ ะใหน้ บั เวลา ราชการหรือเวลาทางานในขณะท่เี ป็นขา้ ราชการหรือลูกจา้ งก่อนทม่ี ีการโอนเป็นเวลาทางานของ พนกั งานหรือลูกจา้ งของสถาบนั แลว้ แต่กรณีกใ็ หม้ สี ิทธิกระทาไดโ้ ดยแสดงความจานงว่าไม่ ขอรับบาเหนจ็ หรือบานาญที่ไดร้ ับอยเู่ ดิม การไม่ขอรับบาเหนจ็ หรือบานาญตามวรรคเจด็ จะตอ้ งกระทาภายในสามสิบวนั นบั แต่วนั ทโ่ี อนสาหรับกรณีของขา้ ราชการใหด้ าเนินการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยบาเหนจ็ บานาญ ขา้ ราชการ สาหรับกรณีของลูกจา้ งใหก้ ระทาเป็นหนงั สือลงลายมือช่ือเป็ นหลกั ฐานยนื่ ต่อผู้ วา่ จา้ งเพ่อื ส่งต่อไปใหก้ ระทรวงการคลงั ทราบ ท้งั น้ี การโอนตามมาตราน้ีใหเ้ ป็นไปตามที่รัฐมนตรีและสถาบนั จะไดต้ กลงกนั มาตรา ๒๘[๑๙] ใหร้ ัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และ นวตั กรรมรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี และใหม้ ีอานาจออกประกาศและระเบยี บเพอ่ื ปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ประกาศและระเบียบน้นั เมื่อไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้
ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชวลิต ยงใจยทุ ธ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี คือ เน่ืองจากงานในดา้ นพฒั นา ระบบมาตรวทิ ยาของประเทศไทยยงั ไม่มีองคก์ รหลกั รับผดิ ชอบดาเนินการ ทาใหก้ ารวดั การ ตรวจสอบ การทดสอบ การสอบเทยี บเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่มี ีความสาคญั ตอ่ การผลิต และการควบคุมคุณภาพยงั ไม่สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานสากลอนั เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ นอกจากน้ีการแข่งขนั ในการทางการคา้ ระหว่างประเทศกาลงั ทวีมากข้ึน ทาใหต้ อ้ งจดั ใหม้ ี มาตรการในการสรา้ งระบบและมาตรฐานในการวดั ปริมาณของประเทศใหเ้ ป็นทยี่ อมรับจาก นานาประเทศ ดว้ ยเหตุผลดงั กล่าวจึงตอ้ งพฒั นาและส่งเสริมงานในดา้ นมาตรวิทยาใหเ้ ป็นไป อยา่ งมีประสิทธิภาพ ซ่ึงในปัจจุบนั กรมวทิ ยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดลอ้ ม และสถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานทม่ี ี หนา้ ทร่ี ับผดิ ชอบงานในดา้ นน้ี แต่เนื่องจากยงั ตอ้ งผกู พนั กบั กฎ ระเบียบ และขอ้ บงั คบั ของทาง ราชการไมม่ ีความเป็นอิสระและความคล่องตวั ในการรับการถ่ายทอดความกา้ วหนา้ ทาง เทคโนโลยที ่เี ปลี่ยนแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว สมควรสนบั สนุนใหม้ ีการจดั ต้งั หน่วยงานที่มีลกั ษณะ การบริหารงานเป็นอสิ ระมีบุคลากรทีม่ ีความรู้ความสามารถทาหนา้ ท่ีเป็นหน่วยงานหลกั ของ ประเทศสาหรับงานดา้ นน้ีภายใตก้ ารกากบั ดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละ ส่ิงแวดลอ้ ม โดยมกี องทุนซ่ึงประกอบดว้ ยทุนจากภาครัฐและแหล่งทนุ อ่นื ๆ เป็ นทุนในการ ดาเนินงาน เพ่ือใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคด์ งั กล่าว จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี พระราชกฤษฎีกาแกไ้ ขบทบญั ญตั ิใหส้ อดคลอ้ งกบั การโอนอานาจหนา้ ท่ีของส่วนราชการให้ เป็นไปตามพระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕[๒๐] มาตรา ๘๑ ในพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ให้ แกไ้ ขคาวา่ “กระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละสิ่งแวดลอ้ ม” เป็น “กระทรวงวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลย”ี คาวา่ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละ ส่ิงแวดลอ้ ม” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย”ี คาว่า “ปลดั กระทรวง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละส่ิงแวดลอ้ ม” เป็น “ปลดั กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลย”ี และคาว่า “ผแู้ ทนกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละสิ่งแวดลอ้ ม” เป็น “ผแู้ ทน กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย”ี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชกฤษฎีกาฉบบั น้ี คือ โดยทพี่ ระราชบญั ญตั ิ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ไดบ้ ญั ญตั ิใหจ้ ดั ต้งั ส่วนราชการข้ึนใหม่โดยมี ภารกิจใหม่ ซ่ึงไดม้ ีการตราพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอานาจหนา้ ทข่ี องส่วน ราชการใหเ้ ป็นไปตามพระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม น้นั แลว้ และเนื่องจาก พระราชบญั ญตั ิดงั กล่าวไดบ้ ญั ญตั ิใหโ้ อนอานาจหนา้ ท่ขี องส่วนราชการ รัฐมนตรีผดู้ ารง ตาแหน่งหรือผซู้ ่ึงปฏิบตั ิหนา้ ทใ่ี นส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่ โดยใหม้ ีการ แกไ้ ขบทบญั ญตั ิต่าง ๆ ใหส้ อดคลอ้ งกบั อานาจหนา้ ที่ที่โอนไปดว้ ย ฉะน้นั เพ่ืออนุวตั ิใหเ้ ป็นไป ตามหลกั การท่ีปรากฏในพระราชบญั ญตั ิและพระราชกฤษฎีกาดงั กล่าว จึงสมควรแกไ้ ข บทบญั ญตั ิของกฎหมายใหส้ อดคลอ้ งกบั การโอนส่วนราชการ เพ่อื ใหผ้ เู้ กี่ยวขอ้ งมีความชดั เจน ในการใชก้ ฎหมายโดยไม่ตอ้ งไปคน้ หาในกฎหมายโอนอานาจหนา้ ทวี่ ่าตามกฎหมายใดไดม้ ีการ โอนภารกิจของส่วนราชการหรือผรู้ ับผดิ ชอบตามกฎหมายน้นั ไปเป็ นของหน่วยงานใดหรือผใู้ ด แลว้ โดยแกไ้ ขบทบญั ญตั ิของกฎหมายใหม้ กี ารเปล่ียนช่ือส่วนราชการ รัฐมนตรี ผดู้ ารงตาแหน่ง หรือผซู้ ่ึงปฏิบตั ิหนา้ ที่ของส่วนราชการใหต้ รงกบั การโอนอานาจหนา้ ที่ และเพิม่ ผแู้ ทนส่วน ราชการในคณะกรรมการใหต้ รงตามภารกิจท่มี ีการตดั โอนจากส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วน ราชการใหม่รวมท้งั ตดั ส่วนราชการเดิมทีม่ ีการยบุ เลิกแลว้ ซ่ึงเป็นการแกไ้ ขใหต้ รงตาม พระราชบญั ญตั ิและพระราชกฤษฎีกาดงั กลา่ ว จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชกฤษฎกี าน้ี พระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๑] มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั ิน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเป็นตน้ ไป
มาตรา ๑๕ ใหก้ รรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิในคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติซ่ึง ดารงตาแหน่งอยใู่ นวนั ก่อนวนั ทพี่ ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั คงอยใู่ นตาแหน่งต่อไปจนกว่าจะมี การแต่งต้งั กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิตามพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงแกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรา ๑๖ มิใหน้ าบทบญั ญตั ิมาตรา ๑๖ (๑/๑) แห่งพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบ มาตรวิทยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงแกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิน้ี มาใชบ้ งั คบั แก่ผดู้ ารง ตาแหน่งผอู้ านวยการสถาบนั มาตรวทิ ยาแห่งชาติอยใู่ นวนั ก่อนวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั โดยใหบ้ ุคคลน้นั ดารงตาแหน่งต่อไปจนกว่าจะพน้ จากตาแหน่งตามวาระหรือดว้ ยเหตุอ่ืนตามที่ กาหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ก่อนการแกไ้ ข เพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรา ๑๗ บรรดาประกาศ ระเบยี บ และขอ้ บงั คบั ทอี่ อกตามพระราชบญั ญตั ิ พฒั นาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ทใ่ี ชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ก่อนวนั ที่พระราชบญั ญตั ิน้ีใช้ บงั คบั ใหย้ งั คงใชบ้ งั คบั ไดต้ ่อไปเพยี งเท่าท่ไี ม่ขดั หรือแยง้ กบั พระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตร วทิ ยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงแกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิน้ี จนกวา่ จะมีประกาศ ระเบยี บ และขอ้ บงั คบั ตามพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเติม โดยพระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั มาตรา ๑๘ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยรี ักษาการ ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี คือ โดยที่พระราชบญั ญตั ิพฒั นา ระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ บญั ญตั ิข้ึนเพื่อใหม้ ีมาตรการในการสร้างระบบและ มาตรฐานดา้ นมาตรวิทยาของประเทศโดยสอดคลอ้ งกบั หลกั ปฏิบตั ิของมาตรวทิ ยาทางฟิ สิกส์ เป็นหลกั จึงมีบทบญั ญตั ิบางประการทไ่ี ม่เหมาะสมกบั สถานการณ์ในปัจจุบนั เนื่องจากมาตร วิทยาและโครงสร้างระบบมาตรวทิ ยาระหว่างประเทศไดม้ ีการเปล่ียนแปลงขอบข่ายเพอื่ รองรับ การพฒั นาและการประยกุ ตท์ ขี่ ยายไปสู่มาตรวทิ ยาทางเคมีและชีวภาพซ่ึงมีบทบาทอยา่ งมากต่อ การพฒั นาคุณภาพของบริการทางการแพทย์ อุตสาหกรรมยา อตุ สาหกรรมอาหาร และ
อตุ สาหกรรมเกษตรท้งั เป็นปัจจยั ทสี่ ามารถส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวติ ของประชาชน และ ความสามารถในการแข่งขนั ของภาคอตุ สาหกรรมหลกั ของประเทศ สมควรแกไ้ ขเพ่ิมเติม บทบญั ญตั ิเพ่อื ใหร้ ะบบมาตรวิทยาของประเทศสามารถรองรับมาตรวิทยาทางเคมีและชีวภาพ ใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด รวมท้งั ปรับปรุงบทบญั ญตั ิเก่ียวกบั คณะกรรมการมาตรวทิ ยาแห่งชาติ อานาจหนา้ ทขี่ องสถาบนั มาตรวิทยาแห่งชาติ และการใชจ้ ่าย เงินกองทนุ เพ่ือการพฒั นาระบบมาตรวทิ ยา เพื่อใหก้ ารดาเนินงานของสถาบนั มาตรวทิ ยา แห่งชาติเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี พระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบบั ที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒[๒๒] มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั ิน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๑๒ บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายและพระราชกฤษฎีกาท่ีใชบ้ งั คบั อยู่ ในวนั ก่อนวนั ที่พระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ในส่วนทกี่ าหนดใหร้ ัฐมนตรีวา่ การ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็ นผรู้ ักษาการหรือเป็นผรู้ ักษาการร่วม ใหเ้ ปลี่ยนเป็น รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรมเป็นผรู้ ักษาการหรือเป็นผู้ รักษาการร่วม ท้งั น้ี ตามทีก่ าหนดในบญั ชี ๑ ทา้ ยพระราชบญั ญตั ิน้ี บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายและพระราชกฤษฎีกาทีใ่ ชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ก่อน วนั ทีพ่ ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ในส่วนที่กาหนดใหร้ ัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ รักษาการหรือเป็นผรู้ ักษาการร่วม หากเป็นกิจการทีอ่ ยใู่ นอานาจหนา้ ที่ของกระทรวงการ อดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ใหเ้ ปลี่ยนเป็นรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรมเป็นผรู้ ักษาการหรือเป็นผรู้ ักษาการร่วม บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายท่ใี ชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ก่อนวนั ท่ีพระราชบญั ญตั ิน้ีใช้ บงั คบั ในส่วนท่ีอยใู่ นอานาจหนา้ ทข่ี องกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ใหเ้ พิ่มรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรมเป็นผรู้ ักษาการ ร่วม ท้งั น้ี ตามทก่ี าหนดในบญั ชี ๒ ทา้ ยพระราชบญั ญตั ิน้ี
*มาตรา ๑๕ บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ประกาศ คาสง่ั และมติของคณะรัฐมนตรีใดทใ่ี ชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ก่อนวนั ที่พระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั อา้ ง ถึง “กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลย”ี “ปลดั กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” หรือผดู้ ารงตาแหน่งหรือผปู้ ฏิบตั ิ หนา้ ทใี่ นกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใหถ้ ือวา่ บทบญั ญตั ิน้นั อา้ งถึง “กระทรวงการ อดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม” “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม” “ปลดั กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และ นวตั กรรม” หรือผดู้ ารงตาแหน่งหรือผูป้ ฏิบตั ิหนา้ ทีใ่ นกระทรวงการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี แลว้ แต่กรณี มาตรา ๑๖ บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ประกาศ คาสั่ง และมติของคณะรัฐมนตรีใดทีใ่ ชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ก่อนวนั ทีพ่ ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั อา้ ง ถึง “กระทรวงศึกษาธิการ” “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ” “ปลดั กระทรวง ศึกษาธิการ” หรือผูด้ ารงตาแหน่ง หรือผปู้ ฏิบตั ิหนา้ ทีใ่ นกระทรวงศึกษาธิการ หากเกี่ยวกบั การ อุดมศึกษาหรือการจดั ต้งั สถาบนั อุดมศึกษา ซ่ึงอยใู่ นอานาจหนา้ ทีข่ องกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ใหถ้ ือวา่ บทบญั ญตั ิน้นั อา้ งถึง “กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม” “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และ นวตั กรรม” “ปลดั กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม” หรือผดู้ ารงตาแหน่ง หรือผปู้ ฏิบตั ิหนา้ ที่ในกระทรวงการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ตาม พระราชบญั ญตั ิน้ี แลว้ แต่กรณี ใหเ้ ปล่ียนแปลงองค์ประกอบของสภาหรือคณะกรรมการตามกฎหมายท่ี เก่ียวขอ้ งกบั การโอนสานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็ นส่วน ราชการตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง เพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั การโอนอานาจหนา้ ทแ่ี ละการ เปลี่ยนแปลงผรู้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ท้งั น้ี ตามทีก่ าหนดในบญั ชี ๔ ทา้ ย พระราชบญั ญตั ิน้ี ความในวรรคหน่ึงและวรรคสองไม่ใชบ้ งั คบั แก่สถาบนั การอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ทจี่ ดั ต้งั ข้ึนตามกฎหมายว่าดว้ ยการอาชีวศึกษา มาตรา ๑๗ ใหน้ ายกรัฐมนตรีรกั ษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี คือ โดยท่ีการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม เป็นกลไกสาคญั ในการพฒั นาประเทศใหเ้ จริญเติบโตอยา่ ง มนั่ คง มงั่ คงั่ และยง่ั ยนื เพือ่ รองรับความเปลี่ยนแปลงของโลกทจ่ี ะเกิดข้ึนในอนาคต สมควร จดั ต้งั กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรมข้ึน เพื่อใหม้ ีการบูรณาการ การเรียนการสอน การวิจยั และการสร้างสรรค์นวตั กรรมดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ ศาสตร์อื่นเขา้ ดว้ ยกนั และใหเ้ กิดความร่วมมือในการปฏิบตั ิหนา้ ท่รี ะหวา่ งสถาบนั อุดมศึกษาและ สถาบนั วจิ ยั ในทศิ ทางทีส่ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตร์ชาติ แผน และนโยบายในการพฒั นา ประเทศ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี วิชพงษ/์ จดั ทา ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ พิไลภรณ์/ชญานิศ/เพ่ิมเติม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ วิชพงษ/์ ตรวจ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนท่ี ๔๗ ก/หนา้ ๑/๑๒ กนั ยายน ๒๕๔๐ [๒] มาตรา ๓ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยา แห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๓] มาตรา ๔ แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบบั ที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒ [๔] มาตรา ๕ (๓) แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยา แห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๕] มาตรา ๕ (๕) แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยา แห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๖] มาตรา ๖ แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๗] มาตรา ๑๑ แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๘] มาตรา ๑๒ แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๙] มาตรา ๑๓ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๐] มาตรา ๑๔ แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๑] มาตรา ๑๕ วรรคสาม แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตร วทิ ยาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๒] มาตรา ๑๖ (๑/๑) เพมิ่ โดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๓] มาตรา ๑๖ (๘) เพิ่มโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๔] มาตรา ๑๗ วรรคสอง เพ่ิมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยา แห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙
[๑๕] มาตรา ๒๑ (๘) แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวิทยา แห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๖] มาตรา ๒๒ แกไ้ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยา แห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๗] มาตรา ๒๓ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยา แห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๘] มาตรา ๒๔ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิพฒั นาระบบมาตรวทิ ยา แห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๙] มาตรา ๒๘ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบบั ที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒ [๒๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนท่ี ๑๐๒ ก/หนา้ ๖๖/๘ ตุลาคม ๒๕๔๕ [๒๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนท่ี ๖๗ ก/หนา้ ๕๑/๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ [๒๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๕๗ ก/หนา้ ๑/๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: