Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ ข้อมูลทางวิชาการและแนวทางการป้องกัน

คู่มือ ข้อมูลทางวิชาการและแนวทางการป้องกัน

Description: คู่มือ ข้อมูลทางวิชาการและแนวทางการป้องกัน

Search

Read the Text Version

ช่อื เอกสาร ค่มู ือขอ้ มูลทางวิชาการและแนวทางการป้องกันกาจดั โรคใบร่วง ชนดิ ใหมใ่ นยางพารา คณะผ้จู ดั ทา 1. นายกฤษดา สังข์สิงห์ ผ้อู านวยการสถาบนั วิจัยยาง จานวน 2. นางฐติ าภรณ์ ภมู ไิ ชย์ หวั หน้ากองบริหารงานวิจยั 3. นายวิทยา พรหมมี หัวหนา้ กองวิจัยและพฒั นาการผลิตยาง 19 หน้า พมิ พ/์ เผยแพร่ กองวจิ ัยและพฒั นาการผลติ ยาง สถาบนั วิจัยยาง การยางแหง่ ประเทศไทย www.raot.co.th พิมพค์ รงั้ ท่ี 1 จานวน 2,000 เล่ม พมิ พท์ ่ี บริษทั นวิ ธรรมดา การพมิ พ์ (ประเทศไทย) จากดั 202 ซอยเจรญิ กรุง 57 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรงุ เทพฯ 10120 สงวนลิขสิทธิ์ กรกฎาคม พ.ศ.2563 สถาบนั วิจยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย

ค่มู ือ ขอ้ มลู ทางวชิ าการและแนวทางการป้องกนั กาจดั โรคใบรว่ งชนิดใหมใ่ นยางพารา โดย สถาบันวจิ ยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย

คานา โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา พบการแพร่ระบาดครั้งแรกในประเทศอินโดนีเซีย เม่ือปี 2559 และต่อมาพบการระบาดในประเทศมาเลเซยี เมื่อปี 2560 การแพร่ระบาดของโรคนี้ได้ขยายวงกว้างข้นึ อย่าง รวดเร็วและต่อเน่ือง จนกระทั่งมีรายงานพบการแพร่ระบาดเข้ามายังพ้ืนที่ภาคใต้ของประเทศไทย ได้รับรายงานคร้ังแรกเดือนกันยายน 2562 ในจังหวัดนราธิวาส จากการตรวจสอบใบยางพาราท่ีเป็นโรค พบเชื้อรา Pestalotiopsis sp., Colletotrichum sp. และเช้อื ราอืน่ ๆ มผี ลให้ต้นยางมใี บร่วงรนุ แรง ต้นยางมี สภาพเส่ือมโทรม ผลผลิตน้ายางทยอยลดลงๆ ถึงข้ันต้องหยุดกรดี ยาง เกษตรกรขาดรายได้ ส่งผลเสยี หายทั้ง เชิงเศรษฐกจิ และสังคม ความไม่มั่นคงในการทาอาชีพสวนยาง เชื้อราน้แี พร่ระบาดโดยลมและฝน หรอื จากการ เคลื่อนย้าย ชิ้นส่วนของต้นยาง หรืออาจเกิดจากการสะสมและพัฒนาของเชื้อท่ีมีอยู่แล้วในสวนยาง จงึ คอ่ นข้างยากตอ่ การป้องกันควบคุม หรอื กาจัด การจัดทาคู่มอื ฉบบั น้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือใหเ้ กษตรกรชาวสวยยาง และหน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้องไดใ้ ช้เปน็ ข้อมูลทางวิชาการ คู่มือในการตรวจสอบการแพร่ระบาดของโรค การสังเกตลักษณะอาการ แนวทางป้องกัน กาจัดเบ้ืองต้น ข้อแนะนาในการใช้สารปอ้ งกันกาจัดโรคท่ีถูกวิธี การปฏิบัติเกษตรดีที่เหมาะสมสาหรบั แปลง ยางพาราเพ่อื สร้างความแข็งแรงใหต้ น้ ยาง รวมถึงการเฝา้ ระวังและการแจง้ ข้อมูลพ้ืนท่ีพบโรคแกก่ ารยางแห่ง ประเทศไทยในพื้นที่ เพอ่ื รว่ มกนั ปอ้ งกนั กาจดั โรคชนดิ น้ี เป็นการการลดความสญู เสยี ทจี่ ะเกิดข้ึน สถาบันวจิ ยั ยาง 2563 ( นายกฤษดา สงั ข์สงิ ห์ ) ผอู้ านวยการสถาบันวิจัยยาง การยางแหง่ ประเทศไทย

สารบัญ หนา้ เรอ่ื ง 1 5 ที่มาและประวตั กิ ารแพรร่ ะบาดของโรคใบรว่ งชนดิ ใหม่ 9 ขอ้ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกับโรคใบรว่ งชนดิ ใหม่ในยางพาราของประเทศไทย 11 ลกั ษณะอาการของโรคและความรุนแรง 14 มาตรการเฝ้าระวังและดาเนนิ การในการแก้ไขปญั หา 15 แนวทางการปอ้ งกนั กาจดั ในแปลงยางพาราท่ีเป็นโรค 16 ขอ้ แนะนาในการใช้สารป้องกนั กาจดั โรค 19 เกษตรดที เ่ี หมาะสมกับยางพาราเพอื่ สรา้ งความแขง็ แรงใหต้ น้ ยางพารา แบบบนั ทึกการระบาดของโรคใบรว่ งชนดิ ใหมใ่ นยางพารา

1 ทม่ี าและประวตั กิ ารแพร่ระบาดของโรคใบร่วงชนดิ ใหม่ จากสถานการณ์การระบาดของโรคใบรว่ งชนิดใหม่ในยางพาราที่เกดิ จากเช้ือรา ที่มีความรุนแรงและ แพรร่ ะบาดอย่างรวดเร็วในชว่ งระยะสั้นในประเทศอินโดนเี ซยี และมาเลเซียในชว่ งปี พ.ศ. 2559 – 2562 ทาให้ โรคชนิดน้ีความสาคัญอันดับหน่ึงของโรคท่ีพบในยางพาราของทั้ง 2 ประเทศ โดยสถานการณ์การระบาดใน ประเทศอินโดนีเซีย เริ่มพบโรคใบรว่ งชนิดนี้ระบาดในยางพาราของพ้ืนที่เกาะสุมาตราตอนเหนือในปี 2556 จากน้ันแพร่ระบาดสเู่ กาะสมุ าตราทางตอนใต้ช่วงปลายปี 2560 โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบโรคนี้ แพร่ระบาดทาใหย้ างพาราใบร่วง เป็นพื้นที่มากกว่า 22,000 เฮกตาร์ (173,500 ไร่) และแพร่ระบาดเพม่ิ ขึ้น เป็น 103,254 เฮกตาร์ (645,337.5 ไร่) ในปี 2562 จากน้ันได้กระจายทั่วไปในพื้นที่ปลูกยางเกาะสุมาตรา เกาะชวา เกาะซูลาเวซี และเกาะกาลมิ ันตัน โดยในเดือนกรกฎาคม 2562 พบว่ามีพื้นท่ีที่ได้รับผลกระทบถงึ มากกว่า 382,000 เฮกตาร์ (2,387,500 ไร่) คาดว่าในปี 2019 ผลผลิตยางของประเทศลดลงไม่ต่ากว่า 15% สว่ นสถานการณโ์ รคใบร่วงชนดิ นี้ในประเทศมาเลเซยี ในเดอื นพฤศจกิ ายน 2560 พบโรคนีร้ ะบาดในพืน้ ที่ปลกู ยางท่ัวไป ยกเว้นพื้นที่ปลูกยางในรัฐมะละกา ปีนัง เคดาห์ และปะลิส ทาให้ใบยางร่วงรุนแรงมากกว่า 70% จนถึงต้นปี 2562 แพร่ระบาดเป็นพ้ืนท่ีมากกว่า 800 เฮกตาร์ (5,000 ไร่) ทาให้ใบยางร่วงมากกว่า 50% ผลผลติ ลดลงมากกวา่ 30% การระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ท่เี กิดจากเชื้อรานี้ แพร่ขยายพื้นที่อย่างรวดเรว็ และทาใหผ้ ลผลิต ลดลงมากกว่า 15% สภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ (IRRDB) จึงได้ระดมผูเ้ ชียวชาญด้านโรคยางลง พ้ืนที่ระบาดในประเทศอินโดนีเซยี ครั้งแรกเมื่อเดอื นกรกฎาคม 2561 และลงความเห็นว่าโรคใบรว่ งมสี าเหตุ จากเชื้อ Fusicoccum sp. ต่อมา IRRDB ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขึ้นในเมืองปาเล็มบัง สุมาตราใต้ ในระหวา่ งวันท่ี 31 กรกฎาคม- 1 สิงหาคม 2561 เพ่ือใหป้ ระเทศสมาชกิ รวมทั้งพันธมติ รรับทราบสถานการณ์ และเรียนรู้สภาพการระบาด และลกั ษณะของโรคชนดิ ใหม่ นาเสนอความกา้ วหนา้ ของงานวิจัย และรว่ มแสดง ความคิดเหน็ ในการจัดการโรคใบรว่ งท่รี ะบาดใหม่ ตอ่ มา ชว่ งมนี าคม 2562 กลมุ่ ผ้เู ชย่ี วชาญไดล้ งพ้นื ที่ระบาด อีกคร้ังในเกาะซุมบาวา ประเทศอินโดนีเซีย และได้เก็บตัวอย่างใบยางท่ีเป็นโรคแยกเลยี้ งเช้ือหาเช้ือสาเหตุ ต่อมาใน เดือนเมษายน 2562 IRRDB ได้จัดประชุมกลุ่มผูเ้ ชี่ยวชาญด้านโรคพืชเก่ยี วกับโรคระบาดใหมข่ ึน้ อกี ครั้ง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อถกประเด็นเช้ือสาเหตุ ซ่ึงได้ตั้งสมมุติฐานว่าโรคใบร่วงน้ี อาจจะมีสาเหตุจากเชอ้ื Pestalotiopsis sp. หรอื มีเช้ือสาเหตรุ ่วมกนั มากกว่า 1 ชนดิ ซึง่ ตอ้ งทาการพิสจู น์เชอ้ื โดยวธิ ี Koch’s Postulate ต่อไป เลขาธิการ IRRDB (Secretary General IRRDB) Dr. Datuk Aziz ได้ตระหนักถึงความสาคัญของโรค ระบาดและเนน้ ยา้ ว่าการรายงานการระบาดโรคใบของยางพาราเปน็ ประจามีความสาคัญมาก เนอ่ื งจากปัญหา ดงั กล่าวในปจั จบุ ันมีความร้ายแรงมากขึน้ ควรมกี ารจัดตง้ั ความร่วมมอื ดา้ นการวิจัยร่วมกนั ระหว่างสถาบนั วจิ ยั และพัฒนาเพ่ือการจดั การโรคใบร่วงของยางพารา และควรมีกลุ่มตัวแทนของแต่ละประเทศในการเฝ้าระวงั ทางาน และรายงานเก่ียวกับโรคใบร่วงใหม่หรือโรคอืน่ ๆนีใ้ นประเทศของตน (ภาพท่ี 3) สาหรบั ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคใต้ ซ่งึ เป็นภูมิภาคท่ีมสี ภาพภมู ิอากาศเขตร้อนชืน้ ฝนตกชุกในแถบ เสน้ ศูนย์สตู รเชน่ เดียวกบั ประเทศอนิ โดนีเซยี (ภาพที่ 1) และประเทศมาเลเซยี (ภาพท่ี 2) จงึ มคี วามเสย่ี งสูงตอ่ การแพร่ระบาดและได้รบั ผลกระทบจากโรคนี้

2 ภาพที่ 1 พ้นื ท่ีพบการระบาดของโรคใบรว่ งชนดิ ใหม่ในยางพารา (สีสม้ ) ในประเทศอินโดนเี ซีย ภาพท่ี 2 พ้นื ทพี่ บการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหมใ่ นยางพารา (ดาว) ในประเทศมาเลเซีย

3 ตารางที่ 1 พน้ื ที่การแพรร่ ะบาดของโรคใบร่วงชนดิ ใหม่ในยางพาราในประเทศสมาชกิ ผู้ผลติ ยางธรรมชาติ ประเทศ พื้นที่ (ไร่) อนิ โดนเี ซีย 2,419,826 ไทย 771,171 มาเลเซยี 110,300 ศรลี ังกา 6,250 รวม 3,307,547 ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี 24 มกราคม 2563 ภาพท่ี 3 แผนท่ีประเทศที่พบการแพรร่ ะบาดของโรคใบร่วงชนดิ ใหมใ่ นยางพารา (ดาว)

4 IRR 112 ภาพท่ี 4 ตวั อยา่ งภาพการระบาดของโรคใบร่วงชนดิ ใหม่ในยางพาราในประเทศอินโดนีเซยี (บน) และประเทศมาเลเซยี (ล่าง)

5 ข้อเท็จจริงเกยี่ วกบั โรคใบรว่ งชนดิ ใหมใ่ นยางพาราของประเทศไทย สาหรับสถานการณ์การระบาดของโรคน้ีในประเทศไทย ยงั ไมเ่ คยมีรายงานการระบาดในประเทศไทย มาก่อน แต่เป็นท่ีหว่ันวิตกว่าจะได้รับผลกระทบจากโรคนี้เช่นกันโดยเฉพาะในพ้ืนท่ีปลูกยางภาคใต้ของ ประเทศไทย เน่ืองจากมีพ้ืนทต่ี ิดต่อกับประเทศมาเลเซีย และที่สาคัญมีสภาพแวดล้อมด้านภูมิอากาศในเขต ร้อนชื้นเช่นเดียวกับประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซีย (ตารางท่ี 1) จนกระท่ังเมื่อต้นเดือน กันยายน 2562 มีการพบการระบาดของโรคใบร่วงที่มอี าการคล้ายคลงึ กบั โรคใบรว่ งทีเ่ กดิ จากเชือ้ Pestalotiopsis sp. ท่ีระบาดในประเทศดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยพบในพ้ืนท่ีปลูกยางจังหวัดนราธิวาสทาให้ต้นยางพันธ์ุ RRIM 600 ในสภาพแปลงมใี บยางรว่ งจานวนมากเช่นกัน วันที่ 13-14 กันยายน 2562 สถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย โดย ดร.กฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อานวยการสถาบันวิจัยยาง นางอารมณ์ โรจน์สุจิตร ผู้อานวยการศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานี และ นางฐิตาภรณ์ ภมู ไิ ชยย์ ผ้อู านวยการกองบรหิ ารวิจัย สถาบันวจิ ยั ยาง นางอุบล เล็กสทุ ธ์ิ พนกั งานการเกษตร 3 และคณะจากศนู ย์วิจัยยางสงขลา เขา้ สารวจและประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคในพ้นื ที่ อาเภอระแงะ อาเภอแว้ง และอาเภอรือเสาะ โดยประสานงานและนาเข้าพ้ืนที่โดย กยท. จังหวัดนราธิวาส สามารถสรุป สถานการณก์ ารระบาดของโรคในชว่ งแรกดังน้ี 1. ชว่ งเวลาท่ีพบโรคใบร่วงรุนแรงใน พ้ืนที่ จ.นราธวิ าส สวนยางพาราในอาเภอระแงะ เกษตรกรเริ่มพบการร่วงของใบยางครั้งแรกช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2562 คร้ังท่ี 2 ช่วงต้นเดือนกันยายน 2562 สวนยางที่ไปตรวจสอบเป็นพันธ์ุยาง RRIM 600 ใบยางร่วง มากกว่า 70% และคาดว่าจะร่วงหมดภายในเดือนกันยายน 2562 น้ี เนื่องจากใบแก่ท่ีเหลืออยู่บนต้น แสดงอาการโรคทั้งหมด ผลผลิตลดลงประมาณ 30-45 % สวนยางพาราใน อาเภอแว้ง เกษตรกรเริ่มพบการร่วงของใบยางครั้งแรกช่วงต้นเดือนมกราคม 2562 จนถึงเดือนกลางเดือนสิงหาคม - ต้นเดือนกันยายน 2562 เป็นการร่วงซ้าคร้ังท่ี 3 (ใบที่แตกใหม่ ระยะใบแก่แสดงอาการโรคและร่วงซ้า) ในแปลงนี้เกษตรกรปลูกยาง 3 พันธ์ุคือ RRIM 600, RRIT 251 และPB 311 พบว่าความรุนแรงของโรคไม่แตกต่างกัน ใบร่วงมากกว่า 90% ผลผลิตลดลงประมาณ 50% สาหรับแปลงยางอ่นื ๆแสดงอาการใบร่วงจากโรคเชน่ เดียวกนั สวนยางยางพารา อาเภอรือเสาะ เริ่มพบการร่วงอย่างรุนแรงของใบยางครั้งแรกช่วงกลางเดอื น สิงหาคม 2562 คร้ังท่ี 2 ช่วงต้นเดือนกันยายน 2562 โดยพันธุ์ยาง RRIM 600 และRRIT 251 แสดงอาการ ใบรว่ ง มากกว่าร้อยละ 90-100 นอกจากนี้ต้นยางเล็ก RRIT 251 อายุประมาณ 1-2 ปี พบโรคเช่นกันบนใบแก่ ของฉตั รล่าง สาหรบั แปลงยางอน่ื ๆ แสดงอาการใบรว่ งจากโรคเชน่ เดียวกนั 2. พนื้ ที่ทีไ่ ด้รับผลกระทบจากการระบาดโรค นอกจากในพืน้ ที่ ในอาเภอระแงะ อาเภอแวง้ และอาเภอรอื เสาะ แล้วยังได้รบั รายงานเพ่ิมเตมิ จาก กยท.จังหวัดนราธิวาส ว่ามีการระบาดของโรคในพ้ืนท่ี อาเภอศรีสาคร อาเภอจะแนะ อาเภอสุคิริน อาเภอสุไหงปาดี และอาเภอสุไหงโกลก ด้วยเช่นกัน แต่ในแปลงปลูกพื้นที่อาเภอตากใบ อาเภอเจาะไอรอ้ ง อาเภอเมืองนราธิวาส อาเภอย่ีงอ และอาเภอบาเจาะ ยังไม่มีรายงานว่าพบโรค ขณะนี้ยังไม่สามารถประมาณ เป็นเนื้อที่ได้ จึงควรประเมินพื้นที่ระบาดด้วย โดรน(อากาศยานไร้คนขับ) หรือ ภาพถ่ายดาวเทียม (ภาพท่ี 6 และ 7) หรือการตรวจสอบของพนักงานในพ้นื ทที่ ี่รับผดิ ชอบจึงจะได้พน้ื ที่ระบาดทีแ่ ทจ้ รงิ

6 3. ข้อมลู จากการสารวจในพ้ืนท่พี บโรคของการยางแหง่ ประเทศไทย จากการสารวจพบการแพรร่ ะบาดในพ้ืนท่ี 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา สตูล ตรัง กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี (ภาพที่ 5) รวมพื้นที่ 771,171.12 ไร่ มีเกษตรกรชาวสวนยางได้รับ ผลกระทบ 81,756 ราย รายละเอียดดงั ตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 พนื้ ทกี่ ารแพรร่ ะบาดของโรคใบรว่ งชนดิ ใหม่ในยางพาราในประเทศไทย จังหวัด พนื้ ทรี่ ะบาด (ไร่) เกษตรกร (ราย) นราธิวาส 732,193.00 79,432 ยะลา 4,938.00 400 ปตั ตานี 3,060.00 321 สงขลา 827.00 58 สตูล 221.20 1 พังงา 26,321.12 1,252 ตรัง 1,549.89 123 กระบี่ 561.00 19 สรุ าษฎรธ์ านี 1,500.00 150 รวม 771,171.12 81,756 ข้อมลู ณ วนั ท่ี 27 มกราคม 2563 / ภาพท่ี 5 แผนทจ่ี ังหวัดที่พบการแพรร่ ะบาดของโรคใบรว่ งชนิดใหม่ในยางพาราในประเทศไทย

7 4. ขอ้ มลู จากการสารวจใบรว่ งของยางพาราโดย GISTDA จากการสารวจการร่วงของใบยางพาราจากทกุ สาเหตุของโรครวมกับการรว่ งตามฤดกู าล ใน 7 จงั หวดั ได้แก่ จังหวัดพังงา กระบ่ี ตรัง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซ่ึงมีพ้ืนที่ปลูกยางรวม 7,954,924 ไร่ พบพื้นท่ีต้นยางพารามีอาการใบร่วง 946,799 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 11.9 ของพ้ืนท่ีปลูกยาง (ข้อมูล ณ วันที่ 10 มกราคม 2563) ภาพที่ 6 แผนท่แี สดงอาการใบร่วงในยางพาราใน 7 จังหวดั จากขอ้ มลู ภาพถา่ ยดาวเทียม

8 ภาพท่ี 7 ตัวอย่างแผนท่แี สดงอาการใบรว่ งในยางพาราในจังหวดั นราธิวาส ด้วยขอ้ มลู จาก ภาพถา่ ยดาวเทยี ม

9 ลกั ษณะอาการของโรคและความรุนแรง อาการของโรคปรากฏบนใบยางแก่ ลักษณะเป็นแผลกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนใหญ่ มากกว่า 0.5 เซนติเมตร ช่วงเร่ิมแรกอาการบนผิวใบเป็นรอยสีเหลืองค่อนข้างกลม (chlorosis) (ภาพท่ี 8) และต่อมาเน้ือเยื่อรอยสีเหลอื งจะตายแหง้ (necrosis) เป็นแผลกลมสีสนิมซีด จะพบอาการจุดแผลต่อใบยาง มากกวา่ 1 แผล ตอ่ มาใบเหลอื ง (ภาพท่ี 9) และร่วงในทส่ี ุด (ภาพท่ี 10) อาการโรครุนแรง และใบร่วงมากหลงั มฝี นตกหนักติดตอ่ กนั อยา่ งน้อย 2 วนั โดยแปลงยางใหญไ่ ดร้ ับผลกระทบทร่ี นุ แรง สว่ นแปลงยางขนาดเล็กยัง ได้รับผลกระทบนอ้ ยกว่าแตม่ ีใบแกท่ ี่แสดงอาการของโรคและใบรว่ งเช่นกัน พบได้ในยางพาราทกุ พันธุ์ทปี่ ลกู ภาพท่ี 8 ลักษณะอาการเรมิ่ แรกของการเกดิ โรคบริเวณใต้ใบมลี กั ษณะรอยช้าค่อนขา้ งกลม (ซ้าย) ผิวใบดา้ นบนบริเวณเดียวกันสเี หลอื งกลม (ขวา) ภาพท่ี 9 ลกั ษณะอาการรุนแรง เนื้อเยอื่ บริเวณที่เป็นโรคเปล่ียนเป็นสีคลา้ ขอบแผลดา (necrosis) และเป็นแผลเนอื้ เยื่อแหง้ (necrosis) สนี ้าตาลจนถงึ ขาวซีดรอบแผลไมเ่ ป็นวงสีเหลอื ง ลอ้ มรอบ (yellow hallo) (ซ้าย) ระยะรุนแรงใบเหลอื งและร่วง (ขวา)

10 ภาพท่ี 10 สภาพแปลงยางพาราทไี่ ด้รับผลกระทบจากโรคใบรว่ งชนดิ ใหม่ ในจงั หวดั นราธวิ าส (บน) และจงั หวดั พงั งา (ล่าง)

11 มาตรการเฝ้าระวงั และดาเนนิ การในการแก้ไขปญั หา การยางแหง่ ประเทศไทยไดด้ าเนนิ การเพือ่ แกป้ ัญหาและบรรเทาสถานการณ์การระบาดของโรค ดงั น้ี 1. ดาเนินการสารวจเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โดยการรับแจ้งและ สารวจในพื้นที่ นอกจากน้ันได้ประสานกบั GISTDA ในการประเมินพืน้ ท่ีการระบาดของโรคจากการรว่ งของ ใบด้วยภาพถา่ ยจากดาวเทยี ม 2. สาธิตการใช้เทคโนโลยีและนวตั กรรมโดยการใชอ้ ากาศยานไร้คนขบั (โดรน) (ภาพที่ 13) ในการฉีด พน่ สารเคมีควบคุมและกาจัดเชอ้ื รา ในจงั หวดั นราธิวาส ตรงั พงั งา กระบี่ สุราษฎรธ์ านี นารอ่ งจังหวัดละ 300 ไร่ รวม 1,500 ไร่ 3. ศึกษาวิจัยหาเช้ือสาเหตุและกลไกการเข้าทาลาย ทดสอบประสทิ ธิภาพของสารเคมีในการปอ้ งกัน กาจดั ในพ้ืนท่เี กิดโรคในสภาพแปลง สารวจการสูญเสียผลผลิตนา้ ยาง วจิ ัยและพัฒนาพนั ธตุ์ ้านทาน 4. ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอ่ืนเพ่ือแลกเปล่ียนความรู้ ข้อมูล มาใช้เป็นแนวทางในการ บริหารจัดการโรค ทั้งหน่วยงานในประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร GISTDA และองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สมาคมประเทศผผู้ ลิต ยางธรรมชาติ (ANRPC) สภาวิจยั และพฒั นายางระหวา่ งประเทศ (IRRDB) 5. ประชาสมั พันธ์ข้อมูลการตรวจสอบลักษณะอาการของโรคและคาแนะนาในการป้องกันกาจัดโรค แก่เจ้าหน้าที่ บุคลากร และเกษตรกรชาวสวนยาง ในพื้นที่ประสบภัยและพ้ืนท่ีเส่ียง ในจังหวัดนราธิวาส ตรัง และสรุ าษฎร์ธานี 6. การยางแห่งประเทศไทยต้ังศูนย์บริหารจดั การโรคยางพารา ประกอบด้วยพนักงานการยางแหง่ ประเทศไทย ผู้แทนกรมวิชาการเกษตร ผู้แทนกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัย โดยมีอานาจหน้าที่ บริหารจัดการเกี่ยวกับโรคยางพาราท้ังระบบ ควบคุม กากับ ติดตาม ประเมินผลการ ระบาดและผลกระทบจากโรคยางพาราแลว้ ใหร้ ายงานกบั หน่วยงานที่เกีย่ วขอ้ ง 7. จัดประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพืช (Meeting of Expert on Pestalotiopsis Leaf Disease) ภายใต้ความร่วมมือของสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ ระหว่างวันที่ 13-15 มกราคม 2563 ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพ่ือศึกษาการระบาดของโรคและหามาตรการป้องกัน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจาก ประเทศไทยและผแู้ ทนจากต่างประเทศ รวม 60 คน สรุปผลการประชมุ มดี งั นี้ 7.1. การสาเหตุของเช้ือ เน่ืองจากประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ระบุเช้ือสาเหตุ Pestalotiopsis sp. ขณะท่ีประเทศอินเดีย ระบุเช้ือสาเหตุ Colletotrichum sp. สาหรับประเทศไทย โดยศนู ย์วจิ ยั ยางสรุ าษฎร์ธานี ระบุเชือ้ สาเหตนุ ่าจะเกิดจากเชอื้ Colletotrichum sp. อย่างไรก็ตามท่ปี ระชุม มีมติให้การยางแห่งประเทศไทยขอความอนุเคราะหก์ รมวิชาการเกษตรในการจาแนกลกั ษณะและชนิดของ เช้ือ (identify) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกคร้ังโดยใช้เทคนิคข้ันตอนทางด้านหลักวิชาการโรคพืช ให้ส่ง ตัวอย่างเชื้อราที่ทางศูนย์วิจัยยางสุราษฎรธ์ านีแยกเช้ือไว้แล้ว โดยจะตรวจสอบทั้งเช้ือ Colletotrichum sp. และ Pestalotiopsis sp. คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 3 เดอื น 7.2. มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเช้ือรามีโอกาสติดไปกบั กลา้ ยาง เนื่องจากพบการ แพร่ระบาดของโรคนใี้ นแปลงผลติ ก่งิ ตายางด้วย ให้สถาบนั วจิ ัยยาง การยางแห่งประเทศไทย ทาหนังสือถงึ กอง การยาง กรมวิชาการเกษตร เพื่อควบคุมและกากับให้แปลงขยายพันธุ์ต้นยางเพ่ือการค้า ผลิตวัสดุปลูกทไ่ี ด้ มาตรฐานและปราศจากโรค เพ่ือป้องกันการแพรร่ ะบาดไปสแู่ หลง่ ปลกู ยางอืน่

12 7.3. การตดิ ตามผลการใชย้ าปอ้ งกนั กาจดั เชอ้ื รา คณะผรู้ ว่ มประชมุ ไดไ้ ปศกึ ษาดงู านผลการใช้ ยาป้องกันกาจัดเชอ้ื ราในแปลงยางท่ีพบโรคระบาดในพน้ื ที่ อาเภอพนม จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี จานวน 5 แปลง พบวา่ แปลงท่เี กิดโรคระบาดและมใี บร่วงมากกว่าร้อยละ 80 เมือ่ ฉีดพ่นใชย้ าปอ้ งกันกาจัดเช้อื รา 1 ครง้ั ทาให้ ตน้ ยางแตกใบออ่ นก่อนแปลงทีไ่ ม่ได้ฉดี พน่ อย่างไรก็ตามยงั ตอ้ งมีการติดตามการเข้าทาลายของโรคในใบทแ่ี ตก ใหมว่ า่ ยังมีการเข้าทาลายซ้าอกี หรอื ไม่ สาหรับแปลงทีพ่ บโรคระบาดและมีใบรว่ งไม่เกนิ รอ้ ยละ 20 การฉีดพ่น ยาปอ้ งกนั กาจัดเชอ้ื ราสามารถลดการรว่ งของใบและทาให้ปรมิ าณผลผลติ ไม่ลดลงจากเดมิ 8. การติดตามผลการดาเนนิ การเพื่อบรรเทาสถานการณ์การระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในเขต พ้นื ท่ีภาคใต้ ดว้ ยงบประมาณจากเงินอดุ หนุนจากกองทนุ พฒั นายาง ตามมาตรา 49 (3) ดงั น้ี กยท.จ. นราธวิ าส เครอื่ งพ่นแรงดันสูง 17 เครือ่ ง เป็นเงนิ 544,000 บาท เครื่องพ่นสะพายหลัง 2 เคร่อื ง เปน็ เงนิ 7,600 บาท ยาป้องกันกาจดั เชื้อรา 450 ลิตร เปน็ เงิน 450,000 บาท กยท.จ. ตรัง เครอ่ื งพ่นแอรบ์ ลา๊ ส 1 เครอ่ื ง เปน็ เงนิ 180,000 บาท ภาพที่ 11 การอบรมให้ความร้เู ก่ยี วกบั โรคใบรว่ งชนดิ ใหมแ่ กพ่ นักงานและเจา้ หน้าทีผ่ ู้เกยี่ วข้อง

13 ภาพที่ 12 การสาธิตการพน่ ยาปอ้ งกันกาจัดโรคด้วยเครอ่ื งป๊มั แรงดนั สูง ภาพที่ 13 การสาธติ การพน่ ยาปอ้ งกันกาจดั โรคด้วยอากาศยานไรค้ นขับ (โดรน)

14 แนวทางการปอ้ งกนั กาจัดในแปลงยางพาราทเ่ี ปน็ โรค คาแนะนาเบ้ืองต้นในการป้องกันกาจัดโรคโรคชนิดใหม่น้ี 1. ทาความสะอาดแปลงยางพารา โดยการกาจดั วัชพืช เกบ็ เศษซากใบและสว่ นอน่ื ๆ ทีเ่ ป็นโรคออก จากแปลงไปฝงั กลบหรอื กองรวม โรยด้วยปนู ขาวและยเู รยี (ปรมิ าณรอ้ ยละ 10 ของนา้ หนักปนู ) แล้วรดนา้ ตาม นอกจากนี้หากแปลงยางพารามีน้าท่วมขังใหท้ าร่องระบายนา้ ออกจากแปลง 2. ใส่ปุ๋ยบารุงสม่าเสมอเพ่ือสรา้ งความสมบูรณ์ให้กับต้นยาง สามารถสร้างใบใหม่ออกมาทดแทน ใบยางทร่ี ่วงเนือ่ งจากโรคไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 3. หากสังเกตเห็นต้นยางมีทรงพุ่มไม่สดชื่น ใบออกเหลืองให้ตรวจสอบอาการของโรคบนใบ และใบยางท่รี ่วง หากพบมอี าการของโรคใหร้ ีบใชส้ ารเคมีฉดี พน่ ทรงพ่มุ ให้ท่วั ทงั้ แปลงโดยเคร่ืองฉดี พ่นสารเคมี แรงดันสงู หรอื เครื่องพน่ สารอน่ื ตามความเหมาะสม (ภาพท่ี 12 และ 13) 4. สารเคมปี อ้ งกันกาจัดโรค คาแนะนาการปอ้ งกันกาจัดโรคที่เกษตรกรตอ้ งปฏบิ ัตเิ ม่อื พบโรคน้ี ระบาดคือ พน่ ด้วยยาปอ้ งกันกาจัดเชื้อรา โพรพเิ นป หรือ คลอโรธาโลนลิ หรือเฮกซาโคนาโซล 1 ครั้ง ขอ้ แนะนาในการใช้สารปอ้ งกนั กาจดั โรค สารป้องกันกาจัดโรคถือเป็นวัตถุอันตรายทางการเกษตรชนิดหน่ึง ต้องขึ้นทะเบียนถูกต้องตาม กฎหมาย มีเลขทะเบียนวัตถุอนั ตราย และมีคาแนะนาบนฉลาก ไม่ใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรที่หา้ มผลติ นาเข้า สง่ ออก หรือการมไี ว้ในครอบครอง ตามพระราชบญั ญตั วิ ตั ถุอันตราย พ.ศ.2562 และทรี่ ะบใุ นรายการ วัตถุอันตรายทางการเกษตรที่ประเทศคู่ค้าหา้ มใช้ หรือตามข้อกาหนดของประเทศคู่ค้า ท้ังนี้ต้องไม่เปน็ สาร ห้ามใช้ในประเทศ และหยุดใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรก่อนการเก็บเกี่ยวตามช่วงเวลาท่ีระบุไว้ในฉลาก กากบั การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรแต่ละชนดิ หรือให้เปน็ ไปตามคาแนะนาของทางราชการ วัตถุอันตราย ทางการเกษตรท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั การผลติ ยางพารา มี 3 จาพวก ได้แก่ สารเคมกี าจัดวชั พชื สารเคมปี อ้ งกันกาจัด โรคและแมลง และนา้ กรดสาหรับการจบั ตัวของนา้ ยาง การใช้สารป้องกันกาจัดศัตรูพืชอย่างเหมาะสมต้องคานึงถึงสุขภาพและความป ลอดภัยของ ผูป้ ฏบิ ัติงาน รวมถงึ สง่ิ แวดล้อม ดังนั้นผูป้ ฏบิ ัติงานตอ้ งมคี วามรู้ในการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรที่ถูกต้อง เหมาะสมกับวัชพืชและศัตรูพชื ชนิดและอัตราการใช้ เครื่องพ่นวัตถุอันตรายทางการเกษตร และอุปกรณ์ท่ี เกีย่ วข้อง การปฏิบัติงานหมั่นตรวจอปุ กรณเ์ คร่อื งพ่นอย่าให้มีรอยร่วั เพราะจะทาให้สารพิษเปยี กเปือ้ นเสื้อผ้า และร่างกายของผพู้ ่นได้ ตอ้ งสวมเสอ้ื ผา้ และรองเทา้ ใหม้ ิดชิด รวมทง้ั การใช้หน้ากากหรอื ผ้าปดิ จมกู และศีรษะ เพ่อื ปอ้ งกันอันตรายจากสารพษิ (ภาพท่ี 14) ควรอา่ นฉลากคาแนะนาคุณสมบัตแิ ละการใชก้ อ่ นทุกครง้ั การพ่น สารเคมีควรพน่ ในช่วงเช้าหรือเย็นขณะลมสงบ หลีกเลย่ี งการพ่นในเวลาแดดจัดหรือลมแรง และผู้พ่นตอ้ งอยู่ เหนอื ลมตลอดเวลา การเตรยี มสารเคมีท่ผี สมแลว้ ใชใ้ ห้หมดในคราวเดยี ว ภาชนะบรรจุสารเคมคี วรปดิ ใหส้ นิท เมื่อเสร็จงานและเก็บไว้ในที่มิดชิดห่างจากสถานที่ปรุงอาหารและแหล่งน้า ภายหลังการพ่นสารเคมีทุกครัง้ ผู้พ่นต้องอาบน้า สระผม และเปลี่ยนเส้ือผา้ ทันที เส้อื ผ้าที่เป้ือนสารเคมีต้องซักให้สะอาดทุกคร้งั และทาลาย ภาชนะบรรจสุ ารเคมที ี่ใช้หมดแลว้ อยา่ ทิ้งตามร่องสวน แม่นา้ ลาคลอง

15 ภาพที่ 14 การปอ้ งกันตัวเองใหป้ ลอดภยั เมื่อใชส้ ารเคมปี อ้ งกนั กาจดั ศตั รูพืช เกษตรดที เ่ี หมาะสมกบั ยางพาราเพอ่ื สรา้ งความแขง็ แรงใหต้ ้นยางพารา เกษตรกรชาวสวนยางควรมีแผนการจดั การในแปลงปลูก ได้แก่ การทาข้ันบันได (กรณีพื้นที่ลาดชนั ) การใส่ปยุ๋ การกาจดั วชั พชื การปอ้ งกนั กาจัดศัตรพู ืช แผนการเก็บเก่ยี ว และปีทเี่ ปดิ กรีด รวมทัง้ การจัดการตาม แผนที่กาหนดไว้ ซึ่งวธิ กี ารดาเนนิ การตามหลักเกษตรดที เ่ี หมาะสมกบั ยางพารามีดงั น้ี 1. การตัดแต่งก่ิงต้นยาง การตัดแตง่ ก่ิงท่ถี ูกวิธีชว่ ยให้ตน้ ยางมีลาต้นกลม ตรง เปลือกบรเิ วณที่กรดี ไม่ มปี ่มุ ปม ง่ายตอ่ การกรดี ต้นยางเจริญเตบิ โตได้ดีขน้ึ ทรงพ่มุ สมดุล โปรง่ และป้องกันโรคจากเชือ้ รา การตดั แต่ง ก่ิงเร่ิมต้ังแต่ยางอายุ 1 ปีในช่วงต้นฤดูฝน และปลายฤดูฝน ในระดับต่ากว่า 2 เมตร ใช้กรรไกรตัดให้ชิดกับ ลาต้น ไม่ควรใช้มีดตัดหรือสับ และโน้มต้นลงมา ควรทาสารเคมีป้องกันโรคและแมลง ด้วยปูนขาว ปูนแดง หรือสี บริเวณรอยแผลที่ตดั แตง่ ก่งิ ทุกคร้งั 2. การคลุมโคน ปลายฤดูฝนควรคลุมบริเวณต้นยาง เพ่ือรักษาความชื้นในดินในช่วงฤดูแล้ง โดยใช้ฟางขา้ ว หรือเศษซากพืชเหลือใช้จากการเกษตรคลมุ บรเิ วณโคนต้นยางเปน็ วงกลมห่างจากโคนตน้ ยาง 5-10 เซนตเิ มตร ใหม้ รี ศั มคี ลุมพ้ืนท่โี คนตน้ ยางประมาณ 1 เมตร คลมุ หนาประมาณ 10 เซนติเมตร 3. การป้องกันรอยไหม้จากแสงแดด ในฤดูแล้งมักปรากฏรอยแห้งจากแสงแดด ซ่ึงเกิดจากการท่ี เนื้อเยอื่ ส่วนน้ันได้รับแสงแดดเป็นเวลานานติดต่อกันจนเซลลเ์ น้อื เยอ่ื เสียหาย ไม่สามารถเจรญิ เตบิ โตต่อไปได้ กอ่ นเขา้ ชว่ งแลง้ ควรใชป้ ูนขาว 1 ส่วนผสมกับน้า 2 สว่ น หมกั แชท่ ิ้งคา้ งคนื ทาตัง้ แตบ่ ริเวณโคนตน้ ส่วนท่เี ป็นสี น้าตาลสงู ขน้ึ มาจนถึงสว่ นทเ่ี ป็นสีน้าตาลปนเขียวเพ่ือปอ้ งกนั ความรุนแรงของแสงแดด 4. การควบคุมและกาจัดวชั พชื วชั พืชเป็นปัจจยั หลกั ทีม่ ผี ลตอ่ การเจริญเตบิ โตของตน้ ยางในชว่ งยาง ก่อนเปดิ กรีด การควบคมุ กาจดั วัชพืชมหี ลายวธิ ี ดงั น้ี 4.1. การควบคุมและกาจัดวัชพืชแบบไม่ใช้สารเคมี การปลูกพืชแซมยาง สามารถปลูกพืชแซมได้ตั้งแต่เริ่มปลูกยางพาราจนกระทั่งยางพารา เจริญเติบโตจนมีร่มเงาในระหว่างแถวยาง นอกจากน้ีปุ๋ยที่ใส่ให้พืชแซมยางยังเป็นประโยชน์ต่อยางพาราได้

16 อีกด้วย พืชแซมที่นามาปลูกควรเป็นพืชไร่หรือพืชสวนอายุสั้น และพืชผัก ต้องเป็นพืชที่เข้ากับสภาพของ ดินและภูมิอากาศในบริเวณน้ัน และเป็นท่ีต้องการของตลาดด้วย การปลกู ใหป้ ลกู ห่างจากแถวยางอย่างนอ้ ย 1.0-1.5 เมตร ไม่แนะนาให้ปลูกอ้อยโรงงาน ละหุ่ง และมันสาปะหลัง หากจาเป็นต้องปลูกมันสาปะหลงั ใน ระหวา่ งแถวยาง ควรปลูกห่างจากแถวยางไม่นอ้ ยกว่า 2 เมตร และไม่ควรปลกู พนั ธ์ุที่มีลาตน้ สงู ในกรณที แ่ี ปลง ยางเคยเป็นโรคราก ไมแ่ นะนาใหป้ ลกู มนั สาปะหลงั เปน็ พชื แซม การปลูกพืชคลุมดินตระกูลถั่วระหว่างแถวยาง ช่วยควบคุมวัชพืช ให้อินทรียวัตถุและ ธาตุอาหาร และป้องกันการชะล้างของหน้าดิน พืชคลุมดินตระกูลถั่วที่แนะนาได้แก่ คาโลโปโกเนียม เพอราเรีย เซนโตรซิมา ซีรูเลียม และมูคูนา การปลูกควรปลูกห่างจากแถวต้นยางประมาณข้างละ 2 เมตร ส่วนมูคูนาควรปลูกบริเวณกึ่งกลางระหว่างแถวยางห่างกันต้นละ 5 -8 เมตร ต้องระวังพืชคลุมเลื้อยขึ้น พันธุ์ต้นยาง และในช่วงฤดูแล้งให้ระวังเศษซากพืชคลุมที่แห้ง อาจก่อให้เกดิ ปัญหาไฟไหม้สวนยางได้ ไม่ควร ปลกู พชื คลุมกอ่ นปลกู ยาง ใช้แรงงานคน เช่น การขุด ถาก ตัด สามารถทาได้ทั้งในระหว่างแถวต้นยางและในแถวต้น ยาง และควรกาจัดก่อนวัชพืชออกดอก การใช้รถแทรกเตอร์ เหมาะกับสวนยางที่ไม่ปลูกพืชแซมหรือพืชคลุม โดยการตัดหรือ ไถพรวนระหว่างแถวต้นยางปีละ 2 ครั้ง ช่วงต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝน สาหรับสวนยางพาราที่มีอายุ ตั้งแต่ 4 ปีข้ึนไป ไม่ควรใช้รถแทรกเตอร์ไถอีกต่อไป เนื่องจากทาใหส้ ูญเสยี รากฝอย รวมทั้งเสียเวลาในการ สรา้ งรากใหมท่ ดแทน สวนยางที่เปดิ กรดี แลว้ จะทาให้ผลผลติ ลดลง 3-6 เดอื น นอกจากนี้การตดั รากทาให้เกดิ บาดแผล เชื้อโรคเขา้ ทาลายไดง้ ่ายข้นึ และทาใหด้ นิ อัดแน่น โครงสร้างดนิ เสยี หาย 4.2. การควบคุมและกาจัดวัชพืชแบบใช้สารเคมี การใช้สารเคมีกาจัดวัชพืชเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง ผู้ปฏิบัติควร เข้าใจเก่ียวกับชนิด ขนาด อายุของวัชพืช อายุของต้นยาง สภาพแวดล้อม ชนิดและอัตราของสารเคมีที่ใช้ ตลอดจนวิธีใช้ท่ีปลอดภัย ผลตกค้างในดินและนา้ 5. การใส่ปยุ๋ ยางพารา สูตรปุย๋ และอัตราปุย๋ ท่ีแนะนาสาหรับยางพารา เปน็ สูตรปุ๋ยทัว่ ไปเหมาะสาหรับดินทเ่ี ปน็ ตวั แทนส่วน ใหญ่ของประเทศ เพือ่ ใหเ้ กษตรกรสามารถนาไปปฏิบัตไิ ดง้ า่ ย ท้ังน้ีให้ใช้ปุ๋ยที่ข้ึนทะเบยี นกบั กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยางพารากอ่ นเปดิ กรดี ปุ๋ยบารุง ป๋ยุ เคมีท่ีแนะนาให้ใช้ในสวนยางกอ่ นเปิดกรีดมี 3 สูตร ตามเขตปลกู ยาง คือ สูตร 20-8-20 สาหรับดนิ ร่วนเหนยี วและดินรว่ นทรายในเขตปลูกยางเดิม สตู ร 20-10-12 สาหรบั ดินรว่ นเหนยี วในเขตปลกู ยางใหม่ สูตร 20-10-17 สาหรับดินร่วนทรายในเขตปลูกยางใหม่ หมายเหตุ - เขตปลูกยางเดิม คือ เขตพื้นที่ปลูกยางภาคใต้และภาคตะวันออก 3 จังหวัด คือ ระยอง จันทบุรี และตราด เขตปลูกยางใหม่ ได้แก่ พื้นท่ีปลูกยางในเขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวนั ออก (นอกเหนือจาก 3 จังหวัด) และภาคกลาง อัตราปุ๋ยท่แี นะนาให้ใสแ่ ตกต่างกันตามชนิดของเน้อื ดนิ และอายุของต้นยาง (ตารางที่ 3) ควรใสป่ ุ๋ย อินทรีย์รว่ มดว้ ยในพน้ื ท่ีทีม่ ีปริมาณอินทรยี วัตถุต่าอัตราอย่างนอ้ ย 2 กิโลกรมั ต่อต้นต่อปี โดยคลุกเคลา้ กับดิน ก่อนใสป่ ยุ๋ เคมี 15-20 วนั

17 วิธีการใส่ปุ๋ยยางเล็ก ใส่เป็นวงกลมรอบ ๆ ลาต้นตามบริเวณทรงพุ่ม เม่ือต้นยางมีอายุ 2 ปีขึ้นไป ให้ใส่ปุ๋ยโดยโรยเป็นแถบ 2 ข้างแถวยางตามบริเวณทรงพุ่มของต้น แล้วเกลี่ยดินกลบให้ปุ๋ยอยู่ใต้ผิวดิน ในพ้นื ทลี่ าดชันและพื้นท่ีท่มี ฝี นตกชกุ ตดิ ต่อกันเป็นเวลานาน ควรใส่โดยขุดหลมุ ลกึ ประมาณ 5-10 เซนตเิ มตร จานวน 2 หลุมต่อต้น เพ่ือลดการชะล้างปุ๋ย การใส่ปุ๋ยบริเวณรอบทรงพุ่ม เนื่องจากบริเวณปลายรากจะอยู่ บริเวณทรงพมุ่ เป็นรากใหม่ๆ และรากฝอยซ่ึงเป็นรากทีส่ าคญั ในการดูดน้าและสารอาหารจากดนิ จะมีอยู่มาก ในบรเิ วณนนั้ ตารางท่ี 3 สูตรและอตั ราปุ๋ยท่แี นะนาให้ใชก้ ับตน้ ยางกอ่ นเปิดกรีด อายุต้นยาง เขตปลกู ยางเดมิ (กรมั /ตน้ ) เขตปลกู ยางใหม่ (กรมั /ตน้ ) (เดอื น) ปีที่ ดินร่วนเหนียว ดินร่วนทราย ดนิ รว่ นเหนียว ดินร่วนทราย 20-8-20 20-8-20 20-10-12 20-10-17 1 2 70 100 60 70 5 100 140 80 110 11 130 170 100 120 2 14 150 200 110 130 16 150 210 120 130 23 150 210 180 140 3 28 230 320 180 210 36 230 320 180 210 4 42 240 330 180 210 48 240 330 200 280 5 52 260 360 200 280 60 260 360 200 280 6 64 270 370 200 330 72 270 370 200 330 7 76 - - 200 330 84 200 330 ยางพาราหลังเปิดกรีด ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 30-5-18 ในกรณีผสมปุ๋ยใช้เอง หรือปุ๋ยเคมีสูตรสาเร็จ 29-5-18 โดยแบ่งใส่ปีละ 2 ครั้ง คร้ังแรกใส่ต้นฤดูฝนช่วงใบเพสลาด และครั้งที่สองใส่ปลายฤดูฝน อัตรา 500 กรัมต่อต้นต่อครั้ง ในช่วงที่ดินมีความช้ืนหรือฝนตกติดต่อกัน โดยหว่านระหว่างแถวหรือ โรยบริเวณก่ึงกลางแถว ควรเกลี่ยใบยางให้เป็นแนวก่อนใส่ป๋ยุ แล้วคราดกลบ ในกรณีท่ีระหว่างแถวยางเป็น ร่องระบายน้าใหใ้ สป่ ยุ๋ ห่างจากโคนต้นยางประมาณ 2-3 เมตร ถ้าพ้ืนท่ีลาดเอียง หรือสูงๆ ต่าๆ เป็นลอนลาด ควรขุดหลุมแล้วฝังกลบเพื่อป้องกันปุ๋ยถูกชะล้าง ไม่ควรใส่ปุ๋ยบริเวณโคนต้นยาง เนื่องจากรากฝอยบริเวณ ใกล้ๆ ลาต้นส่วนใหญเ่ ปน็ รากแกม่ ีศกั ยภาพในการดูดธาตุอาหารต่ามาก การผสมปุ๋ยสูตร 30-5-18 มีสัดส่วนการผสมอย่างง่าย ดังน้ี 6:1:3 หมายถึง ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) จานวน 6 กระสอบ ปยุ๋ ไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (18-46-0) จานวน 1 กระสอบ และปุย๋ โพแทสเซยี ม (0-0-60)

18 จานวน 3 กระสอบ สูตรนี้ผสมได้คร้ังละ 500 กิโลกรัม หรือ 10 กระสอบ ใส่ต้นยางได้ 1,000 ต้น อัตรา ต้นละ 500 กรมั สาหรับการใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยอินทรีย์ ควรใส่โดยผสมคลุกเคล้ากับดิน หรืออาจใช้วิธีโรยเป็นจุดๆ ห่างจากแถวยาง 2-3 เมตร หรือใส่ก่ึงกลางระหว่างแถวยาง ไม่ควรวางปุ๋ยคอกทั้งกระสอบ ถึงแม้ว่าจะกรีด กระสอบให้ขาดก็ตาม เพราะไมม่ ีผลในการปรบั สภาพดิน แบบบนั ทกึ การระบาดของโรคใบร่วงชนดิ ใหม่ในยางพารา 1. ข้อมูลเจา้ ของแปลง นาย/นาง/นางสาว นามสกลุ ที่อยเู่ ลขที่ หม่ทู ่ี ตาบล อาเภอ จังหวดั 2. ข้อมลู เจา้ ของสวนยาง ทต่ี ้ังของแปลงยาง หม่ทู ่ี ตาบล อาเภอ จังหวัด พนั ธย์ุ าง อายุ พน้ื ทีป่ ลกู ไร่ ระยะปลูก พิกัดแปลง X Y 3. สภาพอากาศช่วง 10 – 15 วัน ก่อนจนถงึ วนั สารวจ (สังเขป) สภาพฝน สภาพอากาศ 4. ข้อมูลโรค การพบโรค และผลการผลติ ยางพารา ว/ด/ป ที่ การพบโรคชว่ งสารวจ ประวตั กิ ารพบโรคครั้งแรก ผลผลิตยาง (กก.) สารวจ พบ ไม่พบ %ใบร่วง เร่ิมพบโรค สภาพ กอ่ นพบ ปัจจบุ ัน (ด/ป) อากาศ โรค

19 ผสู้ ารวจ/บนั ทึก หมายเหตุ เกษตรกรชาวสวนยางทพี่ บโรคใบร่วงระบาดหรือมขี ้อสงสัย สอบถามได้ทสี่ ถาบนั วจิ ยั ยาง การยาง แหง่ ประเทศไทย กรงุ เทพฯ ศนู ยว์ ิจัยยาง หรือการยางแหง่ ประเทศไทยในพ้ืนที่