Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔ (๒)

พระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔ (๒)

Description: พระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔ (๒)

Search

Read the Text Version

ราชกจิ จานเุ บกษา พระราชบัญญตั ิ พัฒนาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔

พระราชบญั ญตั ิ พฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔ ภมู ิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๒๙ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นปี ที่ ๔๖ ในรัชกาลปัจจุบนั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายวา่ ดว้ ยการพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ิข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและ ยนิ ยอมของสภานิติบญั ญตั ิแห่งชาติ ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั ิน้ีเรียกวา่ “พระราชบญั ญตั ิพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔” มาตรา ๒[๑] พระราชบญั ญตั ิน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราช กิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี “การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย”ี หมายความวา่ การดาเนินกิจการทีเ่ ป็น การเพมิ่ พูนความรู้และความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยเี พ่อื ยกระดบั ความสามารถ ทางการผลิตและการบริการตลอดจนระดบั ฐานะทางเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ โดยรวม ถึงการพฒั นาขีดความสามารถในการรับและถ่ายทอดเทคโนโลยที ้งั ภายในประเทศและจาก ต่างประเทศเพื่อการพฒั นาประเทศในทกุ ดา้ น

“การวจิ ยั พฒั นาและวิศวกรรม” หมายความว่า การศึกษาคน้ ควา้ ท่มี ุ่งจะนาผลไป ปรับปรุงผลิตภณั ฑห์ รือกรรมวธิ ีการผลิตทางอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและบริการหรือกิจกรรม ทเี่ ก่ียวขอ้ ง รวมท้งั การศึกษาคน้ ควา้ เพ่อื นามาซ่ึงผลิตภณั ฑใ์ หม่หรือกรรมวธิ ีการผลิตใหม่ ตลอดจนบริการหรือกิจกรรมใหม่ โดยรวมถึงการเผยแพร่และพฒั นาผลของการศึกษาคน้ ควา้ จนถึงข้นั การผลิตเชิงธุรกิจ “กองทุน” หมายความวา่ กองทุนเพอ่ื การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยแี ห่งชาติ “สานกั งาน” หมายความวา่ สานกั งานพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งชาติ “ผอู้ านวยการ” หมายความว่า ผอู้ านวยการสานกั งานพฒั นาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยแี ห่งชาติ “รัฐมนตรี” หมายความวา่ รัฐมนตรีผรู้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรา ๔ ใหม้ ีคณะกรรมการพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งชาติ ประกอบดว้ ย รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม* เป็น ประธานกรรมการ ปลดั กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม* เป็นรอง ประธานกรรมการ ผทู้ รงคุณวฒุ ิซ่ึงคณะรัฐมนตรีแต่งต้งั เป็ นกรรมการไม่เกินยส่ี ิบสองคน โดย ใหแ้ ต่งต้งั จากหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ผซู้ ่ึงมิใช่ขา้ ราชการจานวนฝ่ายละเทา่ ๆ กนั และให้ ผอู้ านวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ มาตรา ๕ คณะกรรมการมีอานาจหนา้ ที่ควบคุมดูแลกิจการทว่ั ไปของสานกั งาน และโดยเฉพาะมีอานาจหนา้ ที่ ดงั น้ี (๑) พิจารณาอนุมตั ิแผนหลกั เกี่ยวกบั การพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยขี อง สานกั งาน (๒) กาหนดนโยบายและควบคุมดูแลการดาเนินงานของสานกั งานในการบริหาร กองทนุ และพิจารณาจดั สรรทนุ สาหรับกิจกรรมหลกั ต่าง ๆ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาวการณ์ในการ พฒั นาประเทศ (๓) วางมาตรการ กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละเง่ือนไขต่าง ๆ ในส่วนท่ีเกี่ยวกบั กองทุน เพอ่ื สนบั สนุนการรับและการถ่ายทอดเทคโนโลยี

(๔) อนุมตั ิแผนการเงินและงบประมาณประจาปี ของสานกั งาน (๕) จดั ต้งั หน่วยงานเฉพาะทางข้ึนในสานกั งานโดยอนุมตั ิคณะรัฐมนตรีในกรณี ทม่ี ีความจาเป็นตอ้ งดาเนินการพฒั นากิจกรรมใดเป็นกรณีพเิ ศษ (๖) ออกขอ้ บงั คบั ว่าดว้ ยการจดั แบง่ ส่วนงานของสานกั งาน และขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ย การบริหารงานของสานกั งาน รวมถึงระเบียบขอ้ บงั คบั ดา้ นการเงิน (๗) กาหนดจานวน ตาแหน่ง ระยะเวลาจา้ ง อตั ราเงินเดือน ค่าจา้ งและเงินเดือน ของพนกั งานและลูกจา้ ง (๘) ออกขอ้ บงั คบั ว่าดว้ ยการบรรจุ การแตง่ ต้งั การกาหนดตาแหน่ง การกาหนด อตั ราเงินเดือนหรือค่าจา้ ง การเล่ือนเงินเดือนหรือค่าจา้ ง การออกจากงาน วินยั การลงโทษและ การอุทธรณ์ การลงโทษทางวนิ ยั การร้องทุกขข์ องพนกั งานและลูกจา้ งรวมท้งั การบริหารงาน บุคคลโดยทว่ั ไป (๙) ออกขอ้ บงั คบั ว่าดว้ ยการคดั เลือกผอู้ านวยการ การปฏิบตั ิงานของผูอ้ านวยการ และการมอบใหผ้ อู้ ื่นรักษาการแทนหรือปฏิบตั ิการแทนผอู้ านวยการ (๑๐) ออกขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ยสวสั ดิการหรือการสงเคราะห์อื่นแก่พนกั งานและ ลูกจา้ ง มาตรา ๖ ใหก้ รรมการซ่ึงคณะรัฐมนตรีแตง่ ต้งั อยใู่ นตาแหน่งคราวละสองปี ในกรณีทกี่ รรมการซ่ึงคณะรัฐมนตรีแต่งต้งั พน้ จากตาแหน่งก่อนวาระ หรือใน กรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งต้งั กรรมการเพมิ่ ข้นึ ในระหว่างท่กี รรมการซ่ึงแต่งต้งั ไวแ้ ลว้ ยงั มีวาระอยู่ ในตาแหน่ง ใหผ้ ไู้ ดร้ ับแต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการเพมิ่ ข้ึนอยใู่ นตาแหน่ง เท่ากบั วาระท่ีเหลืออยขู่ องกรรมการซ่ึงไดแ้ ต่งต้งั ไวแ้ ลว้ เม่ือครบกาหนดตามวาระดงั กลา่ วในวรรคหน่ึง หากยงั มิไดม้ ีการแต่งต้งั กรรมการข้ึนใหม่ ใหก้ รรมการซ่ึงพน้ จากตาแหน่งตามวาระน้นั อยใู่ นตาแหน่งเพอ่ื ดาเนินงาน ต่อไปจนกวา่ กรรมการซ่ึงไดร้ ับแต่งต้งั ใหม่เขา้ รับหนา้ ที่ กรรมการซ่ึงพน้ จากตาแหน่งตามวาระอาจไดร้ ับแต่งต้งั อกี ได้ มาตรา ๗ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๖ กรรมการซ่ึง คณะรัฐมนตรีแต่งต้งั พน้ จากตาแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย

(๒) ลาออก (๓) คณะรัฐมนตรีใหอ้ อก (๔) เป็นบุคคลลม้ ละลาย (๕) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ไดร้ ับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงทีส่ ุดใหจ้ าคุก เวน้ แต่เป็นโทษสาหรับ ความผดิ ทีไ่ ดก้ ระทาโดยประมาท หรือความผดิ ลหุโทษ มาตรา ๘ การประชุมคณะกรรมการทกุ คราวตอ้ งมีกรรมการมาประชุมไม่นอ้ ย กว่าก่ึงหน่ึงของจานวนกรรมการท้งั หมด จึงจะเป็นองคป์ ระชุม ในการประชุมคณะกรรมการ ถา้ ประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจ ปฏิบตั ิหนา้ ที่ได้ ใหร้ องประธานกรรมการเป็นประธานในทปี่ ระชุม ถา้ ประธานกรรมการและ รองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไมอ่ าจปฏิบตั ิหนา้ ท่ไี ด้ ใหท้ ปี่ ระชุมเลือกกรรมการคน หน่ึงเป็ นประธานในที่ประชุม การวนิ ิจฉยั ช้ีขาดของที่ประชุมใหถ้ ือเสียงขา้ งมาก กรรมการคนหน่ึงใหม้ ีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถา้ คะแนนเสียงเท่ากนั ให้ ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิม่ ข้ึนอีกเสียงหน่ึงเป็นเสียงช้ีขาด มาตรา ๙ ใหป้ ระธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการไดร้ ับเบ้ีย ประชุมและประโยชน์ตอบแทนอน่ื ตามระเบยี บที่คณะรัฐมนตรีกาหนด มาตรา ๑๐ คณะกรรมการมีอานาจแต่งต้งั คณะอนุกรรมการเพ่อื พจิ ารณาหรือ ปฏิบตั ิการอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมายได้ การดาเนินการตามมาตรา ๕ (๗) (๘) และ (๑๐) ใหค้ ณะกรรมการแต่งต้งั คณะอนุกรรมการเพ่ือพจิ ารณาก่อนนาเสนอคณะกรรมการ การแต่งต้งั คณะอนุกรรมการตามวรรคสอง ใหม้ ีตวั แทนพนกั งานหรือลูกจา้ งซ่ึง มาจากการเลือกต้งั ของพนกั งานและลูกจา้ งเป็นอนุกรรมการสองคน การประชุมคณะอนุกรรมการตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ใหน้ ามาตรา ๘ มาใช้ บงั คบั โดยอนุโลม

มาตรา ๑๑ ใหจ้ ดั ต้งั สานกั งานข้ึนเรียกวา่ “สานกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยแี ห่งชาติ” และใหส้ านกั งานน้ีเป็นนิติบคุ คลท่ีกฎหมายวา่ ดว้ ยแรงงานสัมพนั ธ์ไม่ใช้ บงั คบั มีวตั ถุประสงค์ ดงั ต่อไปน้ี (๑) บริหารกองทุนตามกฎหมาย ขอ้ บงั คบั และมติของคณะกรรมการ (๒) สารวจ ศกึ ษาและวิเคราะห์ทางวชิ าการต่าง ๆ เพอ่ื ใชเ้ ป็นพ้ืนฐานในการ วางเป้าหมาย นโยบาย และจดั ทาแผน โครงการ และมาตรการต่าง ๆ ในการพฒั นาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยขี องประเทศ แลว้ นาเสนอต่อรัฐมนตรี (๓) ดาเนินการวจิ ยั พฒั นาและดาเนินการดา้ นวิศวกรรม และสนบั สนุนการวจิ ยั พฒั นาและวศิ วกรรมของภาครัฐบาล ภาคเอกชน และสถาบนั การศึกษา และส่งเสริมความ ร่วมมือในกิจกรรมดา้ นน้ีระหว่างภาครัฐบาล ภาคเอกชน และสถาบนั การศึกษา ตลอดจนนานา ประเทศเพื่อพฒั นาประโยชน์เชิงพาณิชย์ (๔) ดาเนินการและสนบั สนุนการใหบ้ ริการในการวเิ คราะห์ทดสอบคุณภาพ ผลิตภณั ฑ์ การสอบเทียบมาตรฐานและความถูกตอ้ งของอุปกรณ์ การใหบ้ ริการขอ้ มลู และการ ใหค้ าปรึกษาทางเทคโนโลยี และสนบั สนุนการใหบ้ ริการอนื่ ๆ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (๕) สนบั สนุนการเพ่มิ สมรรถนะในการเลือกและรับเทคโนโลยจี ากต่างประเทศ ตลอดจนการจดั การโครงการลงทนุ และโครงการพฒั นาท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การรับการถา่ ยทอด เทคโนโลยจี ากต่างประเทศ เพื่อใหไ้ ดเ้ ทคโนโลยที ีม่ ีประสิทธิภาพและเหมาะสม และเพื่อเก้ือกลู การสร้างเสริมสมรรถนะทางเทคโนโลยขี องประเทศ (๖) ดาเนินการและส่งเสริมการพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยขี องประเทศ รวมท้งั การพฒั นากาลงั คนดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ้งั ใน ภาครัฐบาลและภาคเอกชน (๗) กระทาการอ่ืนใดตามทีก่ ฎหมายกาหนดใหเ้ ป็นหนา้ ท่ีของสานกั งานและ ตามท่คี ณะกรรมการมอบหมาย มาตรา ๑๒ ใหส้ านกั งานมีอานาจกระทากิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่ง วตั ถุประสงคต์ ามมาตรา ๑๑ และอานาจเช่นว่าน้ีใหร้ วมถึง (๑) จดั ใหไ้ ดม้ า ถือกรรมสิทธ์ิ เช่า ใหเ้ ช่า เช่าซ้ือ ใหเ้ ช่าซ้ือ ยมื ใหย้ มื แลกเปลี่ยน โอน รับโอน และขายหรือจาหน่ายดว้ ยวธิ ีใด ๆ ซ่ึงอสังหาริมทรัพยห์ รือสังหาริมทรัพยร์ วมท้งั หลกั ทรัพยต์ ่าง ๆ ตลอดจนรับทรัพยส์ ินทมี่ ีผมู้ อบหรืออุทิศให้

(๒) รับค่าตอบแทนการใชป้ ระโยชน์ทรัพยส์ ินทางปัญญา ค่าตอบแทนการใหใ้ ช้ หรือการโอนสิทธิบตั ร และค่าบริการในการใหบ้ ริการ รวมท้งั ทาความตกลงและกาหนดเง่ือนไข เกี่ยวกบั ค่าตอบแทนและค่าบริการน้นั (๓) ทาความตกลงและร่วมมือกบั องคก์ ารหรือหน่วยงานในประเทศและ ต่างประเทศ ในกิจการท่ีเก่ียวกบั การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการวิจยั พฒั นาและ วศิ วกรรม (๔) จดั ใหม้ ีและใหท้ ุนเพอื่ สนบั สนุนการพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (๕) เขา้ ร่วมกิจการกบั บุคคลอืน่ หรือถือหุน้ ในบริษทั จากดั เพอ่ื ประโยชนแ์ ก่การ พฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (๖) กยู้ มื เงิน ใหก้ ยู้ มื เงิน โดยมีหลกั ประกนั ดว้ ยบคุ คลหรือทรัพยส์ ินหรือการ ลงทนุ ท้งั น้ี เพื่อการวจิ ยั และพฒั นา และการบริการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การกูย้ มื เงินหรือการลงทุน ถา้ เป็นจานวนเงินเกินวงเงินท่รี ัฐมนตรีกาหนด ตอ้ งไดร้ ับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน (๗) กระทาการอยา่ งอนื่ บรรดาทเ่ี ก่ียวกบั หรือเนื่องในการจดั ใหส้ าเร็จตาม วตั ถุประสงคข์ องสานกั งาน มาตรา ๑๓ ใหส้ านกั งานมีผอู้ านวยการคนหน่ึงซ่ึงคณะกรรมการแต่งต้งั ดว้ ย ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มาตรา ๑๔ ใหผ้ อู้ านวยการมีวาระอยใู่ นตาแหน่งคราวละสามปี และอาจไดร้ ับ แต่งต้งั อกี ไดแ้ ต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกนั นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระแลว้ ผอู้ านวยการพน้ จากตาแหน่งเม่ือ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะกรรมการใหอ้ อกดว้ ยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มาตรา ๑๕ ผอู้ านวยการมีอานาจหนา้ ที่ ดงั น้ี (๑) บริหารงานของสานกั งานตามกฎหมาย ขอ้ บงั คบั ระเบยี บ และมติของ คณะกรรมการ

(๒) รับผดิ ชอบในการดาเนินงานและบงั คบั บญั ชาพนกั งานและลูกจา้ งของ สานกั งานทกุ ตาแหน่ง (๓) บรรจุ แต่งต้งั เล่ือน ลด ตดั เงินเดือนหรือค่าจา้ ง ลงโทษทางวินยั พนกั งานและ ลูกจา้ ง ตลอดจนใหพ้ นกั งานหรือลูกจา้ งออกจากตาแหน่ง ท้งั น้ี ตามขอ้ บงั คบั ท่ีคณะกรรมการ กาหนด แต่ถา้ เป็นพนกั งานระดบั รองผอู้ านวยการ ผชู้ ่วยผอู้ านวยการหรือผอู้ านวยการฝ่ าย ตอ้ ง ไดร้ ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน (๔) วางระเบยี บเก่ียวกบั การปฏิบตั ิงานของสานกั งาน โดยไม่ขดั หรือแยง้ กบั ขอ้ บงั คบั ระเบียบ หรือมติของคณะกรรมการ มาตรา ๑๖ ในกิจการที่เก่ียวกบั บุคคลภายนอก ใหผ้ อู้ านวยการเป็นผแู้ ทนของ สานกั งาน และเพอื่ การน้ี ผอู้ านวยการจะมอบอานาจใหบ้ ุคคลใดปฏิบตั ิงานเฉพาะอยา่ งแทนก็ได้ แต่ตอ้ งเป็นไปตามขอ้ บงั คบั ที่คณะกรรมการกาหนด มาตรา ๑๗ ใหจ้ ดั ต้งั กองทุนข้ึนกองทุนหน่ึงในสานกั งานเรียกว่า “กองทุนเพ่ือ การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย”ี ประกอบดว้ ย (๑) เงินทุนประเดิมทรี่ ัฐบาลจดั สรรให้ (๒) เงินและทรัพยส์ ินในส่วนทเ่ี กี่ยวกบั โครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยเี พอื่ การพฒั นาทไ่ี ดร้ ับโอนจากสถาบนั วจิ ยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย (๓) เงินและทรัพยส์ ินทไี่ ดร้ ับโอนจากสานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงการ อดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม* ในส่วนท่ีเกี่ยวกบั โครงการศูนยพ์ นั ธุวิศวกรรม และเทคโนโลยชี ีวภาพแห่งชาติ ศูนยเ์ ทคโนโลยโี ลหะและวสั ดุแห่งชาติ และศูนยเ์ ทคโนโลยี อเิ ลก็ ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (๔) เงินอุดหนุนทร่ี ัฐบาลจดั สรรใหจ้ ากงบประมาณแผน่ ดินประจาปี (๕) เงินอุดหนุนจากต่างประเทศรวมท้งั องคก์ รระหวา่ งประเทศ (๖) เงินหรือทรัพยส์ ินท่ีมีผมู้ อบใหเ้ พอ่ื สมทบกองทุน (๗) ดอกผลหรือรายไดข้ องกองทนุ รวมท้งั ผลประโยชนจ์ ากทรัพยส์ ินทางปัญญา และค่าตอบแทนการใหใ้ ชห้ รือการโอนสิทธิบตั ร (๘) เงินและทรัพยส์ ินอน่ื ที่ตกเป็นของกองทุน

ในกรณีกองทนุ มีจานวนเงินไม่พอสาหรับค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงานของ สานกั งานและค่าภาระต่าง ๆ ท่เี หมาะสม รัฐพึงจดั สรรเงินงบประมาณแผน่ ดินเขา้ สมทบกองทนุ เท่าจานวนทจ่ี าเป็ น มาตรา ๑๘ รายไดข้ องกองทนุ และของสานกั งานใหน้ าเขา้ สมทบกองทนุ โดยไม่ ตอ้ งส่งกระทรวงการคลงั ตามกฎหมายว่าดว้ ยเงินคงคลงั และกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีการงบประมาณ มาตรา ๑๙ ใหส้ านกั งานวางและถือไวซ้ ่ึงระบบการบญั ชีทเี่ หมาะสมแก่กิจการ แยกตามประเภทงานส่วนทส่ี าคญั มีสมุดบญั ชีลงรายการรับและจ่ายเงิน สินทรัพยแ์ ละหน้ีสินที่ แสดงกิจการทีเ่ ป็นอยตู่ ามความจริงและตามทคี่ วร ตามประเภทงานพร้อมดว้ ยขอ้ ความอนั เป็ น ทีม่ าของรายการน้นั ๆ และใหม้ กี ารตรวจสอบบญั ชีภายในเป็ นประจา มาตรา ๒๐ ใหส้ านกั งานจดั ทางบดุล บญั ชีทาการ และบญั ชีกาไรขาดทุนส่ง ผสู้ อบบญั ชีตรวจสอบภายในหน่ึงร้อยยสี่ ิบวนั นบั แต่วนั สิ้นปี บญั ชีทุกปี ใหส้ านกั งานตรวจเงินแผน่ ดินเป็นผสู้ อบบญั ชีของสานกั งานทุกรอบปี แลว้ ทา รายงานผลการสอบบญั ชีเสนอต่อคณะกรรมการ มาตรา ๒๑ ทุก ๆ ปี ใหส้ านกั งานจดั ทารายงานประจาปี เสนอต่อคณะกรรมการ เพ่อื เสนอรัฐมนตรี โดยแสดงงบดุล บญั ชีทาการ และบญั ชีกาไรขาดทนุ ทีผ่ สู้ อบบญั ชีรับรองวา่ ถูกตอ้ ง พร้อมท้งั รายงานของผสู้ อบบญั ชี รวมท้งั แสดงผลงานของสานกั งานในปี ท่ีล่วงมาดว้ ย ใหร้ ัฐมนตรีเสนอรายงานประจาปี ตามวรรคหน่ึงต่อคณะรัฐมนตรี และให้ คณะรัฐมนตรีเสนอรายงานน้นั ต่อรัฐสภาเพื่อทราบ มาตรา ๒๒ ใหจ้ ดั ต้งั ศูนยพ์ นั ธุวิศวกรรมและเทคโนโลยชี ีวภาพแห่งชาติ ศูนย์ เทคโนโลยโี ลหะและวสั ดุแห่งชาติ และศูนยเ์ ทคโนโลยอี ิเลก็ ทรอนิกส์และคอมพวิ เตอร์แห่งชาติ เป็นส่วนหน่ึงของสานกั งาน มาตรา ๒๓ ใหโ้ อนบรรดากิจการ ทรัพยส์ ิน สิทธิ หน้ี งบประมาณ รวมท้งั พนกั งานและลูกจา้ งของสถาบนั วิจยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทยในส่วนท่ี

เก่ียวกบั โครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยเี พือ่ การพฒั นา ไปเป็นของสานกั งานโดยให้ พนกั งานและลูกจา้ งดงั กล่าวดารงตาแหน่งทดี่ ารงอยแู่ ละไดร้ ับเงินเดือนหรือค่าจา้ งรวมท้งั สิทธิ และประโยชน์ต่าง ๆ ที่ไดร้ ับอยใู่ นวนั ที่พระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ไปพลางก่อนจนกว่าจะได้ บรรจุและแต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งในสานกั งาน แต่จะแต่งต้งั ใหไ้ ดร้ ับเงินเดือนหรือค่าจา้ งต่ากวา่ เงินเดือนหรือค่าจา้ งที่ไดร้ ับอยเู่ ดิมไม่ได้ และใหถ้ ือวา่ เวลาทางานของบุคคลดงั กล่าวในโครงการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยเี พ่อื การพฒั นาเป็นเวลาทางานติดต่อกนั กบั เวลาทางานในสานกั งาน นบั แต่วนั ท่พี ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั มาตรา ๒๔ ใหโ้ อนบรรดากิจการ ทรัพยส์ ิน สิทธิ หน้ี และงบประมาณของ สานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม* ในส่วนที่ เก่ียวกบั โครงการศูนยพ์ นั ธุวศิ วกรรมและเทคโนโลยชี ีวภาพแห่งชาติ ศูนยเ์ ทคโนโลยโี ลหะและ วสั ดุแห่งชาติ และศูนยเ์ ทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ท่ีมีอยใู่ นวนั ท่ี พระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ไปเป็นของสานกั งาน ขา้ ราชการหรือลูกจา้ งผใู้ ดของสานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงการ อดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม* ซ่ึงปฏิบตั ิงานเกี่ยวกบั กิจการทโ่ี อนไปตามวรรค หน่ึง ถา้ สมคั รใจจะโอนไปปฏิบตั ิงานเป็นพนกั งานหรือลูกจา้ งของสานกั งาน และไดแ้ จง้ ความ จานงเป็นหนงั สือต่อผบู้ งั คบั บญั ชาผมู้ ีอานาจบรรจุและแต่งต้งั ภายในสามสิบวนั นบั แต่วนั ท่ี พระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ใหโ้ อนขา้ ราชการหรือลูกจา้ งผนู้ ้นั ไปเป็นพนกั งานหรือลูกจา้ งของ สานกั งาน แต่ท้งั น้ี ตามท่รี ัฐมนตรีเจา้ สังกดั และสานกั งานจะไดต้ กลงกนั ใหข้ า้ ราชการหรือลูกจา้ งทีโ่ อนไปเป็นพนกั งานหรือลูกจา้ งของสานกั งาน แลว้ แต่กรณี ไดร้ ับเงินเดือนหรือค่าจา้ ง รวมท้งั สิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เทา่ กบั ทเ่ี คยไดร้ ับอยู่ เดิมไปพลางก่อนจนกว่าจะไดบ้ รรจุและแตง่ ต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งในสานกั งานแต่จะแต่งต้งั ให้ ไดร้ ับเงินเดือนหรือค่าจา้ งต่ากว่าเงินเดือนหรือค่าจา้ งทีไ่ ดร้ ับอยเู่ ดิมไม่ได้ การโอนขา้ ราชการตามมาตราน้ีใหถ้ ือวา่ เป็นการใหอ้ อกจากราชการเพราะเลิก หรือยบุ ตาแหน่งตามกฎหมายว่าดว้ ยบาเหนจ็ บานาญขา้ ราชการ การโอนลูกจา้ งตามมาตราน้ีใหถ้ ือวา่ เป็นการใหอ้ อกจากงานเพราะทางราชการ ยบุ ตาแหน่งหรือทางราชการเลิกจา้ งโดยไมม่ ีความผดิ และใหไ้ ดร้ ับบาเหนจ็ ตามระเบยี บ กระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยบาเหนจ็ ลูกจา้ ง

เพ่ือประโยชน์ในการนบั เวลาการทางานสาหรับคานวณบาเหน็จหรือบานาญตาม ขอ้ บงั คบั ของสานกั งาน ขา้ ราชการหรือลูกจา้ งผใู้ ดทโ่ี อนไปตามมาตราน้ีประสงคจ์ ะใหน้ บั เวลา ราชการหรือเวลาทางานในขณะทีเ่ ป็นขา้ ราชการหรือลูกจา้ งก่อนทมี่ ีการโอนเป็นเวลาทางานของ พนกั งานหรือลูกจา้ งของสานกั งาน แลว้ แตก่ รณี ก็ใหม้ ีสิทธิกระทาไดโ้ ดยแสดงความจานงว่าไม่ ขอรับบาเหนจ็ หรือบานาญ การไม่ขอรับบาเหน็จหรือบานาญตามวรรคหก จะตอ้ งกระทาภายในสามสิบวนั นบั แต่วนั ทีโ่ อน สาหรับกรณีของขา้ ราชการใหด้ าเนินการตามกฎหมายว่าดว้ ยบาเหน็จบานาญ ขา้ ราชการ สาหรับกรณีของลูกจา้ งใหก้ ระทาเป็นหนงั สือลงลายมือชื่อเป็นหลกั ฐานยนื่ ต่อผู้ ว่าจา้ งเพือ่ ส่งต่อไปใหก้ ระทรวงการคลงั ทราบ มาตรา ๒๕[๒] ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และ นวตั กรรมรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ พลตารวจเอก เภา สารสิน รองนายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี คือ การท่ีรัฐบาลจะนาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยมี าใชใ้ นการพฒั นาประเทศอยา่ งมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ จาเป็ นตอ้ งเพ่ิม สมรรถนะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยขี องภาครัฐบาลและภาคเอกชน และพฒั นาโครงสร้าง พ้นื ฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยขี องประเทศใหเ้ ก้ือหนุนการพฒั นาประเทศอยา่ งแทจ้ ริง การพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยนี ้นั มิไดจ้ ากดั อยเู่ ฉพาะการเสริมสร้างองคก์ รและกิจกรรม ดา้ นวจิ ยั และพฒั นาเท่าน้นั หากตอ้ งเสริมสร้างสมรรถนะทางวิศวกรรมและสมรรถนะทาง เทคโนโลยอี น่ื ๆ ตลอดจนการบริการทางเทคโนโลยดี า้ นต่าง ๆ ไปพร้อมกนั ดว้ ย จึงจะสามารถ นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยมี าใชป้ รับปรุงและพฒั นาการผลิต การบริการ และกิจกรรม ต่อเนื่องต่าง ๆ ท้งั ทางอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม รวมท้งั ช่วยใหภ้ าคการผลิตสามารถรับการ ถ่ายทอดเทคโนโลยจี ากต่างประเทศไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ดงั น้นั การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และ

เทคโนโลยตี อ้ งครอบคลุมกิจกรรมหลายประเภทและตอ้ งอาศยั ทุนจานวนมากท้งั จากภาครัฐบาล และจากแหล่งทนุ อ่ืนท้งั ภายในและต่างประเทศดว้ ย การระดมทนุ และการบริหารทุนเพอื่ ดาเนิน กิจกรรมตา่ ง ๆ สาหรับพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยนี ้ีตอ้ งใชค้ วามชานาญการพเิ ศษ ไม่ อาจอาศยั องคก์ รทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ่ีมีอยแู่ ลว้ แต่จาเป็นตอ้ งมีองคก์ รทม่ี ีความเป็น อสิ ระและความคล่องตวั สูงโดยไม่ผกู พนั ไวก้ บั กฎระเบียบการปฏิบตั ิและขอ้ บงั คบั ปกติของ ราชการและรัฐวิสาหกิจ และเป็นองคก์ รที่ประกอบดว้ ยบคุ ลากรทีม่ ีความชานาญในการปฏิบตั ิ ภารกิจต่าง ๆ ท้งั น้ี เพ่ือใหก้ ารบริหารมีประสิทธิภาพสูงและสามารถดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้ เก้ือหนุนองคก์ รต่าง ๆ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ดอ้ ยา่ งเป็นระบบ พร้อมท้งั สามารถ ประสานการพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยรี ะหวา่ งภาครัฐบาลและภาคเอกชนใหบ้ รรลุ ประโยชน์ร่วมสูงสุดต่อการพฒั นาประเทศ การส่งเสริมการพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในภาครัฐบาลและภาคเอกชน และการจดั ต้งั กองทุนน้ีจะครอบคลุมถึงการจดั ต้งั ศูนยแ์ ห่งชาติ เพ่ือพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยเี ฉพาะสาขา และการจดั ต้งั องคก์ รพิเศษอน่ื เพอ่ื พฒั นา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยเี ฉพาะดา้ นดว้ ย เพ่ือใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคใ์ นการพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยดี งั กลา่ ว ขา้ งตน้ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี พระราชกฤษฎีกาแกไ้ ขบทบญั ญตั ิใหส้ อดคลอ้ งกบั การโอนอานาจหนา้ ท่ขี องส่วนราชการให้ เป็นไปตามพระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕[๓] มาตรา ๘๒ ในพระราชบญั ญตั ิพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔ ใหแ้ กไ้ ขคาว่า “กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละ การพลงั งาน” เป็น “กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” คาว่า “รัฐมนตรีวา่ การ กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยแี ละการพลงั งาน” เป็น “รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลย”ี และคาวา่ “ปลดั กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละ การพลงั งาน” เป็น “ปลดั กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย”ี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชกฤษฎีกาฉบบั น้ี คือ โดยทีพ่ ระราชบญั ญตั ิ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ไดบ้ ญั ญตั ิใหจ้ ดั ต้งั ส่วนราชการข้ึนใหม่โดยมี ภารกิจใหม่ ซ่ึงไดม้ ีการตราพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอานาจหนา้ ท่ขี องส่วน

ราชการใหเ้ ป็นไปตามพระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม น้นั แลว้ และเน่ืองจาก พระราชบญั ญตั ิดงั กล่าวไดบ้ ญั ญตั ิใหโ้ อนอานาจหนา้ ที่ของส่วนราชการ รัฐมนตรีผดู้ ารง ตาแหน่งหรือผซู้ ่ึงปฏิบตั ิหนา้ ทีใ่ นส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่ โดยใหม้ ีการ แกไ้ ขบทบญั ญตั ิต่าง ๆ ใหส้ อดคลอ้ งกบั อานาจหนา้ ที่ทโี่ อนไปดว้ ย ฉะน้นั เพอื่ อนุวตั ิใหเ้ ป็นไป ตามหลกั การทป่ี รากฏในพระราชบญั ญตั ิและพระราชกฤษฎีกาดงั กล่าว จึงสมควรแกไ้ ข บทบญั ญตั ิของกฎหมายใหส้ อดคลอ้ งกบั การโอนส่วนราชการ เพ่อื ใหผ้ เู้ ก่ียวขอ้ งมีความชดั เจน ในการใชก้ ฎหมายโดยไม่ตอ้ งไปคน้ หาในกฎหมายโอนอานาจหนา้ ทว่ี ่าตามกฎหมายใดไดม้ ีการ โอนภารกิจของส่วนราชการหรือผรู้ ับผดิ ชอบตามกฎหมายน้นั ไปเป็ นของหน่วยงานใดหรือผใู้ ด แลว้ โดยแกไ้ ขบทบญั ญตั ิของกฎหมายใหม้ กี ารเปล่ียนชื่อส่วนราชการ รัฐมนตรี ผดู้ ารงตาแหน่ง หรือผซู้ ่ึงปฏิบตั ิหนา้ ท่ขี องส่วนราชการใหต้ รงกบั การโอนอานาจหนา้ ที่ และเพิ่มผแู้ ทนส่วน ราชการในคณะกรรมการใหต้ รงตามภารกิจที่มีการตดั โอนจากส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วน ราชการใหม่ รวมท้งั ตดั ส่วนราชการเดิมทีม่ ีการยบุ เลิกแลว้ ซ่ึงเป็นการแกไ้ ขใหต้ รงตาม พระราชบญั ญตั ิและพระราชกฤษฎีกาดงั กล่าว จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชกฤษฎีกาน้ี พระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบบั ที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒[๔] มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั ิน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๑๒ บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายและพระราชกฤษฎีกาที่ใชบ้ งั คบั อยู่ ในวนั ก่อนวนั ทพี่ ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ในส่วนท่กี าหนดใหร้ ัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยเี ป็ นผูร้ ักษาการหรือเป็นผรู้ ักษาการร่วม ใหเ้ ปล่ียนเป็น รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรมเป็นผรู้ ักษาการหรือเป็นผู้ รักษาการร่วม ท้งั น้ี ตามท่ีกาหนดในบญั ชี ๑ ทา้ ยพระราชบญั ญตั ิน้ี บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายและพระราชกฤษฎีกาท่ใี ชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ก่อน วนั ทีพ่ ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั ในส่วนท่กี าหนดใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ รักษาการหรือเป็นผรู้ ักษาการร่วม หากเป็นกิจการท่อี ยใู่ นอานาจหนา้ ทขี่ องกระทรวงการ อดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม ใหเ้ ปลี่ยนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรมเป็นผรู้ ักษาการหรือเป็นผรู้ ักษาการร่วม

บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายทใ่ี ชบ้ งั คบั อยูใ่ นวนั ก่อนวนั ที่พระราชบญั ญตั ิน้ีใช้ บงั คบั ในส่วนที่อยใู่ นอานาจหนา้ ท่ีของกระทรวงการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ใหเ้ พิ่มรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรมเป็นผรู้ ักษาการ ร่วม ท้งั น้ี ตามทีก่ าหนดในบญั ชี ๒ ทา้ ยพระราชบญั ญตั ิน้ี *มาตรา ๑๕ บรรดาบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ประกาศ คาส่ัง และมติของคณะรัฐมนตรีใดท่ีใชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ก่อนวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ งั คบั อา้ ง ถึง “กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี” “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลย”ี “ปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี” หรือผดู้ ารงตาแหน่งหรือผปู้ ฏิบตั ิ หนา้ ทใ่ี นกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใหถ้ ือว่าบทบญั ญตั ิน้นั อา้ งถึง “กระทรวงการ อดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม” “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม” “ปลดั กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และ นวตั กรรม” หรือผดู้ ารงตาแหน่งหรือผูป้ ฏิบตั ิหนา้ ท่ีในกระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี แลว้ แต่กรณี มาตรา ๑๗ ใหน้ ายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี คือ โดยทกี่ ารอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม เป็นกลไกสาคญั ในการพฒั นาประเทศใหเ้ จริญเติบโตอยา่ ง มนั่ คง มง่ั คง่ั และยงั่ ยนื เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของโลกทีจ่ ะเกิดข้ึนในอนาคต สมควร จดั ต้งั กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรมข้ึน เพื่อใหม้ ีการบูรณาการ การเรียนการสอน การวิจยั และการสร้างสรรคน์ วตั กรรมดา้ นวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ ศาสตร์อื่นเขา้ ดว้ ยกนั และให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบตั ิหนา้ ท่รี ะหว่างสถาบนั อุดมศึกษาและ สถาบนั วิจยั ในทิศทางทีส่ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตร์ชาติ แผน และนโยบายในการพฒั นา ประเทศ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี

ปณตภร/ผจู้ ดั ทา ๔ มีนาคม ๒๕๕๖ กลุ ชาติ/ตรวจ ๔ มีนาคม ๒๕๕๖ พไิ ลภรณ์/เพมิ่ เติม ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ วิชพงษ/์ ตรวจ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๘/ตอนท่ี ๒๔๐/ฉบบั พิเศษ หนา้ ๑๐๐/๒๙ ธนั วาคม ๒๕๓๔ [๒] มาตรา ๒๕ แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบบั ที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒ [๓] ราชกิจจานุเบกษา เลม่ ๑๑๙/ตอนท่ี ๑๐๒ ก/หนา้ ๖๖/๘ ตุลาคม ๒๕๔๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๕๗ ก/หนา้ ๑/๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒