เกินสิบปี แต่ไม่เกินสิบห้าปี) ถ้าเป็นคดีที่เปรียบเทียบปรับได้ และกระทำ�ความผิดเป็นคร้ังแรก ใหพ้ นกั งานสอบสวนเรยี กเดก็ บดิ ามารดา ผปู้ กครอง หรอื บคุ คล หรอื ผแู้ ทนองคก์ ารอน่ื ซง่ึ เดก็ นน้ั อาศยั อยดู่ ว้ ยมาวา่ กลา่ วตกั เตอื น ถา้ เดก็ ส�ำ นกึ ในการกระท�ำ และบดิ ามารดา ผปู้ กครอง หรอื บคุ คล หรือองค์การ ซึ่งเด็กอาศัยอยู่ด้วยสามารถดูแลเด็กได้ ก็ให้งดการสอบสวนและปล่อยตัวไป แต่ถ้า เป็นความผิดที่ไม่อาจเปรียบเทียบปรับได้ให้พนักงานสอบสวนส่งตัวเด็กที่อายุไม่เกินสิบปีไปยัง พนักงานเจ้าหน้าท่ีตามกฎหมายคุ้มครองเด็กเพื่อดำ�เนินการคุ้มครองสวัสดิภาพในโอกาสแรก ท่ีกระทำ�ได้ แต่ต้องไม่เกินยี่สิบส่ีชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้น้ันมาถึงสถานท่ีทำ�การของพนักงาน สอบสวนผ้รู ับผิดชอบ (มาตรา 69/1 วรรคหนง่ึ และวรรคสอง) 2) ในกรณีที่เป็นบุคคลอายุเกิน 10 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ถือเป็นเด็ก และกรณีบุคคล อายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึงสิบแปดปี ในวันกระทำ�ความผิด ถือว่าเป็นเยาวชนตามพระราบัญญัติ ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 และฉบับที่ 5 พ.ศ. 2559 การรับตัว การจับกุม และการนำ�ตัวไปศาล เพ่ือตรวจสอบการจับกุมให้ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว มาตรา 70 มาตรา 71 มาตรา 72 และมาตรา 76 ตามลำ�ดบั 3 ) ก า ร ส อ บ ส ว น ใ ห้ ดำ � เ นิ น ก า ร ต า ม ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย วิ ธี พิ จ า ร ณ า ค ว า ม อ า ญ า มาตรา 133 ทว ิ และมาตรา 134/1–134/4 8.2 การรายงานเหตกุ รณผี ้ตู อ้ งหาเป็นคนตา่ งชาติ กรณีท่ีผู้ต้องหาเป็นคนต่างชาติ ให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามแนวปฏิบัติกรณี ต่างด้าวตกเป็นผู้เสยี หายหรอื ผู้ต้องหาในคดอี าญา หรือถงึ แก่ความตายโดยผิดธรรมชาต ิ 8.3 การกันผู้ต้องหาเป็นพยาน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232 กำ�หนดห้ามโจทก์อ้างจำ�เลย เป็นพยานในคดีเดียวกัน ดังน้ัน หากประสงค์ให้ผู้ต้องหาคนหน่ึงคนใดซ่ึงไม่ใช่ผู้ต้องหาหลัก มาเปน็ พยานเพอ่ื พสิ จู นก์ ารกระท�ำ ผดิ ของผตู้ อ้ งหาอกี คนหนง่ึ กต็ อ้ งมกี ารด�ำ เนนิ การไมใ่ หบ้ คุ คลนน้ั อยใู่ นฐานะเป็นผู้ต้องหาในคดนี ั้นอกี ต่อไป ผมู้ อี ำ�นาจอนุญาตให้กนั ผู้ตอ้ งหาเปน็ พยาน 1) กรุงเทพมหานครให้เสนอถึงผู้บัญชาการตำ�รวจแห่งชาติ หรืออธิบดีกรมสอบสวน คดีพเิ ศษ (แลว้ แต่กรณี) เป็นผูอ้ นุญาต 2) ต่างจังหวดั ใหเ้ สนอถึงผูบ้ ังคับการขึ้นไปเป็นผ้อู นญุ าต 49คู่มือการปราบปรามการคา้ มนุษย์และคุม้ ครองชว่ ยเหลอื ผเู้ สียหายจากการค้ามนษุ ย์ 49
วธิ ปี ฏิบตั ใิ นการกันผูต้ อ้ งหาเปน็ พยาน 1) ให้พนักงานสอบสวนสอบสวนผู้ต้องหาน้ันในฐานะผู้ต้องหาไว้ในสำ�นวน การสอบสวน 2) เสนอเรือ่ งให้ผมู้ ีอำ�นาจพิจารณาอนุญาตให้กันผู้ต้องหานั้นเปน็ พยาน 3) เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้มีอำ�นาจให้กันผู้ต้องหาเป็นพยานแล้ว ให้มีความเห็น สั่งไม่ฟ้องผตู้ ้องหารายนน้ั หากผตู้ อ้ งหาถูกควบคุมตัวอย่ใู หข้ อปล่อยตัว 4) เสนอสำ�นวนการสอบสวนน้นั ไปยงั พนักงานอัยการเพ่ือพจิ ารณา 5 ) พ นั ก ง า น อั ย ก า ร อ า จ มี คำ � ส่ั ง ฟ้ อ ง ห รื อ ไ ม่ ฟ้ อ ง ก็ ไ ด้ ใ น ก ร ณี ท่ี พ นั ก ง า น อั ย ก า ร มคี �ำ สง่ั ฟ้องใหส้ ่งตัวให้พนกั งานอัยการเพื่อฟ้องต่อไป 6) ถ้าพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและได้แจ้งคำ�ส่ังเด็ดขาดไม่ฟ้อง แก่พนักงานสอบสวนแล้ว ให้พนักงานสอบสวนทำ�การสอบสวนผู้ต้องหานั้น ไวใ้ นฐานะพยานต่อไป 8.4 การดำ�เนินการตามกฎหมายฟอกเงนิ ตามมาตรา 14 ของพระราชบัญญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการค้ามนษุ ย์ พ.ศ. 2551 กำ�หนดให้ความผิดฐานค้ามนุษย์เป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานในการปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และ พ.ศ. 2544 ข้อ 4 กำ�หนดว่า เม่ือมีการร้องทุกข์กล่าวโทษหรือจับกุมดำ�เนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์ หรือ พนักงานอัยการมีคำ�สั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำ�ผิดเพิ่มเติมในความผิด ฐานค้ามนุษย์ ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเบ้ืองต้นในความผิด ฐานค้ามนุษย์ และรายงานรายละเอียดพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าว ไปยังสำ�นักงานป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงินทุกคดี ภายใน 3 วัน นับต้ังแต่วันรับค�ำ ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษหรือ แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ขณะเดียวกันให้หัวหน้าหน่วยงานสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดดำ�เนินการ สืบสวนว่ามีเหตุอันควรเช่ือว่ามีการกระทำ�ความผิดฐานฟอกเงินด้วยหรือไม่ หากมีพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะดำ�เนินคดีความผิดฐานฟอกเงิน ให้หัวหน้าหน่วยงานจัดให้มีการร้องทุกข์หรือ กล่าวโทษเพือ่ ดำ�เนนิ คดีตามกฎหมาย 5050 คู่มือการปราบปรามการคา้ มนษุ ยแ์ ละค้มุ ครองช่วยเหลือผูเ้ สียหายจากการค้ามนษุ ย์
หมายเหตุ •• สำ�หรับการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อการดำ�เนินคดีลักษณะนี้ อาจต้องให้ความสำ�คัญเป็นพิเศษว่าเป็นคดีความผิดท่ีมีโทษตามกฎหมายไทย ไ ด้ ก ร ะ ทำ � ล ง น อ ก ร า ช อ า ณ า จั ก ร ห รื อ ไ ม่ ห า ก ใช่ ต้ อ ง รี บ มี ห นั ง สื อ แจ้ ง ใ ห้ อัยการสูงสุดพิจารณามอบหมายหน้าท่ีพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา 20 •• หากพบว่ามีพยานหลักฐานจำ�เป็นท่ีอยู่ในต่างประเทศก็ควรท่ีจะพิจารณา เสียแต่เนิ่น ๆ ว่าสามารถจะนำ�เข้าสู่สำ�นวนการสอบสวนและใช้เป็นพยาน ห ลั ก ฐ า น ใ น ชั้ น ศ า ล ไ ด้ ห รื อ ไ ม่ เ พี ย ง ใ ด จำ � เ ป็ น ต้ อ ง ข อ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ จ า ก ต่างประเทศอย่างเป็นทางการ โดยผ่านพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่าง ป ร ะ เ ท ศ ใ น เรื่ อ ง ท า ง อ า ญ า พ . ศ . 2 5 3 5 ห รื อ ไ ม่ ( บ า ง ป ร ะ เ ท ศ อ า จ ไ ม่ ย อ ม มอบหลักฐานให้ เว้นแต่จะมีการร้องขอไปอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทย) หากจำ�เป็นก็ควรต้องรีบดำ�เนินการเนื่องจากการดำ�เนินการตามขั้นตอน และวิธีการดังกล่าวจำ�เป็นต้องใช้เวลา และอาจมีผลกระทบต่อรูปคดี หากมีการ จับกุมผู้กระทำ�ผิดก่อนที่จะได้พยานหลักฐานสำ�คัญจากต่างประเทศ •• สำ�หรับเจ้าหน้าที่ตำ�รวจสามารถดูรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ ในระเบียบสำ�นักงาน ตำ�รวจแห่งชาติ ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติในการดำ�เนินคดีความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประกอบหนังสือสำ�นักงาน ตำ�รวจแห่งชาติ ที่ 0001 (กม 1)/4285 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2555 และ ตามข้อ 5 ของระเบยี บต�ำ รวจเกย่ี วกบั คดี ลกั ษณะท่ ี 18 บทท่ ี 23 9. การขอปลอ่ ยตวั ช่ัวคราว เนื่องจากพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. 2559 ได้ให้ความสำ�คัญกับ การคุ้มครองสิทธิและการรับฟังความคิดเห็นของผู้เสียหายในส่วนที่เก่ียวกับกระบวนการ ทางกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพิจารณาคำ�ร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว (มาตรา 9) ดังนั้น พนักงานสอบสวนควรนำ�แนวทางที่กฎหมายกำ�หนดไว้มาใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาต ให้ปล่อยตัวชั่วคราวเช่นกัน 51คมู่ อื การปราบปรามการคา้ มนุษย์และคมุ้ ครองช่วยเหลอื ผูเ้ สยี หายจากการคา้ มนุษย์ 51
หลักเกณฑ์ส�ำ คญั ท่กี ฎหมายก�ำ หนดประกอบการใชด้ ุลพินิจในการปลอ่ ยตัวช่ัวคราว คือ 1) ตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ ผลกระทบหรอื ความเสยี หายทเ่ี กดิ ตอ่ รา่ งกายหรอื จติ ใจ และขอ้ วติ กกงั วล หรือข้อคิดเห็นอย่างอ่ืนของผู้เสียหาย 2) ต้องพจิ ารณาพฤติการณ์แห่งการกระท�ำ ความผิดประกอบ 3) เปน็ เครอื ขา่ ยหรอื เป็นองค์กรอาชญากรรมหรอื ไม่ 4) เป็นผูม้ ีอิทธพิ ลหรือมเี จ้าหนา้ ท่ีของรฐั เขา้ ไปเกย่ี วข้องกบั การกระท�ำ ผดิ หรือไม่ 5) ความปลอดภัยของผเู้ สยี หาย 6) ภัยอนั ตรายท่จี ะเกิดข้นึ แก่พยานหลกั ฐาน 5252 คู่มอื การปราบปรามการคา้ มนุษย์และคุม้ ครองช่วยเหลอื ผเู้ สียหายจากการคา้ มนุษย์
บทที่ 6 การคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพผูเ้ สยี หาย 1. การคุมครองชว่ั คราว ตามมาตรา 29 (หนา 53) 2. การคมุ ครองสวัสดภิ าพในสถานคุมครองฯ ตามมาตรา 33 (หนา 54) 3. การอนุญาตใหผ ูเสยี หายอยูในราชอาณาจักรและทํางานไดเปน การช่วั คราวตามมาตรา 37 (หนา 54) 4. กวาธิ รีพใจิหาครวณาามคชดว ีคยาเหมลนอืุษใยน กพา.ศรบ. งั2ค5บั59คดตี ามมาตรา 15 แหงพระราชบัญญัติ (หนา 57) 5. การชวยเหลอื ผูเสยี หายไดรับการเยยี วยาตามกฎหมายอืน่ (หนา 57) 1. การคุ้มครองชวั่ คราว ตามมาตรา 29 1.1 ในกรณีมีเหตุจำ�เป็นเพ่ือประโยชน์ในการแสวงหาข้อเท็จจริง และเพ่ือคุ้มครอง ความปลอดภัยให้แก่บุคคลท่ีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ พนักงาน เจ้าหน้าที่อาจจัดให้บุคคลดังกล่าวเข้ารับการคุ้มครองชั่วคราวท่ีบ้านพักเด็กและครอบครัวซึ่งมีอยู่ ทุกจังหวัด หรือสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการค้ามนษุ ย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 29 1.2 เจ้าหน้าท่ีท่ีรับตัวบุคคลดังกล่าวเข้ารับการคุ้มครองชั่วคราว ต้องทำ�บันทึกการรับตัว โดยใหเ้ จ้าหน้าที่ผ้นู ำ�สง่ ลงลายมอื ชอื่ ไวเ้ ป็นหลักฐานด้วย 1.3 ต้องรายงานให้ผู้บัญชาการตำ�รวจแห่งชาติ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี ท ร า บ โ ด ย ไ ม่ ชั ก ช้ า ท้ั ง นี้ ต้ อ ง ไ ม่ เ กิ น 2 4 ชั่ ว โ ม ง นั บ ตั้ ง แ ต่ จั ด ใ ห้ บุ ค ค ล ดั ง ก ล่ า ว อ ยู่ ใ น ความคุ้มครองชั่วคราว 1.4 หากมคี วามจ�ำ เปน็ ตอ้ งคมุ้ ครองเกนิ กวา่ 24 ชว่ั โมง พนกั งานเจา้ หนา้ ท ่ี (ของหนว่ ยงาน ที่นำ�ส่ง) ต้องย่ืนคำ�ร้องต่อศาลเพ่ือมีคำ�สั่งอนุญาต ทั้งนี้ ศาลมีอำ�นาจอนุญาตได้ไม่เกิน 7 วัน โดยจะก�ำ หนดเง่ือนไขใด ๆ ไว้ด้วยก็ได้ 53คู่มือการปราบปรามการค้ามนุษย์และคุ้มครองช่วยเหลอื ผเู้ สยี หายจากการค้ามนุษย์ 53
1.5 ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี (ของหน่วยงานที่นำ�ส่ง) ทำ�การสอบปากคำ�บุคคลดังกล่าว ในฐานะผใู้ หถ้ อ้ ยคำ� และรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องตน้ เพือ่ ประกอบการยื่นค�ำ รอ้ งดว้ ย 1.6 หากศาลไม่อนุญาต ให้ถือว่าการคุ้มครองชั่วคราวเป็นท่ียุติ และหากบุคคลดังกล่าว มีการกระทำ�ผิดตามกฎหมายอื่น ให้เจ้าหน้าท่ีดำ�เนินการตามกฎหมายน้ันต่อไป (ให้ดำ�เนินการ ตามบทท ี่ 4) 1.7 หากศาลอนุญาต เม่ือครบกำ�หนดแล้วยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นผู้เสียหายหรือไม่ การคุ้มครองช่ัวคราวยุติ แต่หากระบุได้ว่าเป็นผู้เสียหาย ให้นำ�ตัวบุคคลน้ันเข้าสู่กระบวนการ คุ้มครองชว่ ยเหลอื ตอ่ ไป 2. การคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพในสถานคุม้ ครองฯ ตามมาตรา 33 2.1 การใหค้ วามคุ้มครองตามมาตรา 33 ตอ้ งไดร้ ับความยนิ ยอมจากผเู้ สียหาย 2.2 หลงั รบั ตัวเข้าคมุ้ ครอง ให้เจ้าหนา้ ทขี่ องสถานคุม้ ครองแจ้งสทิ ธิใหผ้ ้เู สยี หายทราบ 2.3 การให้ความช่วยเหลือแก่ผเู้ สียหาย ใหห้ น่วยงานท่รี ับตวั ผเู้ สยี หายปฏบิ ัตติ ามระเบียบ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือแก่บุคคล ซ่งึ เป็นผ้เู สยี หายจากการกระทำ�ความผิดฐานค้ามนุษย ์ พ.ศ. 2552 ลงวันท่ี 5 สิงหาคม 2552 3. การอนุญาตให้ผูเ้ สียหายอยใู่ นราชอาณาจกั รและทำ�งานได้ เป็นการชว่ั คราว ตามมาตรา 37 ตามมาตรา 37 แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย ์ พ.ศ. 2551 ระบวุ า่ เพ่ือประโยชน์ในการดำ�เนินคดีกับผู้กระทำ�ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี การรักษาพยาบาล การบำ�บัดฟื้นฟู การเรียกร้องของผู้เสียหาย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจดำ�เนินการให้มีการผ่อนผัน ให้ผู้เสียหายนั้นอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการช่ัวคราว และได้รับอนุญาตให้ทำ�งานเป็นการ ชวั่ คราวตามกฎหมายได ้ ทงั้ น ี้ โดยใหค้ �ำ นึงถึงเหตผุ ลทางดา้ นมนุษยธรรมเปน็ หลัก 3.1 การอนุญาตให้ผู้เสียหายจากการคา้ มนษุ ย์อยใู่ นราชอาณาจกั ร เปน็ กรณพี เิ ศษ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำ�พวกอยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำ�หรับผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (ฉบับท่ี 2) ลงวันที่ 29 มีนาคม 2559 โดยอนุญาตให้ผู้เสียหายอยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 1 ปี และหากมีความจำ�เป็นตาม 5454 คู่มอื การปราบปรามการค้ามนษุ ย์และคมุ้ ครองชว่ ยเหลอื ผ้เู สียหายจากการค้ามนุษย์
ข้ อ เ ท็ จ จ ริ ง แ ห่ ง ค ดี ใ ห้ ส า ม า ร ถ ข อ ข ย า ย ร ะ ย ะ เว ล า ไ ด้ ค รั้ ง ล ะ ไ ม่ เ กิ น ห น่ึ ง ปี ใ ห้ ป ลั ด ก ร ะ ท ร ว ง มหาดไทยพิจารณาอนุญาตและกำ�หนดระยะเวลาให้คนต่างด้าวผู้นั้นอยู่ในราชอาณาจักร แ ล ะ ต า ม ป ร ะ ก า ศ ก ร ะ ท ร ว ง ม ห า ด ไ ท ย ( ฉ บั บ ที่ 3 ) ล ง วั น ท่ี 2 7 ม ก ร า ค ม 2 5 6 0 ไ ด้ อ นุ ญ า ต รวมไปถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของคนต่างด้าวดังกล่าว ที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี และบุตรที่เกิดใน ราชอาณาจักรระหว่างบิดา หรือมารดา ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรด้วย โดยผู้เสียหาย และผู้ติดตามจะอยู่ในราชอาณาจกั รไดไ้ ม่เกนิ 2 ป ี หลงั คดีส้ินสดุ ข้นั ตอนในการขออยูใ่ นราชอาณาจกั รเป็นการชัว่ คราว 1) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่งหลักฐานของผู้เสียหาย (ประวัติและเอกสารของพนักงานสอบสวน) ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา อนญุ าตใหอ้ ยใู่ นราชอาณาจักรเปน็ การชัว่ คราว 2) กระทรวงมหาดไทย แจ้งรายช่ือผู้เสียหายที่ได้รับอนุญาตให้กระทรวงการพัฒนา สงั คมและความม่นั คงของมนุษย์ (กองตอ่ ตา้ นการค้ามนษุ ย)์ ทราบ 3) กองต่อต้านการค้ามนุษย์ แจ้งรายชื่อผู้เสียหายที่ได้รับอนุญาตให้สถานคุ้มครอง สวสั ดภิ าพผู้เสยี หายจากการค้ามนษุ ยท์ ราบ 4) สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์นำ�ผู้เสียหายพร้อมสำ�เนา หนังสืออนุญาตจากกระทรวงมหาดไทย ไปยื่นคำ�ร้องเพื่อจัดทำ�ทะเบียนประวัติ ต่อนายทะเบียนอำ�เภอ หรือท้องถิ่น พร้อมถ่ายรูป ซ่ึงสำ�นักทะเบียนท้องถ่ิน จ ะ อ อ ก เ อ ก ส า ร แ บ บ 8 9 / 1 ใ ห้ แ ก่ ผู้ เ สี ย ห า ย เ พื่ อ ใช้ เ ป็ น ห ลั ก ฐ า น ใ น ก า ร รั บ บัตรประจำ�ตัวบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนซึ่งใช้ระยะเวลา 10 วัน 3.2 การขออนุญาตให้ผู้เสียหายตา่ งด้าวท�ำ งานเปน็ การชว่ั คราว ต า ม ป ร ะ ก า ศ สำ � นั ก น า ย ก รั ฐ ม น ต รี เรื่ อ ง กำ � ห น ด ป ร ะ เ ภ ท ง า น ใ ห้ ค น ต่ า ง ด้ า ว ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติการทำ�งานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 โดยได้กำ�หนด ประเภทงานให้แก่ผู้เสียหายจากการกระทำ�ความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการช่ัวคราว ทำ�งานได้ 3 ประเภท ได้แก่ งานกรรมกร งานรับใช้ในบ้าน และช่างยนต์ในเรือประมง ทั้งนี้ ได้มี ประกาศสำ�นักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 ขยายประเภทงานที่ผู้เสียหาย สามารถทำ�ได้ โดยสามารถท�ำ งานไดท้ กุ ประเภทขนึ้ กับความตอ้ งการของนายจา้ ง 55ค่มู อื การปราบปรามการคา้ มนษุ ย์และคมุ้ ครองช่วยเหลอื ผเู้ สยี หายจากการค้ามนษุ ย์ 55
ขน้ั ตอนในการขออนุญาตใหผ้ เู้ สียหายตา่ งดา้ วทำ�งานเป็นการช่วั คราว 1) สถานคมุ้ ครองฯ ประชมุ ชแ้ี จงการท�ำ งานชว่ั คราว ตามมาตรา 37 แกผ่ เู้ สยี หายทราบ 2) ประสานสำ�นักงานจัดหางานจังหวัด เพื่อประสานขอทราบตำ�แหน่งงานว่าง ภายในพื้นที่ และเป็นงานที่เหมาะสมสำ�หรับผู้เสียหาย 3) สถานคุ้มครองฯ นำ�ผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย (มีค่าใช้จ่าย ดังนี้ ค่าตรวจโรค 500 บาท และค่าประกันสุขภาพ 1,600 บาท ต่อปี ซ่ึงสถานคุ้มครองฯ สามารถ ขอรบั การสนับสนนุ จากกองทุนเพือ่ การปอ้ งกันและปราบปรามการคา้ มนุษย์) 4) สถานคุ้มครองฯ แจ้งนายจ้าง หรือสถานประกอบการ เพื่อย่ืนเอกสารหลักฐาน ขอรบั ผู้เสียหายไปท�ำ งาน 5) สถานคุ้มครองฯ พาผู้เสียหายไปย่ืนคำ�ร้องขอรับใบอนุญาตทำ�งาน (แบบ ตท.7) พร้อมเอกสารหลักฐานของนายจ้างท่ีสำ�นักงานจัดหางานจังหวัด ท่ีได้จัดทำ� ทะเบียนประวัตแิ ละบตั รประจ�ำ ตวั ไว้ โดยมเี อกสารการยนื่ ค�ำ รอ้ งขอรบั ใบอนญุ าต ดังน้ี (1) บตั รประจำ�ตัวบคุ คลทีไ่ มม่ สี ถานะทางทะเบยี น (2) แบบ ทร. 38 ข./ส�ำ เนาหนังสือการอนญุ าตของปลดั กระทรวงมหาดไทย (3) ใบรับรองแพทย์/รูปถ่าย 3 x 4 ซม. จ�ำ นวน 3 รูป (4) เอกสารหลักฐานสถานประกอบการ/หนังสือรับรองจากนายจ้าง/แผนที่แสดง ทต่ี ั้งสถานท่ีทำ�งาน/ส�ำ เนาทะเบยี นบ้าน และบตั รประจำ�ตวั นายจา้ ง (5) หนังสือรับรองของสถานคุ้มครองฯ (กระทรวงแรงงานยกเว้นค่าธรรมเนียม การอนุญาตทำ�งานของคนตา่ งดา้ วท่เี ปน็ ผู้เสยี หายจากการค้ามนุษย์) (6) รอใบอนญุ าตให้ทำ�งานจากนายทะเบียน (7) เมื่อได้รับใบอนุญาตทำ�งานเรียบร้อยแล้ว แจ้งนายจ้างทราบสำ�หรับรับตัว ผ้เู สยี หายไปท�ำ งาน 5656 ค่มู ือการปราบปรามการค้ามนุษยแ์ ละคุ้มครองชว่ ยเหลอื ผู้เสยี หายจากการคา้ มนษุ ย์
4. การให้ความชว่ ยเหลือในการบงั คบั คด ี ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบญั ญตั ิวิธีพิจารณาคดคี ้ามนษุ ย ์ พ.ศ. 2559 หลังจากศาลมีคำ�พิพากษาให้จำ�เลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหายเพื่อเป็นการ ลงโทษ (หากมี) แก่ผู้เสียหายแล้ว ให้หน่วยงานท่ีได้รับแจ้งผลคำ�พิพากษา แจ้งไปยังกองต่อต้าน การคา้ มนษุ ย ์ กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย ์ เพอ่ื ด�ำ เนนิ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทางกฎหมายแกผ่ ู้เสียหายเพ่ือบังคับคดีใหเ้ ป็นไปตามค�ำ พพิ ากษา 5. การชว่ ยเหลอื ผู้เสียหายได้รบั การเยียวยาตามกฎหมายอืน่ 5.1 พระราชบญั ญตั คิ ่าตอบแทนผู้เสยี หาย และคา่ ทดแทนและ คา่ ใช้จา่ ยแก่จ�ำ เลยในคดอี าญา พ.ศ. 2544 และฉบับท ี่ 2 พ.ศ. 2559 หลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารยนื่ ค�ำ รบั สทิ ธิ ผู้ เ สี ย ห า ย ท่ี มี สิ ท ธิ ไ ด้ รั บ ค่ า ต อ บ แ ท น ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ นี้ ต้ อ ง เข้ า ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ ดังต่อไปนี้ 1) ต้องเป็นผู้เสียหายที่ถูกกระทำ�ให้ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกาย หรือจิตใจ เพศ ทรพั ย ์ เน่อื งจากการกระทำ�ความผดิ อาญาตามทร่ี ะบไุ วท้ ้ายพระราชบัญญัติน ้ี เช่น ถูกทำ�ร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ถูกข่มขืนกระทำ�ชำ�เรา ถูกกักขัง ถูกข่มขู่ ใหส้ ่งทรัพย์ให ้ เป็นต้น 2) ความผิดท่ผี ้อู ่นื กระทำ�ต่อผ้เู สียหายต้องเป็นความผิดท่รี ะบุไว้ท้ายพระราชบัญญัติน้ี ได้แก่ (1) ความผิดที่เก่ียวกับการก่อภยันตรายแก่ประชาชน ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 238 และมาตรา 244 (2) ความผดิ เกย่ี วกบั เพศ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ถงึ มาตรา 287 (3) ความผิดต่อชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ถงึ มาตรา 294 (4) ความผดิ ตอ่ รา่ งกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ถงึ มาตรา 300 (5) ความผิดฐานทำ�ให้แท้งลูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 ถงึ มาตรา 305 (6) ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก คนเจ็บป่วย หรือคนชรา ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 306 ถึง มาตรา 308 57คมู่ อื การปราบปรามการค้ามนษุ ย์และคุ้มครองช่วยเหลือผเู้ สียหายจากการค้ามนุษย์ 57
( 7 ) ค ว า ม ผิ ด เ กี่ ย ว กั บ เ ส รี ภ า พ ต า ม ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย อ า ญ า ม า ต ร า 3 0 9 มาตรา 310 มาตรา 312 ทวิ มาตรา 313 ( 8 ) ค ว า ม ผิ ด ฐ า น ลั ก ท รั พ ย์ แ ล ะ วิ่ ง ร า ว ท รั พ ย์ ต า ม ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย อ า ญ า มาตรา 336 (9) ความผิดฐานกรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ และปล้นทรัพย์ ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 337 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 มาตรา 340 ทวิ (10) ความผดิ ฐานบกุ รุก ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 365 3) ต้องเป็นผู้เสียหายท่ีไม่มีส่วนเก่ียวข้องกับการกระทำ�ความผิดน้ัน คือ ไม่ใช่ผู้ท่ี ก่อให้เกิด หรือสนับสนุน หรือสมัครใจ เข้าร่วมในการกระทำ�ความผิด ไม่ได้เป็น ผู้ยนิ ยอมให้ผู้อน่ื กระท�ำ ความผิด และไมไ่ ด้มสี ่วนประมาทด้วย 4) ตอ้ งยื่นขอภายในหน่งึ ปี นบั แตว่ นั รู้ถึงเหตุที่แหง่ ความผิดนั้น อ ย่ า ง ไร ก็ ต า ม ใ น ปั จ จุ บั น เ ป็ น ห น้ า ที่ ข อ ง พ นั ก ง า น ส อ บ ส ว น ที่ รั บ คำ � ร้ อ ง ทุ ก ข์ ทีจ่ ะแจง้ สิทธินแ้ี ก่ผเู้ สยี หายเมอื่ รบั แจง้ ความ คา่ ตอบแทนทผี่ ้เู สียหายมสี ิทธไิ ด้รับ แบ่งเป็น 2 กรณี ก. กรณีทั่วไป 1) ค่าใช้จ่ายทีจ่ ำ�เปน็ ในการรักษาพยาบาลเทา่ ทจ่ี ่ายจรงิ แต่ไมเ่ กนิ 40,000 บาท 2) คา่ ฟน้ื ฟสู มรรถภาพทางรา่ งกายและจติ ใจเทา่ ทจ่ี า่ ยจรงิ แตไ่ มเ่ กนิ 20,000 บาท 3 ) ค่ า ข า ด ป ร ะ โ ย ช น์ ทำ � ม า ห า ไ ด้ ใ น ร ะ ห ว่ า ง ท่ี ไ ม่ ส า ม า ร ถ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ง า น ไ ด้ ตามปกติ ในอัตราค่าจ้างข้ันตํ่าในท้องท่ีจังหวัดท่ีประกอบการงาน ณ วันท่ี ไ ม่ ส า ม า ร ถ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ง า น ไ ด้ เ ป็ น ร ะ ย ะ เว ล า ไ ม่ เ กิ น 1 ปี นั บ แ ต่ วั น ท่ี ไมส่ ามารถประกอบการงานไดต้ ามปกติ 4) ค่าตอบแทนความเสียหายอ่นื นอกจาก 1) 2) และ3) ให้จ่ายเป็นเงินตามจำ�นวน ที่คณะกรรมการเหน็ สมควร แตไ่ มเ่ กนิ 50,000 บาท ค่าตอบแทน ตาม 1) และ 2) ให้รวมถึงค่าใช้จ่ายเก่ียวกับค่าห้อง และค่าอาหาร ในอัตราวันละไมเ่ กนิ 1,000 บาท 5858 ค่มู ือการปราบปรามการค้ามนษุ ย์และคมุ้ ครองช่วยเหลือผ้เู สียหายจากการค้ามนษุ ย์
ข. กรณถี ึงแก่ความตาย 1) คา่ ตอบแทน ตง้ั แต่ 30,000 บาท แตไ่ มเ่ กนิ 100,000 บาท 2) ค่าจดั การศพ 20,000 บาท 3) คา่ ขาดอุปการะเลย้ี งดู ไมเ่ กิน 30,000 บาท 4) ค่าเสียหายอ่ืน นอกจาก 1) 2) และ3) ให้จ่ายเป็นเงินตามท่ีคณะกรรมการ เหน็ สมควรแต่ไมเ่ กนิ 50,000 บาท ในการพิจารณาค่าตอบแทนดังกล่าว คณะกรรมการฯ หรือคณะอนุกรรมการฯ จะก�ำ หนดจ�ำ นวนเงนิ คา่ ตอบแทนทผ่ี เู้ สยี หายสมควรไดร้ บั โดยค�ำ นงึ ถงึ พฤตกิ ารณแ์ ละความรา้ ยแรง ของการกระทำ�ความผิดและสภาพความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ รวมถึงโอกาสท่ีผู้เสียหาย จะได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอ่นื ด้วย เอกสารทผี่ ้เู สียหายตอ้ งย่นื ต่อเจา้ หนา้ ทใ่ี นการขอรับค่าตอบแทน 1. สำ�เนาบัตรประจำ�ตัวประชาชน/บัตรประจำ�ตัวเจ้าหน้าท่ีของรัฐ (ของผู้เสียหาย และผูม้ สี ิทธยิ ่ืน) 2. สำ�เนาทะเบยี นบา้ น (ของผเู้ สียหายและผ้มู ีสิทธยิ น่ื ) 3. สำ�เนาทะเบียนสมรส 4. สำ�เนาสูตบิ ัตร 5. สำ�เนาใบเปลีย่ นชื่อ/สกุล (ถ้ามี) 6. หนังสือมอบอ�ำ นาจ 7. ใบเสร็จค่ารกั ษาพยาบาลและอ่นื ๆ 8. ส�ำ เนาใบรับรองแพทย์ 9. สำ�เนาบันทึกรายงานการสอบสวนของสถานีตำ�รวจและสำ�เนารายงานประจำ�วัน เก่ียวกบั คดี 10. ส�ำ เนาใบมรณะบัตร 11. สำ�เนาใบชนั สูตรแพทย์ 12. หลักฐานการไดร้ ับชดใช้ค่าเสยี หายจากหน่วยงานอื่น 13. ใบแตง่ ทนาย (ถ้ามี) 59คูม่ ือการปราบปรามการคา้ มนุษยแ์ ละคุ้มครองชว่ ยเหลือผู้เสียหายจากการคา้ มนษุ ย์ 59
วธิ ีการยื่นคำ�ขอรบั สทิ ธิ ผู้เสียหาย หรือทายาท ซึ่งได้รับความเสียหาย (กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตายก่อน) ต้องยื่นคำ�ขอและเอกสารหลักฐานด้วยตนเอง ตามแบบที่กำ�หนดต่อคณะกรรมการพิจารณา ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญา ภายในเวลา 1 ปี นับแต่วันท่ีรถู้ งึ การกระทำ�ความผดิ ณ สถานท ี่ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. สถานีตำ�รวจท่ัวประเทศ 2. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ณ สำ�นักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหาย และจำ�เลยในคดีอาญา อาคาร A ช้นั 2 ศูนยร์ าชการเฉลิมพระเกยี รติ 80 พรรษา ถ น น แจ้ ง วั ฒ น ะ เข ต ห ลั ก สี่ ก รุ ง เ ท พ ฯ 1 0 2 1 0 โ ท ร ศั พ ท์ 0 2 1 4 1 2 8 4 7 ถงึ 0 2141 2862 3. สำ�นักงานยตุ ธิ รรมจงั หวัดทั่วประเทศ 4. สำ�นักงานคมุ้ ครองสิทธิและเสรีภาพ ภาค 1–4 5. สถาบันนิตวิ ิทยาศาสตร์ 6. สถานท่ตี ามทคี่ ณะกรรมการฯ ก�ำ หนด ในกรณีผ้เู สียหาย หรือทายาทซ่งึ ได้รับความเสียหายในคดีอาญา ไม่สามารถ ย่นื คำ�ขอ ด้วยตนเองได้ ให้ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล หรือให้ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยา หรือบุคคลหน่ึงบุคคลใดซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นหนังสือจากผู้เสียหาย หรือทายาท แล้วแต่กรณี ย่นื ค�ำ ขอแทนได้ การอนมุ ัติ คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย แก่จำ�เลยในคดีอาญา เป็นผู้พิจารณาอนุมัติจ่ายค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์ท่ีกฎหมายกำ�หนด แต่อาจแต่งต้ังคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย แก่จำ�เลยในคดีอาญากรุงเทพมหานคร และในจังหวัดนอกกรุงเทพมหานครได้ โดยกำ�หนด หลกั เกณฑ์ทค่ี ณะอนุกรรมการฯ จะพจิ ารณาอนมุ ัตฯิ เพ่ือใหเ้ กิดความรวดเร็วในการพิจารณาสง่ั การอุทธรณ์คำ�สง่ั ในกรณีท่ีผู้ยื่นคำ�ขอไม่เห็นด้วยกับคำ�สั่งของคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทน ผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญา กรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดอื่น นอกกรุงเทพมหานคร ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทน และคา่ ใช้จ่ายแกจ่ ำ�เลยในคดอี าญาไดภ้ ายใน 30 วัน นบั แต่วนั ได้รบั แจง้ คำ�วนิ จิ ฉัย 6060 ค่มู ือการปราบปรามการคา้ มนุษย์และคมุ้ ครองช่วยเหลือผู้เสยี หายจากการคา้ มนุษย์
ในกรณีที่ผู้ยื่นคำ�ขอไม่เห็นด้วยกับคำ�สั่งของคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทน ผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญา สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ได้ ภายใน 30 วนั นบั แต่วันที่ได้รบั แจง้ ค�ำ วินิจฉยั และค�ำ วินิจฉยั ของศาลอุทธรณใ์ หเ้ ปน็ ทส่ี ุด 5.2 พระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ผ้ทู ่ีอาจขอรบั การค้มุ ครอง 1 ) ผู้ ท่ี เ ป็ น พ ย า น เ อ ง ซึ่ ง ห ม า ย ถึ ง พ ย า น บุ ค ค ล ที่ จ ะ ม า ใ ห้ ห รื อ ไ ด้ ใ ห้ ข้ อ เ ท็ จ จ ริ ง ต่อพนักงานสืบสวนและสอบสวนคดีอาญา หรือศาล ในการดำ�เนินคดีอาญา แต่มใิ หห้ มายความรวมถงึ จำ�เลยท่ีอา้ งตนเองเป็นพยาน 2) ผู้ทเ่ี ปน็ สามีหรือภรยิ าของพยาน 3) ผู้ท่เี ป็นบพุ การีของพยาน เช่น บดิ า มารดา ปูย่ า่ ตายาย 4) ผสู้ ืบสนั ดานของพยาน เชน่ ลกู หลาน เหลน 5) ผู้ทมี่ ีความสมั พนั ธ์ใกลช้ ิดกับพยานซึ่งพยานร้องขอและอาจไม่ไดร้ ับความปลอดภัย จากการมาเปน็ พยานในคดีอาญา ม า ต ร ก า ร ใ น ก า ร คุ้ ม ค ร อ ง พ ย า น ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ นี้ ไ ด้ แ บ่ ง ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง การคุ้มครองพยานในคดอี าญา ออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1. มาตรการทัว่ ไปในการค้มุ ครองพยาน วิธีการท่ีจะนำ�มาคุ้มครองพยานตามมาตรการท่ัวไปนั้น หน่วยงานที่ให้ความ คุ้มครองจะต้องดำ�เนินการโดยคำ�นึงถึงความเหมาะสมแก่สถานะและสภาพของพยาน ลักษณะ และพฤติการณ์ความร้ายแรงของคดีอาญา พฤติการณ์การข่มขู่คุกคามพยาน โดยมีวิธีการ ใหค้ วามคุม้ ครองพยานตามมาตรการทว่ั ไปหลายวธิ ี เชน่ 1) การประสานงานกับเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจไปทำ�การติดตั้งตู้สายตรวจ (ตู้แดง) ที่พักอาศัยของพยาน 2) การจัดให้พยานอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย 3) การปกปิดมิให้มีการเปิดเผยชื่อตัว ช่ือสกุล ท่ีอยู่ หรือข้อมูลอย่างอื่นท่ีสามารถ ระบุตวั พยานได้ 4) การจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปอารักขาพยาน ณ ที่พำ�นักอาศัย หรือในวันที่พยานจะ ไปศาล โดยอาจใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนงึ่ หรือหลายวิธีประกอบกนั 61คูม่ ือการปราบปรามการคา้ มนุษย์และคมุ้ ครองช่วยเหลอื ผูเ้ สียหายจากการคา้ มนุษย์ 61
2. มาตรการพเิ ศษในการคุม้ ครองพยาน กรณีทเ่ี ป็นพยานในคดอี าญาความผิดฐานหนงึ่ ฐานใด ดงั ต่อไปน้ี 1) คดีความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด กฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจรติ หรือกฎหมายวา่ ด้วยศลุ กากร 2) คดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมาย อาญา 3) คดีความผิดเกี่ยวกับเพศ ตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะท่ีเก่ียวกับ การเปน็ ธรุ ะจดั หา ลอ่ ไปหรอื พาไปเพอ่ื การอนาจาร เพอ่ื สนองความใครข่ องผอู้ น่ื และความผิดฐานพรากเด็กผู้เยาว์ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการ ในการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก หรือความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามค้าประเวณี หรือความผิดเกี่ยวกับการเป็น เจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแล หรือจัดกิจการค้าประเวณี หรือสถาน ก า ร ค้ า ป ร ะ เว ณี ห รื อ เ ป็ น ผู้ ค ว บ คุ ม ผู้ ก ร ะ ทำ � ก า ร ค้ า ป ร ะ เว ณี ใ น ส ถ า น การค้าประเวณี 4) คดีความผิดเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรม ได้แก่ ความผิดฐานอ้ังยี่และซ่องโจร ต า ม ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย อ า ญ า แ ล ะ ใ ห้ ห ม า ย ค ว า ม ร ว ม ถึ ง ค ว า ม ผิ ด อ่ื น ใ ด ท่ี มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น ก า ร ก ร ะ ทำ � ร่ ว ม กั น โ ด ย ก ลุ่ ม อ า ช ญ า ก ร ที่ มี ก า ร ว า ง แ ผ น อย่างเป็นระบบและมีการวางแผนเครือข่ายเป็นขบวนการหรือองค์กรลับ อย่างซับซอ้ นและเปน็ สดั สว่ น 5) คดีความผิดอาญาท่ีมีอัตราโทษอย่างตํ่าให้จำ�คุกต้ังแต่สิบปีขึ้นไป หรือโทษ สถานหนกั กวา่ นน้ั 6) คดีซึ่งส�ำ นกั งานคมุ้ ครองพยานเหน็ สมควรใหค้ วามคมุ้ ครองพยาน หากปรากฏแน่ชัดว่ามีเหตุอันควรให้ความคุ้มครองพยานหรือบุคคลอ่ืนใด เกี่ยวข้อง พนักงานผู้มีอำ�นาจสืบสวนคดีอาญา หรือพนักงานผู้มีอำ�นาจฟ้องคดีอาญา อาจย่ืน คำ�ร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย เพื่อขอใช้มาตรการพิเศษ ในการคุ้มครองพยาน ตามหลักเกณฑว์ ธิ ีการ และเงอื่ นไขทก่ี ำ�หนดในกฎกระทรวง 6262 ค่มู ือการปราบปรามการคา้ มนษุ ย์และค้มุ ครองชว่ ยเหลือผูเ้ สียหายจากการคา้ มนุษย์
การคุ้มครองพยานตามมาตรการพิเศษอาจกระทำ�ด้วยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ได้แก่ (1) ยา้ ยท่ีอยู่ หรอื จัดหาที่พกั อันเหมาะสม (2) จ่ายค่าเล้ียงชีพท่ีสมควรให้แก่พยานหรือบุคคลท่ีอยู่ในความอุปการะเล้ียงดู ข อ ง พ ย า น เ ป็ น ร ะ ย ะ เว ล า ไ ม่ เ กิ น ห นึ่ ง ปี เว้ น แ ต่ มี เ ห ตุ จำ � เ ป็ น อ า จ ข อ ข ย า ย ระยะเวลาครงั้ ละไมเ่ กนิ สามเดอื นแตไ่ ม่เกินสองปี (3) ประสานงานกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเพื่อดำ�เนินการเปลี่ยนตัวชื่อสกุล และหลักฐานทางทะเบียนที่สามารถระบุตัวพยาน รวมท้ังการดำ�เนินการ เพื่อกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามคำ�ขอของพยาน (4) ด�ำ เนนิ การเพ่อื ใหม้ ีอาชีพ หรอื ใหม้ ีการศกึ ษาอบรม หรอื ดำ�เนินการใด เพ่อื ให้ พยานสามารถดำ�รงอาชพี อยูไ่ ด้ตามทเี่ หมาะสม (5) ชว่ ยเหลอื ในการเรียกร้องสิทธทิ ี่พยานพึงไดร้ บั (6) ด�ำ เนนิ การใหม้ ีเจ้าหน้าทค่ี มุ้ ครองความปลอดภยั ในระยะเวลาทจ่ี �ำ เปน็ (7) ดำ�เนินการอื่นใดให้พยานได้รับความช่วยเหลือได้รับความคุ้มครองตามที่ เหน็ สมควร การดำ�เนินการข้างต้น ให้ถือว่าเป็นความลับและห้ามมิให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เปิดเผยข้อมูลน้นั เว้นแต่จะไดร้ บั อนญุ าตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยตุ ิธรรม เหตสุ นิ้ สดุ การใหค้ วามค้มุ ครองพยานในคดีอาญา (1) พยานรอ้ งขอ (2) พยานไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือระเบียบของกระทรวงยุติธรรมว่าด้วย การคมุ้ ครองพยานตามมาตรการพเิ ศษ ( 3 ) พ ฤ ติ ก า ร ณ์ เ ก่ี ย ว กั บ ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ข อ ง พ ย า น เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ไ ป แ ล ะ ก ร ณี ไม่มคี วามจ�ำ เปน็ ทจ่ี ะต้องใหก้ ารคมุ้ ครองพยานตามมาตรการพิเศษอกี ตอ่ ไป (4) พยานไม่ใหก้ ารเปน็ พยานโดยไมม่ เี หตสุ มควร (5) ศาลมคี �ำ พพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ ใหล้ งโทษพยานในความผดิ ฐานแจง้ ขอ้ ความอนั เปน็ เทจ็ ความผิดฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลหรือความผิดฐาน ทำ�พยานหลักฐานอันเป็นเท็จอันเน่ืองจากการเป็นพยานในคดีท่ีพยาน ได้รบั ความคุ้มครอง 63ค่มู อื การปราบปรามการคา้ มนุษย์และคมุ้ ครองช่วยเหลือผู้เสยี หายจากการคา้ มนษุ ย์ 63
5.3 พระราชบญั ญัตคิ ุม้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 การดำ�เนินการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกจ้างผู้ตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ด้ า น แร ง ง า น ผู้ เ สี ย ห า ย ส า ม า ร ถ ใช้ สิ ท ธิ ใ น ก า ร ยื่ น คำ � ร้ อ ง เ พ่ื อ เรี ย ก ร้ อ ง สิ ท ธิ ใ ห้ ไ ด้ รั บ เ งิ น ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เช่น ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำ�งานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยดุ เป็นต้น การเรียกร้องสิทธิประโยชน์ดังกล่าว ผู้เสียหายสามารถติดต่อขอคำ�ปรึกษาหรือ ย่ืนคำ�ร้องกับพนักงานตรวจแรงงานของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือสถานคุ้มครองฯ ประสานงานให้พนักงานตรวจแรงงานในพ้ืนท่ี ไปรับคำ�ร้องที่สถานคุ้มครองฯ โดยสอบถาม รายละเอยี ดได้ท่ี 1) ส่วนกลางในกรุงเทพมหานคร ติดต่อที่ -- กรมสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน โทรศพั ท ์ 0 2245 7020 -- ส�ำ นักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรงุ เทพมหานคร พ้นื ท่ี 1–10 2) ส่วนภูมิภาค ติดต่อที่สำ�นักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด ที่ต้ังและหมายเลขโทรศัพท์ของสำ�นักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพ้ืนท่ี และสำ�นักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด สามารถติดต่อสอบถาม ได้ท่ี “กลุ่มงาน ป้องกันและแก้ไขปัญหาการคุ้มครองแรงงาน สำ�นักคุ้มครองแรงงาน” หมายเลขโทรศัพท์ 0 2245 7020 3) ศนู ย ์ Call Center กรมสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน สายด่วน 1546 6464 คู่มือการปราบปรามการค้ามนษุ ย์และคุม้ ครองชว่ ยเหลือผู้เสยี หายจากการคา้ มนษุ ย์
ท้ั ง นี้ ส า ม า ร ถ ส อ บ ถ า ม ข้ อ มู ล ห รื อ ศึ ก ษ า ร า ย ล ะ เ อี ย ด เ พิ่ ม เ ติ ม จ า ก ห น่ ว ย ง า น ทเี่ กยี่ วข้องและในเว็บไซต ์ ตามตารางข้างลา่ งน้ี หนว่ ยงาน หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ ง เบอรโ์ ทรศัพท์ เวบ็ ไซต์ กรมการปกครอง www.dopa.go.th 0 2356 9546 กรมสอบสวนคดพี ิเศษ www.dsi.go.th 0 2575 4303 สำ�นักงานต�ำ รวจแห่งชาติ www.royalthaipolice.go.th 1599 กระทรวงการพัฒนาสังคม https://e-aht.com 0 2202 9074 และความมน่ั คงของมนุษย์ (กองตอ่ ตา้ นการคา้ มนุษย)์ กรมคุม้ ครองสิทธิและเสรภี าพ www.rlpd.go.th 1111 65คมู่ ือการปราบปรามการคา้ มนษุ ย์และคุ้มครองช่วยเหลอื ผู้เสยี หายจากการค้ามนษุ ย์ 65
บทที ่ 7 กรณีบคุ คลผ้มู สี ญั ชาตไิ ทยและคนต่างดา้ ว ท่ไี ด้รับอนุญาตให้มีถนิ่ ท่ีอยใู่ นราชอาณาจกั ร ตกเปน็ ผูเ้ สยี หายจากการค้ามนุษย์ในต่างประเทศ 1. กรณมี กี ารแจงเหตใุ นประเทศไทย (หนา 66) 2. กรณมี กี ารแจง เหตุในตา งประเทศ (หนา 66) 3. ขอ พิจารณากอ นสงตวั ผูเสียหายกลับประเทศไทย (หนา 67) 4. การรับตัวผเู สียหาย (หนา 68) 1. กรณีมีการแจง้ เหตใุ นประเทศไทย ให้ผู้รับแจ้งทำ�การตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเบ้ืองต้นตามแนวทาง ที่ระบุไว้ในบทที่ 2 ข้อ 4 แล้วให้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพ่ือแจ้ง สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ประจำ�ประเทศน้ัน ๆ เพื่อประสานกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องภายในประเทศดังกล่าว เพื่อขอความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือต่อไป 2. กรณมี กี ารแจง้ เหตใุ นต่างประเทศ ให้สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ประจำ�ประเทศนั้น ๆ ประสานงานกับ หน่วยงานภายในประเทศดังกล่าว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำ�เนินการให้ความช่วยเหลือ ต่อไป (ทั้งน้ ี ให้เป็นไปตามระเบยี บและกฎหมายภายในของประเทศนั้น ๆ) หมายเหตุ หากเป็นไปได้เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ ควรขออนุญาต เข้าร่วมในการคัดแยกผู้เสียหาย โดยขออนุญาตสัมภาษณ์บุคคลดังกล่าว ตามแบบสัมภาษณ์ เบอ้ื งตน้ ส�ำ หรบั คดั แยกผเู้ สยี หาย (ทง้ั น ้ี ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บและกฎหมายภายในของประเทศนน้ั ๆ) 6666 คู่มือการปราบปรามการคา้ มนุษย์และคุ้มครองชว่ ยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
3. ข้อพิจารณาก่อนสง่ ตัวผ้เู สียหายกลับประเทศไทย ข้อมูลหรือเอกสารหลักฐานที่ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ในประเทศที่เกิดเหตุอาจเป็น ประโยชน์ต่อการให้ความช่วยเหลือและดำ�เนินคดีกับบุคคลท่ีเก่ียวข้อง ดังน้ัน เจ้าหน้าท่ีสถาน เอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ประจำ�ประเทศนั้น ๆ ควรขอรวบรวมเอกสารหลักฐาน และขอ้ มลู เพ่อื ส่งให้แก่เจา้ หนา้ ท่ีในประเทศไทยดำ�เนินการตอ่ ไป โดยเอกสารควรประกอบด้วย 1) ข้อมลู สว่ นตัวของผเู้ สยี หาย 2) ข้อมูลของบคุ คลอืน่ ท่เี ก่ียวขอ้ ง 3) ข้อมูลอนื่ ๆ ที่นา่ จะเป็นประโยชนต์ ่อรปู คด ี 4) สถานภาพทางกฎหมาย เช่น มีการจับกุมดำ�เนินคดีกับบุคคลท่ีเกี่ยวข้องในประเทศ ทเี่ กิดเหตหุ รอื ไม่ อย่างไร 5) ข้อมลู เกย่ี วกับสุขภาพอนามยั ของผู้เสียหาย 6) ข้อมลู เกี่ยวกบั การจา้ งงานในประเทศทีเ่ กิดเหตุ 7) สทิ ธทิ างกฎหมายที่ผู้เสยี หายพงึ ได้รับในประเทศท่เี กดิ เหตุ กอ่ นทจ่ี ะมกี ารสง่ ตวั ผเู้ สยี หายกลบั ประเทศไทย ใหส้ ถานเอกอคั รราชทตู หรอื สถานกงสลุ ใหญ ่ ประจำ�ประเทศน้ัน ๆ แจ้งกองคุ้มครองและดูแลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล เพ่ือประสานให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เตรียมการรับตัวผู้เสียหาย เป็นการลว่ งหน้า หมายเหตุ ก า ร ร ว บ ร ว ม เ อ ก ส า ร ห ลั ก ฐ า น แ ล ะ ข้ อ มู ล ดั ง ก ล่ า ว ข้ า ง ต้ น ใ ห้ เ ป็ น ไ ป ต า ม ร ะ เ บี ย บ และกฎหมายภายในของประเทศนั้น ๆ 67คู่มอื การปราบปรามการคา้ มนษุ ยแ์ ละคมุ้ ครองชว่ ยเหลอื ผู้เสยี หายจากการค้ามนุษย์ 67
4. การรบั ตัวผู้เสยี หาย 1) เม่ือทราบกำ�หนดวันเดินทางกลับประเทศไทยท่ีแน่นอนของผู้เสียหาย ให้กระทรวง การต่างประเทศ แจ้งสำ�นักงานตรวจคนเข้าเมือง สำ�นักงานตำ�รวจแห่งชาติ (กองบังคับการ ปราบปรามการค้ามนุษย์) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงาน ที่เก่ียวข้องทราบวัน เวลา ท่าอากาศยาน และ/หรือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่ผู้เสียหายจะ เดนิ ทางเข้ามาในประเทศไทย 2) ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ร่วมกับ เจา้ หนา้ ท่ตี ำ�รวจไปรอรบั ผเู้ สยี หาย 3) เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการสัมภาษณ์เพ่ือคัดแยกผู้เสียหายโดยทันทีหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพและความพร้อมของผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม สิ่งท่ีควรคำ�นึงถึงเป็นอันดับแรก คือ การประเมินความเสี่ยงเก่ียวกับความปลอดภัยและความต้องการของผู้เสียหาย รวมท้ังควร มีการวางแผนการใหค้ วามชว่ ยเหลอื และดำ�เนินคดกี ับผกู้ ระทำ�ผดิ โดยเร็วทสี่ ุด 6868 ค่มู อื การปราบปรามการค้ามนษุ ยแ์ ละคุ้มครองชว่ ยเหลือผเู้ สียหายจากการค้ามนุษย์
ภาคผนวก 69คมู่ อื การปราบปรามการคา้ มนุษยแ์ ละค้มุ ครองชว่ ยเหลอื ผเู้ สียหายจากการค้ามนษุ ย์
ค่มู ือการปราบปรามการคา้ มนษุ ย์และค้มุ ครองช่วยเหลือผ้เู สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์
สามารถดาวน์โหลดเอกสารกฎหมายท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การคา้ มนษุ ย์ ไดท้ ี่ website : https://www.e-aht.com หัวข้อ ประกาศทั่วไป / รวมกฎหมายท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การคา้ มนษุ ย์ 71คมู่ อื การปราบปรามการค้ามนษุ ย์และค้มุ ครองช่วยเหลอื ผเู้ สยี หายจากการค้ามนษุ ย์ 71
ค่มู ือการปราบปรามการคา้ มนษุ ย์และค้มุ ครองช่วยเหลือผ้เู สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์
จัดทําโดย กองตอตานการคามนษุ ย กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนษุ ย 1034 ถนนกรงุ เกษม เขตปอ มปราบศตั รูพาย กรงุ เทพฯ 10100 โทร : 0 2202 9082 โทรสาร : 0 2202 9081 Email : [email protected] www.e-aht.com
Search