คำนำ� กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เหน็ สมควรใหก้ ารยกยอ่ งและเชดิ ชเู กยี รติ ผทู้ รงภูมิปญั ญาดา้ นการเกษตรในสาขาตา่ ง ๆ ซ่ึงเป็นผู้ที่มีคณุ ความดี มคี วามรู้ ความสามารถและประสบการณ์ สมควรเป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน จึงก�ำหนดให้มีการสรรหาและแต่งต้ังบุคคลให้เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน จ�ำนวน 4 สาขา ประกอบด้วย ปราชญ์เกษตรผู้ทรงภูมิปัญญาและมีคุณูปการ ต่อภาคการเกษตรไทย ปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ปราชญ์เกษตรดีเด่น และปราชญเ์ กษตรผูน้ ำ� ชุมชนและเครือข่าย เพ่อื ให้ไดร้ บั สวสั ดิการและสนับสนนุ ให้มีการถา่ ยทอดความรู้ ประสบการณ์และความสามารถสู่สงั คม ในปี พ.ศ. 2559 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ท�ำการสรรหา และแต่งต้ังบุคคลให้เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดินใน 3 สาขา ประกอบด้วย นายค�ำพันธ์ เหล่าวงษี เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดินสาขาปราชญ์เกษตร เศรษฐกิจพอเพียง นายอัคระ ธิติถาวร เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดินสาขา ปราชญเ์ กษตรดเี ดน่ และ นายอดศิ ร เหลา่ สะพาน เปน็ ปราชญเ์ กษตรของแผน่ ดนิ สาขาปราชญ์เกษตรผนู้ �ำชมุ ชนและเครือขา่ ย กองนโยบายเทคโนโลยเี พอ่ื การเกษตรและเกษตรกรรมยง่ั ยนื สำ� นกั งาน ปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จงึ ไดจ้ ดั ทำ� หนงั สอื “ปราชญเ์ กษตรของแผน่ ดนิ ประจ�ำปี พ.ศ. 2559” โดยได้รวบรวมข้อมูลประสบการณ์ในการด�ำเนินชีวิต การประกอบอาชพี ผลงานทสี่ รา้ งคณุ ประโยชนแ์ ละการขยายผลงานของปราชญ์ เกษตรของแผ่นดินแต่ละท่าน เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้ท่ีเป็นประโยชน์ในการ ด�ำรงตนและการประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แก่ผู้ท่ี สนใจโดยทัว่ ไป กองนโยบายเทคโนโลยเี พอื่ การเกษตรฯ ขอขอบคุณผเู้ กี่ยวข้อง ในการสนับสนุนข้อมูลและอ�ำนวยความสะดวกในการสรรหาปราชญ์เกษตรของ แผ่นดนิ ในปี พ.ศ. 2559 ให้บรรลุตามวัตถปุ ระสงคท์ ่ีกำ� หนดไว้ดว้ ยดี กองนโยบายเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรและเกษตรกรรมยง่ั ยืน กรกฎาคม 2559 1
นายคำ� พันธ์ เหลา่ วงษี ปราชญเ์ กษตรของแผ่นดิน สาขา ปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพยี ง 2
ปราชญ์เกษตรของแผน่ ดิน สาขา ปราชญเ์ กษตรเศรษฐกจิ พอเพยี ง นายค�ำพันธ์ เหลา่ วงษี อาย ุ 57 ปี การศึกษา ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชั้นสูง สถานภาพ สมรส มีบุตร 3 คน (ชาย 1 คน หญงิ 2 คน) ทอี่ ย ู่ บา้ นเลขที่ 43 หมู่ท่ี 2 บ้านดอนแดง ตำ� บลศรีสุข อ�ำเภอกนั ทรวชิ ยั จงั หวัดมหาสารคาม 44150 โทรศัพท์ 089-618-4075, 061-582-2235 อาชพี เกษตรกร รางวัล หรอื ประกาศเกยี รตคิ ณุ ท่ีไดร้ บั ปราชญเ์ กษตรของแผ่นดนิ สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกจิ พอเพียง ปี 2559 รางวลั ถว้ ยพระราชทานสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ในการประกวด ผลงานตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครง้ั ท่ี 2 ประเภทกลมุ่ เกษตร ทฤษฎีใหม่ ปี 2553 รางวัลครอบครัวตัวอยา่ ง โครงการเพ่มิ ขีดความสามารถ อปท. เพื่อคุณภาพชีวิตเด็กเยาวชนและครอบครัว ส�ำนักงานกองทุน สนบั สนุนการสร้างเสรมิ สุขภาพ (สสส.) ปี 2553 3
รางวัลผู้น�ำความรู้จากโครงการชีววิถีเพ่ือการพัฒนาอย่างยั่งยืน มาใช้และขยายผลดีเด่น ระดับประเทศ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย ปี 2552 รางวัลเกษตรส�ำนึกรักบา้ นเกดิ มูลนิธิส�ำนึกรกั บา้ นเกดิ ปี 2551 รางวัลคนดีศรีมหาสารคาม ด้านเกษตรกรรม ในวันเฉลิมฉลอง ครบรอบ 150 ปี มหาสารคาม ปี 2558 รางวลั ครบู ญั ชดี เี ดน่ สาขาบญั ชฟี ารม์ ระดบั จงั หวดั กรมตรวจบญั ชี สหกรณ์ ปี 2552 รางวัลรองชนะเลิศการประกวดปุ๋ยหมักชีวภาพ ระดับจังหวัด กรมพัฒนาท่ดี ิน ปี 2553 ฯลฯ 4
ชีวติ ทีพ่ อเพยี ง นายค�ำพันธ์ เหล่าวงษี เกษตรกรผู้ท่ีเคยมีความคิดว่าอาชีพ เกษตรกรรมนั้น ไมม่ ที างท่จี ะร�่ำรวยอยู่สขุ สบายได้ จึงเลอื กศึกษาสายอาชีพ ในแผนกชา่ งกลโลหะและเขา้ มาทำ� งานในโรงงานทกี่ รงุ เทพฯ จนพบวา่ รายได้ ไม่เพียงพอกับรายจ่ายท่ีมี จึงหันกลับมาเปิดโรงกลึงท่ีบ้านเกิดโดยน�ำที่นา ไปจำ� นอง แตส่ ดุ ทา้ ยเปน็ หนสี้ นิ จนตอ้ งตดั สนิ ใจขายทนี่ าทงั้ หมดเพอื่ ชำ� ระหน้ี และได้ทบทวนบทเรียนจากประสบการณ์ท่ีผ่านมาพร้อมศึกษาแนว พระราชด�ำริ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และ “เกษตรทฤษฎีใหม่” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้นายค�ำพันธ์ หนั กลับมาทำ� การเกษตรตามแนวพระราชด�ำริ ในปี พ.ศ. 2541 โดยด�ำเนนิ ชีวิตตามหลกั ความพอประมาณ คอื ทำ� ตามสภาพของตนเองท�ำจากน้อยไป มากจากง่ายไปยาก พ่ึงพาตนเองเน้นความพอเพียง ใช้เหตุผลในการ วางแผนการดำ� เนินชวี ติ โดยพิจารณา ตามหลักการว่าจะท�ำอะไร ช่วงไหน อย่างไร เท่าไร และแบง่ หนา้ ท่ใี ห้กบั สมาชิกในครอบครัว พร้อมท้ังมีการ วางแผนรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ท้ังดา้ นการใชจ้ า่ ย โดยมีการเกบ็ ออม วางแผนด้านการเกษตรโดยคิดหาวิธี กกั เกบ็ นำ�้ ในชว่ งแลง้ ปลกู พชื หลายชนดิ เพ่ือป้องกันความเสี่ยง มีการศึกษา หาความรใู้ หก้ บั ตนเองอยา่ งสมำ�่ เสมอ 5
ผลจากความไม่ย่อท้อในการด�ำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ท�ำให้ช่วง 1-3 ปีแรก ครอบครัวมีความพออยู่พอกินมี ผลผลติ เหลอื ขาย เรมิ่ มเี งนิ ออม และในปที ี่ 6 สามารถชำ� ระหนส้ี นิ ไดห้ มดสน้ิ สร้างบ้านอยู่อาศัยได้เพิ่ม อีก 3 ปีต่อมาสามารถซ้ือท่ีท�ำการเกษตร เพม่ิ ไดอ้ กี 7 ไร่ และสง่ ลกู เรยี นไดท้ กุ คน นอกจากนนั้ นายคำ� พนั ธ์ ยงั เปน็ ผมู้ ี ความซ่ือสัตย์ เอื้ออาทร ไม่มัวเมาอบายมุข ประกอบสัมมาอาชีพโดย ไมเ่ บยี ดเบยี นใครประพฤตติ นเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ใี หแ้ กค่ นในชมุ ชน อทุ ศิ ตนใน การทำ� งานใหก้ บั สงั คมดว้ ยการเปน็ ผนู้ ำ� และผรู้ ว่ ม ในการพฒั นาดา้ นตา่ ง ๆ เปน็ อาสาสมคั รครบู ญั ชี เปน็ ศนู ยอ์ บรมผมู้ จี ติ อาสาพฒั นาสงั คมทขี่ าดโอกาส ในการศกึ ษาตอ่ โดยไม่คิดคา่ ใช้จ่าย 6
ความพอประมาณ ด�ำเนินชีวิตตามสภาพของตนเอง ไม่ทะเยอทะยาน ท�ำจากน้อย ไปหามาก ท�ำจากง่ายไปหายาก ใช้จ่ายอย่างประหยัด จ่ายในสิ่งท่ีจ�ำเป็น พ่งึ ตนเองให้มากทสี่ ดุ และเนน้ ความพอเพยี ง (พออยู่ พอกิน พอใช้) ไม่ให้ ครอบครัวเดือดรอ้ น และไม่เบียดเบยี นผูอ้ น่ื ไม่สร้างปญั หาให้สงั คม 7
ความมเี หตผุ ล มกี ารวางแผนในการดำ� เนินงานอย่างมสี ว่ นร่วมในครอบครัว การท�ำ กิจกรรมในแปลงจะท�ำอะไร ช่วงไหน ท�ำอะไร ท�ำเท่าไร ท�ำเพื่ออะไร มีการแบ่งบทบาทหน้าที่รับผิดชอบ มีหลักการ มีเป้าประสงค์ มีเป้าหมาย และมีความคาดหวงั สร้างก�ำลงั ใจให้กับครอบครวั รบั รู้สถานการณป์ จั จบุ นั และมีแผนรองรับ ผลกระทบท่จี ะเกิดในอนาคต มีภูมิคมุ้ กนั ทด่ี ี มีการวางแผนบนฐานเศรษฐกิจของครอบครัว เพื่อเม่ือเกิดปัญหา ต่างๆ จะได้แก้ปัญหาได้ในช่วงน้ัน เช่น การใช้จ่ายต้องวางแผนการ จ่ายที่จ�ำเป็นและสร้างรายได้ให้พอเหลือจ่าย (จากรับ – จ่าย มีเก็บออม) การบริหารจัดการน�้ำ มีแหล่งเก็บน้�ำไว้ใช้ในช่วงแล้ง และขุดบ่อบาดาล เพอ่ื แก้ปัญหาน�ำ้ น้อยหรือฝนแล้ง และใชน้ �ำ้ ตามความจำ� เปน็ และเหมาะสม กบั กจิ กรรม การทำ� กจิ กรรมในแปลงท�ำแบบผสมผสาน ปลกู พชื หลายชนดิ ผักต่างๆ ผลไม้ ไม้ยืนตน้ เพอื่ ป้องกนั ความเสย่ี ง 8
ความรอบรู้ ใฝ่หาความรูเ้ ปน็ นจิ อบรม ศึกษาดูงาน สมั มนา ค้นคว้า ทดลอง ปฏิบัติจรงิ แลกเปล่ยี นเรยี นรกู้ ับผู้ร้กู ับผปู้ ระสบผลสำ� เรจ็ พร้อมกบั ได้ศกึ ษา ดงู าน อบรม แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ฝกึ ปฏบิ ตั จิ รงิ ความพยายาม ขยนั หมนั่ เพยี ร อยา่ งตอ่ เนอื่ ง และไมย่ อ่ ทอ้ โดยดำ� เนนิ ตามแนวพระราชดำ� รขิ องพระองคท์ า่ น ซ่งึ เป็นสิ่งส�ำคญั ความมีคุณธรรมตามหลกั ศาสนา มีความเอื้ออาทร ซ่ือสัตย์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่มัวเมาอบายมุข ไม่ท�ำลายสิ่งแวดล้อม มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ มีสัมมาชีพ ไม่ท�ำลาย ทรัพยากร ดนิ นำ้� อากาศ (ไมฆ่ ่าดนิ อากาศ นำ้� ด้วยสารเคมี) 9
ผลงานสรา้ งคุณประโยชน์ นายคำ� พนั ธ์ เป็นผคู้ ิดคน้ ผลงานสร้างองคค์ วามรทู้ มี่ ุ่งเนน้ การพึง่ พา ตนเอง เช่น ศึกษาและคิดค้น โมเดล 1 งาน 1 แสน โดยผสมผสานกับ องค์ความรู้ เทคนิคการท�ำเกษตรกรรมยั่งยืนแบบผสมผสานด้วยการใช้ ทรพั ยากรทม่ี ใี นพน้ื ทใี่ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ เพอ่ื เปน็ แบบอยา่ งในการเรยี นรู้ ให้แกเ่ กษตรกรที่ตอ้ งการทำ� การเกษตรตามหลกั การพง่ึ พาตนเอง สามารถ น�ำไปปฏิบัติตามได้จริง ศึกษาองค์ความรู้ในการท�ำนาอินทรีย์ต้นทุนต�่ำ ด้วยวิธีการปลูกข้าวแบบต้นเดียวที่นอกจากจะลดต้นทุนในการประกอบ อาชีพให้กับเกษตรกรแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตที่ได้ จัดตั้ง ตลาดชุมชนหรือตลาดสีเขียวแก้ไขปัญหาทางด้านการตลาดให้กับสมาชิกใน ชุมชน สร้างให้เกิดความร่วมมือของสมาชิกในชุมชนเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา ผ่านกลุ่มเกษตรกรรมย่ังยืนโดยใหเ้ ข้ามามสี ่วนรว่ มในการพฒั นา เป็นตน้ 10
การขยายผลงาน นายคำ� พันธ์ ไดส้ ร้างตวั อยา่ งของความส�ำเร็จในการดำ� เนนิ ชวี ติ ดว้ ย การพ่ึงพาตนเองเพื่อเป็นแบบอย่างให้เกษตรกรได้น�ำไปปฏิบัติใช้ในรูปแบบ ของโมเดลการเรียนรู้ องค์ความรู้ต่างๆ และพัฒนาพ้ืนท่ีท�ำการเกษตรให้ เปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ ม่ี คี วามหลากหลาย มกี ารสรา้ งกลมุ่ สมาชกิ เพอ่ื แลกเปลยี่ น เรียนร้แู ละแก้ไขปญั หาใหก้ ับชุมชนอย่างมสี ่วนร่วม มเี ครือข่ายในการขยาย ผลงานทงั้ ในระดับชุมชน เช่น จดั ต้งั วสิ าหกิจชุมชนกล่มุ เกษตรกรรมย่ังยนื อำ� เภอกันทรวิชยั ทมี่ สี มาชกิ ในอ�ำเภอกนั ทรวิชยั กวา่ 50 คน การขยายผล ร่วมกับกลุ่มและเครือข่ายต่างๆ หน่วยงานภาคราชการ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ท้ังในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ ด้วยการถ่ายทอด ความรู้ให้กับเกษตรกรและผู้ท่ีสนใจท่ัวไป โดยระหว่างปี 2550-2558 มี ผู ้ เ ข ้ า รั บ ก า ร ถ ่ า ย ท อ ด ค ว า ม รู ้ แ ล ะ ศึ ก ษ า ดู ง า น จ า ก น า ย ค� ำ พั น ธ ์ มากกวา่ 19,800 ราย อกี ทง้ั ยังมีการเผยแพรผ่ ลงานผ่านสอ่ื ตา่ งๆ อกี ดว้ ย 11
การสรา้ งกล่มุ /เครอื ขา่ ย นายคำ� พันธ์ ไดพ้ ฒั นากลุ่มและเครอื ข่าย โดยการคัดเลือกเกษตรกร ท่ีผ่านการฝึกอบรมท่ีมีจิตอาสาขับเคลื่อนพัฒนาการเกษตรตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในนามวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมยั่งยืน อำ� เภอกนั ทรวชิ ยั และเปน็ ศนู ยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งชมุ ชน ระดบั หมบู่ า้ น ตำ� บล อำ� เภอหลายจดุ รวมถงึ หนว่ ยงานทง้ั ภาครฐั และเอกชน ทร่ี ว่ มบรู ณาการ เพือ่ พฒั นาการเกษตรตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง 12
องค์ความรู้ การปลูกข้าวแบบตน้ เดยี ว (นาอนิ ทรีย์) ข้นั ตอนวิธีการปลกู 1. ปรับปรุงบ�ำรุงดินหลังเก็บเก่ียวด้วยการฉีดพ่นน�้ำหมักอินทรีย์ อตั ราต่อไร่ จุลินทรีย์ 5 สว่ น/น�ำ้ 20 ส่วน แล้วไถกลบตอซัง หว่านปยุ๋ พชื สด (พืชตระกูลถั่ว) 4-5 กก./ไร่ เม่ือออกดอกบานไถกลบ 2. เมอ่ื ถงึ ฤดทู �ำนา น�ำพันธุ์ข้าวที่เตรียมไวแ้ ช่น้�ำ 2 วัน นำ� ข้นึ หมกั ไว้ 1-2 วนั หรอื แตกหนอ่ นำ� ไปเพาะกลา้ ทแี่ ปลงกลา้ (1 กก. ตอ่ พน้ื ที่ 50 ตร.ม.) เม่ืออายุกลา้ ได้ 7-12 วนั ถอนต้นกลา้ ออกไปปลกู แปลงท่เี ตรียมไว้ โดยถอน ต้นกล้าทีละตน้ ไมใ่ ห้เมลด็ ข้าวหลดุ จากตน้ ถ้าเมล็ดหลุดไมเ่ อา 3. หวา่ นปยุ๋ หมกั ชวี ภาพ 100 กก./ไร่ ไถกลบคราดใหเ้ รยี บ ปรบั พนื้ ให้ราบเสมอไม่สูงไม่ต่�ำ และไม่ให้น้�ำขังแปลงนา (พอเป็นตม ถ้ามีน�้ำขังให้ เอาออก ถา้ ไมม่ ีน�ำเข้า) 4. น�ำต้นกล้าต้นเดียวปักด�ำพอท่วมเมล็ดข้าว ระยะห่างประมาณ 15-20 ซม. (พันธข์ุ ้าว 1 กก. ปลกู ได้ประมาณ 1 ไร่) 13
การดูแลรกั ษา 1. สงั เกตแปลงนาหลงั ปักด�ำ ถ้าพน้ื ทแ่ี หง้ ให้น�ำนำ้� เขา้ ใหท้ ่วั แปลง ทง้ิ ไว้ 1 คืน แล้วเอาน้�ำออกให้หมดและใหส้ งั เกตอยู่ 3 สปั ดาห์ จึงพ่นป๋ยุ น�ำ้ หมักชวี ภาพในอัตรา นำ้� หมกั 1 สว่ น/น�ำ้ 300-500 ส่วน 2. พอข้าวอายไุ ด้ 1 เดือน เอานำ�้ เขา้ ขงั แตร่ ะดับนำ้� ไม่เกิน 10 ซม. ให้นำ้� ขังตลอดจนขา้ วออกรวงแลว้ พน่ ป๋ยุ น้ำ� หมักชีวภาพอีกเมื่ออายุ 60 วัน และชว่ งข้าวตง้ั ทอ้ ง ประโยชน์ 1. ลดตน้ ทนุ การผลติ ประหยดั พนั ธข์ุ า้ ว ขายไดร้ าคาสงู (ขา้ วอนิ ทรยี )์ 2. ขา้ วแตกกอดี 20-40 ต้น ผลผลิตสูง 700-1,000 กก./ไร่ (นาป)ี 3. ตา้ นทานต่อโรคเมล็ดเตม็ นำ้� หนกั ดี มีคุณคา่ ทางโภชนาการสงู 14
แผนผงั ทอี่ ยอู่ าศยั ศนู ยเ์ รยี นรเู้ กษตรกรรมยง่ั ยนื ชมุ ชน กม.7 บา้ นศรสี ขุ บา้ นนาดี บ้านทัน ถนนกันทรวชิ ยั - เชยี งยนื ไปกันทรวิชัย ไปเชียงยืน แปลงเกษตรกรรมรวม บ้านลาด ยั่งยืน ทอี่ ยอู่ าศยั สถานทตี่ ิดตอ่ สญั ลักษณ์ ที่อยู่ 43 หมทู่ ี่ 2 บ้านดอนแดง ตำ� บลศรสี ุข = สำ� นกั สงฆ์ อำ� เภอกันทรวิชยั จงั หวัดมหาสารคาม 44150 = ศาลาเอนกประสงค์ โทรศพั ท ์ 089-618-4075, 061-582-2235 = ประปาหม่บู า้ น = ที่อยู่อาศัย = ทางเข้า 15
นายอัคระ ธติ ิถาวร ปราชญเ์ กษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดเี ดน่ 16
ปราชญ์เกษตรของแผน่ ดนิ สาขา ปราชญเ์ กษตรดเี ด่น นายอคั ระ ธิตถิ าวร อายุ 54 ปี การศกึ ษา ปรญิ ญาตรี วทิ ยาศาสตร์บณั ฑติ เอกพชื ศาสตร์ สถานภาพ สมรส มีบตุ ร 1 คน (หญงิ 1 คน) ทอี่ ย ู่ บ้านเลขท่ี 43/1 หมู่ท่ี 3 บา้ นพรจุ ำ� ปา ตำ� บลเทพกระษัตรี อำ� เภอถลาง จงั หวัดภูเกต็ 83110 โทรศัพท ์ 089-196-6003 อาชีพ เกษตรกร รางวัล หรือประกาศเกยี รตคิ ณุ ท่ีได้รับ ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดเี ด่น ปี 2559 เกษตรกรดเี ดน่ แหง่ ชาติ สาขาอาชีพเล้ยี งสตั ว์ ปี 2551 รางวัลเชิดชูเกียรติ นักสัตวบาลดีเด่น สมาคมสัตวบาลแห่ง ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปี 2551 นามานุกรม ผู้เช่ียวชาญด้านปศุสัตว์ไทย ผู้เช่ียวชาญด้านการ เลย้ี งแพะ 17
รางวัลผู้ท�ำคุณประโยชน์ในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรผู้เล้ียงสัตว์ กรมปศุสัตว์ ปี 2553 รางวลั เกษตรกรสมั มาชีพดีเดน่ สภาเกษตรกรแห่งชาติ ปี 2557 รางวลั ปราชญ์เกษตร 72 ปี มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ปี 2557 รางวัลคนดแี ทนคุณแผ่นดนิ บริษัท เนช่นั มลั ติมเี ดยี กร๊ปุ จ�ำกัด (มหาชน) ปี 2557 รางวัลคนดีศรถี ลาง สาขาอาชพี เล้ียงสัตว์ ปี 2552 ฯลฯ 18
ชวี ติ ท่ีพอเพียง นายอัคระ ธิติถาวร เกษตรกรผู้พลิกผันชีวิตตนเองจากลูกจ้าง บรษิ ทั เอกชน มาทำ� เกษตรกรรม เนอื่ งจากเหน็ วา่ การเปน็ ลกู จา้ งบรษิ ทั เอกชน ไม่มีความย่ังยืนในชีวิต จึงได้เร่ิมกลับมาท�ำเกษตรในพื้นที่ของตนเอง จ�ำนวน 5 ไร่ ปลูกพชื ผกั ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ แบบอนิ ทรียแ์ ละเล้ียงแพะประมาณ 10 ตวั เพอื่ ใชม้ ลู แพะใหเ้ ปน็ ปยุ๋ แกพ่ ชื ผกั ทปี่ ลกู ตอ่ มาไดเ้ ลง็ เหน็ วา่ การเลยี้ งแพะ สามารถท�ำเป็นอาชีพหลักได้ จึงหันมาให้ความสนใจการเล้ียงแพะนม เชงิ อินทรยี โ์ ดยทำ� การศึกษา คัดเลือกพนั ธ์แุ พะนมพ้นื เมืองและแพะนมจาก ต่างประเทศ เพ่ือตอบสนองวิธีการเล้ียงดูตามธรรมชาติ และเหมาะสมกับ 19
สภาพภูมิอากาศ คิดค้นองค์ความรู้ในการใช้พืชสมุนไพรดูแลสุขภาพสัตว์ แทนการใช้สารปฏิชีวนะ ปัจจุบันฟาร์มแพะนมของนายอัคระ มีแพะ จ�ำนวน 77 ตวั มลี กั ษณะเป็นฟารม์ ขนาดเลก็ แต่สามารถดำ� เนนิ กิจกรรมได้ ครบวงจรโดยใช้แรงงานในครัวเรือนเป็นหลัก นายอัคระ ใช้เวลาว่าง ในการศกึ ษา ค้นควา้ ทดลองเพื่อสร้างองคค์ วามรกู้ ารเลยี้ งแพะ ด้วยความมี จิตสาธารณะจึงได้ใช้ความรู้ความสามารถ และใช้พื้นที่ด�ำเนินกิจกรรม การเกษตรของตนเองเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงการเล้ียงแพะ ศูนย์เรียนรู้ปศุสัตว์อินทรีย์การเล้ียงแพะ เป็นท่ีท�ำการหมอดินของหมู่บ้าน เพื่อถา่ ยทอดความรู้ ให้ค�ำปรกึ ษา แกไ้ ขปัญหา ให้กบั พ่ีนอ้ งเกษตรกรทง้ั ใน และนอกพื้นท่ี 20
ความพอประมาณ พอประมาณ เล้ียงแพะตามศักยภาพของตนเอง ได้แก่ พ้ืนที่ ทุน แรงงาน อาหารแพะ ความตอ้ งการของตลาด ความมีเหตุผล พัฒนาพันธุ์แพะนมท่ีปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี โดยใช้ฐาน พนั ธกุ รรมจากแพะพื้นเมือง เลี้ยงงา่ ย ให้ผลผลิตสูง และพฒั นาวิธีการเลีย้ ง รวมทงั้ การใชส้ มนุ ไพรในการรกั ษาโรคสตั วแ์ ทนการใชย้ าปฏชิ วี นะ เพอ่ื ใหไ้ ด้ ผลผลิตที่ดี สะอาด และมีคุณภาพ สู่ท้องตลาด รวมท้ังเผยแผ่องค์ความรู้ สูส่ าธารณะ เปน็ การส่งเสรมิ อาชีพการเลย้ี งแพะนมในเชิงอินทรยี ์ การมีภมู คิ ุ้มกันที่ดี มกี ารหมนุ เวยี นการใช้ทรพั ยากรภายในฟารม์ เพือ่ เป็นการลดตน้ ทนุ และเพิม่ รายได้ มีการเลย้ี งไก่ เลีย้ งปลา และปลกู ผกั สวนครวั รวมท้ังไมผ้ ล หลากหลายชนดิ เพอ่ื เปน็ ความมนั่ คงทางดา้ นอาหารของครวั เรอื น และยงั เปน็ การเพม่ิ รายได้ มีการออม เพือ่ ความม่นั คงทางดา้ นเศรษฐกิจของครัวเรอื น 21
ความรอบรู้ มคี วามรอบรูใ้ นเรอื่ ง พฤตกิ รรมแพะ สงิ่ แวดล้อม ความสมดุลทาง ธรรมชาติ โรงเรือน อาหาร การเลย้ี งดู เทคนิคการรดี นมแพะทส่ี ะอาดและ ไร้กลิ่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากนมแพะ การใช้สมุนไพรในการป้องกัน รักษาโรคของแพะ รวมท้ังการสร้างตลาดในระบบขายตรงสูผ่ ้บู รโิ ภค ความมีคุณธรรมตามหลักศาสนา ผลิตสินค้าท่ีมีคุณภาพปลอดภัยและจ�ำหน่ายในราคาที่เป็นธรรมแก่ ผบู้ รโิ ภค รวมทัง้ การเผยแผอ่ งค์ความรู้สสู่ าธารณะ ดว้ ยความเสียสละ ผลงานสรา้ งคณุ ประโยชน์ นายอัคระ ไดส้ รา้ งสรรค์ผลงานอันเปน็ ประโยชน์ซ่งึ ไดร้ ับการยอมรับ และนำ� ไปใชใ้ นกลมุ่ ผเู้ ลยี้ งแพะอยา่ งแพรห่ ลาย ไดแ้ ก่ การคดั เลอื กเพอื่ พฒั นา พนั ธแ์ุ พะอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จนไดแ้ พะนมพนั ธด์ุ ที ใี่ หน้ ำ�้ นมไดเ้ ฉลยี่ 2 ลติ ร/ตวั /วนั ระยะเวลาให้นมนานถึง 200-240 วัน เป็นแพะท่ีเลี้ยงง่ายสามารถ ปรับตวั เข้ากับสภาพภูมอิ ากาศ น�ำไปเลี้ยงได้ดที วั่ ประเทศจนเป็นทีย่ อมรบั 22
ในนาม “แพะนมภเู ก็ต” และยังไดค้ ิดคน้ สร้างองคค์ วามร้ใู นการเลย้ี งแพะ นมเชงิ อินทรยี ์ คดิ ค้นและทำ� การผลิตน้�ำนมแพะอินทรีย์ท่ีได้คณุ ภาพไดร้ บั มาตรฐาน โดยได้รบั การรับรองตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารทด่ี ใี นการผลติ อาหาร (GMP) และผลติ ภัณฑ์นมแพะพาสเจอรไ์ รส์ ภายใตช้ อ่ื “พรจุ �ำปา” ไดร้ ับการรับรองคณุ ภาพจากองคก์ ารอาหารและยา (อย.) ในปี พ.ศ. 2548 อีกท้ัง ยังมีการปลูกพืช เล้ียงสัตว์อ่ืนๆ ร่วมกับการเลี้ยงแพะเพ่ือให้เกิด การเก้ือกูลในการใช้ทรัพยากรในฟารม์ ผลงานของนายอัคระ ไดถ้ กู น�ำไปเผยแพร่และใชก้ ันอยา่ งกวา้ งขวาง ในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะนม ช่วยสร้างรายได้ เพ่ิมมูลค่าให้กับผลผลิต และยังเป็นอาชีพเสริมแก่เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราได้เป็นอย่างดี จนได้รับ การบรรจชุ อื่ ในนามานุกรมผู้เชยี่ วชาญดา้ นปศสุ ตั ว์ไทย เป็นผูเ้ ชย่ี วชาญด้าน การเล้ียงแพะจากสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และยังได้ก่อตั้งกลุ่ม แพะนมอัครดิษฐ์ จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นศูนย์เครือข่ายเรียนรู้การเล้ียงแพะ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพยี ง 23
การขยายผลงาน นายอัคระ ได้ถ่ายทอดผลงานท่ีคิดค้น สร้างสรรค์ให้กับเกษตรกร กลมุ่ เกษตรกร เครอื ขา่ ย โดยมีการเรยี บเรยี งจดั ท�ำเปน็ หนงั สือและเอกสาร เผยแพร่ เชน่ “หนงั สอื แพะนมภเู กต็ สดุ ยอดแพะนมแดนสยาม”และเผยแพร่ องค์ความรู้ผ่านส่ือต่างๆ จ�ำนวนมาก รวมท้ังมีการจัดต้ังกลุ่มเครือข่าย เพื่อแลกเปล่ียนเรียนรู้และขยายผลงานท้ังในระดับจังหวัดจนถึงระดับ ประเทศอาทิ ชมรมชาวแพะภูเก็ต เครือข่ายผู้เล้ียงแพะภาคใต้ตอนบน เครือข่ายผู้เลี้ยงแพะภาคใต้ตอนล่าง เครือข่ายเกษตรกรผู้เล้ียงแพะ แกะ แห่งประเทศไทย โดยใช้หลักการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเห็นประโยชน์ ของการท�ำการเกษตรแบบไม่ท�ำลายระบบนิเวศ สร้างอาหารที่ดีไม่มี สารปนเปื้อนซึ่งจะสร้างให้เกิดความมั่นคงยั่งยืนในอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งกรมปศสุ ตั วไ์ ด้บรรจุแนวทางการดำ� เนินกจิ กรรมของนายอัคระ ไว้ในแผน นโยบายการผลิตปศุสัตว์และน�ำไปเผยแพร่สู่เกษตรกรอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกร ข้าราชการ คณะนักศึกษา ผู้บริหารจาก ตา่ งประเทศ อาทิ อนิ โดนเี ซยี อนิ เดยี ลาว มองโกเลยี ญี่ป่นุ ได้เขา้ มาศกึ ษา ดูงานเพื่อน�ำองคค์ วามรู้ของนายอคั ระ ไปปรบั ใชอ้ ีกด้วย 24
การสร้างกลุ่ม/เครอื ข่าย โดยการสรา้ งแรงจงู ใจ ชใ้ี หเ้ กษตรกรเหน็ ถงึ ประโยชนข์ องการเลยี้ งแพะ และช้ีให้เห็นถึงโทษภัยของการท�ำเกษตร (การเลี้ยงสัตว์) ในกระแสหลัก ได้ท�ำลายระบบนิเวศและสร้างอาหารท่ีปนเปื้อนไม่เป็นผลดีต่อมนุษย์และ สง่ิ แวดลอ้ ม ซงึ่ ไมส่ ามารถสรา้ งความมนั่ คงและยงั่ ยนื ในอาชพี ของเกษตรกรได้ แต่การท�ำปศุสัตว์เชิงอินทรีย์ ในรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียงสามารถสร้าง ความมั่นคงยั่งยืนในการประกอบอาชีพของเกษตรกรได้จริง ซ่ึงในปัจจุบัน แนวทางท้ังหมดน้ีได้เกิดกลุ่มเครือข่ายข้ึนอย่างกว้างขวาง และนายอัคระ ได้เปดิ ฟาร์มเป็นศูนยเ์ รยี นรู้ ฝึกอบรมใหค้ วามร้ทู ัง้ ในเรือ่ งทฤษฎีและปฏิบัติ ใหก้ บั เกษตรกรผสู้ นใจเพอื่ ใหเ้ กดิ ทกั ษะ และนำ� ไปปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ เปน็ วทิ ยากร บรรยายองคค์ วามรทู้ ไี่ ดค้ น้ ควา้ วจิ ยั สสู่ าธารณชนและการรวมกลมุ่ เกษตรกร ในระดบั จงั หวดั และการสรา้ งเครอื ขา่ ยเกษตรกรในระดบั เขต ระดบั ภาคและ ระดับประเทศ 25
องคค์ วามรู้ สมุนไพรใช้ดแู ลสขุ ภาพสัตว์ 1. พยาธิภายใน ใชน้ ้ำ� หมักชีวภาพสตู ร ขเ้ี หล็ก + ชมุ เห็ดเทศ + สะเดา + ใบขข้ี ม + บอระเพ็ด 3 สว่ น กากน�้ำตาล 1 สว่ น น�้ำ 3-5 ส่วน พด. 7 (1 ซอง) หมกั นาน 21 วัน อตั ราสว่ นที่ใช้ ผสมน�ำ้ ให้สตั วก์ ินในอัตราสว่ น 1:500 2. ท้องเสยี ใชผ้ ลละมุดดิบ, เปลอื กทบั ทิม, เปลอื กมังคดุ , ผลกลว้ ยดบิ , ผลฝรั่งดบิ โขลกผสมน�้ำ กรอกให้สตั วก์ นิ 150 ซซี ี/น�ำ้ หนกั สตั ว์ 20-40 กิโลกรมั วันละ 2 ครั้ง 26
3. โรคผวิ หนัง ใชผ้ ลมะเฟอื งเปรยี้ วถบู รเิ วณทม่ี อี าการ, ใชต้ น้ กะเมง็ ถบู รเิ วณทเ่ี ปน็ โรค (ขเี้ รอ้ื น) 4. เต้านมอกั เสบ ใช้หญ้าพันงูเขียว, หญา้ วงชา้ ง, ลกู ใต้ใบ 1 ส่วน : น้ำ� 3 ส่วน ต้ม กรอกให้ สัตวก์ นิ 150 ซีซี/ครง้ั วันละ 3 ครัง้ 5. โรคตา ตาแดง ตาแฉะ ใช้รากพาโหมฝนหยดตา 6. พยาธิภายนอก ใช้ใบตะไครห้ อม + ข่าต�ำ น�ำมาเช็ดถบู ริเวณทม่ี พี ยาธิภายนอก, ใช้หางไหล, หนอนตายหยาก ตำ� แช่น้ำ� 1 คนื นำ� มาอาบหรอื ฉดี พ่นตัวสตั ว์ 7. เป็นไข้ ใหก้ ินตน้ ใบ รากยา่ นาง ตน้ ลูกใตใ้ บ, ใบส้มป่อย 8. นวิ่ ใชห้ ญา้ หนวดแมวต้ม อัตราสว่ น หญา้ หนวดแมว 1 ส่วน น�้ำ 3 ส่วน กรอกให้ สัตว์กิน 150 ซซี ี/ตอ่ น้�ำหนกั สัตว์ 20-40 กิโลกรมั วันละ 2 ครั้ง 9. เบื่ออาหาร ใชส้ ตู รนำ้� หมักชีวภาพ กลว้ ยสุก, มะละกอสุก 3 ส่วน กากน�ำ้ ตาล 1 สว่ น น้ำ� 1 สว่ น พด. 2 1 ซอง (25 กรมั ) หมัก 7 วัน อตั ราการใช้ ผสมนำ้� หรอื กรอกใหส้ ตั วก์ นิ 5-10 ซซี ี ตอ่ ตวั หรอื ผสมใหส้ ตั วก์ นิ อตั ราสว่ น 2:500 27
10. ปากเป่ือย ใช้วา่ นห่างจระเข,้ เสลดพังพอน ทาบริเวณปากเปื่อย 11. แผลสด ,เป่ือย ใชน้ �้ำมนั เหยี้ ทาปอ้ งกันแมลงวันและทำ� ให้แผลหายเร็ว 12. ได้รับพิษจากสารเคมี ใช้ไขข่ าว 2-5 ฟอง หรอื ใชผ้ งถา่ นละลายนำ้� กรอกใหส้ ตั ว์กิน 13. ท้องอืด ใชใ้ บกระเพรา 1 กำ� มอื ผสมเกลือเล็กนอ้ ย ตม้ กรอกใหส้ ตั วก์ ิน 50-100 ซีซี ใช้ใบพาโหมตำ� ค้ันเอาน้�ำให้สัตว์กนิ 50-100 ซซี ี 14. โรคหัวใจ, ปอดอักเสบ,ทางเดนิ อาหารอกั เสบ ใช้ต้นและใบฟา้ ทะลายโจร 1 สว่ น : น�้ำ 2 สว่ น ตม้ กรอกใหส้ ตั ว์กนิ หรอื ใช้ ต้นและใบสดค้ันนำ�้ ผสมน้�ำใหส้ ตั ว์ปกี กินได้ (ใชใ้ นสัตวป์ ีก) 28
แผนผงั ทอี่ ยอู่ าศยั ศนู ยเ์ รยี นรอู้ คั ระฟารม์ ท่วี ่าการอ�ำเภอถลาง ไปพงั งา ถนนเทพกษัตรี ไปภเู กต็ เมโรืิองงเรถียลนาง ซอยบา้ นเหรยี ง บา้ โนรงพเรรจุียำ�นปา สนามบนิ ภเู ก็ต ประปาหม่บู า้ น ศูนย์เรียนรู้ อัคระฟาร์ม สถานที่ติดต่อ ที่อย่ ู 43/1 หมทู่ ่ี 3 บ้านพรจุ �ำปา ต�ำบลเทพกระษตั รี อ�ำเภอถลาง จงั หวดั ภูเกต็ 83110 โทรศพั ท ์ 089-196-6003 29
นายอดิศร เหล่าสะพาน ปราชญเ์ กษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญเ์ กษตรผู้น�ำชุมชนและเครือขา่ ย 30
ปราชญ์เกษตรของแผน่ ดิน สาขา ปราชญเ์ กษตรผ้นู ำ� ชุมชนและเครือข่าย นายอดศิ ร เหล่าสะพาน อาย ุ 54 ปี การศกึ ษา ปริญญาตรี ครุศาสตรบ์ ณั ฑติ เอกเกษตรกรรม สถานภาพ สมรส มีบุตร 2 คน (หญงิ 2 คน) ที่อยู่ บ้านเลขที่ 25 หมู่ที่ 13 บ้านดอนมัน ตำ� บลขามเรยี ง อ�ำเภอกนั ทรวชิ ยั จงั หวดั มหาสารคาม 44150 โทรศพั ท ์ 087-859-3081 อาชพี กำ� นนั และเกษตรกร รางวลั หรือประกาศเกียรตคิ ุณที่ได้รบั ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรผู้น�ำชุมชนและ เครอื ข่าย ปี 2559 รางวัลก�ำนันยอดเยยี่ ม กรมการปกครอง ปี 2553 รางวลั หมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง อยเู่ ยน็ เปน็ สขุ กระทรวงมหาดไทย ปี 2549 รางวลั ชมุ ชนแห่งการเรียนรตู้ ลอดชีวติ ดเี ดน่ กระทรวงศึกษาธกิ าร ปี 2549 31
รางวลั ชมุ ชนทมี่ กี ารบรหิ ารจดั การยอดเยยี่ มแหง่ ปี กรมพฒั นาชมุ ชน ปี 2550 รางวัลศูนย์เรียนรู้ชุมชนดีเด่น ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ปี 2552 รางวัลหมู่บ้านน�ำแนวคิด โครงการหมู่บ้านสร้างเสริมสุขภาพ ตามแนวพระราชดำ� รสั เศรษฐกจิ พอเพยี ง สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ปี 2552 รางวัลชนะเลิศการประกวดศูนย์เรียนรู้ กฎหมายชุมชน ระดับ ประเทศ ธนาคารเพือ่ การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร ปี 2552 รางวัลคนดีศรีมหาสารคาม ด้านเกษตรกรรม ในวันเฉลิมฉลอง ครบรอบ 150 ปี มหาสารคาม ปี 2558 ฯลฯ 32
ชวี ิตท่ีพอเพียง จากอดีตที่เคยยึดอาชีพเป็นลูกจ้างและท�ำงานค้าขายด้วยความ เหน็ดเหน่อื ยเพือ่ ให้ไดเ้ งนิ มาใช้จ่าย จนได้ตระหนกั ว่าสิง่ ท่ีท�ำไม่ใชเ่ ปา้ หมาย ชีวิตท่ีต้องการจึงได้หันเหตนเองมาเป็นผู้ใหญ่บ้านและก้าวสู่การเป็นก�ำนัน ต�ำบลขามเรียง รายได้จากต�ำแหน่งก�ำนันท่ีไม่มากนักท�ำให้นายอดิศร ตอ้ งปรบั รูปแบบการด�ำเนินชวี ิตตามหลกั ความพอประมาณ ทำ� การปลกู พชื เล้ียงสตั ว์เพ่ือการบริโภค ใชช้ วี ติ โดยเรียบง่ายซึ่งสอดคลอ้ งตามหลักปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพียง จนพบกับความสุขที่เป็นเป้าหมายของชีวิตและ เกิดแรงบันดาลใจท่ีจะสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน สังคม และด้วยความ ตระหนักถึงความส�ำคัญในการพัฒนาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งซงึ่ จะตอ้ งมคี วามรอบรเู้ พอ่ื ใหส้ ามารถดำ� เนนิ กจิ กรรมไดบ้ รรลเุ ปา้ หมาย นายอดิศรจึงเป็นผู้ท่ีมีความขยัน หม่ันเพียร ศึกษาหาความรู้โดยเฉพาะ ในเรื่องการท�ำมาหากินเพื่อความอยู่รอด มีการทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง 33
เปน็ ผมู้ จี ติ อาสา มคี วามตงั้ ใจจรงิ ทจ่ี ะชว่ ยพฒั นาชมุ ชนโดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ซึง่ ทำ� ให้นายอดิศร ได้รบั รางวัลก�ำนนั ยอดเยีย่ ม หรือ รางวลั แหนบทองคำ� เมื่อปี พ.ศ. 2553 จากกระทรวงมหาดไทย ด้วยบทบาทการเป็นผู้น�ำในชุมชนอย่างเป็นทางการ ช่วยเสริมให้ นายอดิศร สามารถสรา้ งการมีสว่ นร่วมของสมาชิกในการพัฒนาชมุ ชนดา้ น ต่างๆ อย่างกวา้ งขวาง โดยเป็นผู้คดิ คน้ สร้างสรรค์กจิ กรรมดา้ นการเกษตร ที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับสมาชิกในชุมชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย จึงต้องคิดหาวิธีการที่เกษตรกรสามารถเรียนรู้และน�ำไปปฏิบัติตามได้ ลงทุนตำ่� ใช้เทคโนโลยอี ย่างงา่ ยในการปฏิบตั ิ ท�ำใหส้ ามารถขยายผลให้กับ สมาชกิ ชมุ ชนและเครอื ขา่ ยไดก้ วา้ งขวาง สมาชกิ ในชมุ ชนและกลมุ่ เครอื ขา่ ย มีคุณภาพชวี ิตและความเปน็ อย่ทู ่ดี ีขึ้น 34
ความพอประมาณ ความพอประมาณในตนเอง ดำ� เนนิ ชวี ติ เปน็ ไปโดยเรยี บงา่ ย เนน้ เรอ่ื ง สขุ ภาพ กนิ ผักปลอดสารพิษ ปลูกผักกนิ เอง ส่วนอาหารโปรตีนก็จะเนน้ กิน ปลาทต่ี นเลี้ยงเองมาประกอบอาหารงา่ ย ๆ รวมทงั้ เปด็ ไกแ่ ละกบ ขอให้อิ่ม และสุขภาพดี ความพอประมาณในคา่ ใช้จ่าย ในกิจกรรมอะไรกต็ ามทีจ่ ะนำ� ไปสู่ ความฟุ่มเฟือยจะพยายามหาทางหลีกเลี่ยง และลดการใช้สิ่งท่ีเราเห็นว่า สน้ิ เปลอื งโดยประโยชนแ์ ละคณุ คา่ นอ้ ยทส่ี ดุ กจ็ ะหาสงิ่ มาทดแทน เชน่ หางาน หรือกิจกรรมท่ีท�ำแล้วท�ำให้เกิดความเพลิดเพลินให้ลืมสิ่งพวกนี้ ก็สามารถ ที่จะทดแทนกนั ได้ มีการท�ำบัญชีครัวเรือน เพื่อเป็นแนวทางในการใช้จ่ายประจ�ำวัน การใชจ้ ่ายไมย่ งุ่ เกี่ยวกบั สง่ิ ของฟุ่มเฟือย อาทิ สรุ า บุหรี่ และยังไม่เคยมอบ สิง่ ของฟมุ่ เฟือยต่างๆ เป็นของขวัญให้ผู้อน่ื ในวาระต่าง ๆ ด้วย 35
ความมเี หตผุ ล ถ้าจะกล่าวในเร่ืองมีเหตุมีผลในการท�ำงานก็จะยึดหลักส�ำคัญคือ “งานมี คนมา ทำ� งานมเี งนิ ไม่ตอ้ งตามหาเงิน แตเ่ งนิ มาหาเรา” เหตุผลก็คอื ถา้ คนขยัน อดทน มหี ลกั การคิด ที่จะฟันฝา่ อปุ สรรคอะไรกต็ ามจะประสบ ผลสำ� เรจ็ เสมอ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะลม้ เหลวกถ็ อื ว่าเป็นประสบการณ์ ท่จี ะ ต้องแก้ไขและเป็นบทเรยี น อกี ทง้ั ยงั มีเป้าหมายของชีวิตคือความสขุ 36
ความมีภูมิคุ้มกนั ท่ีดี ประสบการณ์ชีวิตคือบทเรียน และเป็นภูมิคุ้มกันเพื่อแสวงหา ความอยู่รอด การมีครอบครัวอบอุ่น ท�ำกิจกรรมท�ำมาหากินร่วมกัน ไมผ่ ดิ ศีลธรรม มคี วามขยัน อดทน ซ่ือสัตย์ และประหยัด ไดม้ กี ารจดั ทำ� แผนร่วมกับชุมชนเก่ียวกับการเกษตรเฝ้าระวังเด็กกลุ่มเส่ียงติดยาเสพติด โดยใช้กิจกรรมทางการเกษตรเป็นเครือ่ งมือค้มุ กนั ท่ีดอี ีกทางหน่งึ 37
ความรอบรู้ ใฝร่ ู้ มคี วามขยนั หมนั่ เพยี ร แสวงหาความรสู้ มำ่� เสมอ เชน่ การไปศกึ ษา ดูงานในโครงการพระราชด�ำริเขาหินซ้อน และได้น�ำรูปแบบมาพัฒนาให้ เข้ากับสภาพแวดล้อมของตนเอง มีการฝึกปฏิบัติและทดลองด้วยตนเอง เกดิ การพฒั นาโดยเฉพาะเรอื่ งการทำ� มาหากนิ เพอ่ื ความอยรู่ อด มกี ารถา่ ยทอด ความร้ใู หผ้ ้สู นใจนำ� ไปปฏบิ ตั ิ 38
ความมคี ณุ ธรรมตามหลักศาสนา เป็นผู้ด�ำเนนิ ชวี ิตโดยยดึ หลักมีคณุ ธรรมเปน็ พ้ืนฐาน อาทิ มีคณุ ธรรม พรหมวหิ าร 4 เมตตา กรณุ า มทุ ติ า อเุ มกขา ประพฤติ ปฏบิ ตั เิ ปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี อกี ทงั้ เป็นทเ่ี คารพนับถือเพื่อนบ้านและบุคคลท่พี บเห็น เปน็ แกนนำ� ในการ ท�ำนบุ �ำรุงศาสนา 39
ผลงานสร้างคุณประโยชน์ นายอดศิ ร เป็นผสู้ รา้ งสรรคผ์ ลงานด้านการเกษตรทีช่ ว่ ยแกไ้ ขปัญหา การด�ำเนนิ ชีวติ ใหก้ บั เกษตรกร เช่น การคดิ ค้นองค์ความร้เู พ่อื แกไ้ ขปญั หา ภยั แลง้ และดนิ ขาดความอดุ มสมบรู ณ์ ซง่ึ สามารถแกไ้ ขปญั หาใหก้ บั เกษตรกร ในพน้ื ทไี่ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี สรา้ งเครอื ขา่ ยในการขยายผลงานการพฒั นาการเกษตร ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ ผูน้ �ำในการจดั ทำ� กิจกรรมเพ่ือ สร้างความร่วมมือและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนอย่างหลากหลาย เชน่ จัดต้งั ธนาคารตน้ ไม้ โครงการออมทรพั ยว์ นั ละบาท ตั้งกลุ่มออมทรพั ย์ 40
เพ่ือการผลิต จัดตั้งกลุ่มอาชีพในชุมชน เช่น กลุ่มเพาะเห็ด เลี้ยงปลา ปยุ๋ ชวี ภาพ เลยี้ งไก่ เปน็ ตน้ ซงึ่ ทำ� ใหส้ มาชกิ ในชมุ ชนไดม้ สี ว่ นรว่ มในการพฒั นา และแก้ไขปัญหาได้ตรงตามความต้องการ อีกทั้งยังเป็นผู้น�ำในการพัฒนา แกไ้ ขปญั หาดา้ นสงั คม โดยจดั ตงั้ ศนู ยบ์ า้ นกงึ่ วถิ คี มุ ประพฤตจิ งั หวดั มหาสารคาม ซง่ึ เป็นศนู ยบ์ �ำบัดผตู้ ดิ ยาเสพติดในเขตพืน้ ท่ภี าค 4 ของ ปปส. ท�ำการบ�ำบัด ผู้ติดยาเสพติดโดยใช้กิจกรรมการเกษตร จนท�ำให้ชุมชนได้รับรางวัลจาก การประกวดของส่วนราชการและภาคเอกชนมากมาย 41
การขยายผลงาน นายอดศิ ร ไดส้ รา้ งตวั อยา่ งความสำ� เรจ็ ของการนำ� ความรทู้ สี่ รา้ งสรรคข์ น้ึ โดยใชพ้ นื้ ทขี่ องตนเองเปน็ แหลง่ ปฏบิ ตั ิ และแหลง่ ศกึ ษาเรยี นรใู้ หก้ บั เกษตรกร และผูส้ นใจโดยท่ัวไป และยังขยายผลเครือขา่ ยการเรียนรู้ โดยเกษตรกรที่มี ความตงั้ ใจจรงิ ซง่ึ ไดเ้ ขา้ มาเรยี นรแู้ ละนำ� ไปปฏบิ ตั ิ จนสามารถใชพ้ น้ื ทก่ี ารทำ� การเกษตรของตนเองเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มี การขยายผลงานผา่ นกลมุ่ เครอื ขา่ ยทจ่ี ดั ตงั้ ในระดบั ชมุ ชน เครอื ขา่ ยการพฒั นา รว่ มกับโรงพยาบาลในจงั หวัดมหาสารคามและจงั หวดั ใกลเ้ คียง มีเครอื ขา่ ย อาสาสมคั รในการท�ำงานด้านตา่ ง ๆ ร่วมกับภาคราชการและองคก์ รเอกชน ท้งั ในระดับท้องถน่ิ ระดับภมู ภิ าคและระดบั ประเทศ เครอื ข่ายการพัฒนา รว่ มกับสถาบันการศกึ ษา อกี ทง้ั ยังมีการขยายผลงานผา่ นสอ่ื ต่าง ๆ ดว้ ย 42
การสร้างกลมุ่ /เครอื ขา่ ย ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนและร่วมถ่ายทอดให้แก่ผู้ท่ี สนใจเข้ามาเรียนรู้ และพัฒนาสังคมการเกษตร ซึ่งกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ เป็นเกษตรกรรายย่อยท่ีต้องการเรียนรู้ด้านการเกษตร ที่สามารถท�ำง่าย ลงทนุ ตำ�่ ทำ� ไดต้ ลอดเวลา ใชเ้ ทคโนโลยแี ละนวตั กรรมอยา่ งงา่ ย พรอ้ มทงั้ ใช้ ในภาคสังคมการเกษตรในการแก้ไขปัญหาสังคม เช่น สามารถตั้งเป็น ศนู ยบ์ ้านกงึ่ วถิ คี มุ ประพฤตจิ ังหวดั มหาสารคาม บำ� บัดผู้ติดยาเสพติด ยาบา้ สารระเหย กญั ชา โดยใชก้ จิ กรรมดา้ นการเกษตรเปน็ เครอื่ งมอื ในการบำ� บดั ได้ ใชห้ ลกั สตู ร 60 วัน เมอ่ื ผ้เู ขา้ รบั การบ�ำบดั ได้ความรูแ้ ละประสบการณแ์ ลว้ สามารถน�ำไปใช้แก้ไขปัญหาชีวิตได้ และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ทำ� ใหส้ ังคมภาคการเกษตรเกดิ การพัฒนาอย่างย่ังยืน 43
ศนู ยเ์ รยี นรชู้ มุ ชนเศรษฐกจิ พอเพยี งบา้ นดอนมนั ( 4 กิโลเมตรจากมหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม) ไปอำ� เภอเชียงยืน, ไปบ้านหนองอ่มุ ศนู ยเ์ รยี นรู้ ชมุ ชนเศรษฐกจิ พอเพยี งบา้ นดอนมนั ไปอ�ำเภอโกสมุ พสิ ยั ทางหลวง 4009 ทางหลวง 2202 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ไปมหาสารคาม ทางหลวง 2202 ไปกาฬสนิ ธุิ์ ทางหลวง 213 ล�ำน้ำ� ชี สถานท่ตี ิดตอ่ ทอ่ี ยู ่ 25 หม่ทู ี่ 13 บา้ นดอนมนั ตำ� บลขามเรยี ง อำ� เภอกนั ทรวชิ ัย จังหวัดมหาสารคาม 44150 โทรศัพท์ 087-859-3081 44
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: