Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙

พระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙

Description: พระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙

Search

Read the Text Version

ราชกิจจานเุ บกษา พระราชบญั ญัติ พฒั นาการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙

พระราชบัญญตั ิ พฒั นาการบริหารงานยตุ ธิ รรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปี ที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบนั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยทเ่ี ป็นการสมควรมกี ฎหมายวา่ ดว้ ยการพฒั นาการบริหารงานยตุ ิธรรม แห่งชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ิข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและ ยนิ ยอมของรัฐสภา ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั ิน้ีเรียกว่า “พระราชบญั ญตั ิพฒั นาการบริหารงาน ยตุ ิธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙” มาตรา ๒[๑] พระราชบญั ญตั ิน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราช กิจจานุเบกษา เป็นตน้ ไป มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี “การบริหารงานยตุ ิธรรม” หมายความวา่ การดาเนินการทเี่ กี่ยวกบั การบริหาร จดั การในการอานวยความยตุ ิธรรม การป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาอาชญากรรม การคุม้ ครองความ ปลอดภยั ในชีวิตและทรัพยส์ ิน การคุม้ ครองสิทธิเสรีภาพใหก้ บั ประชาชน การบงั คบั การตาม

กฎหมายและการอานวยความสะดวกแก่ประชาชน แต่ไม่รวมถึงอานาจอิสระในการพิจารณา พิพากษาอรรถคดขี องศาลและการดาเนินการของหน่วยงานอสิ ระตามรัฐธรรมนูญ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการพฒั นาการบริหารงานยตุ ิธรรม แห่งชาติ “สานกั งาน” หมายความวา่ สานกั งานกิจการยตุ ิธรรม “รัฐมนตรี” หมายความวา่ รัฐมนตรีผรู้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรา ๔ การดาเนินการตามพระราชบญั ญตั ิน้ีตอ้ งไม่กระทบกระเทอื นอานาจ อสิ ระของศาลและการบริหารราชการของหน่วยงานของศาล หรือหน่วยงานอสิ ระตาม รัฐธรรมนูญ รวมท้งั การใชอ้ านาจหนา้ ทต่ี ามกฎหมายของหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง มาตรา ๕ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงยตุ ิธรรมรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หมวด ๑ คณะกรรมการพฒั นาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ มาตรา ๖ ใหม้ ีคณะกรรมการพฒั นาการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ ประกอบดว้ ยนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซ่ึงนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน กรรมการ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ิธรรมเป็นรองประธานกรรมการ ปลดั กระทรวงการคลงั ปลดั กระทรวงมหาดไทย ปลดั กระทรวงยตุ ิธรรม ปลดั กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการ ส่ือสาร อยั การสูงสุด เจา้ กรมพระธรรมนูญ ผบู้ ญั ชาการตารวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการ กฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกนั และ ปราบปรามยาเสพติด เลขาธิการคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสานกั งานศาลปกครอง เลขาธิการสานกั งานศาลยตุ ิธรรม เลขาธิการเนติบณั ฑิตยสภา นายกสภาทนายความ คณบดีคณะนิติศาสตร์หรือเทียบเท่าของ สถาบนั อดุ มศึกษาของรัฐทกุ แห่งซ่ึงเลือกกนั เองใหเ้ หลือหน่ึงคน คณบดีคณะนิติศาสตร์หรือ เทียบเทา่ ของสถาบนั อุดมศึกษาของเอกชนทุกแห่งซ่ึงเลือกกนั เองใหเ้ หลือหน่ึงคน ผแู้ ทน

กระทรวงยตุ ิธรรม ผแู้ ทนสานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน ผแู้ ทนสานกั งบประมาณ ผทู้ รงคุณวฒุ ิซ่ึงไดร้ ับแต่งต้งั จากคณะรัฐมนตรีจานวนสามคน เป็นกรรมการ และผอู้ านวยการ สานกั งานกิจการยตุ ิธรรมเป็นเลขานุการ ใหค้ ณะกรรมการแต่งต้งั ขา้ ราชการในกระทรวงยตุ ิธรรมจานวนไม่เกินสองคน เป็นผชู้ ่วยเลขานุการ มาตรา ๗ กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิตามมาตรา ๖ จะตอ้ งแต่งต้งั จากผทู้ ีม่ ีความรู้ ความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในดา้ นอาชญาวทิ ยา สงั คมวทิ ยา จิตวทิ ยา เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยสี ารสนเทศ กฎหมาย หรือดา้ นอน่ื ท่ีเป็นประโยชนต์ ่อการพฒั นาการบริหารงาน ยตุ ิธรรม ใหก้ รรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิอยใู่ นตาแหน่งคราวละสี่ปี กรรมการซ่ึงพน้ จาก ตาแหน่งอาจไดร้ ับการแต่งต้งั ใหม่ไดแ้ ต่จะดารงตาแหน่งติดต่อกนั เกินสองวาระไม่ได้ ในระหว่างท่ียงั มิไดแ้ ต่งต้งั กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิ ใหค้ ณะกรรมการประกอบดว้ ย กรรมการเทา่ ท่มี ีอยู่ มาตรา ๘ กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิ ตอ้ งมีคุณสมบตั ิและไม่มีลกั ษณะตอ้ งหา้ ม ดงั ต่อไปน้ี (๑) มีสญั ชาติไทย (๒) มีอายไุ ม่ต่ากวา่ สามสิบหา้ ปี (๓) ไม่เป็นขา้ ราชการการเมือง ผดู้ ารงตาแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาทอ้ งถ่ิน ผบู้ ริหารทอ้ งถ่ิน กรรมการหรือผดู้ ารงตาแหน่งทร่ี ับผดิ ชอบในการบริหารพรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองหรือเจา้ หนา้ ที่ในพรรคการเมือง (๔) ไม่เป็นขา้ ราชการซ่ึงมีตาแหน่งหรือเงินเดือนประจา เวน้ แต่เป็ นขา้ ราชการ หรือพนกั งานผดู้ ารงตาแหน่งอาจารยใ์ นมหาวทิ ยาลยั ของรัฐ (๕) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมอื นไร้ความสามารถ (๖) ไม่เป็นบคุ คลลม้ ละลาย (๗) ไม่เคยตอ้ งคาพิพากษาถึงทสี่ ุดใหจ้ าคกุ ไม่ว่าจะไดร้ ับโทษจาคุกจริงหรือไม่ เวน้ แต่เป็นโทษสาหรับความผดิ ทไี่ ดก้ ระทาโดยประมาทหรือความผดิ ลหุโทษ

มาตรา ๙ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๗ กรรมการ ผทู้ รงคุณวฒุ ิพน้ จากตาแหน่ง เม่ือ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบตั ิหรือมีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๘ (๔) คณะรัฐมนตรีใหอ้ อก ในกรณีทีก่ รรมการพน้ จากตาแหน่งก่อนวาระ คณะรัฐมนตรีอาจแต่งต้งั ผอู้ ื่นเป็ น กรรมการแทนไดแ้ ละใหผ้ ทู้ ไ่ี ดร้ ับแต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งแทนอยใู่ นตาแหน่งเท่ากบั วาระท่ี เหลืออยขู่ องกรรมการซ่ึงตนแทน มาตรา ๑๐ คณะกรรมการมีอานาจหนา้ ทดี่ งั ต่อไปน้ี (๑) จดั ทาแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติและแผนแม่บทเทคโนโลยี สารสนเทศ กระบวนการยตุ ิธรรมเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (๒) เสนอแนะและใหค้ วามเห็นเกี่ยวกบั การกาหนดนโยบายและแนวทางการ บริหารงานยตุ ิธรรมต่อคณะรัฐมนตรี (๓) พิจารณาใหค้ วามเห็นเก่ียวกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมทคี่ ณะรัฐมนตรีขอให้ พิจารณา (๔) ประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ หรือองคก์ รทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั การ บริหารงานยตุ ิธรรม หรือรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพอ่ื ใหเ้ กิดความร่วมมือในการประสานงาน ระหวา่ งหน่วยงานของรัฐ หรือองคก์ รท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรม เพื่อแกไ้ ขขอ้ ขดั ขอ้ ง ทีเ่ ป็ นอปุ สรรคต่อการบริหารงานยตุ ิธรรม ส่งเสริมความร่วมมือในการบริหารงานยตุ ิธรรม หรือ การดาเนินการตามแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ และแผนแม่บทเทคโนโลยี สารสนเทศกระบวนการยตุ ิธรรม (๕) ศึกษา วเิ คราะห์ และประเมินผลการบงั คบั การใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายหรือ การปฏิบตั ิตามแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาอปุ สรรคท่ีเกิดข้ึน (๖) ศึกษา วิเคราะห์ และทาการศึกษาวจิ ยั เพอื่ กาหนดแนวทาง กลยทุ ธ์ และ มาตรการในการปรับปรุงและพฒั นาการบริหารงานยตุ ิธรรม หรือการดาเนินการตามแผนแม่บท การบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติใหเ้ ป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและสมั ฤทธ์ิผลและเสนอแนะต่อ คณะรัฐมนตรีหน่วยงานของรัฐ หรือองคก์ รท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมเพ่อื พจิ ารณา

(๗) ประชาสัมพนั ธ์และเผยแพร่ความรู้เก่ียวกบั การบริหารงานยตุ ิธรรม จดั ประชุม สัมมนาฝึกอบรม หรือเสนอแนะหน่วยงานของรัฐ หรือองคก์ รท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การบริหาร งานยตุ ิธรรมในการเผยแพร่ความรู้ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรม (๘) กากบั ดูแลการจดั ทารายงานประจาปี ของสานกั งานตามมาตรา ๑๖ (๖) เพอ่ื เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (๙) กาหนดระเบียบอ่ืนใดเพ่อื ปฏิบตั ิการใหเ้ ป็นไปตามพระราชบญั ญตั ิน้ี (๑๐) ปฏิบตั ิการอนื่ ตามทก่ี าหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิน้ีหรือกฎหมายอืน่ มาตรา ๑๑ คณะกรรมการอาจวางระเบยี บ ขอ้ บงั คบั สาหรับการประชุมของ คณะกรรมการเป็นการเฉพาะเร่ืองหรือทวั่ ไปกไ็ ด้ หากไม่มีระเบียบ ขอ้ บงั คบั กาหนดไวเ้ ป็น อยา่ งอืน่ การประชุมของคณะกรรมการใหเ้ ป็นไปตามมติของท่ปี ระชุมคณะกรรมการ ในกรณีทก่ี รรมการคนใดเสนอเร่ืองเพอ่ื ใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณา คณะกรรมการตอ้ งจดั ใหม้ ีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องท่ีเสนอน้นั โดยเร็ว มาตรา ๑๒ การประชุมคณะกรรมการตอ้ งมีกรรมการมาประชุมไม่นอ้ ยกว่าก่ึง หน่ึงของจานวนกรรมการท้งั หมดจึงจะเป็นองคป์ ระชุม ในการประชุมของคณะกรรมการ ถา้ ประธานกรรมการและรองประธานกรรม การไม่มาประชุมหรือไม่อยใู่ นท่ปี ระชุม ใหก้ รรมการทีม่ าประชุมเลือกกรรมการคนหน่ึงเป็น ประธานในที่ประชุม การวินิจฉยั ช้ีขาดของท่ีประชุมใหถ้ ือเสียงขา้ งมาก กรรมการคนหน่ึงใหม้ ีเสียง หน่ึงในการลงคะแนน ถา้ คะแนนเสียงเท่ากนั ใหป้ ระธานในทป่ี ระชุมออกเสียงเพ่ิมข้ึนอีกเสียง หน่ึงเป็ นเสียงช้ีขาด มาตรา ๑๓ คณะกรรมการอาจแต่งต้งั คณะอนุกรรมการหรือคณะทางานเพอื่ พจิ ารณาหรือปฏิบตั ิการตามทีค่ ณะกรรมการมอบหมายได้ การประชุมของคณะอนุกรรมการหรือคณะทางานตามวรรคหน่ึง ใหน้ าความใน มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม

มาตรา ๑๔ ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการหรือ คณะทางาน อาจขอใหห้ น่วยงานของรัฐ องคก์ รทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ธิ รรม และ เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐจดั ส่งเอกสารขอ้ มูล และช้แี จงขอ้ เทจ็ จริงเพื่อประกอบการพจิ ารณาไดต้ ามความ จาเป็ น มาตรา ๑๕ ใหก้ รรมการ อนุกรรมการ คณะทางาน เลขานุการ และ ผชู้ ่วยเลขานุการไดร้ ับค่าตอบแทนตามท่คี ณะรัฐมนตรีกาหนด หมวด ๒ สานกั งานกจิ การยุติธรรม มาตรา ๑๖ ใหส้ านกั งานกิจการยตุ ิธรรม กระทรวงยตุ ิธรรม เป็นหน่วยงาน รับผดิ ชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการ โดยมีอานาจหนา้ ที่ตามทีก่ ฎหมายกาหนดและใหม้ ี อานาจหนา้ ที่ ดงั ต่อไปน้ีดว้ ย (๑) สารวจ ศึกษา วเิ คราะห์ วจิ ยั เสนอแนะและพฒั นาระบบงานยตุ ิธรรม ตลอดจนนโยบายทเี่ กี่ยวกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมของประเทศ เพื่อใหเ้ หมาะสมกบั การพฒั นา เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ (๒) ดาเนินการเก่ียวกบั การจดั ทาแผน แนวนโยบาย และแนวทางการบริหารงาน ยตุ ิธรรมของประเทศ ตลอดจนรายงานต่าง ๆ ตามมติของคณะกรรมการ หรือเสนอขอ้ มูลและ ความคิดเห็นต่อคณะกรรมการเพอ่ื พิจารณา (๓) ประสานการดาเนินการในดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศกระบวนการยตุ ิธรรม รวมท้งั เผยแพร่ขอ้ มูลสารสนเทศเกี่ยวกบั งานยตุ ิธรรมแก่สาธารณชน (๔) ฝึ กอบรมและพฒั นาความรู้เก่ียวกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมใหแ้ ก่บคุ คลท่ี เกี่ยวขอ้ ง (๕) ร่วมมือและประสานงานทางวชิ าการหรือดา้ นอ่ืนกบั หน่วยงานหรือองคก์ รที่ เก่ียวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมท้งั ภายในและต่างประเทศ (๖) จดั ทารายงานประจาปี เก่ียวกบั การปฏิบตั ิหนา้ ทขี่ องคณะกรรมการเพ่ือเสนอ ต่อคณะรัฐมนตรี

(๗) ปฏิบตั ิการอืน่ ใดตามทกี่ ฎหมายกาหนดใหเ้ ป็นหนา้ ท่ขี องสานกั งาน หรือ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย มาตรา ๑๗ เพ่ือประโยชน์ในการบริหารงานของสานกั งาน นายกรัฐมนตรีอาจมี คาสัง่ ใหข้ า้ ราชการหรือลูกจา้ งของส่วนราชการอนื่ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง หรือสานกั งานอาจขอให้ คณะรัฐมนตรีมีมติใหพ้ นกั งานหรือลูกจา้ งของรัฐวสิ าหกิจ หรือหน่วยงานอน่ื ของรัฐ ไปช่วย ปฏิบตั ิงานเป็นเจา้ หนา้ ที่ของสานกั งานไดโ้ ดยถือวา่ เป็นการปฏิบตั ิราชการหรือปฏิบตั ิงาน ตามปกติ โดยจะใหไ้ ปช่วยปฏิบตั ิงานเตม็ เวลา บางเวลา หรือนอกเวลากไ็ ด้ คณะรัฐมนตรีอาจกาหนดค่าตอบแทนใหแ้ ก่ผไู้ ปช่วยปฏิบตั ิงานตามวรรคหน่ึง ดว้ ยก็ได้ หมวด ๓ ความร่วมมือในการพฒั นาการบริหารงานยุติธรรม มาตรา ๑๘ เพ่อื ประโยชน์ใหม้ ีการวางแผนและดาเนินการเกี่ยวกบั การ บริหารงานยตุ ิธรรมของประเทศใหเ้ ป็นไปโดยสอดคลอ้ งกนั และมีประสิทธิภาพในการอานวย ความยตุ ิธรรมแก่ประชาชนตลอดจนการใชท้ รัพยากรใหเ้ กิดประสิทธิผลสูงสุด ให้ คณะกรรมการจดั ทาแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติข้ึนเป็ นแนวทางสาหรับความ ร่วมมือในการบริหารงานยตุ ิธรรมระหว่างหน่วยงานของรัฐและองคก์ รทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การ บริหารงานยตุ ิธรรม แผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ ใหเ้ ป็นแผนระยะสี่ปี โดยแสดง ทิศทางของการพฒั นาการบริหารงานยตุ ิธรรม ซ่ึงมีสาระสาคญั ในเรื่องดงั ต่อไปน้ี (๑) การประสานแนวทางการบริหารงานยตุ ิธรรมของหน่วยงานของรัฐ และ องคก์ รท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมแต่ละแห่งเพือ่ ใหเ้ กิดบรู ณาการในภาพรวมท่ี สอดคลอ้ งกบั สภาพสังคมและการพฒั นาประเทศในดา้ นต่าง ๆ (๒) มาตรการเพอ่ื ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาท่เี กิดข้ึนในการบริหารงานยตุ ิธรรม ของประเทศ

(๓) แนวทางการพฒั นาการบริหารงานยตุ ิธรรมเพอื่ ประโยชนใ์ นการนามาใช้ แกไ้ ขปัญหาดา้ นต่าง ๆ ของประเทศ (๔) แนวทางการปฏิบตั ิงานใหเ้ กิดความร่วมมือในการบริหารงานยตุ ิธรรม เพือ่ ใหม้ ีประสิทธิภาพและอานวยความยตุ ิธรรมแก่ประชาชน (๕) ความร่วมมือดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศกระบวนการยตุ ิธรรมเพื่อประโยชน์ ในการใชท้ รัพยากรร่วมกนั ท่ีมีประสิทธิภาพในการบริหารงานยตุ ิธรรม (๖) การดาเนินการอ่ืนใดเพอื่ ประโยชน์ในการบริหารงานยตุ ิธรรม มาตรา ๑๙ การจดั ทาแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ นอกจากตอ้ ง อยภู่ ายใตบ้ งั คบั มาตรา ๔ แลว้ จะตอ้ งไม่ขดั แยง้ กบั แนวทางตามบทบญั ญตั ิของรัฐธรรมนูญ และ ตามกฎหมายเกี่ยวกบั การบริหารราชการทเี่ ป็นอสิ ระของศาล หน่วยงานของศาล และหน่วยงาน ทเ่ี ป็นอิสระตามรัฐธรรมนูญดว้ ย ในกรณีท่มี ีขอ้ คิดเห็นจากศาล หน่วยงานของศาล หรือหน่วยงานท่ีเป็นอสิ ระตาม รัฐธรรมนูญวา่ ขอ้ กาหนดในแผนแม่บทขอ้ ใดอาจจะมีลกั ษณะท่ีขดั ต่อวรรคหน่ึง ให้ คณะกรรมการนาไปพจิ ารณาปรับปรุงแผนแม่บทตามขอ้ คิดเห็นน้นั ในการจดั ทาแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ ใหค้ ณะกรรมการ พจิ ารณาโดยใหม้ กี ารรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนดว้ ย มาตรา ๒๐ ใหค้ ณะกรรมการเสนอแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ ต่อคณะรัฐมนตรีเพือ่ ใหค้ วามเห็นชอบ และเม่ือไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้ เม่ือแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติใชบ้ งั คบั แลว้ ใหห้ น่วยงานของ รัฐ หรือองคก์ รทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมนาไปพิจารณาดาเนินการตามอานาจหนา้ ท่ี เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ โดยใหห้ น่วยงานทีเ่ ก่ียวขอ้ ง จดั สรรงบประมาณสนบั สนุนเพอื่ ใหส้ ามารถปฏิบตั ิงานตามแผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรม แห่งชาติได้ ในกรณีทีส่ ภาพการณ์เปล่ียนแปลงไปในระหวา่ งท่แี ผนแม่บทการบริหารงาน ยตุ ิธรรมแห่งชาติใชบ้ งั คบั คณะกรรมการอาจดาเนินการปรับปรุงแผนแม่บทการบริหารงาน

ยตุ ิธรรมแห่งชาติใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการณ์น้นั ได้ และเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเพ่ือ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป มาตรา ๒๑ ใหค้ ณะกรรมการมีหนา้ ท่พี จิ ารณาผลการปฏิบตั ิงานตามแผนแม่บท การบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติ และรายงานใหค้ ณะรัฐมนตรีทราบทกุ ปี ในกรณีท่ีมีปัญหา อุปสรรคไม่อาจดาเนินการตามแผนได้ ใหค้ ณะกรรมการรายงานใหค้ ณะรัฐมนตรีทราบถึง ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางแกไ้ ขดว้ ย ในกรณีทหี่ น่วยงานของรัฐหรือองคก์ รท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมใด ไม่อาจดาเนินการใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนแม่บทการบริหารงานยตุ ิธรรมแห่งชาติได้ ใหแ้ จง้ คณะกรรมการทราบเพื่อพจิ ารณาเสนอคณะรัฐมนตรีปรับปรุงแผนแม่บทการบริหารงาน ยตุ ิธรรมแห่งชาติหรือแกไ้ ขปัญหาอปุ สรรคใหแ้ ก่หน่วยงานของรัฐหรือองคก์ รท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมน้นั ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ พนั ตารวจโท ทกั ษิณ ชินวตั ร นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี คือ โดยท่ีงานดา้ นกระบวนการ ยตุ ิธรรมน้นั มีความจาเป็นต่อการสร้างความสงบเรียบร้อยใหเ้ กิดข้ึนแก่สังคม ท้งั ในดา้ นการ ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาอาชญากรรม การคุม้ ครองความปลอดภยั ของประชาชน การคุม้ ครอง สิทธิและเสรีภาพใหก้ บั ประชาชนการบงั คบั การใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายและใหเ้ กิดความสะดวก แก่ประชาชน แต่เนื่องจากในปัจจุบนั องคก์ รท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมมีอยหู่ ลาย องคก์ ร ซ่ึงมีหนา้ ท่รี ับผดิ ชอบตามกฎหมายในแต่ละดา้ นแยกจากกนั จึงมีปัญหาในการ บริหารงานดา้ นกระบวนการยตุ ิธรรมท่ยี งั ไม่มีความเช่ือมโยง เพ่อื แกไ้ ขปัญหาใหค้ รบถว้ นทุก ดา้ นไปพร้อมกนั ฉะน้นั เพือ่ ใหเ้ กิดความร่วมมือในการประสานการบริหารงานยตุ ิธรรมของชาติ ใหเ้ ป็นไปโดยสอดคลอ้ งกนั และมีการพฒั นาอยา่ งเป็นระบบ ซ่ึงจะทาใหก้ ารอานวยความ ยตุ ิธรรมมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความตอ้ งการของสงั คม สมควรส่งเสริมใหอ้ งคก์ รที่ เก่ียวขอ้ งกบั การบริหารงานยตุ ิธรรมซ่ึงมคี วามเช่ียวชาญในการใชก้ ฎหมายดา้ นต่าง ๆ ไดร้ ่วมกนั วางแผนการบริหารงานยตุ ิธรรมและแกไ้ ขปัญหาอปุ สรรคในกระบวนการยตุ ิธรรม เพอ่ื ใชเ้ ป็น แนวทางในการพฒั นากระบวนการยตุ ิธรรมใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อประเทศไดต้ ่อไป จึงจาเป็นตอ้ ง ตราพระราชบญั ญตั ิน้ี ปัทมา/แกไ้ ข วศิน/ตรวจ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ สุกญั ญา/ผจู้ ดั ทา ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนท่ี ๒๖ ก/หนา้ ๖/๑๕ มีนาคม ๒๕๔๙