Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑

Description: พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑

Search

Read the Text Version

ราชกจิ จานเุ บกษา พระราชบญั ญตั ิ แกไ้ ขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยตุ ธิ รรม (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑

พระราชบญั ญตั ิ แก้ไขเพม่ิ เตมิ พระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๑๗ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นปี ที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบนั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยท่ีเป็นการสมควรแกไ้ ขเพมิ่ เติมพระธรรมนูญศาลยตุ ิธรรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ิข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและ ยนิ ยอมของสภานิติบญั ญตั ิแห่งชาติ ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั ิน้ีเรียกว่า “พระราชบญั ญตั ิแกไ้ ขเพ่ิมเติมพระธรรมนูญ ศาลยตุ ิธรรม (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑” มาตรา ๒[๑] พระราชบญั ญตั ิน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราช กิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๓ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๕ แห่งพระธรรมนูญศาลยตุ ิธรรม และใหใ้ ช้ ความต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๕ ใหป้ ระธานศาลฎีกามีหนา้ ท่วี างระเบยี บราชการฝ่ายตุลาการของศาล ยตุ ิธรรมเพื่อใหก้ ิจการของศาลยตุ ิธรรมดาเนินไปโดยเรียบร้อยและเป็นระเบียบเดียวกนั และให้ ประธานศาลฎีกามีอานาจใหค้ าแนะนาแก่ผพู้ พิ ากษาในการปฏิบตั ิตามระเบียบวิธีการต่าง ๆ ที่ กาหนดข้ึนโดยกฎหมายหรือโดยประการอนื่ ใหเ้ ป็นไปโดยถูกตอ้ ง”

มาตรา ๔ ใหย้ กเลกิ ความใน (๑) ของมาตรา ๑๑ แห่งพระธรรมนูญศาลยตุ ิธรรม และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “(๑) นงั่ พิจารณาและพิพากษาคดีใด ๆ ของศาลน้นั หรือเมื่อไดต้ รวจสานวนคดี ใดแลว้ มีอานาจทาความเห็นแยง้ ได”้ มาตรา ๕ ใหย้ กเลิกความในวรรคหน่ึงของมาตรา ๒๓ แห่งพระธรรมนูญศาล ยตุ ิธรรม และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “ศาลฎีกามีอานาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดีทรี่ ัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบญั ญตั ิให้ เสนอต่อศาลฎีกาไดโ้ ดยตรง และคดีท่อี ุทธรณ์หรือฎีกาคาพพิ ากษาหรือคาสง่ั ของศาลช้นั ตน้ ศาล อทุ ธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาคตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ เวน้ แต่กรณีที่ศาลฎีกาเห็นวา่ ขอ้ กฎหมาย หรือขอ้ เทจ็ จริงที่อุทธรณ์หรือฎีกาน้นั จะไม่เป็นสาระอนั ควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกามอี านาจไม่ รับคดีไวพ้ ิจารณาพพิ ากษาได้ ท้งั น้ี ตามระเบียบท่ีที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากาหนดโดยประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา” ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยทุ ธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิฉบบั น้ี คือ โดยทกี่ ารพิจารณาพพิ ากษา อรรถคดีของศาลยตุ ิธรรมเป็นงานท่ตี อ้ งใชค้ วามละเอยี ดรอบคอบและการกลนั่ กรองจากผู้ พิพากษาที่มีประสบการณ์ สมควรกาหนดใหป้ ระธานศาลฎีกามีอานาจใหค้ าแนะนาแก่ ขา้ ราชการตุลาการ และใหผ้ ทู้ ี่รับผดิ ชอบการบริหารงานของศาลมีอานาจหนา้ ทีใ่ นการตรวจ สานวนและทาความเห็นแยง้ ท้งั ยงั สมควรเพมิ่ เติมบทบญั ญตั ิท่ีเกี่ยวกบั อานาจพิจารณาพพิ ากษา คดีของศาลฎีกาใหส้ อดคลอ้ งกบั บทบญั ญตั ิของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๑๙ วรรคสอง จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี

ปริยานุช/ผจู้ ดั ทา ๒๖ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๑ สุกญั ญา/ผจู้ ดั ทา ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๔ ปณตภร/ปรับปรุง ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนท่ี ๓๗ ก/หนา้ ๔๔/๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๑