Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗ (๒)

พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗ (๒)

Description: พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗ (๒)

Search

Read the Text Version

พระราชกาหนด การกู้ยมื เงนิ ทเี่ ป็ นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗

พระราชกาหนด การก้ยู มื เงนิ ท่ีเป็ นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗ ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็ นปี ที่ ๓๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราช โองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยท่ีเป็ นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินท่ีเป็ นการฉ้อโกง ประชาชน อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕๗ ของรั ฐธรรมนูญแห่ ง ราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกาหนดขึ้นไว้ ดงั ต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกาหนดนีเ้ รียกว่า “พระราชกาหนดการกู้ยมื เงนิ ท่ีเป็ น การฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๗” มาตรา ๒[๑] พระราชกาหนดนใี้ ห้ใช้บงั คบั ต้งั แต่วันถัดจากวนั ประกาศใน ราชกจิ จานุเบกษาเป็ นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชกาหนดนี้ “กู้ยืมเงนิ ” หมายความว่า รับเงิน ไม่ว่าในลักษณะของการรับฝาก การกู้ การยมื การรับเข้าร่วมลงทุน หรือในลกั ษณะอน่ื ใด โดยผ้กู ้ยู มื เงนิ จ่ายผลประโยชน์ตอบ แทนหรือตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน ท้ังนี้ ไม่ว่าจะเป็ นการ รับเพอื่ ตนเอง หรือรับในฐานะตัวแทน หรือลูกจ้างของผู้ก้ยู มื เงนิ หรือของผู้ให้ก้ยู มื เงนิ หรือในฐานะอนื่ ใด และไม่ว่าการรับหรือจ่ายต้นเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนน้ันจะ กระทาอาพรางด้วยวธิ กี ารอย่างใด ๆ “ผลประโยชน์ ตอบแทน ” หมายความว่ า เงิน ทรัพย์ สิ น หรื อ ผลประโยชน์อนื่ ใดที่ผ้กู ้ยู มื เงนิ จ่ายให้แก่ผู้ให้ก้ยู มื เงนิ เพอื่ การก้ยู มื เงนิ ท้ังนี้ ไม่ว่าจะจ่าย ในลกั ษณะดอกเบยี้ เงนิ ปันผล หรือลกั ษณะอนื่ ใด “ผู้กู้ยืมเงนิ ” หมายความว่า บุคคลผู้ทาการกู้ยมื เงิน และในกรณีท่ีผู้ก้ยู ืม เงนิ เป็ นนติ ิบุคคล ให้หมายความรวมถึงผ้ซู ึ่งลงนามในสัญญาหรือตราสารการก้ยู ืมเงนิ ในฐานะผู้แทนของนติ บิ ุคคลน้ันด้วย “ผู้ให้กู้ยืมเงิน” หมายความรวมถึง บุคคลซึ่งผู้ให้กู้ยืมเงินระบุให้เป็ น บุคคลทไี่ ด้รับต้นเงนิ หรือผลประโยชน์ตอบแทนจากผ้กู ้ยู มื เงนิ “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งต้ังให้ปฏิบัติการ ตามพระราชกาหนดนี้ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผ้รู ักษาการตามพระราชกาหนดนี้ มาตรา ๔ ผ้ใู ด โฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชน หรือกระทา ด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลต้ังแต่สิบคนขึน้ ไปว่า ในการกู้ยืมเงิน ตนหรือ บุคคลใดจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้สูงกว่าอัตราดอกเบีย้ สูงสุดที่สถาบันการเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบีย้ เงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยที่ตนรู้ หรือควรรู้อย่แู ล้วว่าตนหรือบุคคลน้ันจะนาเงินจากผู้ให้กู้ยมื เงนิ รายน้ันหรือรายอน่ื มา จ่ายหมุนเวยี นให้แก่ผู้ให้ก้ยู มื เงนิ หรือโดยท่ตี นรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลน้ัน

ไม่สามารถประกอบกจิ การใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายท่ีจะให้ผลประโยชน์ตอบแทน พอเพียงที่จะนามาจ่ายในอัตราน้ันได้ และในการน้ัน เป็ นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้ ก้ยู มื เงนิ ไป ผู้น้นั กระทาความผดิ ฐานก้ยู มื เงนิ ทีเ่ ป็ นการฉ้อโกงประชาชน มาตรา ๕ ผู้ใดกระทาการดงั ต่อไปนี้ (๑) ในการก้ยู มื เงนิ หรือจะก้ยู มื เงนิ (ก) มกี ารโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไป หรือโดยการแพร่ข่าว ด้วยวธิ ีอน่ื ใด หรือ (ข) ดาเนนิ กจิ การก้ยู มื เงนิ เป็ นปกตธิ ุระ หรือ (ค) จัดให้มีผ้รู ับเงนิ ในการก้ยู มื เงนิ ในแหล่งต่าง ๆ หรือ (ง) จัดให้มีบุคคลต้งั แต่ห้าคนขึน้ ไป ไปชักชวนบุคคลต่าง ๆ เพื่อให้มี การให้ก้ยู มื เงนิ หรือ (จ) ได้กู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินเกินสิบคนซ่ึงมีจานวนเงินกู้ยืม รวมกันต้ังแต่ห้าล้านบาทขึน้ ไป อันมิใช่การกู้ยมื เงินจากสถาบันการเงินตามกฎหมาย ว่าด้วยดอกเบยี้ เงนิ ให้ก้ยู มื ของสถาบันการเงนิ และ (๒) ผ้นู ้นั (ก) จ่าย หรือโฆษณา ประกาศ แพร่ ข่าว หรือตกลงว่าจะจ่าย ผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน ในอัตราท่ีสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดท่ี สถาบันการเงนิ ตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบีย้ เงนิ ให้กู้ยืมของสถาบันการเงนิ จะพงึ จ่าย ได้ หรือ (ข) ไม่ยอมปฏิบัตติ ามคาสั่งของพนกั งานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๗ (๑) (๒) หรือ (๓) หรือกิจการของผู้น้ันตามที่ผู้น้ันได้ให้ข้อเท็จจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ตามมาตรา ๗ ไม่ปรากฏหลกั ฐานพอที่จะเชื่อได้ว่า เป็ นกจิ การท่ีให้ผลประโยชน์ตอบ แทนพอเพยี งที่จะนามาจ่ายให้แก่ผู้ให้ก้ยู มื เงนิ ท้ังหลาย

ผ้นู ้ันต้องระวางโทษเช่นเดยี วกบั ผู้กระทาความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็ นการ ฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา ๔ ท้ังนี้ เว้นแต่ผู้น้ันจะสามารถพิสูจน์ได้ว่า กจิ การของ ตนหรือของบุคคลที่ตนอ้างถงึ น้นั เป็ นกิจการท่ีให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะ นามาจ่ายตามที่ตนได้กล่าวอ้าง หรือหากกิจการดังกล่าวไม่อาจให้ผลประโยชน์ตอบ แทนพอเพียง ก็จะต้องพิสูจน์ได้ว่ากรณีดังกล่าวได้เกดิ ขึน้ เนื่องจากสภาวะการณ์ทาง เศรษฐกจิ ทผ่ี ดิ ปกตอิ นั ไม่อาจคาดหมายได้ หรือมีเหตุอนั สมควรอย่างอนื่ มาตรา ๖ เพือ่ ประโยชน์ในการคานวณอัตราผลประโยชน์ตอบแทนตาม มาตรา ๔ และมาตรา ๕ ในกรณที ผ่ี ู้ก้ยู มื เงนิ ได้จ่ายหรือจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนท่ี มิใช่เป็ นตัวเงิน ให้คานวณมูลค่าของผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวออกเป็ นจานวน เงนิ มาตรา ๗ ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ใดได้กระทาความผิดตาม มาตรา ๔ หรือกระทาการตามมาตรา ๕ (๑) หรือ (๒) (ก) ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมี อานาจดงั ต่อไปนี้ (๑) มีหนังสือเรียกให้ผู้น้ันหรือบุคคลใดที่พนักงานเจ้าหน้าท่ีเห็นว่าจะ เป็ นประโยชน์แก่การตรวจสอบถึงการก้ยู มื เงนิ มาให้ถ้อยคา (๒) ส่ังให้บุคคลดงั กล่าวตาม (๑) รายงานสภาพกิจการของตนตลอดจน สินทรัพย์และหนสี้ ินท้ังหมดของตน (๓) ส่ังให้บุคคลดงั กล่าวตาม (๑) นาบัญชี เอกสาร หรือหลกั ฐานอ่ืนอัน เกย่ี วกบั การก้ยู มื เงนิ มาตรวจสอบ (๔) เข้าไปในสถานที่ใด ๆ ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึน้ ถึงพระอาทิตย์ ตกหรือในเวลาทาการของสถานที่น้นั เพอ่ื ทาการตรวจสอบหรือค้นบัญชี เอกสาร หรือ หลักฐานอื่นของบุคคลดังกล่าวตาม (๑) ในการนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจส่ัง บุคคลทีอ่ ย่ใู นสถานที่น้ันให้ปฏิบตั ิการเท่าทีจ่ าเป็ นเพอ่ื ประโยชน์ในการตรวจสอบหรือ

ค้น ตามควรแก่เรื่อง และให้มีอานาจยึดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานเหล่าน้ันมา ตรวจสอบได้ การเรียกหรือการสั่งตาม (๑) (๒) หรือ (๓) ต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า เจด็ วนั นบั แต่วนั ได้รับหนงั สือเรียกหรือคาส่ัง เว้นแต่ในกรณจี าเป็ นเร่งด่วน เมื่อได้เข้าไปและลงมือทาการตรวจสอบหรือค้นตาม (๔) แล้วถ้ายัง ดาเนนิ การไม่เสร็จ จะกระทาการต่อไปในเวลากลางคนื กไ็ ด้ มาตรา ๘ ถ้าพนกั งานเจ้าหน้าท่ีมีเหตุอันควรเช่ือว่า ผู้ก้ยู มื เงนิ ผู้ใดที่เป็ น ผู้ต้องหาว่ากระทาความผิดตามมาตรา ๔ หรือมาตรา ๕ มีหนี้สินล้นพ้นตัวตาม กฎหมายว่าด้วยการล้มละลาย หรือมีสินทรัพย์ไม่พอชาระหนีส้ ินและเห็นสมควรให้มี การดาเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้น้ันไว้ก่อนเพ่ือคุ้มครองประโยชน์ของ ประชาชนผู้ให้กู้ยืมเงิน ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีโดยอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลงั มอี านาจส่ังยดึ หรืออายัดทรัพย์สินของผู้น้ันไว้ก่อนได้ แต่จะยดึ หรือ อายัดทรัพย์สินไว้เกินกว่าเก้าสิบวันไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีมีการฟ้ องคดีต่อศาลตาม มาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐ ให้คาส่ังยดึ หรืออายดั ดังกล่าวยังคงมีผลต่อไปจนกว่าศาลจะ ส่ังเป็ นอย่างอนื่ เม่ือได้มีการยึดหรืออายดั ทรัพย์สินของผู้ใดไว้ตามวรรคหน่ึง หรือเมื่อ พนกั งานเจ้าหน้าท่มี เี หตุอันควรเช่ือว่าผู้กู้ยืมเงินที่เป็ นผู้ต้องหาว่ากระทาความผิดตาม มาตรา ๔ หรือมาตรา ๕ มีหนีส้ ินล้นพ้นตัวตามกฎหมายว่าด้วยการล้มละลาย หรือมี สินทรัพย์ไม่พอชาระหนีส้ ิน แต่ยังไม่สมควรสั่งยดึ หรืออายดั ทรัพย์สินตามวรรคหน่ึง ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีส่งเร่ืองให้พนกั งานอยั การเพอื่ พจิ ารณาดาเนินคดีล้มละลายต่อไป ตามมาตรา ๑๐ การยดึ หรืออายดั ทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง ให้นาบทบัญญัติตามประมวล รัษฎากรท่เี กยี่ วกบั การยดึ หรืออายดั ทรัพย์สินมาใช้บงั คบั โดยอนุโลม

มาตรา ๙ เม่ือพนักงานอัยการได้ฟ้ องคดีอาญาแก่ผู้ใดในความผิดตาม มาตรา ๔ หรือมาตรา ๕ ถ้าผ้ใู ห้ก้ยู มื เงนิ ร้องขอ ให้พนกั งานอยั การมีอานาจเรียกต้นเงิน คืนให้แก่ผู้น้ันได้ และจะเรียกผลประโยชน์ตอบแทนท่ีเป็ นสิทธิอนั ชอบด้วยกฎหมาย ให้แก่ผู้น้ันด้วยกไ็ ด้ ในการนี้ ให้นาบทบัญญัติว่าด้วยการฟ้ องคดแี พ่งท่ีเกี่ยวเนื่องกับ คดอี าญาตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญามาใช้บังคบั โดยอนุโลม มาตรา ๑๐ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนผู้ให้กู้ยืมเงิน ให้ พนักงานอยั การมอี านาจฟ้ องผู้ก้ยู มื เงนิ ที่เป็ นผู้ต้องหาว่ากระทาความผิดตามมาตรา ๔ หรือมาตรา ๕ เป็ นบุคคลล้มละลายได้ เม่ือ (๑) เป็ นผู้มหี นสี้ ินล้นพ้นตัว หรือมสี ินทรัพย์ไม่พอชาระหนีส้ ินได้ (๒) เป็ นหนีผ้ ู้ให้ก้ยู ืมเงินรายหนึ่งหรือหลายรายเป็ นจานวนไม่น้อยกว่า หนึ่งแสนบาท และ (๓) หนนี้ ้นั อาจกาหนดจานวนได้โดยแน่นอน ไม่ว่าหนีน้ ้ันจะถึงกาหนด ชาระโดยพลนั หรือในอนาคตกต็ าม การฟ้ องคดลี ้มละลายตามวรรคหน่ึง ให้ดาเนินกระบวนพจิ ารณาไปตาม กฎหมายว่าด้วยการล้มละลาย โดยให้ถือว่าพนักงานอัยการมีฐานะ และสิทธิหน้าที่ เสมือนเจ้าหนีผ้ ู้เป็ นโจทก์ และให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ค่าฤชาธรรมเนียม หรือ การต้องวางเงนิ ประกนั ต่าง ๆ ตามกฎหมายดงั กล่าว ในการพจิ ารณาคดลี ้มละลาย ถ้าศาลพจิ ารณาได้ความจริงตามวรรคหน่ึง ให้ศาลมคี าส่ังพทิ กั ษ์ทรัพย์ลกู หนเี้ ดด็ ขาด ในการพิพากษาคดีล้มละลายตามมาตรานี้ ให้ศาลมีอานาจกาหนด หลกั เกณฑ์เกย่ี วกับส่วนแบ่งทรัพย์สินของเจ้าหนีใ้ นลาดบั (๘) ของมาตรา ๑๓๐ แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ เพ่ือให้เกดิ ความเป็ นธรรมแก่เจ้าหนี้ ท้ังหลายโดยให้คานึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนที่เจ้าหนี้ผู้ให้กู้ยืมเงินแต่ละรายได้รับ มาแล้วก่อนมกี ารดาเนินคดลี ้มละลายประกอบด้วย

มาตรา ๑๑ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชกาหนดนี้ ให้พนักงาน เจ้าหน้าท่เี ป็ นเจ้าพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจาตัวต่อ บุคคลที่เกย่ี วข้อง บัตรประจาตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็ นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกาหนด โดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๒ ผู้ใดกระทาความผดิ ตามมาตรา ๔ หรือมาตรา ๕ ต้องระวาง โทษจาคุกต้ังแต่ห้าปี ถึงสิบปี และปรับต้ังแต่ห้าแสนบาทถึงหน่ึงล้านบาท และปรับอีก ไม่เกนิ วนั ละหน่งึ หมืน่ บาทตลอดเวลาทยี่ งั ฝ่ าฝื นอยู่ มาตรา ๑๓ ผ้ใู ดขดั ขวาง ไม่ปฏิบตั ิตามคาส่ัง หรือไม่อานวยความสะดวก แก่พนกั งานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏบิ ตั ิหน้าทตี่ ามมาตรา ๗ (๔) หรือมาตรา ๘ ต้องระวางโทษ จาคุกไม่เกนิ หนึง่ ปี และปรับไม่เกนิ หน่งึ แสนบาท มาตรา ๑๔ ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกหรือ คาส่ังของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๗ (๑) (๒) หรือ (๓) หรือไม่ยอมตอบคาถาม เมือ่ ซักถาม ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ สามเดอื น และปรับไม่เกนิ สามหมน่ื บาท มาตรา ๑๕ ในกรณีที่ผู้กระทาความผิดตามพระราชกาหนดนี้เป็ นนิติ บุคคลกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดาเนินงานของนิติ บุคคลน้นั ต้องรับโทษตามที่บัญญตั ิไว้สาหรับความผดิ น้ัน ๆ ด้วย เว้นแต่จะพสิ ูจน์ได้ว่า ตนมไิ ด้มีส่วนในการกระทาความผดิ ของนิตบิ ุคคลน้นั

มาตรา ๑๖ ในกรณีท่ีพนักงานเจ้าหน้าท่ีมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ใดได้ กระทาความผิดตามมาตรา ๓๔๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญาก่อนวันท่ีพระราช กาหนดนี้ใช้บังคับ และการกระทาของผู้น้ันมีลักษณะเข้าองค์ประกอบความผิดตาม มาตรา ๔ หรือมาตรา ๕ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอานาจตามมาตรา ๗ และมาตรา ๘ และให้นาบทบัญญัติมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ มาใช้ บังคบั มาตรา ๑๗ การก้ยู มื เงนิ ท่ีมลี กั ษณะเข้าองค์ประกอบความผดิ ตามมาตรา ๔ หรือมาตรา ๕ ซ่ึงมสี ัญญาหรือข้อตกลงการก้ยู มื เงนิ ทีไ่ ด้กระทาไว้ก่อนวนั ที่พระราช กาหนดนี้ใช้บังคับ ให้สัญญาหรือข้อตกลงดังกล่าวเท่าที่มีผลผูกพันได้โดยชอบด้วย กฎหมายยงั คงมผี ลใช้ได้ต่อไปตามเงอ่ื นไขดงั ต่อไปนี้ (๑) ถ้าสัญญาหรือข้อตกลงดงั กล่าวไม่มีระยะเวลาสิ้นสุด ให้สัญญาหรือ ข้อตกลงน้ันมีผลผูกพันได้ต่อไป และให้สิ้นสุดลงเม่ือครบหน่ึงปี นับแต่วันท่ีพระราช กาหนดนีใ้ ช้บงั คบั เว้นแต่คู่สัญญาจะตกลงกนั ให้สัญญาหรือข้อตกลงดังกล่าวสิ้นสุดลง ก่อนกาหนดน้ัน หรือคู่สัญญาฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งจะใช้สิทธิเรียกให้ชาระหนีห้ รือชาระหนี้ หรือบอกเลกิ สัญญาหรือข้อตกลง ตามสิทธิของตนก่อนกาหนดน้นั (๒) ถ้าสัญญาหรือข้อตกลงดงั กล่าวมีระยะเวลาสิ้นสุดภายในหน่ึงปี นับ แต่วนั ทพี่ ระราชกาหนดนีใ้ ช้บังคบั ให้สัญญาหรือข้อตกลงน้นั สิ้นสุดลงตามที่ได้สัญญา หรือตกลงไว้น้ัน เว้นแต่คู่สัญญาจะตกลงกันให้สัญญาหรือข้อตกลงดงั กล่าวสิ้นสุดลง ก่อนกาหนดน้ัน หรือคู่สัญญาฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงจะใช้สิทธิบอกเลกิ สัญญาหรือข้อตกลง ตามสิทธิของตนก่อนกาหนดน้นั (๓) ถ้าสัญญาหรือข้อตกลงดงั กล่าวมรี ะยะเวลาสิ้นสุดภายหลังหนึ่งปี นับ แต่วันที่พระราชกาหนดนีใ้ ช้บังคบั ให้สัญญาหรือข้อตกลงดังกล่าวสิ้นสุดลงเม่ือครบ กาหนดหนง่ึ ปี นับแต่วนั ที่พระราชกาหนดนีใ้ ช้บังคบั เว้นแต่คู่สัญญาจะมาจดทะเบียน ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคสองภายในกาหนดเก้าสิบวันนับแต่วันท่ีพระราช

กาหนดนี้ใช้บังคับ ก็ให้ข้อสัญญาหรือข้อตกลงน้ันสิ้นสุดลงตามท่ีได้จดทะเบียนไว้ อย่างไรกต็ ามไม่เป็ นการตัดสิทธิคู่สัญญาที่จะตกลงกนั ให้สัญญาหรือข้อตกลงดังกล่าว สิ้นสุดลงก่อนกาหนดน้ันหรือคู่สัญญาฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหรือ ข้อตกลงตามสิทธขิ องตนก่อนกาหนดน้นั หลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนสัญญาหรือข้อตกลงตาม (๓) ของ วรรคหน่ึงให้เป็ นไปตามที่รัฐมนตรีกาหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา และใน กรณีที่มีการยื่นคาขอจดทะเบียนโดยคู่สัญญาฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งแต่เพียงฝ่ ายเดียว พนักงานเจ้าหน้าท่ีจะจดทะเบียนให้ได้ต่อเม่ือได้มีหนังสือสอบถามไปยังคู่สัญญาอีก ฝ่ ายหน่งึ และคู่สัญญาอกี ฝ่ ายหนง่ึ น้นั ได้ให้ความยนิ ยอมและยอมรับข้อความในสัญญา หรือข้อตกลงทีน่ ามาขอจดทะเบยี นน้นั แล้ว ในการรับจดทะเบียน ถ้าพนักงานเจ้าหน้าท่เี หน็ ว่าสัญญาหรือข้อตกลงใด กระทาขึ้นหลังวันท่ีพระราชกาหนดนี้ใช้บังคับ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจส่ัง ปฏิเสธการจดทะเบียนพร้อมท้ังให้เหตุผลต่อผู้ขอจดทะเบียน ถ้าผู้ขอจดทะเบียนไม่ เห็นด้วย ให้มีสิทธิไปร้องขอต่อศาลภายในกาหนดสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับทราบ คาสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ศาลมีคาวินิจฉัยแสดงว่าสัญญาหรือข้อตกลงน้ัน ได้กระทาขึน้ ก่อนวันท่ีพระราชกาหนดนีใ้ ช้บังคบั และให้นาบทบัญญัติตามประมวล กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความแพ่งมาใช้บังคบั โดยอนุโลม บทบญั ญตั ิมาตรานี้ มีผลใช้บังคบั ในทางแพ่งและไม่มีผลเป็ นการลบล้าง ความผดิ อาญาแต่อย่างใด มาตรา ๑๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชกาหนดนี้ และให้มีอานาจแต่งต้ังพนักงาน เจ้าหน้าท่ีเพอื่ ปฏบิ ัติการตามพระราชกาหนดนี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประจวบ สุนทรางกรู รองนายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกาหนดฉบับนี้ คือ เน่ืองจากขณะนีป้ รากฏว่ามี การกู้ยมื เงินหรือรับฝากเงนิ จากประชาชนทวั่ ไป โดยมีการจ่ายดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์อย่าง อน่ื ตอบแทนให้สูงเกนิ กว่าประโยชน์ทผ่ี ู้ก้ยู มื เงนิ หรือผ้รู ับฝากเงนิ จะพงึ หามาได้จากการประกอบ ธุรกจิ ตามปกติ โดยผู้กระทาได้ลวงประชาชนที่หวงั จะได้ดอกเบี้ยในอตั ราสูงให้นาเงนิ มาเกบ็ ไว้ กบั ตนด้วยการใช้วธิ ีการจ่ายดอกเบี้ยในอตั ราสูงเป็ นเคร่ืองล่อใจ แล้วนาเงินทีไ่ ด้มาจากการกู้ยืม หรือรับฝากเงินรายอนื่ ๆ มาจ่ายเป็ นดอกเบีย้ หรือผลประโยชน์ให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงินหรือผู้ฝากเงิน รายก่อน ๆ ในลกั ษณะต่อเนื่องกนั ซ่ึงการกระทาดงั กล่าวเป็ นการฉ้อโกงประชาชน เพราะเป็ นที่ แน่นอนอยู่แล้วว่า ในทสี่ ุดจะต้องมปี ระชาชนจานวนมากไม่สามารถได้รับต้นเงนิ กลบั คืนได้ และ ผู้กู้ยืมเงินหรื อผู้รับฝากเงินกับผู้ท่ีร่ วมกระทาการดังกล่ าวจะได้ รั บประโยชน์ จากเงินที่ตนได้ รับมา เพราะผู้ให้ก้ยู มื เงนิ หรือผู้ฝากเงินไม่สามารถบังคบั หรือติดตามให้มกี ารชาระหนี้ได้ อน่ึง กิจการดังกล่าวนี้มีแนวโน้มจะขยายตัวแพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว หากปล่อยให้มีการ ดาเนินการต่อไปย่อมจะก่อให้เกดิ ผลร้ายแก่ประชาชนทว่ั ไป และจะเป็ นอนั ตรายอย่างร้ายแรงต่อ เศรษฐกจิ ของประเทศ สมควรทจ่ี ะมกี ฎหมายเพอื่ ปราบปรามการกระทาดังกล่าว กบั สมควรวาง มาตรการเพอ่ื คุ้มครองประโยชน์ของประชาชนทอี่ าจได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกลวง และโดยท่ีเป็ นกรณฉี ุกเฉินที่มีความจาเป็ นรีบด่วนในอันจะรักษาความม่ันคงในทางเศรษฐกิจ ของประเทศ จงึ จาเป็ นต้องตราพระราชกาหนดนี้ วศิน/ผู้จดั ทา ๓ มนี าคม ๒๕๕๒ [๑] ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๑๐๑/ตอนที่ ๑๖๔/ฉบับพเิ ศษ หน้า ๑/๑๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๗