ตะขบป่า ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คำนำ หนังสือเรื่อง “ตะขบป่า” ที่จัดทำขึ้นนี้อยู่ภายใต้โครงการบริหารจัดการ ความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้แบบบูรณาการเพื่อการอนุรักษ์และ พัฒนาการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้ที่จะดำเนินการด้าน ความหลากหลายทางชีวภาพด้านพืช ได้ใช้ประโยชน์ในการจำแนกพืช เรียบเรียง โดย บรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ประธานป่าชุมชนบ้านเขา โล้น และคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านเขาโล้น ได้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ขึ้น โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนองค์ความรู้ที่จำเป็นในการศึกษาความหลากหลาย ทางชีวภาพซึ่งป่าชุมชนบ้านเขาโล้นจัดได้ว่าเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์อีกพื้นที่ หนึ่งโดยเฉพาะทรัพยากรพืช หนังสือเล่มนี้จะทำให้ผู้ที่สนใจศึกษาหาความรู้เกี่ยว กับพืชได้ใช้ในการจำแนกพืชได้ในระดับหนึ่ง เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะบรรยาย ลักษณะที่สำคัญประจำวงศ์พรรณไม้เลือกเฉพาะวงศ์ที่พบในป่าชุมชนบ้านเขาโล้น เป็นจำนวนทั้งสิ้น ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตะขบป่า ชื่อสามัญ: Ramontchi, Governor’s plum, Batoko plum, Indian plum, East Indian plum, Flacourtia, Madagascar plum ชื่อวิทยาศาสตร์: Flacourtia indica (Burm.f.) Merr. ชื่อวงศ์: SALICACEAE สกุล: Flacourtia สปีชีส์: indica ชื่อพ้อง: Flacourtia afra Pic.Serm. Flacourtia balansae Gagnep. Flacourtia elliptica (Tul.) Warb. Flacourtia gambecola Clos Flacourtia heterophylla Turcz. Flacourtia hilsenbergii C.Presl. Flacourtia hirtiuscula Oliv. Flacourtia indica var. innocua (Haines) H.O.Saxena & Brahmam. Flacourtia lenis Craib. Flacourtia lucida Salisb. Flacourtia obcordata Roxb. Flacourtia parvifolia Merr. Flacourtia perrottetiana Clos. Flacourtia ramontchi var. renvoizei Fosberg. Flacourtia rotundifolia Clos. Flacourtia rotundifolia Roxb. Flacourtia sapida Roxb. Flacourtia sepiaria Roxb. Flacourtia thorelii Gagnep. Myroxylon dicline Blanco Stigmarota africana Lour. Stigmarota edulis Blanco. Xylosma elliptica Tul. ชื่อพื้นเมือง ตะขบป่า มีชื่อเรียกอื่นว่า มักเบ็น (นครราชสีมา), เบนโคก (อุบลราชธานี), ตานเสี้ยน มะแกว๋นนก มะแกว๋นป่า (ภาคเหนือ), มะเกว๋น (เมี่ยน, คน เมือง), ตะเพซะ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), บีหล่อเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), ตุ๊ดตึ๊น (ขมุ), ลำ เกว๋น (ลั้วะ), มะขบ ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ลักษณะทางพฤกษศาสตร์: ต้นตะขบป่า เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็ก มี ความสูงได้ประมาณ 2-15 เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง ปลาย กิ่งโค้งลง ตามลำต้นและกิ่งใหญ่จะมีหนามแหลม กิ่งอ่อน จะมีหนามแหลมตามซอกใบ หนามยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ส่วนกิ่งแก่ ๆ มักจะไม่มีหนาม เปลือกต้นเป็นสี เหลืองอมเทาแตกเป็นร่องลึก มีช่องอากาศรูปรีกระจาย แบบห่าง ๆ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับ ขนาดของใบ ค่อนข้างเล็ก มักเรียงชิดกันเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง มีรูป ร่าง ขนาด เนื้อใบ และขนที่ขึ้นปกคลุมแตกต่างกันออก ไป แต่ส่วนใหญ่แล้วแผ่นใบจะเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบ กลม โคนใบสอบแคบ ส่วนขอบใบค่อนข้างเรียบหรือ จัก (มักจักใกล้ปลายใบ) ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5- 3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร แผ่นใบ บางคล้ายกระดาษถึงหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวใบเกลี้ยงถึง มีขนสั้นหนานุ่มทั้งสองด้าน ใบอ่อนและเส้นกลางใบ เป็นสีแดงอมส้ม เส้นแขนงใบมีประมาณ 4-6 คู่ เส้นใบ ย่อยสานกันเป็นร่างแห พอเห็นได้ราง ๆ ก้านใบเป็นสี เขียวหรือแดงและมีขนยาวประมาณ 3-8 มิลลิเมตร ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ โดยจะออก เป็นช่อสั้น ๆ ตามซอกใบและปลายกิ่ง มีจร ดอกย่อย มีจำนวนน้อย ดอกมีขนาดเล็กเป็นสีขาว เป็นดอกแบบ แยกเพศอยู่กันคนละต้น ที่โคนช่อมีใบประดับ บางทีมี หนาม ก้านดอกมีขน ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร กลีบดอกมีประมาณ 5-6 กลีบ ลักษณะของกลีบดอก เป็นรูปไข่ ปลายมน ยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ที่ ขอบกลีบมีขนแน่น ส่วนด้านนอกค่อนข้างเกลี้ยง ดอก เพศผู้ จานฐานดอกจะแยกเป็นแฉกเล็กน้อยหรือหยัก มน มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านเกสรยาวประมาณ 2- 2.5 มิลลิเมตร มีขนเฉพาะที่โคน ส่วนดอกเพศเมีย จานฐานดอกจะเรียบ รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รังไข่กลม ปลายสอบแคบ มี 1 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียมีประมาณ 5-6 อัน ยาวได้ประมาณ 1 มิลลิเมตร แต่ละก้านปลาย จะแยกออกเป็น 2 แฉก และม้วนออก ส่วนกลีบ เลี้ยงมีประมาณ 5-6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายมน มีขนาดกว้างประมาณ 1 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ผิวด้านในและขอบมีขนขึ้นหนาแน่น ส่วนด้านนอกเกลี้ยง ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผล ลักษณะเป็นผลเดี่ยว หรือออกเป็นพวงเล็ก ๆ ตาม กิ่ง ลักษณะของผลเป็นรูปกลมหรือรี มีขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 0.8-1 เซนติเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ ลักษณะชุ่มน้ำ ภายในผล มีเมล็ดประมาณ 5-8 เมล็ด มีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ที่ ปลายผล สภาพนิเวศวิทยา: พบขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าโปร่ง ป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบ ป่า เบญจพรรณ และตามป่าชายหาด ตลอดจนตามริมแม่น้ำ ชอบพื้นที่กลางแจ้ง ทนแล้งและ น้ำท่วมขังได้ดี พบที่ระดับน้ำทะเลถึงความสูง 1,100 เมตร ถิ่นกำเนิด: เอธิโอเปียำปจนถึงอาฟริกาใต้ จีนตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงเอเชียเขตร้อน การกระจายพันธุ์: นาตาล, หมู่เกาะแลกคาดิฟ, ลาว, ซุนดา, มาดากัสการ์, มาลาวี, มาลา ยา, โมซัมบิก, เมียนมาร์, นามิเบีย, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์, รวันดา, โซมาเลีย, ศรีลังกา, ซูดาน, สุลาเวสี, แทนซาเนีย, ไทย, ยูกันดา, เวียดนาม, แซมเบีย, ซาเอร์, ซิมบับเว การปลูกและการขยายพันธุ์: ขยายพันธุ์โดยการ เพาะเมล็ด แหล่งที่พบ: ป่าชุมชนบ้านเขาโล้น หมู่ 6 ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สรรพคุณ: ตำรายาไทย *เนื้อไม้ รสเบื่อเอียน สรรพคุณ ขับพยาธิไส้เดือน แก้ตานขโมย แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน ประดง *แก่น รสฝาดขื่นต้มน้ำดื่ม แก้ท้องร่วง บิดมูกเลือด ขับเหงื่อ ขับพยาธิไส้เดือน แก้ตาน ขโมย แก้โรคผิวหนัง ประดง ผื่นคัน *ราก รสหวานฝาดร้อน กินแก้ไตอักเสบ แก้ตานขโมย ขับพยาธิไส้เดือน บำรุงน้ำนม แก้ โรคปอดบวม ทั้งต้นหรือราก แก้โรคผิวหนัง ประดง ผื่นคันตามตัว *ลำต้น ผสมหัวเอื้องหมายนา ผักแว่นทั้งต้น หอยขมเป็นๆ 3-4 ตัว แช่น้ำให้เด็กอาบ แก้อีสุกอีใส อีดำอีแดง *น้ำยางจากต้น ใช้แก้อหิวาตกโรค เปลือก แก้เสียงแห้ง อมกลั้วคอแก้เจ็บคอ *น้ำยางจากต้นและใบสด กินเป็นยาลดไข้สำหรับเด็ก แก้โรคปอดอักเสบ แก้ไอ แก้บิด และท้องเสีย ช่วยย่อย *เปลือก ตำรวมกับน้ำมัน ใช้ทาถูนวด แก้ปวดท้อง แก้คัน *นำเปลือกมาแช่หรือชงเป็นยากลั้วคอ *น้ำต้มใบแห้ง กินเป็นยาฝาดสมาน ขับเสมหะ แก้หืดหอบ หลอดลมอักเสบ แก้ไข้ แก้ ไอ แก้ท้องร่วง ขับลม และบำรุงร่างกาย *ใบที่ย่างไฟจนแห้งใช้ชงกินหลังคลอดบุตร เมล็ด ตำพอกแก้ปวดข้อ *ผล กินได้มีวิตามินซีสูง แก้อ่อนเพลีย บรรเทาอาการโรคดีซ่าน ม้ามโต แก้คลื่นไส้ อาเจียน และเป็นยาระบาย ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การใช้ประโยชน์: ผลสุก นำมาแปรรูปเป็นแยมหรือไวน์ ผลสุก มีรสหวานอมฝาด ใช้รับประทานได้ มีวิตามินซีสูง เนื้อไม้ ใช้ในการก่อสร้างบ้านเรือน ใช้เป็นโครงสร้างต่าง ๆ ของบ้าน เช่น เสาบ้าน ฯลฯ หรือใช้ทำด้ามเครื่องมือกสิกรรม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ หรือไม้ให้ร่มเงา ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อ้างอิง https://thai-herbs.thdata.co/page https://medthai.com https://www.springnews.co.th http://www.phargarden.com ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นางสาวนภัสวรรณ อุฤทธิ์ คณะผู้จัดทำ นายสมนึก ดิตเหมาะ นางสาวศิริธร ดารานารถ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา นายเศรษฐ์ฐกรณ์ นาศพัฒน์ ตามอัธยาศัยอำเภอทับคล้อ คณะกรรมการป่าชุมชนบ้านเขาโล้น บรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ บรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี \" อำเภอทับคล้อ ประธานป่าชุมชนบ้านเขาโล้น ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
ห้องสมุดประชาชนอำเภอทับคล้อ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอทับคล้อ กศน.อำเภอทับคล้อ
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: