พระราชกาํ หนด การปฏิรูประบบสถาบนั การเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๐
พระราชกําหนด การปฏิรูประบบสถาบันการเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๐ ภมู ิพลอดลุ ยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็ นปี ท่ี ๕๒ ในรัชกาลปัจจุบนั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราช โองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยท่ีเป็ นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูประบบสถาบัน การเงนิ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๑๘ ของรัฐธรรมนูญแห่ ง ราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกําหนดขึ้นไว้ ดงั ต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกําหนดนีเ้ รียกว่า “พระราชกําหนดการปฏิรูประบบ สถาบนั การเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกาํ หนดนใี้ ห้ใช้บังคบั ต้งั แต่วันถัดจากวนั ประกาศใน ราชกจิ จานุเบกษาเป็ นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชกาํ หนดนี้ “องค์การ” หมายความว่า องค์การเพอื่ การปฏริ ูประบบสถาบนั การเงนิ “สถาบนั การเงนิ ” หมายความว่า (๑) ธนาคารพาณชิ ย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณชิ ย์ (๒) บริษทั เงนิ ทุน บริษทั เงินทุนหลกั ทรัพย์ หรือบริษทั เครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่ าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจ เครดติ ฟองซิเอร์ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนเพ่ือการฟื้ นฟูและพฒั นาระบบสถาบัน การเงนิ ตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย “บริษัทท่ีถูกระงับการดําเนินกิจการ” หมายความว่า บริษัทเงนิ ทุนและ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ถูกระงับการดําเนินกิจการตามคําสั่งของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๐ และวันท่ี ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงส่ังโดยอาศัยอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ หลกั ทรัพย์ และธุรกจิ เครดติ ฟองซิเอร์ “ผู้ฝากเงิน” หมายความว่า ผู้ฝากเงินทุกประเภทของบริษัทที่ถูกระงับ การดาํ เนินกจิ การ และหมายความรวมถึง ผู้ถือต๋ัวสัญญาใช้เงินท่ีออกเพื่อการกู้ยมื หรือ รับเงนิ จากประชาชน “เจ้าหนี้” หมายความว่า เจ้าหนี้อ่ืนของบริษัทท่ีถูกระงับการดําเนิน กจิ การทีม่ ใิ ช่ผู้ฝากเงนิ สําหรับหนีท้ ีเ่ กดิ จากการประกอบธุรกจิ เงนิ ทุนของบริษทั น้นั “คณะกรรมการองค์การ” หมายความว่า คณะกรรมการองค์การเพอื่ การ ปฏิรูประบบสถาบันการเงนิ “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบ สถาบนั การเงนิ “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการองค์การเพ่ือการปฏิรูประบบ สถาบนั การเงนิ
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผ้รู ักษาการตามพระราชกาํ หนดนี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราช กาํ หนดนี้ หมวด ๑ องค์การเพอ่ื การปฏริ ูประบบสถาบันการเงนิ ส่วนท่ี ๑ การจัดต้ังและเงนิ ทุน มาตรา ๕ ให้จัดต้ังองค์การของรัฐขึน้ เรียกว่า “องค์การเพ่ือการปฏิรูป ระบบสถาบันการเงนิ ” เรียกโดยย่อว่า “ปรส.” และให้เป็ นนติ ิบุคคล มาตรา ๖ ให้องค์การต้ังสํานักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร มาตรา ๗ ให้องค์การมีวตั ถุประสงค์เพอื่ ดาํ เนินการกับบริษัทเงนิ ทุนและ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ถูกระงับการดําเนินกิจการตามคําสั่งของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๐ และวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงส่ังโดยอาศัยอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ หลกั ทรัพย์ และธุรกจิ เครดติ ฟองซิเอร์ ดงั ต่อไปนี้ (๑) แก้ไขฟื้นฟูฐานะของบริษทั ทีถ่ ูกระงบั การดาํ เนินกจิ การ (๒) ช่วยเหลือผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ท่ีสุจริตของบริษัทท่ีถูกระงับการ ดาํ เนนิ กจิ การ
(๓) ชําระบัญชีบริษัทท่ีถูกระงับการดําเนินกิจการในกรณีที่บริษัท ดงั กล่าวไม่อาจดาํ เนนิ กจิ การต่อไปได้ มาตรา ๘ ให้องค์การมีอํานาจกระทํากิจการต่ าง ๆ ภายในขอบ วตั ถุประสงค์ขององค์การตามมาตรา ๗ อาํ นาจเช่นว่านใี้ ห้รวมถงึ (๑) ถือกรรมสิทธ์ิหรือมีสิทธิครอบครองหรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหา ขาย จําหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจํานํา รับจํานอง แลกเปล่ียน โอน รับโอน หรือดําเนินการใด ๆ เก่ียวกับทรัพย์สินท้ังในและนอก ราชอาณาจักร ตลอดจนรับเงนิ หรือทรัพย์สินทมี่ ผี ้มู อบให้ (๒) มีเงินฝากไว้ในสถาบันการเงินตามท่ีคณะกรรมการองค์การเห็นว่า จําเป็ นและสมควร (๓) ซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตราสารแสดงสิทธิในหนี้ หรือรับโอน สิทธเิ รียกร้อง (๔) ก้หู รือยมื เงนิ ออกต๋วั เงนิ หรือตราสารแห่งหนี้ (๕) ออกพนั ธบตั ร (๖) ให้กู้ยืมเงินหรือลงทุนในหลักทรัพย์ของรัฐบาลหรือองค์การของรัฐ หรือรัฐวสิ าหกจิ (๗) ทํากิจการท้ังปวงที่เกี่ยวกับหรือเน่ืองในการจัดการให้สําเร็จตาม วตั ถุประสงค์ขององค์การ มาตรา ๙ ทุนขององค์การประกอบด้วย (๑) ทุนประเดมิ ท่รี ัฐจ่ายให้เป็ นการอดุ หนุน (๒) เงนิ และทรัพย์สินทีม่ ผี ้มู อบให้ (๓) เงนิ และทรัพย์สินทตี่ กเป็ นขององค์การ (๔) ดอกผลของทรัพย์สินขององค์การ
มาตรา ๑๐ ให้กําหนดทุนประเดิมขององค์การเป็ นจํานวนห้าร้อยล้าน บาท และองค์การจะได้รับเงนิ จาํ นวนนีเ้ ป็ นการอุดหนุนจากรัฐบาล ในแต่ละงวดการบัญชีหากปรากฏว่าองค์การมีผลขาดทุน ให้รัฐบาล ช่วยเหลอื ทางการเงนิ แก่องค์การตามควรแก่กรณี ส่วนที่ ๒ คณะกรรมการองค์การและการดาํ เนินงาน มาตรา ๑๑ ให้มคี ณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกว่า “คณะกรรมการองค์การ เพอื่ การปฏิรูประบบสถาบันการเงนิ ” ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหน่ึง ผู้แทน ธนาคารแห่งประเทศไทย ผ้แู ทนกระทรวงการคลงั และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจํานวน สองคน เป็ นกรรมการ และเลขาธิการเป็ นกรรมการและเลขานุการ ให้ รั ฐ ม น ต รี โ ด ย ค ว า ม เ ห็ น ช อ บ ขอ ง ค ณ ะ รั ฐ ม น ต รี แ ต่ ง ต้ั ง ป ร ะ ธ า น กรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒจิ ากผ้ทู รงคุณวฒุ ิภาคเอกชน มิให้นํามาตรา ๕ (๒) แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสําหรับ กรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาใช้บังคับกับการดํารงตําแหน่ง ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิ มาตรา ๑๒ ผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหน่ึงดังต่อไปนี้ ต้องห้ามมิให้เป็ น กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิ (๑) เป็ นหรือเคยเป็ นบุคคลล้มละลาย (๒) เคยได้รับโทษจําคุกโดยคาํ พิพากษาถึงท่ีสุดให้จําคุก เว้นแต่เป็ นโทษ สําหรับความผดิ ที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผดิ ลหุโทษ (๓) เป็ นข้าราชการการเมือง ท่ีปรึกษาพรรคการเมือง กรรมการบริหาร พรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าทใี่ นพรรคการเมอื ง
(๔) เป็ นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้มีอํานาจในการจัดการของสถาบัน การเงนิ (๕) เป็ นหรือเคยเป็ นลูกหนี้ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินตาม หลกั เกณฑ์ทีธ่ นาคารแห่งประเทศไทยได้กาํ หนดไว้ มาตรา ๑๓ กรรมการผ้ทู รงคุณวุฒิมวี าระอยู่ในตําแหน่งคราวละสามปี ในกรณีท่ีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระ ให้ผู้ได้รับ แต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งแทนอยู่ในตําแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่ง ได้รับแต่งต้ังไว้แล้ว เม่อื ครบกาํ หนดตามวาระดงั กล่าวในวรรคหน่ึง หากยังมิได้มีการแต่งต้ัง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึน้ ใหม่ ให้กรรมการซ่ึงพ้นจากตําแหน่งตามวาระน้ันอยู่ใน ตําแหน่ง เพอ่ื ดาํ เนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งต้ังใหม่เข้ารับหน้าที่ กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งต้ังอกี ได้ แต่ไม่เกนิ สองวาระตดิ ต่อกนั มาตรา ๑๔ นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๓ กรรมการผ้ทู รงคุณวุฒพิ ้นจากตาํ แหน่ง เมือ่ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) รัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่อง หรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือหย่อน ความสามารถ (๔) เป็ นบุคคลล้มละลาย (๕) เป็ นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) ได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่เป็ นโทษ สําหรับความผดิ ทไ่ี ด้กระทาํ โดยประมาท หรือความผดิ ลหุโทษ
มาตรา ๑๕ การประชุมคณะกรรมการองค์การต้องมีกรรมการมา ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึงของจํานวนกรรมการท้ังหมดจึงจะเป็ นองค์ประชุม ถ้า ประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการท่ีมาประชุมเลือกกรรมการคนหน่ึง เป็ นประธานในท่ปี ระชุม การวนิ ิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถอื เสียงข้างมาก กรรมการคนหน่ึงให้มี เสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียง เพม่ิ ขนึ้ อกี เสียงหนึ่งเป็ นเสียงชี้ขาด กรรมการผู้ใดมีส่วนได้เสียเป็ นการส่วนตัวในเร่ืองใด ห้ามมิให้เข้าร่วม พจิ ารณาและออกเสียงลงคะแนนในเรื่องน้นั มาตรา ๑๖ คณะกรรมการองค์การมีอํานาจหน้าท่ีวางนโยบายและ ควบคุมดูแลโดยท่ัวไปซึ่งกิจการขององค์การภายในขอบวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๗ อาํ นาจหน้าท่ีเช่นว่านใี้ ห้รวมถงึ (๑) กําหนดหลักเกณฑ์การเสนอและการพิจารณาแผนแก้ไขฟื้ นฟูฐานะ ของบริษทั ที่ถูกระงบั การดาํ เนนิ กจิ การ (๒) กําหนดหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ท่ี สุจริตของบริษทั ท่ีถูกระงบั การดาํ เนินกจิ การ (๓) กาํ หนดวธิ ีการชําระบญั ชีและขายทรัพย์สินของบริษัทท่ีถูกระงบั การ ดาํ เนนิ กจิ การทีไ่ ม่อาจดาํ เนนิ กจิ การต่อไปได้ (๔) กําหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล เงินตอบแทน และ ค่าใช้จ่าย (๕) กําหนดข้อบังคับเก่ียวกับการจัดซื้อจัดจ้าง การเงิน ทรัพย์สิน และ การบัญชี รวมท้ังการตรวจสอบและสอบบัญชีภายใน (๖) กาํ หนดข้อบังคบั เกยี่ วกบั การบริหารงานและการดาํ เนินกจิ การ
(๗) ปฏบิ ัตกิ ารอน่ื ใดเพอ่ื ให้เป็ นไปตามวตั ถุประสงค์ของพระราชกําหนด นี้ ให้คณะกรรมการองค์การประกาศหลักเกณฑ์ตาม (๑) และ (๒) โดย เปิ ดเผย มาตรา ๑๗ ให้รัฐมนตรีแต่งต้ังและถอดถอนเลขาธิการโดยความ เห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เลขาธิการต้องสามารถปฏิบัติงานเต็มเวลาให้แก่องค์การ และไม่มี ลกั ษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ มิให้นํามาตรา ๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสําหรับ กรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาใช้บังคับกับการดํารงตําแหน่ง เลขาธกิ าร มาตรา ๑๘ เลขาธิการมีอํานาจหน้าท่ีดําเนินกิจการขององค์การให้ เป็ นไปตามวตั ถุประสงค์และอาํ นาจหน้าท่ีขององค์การ และตามนโยบายหรือข้อบังคับ ทค่ี ณะกรรมการองค์การกาํ หนด ในกจิ การขององค์การท่ีเกย่ี วกบั บุคคลภายนอก ให้เลขาธิการเป็ นผู้แทน ขององค์การ และเพื่อการนีเ้ ลขาธิการจะมอบอํานาจให้ ตัวแทนหรือบุคคลใดกระทํา กิจการเฉพาะอย่างแทนก็ได้ แต่ต้องเป็ นไปตามข้อบังคับท่ีคณะกรรมการองค์การ กาํ หนด มาตรา ๑๙ ให้กรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามท่รี ัฐมนตรีกาํ หนด
มาตรา ๒๐ เงินขององค์การให้นํามาใช้จ่ายได้เฉพาะเพื่อดําเนินการให้ เป็ นไปตามวตั ถุประสงค์ขององค์การ และเป็ นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานขององค์การ ตามทีค่ ณะกรรมการองค์การกาํ หนด รวมท้ังค่าตอบแทนต่าง ๆ ตามหมวดนี้ หมวด ๒ การแก้ไขฟื้นฟฐู านะของบริษทั ท่ถี ูกระงบั การดาํ เนนิ กจิ การ มาตรา ๒๑ ให้องค์การมีหน้าท่ีดาํ เนินการแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของบริษทั ท่ี ถูกระงบั การดาํ เนนิ กจิ การตามบทบญั ญัติในหมวดนี้ มาตรา ๒๒ ให้บริษัทที่ถูกระงับการดําเนินกิจการเสนอแผนเพ่ือแก้ไข ฟื้นฟูฐานะต่อคณะกรรมการองค์การเพอื่ ขอความเห็นชอบ มาตรา ๒๓ เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของบริษทั ที่ถูกระงบั การดําเนินกิจการ การอนุญาต หรือการผ่อนผัน ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบ ธุรกจิ เงนิ ทุน ธุรกิจหลกั ทรัพย์ และธุรกิจเครดติ ฟองซิเอร์ ในเร่ืองดังต่อไปนี้ แล้วแต่ กรณี ให้เป็ นอาํ นาจหน้าทีข่ องคณะกรรมการองค์การ (๑) การถือหุ้นสถาบนั การเงนิ เกนิ อตั ราท่ีกฎหมายกาํ หนด (๒) จาํ นวนหุ้นท่ีบุคคลผู้มีสัญชาติไทยถืออยู่ต่ํากว่าสามในสี่ของจํานวน หุ้นที่จําหน่ายได้แล้วท้ังหมดของสถาบันการเงนิ และจํานวนกรรมการเป็ นบุคคลผู้มี สัญชาตไิ ทยตํา่ กว่าสามในสี่ของจาํ นวนกรรมการท้งั หมด (๓) การซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจํากดั หรือบริษัทมหาชนจํากัดเกนิ อตั ราท่ี กฎหมายกาํ หนด (๔) การซื้อหรือมหี ุ้นในสถาบนั การเงนิ อนื่
(๕) การแต่งต้ังกรรมการ ผู้จัดการ หรือพนักงาน หรือบุคคลผู้มีอํานาจ ในการจัดการ หรือทําสัญญาให้บุคคลอื่นมีอํานาจเด็ดขาดในการบริหารงานของ สถาบันการเงนิ มาตรา ๒๔ ให้คณะกรรมการองค์การพิจารณาแผนแก้ไขฟื้ นฟูฐานะ ของบริษัทที่ถูกระงับการดําเนินกิจการ และให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบโดยไม่ ชักช้า ในการพิจารณาเพอ่ื ให้ความเห็นชอบแผนเพือ่ การแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของ บริษัทท่ีถูกระงับการดําเนินกจิ การ ให้คณะกรรมการองค์การพิจารณาด้วยว่าบริษัทที่ ถูกระงบั การดาํ เนนิ กจิ การจะดาํ รงเงนิ กองทุนเป็ นอัตราส่วนกับสินทรัพย์ หนีส้ ิน หรือ ภาระผูกพนั เพียงพอท่ีจะดําเนินการตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการองค์การประกาศ กําหนด และได้แสดงว่ามีความสามารถและความผูกพันที่จะดํารงอัตราส่ วน เงนิ กองทุนดงั กล่าวภายในช่วงเวลาสามปี ในการให้ความเห็นชอบแผนตามวรรคหน่ึง คณะกรรมการองค์การจะ กาํ หนดระยะเวลาและเงอ่ื นไขใด ๆ ให้บริษทั น้ันต้องปฏิบตั ิด้วยกไ็ ด้ มาตรา ๒๕ เพอ่ื ประโยชน์แก่การแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของบริษัทท่ีถูกระงบั การดําเนินกิจการ คณะกรรมการองค์การมีอํานาจสั่งให้บริษัทน้ันลดทุน เพ่ิมทุน จัดสรรหุ้นเพ่ิมทุน ปรับปรุงแก้ไขการบริหารงาน ถอดถอนและต้ังกรรมการผู้บริหาร หรือผู้มอี าํ นาจในการจดั การของบริษัท หรือสั่งให้ดําเนินการควบกิจการหรือโอนหรือ รับโอนกิจการท้ังหมดหรือบางส่วนกับสถาบันการเงินอื่น หรือส่ังให้โอนสิทธิตาม สัญญาและหลักประกัน หรือโอนทรัพย์สิน หรือส่ังการใด ๆ ท่ีเก่ียวข้องในการแก้ไข ฟื้ นฟูฐานะ โดยจะกําหนดระยะเวลาดําเนินการและกําหนดเง่ือนไขใดด้วยก็ได้ ท้ังนี้ ให้ถือว่าคาํ สั่งของคณะกรรมการองค์การดงั กล่าวเป็ นมตทิ ปี่ ระชุมผู้ถือหุ้น
ในกรณีท่ีบริษัทท่ีถูกระงับการดําเนินกิจการต้องดําเนินการตามคําส่ัง ของคณะกรรมการองค์การตามวรรคหน่งึ ให้บริษัทน้ันและสถาบันการเงินท่ีเก่ยี วข้อง ได้รับยกเว้นการใช้บังคับบทบัญญัติดังต่อไปนี้ ในระหว่างเวลาต้ังแต่คณะกรรมการ องค์การให้ความเห็นชอบแผนแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของบริษัทจนถึงวันถึงที่สุดแห่งการ ชําระบัญชีองค์การตามมาตรา ๔๓ (๑) บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจ เครดติ ฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เกย่ี วกบั การบงั คบั ให้สถาบันการเงนิ เป็ นบริษัทมหาชน จํากัด และการกําหนดจํานวนข้ันต่ําของทุนจดทะเบียนและทุนซ่ึงชําระแล้ว แล้วแต่ กรณี (๒) มาตรา ๒๓๗ มาตรา ๑๑๑๗ มาตรา ๑๒๒๐ มาตรา ๑๒๒๒ มาตรา ๑๒๒๔ มาตรา ๑๒๒๕ มาตรา ๑๒๒๖ และมาตรา ๑๒๔๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณชิ ย์ (๓) มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๒ มาตรา ๑๐๒ ประกอบกับมาตรา ๓๓ วรรค สอง มาตรา ๑๓๗ มาตรา ๑๓๙ มาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๑ มาตรา ๑๔๗ และมาตรา ๑๔๘ แห่งพระราชบัญญตั ิบริษทั มหาชนจํากดั พ.ศ. ๒๕๓๕ (๔) มาตรา ๘๕ แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจํากัด พ.ศ. ๒๕๓๕ ท้ังนี้ เฉพาะที่เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ิตามมตทิ ่ีประชุมผ้ถู อื หุ้น และการระมัดระวงั รักษาผลประโยชน์ของบริษทั (๕) มาตรา ๙๔ (๒) มาตรา ๑๑๓ มาตรา ๑๑๔ และมาตรา ๑๑๕ แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ ท้ังนี้ เฉพาะท่ีเก่ียวกับการโอน ทรัพย์สิน หรือการกระทําใดเก่ียวกับทรัพย์สิน เนื่องในการควบกิจการหรือการโอน กจิ การ ในกรณีท่ีจะต้ องใช้ สิ ทธิทางศาลต่ อบริ ษัทท่ีถูกระงับการดําเนินกิจการ หรือสถาบนั การเงนิ ทเี่ กย่ี วข้องตามวรรคสอง ไม่ให้นับระยะเวลาที่บริษทั หรือสถาบัน
การเงนิ ดงั กล่าวได้รับยกเว้นการใช้บังคบั บทบัญญัติของกฎหมายตามวรรคสองเข้าใน อายุความใช้สิทธิเรียกร้อง มาตรา ๒๖ ห้ามมิให้บุคคลใดฟ้ องบริษัทท่ีถูกระงับการดําเนินกิจการ และสถาบันการเงนิ ทีเ่ กยี่ วข้องเป็ นคดลี ้มละลายในระหว่างดาํ เนินการตามแผนเพอ่ื การ แก้ไขฟื้นฟทู ไ่ี ด้รับความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการองค์การ มาตรา ๒๗ การโอนสิทธิเรียกร้องท้ังหมดหรือบางส่วนของบริษัทท่ีถูก ระงบั การดาํ เนนิ กจิ การไปยังสถาบันการเงินอ่ืน ให้กระทําได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวการ โอนไปยังลูกหนี้ตามมาตรา ๓๐๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ไม่ กระทบกระเทือนสิทธิของลูกหนี้ท่ีจะยกข้อต่อสู้ตามมาตรา ๓๐๘ วรรคสอง แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๒๘ ให้คณะกรรมการองค์การมีอํานาจส่ังให้กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัทท่ีถูกระงับการดําเนินกิจการ ผู้สอบบัญชีของบริษัทและผู้ รวบรวมหรือประมวลผลของบริษทั ดงั กล่าวด้วยเครื่องคอมพวิ เตอร์หรือด้วยเคร่ืองมือ อื่นใด มาให้ถ้อยคําหรือส่งสําเนาหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐาน อนั เกย่ี วกบั กจิ การ สินทรัพย์ และหนสี้ ินของบริษทั น้ัน มาตรา ๒๙ ในกรณที ี่คณะกรรมการองค์การเห็นว่า บริษัทที่ถูกระงับการ ดําเนินกิจการซ่ึงองค์การเข้าแก้ไขฟื้ นฟูฐานะ ได้ดําเนินการตามแผนเพอ่ื แก้ไขฟื้ นฟู ฐานะจนสามารถจะดาํ เนนิ กจิ การของตนเองต่อไปได้ หรือควบกจิ การ หรือโอนกจิ การ กบั สถาบันการเงนิ อน่ื ตามแผนเพอ่ื แก้ไขฟื้ นฟูฐานะให้คณะกรรมการองค์การรายงาน รัฐมนตรีทราบ
ในกรณีท่ีคณะกรรมการองค์การเห็นว่า บริษัทท่ีถูกระงับการดําเนิน กิจการสามารถจะดําเนินกิจการของตนต่อไปได้ ถ้ารัฐมนตรีโดยคําแนะนําของ ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าควรอนุญาตให้บริษัทดังกล่าวดําเนินกจิ การต่อไปได้ ให้มคี าํ สั่งอนุญาตให้บริษทั น้นั ดาํ เนนิ กจิ การได้ เม่ือบริษทั ตามวรรคหนึง่ เปิ ดดาํ เนินกจิ การตามปกตแิ ล้ว หรือควบกิจการ หรือโอนกจิ การกบั สถาบันการเงนิ อน่ื แล้ว อาํ นาจหน้าที่ขององค์การเป็ นอนั สิ้นสุดลง มาตรา ๓๐ ในกรณที ค่ี ณะกรรมการองค์การเห็นว่า บริษัทที่ถูกระงบั การ ดําเนินกิจการใดไม่อาจแก้ไขหรือฟื้ นฟูฐานะหรือการดําเนินงานได้ ให้รายงาน รัฐมนตรีทราบ และให้คณะกรรมการองค์การมีอํานาจแต่งต้ังคณะกรรมการ ประกอบด้วย ประธานกรรมการและกรรมการอนื่ อกี ไม่น้อยกว่าสองคน มีอํานาจเข้า ดําเนินการแทนบริษัทน้ันได้ทุกประการและทําการชําระบัญชีบริษัท กับให้ประธาน กรรมการเป็ นผู้แทนของบริษทั น้นั โดยให้ถือว่าเป็ นมติทป่ี ระชุมผู้ถอื หุ้น เม่ือมีการแต่งต้ังคณะกรรมการตามวรรคหน่ึง ให้เลขาธิการแจ้งเป็ น หนงั สือให้บริษทั น้ันทราบและให้กรรมการของบริษทั น้ันพ้นจากตาํ แหน่งท้ังคณะ โดย ให้ถอื ว่าเป็ นมติท่ีประชุมผู้ถือหุ้น และให้ปิ ดประกาศการแต่งต้ังคณะกรรมการไว้ในท่ี เปิ ดเผย ณ สํานักงานของบริษัทน้ัน กับท้ังให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและใน หนังสือพมิ พ์รายวนั อย่างน้อยหน่งึ ฉบับ ประธานกรรมการอาจมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนหรือ บุคคลอนื่ ใดปฏิบตั ิการอย่างใดอย่างหนึ่งแทนบริษทั น้ันหรือคณะกรรมการได้ ในการดาํ เนินงานของคณะกรรมการตามวรรคหน่ึง การใดที่บทบัญญัติ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ว่าด้วยบริษัทจํากดั หรือกฎหมายว่าด้วยบริษัท มหาชนจํากัด กําหนดอํานาจและหน้าท่ีให้เป็ นของที่ประชุมใหญ่ ให้เป็ นอาํ นาจและ หน้าทข่ี องรัฐมนตรี
การขายทรัพย์สินเพอื่ ชําระบัญชีของบริษทั น้ันให้เปิ ดประมูลโดยเปิ ดเผย หรือแข่ งขันราคาตามวิธีการท่ีคณะกรรมการกําหนด และให้ องค์การได้รับ ค่าธรรมเนียมในอตั ราร้อยละหน่ึงของราคาทข่ี ายได้ การชําระบัญชีของบริษทั ให้คณะกรรมการมีอํานาจแต่งต้ังผู้ชําระบัญชี และการใดท่ีเป็ นอํานาจและหน้าท่ีของที่ประชุมใหญ่ ให้เป็ นอํานาจและหน้าที่ของ รัฐมนตรี มาตรา ๓๑ เม่ือองค์การประสงค์จะขอทราบกิจการของสถาบันการเงิน เพ่ือปฏิบัติตามพระราชกําหนดนี้ ให้ ธนาคารแห่ งประเทศไทย สํ านักงาน คณะกรรมการกาํ กบั หลกั ทรัพย์และตลาดหลกั ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทยเปิ ดเผยกจิ การของสถาบันการเงนิ ดงั กล่าวให้แก่องค์การได้ และมิให้นํามาตรา ๔๖ สัตต แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และมาตรา ๗๗ แห่ง พระราชบัญญตั กิ ารประกอบธุรกจิ เงนิ ทุน ธุรกจิ หลกั ทรัพย์ และธุรกจิ เครดติ ฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ แล้วแต่กรณี มาใช้บงั คบั มาตรา ๓๒ ในการดาํ เนนิ การเพื่อแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของบริษทั ที่ถูกระงับ การดําเนินกิจการใด องค์การจะขอให้กองทุนเข้าถือหุ้นของบริษัทน้ันได้เฉพาะเพ่ือ เป็ นการรักษาเสถียรภาพของระบบการชําระเงนิ และบริษทั น้ันได้ตัดส่วนสูญเสียของ กจิ การออกจากบัญชีโดยการลดทุนแล้ว และไม่สามารถจําหน่ายหุ้นได้ภายในเวลาอนั ควร เพอื่ ประโยชน์ในการแก้ไขฟื้นฟฐู านะ องค์การจะขอให้กองทุนเข้าถือหุ้น ของบริษทั ท่ีถูกระงบั การดาํ เนินกจิ การได้เฉพาะในกรณตี ่อไปนี้ (๑) บริษทั ที่ถูกระงับการดําเนินกิจการได้รับรู้ผลขาดทุนและได้ปฏิบัติ เกยี่ วกบั การกนั สํารองตามที่องค์การกาํ หนด
(๒) ส่วนได้เสียของผู้ถือหุ้นของบริษัทท่ีถูกระงับการดําเนินกิจการ ณ วนั ทอ่ี งค์การเข้าดําเนินการเพ่ือแก้ไขฟื้ นฟูฐานะได้ลดลงจนถึงจุดตํ่าสุดเท่าที่จะทําได้ ตามกฎหมาย (๓) กรณที ี่ผู้ถือหุ้นเข้าซือ้ หุ้นของบริษทั ทถี่ ูกระงบั การดาํ เนินกิจการผู้ถือ หุ้นไม่ ว่ าลําพังหรื อร่ วมกันจะถือหุ้นเกินกว่ าจํานวนท่ีองค์ การกําหนดว่ าสาม ารถ ครอบงาํ การจัดการบริษทั ไม่ได้ (๔) กองทุนจะเข้าถือหุ้นได้เพียงไม่เกินกว่าการเข้าถือหุ้นของผู้ถือหุ้น รายอนื่ มาตรา ๓๓ ในกรณที ีก่ องทุนจะต้องเข้าไปช่วยเหลอื ทางการเงนิ ในบริษทั ท่ีถูกระงับการดําเนินกิจการตามที่คณะกรรมการองค์ การร้ องขอและได้ รั บความ เสียหาย ให้รัฐบาลช่วยเหลอื ทางการเงนิ แก่กองทุนตามควรแก่กรณี หมวด ๓ การสอบและตรวจบญั ชี มาตรา ๓๔ ให้องค์การวางและรักษาไว้ซึ่งระบบบัญชีอนั ถูกต้องและจัด ให้มรี ะบบการควบคมุ และตรวจสอบภายใน มาตรา ๓๕ ให้องค์การจัดทํางบดุลและบัญชีกําไรขาดทุนทุกงวดหก เดอื น มาตรา ๓๖ ให้รัฐมนตรีมอี าํ นาจแต่งต้ังสํานักงานตรวจเงินแผ่นดนิ หรือ บุคคลอืน่ ตามแต่จะเห็นสมควรเป็ นผู้สอบบัญชีขององค์การ ทําการตรวจสอบบัญชี รวมท้ังการเงนิ ทุกประเภททุกหกเดอื น
มาตรา ๓๗ ให้องค์การรายงานกจิ การ งบดุล บัญชีกําไรและขาดทุน ซ่ึง ผู้สอบบัญชีตามมาตรา ๓๖ ได้รับรองแล้วต่อรัฐมนตรีภายในสามเดือน นับแต่วันสิ้น งวดการบัญชีเพอื่ รายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้รัฐมนตรีประกาศรายงานงบ ดุลและบญั ชีดงั กล่าวโดยเปิ ดเผย มาตรา ๓๘ ในกรณที ี่องค์การขอให้กระทรวงการคลังคํา้ ประกันเงนิ กู้ท่ี องค์การกู้ยืมเงินจากแหล่งให้กู้ยืมในหรือนอกราชอาณาจักร ให้กระทรวงการคลังมี อาํ นาจคาํ้ ประกนั เงินกู้น้ันได้ แต่จํานวนเงนิ ก้ทู ่ีจะคาํ้ ประกนั เมื่อรวมกับต้นเงนิ ก้ทู ี่การ คํา้ ประกันของกระทรวงการคลังยังค้างอยู่ต้องไม่เกินสิบสองเท่าของเงนิ กองทุนของ องค์การเมอ่ื คาํ นวณเป็ นเงนิ ตราไทย ท้งั นี้ ไม่ว่าจะเป็ นการคาํ้ ประกนั ตามอาํ นาจที่มีอยู่ ในกฎหมายใด การคํานวณเงินตราต่างประเทศเป็ นเงินตราไทยเพื่อทราบยอดรวมของ เงินกู้ตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจําวันที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยกาํ หนดไว้ในวนั ทาํ สัญญา หมวด ๔ บทกาํ หนดโทษ มาตรา ๓๙ ผู้ใดล่วงรู้กิจการของสถาบันการเงินใดเน่ืองจากการปฏิบัติ ตามอาํ นาจและหน้าท่ที ก่ี าํ หนดในพระราชกาํ หนดนอี้ นั เป็ นกิจการท่ีตามปกติพึงสงวน ไว้ไม่เปิ ดเผย แล้วนําไปเปิ ดเผยแก่บุคคลอืน่ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกนิ หนึง่ ล้านบาท หรือท้งั จําท้ังปรับ ความในวรรคหน่งึ มใิ ห้นํามาใช้บังคบั แก่การเปิ ดเผยในกรณี ดงั ต่อไปนี้ (๑) การเปิ ดเผยตามหน้าที่ (๒) การเปิ ดเผยเพอื่ ประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพจิ ารณาคดี
(๓) การเปิ ดเผยเพื่อประโยชน์แก่การแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของบริษัทที่ถูก ระงบั การดาํ เนนิ กจิ การ (๔) การเปิ ดเผยเม่ือได้รับความเห็นชอบจากสถาบันการเงนิ น้ันเป็ นลาย ลกั ษณ์อกั ษร มาตรา ๔๐ บุคคลใดไม่ปฏิบัติตามคาํ สั่งของคณะกรรมการองค์การตาม มาตรา ๒๘ ต้องระวางโทษปรับไม่เกนิ หน่ึงแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสามพนั บาทตลอดเวลาท่ียงั ฝ่ าฝื นอยู่ หรือจนกว่าจะปฏบิ ัติได้ถูกต้อง หมวด ๕ การยบุ เลกิ องค์การ มาตรา ๔๑ เมื่อองค์การได้ดําเนินการแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของบริษัทที่ถูก ระงับการดําเนินกิจการตามอํานาจหน้าท่ีเสร็จสิ้นแล้ว ให้คณะกรรมการองค์การ รายงานรัฐมนตรี เพอื่ นาํ เสนอคณะรัฐมนตรีมมี ตยิ ุบเลกิ องค์การต่อไป มาตรา ๔๒ เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยุบเลกิ องค์การแล้ว ให้ดาํ เนินการ ชําระบัญชีโดยให้รัฐมนตรีแต่งต้ังบุคคลขึ้นคณะหน่ึงเป็ นคณะกรรมการผู้ชําระบัญชี ขององค์การ การชําระบัญชีองค์การให้นําบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณชิ ย์ว่าด้วยการชําระบญั ชีบริษทั จํากดั มาใช้บังคบั โดยอนุโลม มาตรา ๔๓ เมอ่ื คณะกรรมการผู้ชําระบญั ชีได้ดาํ เนนิ การชําระบัญชีเสร็จ สิ้นแล้ว ให้คณะกรรมการผู้ชําระบัญชีรายงานการชําระบัญชีต่อรัฐมนตรีเพ่ืออนุมัติ และเสนอคณะรัฐมนตรีเพือ่ ทราบ แล้วประกาศในราชกจิ จานุเบกษาต่อไป และให้ถือ
วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็ นวันถึงท่ีสุดแห่งการชําระบัญชีและวันยุบเลิก องค์การ บรรดาทรั พย์ สิ นขององค์ การท่ียังคงเหลืออยู่ให้ จัดโอนให้ แก่ กระทรวงการคลงั ภายหลงั วนั ถึงทส่ี ุดแห่งการชําระบญั ชี ให้คณะกรรมการผู้ชําระบัญชีมอบสมุด บัญชี และเอกสารท้ังหมดของ องค์การให้แก่กระทรวงการคลังภายในสิบสี่วันนับแต่วันถึงท่ีสุดแห่งการชําระบัญชี และให้กระทรวงการคลงั รักษาไว้สิบปี นบั แต่วนั ดงั กล่าว สมุด บญั ชี และเอกสารตามวรรคสามให้เปิ ดเผยแก่ผ้มู ีส่วนได้เสียตรวจดู ได้โดยไม่ต้องเรียกค่าธรรมเนยี ม บทเฉพาะกาล มาตรา ๔๔ บรรดาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขท่ีรัฐมนตรี ธนาคารแห่ง ประเทศไทย หรือคณะกรรมการกํากบั การควบหรือโอนกิจการของสถาบันการเงินซ่ึง แต่งต้งั ตามคาํ ส่ังของกระทรวงการคลัง กาํ หนดไว้สําหรับบริษทั ท่ีถูกระงับการดําเนิน กจิ การยงั คงใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะมกี ารเปลยี่ นแปลง บรรดาแผนเพอื่ แก้ไขฟื้นฟูฐานะท่ีบริษทั ที่ถูกระงบั การดําเนินกจิ การยืน่ ต่อคณะกรรมการกาํ กบั การควบหรือโอนกจิ การของสถาบันการเงนิ ให้ถือเป็ นแผนเพ่อื แก้ไขฟื้นฟฐู านะตามมาตรา ๒๒ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชวลติ ยงใจยทุ ธ นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกําหนดฉบับนี้ คอื โดยที่มีความจําเป็ น จะต้องแก้ไขปัญหาระบบสถาบันการเงนิ และฟื้ นฟูสถานะการดําเนินการของสถาบัน การเงนิ บางแห่งทปี่ ระสบปัญหา ไม่สามารถดาํ เนินกิจการไปได้ตามปกติ และคุ้มครอง ผ้ฝู ากเงนิ และเจ้าหนขี้ องสถาบนั การเงินเพอ่ื เรียกความเชื่อมั่นในระบบสถาบันการเงิน กลับคืนมา สมควรกําหนดมาตรการในลักษณะของการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน อย่างเป็ นระบบตามแนวทางสากล และจัดต้ังองค์การของรัฐขึ้นเพื่อทําหน้าที่ รับผิดชอบในการดาํ เนินมาตรการดงั กล่าว เพ่ือแก้ไขฟื้ นฟูฐานะของสถาบันการเงิน ตลอดจนช่วยเหลอื ผู้ฝากเงนิ และเจ้าหนีท้ สี่ ุจริตของสถาบันการเงนิ และโดยท่ีเป็ นกรณี ฉุกเฉินท่ีมีความจําเป็ นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ในอันท่ีจะรักษาความม่ันคง ทางเศรษฐกจิ ของประเทศ จึงจําเป็ นต้องตราพระราชกาํ หนดนี้ วศิน/จดั ทาํ ๓ มีนาคม ๒๕๕๒ โชติกานต์/ปรับปรุง ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนท่ี ๖๐ ก/หน้า ๑/๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๐
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: