แชมพูจากมะกรูด จัดทาโดย ๑. นายนพดล กะรัตน์ เลขที่ ๙ ๒. นางสาววธูสิริ พรหมเหรียญชัย เลขที่ ๑๔ ๓. นางสาวนชิ นันท์ ขระสุ เลขที่ ๑๗ ๔. นางสาวรวิสรา ไชยและ เลขที่ ๒๓ ๕. นางสาวอภิสรา งามสมกลนิ่ เลขที่ ๓๔ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๕/๖ รายงานฉบับนเ้ี ป็นส่วนหนึง่ ของรายวชิ าเทคโนโลยี i๓๐๒๐๑ ภาคเรยี นท่ี๑ ประจาปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ โรงเรียนปวั อาเภอปวั จังหวัดน่าน สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต ๓๗
ก กติ ตกิ รรมประกาศ คณะผ้จู ดั ทาขอขอบพระคุณภูมิปัญญาท้องถ่ิน คุณอสุ าห์ ไชยและ ที่ใหค้ วามรู้และถา่ ยทอดวิธีการทา แชมพูจากมะกรดู ช่วยบารงุ เสน้ ผมและหนงั ศรี ษะให้แข็งแรงอย่างละเอยี ด ด้วยความเมตตาและตงั้ ใจจรงิ ขอบพระคณุ ครูดารง คันธะเรศย์ ท่ีกรุณาให้คาแนะนาในการจัดทาโครงงาน และเป็นท่ีปรึกษา โครงงาน โดยเฉพาะการนาเสนอทีถ่ ูกตอ้ ง สุดท้ายนข้ี อขอบใจเพื่อนนักเรียน ช้นั ม.๕/๖ทกุ คนทใี่ หค้ วามร่วมมอื ร่วมแรง ร่วมใจ ให้ข้อแนะนา เสนอแนะ ทาให้ผลงานออกมาไดเ้ ปน็ อย่างดี คณะผู้จัดทา
ข ช่ือเรอ่ื ง แชมพจู ากมะกรดู ผ้จู ัดทา 1.นายนพดล กะรตั น์ เลขที่ 9 ครูทป่ี รึกษา ช่ือโรงเรยี น 2.นางสาววธูสริ ิ พรหมเหรยี ญชยั เลขท่ี 14 ม.5/6 3.นางสาวนิชนนั ท์ ขระสุ เลขที่ 17 4.นางสาวรวิสรา ไชยเเละ เลขที่ 23 5.นางสาวอภสิ รา งามสมกล่ิน เลขที่ 34 ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ โรงเรียนปัว บทคัดย่อ มะกรูด เป็นสมุนไพรที่อยู่ในบ้านของทุกครอบครัวและหาได้ง่ายในครอบครัวของเรา ซึ่งมะกรูด สามารถรบั ประทานไดท้ ง้ั ใบและผล จึงอยากนามะกรูดมาทาเป็นแชมพูสระผม จากการศึกษาและค้นคว้าพบว่า มขี ้อมูลท่ีน่าสนใจ คือ สารท่ีสาคัญท่ีช่วยเสริมสร้างการทางานของ อวัยวะสาคญั ในการขจัดสารพิษมากมาย ซึง่ สารท่ีว่านีไ้ ด้มาจากมะกรดู โครงงานแชมพูจากมะกรดู มีจุดมุ่งหมายในการทางาน โดยนามะกรูดมาแปรรูปทาเป็นแชมพสู ระผม ท่ีมีประโยชน์ต่อเส้นผมและหนังศีรษะและยังเป็นการนาส่ิงท่ีหาได้ง่ายภายในบ้านมาใช้ให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยงั เป็นการทางานเป็นกลุ่ม มีความรับผิดชอบ สร้างความสามัคคี เอื้อเฟ้ือเผอื่ แผ่ แกส่ มาชิกในกลุ่ม อกี ด้วย
ค คานา โครงงานนี้เป็นส่วนหน่ึงของวิชา i๓๐๒๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๕ โดยมีจุดประสงค์ เพื่อ การศึกษาการทาแชมพูจากมะกรูด ซึ่งโครงงานนี้มีเนื้อหาเก่ียวกับการทาแชมพูจากมะกรูด ขัน้ ตอนในการทาแชมพู สรรพคุณของมะกรูด สายพันธุ์ของมะกรูด ลกั ษณะทางพฤกษศาสตรข์ อง มะกรดู การปลูกมะกรดู และโรคท่เี ก่ียวข้องกับหนงั ศรี ษะ คณะผู้จัดทาขอขอบพระคุณ คุณครูดารงค์ คันธะเรศย์ ท่ีได้ให้คาปรึกษาตลอดจนถึง ผปู้ กครองและคนในท้องถิ่นที่ได้ใหค้ วามช่วยเหลือ เอื้อเฟ้ือสถานที่ในการทาโครงงานจนโครงงาน เสรจ็ สมบรู ณ์ คณะผู้จดั ทาหวงั เป็นอยา่ งย่ิงว่ารายงานเลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชนใ์ ห้แกผ่ ู้อา่ น คณะผจู้ ัดทา
สารบญั ง เรือ่ ง หน้า กิตตกิ รรมประกาศ ก บทคดั ย่อ ข คานา ค สารบญั ง บทท่ี๑ บทนา ๑ ๑ ทม่ี าและความสาคัญ ๑ วตั ถุประสงค์ของการทาโครงงาน ๑ สมมตฐิ านของการศึกษา ๑ ขอบเขตการทาโครงงาน ๑ ผลทคี่ าดวา่ จะได้รบั ๒ บทที่ ๒ เอกสารอา้ งอิง ๒ ลกั ษณะทางพฤกศาสตร์ของมะกรูด ๒ มะกรูดหวาน ๔ สรรพคณุ ของมะรูด ๗ การปลกู มะกรดู ๘ โรคทเ่ี กยี่ วข้องกับหนังศีรษะ ๑๐ บทท่ี ๓ วิธกี ารดาเนินงาน ๑๐ อุปกรณ์ ๑๐ ข้ันตอนการดาเนนิ งาน ๑๑ บทที่ ๔ ผลการศึกษา ๑๒ บทท่ี ๕ สรุปผลการดาเนินงานและข้อเสนอแนะ ๑๒ สรปุ ผลการดาเนนิ งาน ๑๒ ข้อเสนอแนะ
สารบัญ ง เรื่อง หน้า ปญั หาอุปสรรคและแนวทางในการพฒั นา ๑๒ บรรณานุกรม ๑๓
๑ บทที่ ๑ บทนา ท่ีมาและความสาคัญ มะกรดู เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้บารุงเส้นผมและหนังศีรษะมาแต่โบราณ น้ามะกรูดมีความเปน็ กรด คือมี คา่ ความเป็นกรด-ด่าง ประมาณ 2 – 2.5 ส่วนผิวมะกรูดมีนา้ มันหอมระเหยที่ สามารถยับยง้ั การเจริญของเชื้อ ราบนหนังศีรษะ ทาให้ลดการเกิดรังแค ช่วยบารุงรากผม ลดอาการผมร่วง และทาให้ผมมีสีดา เงางาม หลังจากที่สระผมด้วยแชมพูศรี ษะ อกี ทัง้ มะกรดู ยงั เปน็ สมุนไพรท่หี างา่ ยในท้องถ่นิ ดังนั้นคณะผู้จัดทาจึงมีความสนใจที่จะทาโครงงานเรื่อง การทาแชมพูจากมะกรูด เพราะในมะกรูดมี สารเคมีท่ีทาให้รักษาเส้นผมให้มันเงาและดาและยังสามารถบรรเทาโรคหนังศีรษะ จึงได้คิดนาผลมะกรูดมา แปรรูปเป็นแชมพูมะกรูดท่ีง่ายต่อการใช้ในครัวเรือน ไม่ต้องซ้ือให้เปลืองเงินและยังสามารถทาเองได้ภายใน บ้านหืรีอในครอบครวั วัตถปุ ระสงค์ของการทาโครงงาน 1.เพอื่ ศึกษาการทาแชมพูจากมะกรดู 2.เพื่อศกึ ษาประโยชน์ของมะกรดู 3.เพื่อศกึ ษาเกีย่ วกบั โรคหนังศีรษะ 4.เพ่ือทราบประสทิ ธิภาพการกาจดั รงั แคบนหนงั ศรี ษะของแชมพูมะกรดู สมมตฐิ านของการศึกษา ๑.ถ้านาผลมะกรูดมาทาแชมพูจะทาให้สามารถขจัดรังแค แก้คันศีรษะ ทาให้ผมน่ิม สลวย และใช้เป็นแชมพู ประจาบา้ นไดจ้ รงิ ๒.สามารถนามะกรดู มาแปรรปู เป็นแชมพูที่งา่ ยตอ่ การใช้ ขอบเขตของการทาโครงงาน การศึกษาการทาแชมพู ศึกษาเฉพาะผลของมะกรูดท่ีนามาทดลองทาแชมพู กาหนดเวลาท่ีใช้ใน การศกึ ษาคือ ภาคเรียนท่ี 2 พ.ศ. 2562 ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ 1. ชว่ ยลดค่าใชจ้ ่ายในครอบครวั 2. แชมพูจากมะกรดู สามารถชว่ ยขจัดรังเเคเเละบารุงหนังศีรษะได้จรงิ 3. เป็นการนาสมนุ ไพรจากธรรมชาติมาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์
๒ บทที่ ๒ เอกสารอ้างอิง การจัดทาโครงงานแชมพูจากมะกรูดมีเอกสารที่เกีย่ วขอ้ ง ดังน้ี ลกั ษณะทางพฤกศาสตรข์ องมะกรูด ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC. ชอื่ วงศ์ : Rutaceae ชือ่ พ้อง : C. latipes Hook.f. & Thomson, C. papidia Miq, C. echinata St. Lag ชอ่ื ทอ้ งถิ่น : มะกรดู สม้ ม่วั ผี มะหดู ส้มมะกรดู ส้มกรูด มะขุน มะขูด มะหูด หมากกรูด มะกรูด (kaffir lime) เป็นพืชตระกูลส้มและมะนาว ที่เป็นพืชพื้นเมืองในแถบประเทศเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ โดยจัดเป็นไม้ผล และพืชผักสมุนไพรท่ีนิยมปลูกไว้ตามบ้าน และสวน เพื่อใช้สาหรับ ประกอบอาหาร เนื่องจาก ใบ และผล มีน้ามันหอมระเหยที่ให้กลิ่นหอมช่วยในการดับกลิ่นคาว และเพ่ิมรส ให้แก่อาหารได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีองค์ประกอบของสารสาคัญหลายชนิดที่มีคุณสมบัติทางยา และคุณสมบัติ ทางดา้ นความสวยความงาม ลักษณะทวั่ ไป ลาต้น ต้นมะกรูด เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เนื้อไม้เป็นเนื้อแข็ง เปลือกเรียบมีสีน้าตาลอ่อน ลาต้นแตกก่ิงก้าน จานวนมากต้ังแต่ระดบั ลา่ งของลาตน้ ทาใหม้ ลี กั ษณะเป็นพ่มุ ตามลาต้น และกง่ิ มหี นามแหลมยาว ใบ ใบมะกรูด เป็นใบประกอบ ออกเป็นใบเดี่ยว มีก้านใบแผ่ออกเป็นครีบคล้ายแผ่นใบ ใบมีลักษณะหนา เรียบ มีผิวมัน สีเขียว และเขียวเข้มตามอายุของใบ ใบมีคอดก่ิวที่กลางใบทาให้ใบแบ่งออกเป็น 2 ตอน หรือ คล้ายใบไม้ 2 ใบ ต่อกัน ขนาดใบกว้างประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-12 เซนติเมตร ใบมีกลิ่น หอมมากเพราะมีต่อมน้ามนั อยู่ ดอก ดอกมะกรูดเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกออกเป็นช่อมีสีขาว แทงออกบริเวณส่วนยอดหรือตามซอกใบ แต่ละช่อมีดอกประมาณ 1-5 ดอก หลีบดอกมีสีขาวครีม 5 กลีบ มีขนปกคลุม ภายในดอกมีเกสรมีสีเหลือง ดอกมกี ลนิ่ หอมเลก็ น้อย และเมอ่ื แก่จะร่วงง่าย
๓ ผล/ลูก ผลมะกรูดหรือลูกมะกรูด มีลักษณะค่อนข้างกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร ผลคล้ายผล ส้มซ่า ผลมีขนาดใหญ่กว่าลูกมะนาวเล็กน้อย ลักษณะของผลมีรูปร่างแตกต่างกันไปแล้วแต่พันธ์ุ เปลือกผล ค่อนข้างหนา ผิวเปลือกมีสีเขียวเข้ม ผิวขรุขระเป็นลูกคลื่นหรือเป็นปุ่มนูน ภายในเปลือกมีต่อมน้ามันหอม ระเหยเป็นจานวนมาก มีจุกท่ีหัว และท้ายของผล เม่ือสุก ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ด้านในผลประกอบด้วย เน้อื ฉา่ นา้ มีเมลด็ แทรกบริเวณกลางผล 5-10 เมลด็ เนื้อผลมรี สเปรยี้ วปนขมเล็กนอ้ ย มะกรดู หวาน ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC. ชือ่ วงศ์ : RUTACEAE ชือ่ สามัญ : Sweet kaffir lime ชอื่ อ่นื : บักหูดหวาน(มหาสารคาม) มะกรูดหวาน เป็นมะกรูดสายพันธ์ุหน่ึง มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับต้นมะกรูดท่ัวไปเกือบ ทุกอย่าง ยกเว้น ใบนิ่ม ผิวใบเรียบ ผลใหญ่กว่ามะกรูดเปร้ียว เนื้อในกลีบเป็นสีเหลืองเข้ม มีรสหวานห อม คล้ายส้มตราหรอื ส้มเชง้ ใช้รบั ประทานเปน็ ผลไม้ ไม่นิยมใชป้ รงุ อาหาร ลาตน้ -หนามแหลม ยาว ลาต้นตรง ทรงพุ่มแคบ ใบ -ปลายใบเรียวเลก็ -มีกลิน่ เช่นเดียวกับส้มเขียวหวาน -ไม่สามารถนาไปปรุงอาหารได้ ผล -มผี วิ ค่อนขา้ งเรียบ ขรขุ ระแตร่ อ่ งไม่ลึก -ไมม่ จี ุก หรอื มจี ุกแต่เตย้ี -นาไปรบั ประทานเปน็ ผลไม้ เมล็ด – มีเมลด็ นอ้ ย รสชาตขิ องเน้อื ผล
๔ – หวาน (เหมือนส้มตราหรอื สม้ เชง้ ) – มกี ลนิ่ หอม การขยายพันธ์ุ -เพาะเมล็ด ตอนกงิ่ เสียบยอด สรรพคุณของมะกรูด ตารายาไทย: ผิว มีรสปร่าหอม ร้อน เป็นยาขับลมในลาไส้ แก้แน่น ขับระดู ขับผายลม เป็นยาบารุง หัวใจ ผล ดองเป็นยาฟอกเลอื ดในสตรี ช่วยขับระดู ขับลมในลาไส้ แก้จุกเสียด ลกั ปดิ ลกั เปดิ นา้ มันจากผวิ ช่วย ป้องกนั รังแค และทาใหเ้ ส้นผมดกดาเป็นเงางาม ผล รสเปร้ียว กัดเสมหะ แกน้ ้าลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้ระดูเสีย ฟอกโลหิตระดู ขับระดู ขับลมในลาไส้ ถอนพิษผิดสาแดง ผล ป้ิงไฟให้สุก ผ่าคร่ึงลูก เอาถูฟอกสระ ผม ทาให้ผมดกดาเป็นเงางาม นิ่มสลวย แก้คัน แกร้ ังแค แก้ชันนะตุ ทาให้ผมสะอาดแพทย์ตามชนบทใช้ผลเอา ไส้ออก ใส่มหาหิงคุ์แทน สุมไฟให้เกรียม บดกวาดปากลิ้นเด็กอ่อน ขับขี้เทา ขับลม แก้ปวดท้องในเด็ก หรือใช้ ผลสดนามาผิงไฟให้เกรียม แล้วละลายให้เข้ากับน้าผึ้ง ใช้ทาลิ้นให้เด็กท่ีเกิดใหม่ ยาพ้ืนบ้านบางถ่ินใช้น้ามัน มะกรูดดองยาที่เรียกว่า “ยาดองเปร้ียวเค็ม” ที่ใช้กินเป็นยาฟอกโลหิตในสตรี น้าผลมะกรูด มีรสเปร้ียว แก้ เสมหะในลาคอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิตระดู ขับลมในลาไส้ และใช้ถนอมยาไม่ให้บูดเน่า แก้อาการ ทอ้ งอดื ช่วยเจรญิ อาหาร ใช้สระผมกนั รงั แค เนอื้ ของผล แก้ปวดศรี ษะ ตารายาไทย: ผิวมะกรูดจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” ประกอบด้วย ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะนาว หรือผิวส้มโอมือ และผิวมะกรูด มีสรรพคุณแก้ลมกอง ละเอียด กองหยาบ แก้เสมหะโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แกท้ างลม ในตาราพระโอสถพระนารายณ์: ระบตุ ารบั “น้ามันมหาจักร” เตรียมได้ง่าย ใช้เครอ่ื งยาน้อยส่งิ หาซื้อ ได้ง่าย ในตารับให้ใช้น้ามันงา 1 ทะนาน (ขนาดทะนาน 600) มะกรูดสด 30 ลูก ปอกเอาแต่ผิว เตรียมโดย เอาน้ามันงาต้ังไฟให้ร้อน เอาผิวมะกรูดใส่ลง ทอดจนเหลืองเกรียมดีแล้วให้ยกน้ามันลง กรองเอากากออก ทิ้ง ไว้ใหเ้ ย็น แลว้ เอาเครือ่ งยาอีก 7 ส่ิง บดใหเ้ ป็นผงละเอียด ใส่ลงในนา้ มันท่ไี ด้ เครอื่ งยาทใ่ี ช้มี เทียนทง้ั 5 (เทียน ตาต๊ักแตน เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก เทียนแดง และเทียนดา) หนักส่ิงละ 2 สลึง ดีปลีหนัก 1 บาท และ การบูรหนัก 2 บาท สรรพคุณ ใช้ยอนหู แก้ลม แกร้ ิดสีดวง แกเ้ ปือ่ ยคันกไ็ ด้ ทาแก้เมื่อยขบ และใส่บาดแผล ท่ี มีอาการปวด ทเี่ กดิ จากเส้ียน จากหนาม จากหอกดาบ ระวงั ไมใ่ หแ้ ผลถูกน้า จะไมเ่ ป็นหนอง นอกจากนี้บัญชยี าจากสมุนไพร ทม่ี ีการใช้ตามองค์ความรดู้ ้งั เดมิ ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติ ด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะกรูด ในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆของร่างกาย ได้แก่ ตารับ”ยาหอมเทพ จิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตารับ มี สรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจส่ัน คล่ืนเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นใน ท้อง ตารับ “ยาประสะไพล” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด ร่วมกับสมุนไพรชนิดอ่ืนๆ ในตารับ ใช้ในสตรีท่ี ระดูมาไม่สม่าเสมอ หรือมาน้อยกว่าปกติ และขับน้าคาวปลาในสตรีหลังคลอด ตารับ \"ยาเลือดงาม\" มี
๕ ส่วนประกอบของผิวผลมะกรูดร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตารับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดประจาเดือน ช่วยใหป้ ระจาเดือนมาเป็นปกติ แก้มุตกดิ การศึกษาทางเภสัชวทิ ยา ฤทธ์ติ า้ นการอักเสบ สาร coumarins 2 ชนิดที่ได้จากผลมะกรูด ได้แก่ bergamottin และ N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO) มฤี ทธิ์ยับย้ังการหลั่งไนตริกออกไซด์ (NO) ในหลอดทดลอง ซ่ึงเป็นสารที่ทาให้เกิดการอักเสบ ซึ่งหล่ัง จาก macrophage ของหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย lipopolysaccharide (LPS) และ interferon-g (IFN- g) โดยมี ค่า IC50 เท่ากบั 14.0 µM และ 7.9 µM ตามลาดับ (Murakami, et al, 1999) สารคูมาริน 3 ชนิด ได้แก่ bergamottin, oxypeucedanin และ psoralen สามารถยับย้ังการสร้าง ไนตรกิ ออกไซด์ เม่ือทดสอบในเซลล์แมคโครฟาจ RAW 264.7 ของหนู ทีถ่ ูกกระตุ้นด้วยลิโปพอลิแซ็กคารไ์ รด์ (LPS) และอินเตอร์เฟอรอน (interferon) (Tangyuenyongwatanaand Gritsanapan, 2014) ฤทธป์ิ กปอ้ งหัวใจ และตบั ทดสอบฤทธ์ิปกป้องหัวใจ และตับ ของสารสกัด 70% เอทานอลจากผิวผลมะกรูด ในหนูขาวเพศผู้ สายพันธ์ุ Sprague Dawley โดยใช้ doxorubicinขนาด 4.67 mg/kg ในการเหนี่ยวนาให้เกิดพิษต่อหัวใจ และตับ โดยฉีดเข้าทางช่องท้องของหนู ร่วมกบั การป้อนสารสกัดเอทานอลจากผวิ ผลมะกรูดขนาด 500 หรือ 1,000mg/kg ในหนูแต่ละกลุ่ม ต่อเนื่องเป็นเวลา 11 วัน แล้วจึงเก็บเลือด และนาหัวใจ และตับแยกออกมา วิเคราะห์ ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดเอทานอลจากผิวมะกรูด ขนาด 500 mg/kg ทาให้โครงสร้างของ กล้ามเน้ือหัวใจมีการฟื้นฟู แต่การอักเสบของกล้ามเน้ือหัวใจจานวนมากยังคงมีอยู่ ในขณะที่กลุ่มท่ีได้รับสาร สกัดเอทานอลจากผิวมะกรูดขนาด 1,000 mg/kg โครงสร้างของกล้ามเนื้อหัวใจมีการฟ้ืนฟูเช่นกัน แต่การ อักเสบของกล้ามเน้ือหัวใจลดลง แต่สารสกัดทั้งสองขนาดไม่สามารถปกป้องเนื้อเย่ือตับได้ และจากการ ตรวจวัดระดับเอนไซม์ตับ ได้แก่ alanine aminotransferase (ALT) และ aspartate aminotransferase (AST) พบว่าสารสกัดท้ังสองขนาดไม่สามารถทาให้ระดับเอนไซม์ตับลดลงได้ โดยสรุปสารสกัดเอทานอลจาก ผิวผลมะกรูดสามารถปกป้องเนื้อเย่ือหัวใจจากเกิดพิษของ doxorubicin ได้ โดยลดการอักเสบ การบวมของ เน้ือเย่ือ แต่ไม่สามารถปกป้องเนื้อเยื่อตับได้ เน่ืองจากระดบั เอนไซม์ตับท่ีสูงข้ึนจากการได้รับยา doxorubicin คือเอนไซม์ AST ไม่ลดลง สว่ นระดับเอนไซม์ ALT ไม่เปลีย่ นแปลง (Putri, et al., 2013) ฤทธ์ติ า้ นเช้ือกลุ่มสแตปฟิโลคอคไคทีแ่ ยกไดจ้ ากสนุ ัข การศึกษาฤทธ์ิของน้ามะกรูด และน้ามะนาวต่อเชอื้ กลุ่มสแตปฟโิ ลคอคไค ท่ีให้ผลบวกต่อการทดสอบ โคแอคกุเลสท่ีเป็นสาเหตุสาคัญในการก่อโรคผิวหนังอักเสบในสุนัข จานวน 15 ไอโซเลต (isolates) โดยมี S. aureus ATCC 25923 สายพันธุ์มาตรฐานเป็นเชื้อควบคุม ทาการทดสอบควบคู่ไปด้วยโดยวิธีเจือจางใน อาหารเหลว ใน 96 wellU-shape plate ผลการทดสอบพบว่าน้ามะนาว และน้ามะกรูด มีค่าความเข้มข้น ต่าสุดในการยับยั้งเช้ือในกลุ่มน้ี อยู่ท่ี1.60 % (v/v) และ 1.34-1.74 % (v/v) ตามลาดับ ส่วนความเข้มข้น ต่าสุดในการฆ่าเช้ือนี้ อยู่ที่ 1.87-3.33 % (v/v) และ 3.10 % (v/v) ตามลาดับ จากการศึกษาสรุปได้ว่าน้า
๖ มะนาว และน้ามะกรูดมีฤทธิ์ในการยับย้ัง และฆ่าเชื้อสแตปฟิโลคอคไค ท่ีให้ผลบวกต่อการทดสอบโคแอคกุเล สจากการทดสอบในหลอดทดลอง (โคแอคกุเลส เป็นน้าย่อยที่เช้ือกลุ่มสแตปฟิโลคอคไคสร้างข้ึน ทาให้ พลาสมาของคนหรือสัตว์ เกิดการตกตะกอน ซึง่ เป็นคณุ สมบตั ทิ ่ีใชก้ าหนดว่าเชอื้ สเตรนใดทเี่ ปน็ ตวั ก่อโรค) ซ่งึ มี ความเป็นไปได้ที่จะนาไปพิจารณาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ทางการค้า ท่ีใชส้ าหรับสัตว์ต่อไป เพ่ือลดการติด เช้ือทางผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ควรมีการทดลองในการใช้กับสัตว์โดยตรงก่อน เพ่ือศึกษาผลข้างเคียงอื่นๆ ที่มี ผลกระทบต่อการยับยั้งเชอ้ื และผลต่อตัวสตั ว์ (พทิ ยา และคณะ, 2551) การศกึ ษาทางพิษวทิ ยา ฤทธ์ิยับยัง้ การฝงั ตัวของตัวอ่อน เม่ือป้อนสารสกดั เอทานอลจากผิวมะกรูด ให้กบั หนูขาวสายพันธุ์วิสตารท์ ่ีต้งั ครรภ์ ขนาด 1 และ 2.5 ก./กก. วันละ 2 คร้ัง พบว่ามีผลยับย้ังการฝังตัวของตัวอ่อน 42.5 ±14.8 และ 86.1±8.1% ตามลาดับ สารสกัดผิวมะกรูดด้วยคลอโรฟอร์มเม่ือป้อนให้กับหนูที่ต้ังครรภ์ในขนาด 1.0 ก./กก. วันละ 2 คร้ัง เช่นกัน พบว่าออกฤทธิ์แรงกว่าสารสกัดเอทานอล โดยยบั ยั้งการฝงั ตัวของตัวออ่ นได้ 62.2±14.5% ส่วนผลในการทา ให้แท้งพบว่า สารสกัดเอทานอล และสารสกัดคลอโรฟอร์ม ในขนาด 1.0 ก./กก. มีผลทาให้แท้ง 86.3±9.6 และ 91.9±5.5% ตามลาดับ (Piyachaturawat, et al, 1985) พิษเฉียบพลนั สารสกัดผิวมะกรูดดว้ ยเอทานอล เมื่อปอ้ นให้หนูกนิ เพ่ือศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลัน พบว่าขนาดท่ี ทาให้สัตว์ทดลองตายเป็นจานวนครึ่งหน่ึง (LD50) มีค่ามากกว่า 100 ก./กก. (Piyachaturawat, et al, 1985) ฤทธเ์ิ สรมิ การเกิดมะเรง็ ตับ จากการทบทวนงานวิจยั พบวา่ มะกรูดมีฤทธ์ิต้านฤทธข์ิ องสารเสริมการเกดิ มะเร็ง (tumor promoter) ในการทดลองแบบ tumor promoter-induced Epstein-Barr virus activation ได้ งานวิจัยนี้มีวตั ถปุ ระสงค์ ท่ีจะศึกษาฤทธ์ิของมะกรูดต่อการเกิดมะเร็งตับของหนูขาว สายพันธุ์ F344 ท่ีได้รับสารก่อมะเร็ง 2-amino- 3,8-dimethylimidazo [4,5-ƒ] quinoxaline (MeIQx) ในการทดลองแบบ medium-term bioassay ผลการวิจัยพบว่ามะกรูดมีฤทธิ์เสริมฤทธ์ิของ MelQx ในการทาให้เกิดมะเร็งตับ (preneoplastic liver foci) อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถิติ (ดนัย และคณะ, 2543) ข้อควรระวัง การใช้น้ามันหอมระเหยกับผิวหนังในปริมาณท่ีมาก ต้องหลีกเล่ียงการสัมผัสแสงเนื่องจากน้ามันท่ีได้ จากการบีบผิวผล อาจทาให้เกดิ พิษเมือ่ สมั ผัสกบั แสงได้ และเกดิ มีสารสีเกินที่ผวิ หนัง บริเวณใบหน้า และลาคอ เพราะมีสารกลุม่ คมู ารนิ แต่น้ามันจากผิวผลท่ไี ด้จากการกล่ันไม่มีสารน้ี
๗ การปลูกมะกรูด มะกรูด เป็นพืชในสกุลส้ม (Citrus) มีถิ่นกาเนิดในประเทศลาว อินโดนีเซีย มาเลเซยี และไทย โดยใน ภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ นิยมใชใ้ บมะกรดู และผวิ มะกรดู เป็นสว่ นหน่ึงของเครอื่ งปรุงอาหารหลากหลาย ชนิดหลายบ้านจึงนิยมปลูกมะกรดู ติดบ้านไว้บริโภคในครวั เรือน ซง่ึ วิธีการปลูกแบบหนึ่งท่สี ามารถทาได้คือการ ปลกู มะกรูดในกระถางนั่นเอง อุปกรณ์ 1. ผลมะกรดู แก่ ๆ หรือผลที่รว่ งอยใู่ ต้ตน้ ในสภาพสมบูรณ์ 2. อปุ กรณท์ าความสะอาดเมด็ มะกรดู มดี , ช้อน, ถาดรอง 3. แกว้ พลาสติกธรรมดา 4. ถุงดาสาหรบั ปลกู ต้นกล้า 5. กระถางดินเผา 6. ดนิ ร่วน 7. ปุ๋ยคอก 8. กาบมะพร้าวสบั วธิ ีการปลูกมะกรดู 1. นาผลมะกรูดแก่จัดหรือที่ร่วงหล่นและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาฝานออกให้เน้ือในแยกออกจากกัน โดยท่ตี อ้ งระวงั ไมใ่ หเ้ มล็ดมะกรูดเสยี หาย ใช้ช้อนควา้ นเมล็ดและคัดเลือกเมล็ดทส่ี มบรู ณ์ทสี่ ุดเก็บไว้ 2. ลา้ งเมด็ มะกรดู ท่เี ตรียมไว้ด้วยน้าสะอาด เพือ่ ชาระลา้ งผวิ เคลือบล่นื ใหห้ ลดุ ออก 3. วางเมล็ดมะกรูดที่เราล้างสะอาดแล้วลงบนถาด เกล่ียทั่วอย่าให้ทับกัน แล้วนาไปผึ่งแดดให้แห้ง ประมาณ 2-4 วัน 4. เตรียมดินร่วนปนทรายที่ระบายน้าได้ดีมาผสมกับมูลสัตว์หรือปุ๋ยคอก เพื่อเทลงในหลุมเพาะกล้า หรือแกว้ พลาสตกิ ทีเ่ ตรียมไว้ 5. นาเมล็ดมะกรูดตากแหง้ มาเพาะลงในดนิ รดน้าใหช้ ุ่มแต่อย่าแฉะจนเกนิ ไป 6. ตงั้ หลมุ เพาะหรือแกว้ เพาะไว้ในทท่ี ม่ี ีแสงแดดส่องถึง อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก 7. เม่ือต้นกลา้ เริ่มงอกข้ึนและออกใบประมาณ 3-4 ใบ ย้ายลงมาปลูกในถุงดาสาหรับเพาะต้นกล้าให้ แข็งแรงและสงู ประมาณ 30 เซนตเิ มตร 8. หลงั จากทไ่ี ด้ตน้ กลา้ ทแ่ี ข็งแรงสมบูรณแ์ ล้ว ใหย้ ้ายมาปลูกลงในกระถางดว้ ยดนิ ร่วนปนทรายผสมปุ๋ย คอกในอตั ราสว่ นเทา่ ๆ กนั คลุมหน้าดนิ ด้วยกาบมะพรา้ วสบั เพื่อป้องกนั ความชน้ื ระเหย
๘ 9. มะกรูดจะออกผลให้เก็บภายใน 1-2 ปี ส่วนต้นมะกรูดที่สูงตั้งแต่ 6 นิ้วข้ึนไป สามารถนาไป ประกอบอาหารไดเ้ ลย 10. หากกิ่งมะกรูดงอกยาวเกินขนาดกระถาง แนะนาขดกิ่งยาว ๆ นั้นให้เป็นวงกลมในแนวนอนและ ทาบลงไปบนดนิ เพ่ือควบคุมขนาดต้นให้เหมาะสม แถมกิ่งที่วางทาบลงไปน้ันจะงอกกิ่งกระโดงขน้ึ มาใหม่ ออก ใบ ออกผลให้เก็บเก่ยี วตลอดทง้ั ปอี กี ด้วย วธิ ีการดูแล การดูแลรกั ษาต้นมะกรูดนั้นไมย่ าก เพยี งแคร่ ดน้าในตอนเช้าให้ชุม่ แตอ่ ยา่ แฉะจนเกินไป หม่ันสังเกตว่า ดินในกระถางระบายน้าได้ดีอยู่หรือไม่ เพื่อป้องกันน้าขัง สาเหตุหลักของรากเน่า ตั้งกระถางให้โดนแดดแค่วัน ละประมาณ 8 ชั่วโมง ตดั แต่งส่วนที่เนา่ เสยี ทิ้งไป และเปลีย่ นดนิ ในกระถางทกุ 2 ปี เพื่อเติมสารอาหาร โรคที่เกีย่ วข้องกบั หนงั ศรี ษะ อาการผิวหนังอกั เสบน้ัน จดั เป็นโรคเร้ือรังทเ่ี ปน็ ๆ หายๆ ไม่หายขาดเสียที เรียกได้ว่าผู้ป่วยทเ่ี ป็นแล้ว ก็กลับมาเป็นซ้าอีก เช่ือว่าโรคนี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มจานวนของเช้ือราจาพวก Malassezia globosa มา เปลี่ยนไขมันบนหนังศีรษะ ทาใหก้ อ่ ให้เกิดการอกั เสบข้ึนตามมา ผู้ที่ปว่ ยเป็นโรคหนังศรี ษะอักเสบถึงแมจ้ ะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ทาให้บุคลิกภาพของตัวเองเสยี ไป ทาใหข้ าดความมนั่ ใจในเรื่องตา่ งๆ ท้งั ในเร่อื งการทางานและการตดั สนิ ใจในเรือ่ งอื่นๆ อาการโรคหนังศรี ษะอกั เสบ หรอื รงั แค อาการอักเสบของหนังศีรษะเกิดจากปัญหาหลายสาเหตุ ทีพ่ บมากในผ้ทู ี่มเี สน้ ผมและหนังศรี ษะมนั ซ่ึง อาการจะรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันไป ซ่ึงลักษณะอาการจะมีผ่ืนแดง เส้นผมหลุดร่วง คันท่ีหนังศีรษะ มีขุย ในบริเวณหนังศีรษะเม่ือมีการผลิตน้ามันมากผิดปกติ บางรายมีอาการแสบหากโดนเหงื่อหรือโดนแสงแดด มากๆ มกั จะเกดิ อาการกาเรบิ เมื่อหนงั ศีรษะมันมากผดิ ปกติ สาเหตุของโรคหนงั ศรี ษะอกั เสบ หรอื รงั แค ปัจจัยภายนอกต่างๆ มากระตุ้นทาให้เกิดอาการกาเริบ เช่น สิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจจัยทางลบ การ เปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ เช่น ความช้ืน ความร้อนจากแสงแดด ฝุ่นละออง ควัน อาหารบางชนิด เครื่องด่ืม แอลกอฮอล์ซ่ึงสามารถทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนร่างกายได้พฤติกรรม เช่นเดียวกับการเป็นหวัด หากร่างกายอ่อนแอ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ภาวะการขาดอาหาร ก็ทาให้เกิดภาวะหนังศีรษะ อกั เสบได้ วิธีรกั ษาโรคหนังศีรษะอักเสบ หรือรังแค การรักษาจะเริ่มต้นด้วยการใช้แชมพูกาจัดรังแค เช่น Ketoconazole Shampoo, Tar Shampoo, Selenium Sulfide Shampoo, Zinc Pyrithione Shampoo, Ciclopirox Shampoo เป็นต้น ถ้าอาการ
๙ เป็นมากอาจต้องใช้การทายาต้านอักเสบในกลุ่มสเตียรอยด์ที่หนังศีรษะหรือ ยาทาหรือยารับประทานต้าน เชื้อรา นอกจากนีย้ งั ควรพักผ่อนให้เพียงพอลดความเครียดลงดว้ ย ภาวะหนงั ศีรษะอกั เสบแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทาใหร้ ากผมออ่ นแอ จากปัจจัย ทั้งหมดจะไปกระตุ้นการอักเสบของโพรงเส้นผม ซ่ึงการอักเสบที่ต่อเน่ืองและเรื้อรัง อาจทาให้โพรงเส้นผมลีบ เป็นพังผืด และส่ิงท่ีตามมาก็คือ ปัญหารากผมอักเสบและเกิดการหลุดร่วงของเส้นผม หากไมม่ ีการดแู ลรักษา ความสะอาดและได้รบั การเยยี วยา กจ็ ะเกดิ ปัญหาศรี ษะลา้ นได้ในอนาคต
๑๐ บทที่ ๓ วธิ ีการดาเนินงาน การทาแชมพูจากมะกรูดมีการเตรยี มอปุ กรณ์และข้ันตอนการทา ดงั นี้ อุปกรณ์ 1. มะกรดู 2. น้าเปล่า เกลอื 3. กะละมงั กระชอน หรือผ้าขาวบาง เครื่องป่ันน้าผลไม้ มดี เขยี ง 4. ขวดแก้ว หรือ ขวดพลาสตกิ 5. หัวนา้ หอม 15 กรมั 6. ลาโนลีน 100 กรัม 7. ผงขน้ 100 กรัม 8. ผงฟอง 100 กรมั 9. หัวแชมพู 1000 กรัม ขั้นตอนและวิธีดาเนนิ การ นามะกรูดมาหั่นแล้วนามาต้มด้วยน้าเดือด พอต้มเสร็จใหน้ ามะกรูดมาป่ันให้ละเอยี ด นามะกรูดท่ีปั่น มาเทลงในผ้าขาวบางเพ่ือกรองเอาน้ามะกรูดและเนื้อมะกรูด หลังจากนั้นใส่ลานโอลีน 100 กรัมลงไป กวนให้เข้ากัน ใส่ผงฟองและผงข้นอย่างละ 100 กรมั ลงไปแล้วกวนให้เข้ากัน ใส่น้ามะกรูดท่ีค้ันแลว้ ลงไป ใส่ หัวน้าหอม 15 กรัม ลงไปแล้วกวนให้เข้ากัน กวนไปทางเดียวกันจนเกิดฟอง เมื่อเย็นแล้วบรรจุลงในขวดที่ เตรียมไว้
๑๑ บทท่ี๔ ผลการศกึ ษา คณะผู้จัดทาสามารถดาเนินการได้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีโดยการวางแผนวิธีดาเนินการอย่างเป็น ขนั้ ตอน และมกี ารนาเทคโนโลยีทางคอมพวิ เตอร์และอินเตอร์เน็ตมาใช้ในการทาโครงงาน เชน่ 1.การรวบรวมข้อมูล “แชมพสู มนุ ไพร” จากทางอนิ เตอร์เน็ต 2.การศึกษาวิธีการสร้างเว็บบล็อกเพ่ือใช้เป็นส่ือในการเผยแพร่ความรู้เรื่อง “แชมพูสมุนไพร”จากทาง อินเตอร์เน็ต
๑๒ บทที่ ๕ สรุปผลการดาเนินงานและข้อเสนอแนะ สรุปผลการดาเนินงานโครงงาน จากการดาเนินงานโครงงาน วิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์ เร่ือง แชมพูสมุนไพรในคร้ังน้ีสรุปผล การดาเนนิ งานได้ดังน้ี ทาให้ได้เว็บบล็อกเร่ือง แชมพูสมุนไพร เป็นการทาให้เกิดประโยชน์กบั บุคคลท่ีสนใจทวั่ ไป ส่งเสริมให้ ทุกคนมีสขุ ภาพหนังศรี ษะที่สะอาดและสามารถสรา้ งรายได้ใหก้ ับครัวเรือน ขอ้ เสนอแนะ ควรมกี ารจัดทาเนื้อหาของโครงงานใหห้ ลากหลายให้ครบทุกกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้ ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางในการพัฒนา 1. เครื่องคอมพิวเตอร์ไมเ่ พยี งพอกบั การทาโครงงาน และบางครงั้ อินเทอร์เนต็ มีปญั หา 2. สมาชกิ ในกลมุ่ บางคนให้ความร่วมมอื นอ้ ยเพราะไมค่ ่อยใส่ใจกบั โครงงานนักจึงทาให้เสียเวลาและทา ให้โครงงานเสร็จชา้
๑๓ บรรณานุกรม http://bergamotphosai-is.blogspot.com/ https://sites.google.com/site/nattanichabothong00/khorng-ngan-reuxng-chaemphu-makrud https://www.slideshare.net/biobeau/ss-14646159 http://kanlaya641gmailcom.blogspot.com/ http://kusuma141244.blogspot.com/
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: