ข้นั ตอนที่ 2 วธิ ีทาํ คํานวณหานํ้าหนักอยใู นเกณฑใด หาคา อยูในชวงบวกและลบรอ ยละ 20 ของน้ําหนกั = 20*60/100 = 12 กโิ ลกรัม หานํ้าหนักตัวท่ีนอยท่ีสุด = 60-12 =48 กิโลกรมั หานา้ํ หนักตวั ทีม่ ากทสี่ ุด = 60+12 =72 กิโลกรมั นาํ้ หนกั ตัวทีเ่ หมาะควรอยูในชว ง = 48-72 กิโลกรมั ดงั นนั้ หญิงคนน้ีมนี ้ําหนักตัวที่เปนจริง คอื 75 กโิ ลกรัม จงึ อยูใน ชวงน้าํ หนกั ตัวมากกวา เกณฑข องน้ําหนักตัวที่ควรท่ีจะเปน
ข้นั ตอนท่ี 3 กับ 4
ข้นั ตอนท่ี 3
ข้นั ตอนท่ี 4
ข้นั ตอนท่ี 5
ข้นั ตอนท่ี 6
ข้นั ตอนท่ี 7 กับ 8
ลักษณะของอาหารลดพลังงาน สําหรบั ผปู้ ว่ ยโรคอ้วน
สรุป การติดตาม เฝา้ ระวงั ภาวะทุพโภชนาการในผู้ ปว่ ยวกิ ฤตเป็นกญุ แจสําคัญในการคงหน้าที่ การทํางาน ของระบบทางเดินอาหาร เสรมิ สรา้ งภูมิต้านทานของ รา่ งกาย ลดการเกิดภาวะ แทรกซ้อน ช่วยให้ฟ้ นื หาย ลดระยะเวลาการดูแลรกั ษาในโรงพยาบาล ท่ีสง่ ผล กระทบต่อ คุณภาพชวี ิต เศรษฐกิจและสงั คม ดังน้ัน พยาบาลพงึ ควรตระหนักในการประเมิน ดแู ล ป้องกัน ปัญหา และภาวะแทรกซอ้ นที่สง่ ผลต่อสขุ ภาพ ชีวติ สงั คม เศรษฐกิจ นอกจากน้ี แล้วพยาบาลยังต้องมี การประสานความรว่ มมอื กับทีมสหวชิ าชีพอ่ืน อาทิ เชน่ แพทย์ เภสัชกร นักโภชนบําบดั ในการรว่ มกัน ดูแล และวางแผนให้โภชนบําบัดท่เี หมาะสมตาม ความ ต้องการของผปู้ ว่ ยแต่ละราย รวมถึงการพิจารณาเรมิ่ ให้โภชนบําบัดทางสายยางให้ อาหารภายใน 24- 48 ชัว่ โมงแรกในกรณีทไ่ี ม่มขี อ้ ห้ามหรอื ขอ้ บ่งชอี้ ่ืน ทไ่ี มส่ ามารถให้ได้ ซ่ึงการพจิ ารณาให้สารอาหารทาง หลอดเลือดดําจะพจิ ารณาในลําดับต่อไป รวมทงั้ มี การ ติดตามภาวะแทรกซ้อนในขณะท่ีผปู้ ว่ ยได้รบั โภชน บําบดั ทัง้ น้ีเพือ่ เพิ่มผลลัพธแ์ ละคณุ ภาพ ในการดูแลผู้ ป่วยวิกฤตให้ดีย่งิ ขึ้นต่อไป
มะเรง็ (Cancer) มะเรง็ (Cancer) หรือเนื้องอกราย (Malignant tumour) เปนกลุมโรคท่เี ซลล ปกตใิ นรา งกายมกี ารกลายพันธทุ ําใหเ กิดการแบงตวั และเจรญิ เติบโตอยางควบคมุ ไม ไดโ ดยมีการเปลี่ยนแปลงทงั้ ในระดับเซลล ระดบั พนั ธุกรรม (Genetic) และระดบั เหนอื พันธุกรรม (Epigenetic) ซงึ่ ตามปกตกิ ารแบง เซลลแ ละการตาย ของเซลลแ บบ ท่ีมีการกําหนดไวแ ลว ทเ่ี รียกวา \"Apoptosis\" นน้ั จะถูกรักษาไวใหอยใู นสภาวะสมดลุ เพ่ือคง สภาพความสมบรู ณของอวยั วะและระบบตา งๆของรา งกายใหท ํางานไดอ ยาง ปกติ หากมีการกลายพันธใุ นระดบั พันธกุ รรมหรอื ระดบั เหนอื พันธุกรรม จะสงผลให สมดลุ ดงั กลาวถกู รบกวนและเกิดโรคมะเร็งขนึ้ ในทีส่ ุด
Neoplasia หมายถงึ กอนเนื้องอกท่ีเกดิ จากการ เพิม่ จํานวนและขนาดของเซลลอันเปน ผล เนื่องจาก สิง่ กระตุนใด ๆ และแมวาสิ่งกระตุน ดงั กลาวนนั้ จะถกู กําจดั ไปแลว แตเซลลทผ่ี ิดปกตนิ ้ันก็ยังเพิม่ จาํ นวน อยตู ลอด ซง่ึ จะตรงกนั ขา มกับกลไกการปรบั ตัวตอ ส่งิ กระตุนของเซลล เน่ืองจากสิ่งกระตุนน้ันมีผลตอ การเปลยี่ นแปลงอยา งถาวรของสารพนั ธุกรรมTทhี่ is is นองมะเรง็ เกยี่ วของกับการควบคมุ การเพ่มิ จํานวนของเซลล
ภาวะโภชนาการ ภาวะโภชนาการของผูป ว ยโรคมะเร็งมีความสําคัญตอการรกั ษา เนือ่ งจากผปู วยโรคมะเร็งท่ีมภี าวะ ขาดสารอาหารและพลังงาน หรือมีภาวะ โภชนาการเกินจะมีภมู คิ มุ กนั ลดตํ่าลง นอนพักรักษาตวั นานขน้ึ และมี อตั รา การเสียชีวติ สงู ขน้ึ ผปู ว ยโรคมะเรง็ สวนใหญม ภี าวะทพุ โภชนาการรุนแรง รอ ยละ 70.00 สาเหตภุ าวะทพุ โภชนาการในผูปวยโรคมะเรง็ เกิดจากเซลลม ะเร็งผลติ สารจาํ พวกไซโตไคส (cytokines) ซง่ึ จะไปกระตนุ เซลลไ ขมนั ใหผ็ ลติ ฮอรโ มนเลปตนิ (leptin) มากขึน้ ฮอรโมนเลปตนิ จะสงสัญญาณไปยังสมอง สวนไฮโปทาลามัส (hypothalamus) ทําใหเขา ใจวา มีพลังงานมากพอใน รางกาย สมองสวนไฮโปทาลามสั จงึ สง สัญญาณใหไ มอ ยากรบั ประทาน อาหาร ผปู วยรับประทานอาหารไดลดลงและกระตุนใหรางกายใชพลงั งาน เพิม่ ขึ้น จงึ เกิดการสลายโปรตนี และไขมนั มากข้ึน ผูป วยจึงมนี า้ํ หนกั ลดลง มี ภาวะซีด มีระดบั โปรตนี ในเลอื ดลดลง บวม และมีภาวะทพุ โภชนาการ
ความสําคญั ของอาหารกับผปู ว ยมะเรง็ อาหารเปน สิง่ สําคัญสว นหน่งึ ในการดแู ลรักษาผปู วยโรคมะเรง็ การ รับประทานอาหารใหไดสารอาหารเพยี งพอและเหมาะสมกอนระหวา งและหลัง การรักษา จะชว ยใหผ ปู ว ยแข็งแรงขน้ึ และมคี วามรสู ึกดีข้นึ มกี ําลงั ใจท่ีจะตอสูกับ โรคไดเ พอ่ื ใหผูปวยไดร ับโภชนาการทเี่ หมาะสม ผูป วยจะตอ งรบั ประทานอาหาร และเคร่ืองดมื่ ท่มี สี ารอาหารที่รา งการตอ งการไดแก วิตามิน แรธาตุ โปรตีน คารโ บไฮเดรต ไขมัน และน้าํ อยา งเพียงพอ สําหรับผูปวยมะเร็ง อาจจะมีปญ หา จากการรกั ษาซงึ่ มผี ลขางเคยี งทาํ ใหร บั ประทาน อาหารไดนอ ยลง ไมเพียงพอตอ การเปลี่ยนแปลงของระบบรา งกายทเ่ี กดิ ขน้ึ จากเซลลม ะเรง็ ในการตอสโู รค อาการเหลานัน้ ไดแก เบื่ออาหาร คลื่นไส อาเจยี น ทองเสยี ทองผูก แสบปาก กลนื ลําบาก และเจ็บเมอ่ื รบั ประทานอาหาร ยาท่รี กั ษามะเรง็ อาจมีผลลดความอยาก อาหาร การรบั รสชาตเิ ปลยี่ นไป รว มกับการรบั ประทานอาหารนอยลง
ภาวะทุพโภชนาการในผปู วยมะเรง็ 1.รา งกายตอ งการพลังงานมากข้นึ เนอ่ื งจากสารอาหารจะเผาผลาญอยางรวดเรว็ หากไดไม เพยี งพอจะเผาผลาญสว นท่รี า งกายสะสมไวแ ละลามในทีส่ ุด 2.รับประทานอาหารไดน อย การเบอื่ อาหารท่ีเกดิ กบั ผูปว ยเปนสาเหตหุ ลกั ที่ทาํ ใหเ กิดการแพรข อง เซลลมะเรง็ 3.ไมร ับประทานอาหารบางชนดิ เพราะเขาใจวาเปน อาหารแสลงสาํ หรับโรคมะเรง็ จงึ เปนปญ หาท่ี ทาํ ใหผปู ว ยมะเรง็ ขาดสารอาหาร ดังน้นั การกินอาหารทถ่ี ูกตอ งและเหมาะสม จะชวยเสรมิ การรกั ษา และสามรถทนตอ การรักษาไดม ากขน้ึ และทาํ ใหมีภาวะโภชนาการทด่ี ี ผปู ว ยมะเร็ง ควรกนิ อาหารตามแนวทางการบริโภคเพ่อื สขุ ภาพดังน้ี 1.กนิ อาหารใหครบ5หมู 2.กินขา วเปนหลกั สลบั กบั อาหารประเภทแปง 3.กนิ พืชผักใหมากและกนิ ผลไมเ ปน ประจาํ 4.กินปลา
5.ด่ืมนมเพ่ือบํารุงรา งกาย 6.กินอาหารที่มไี ขมันพอสมควร 7.หลีกเล่ียงการกนิ อาหารรสหวานจัดและเค็มจดั 8.กินอาหารทส่ี ะอาด 9.งดหรือลดเครอ่ื งดืม่ ที่มแี อลกอฮอล
อาหารทีด่ ีตอ การรกั ษามะเรง็ 1. อาหารทีม่ โี ปรตีนสูง เชน เน้ือปลา ไข นม ถวั่ ตา งๆ เพราะผูปวยมะเร็งมีอัตราการ สลายโปรตนี เพม่ิ ขน้ึ การไดรบั โปรตีนและกรดอะมิโนทีจ่ าํ เปนอยา งเพียงพอ จึงเปน สิง่ สําคญั ในผูป วยมะเร็ง เพ่อื เพม่ิ ภมู คิ ุม กนั 2. อาหารท่ใี หพ ลังงานสงู เนือ่ งจากผปู วยมกั กินอาหารไดในปรมิ าณนอ ย 3. กินผกั ผลไมใหค รบวนั ละ 5 สี จดั เปนสารตา นอนุมลู อสิ ระ มีคณุ สมบตั ิในการปอ งกนั ไม ใหม ะเร็งลุกลามได (ควรลางใหสะอาด) เชน มะเขือเทศ ดอกกะหลา่ํ คะนา แขนงผกั บลอ็ คโคลี ผักโขม กะหลํ่าปลีสีมวง ถั่ว สม แกวมังกรสชี มพู มะมว ง (สกุ -ดิบ) เปน ตน 4. กินไขมนั จากปลา เพราะน้ํามนั ปลามกี รดโอเมกา 3 ชว ยลดการอกั เสบ เหมาะสาํ หรับผู ปวยมะเร็งทนี่ ้าํ หนกั ตวั นอย และ ไมควรกินอาหารที่มไี ขมนั จากสัตวทเี่ ปนไขมนั อมิ่ ตัว มาก เชน หนงั ตดิ มัน นํา้ มันหมู เพราะสามารถถกู เปลยี่ นแปลงไปเปน เซลลม ะเรง็ ได 5. กนิ มื้อใหญใ นชว งเชา และแบง อาหารเปนม้ือเล็กๆ หลายมอื้ ชว ยใหกนิ อาหารไดม าก ขน้ึ
การวัดสดั สวนของรางกาย 1.น้ําหนกั ประกอบดวย นํา้ หนกั ที่ช่ังได้ นาํ้ หนักตัวท่ลี ดลงอยางรนุ แรงโดยไมไดตงั้ ใจ คิดเปนรอยละ 2.สวนสูง ผูป ว ยมะเร็งทส่ี ามารถยืนได ใหใชเคร่ืองวัดสวนสูง โดยวางเครอื่ งวดั สว นสงู ชดิ กําแพง ผถู ูกวดั จะตอ งถอดรองเทา ยนื หนั หลังชิดเครอ่ื งวดั สวนสงู ยนื เทา ชิด ศรีษะตง้ั ตรงสายตา มองตรงดานหนา ไมก มหนาและเงยหนา เล่อื นแปน วัดสว นสูงลงมาชิดสว นท่สี ูงท่สี ุดของศรีษะ และสาํ หรบั ผูป ว ยทีย่ นื ไมไ ดใหว ดั ความยาวของชว งแขน โดยใหผูถูกวดั กางแขนทั้ง 2 ขา ง ขนาดไหล และเหยียดแขนใหตรง แลวใชสายวดั ท่ีทําดว ยวัสดุไมย ืด วดั จากปลายนวิ้ กลางของ มือซา ยถึงปลายนิ้วกลางของมอื ขวา 3.ความหนาของไขมนั ใตผ ิวหนัง เปน การวดั ความหนาของไขมันใตผวิ หนงั ตําแหนงที่ นิยมวดั ไดแ ก จุดกึง่ กลางดานหลงั ของตนแขน โดยใชคาลเิ ปอร แลวนําคาทีว่ ดั มาเปรยี บเทยี บ กับคามาตรฐาน 4.การวดั เสนรอบวงกึง่ กลางตน แขนทอ นนบน เปน การวัดขนาดของไขมนั และมวลของ กลามเนือ้ ใชบ งชว้ี า ผปู วยมะเรง็ มีภาวะทพุ โภชนาการ โดยผวู ดั ใชส ายวดั ทที่ าํ ดว ยวสั ดุไมย ดื วัดจากปุม กระดกู ตนแขนมาจนถึงปมุ กระดูกท่ปี ลายขอศอก แลว แบงคร่งึ ทาํ เครื่องหมายไว แลว ใชส ายวัดที่วัสดุไมย ืดรอบวงตน แขนตาํ แหนง ท่ที าํ เคร่ืองหมายไว
การประเมนิ อาหารท่ีบริโภค การประเมินภาวะโภชนาการผปู ว ยโรคมะเรง็ โดยการประเมนิ อาหารทผี่ ปู วย บริโภค ไดแก การสัมภาษณความถีข่ องการบริโภคอาหาร และการสมั ภาษณ การบรโิ ภคอาหารยอ นหลงั 24 ชั่วโมง 1. การสัมภาษณค วามถ่ีของการบรโิ ภคอาหาร การสมั ภาษณความถีข่ องการบริโภคอาหารเปนการประเมนิ พลงั งานหรอื สาร อาหารที่ไดรับ โดยประเมินจากความถ่ีในการบริโภคอาหาร 2. การสมั ภาษณก ารบริโภคอาหารยอ นหลงั 24 ชวั่ โมง การประเมินภาวะโภชนาการผูปวยโรคมะเร็ง โดยการประเมินอาหารทีบ่ ริโภค มี ขอ ดคี ือ ทาํ ใหทราบขอมลู การบริโภคอาหาร เสยี คาใชจ ายนอ ย ใชระยะเวลาสนั้ ในการสมั ภาษณ มขี อ จาํ กัดคอื ผสู มั ภาษณตองผานการอบรมเกยี่ วกบั การ สัมภาษณก อนเพื่อปอ งกันอคตใิ นการสัมภาษณ
ข้ันตอนการคาํ นวณและจดั อาหารเพิ่มโปรตีน โจทย เเพทยไดกําหนดใหน ายนพดร ไดร ับอาหารธรรมดาเพมิ่ โปรตีน พลังงานวนั ละ2200กิโลแคลอรีต่ อ วัน โปรตีน 120กรัมตอ วัน คารโ บไฮเดรต ตอ ไขมนั คดิ เปน อตั ราสวน 2:1ของพลงั งานทต่ี องการ ตอวนั ใหค าํ นวณหาปริมาณสารอาหารทน่ี ายนพดร ตองไดร บั 1 วนั และกาํ หนดสัดสวนอาหารที่ควรไดรบั โดยใชตารางแลกเปลย่ี น
วธิ ีการคาํ นวนข้นั ท่ี 1 การกระจายสดั ส่วนพลงั งานที่ควรไดร้ ับ จากโจทยกาํ หนดให โปรตนี 120 กรัมตอ วัน คารโ บไฮเดรตตอ ไขมันคดิ เปน อตั ราสว น 2 : 1 โดยเราจะกระจายหาเเตละสว นไดโดยการหาจากพลังงานเเคลอร่เี ทียบกบั อตั ราสวนจากโจทย 1. แปลงหนว ยกรมั ของโปรตีนเปนกโิ ลแคลอรี 120 × 4 = 480 กิโลแคลอร่ตี อวัน (โปรตีน 1กรมั ใหพลังงาน 4 กโิ ลแคลอรี) 2.นําพลังงานที่ควรไดรบั ตอวันมาลบกับพลังงานจากโปรตีน 2,200 - 480 = 1,720 กิโลแคลอรตี อ วัน (ไดเ ปน พลงั งานของอัตราสว นคารโ บไฮเดรตเเละ ไขมนั ) 3.หาอตั ราสว นคารโบไฮเดรตตอ ไขมนั ในอตั ราสว น 2 : 1 ของพลังงานท่ตี องการตอวัน พลงั งานจากคารโ บไฮเดรต 2 สวนจาก3 สวน(ทงั้ หมดมี 3 สว นจึงนาํ มาหาร3) 1,720 × 2 = 1,147 กิโลแคลอรตี อ วนั 3 พลงั งานจากไขมัน 1 สว นจาก 3 สวน 1,720 × 1 = 573 กิโลแคลอรตี อ วัน 3
วธิ ีการคาํ นวนข้นั ท่ี2 การคาํ นวณหาปริมาณสารอาหารที่ร่างกายตอ้ งการต่อวนั (เปล่ียนปริมาณเเคลอร่ีใหเ้ ป็นกรัมเพือ่ ที่จะไดจ้ าํ นวนอาหารท่ีเป็นกรัมออกมา) 1. ปรมิ าณสารอาหารโปรตนี 480/4 = (โปรตีน 1 กรมั ใหพ ลงั งาน 4 กิโลแคลอรี) = 120 กรมั 2. ปรมิ าณสารอาหารคารโบไฮเดรต 1147/4 = (คารโบไฮเดรต 1 กรมั ใหพลงั งาน 4 กโิ ลแคลอรี) = 287 กรมั 3. ปริมาณสารอาหารไขมัน 573/9 = (ไขมัน 1 กรมั ใหพ ลงั งาน 9 กโิ ลแคลอรี) = 64 กรัม
วธิ กี ารคาํ นวณขนั้ ท่ี3 ขนั้ ท่ี 3 ใชรายการอาหารแลกเปลย่ี น มาคาํ นวณสดั สว นพลงั งานเพ่ือจะ กําหนดรายการเมนอู าหารไมใหเ กิน ปรมิ าณท่คี าํ นวนมาจากขน้ั ตอนท่ี2 ซง่ึ รวมพลังงาน คารโ บไฮเดรต โปรตีน เเละไขมันตอ งไมเกินทีค่ ํานวนไวถ า ขาดหรือเกินใหใสตามหมายเหตุ
วธิ ีการคาํ นวณขัน้ ท่ี4 ขนั้ ท่ี 4จะนาํ เมนูจากข้ันตอนท่ี 3 มากําหนดสัดสวนมื้อใหเ หมาะสมตามความหนกั เบาของมอื้ โดยไมใหเกิน 2222.5 กโิ ลแคลอร่ี
วิธกี ารคํานวณขนั้ ที่5 จะกาํ หนดรายการอาหารที่คาํ นวนมา จะเนน โปรตนี มีการกําหนดหลาย มือ้ และตองการบรโิ ภคใหห มดโดยจะใหนายนพดรกนิ ปรมิ าณบอ ยครง้ั ให หมด
กําหนดรายการอาหารและแจกแจงรายละเอยี ดของเมนูอาหารจากพลงั งาน โปรตนี และไขมนั ท่ี คํานวนไดจากขั้นท่ี 4ซง่ึ มผี ลดังตาราง
สรุปการจัดอาหารใหกบั ผูปวยมะเรง็ 1. จดั ใหม ้ือละนอย ๆ แตบ อยคร้ังขึ้น อาจเพ่มิ เปน 5-6 มื้อตอวนั 2. อาหารทจ่ี ัดใหควรเปน อาหารทีใ่ หพ ลงั งานสูง โปรตนี สูงและเปนอาหารออน ยอยงาย ไขมนั ตํ่า 3. ผปู ว ยมะเรง็ สวนใหญจ ะชอบอาหารทีเ่ ยน็ มากกวา อาหารท่ีรอ น ควรจดั อาหารประเภทไอศครีมหรือ สลัดให รับประทาน 4. ผูปวยที่มคี วามสามารถในการรบั รรู สหวานนอ ยลง ควรเพ่มิ รสหวานในอาหารเพ่อื ใหไดรบั พลังงาน และเพ่มิ ความอยากรับประทานมากข้ึน 5. อาหารทจ่ี ัดใหผูปวยควรจะมีการตกแตง ปรุงแตง รสใหน ารับประทาน เพ่อื ดึงดดู ใหผูปวยอยากรับประทาน มากข้นึ 6. การใหย าเสรมิ แรธาตุสังกะสี สามารถชว ยใหก ารรบั รรู สของผูปวยดีข้ึนและยังชวยกระตนุ ความรสู ึกอยาก อาหาร แตต องไมขัดกับแผนการรกั ษาของแพทย 7. ผปู วยบางคนจะรสู ึกเหม็นเน้อื หมู เน้อื วัว ควรจดั อาหารพวกไก และถ่ัว ถาหากผูปวยยงั ไมส ามารถ รบั ประทานไดอ ีกใหจ ดั อาหารประเภทโปรตนี ในรูปของไอศครมี นมผสมไอศครมี เนย
Search