Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การปลูกเมล่อน

การปลูกเมล่อน

Published by Suphattha Yammee, 2023-08-14 15:10:59

Description: การปลูกเมล่อน

Search

Read the Text Version

การปลกู เมล่อนอนิ ทรยี ์ สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยี และนวตั กรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชยี งราย

การปลกู เมลอ่ นอินทรยี ์ 2 สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏเชียงราย สารบญั หนา้ 1 เมลอ่ น (Melon) 3 2 ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ 4 3 ลกั ษณะประจาพนั ธ์ุ 6 4 ระยะการเจรญิ เตบิ โตของเมลอ่ น 7 5 ศตั รพู ชื และโรคทพ่ี บไดบ้ ่อย 8 6 สารชวี ภัณฑ์ 9 กระบวนการเพาะปลูก 14 เมลอ่ นอนิ ทรยี ์ 15 7 การเพาะเมล็ด 15 9 การเตรยี มดนิ 16 10 การย้ายกลา้ ปลกู 17 11 การดูแลหลังการยา้ ยกลา้ 12 การเจอื จางปุ๋ยและความถ่ีในการให้นา้

การปลูกเมลอ่ นอินทรีย์ 3 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งราย เมลอ่ น (Melon) เมล่อน ( Melon) มีช่ือท าง วิท ยาศ าส ต ร์คือ Cucumis melo L. นับเป็นพืชทางเศรษฐกิจท่ีสาคัญให้นิยมปลูกเพ่ือการค้า เน่ืองจากให้ราคาตอบแทนสูง ถิ่นกาเนิดของเมล่อนถูกกล่าวถึงใน หลายพ้ืนท่ี เช่น ประเทศอินเดีย แถบก่ึงอบอุ่น และเขตรอ้ นทางทิศ ตะวันตกของทวปี แอฟริกาใต้ สามารถเจรญิ เติบโตได้ดีในเขตอบอนุ่ และเขตรอ้ น ในประเทศไทยเริม่ มีการนาเข้าพันธุ์จากต่างประเทศเพ่ือ ปลูกคร้ังแรกเม่ือปี พ.ศ. 2478 แต่ไม่ประสบผลสาเร็จ จนในปี พ.ศ. 2497 ท่ีมีการปลูกที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี อ.อรัญ ประเทศ จ.สระแก้ว ซ่ึงได้ผลดี จึงเริ่มมีการขยายและปลูกอย่าง ต่อเน่ืองนับแต่น้ัน การปลูกเมล่อนเริ่มแพรห่ ลายในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 เน่ืองจากเป็นพชื ผลไม้ท่ีมีรสชาติหวาน และมกี ล่ินหอมมี ความต้องการในตลาดสงู

การปลูกเมล่อนอินทรีย์ 4 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงราย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ใบ ใบเมล่อนมีลักษณะคล้ายใบแตงหรือฟักทอง แตกออก บริเวณข้อก่ิง ข้อละ 1 ใบ เรียงสลับกัน ก้านใบกลวง ยาว 5-10 เซนติเมตร ใบมีขน ฐานใบเวา้ ขอบใบหยักเป็นคล่ืน ผิวใบขรุขระ ใบ อ่อนมขี นทรี่ มิ ขอบใบและใตใ้ บ เม่อื อายมุ ากข้นึ จะมาขนใต้ใบลดลง ราก มีระบบรากแก้ว รากแขนง และรากฝอยแตกออกห่างๆ ระบบความลึกของรากประมาณ 30 เซนตเิ มตร ลาต้น เป็นพืชเถาเล้ือยตามดินหรือกิ่งไม้ ลาต้นเป็นไม้เน้ืออ่อน มี ลักษณะกลม ความยาวประมาณ 2-3 เมตร ลาต้นมีหนามคล้านขน ชว่ งข้อความยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร บริเวณข้อมีแตกกิ่ง ย่อยออก และบรเิ วณข้อย่อยจะแตกใบ และดอก ส่วนซอกใบจะแตก หนวดสาหรบั ยดึ เกาะขณะเจรญิ เติบโต ดอก มีดอกเพศผู้ ดอกเพศเมีย และดอกสมบูรณ์เพศในต้ น เดียวกัน แต่ส่วนมากมักพบแบบมีดอกเพศผู้ และดอกสมบูรณ์เพศ โดยดอกเพศผู้แทงออกที่ซอกใบบรเิ วณแขนงย่อยเกือบทุกแขนง

การปลูกเมล่อนอนิ ทรีย์ 5 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งราย ดอกมีสีเหลืองคล้ายดอกแตงกวา มีกลีบเล้ียง 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ อับละอองเกสร 3 อับ และมีก้านเกสรสั้น สาหรับดอกเพศเมีย และดอกสมบูรณ์เพศจะแทงออกท่ีแขนงย่อยข้อแรก ดอกสมบูรณ์ เพศมีกลีบเลี้ยงสีเขียว ส่วนกลีบดอกมีสีเหลือง 5 กลีบ อับละออง เกสรตัวผู้ 3 อับ ล้อมรอบเกสรตัวเมียที่มี 3-5 แฉก ส่วนรังไข่มี ลักษณะกลม ยาว 2-4 เซนติเมตร มี 3-5 หอ้ ง และฐานดอกสมบูรณ์ เพศมีรงั ไข่ท่ีเจรญิ เปน็ ผล ผล ผลเมล่อนพัฒนามาจากรังไข่จากดอกท่ีเกิดอยู่บนแขนง ย่อย ผลมีลักษณะแตกต่างกันตามสายพันธุ์ บางพันธ์ุมีร่างแห ปกคลมุ บางพนั ธผ์ุ ิวเรยี บไมม่ ีรา่ งแห บางพันธมุ์ ีรอ่ งเป็นทางยาวจาก ขั้วผลถึงท้ายผล ลักษณะผลทุกสายพันธุ์ค่อนข้างกลมรี ผลมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10-15 เซนติเมตร หนักประมาณ 0.5-2 กิโลกรมั มีสีผิวเปลือกและสีเน้ือแตกตา่ งกันตามสายพันธ์ุ เน้ืออาจมี สีเหลอื ง สีเหลืองอมเขยี ว และสีส้ม ส่วนเมล็ดมีสีน้าตาลเหลอื ง

สถาบนั ลกั ษณะประจาพันธุ์ สายพันธ์ุ ออเร้นจ์แมน กาเลยี ทาคาม แหล่งสายพันธ์ุ ญ่ีปุ่น เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุน่ ผลทรงกลม เปลอื ก ผลทรงก ลักษณะผล ผลทรงกลม บางมาก ผิวเปลือกสี เปลอื กสเี ขยี ลายตาขา่ ย ตัดกับ สีขาวครมี เขยี ว ตาข่ายส 1.5 – 2.0 น้าหนักผลเฉลี่ย 1.7 - 2.0 kg 1.6 - 2.0 kg เน้อื ละเอ เน้อื และรสชาติ เน้อื สีสม้ เน้อื สีขาวเขยี ว สเี ขียวใ สกุ เปล่ียนเปน็ สีส้มอ่อน ปนเหลอื ง เน้อื นมุ่ ฉา่ นา้ เน้ือนุม่ กล่นิ หอม หวาน มกี ล 14-17 บร ระดบั ความหวาน 16-14 บรกิ ซ์ 14-17 บรกิ ซ์ เฉลยี่ 45 วนั หลงั 70 วนั หลงั เพาะ 40-50 วนั อายกุ ารเกบ็ เก่ียว ผสมเกสร 35-38 วนั หลงั ผสม ดอกบา จุดเด่น เกสร ทนต่ออากา ทนตอ่ การเปล่ียนแปลง ไดด้ ี ปลูกได ข้อควรระวงั อ่อนแอตอ่ โรค ของสภาพอากาศไดด้ ี อณุ หภูมิ 2 น้าค้าง และรา ทนราแป้ง ผลแขง็ แรง องศาเซลเ แปง้ โตไว ขวั้ หลุดยาก ทนต่อโรค ทนทานตอ่ โรคราแปง้ แมลงได้น

การปลกู เมล่อนอินทรยี ์ 6 นถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงราย มิ ทิเบต รอ้ กกีเ้ ขยี ว อิชบิ ะ โคจิ น จนี ญีป่ ่นุ ญ่ีปนุ่ กลม ยวเขม้ ผลทรงรี สี ผลสเี ขียวเข้ม รูปทรงรี ผลทรงกลม เปลอื กมสี เี ขยี ว บสี เขยี มเขม้ ลาย สีเขียวเขม้ โดดเดน่ เข้มเม่อื สกุ สจี ะจางลง ผวิ ผล สีเทา ตาข่ายละเอยี ดสี 0 kg 1.2 – 2.5 kg มตี าขา่ ยนนู สเี ทาแบบ อยี ด เขยี ว เน้อื ละเอียดสเี ขยี ว ละเอยี ด เปลอื กบาง ใส 2.0 - 2.5 kg หวานกรอบ มกี ลิน่ หอม ง รส เน้อื สสี ม้ เข้ม 1.8 – 2.5 kg ล่ินหอม 14-17 บรกิ ซ์ เน้อื สีเขียวปนเหลือง รกิ ซ์ เน้อื กรอบ เลก็ นอ้ ย เน้ือฉา่ นา้ มกี ลน่ิ 13-15 บรกิ ซ์ หอมมาก 14-18 บรกิ ซ์ นหลงั 48-50 วนั หลงั 70 วนั หลังเพาะเมล็ด 50-55 วนั หลังผสมเกสร าน ผสมเกสร าศเยน็ ทนตอ่ การเปลีย่ นแปลง สามารถปลูกได้ในช่วง ด้ในชว่ ง ของสภาพอากาศไดด้ ี อณุ หภูมิ 25-30 องศา 25-30 หลังเกบ็ เกี่ยวสามารถ เซยี ส เซลเซยี ส คและ เกบ็ ไวไ้ ด้นาน นอ้ ย ออ่ นแอตอ่ โรค ระบบทางราก

การปลูกเมล่อนอินทรีย์ 7 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชยี งราย ระยะการเจริญเตบิ โตของเมล่อน • เมล่อนจัดเป็นพืชปีเดียว (Annual plant) ในประเทศไทยช่วง ฤดูกาลท่ีเหมาะสมแก่การเพาะปลูกอยู่ในช่วงปลายฤดูฝน และฤดู หนาว • เมล็ดเมล่อนสามารถงอกได้ภายใน 4-7 วนั ในการปลูกสามารถใช้ การแช่นา้ และห่อไวใ้ นที่มดื และอนุ่ ประมาณ 24 ช่วั โมงในการกระตนุ้ การงอก • ตน้ กลา้ เมลอ่ นพรอ้ มยา้ ยปลูกไดเ้ ม่ือมอี ายุประมาณ 2 สัปดาห์ หรอื มีใบเลย้ี ง 2 ใบและใบแท้ 2-4 ใบ • เมล่อนมีลักษณะเป็นเถาเล้ือย ต้นโตเต็มมีความกว้างต้ังแต่ 30- 120 เซนตเิ มตร และมีความยาว (สูง) ตน้ ในชว่ ง 1.8 – 2.7 เมตร • เมลอ่ นเปน็ พชื ทช่ี อบแสงมาก (6 ช่ัวโมงหรอื มากกวา่ ) ชอบดินที่มี สารอนิ ทรยี ส์ งู ระบายน้าไดด้ ี มคี ่า pH 6.0 - 7.0 • อายุเก็บเกี่ยวของเมล่อนที่เหมาะสมข้ึนอยู่กับสายพันธ์ุ โดยพันธุ์ เบามอี ายกุ ารเก็บเกย่ี วหลังหยอดเมล็ด 60-65 วนั พนั ธปุ์ านกลาง มีอายุเก็บเกี่ยว 70-75 วัน และพันธ์ุหนักมีอายุเก็บเก่ียวเกินกว่า 80-85 วนั

การปลกู เมล่อนอนิ ทรยี ์ 8 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งราย ศัตรพู ืชและโรคทพ่ี บไดบ้ ่อย โรคราน้าค้าง หรือโรคใบลาย เป็นโรคท่ีพบได้บ่อยในเมล่อนและพืช วงศ์แตง เกิดจากเช้ือ Pseudoperonospora cubensis อาการ ของโรค ทาให้ใบเกิดป้ ืนเหลืองซ่ึงจะเปลี่ยนเป็นสีน้าตาล โดยเร่ิม ขยายจากกลางแผลออกไป ด้านหลังของใบอาจปรากฏกลุ่มของ เสน้ ใย หากเกิดโรคในระยะให้ผลจะทาให้ความหวานของผลลดลง โรคเหี่ยว เกิดจากเช้อื Fusarium oxysporum โดยมีอาการคือต้น และใบเหลอื งพรอ้ มกนั หมด เพลย้ี ไฟ ดดู กนิ น้าเล้ียงจากยอดใบออ่ น ทาใหใ้ บหงกิ แมลงวันแตง วางไข่ในผล เม่ือหนอนฟักออกจากไข่จะกัดกินอยู่ ภายในผล ทาให้ผลเนา่ เสยี

การปลูกเมล่อนอินทรยี ์ 9 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงราย สารชวี ภณั ฑ์ สารชีวภัณฑ์เป็นสารที่ใชใ้ นการป้องกัน กาจัดศัตรูพืช สารชวี ภัณฑ์ ผลิต/พัฒนาจากส่ิงมีชวี ติ ทั้ง พืช สัตว์ และจุลินทรยี ์ แต่ไม่นับรวม สารท่ีสกัดหรือแยกได้จากสิ่งมีชีวิตที่เป็นสารเคมีเชิงเด่ียว เช่น ไพรที รอยด์ นโิ คตนิ และ อะบาเมกติน เปน็ ตน้ น้าหมักปลา น้าหมักปลา หรอื ป๋ยุ ปลาหมัก จดั เปน็ น้าหมกั ชวี ภาพประเภท หน่ึง สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดท้ ง้ั ในการบารงุ ดนิ และเพิ่มผลผลติ ให้กับพืช ผัก ผลไม้และนาข้าว ข้อดีของน้าหมักปลาคือ เป็นแหล่ง สารอาหารสาหรับจุลินทรีย์ดิน ช่วยให้จุลินทรีย์ในดินย่อยสลาย ซากพืชซากสัตว์ได้ดี นอกจากน้ันยังมีธาตุอาหารสาคัญต่อพืช ครบทั้ง 16 ธาตุ และกรดอะมิโนท่ีเป็นแหล่งให้ธาตุไนโตรเจนท่ีพืช สามารถดูดซมึ ไปใชไ้ ดด้ กี วา่ การใชป้ ุ๋ยธรรมดา น้าหมกั ปลาสตู รหวั เช้อื วสั ดุอปุ กรณ์ 1. เศษปลาทะเล 15 กโิ ลกรมั 2. สบั ปะรดสบั ละเอียด 15 กโิ ลกรมั 3. กากน้าตาล 4 กิโลกรัม 4. ราละเอียด 2 กิโลกรัม 5. ถังหมักมีฝาปิด 6. ไมพ้ ายสาหรบั คน วธิ ที า นาเศษปลาทะเล กากน้าตาล ราละเอียด สับปะรด ผสมลงไปในถัง หมกั เปน็ เวลา 3 เดือน และในระหวา่ งน้ีตอ้ งทาการเปิดคนทุกวนั

การปลูกเมล่อนอนิ ทรีย์ 10 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชียงราย น้าหมกั ปลาสตู รขยาย วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. น้าหมักปลาสตู รหวั เช้อื 12 ลิตร 2. EM สูตรขยาย 60 ลิตร 3. ถังหมักมฝี าปิด วธิ ที า นาส่วนผสมระหว่างน้าหมักปลาสูตรหัวเช้อื และEM สูตรขยายมาเท ผสมลงในถังหมัก ทิ้งไว้ 7 วนั ส่วนการนาไปใช้มีอัตราส่วน น้าหมัก จากเศษปลาสูตรขยาย 200 มิลลิลิตร ต่อน้า 20 ลติ ร EM สูตรขยาย EM ย่ อ ม า จ า ก Effective microorganisms ห ม า ย ถึ ง กลมุ่ จุลนิ ทรยี ์ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพและให้ประโยชน์ในทางการเกษตร มีผล ชว่ ยเพิม่ ประสิทธภิ าพในการยอ่ ยสลายสารในดินใหเ้ กดิ เป็นสารอาหาร ใหแ้ กพ่ ืช รวมถงึ สามารถใชใ้ นการป้องกันเช้อื โรค และสรา้ งภมู คิ ุม้ กัน ให้แกพ่ ืช วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. หวั เช้อื EM ½ ลติ ร 2. กากนา้ ตาล 2 ลติ ร 3. นา้ 60 ลติ ร 4. ถังหมกั มีฝาปิด วธิ ที า นาส่วนผสมระหวา่ งหัวเช้อื EM กากน้าตาล และนา้ เปลา่ เทลงในถัง หมัก ทง้ิ ไว้ 7 วัน

การปลกู เมลอ่ นอินทรยี ์ 11 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏเชียงราย ไตรโคเดอร์มา เ ช้ือ ร า ไ ต ร โ ค เ ด อ ร์ม า มี คุ ณ ส ม บั ติ ใ น ก า ร ยั บ ย้ั ง ก าร เจริญเติบโต และสามารถทาลายเช้ือราท่ีเป็นสาเหตุของโรคพืชได้ หลายชนิด ด้วยการสร้างเส้นใยพันรัดเส้นใยราที่ก่อโรคพืช เจริญ แข่งขันกับเช้อื โรคพืช หรือสรา้ งสารยับยั้งเช้อื โรคพืช เช้ือท่ีสามารถ ยับย้ังได้ด้วยไตรโคเดอร์มา เชน่ เช้อื ไฟทอฟธอรา เช้อื ไรซอ็ คโทเนีย เช้อื พิเทยี ม เช้อื ฟิวซาเรยี ม เช้อื ราสเคลอโรเทยี ม เปน็ ต้น วสั ดุอปุ กรณ์ 1. ไตรโคเดอรม์ าผง 2. นา้ เปลา่ 3. ถงั พลาสติก 4. กระบอกฉดี หรอื ถงั พ่น วธิ ที า นาผงไตรโคเดอร์มาผงจานวน 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้าเปล่า 20 ลิตร นาไปรดหรอื ฉดี พน่ เพ่อื ป้องกันเช้อื รา จุลินทรียส์ ังเคราะห์แสง จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง มีความสามารถในตรึงไนโตรเจน ในดินให้แก่พืช ช่วยย่อยสลายอินทรยี ์วตั ถุให้มีขนาดเล็กลง ทาให้พชื สามารถนาสารอาหารไปใชไ้ ด้ดีมากยิ่งข้นึ วสั ดุอปุ กรณ์ 1. ไขไ่ ก่ 1 ฟอง ชอ้ นโตะ๊ 2. ผงชูรส 1 ชอ้ นโต๊ะ ชอ้ น 3. กะปิ 1 ขวด 4. นา้ ปลา 1 4 ลติ ร 5. ขวดนา้ พลาสติกขนาด 1.5 ลิตร 4 6. ถ้วยสาหรบั ผสม 7. นา้ เปลา่ (ควรเปน็ น้าแหลง่ น้าธรรมชาต)ิ

การปลกู เมลอ่ นอนิ ทรยี ์ 12 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงราย วธิ ีทา นาส่วนผสม ไข่ไก่ ผงชูรส กะปิและ น้าปลา เทผสมลงในถ้วย จากนั้นแบ่งเทลงในขวดน้าพลาสติกจานวน 4 ขวด ท่ีเติมน้าเปล่าลง ไปแล้วขวดละ 1 ลิตร แล้วเขย่าให้เข้ากัน ท้ิงไว้ 7-10 วัน ในระหวา่ ง วนั จะตอ้ งทาการเขย่าขวดทุกวนั วนั ละ 1 ครง้ั สารไลแ่ มลง วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. เหล้าขาว 500 มิลลิลติ ร 2. นา้ สม้ สายชู 500 มิลลิลิตร 3. ยาเส้น 2 ห่อ 4. ผงพะโล้ 4 หอ่ 5. กระบอกฉีดหรอื ถังพน่ 6. ถังผสม วธิ ที า นาสว่ นผสมทกุ อยา่ ง ลงในถงั ผสมคนใหเ้ ขา้ กนั ทิง้ ไว้ 2 วนั นาไป ฉีดพน่ ไล่แมลง โดยใชส้ ารสกดั ไลแ่ มลง 2.5 มลิ ลิลติ ร ตอ่ นา้ 1 ลติ ร สารทาหวาน วสั ดุอปุ กรณ์ 1. ข้เี ถา้ 2 กโิ ลกรมั 2. นา้ เปลา่ 5 ลิตร 3. ถังพลาสติก วธิ ีทา นาขเ้ี ถา้ และน้าเปล่า เทผสมในถงั พลาสติก ท้ิงไว้ 1 คืน วธิ นี าไปใช้ นาน้าขี้เถ้า 500 มิลลิลิตร ผสมกับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 100 มลิ ลิลติ ร และน้าเปลา่ 20 ลติ ร

การปลกู เมล่อนอินทรยี ์ 13 สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชยี งราย กระบวนการเพาะปลกู เมล่อนอนิ ทรยี ์ • การเพาะเมล็ด • การเตรยี มดินปลูก • การย้ายกลา้ • การดูแลหลังการย้ายกลา้ • การเจอื จางปุ๋ยและความถีใ่ นการใหน้ า้

การปลูกเมลอ่ นอนิ ทรยี ์ 14 สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งราย การเพาะเมลด็ 6. ถาดเพาะขนาด 50 หลมุ 7. พที มอส วสั ดุ อปุ กรณ์ 8. คีมคบี (ฟอรเ์ ซป) 1. กลอ่ งพลาสตกิ 9. บัวรดนา้ (เลก็ ) 2. กระดาษทชิ ชู (จมั โบ้) 3. กระบอกฉดี นา้ 4. เมล็ดพันธเุ์ มล่อน 5. แก้วนา้ (สาหรบั แชเ่ มล็ด) ขั้นตอน/วธิ กี าร 1. แชเ่ มล็ดเมลอ่ นในนา้ อุ่นประมาณ 1 ชว่ั โมง 2. นากระดาษทิชชูวางลงในกล่องพลาสติก และใชก้ ระบอกฉีดพรม นา้ ใหช้ มุ่ 3. นาเมล็ดท่ีแช่ในน้าอุ่น วางลงบนกระดาษทิชชู หลังจากนั้นนา กระดาษทิชชูวางปดิ ทับด้านบนและพรมน้าให้ชุม่ อีกครงั้ * บ่มในกล่องพลาสติก โดยเก็บไว้ในที่มืด เป็นเวลาประมาณ 24 ชว่ั โมง ซง่ึ จะสังเกตเหน็ วา่ มรี ากงอกออกมาจากเมล็ด 4. เตรยี มวัสดุอนุบาลต้นกล้า โดยเตรียมพีทมอสใส่ลงในถาดเพาะ และรดน้าใหช้ มุ่ 5. ใชฟ้ อรเ์ ซปทาหลุมบนพีทมอส และคีบนาเมล็ดที่มีรากงอกวางใส่ ลงไปในหลมุ บนพีทมอส * ข้อควรระวงั อยา่ ให้รากขาดหรอื เกดิ บาดแผล 6. รดน้าให้ชุม่ เก็บไวใ้ นท่ีๆ มีแสงราไรประมาณ 4-5 วันจากน้ันย้าย ตน้ กลา้ ไปไวใ้ นที่ๆ มแี สงเพียงพอ * ถ้าแสงไม่พอจะทาให้ต้นกล้ายืดยาวไม่แข็งแรง แต่หากแดดจ้า เกนิ ไปจะทาใหใ้ บออ่ นของต้นกล้าไหม้ได้ 7. รดนา้ วนั ละ 1 ครง้ั ประมาณ 7-10 วนั * มีใบจรงิ ข้นึ มา 2 ใบ นาไปปลูกในกระถางได้

การปลูกเมล่อนอินทรีย์ 15 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชียงราย การเตรยี มดนิ ปลกู วสั ดุ อปุ กรณ์ 2 สว่ น 1. ดินดา 2 ส่วน 2. แกลบดบิ 2 สว่ น 3. แกลบดา 1 ส่วน 4. ปุ๋ยไมพ่ ลิกกอง หรอื ปยุ๋ มูลใส้เดือนดิน 2 สว่ น 5. ขยุ มะพรา้ ว 6. จอบ พลั่ว ชอ้ นตกั ขน้ั ตอน/วธิ กี าร นาส่วนผสมทงั้ หมด ผสมใหเ้ ข้ากนั * ควรเกบ็ ไว้ อย่างนอ้ ย 7 วนั เพ่อื ให้จุลินทรยี เ์ จรญิ เตบิ โต เกิดการ ยอ่ ยสลายสรา้ งสารอาหารท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ ต้นพืช การยา้ ยกล้าปลกู วสั ดุ อปุ กรณ์ 5. เชอื ก 1. กระถางปลกู ขนาด 12 น้ิว 6. ไม้ไผย่ าว 14 นว้ิ 2. ดนิ ปลกู ที่ผสมแล้ว 7. อฐิ บล็อก 3. ต้นกล้าอายุ 7-10 วนั 8. พล่วั / ชอ้ นตัก 4. บวั รดน้า ข้ันตอน/วธิ กี าร 1. เตรยี มกระถางใส่ดินปลกู ท่ผี สมแลว้ 2. นาต้นกล้าเมล่อนอายุ 7-10 วนั ลงปลูก โดยใชพ้ ล่ัวหรอื ชอ้ นปลูก ทาเปน็ หลมุ ก่อนแล้วใสต่ น้ กลา้ ลงไป 3. รดนา้ ใหช้ มุ่ แล้วนาไปไวใ้ นโรงเรอื นเพาะปลูก 4. เจาะรกู ระถางด้านบน 2 รูตรงขา้ มกันแล้วใชไ้ ม้ไผเ่ สยี บเปน็ เสน้ ผ่านศูนย์กลาง เพ่อื ใชม้ ดั เชอื กให้ต้นเมล่อนพันข้ึนไปดา้ นบน

การปลูกเมลอ่ นอินทรีย์ 16 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งราย การดแู ลหลงั ย้ายกลา้ การดูแลหลงั การปลกู เปน็ ชว่ งท่มี ีความสาคัญและมีรายละเอียดในแต่ ละขน้ั ตอน โดยสรปุ ดังนี้ 1. หลังจากการปลูกเมล่อนในชว่ งระหวา่ งระยะเวลา 15 วนั ก่อนติด ดอก จะทาการตดั แต่งใบและแขนง โดยในระหวา่ งน้ีจะต้องสังเกต และริดใบเมล่อน โดยเร่มิ จาก รดิ ใบเล้ียง ริดใบจรงิ คู่ท่ี 1 และ 2 ท้ิง และเก็บใบจรงิ ต้ังแตค่ ทู่ ี่ 3 เปน็ ตน้ ไป 2. จากน้ันเมล่อนจะเจริญเติบโตและจะมีแขนง และมือจับ ออกมา ผปู้ ลกู ต้องคอยตดั แขนงและมือจบั ของต้นเมลอ่ นออก 3. เม่อื ปลูกเมล่อนครบ 15 วนั เมลอ่ นจะเริม่ มดี อกในชว่ งนจี้ ะทาการ ผสมเกสร โดยใชด้ อกตวั ผแู้ ละตวั เมยี โดยเลอื กดอกตวั ผู้ท่ีมีความ สมบูรณ์ แล้วนาพู่กันแต้มเกสรของดอกตัวผู้ไปแต้มบนเกสร ดอกตวั เมียข้ามตน้ กัน 4. หลังจากการผสมเกสรแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ จะมีผลอ่อน ให้ เลือกผลที่สมบูรณท์ ่สี ดุ 1 ลูกต่อต้น ส่วนลูกที่เหลือให้ตดั ทง้ิ และ ทาการแขวนผลเมล่อนดว้ ยเชอื ก 5. เม่อื ต้นเมลอ่ นมีใบจรงิ ถงึ คทู่ ี่ 30 ให้ทาการตดั ยอด และในระหว่าง นีผ้ ปู้ ลูกต้องคอยตดั แขนงและมือจบั ของเมล่อน 6. เม่ือปลูกครบ 75 วัน ผลเมล่อนจะเร่ิมแก่ จะทาการทาหวาน โดยสารทาความหวานจากน้าข้ีเถ้า และจะเก็บเกี่ยวเม่ืออายุครบ 90 วนั

สถาบนั การเจอื จางปุ๋ยและความถ่ีในการให ระยะ นา้ หมกั ปลาทะเล อตั ราส่วนการ 1 ลิตร จุลนิ ทรยี ์ เรมิ่ ปลกู -ติดดอก สังเคราะห์แสง (1-15 วนั ) 2.5 ลติ ร ตดิ ผล 2.5 ลติ ร 1 ลติ ร (16 – 60 วนั ) - 2.5 ลติ ร ผลแก่ระยะท่ี 1 (61-74 วนั ) 2.5 ลิตร ผลแก่ระยะที่ 2 (75-90 วนั ) 100 มลิ ลลิ ติ ร

การปลูกเมล่อนอินทรีย์ 17 นถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนัวตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งราย ห้นา้ รเจอื จาง นา้ ดา่ ง ชว่ งเวลาให้นา้ นา้ เปลา่ - เชา้ กลางวนั เย็น 100 ลติ ร เชา้ กลางวนั เย็น 100 ลิตร - เช้า เยน็ เช้า เย็น 100 ลิตร - 20 ลิตร 500 มิลลิลิตร

สถาบัน ชอ่ งทางเขา้ กลมุ่ ไลน์

การปลูกเมล่อนอนิ ทรยี ์ 18 นถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนัวตกรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏเชยี งราย ชอ่ งทางติดตามคลิปการเรียนรู้

สถาบนั

การปลูกเมลอ่ นอนิ ทรยี ์ 19 นถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนัวตกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชยี งราย

สถาบนั

การปลูกเมลอ่ นอนิ ทรยี ์ 20 นถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนัวตกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชยี งราย

การปลูกเมล่อนอินทรีย์ 21 สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละนัวตกรรม มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชยี งราย เอกสารสืบค้นข้อมูล 1. https://li01.tci- thaijo.org/index.php/tstj/article/download/1856 37/165393/832587 2. https://www.rukkla.com/content/10739/คู่มือ แนวทางปลกู เมลอ่ นญีป่ ุน่ เบ้อื งต้น **** 3. https://esc.doae.go.th/wp- content/uploads/2018/12/melon.pdf 4. Vegetweb.com/เมลอ่ น-ปลกู เมล่อน/ 5. https://www.arda.or.th/datas/file/04.2%20%การ ขับเคล่อื นชีวภณั ฑ์สกู่ ารใช้ประโยชน์_03.02.63.pdf 6. https://www.icpladda.com/ความรทู้ ีน่ ่าสนใน/ บทความ/สารชวี ภัณฑ์-คืออะไร/ 7. https://www.allkaset.com/contents/สารชวี ภณั ฑ์คอื อะไร-141.php 8. วธิ ีทาจลุ นิ ทรยี ์สังเคราะหแ์ สง https://www.opsmoac.go.th/angthong-article 9. เช้อื ราไตรโคเดอรม์ า, กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ สบื ค้นจากhttps://esc.doae.go.th/wp- content/uploads/2018/09/เช้อื ราไตรโคเดอรม์ า.pdf 10. จลุ นิ ทรยี ์ท่ีใชใ้ นการทาการเกษตร, กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ สืบค้นจาก https://www.opsmoac.go.th/phichit- article_prov-files-421191791795 11. พิชิตโรครานา้ ค้างในเมลอ่ น แบบไม่ตอ้ งใช่สารเคมี ไดผ้ ลดี 100% https://www.kubotasolutions.com/smart_farmin g/greenhouse


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook