ยคุ ทรานซสิ เตอร์(transistor)
ยคุ ท่ี 2 ยคุ ทรานซิสเตอร์ (ค.ศ. 1954 ถึง ค.ศ. 1962)• เคร่ืองคอมพิวเตอร์ยคุ น้ีใชท้ รานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นองคป์ ระกอบหลกั ของวงจรไฟฟ้าแทนหลอด สุญญากาศ โดยผทู้ ่ีคิดคน้ ทรานซิสเตอร์คือนกั วทิ ยาศาสตร์สามคนของหอ้ งปฏิบตั ิการเบลล์ (Bell Laboratories) แห่งสหรัฐอเมริกา ไดแ้ ก่ บาร์ดีน (J.Bardeen) แบรทเทน (H.W.Brattain) และชอค เลย์ (W.Shockley) การใชท้ รานซิสเตอร์ในการผลิตคอมพิวเตอร์แทนหลอดสุญญากาศทาใหต้ วั คอมพวิ เตอร์มี ขนาดเลก็ ลงกวา่ เดิมมาก
• นอกจากจะมีววิ ฒั นาการเกี่ยวกบั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์แลว้ ยงั มีการพฒั นาภาษาที่ใชก้ บั เคร่ืองคอมพิวเตอร์อีกดว้ ย ในยคุ น้ีมีการใชภ้ าษาแอสเซมบลี (Assembly Language) ซ่ึงเป็นภาษาท่ีใชค้ ายอ่ เป็นคาสงั่ แทนรหสั ตวั เลข ทาใหก้ ารเขียนโปรแกรมสะดวกข้ึน หลงั จากน้ีกม็ ีการพฒั นาภาษาระดบั สูง คือ ภาษาที่เขียนเป็นประโยคที่คน สามารถเขา้ ใจไดง้ ่าย เช่นในกลางปี 1955 เริ่มมีการใชภ้ าษาฟอร์แทรน (FORmular TRANstator : FORTRAN)
ในงานทางด้านคณิตศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ในปี 1959 มีการพฒั นาภาษาโคบอล (Common Business Oriented Language : COBOL) ใช้ในทาง ด้านธรุ กิจ ทงั้ สองภาษานีย้ งั มีใช้กบั เครื่องคอมพวิ เตอร์ถงึ ปัจจบุ นั
ในปี 1962 มีการนาชดุ จานแมเ่ หลก็ ที่ถอดเปลีย่ นได้มาใช้บนั ทกึ ข้อมลู แทนการใช้เทป แม่เหล็ก เทคโนโลยีใหม่ ๆ ท่ีใช้กบั คอมพวิ เตอร์ยคุ นีท้ าให้คา่ ใช้จ่ายในการใช้คอมพิวเตอร์ถกู ลง และทาให้ธรุ กิจตา่ ง ๆ เร่ิมนาคอมพวิ เตอร์มาใช้ในกิจการมากขนึ ้
ทรานซสิ เตอร์ชนิดสองรอยตอ่ เรียกด้ายตวั ย่อวา่ BJT (BIPOLAR JUNCTION TRANSISTOR) ทรานซิสเตอร์ (BJT) ถกู นาไปใช้งานอยา่ งแพร่หลาย เชน่ วงจรขยายในเครื่องรับวทิ ยแุ ละเคร่ีองรับโทรทศั น์หรือ นาไปใช้ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ท่ีทาหน้าท่ีเป็นสวิทซ์ (Switching) เช่น เปิด-ปิด รีเลย์ (Relay) เพ่ือควบคมุ อปุ กรณ์ไฟฟา้ อื่น ๆ เป็นต้น
เม่ือพิจารณาจากรูปจะเหน็ วา่ โครงสร้างของทรานซิสเตอร์จะมีสารกงึ่ ตวั นา 3 ชนั้ แตล่ ะชนั้ จะต่อลวดตวั นาจากเนือ้สารกงึ่ ตวั นาไปใช้งาน ชนั้ ท่ีเล็กที่สดุ (บางทีส่ ดุ ) เรียกวา่ เบส (Base) ตวั อกั ษรยอ่ B สาหรับสารก่ึงตวั นาชนั้ ที่เหลอืคอื คอลเลกเตอร์ (collector หรือ c) และอิมิตเตอร์ (Emitter หรือ E) นนั่ คือทรานซิสเตอร์ทงั้ ชนิด NPN จะมี 3 ขา คอื ขาเบส ขาคอลเลกเตอร์ ในวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์นิยมเขียนทรานซสิ เตอร์แทนด้วยสญั ลกั ษณ์ดงั รูป
เม่ือพิจารณาจากรูปจะเหน็ วา่ โครงสร้างของทรานซิสเตอร์จะมีสารกงึ่ ตวั นา 3 ชนั้ แตล่ ะชนั้ จะต่อลวดตวั นาจากเนือ้สารกงึ่ ตวั นาไปใช้งาน ชนั้ ท่ีเล็กที่สดุ (บางทีส่ ดุ ) เรียกวา่ เบส (Base) ตวั อกั ษรยอ่ B สาหรับสารก่ึงตวั นาชนั้ ที่เหลอืคอื คอลเลกเตอร์ (collector หรือ c) และอิมิตเตอร์ (Emitter หรือ E) นนั่ คือทรานซิสเตอร์ทงั้ ชนิด NPN จะมี 3 ขา คอื ขาเบส ขาคอลเลกเตอร์ ในวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์นิยมเขียนทรานซสิ เตอร์แทนด้วยสญั ลกั ษณ์ดงั รูป
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: