Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้ทั่วไป

ความรู้ทั่วไป

Published by Anutida Mapet, 2022-01-26 08:25:17

Description: ความรู้ทั่วไป

Search

Read the Text Version

ความรู้ทั่วไป เรือ่ งของสี

สี Color สี เปน็ สิง่ ทป่ี รากฏอย่บู นโลกทกุ ๆ สงิ่ ทเี่ รามองเหน็ รอบ ๆ ตัวน้นั ลว้ นแตม่ สี ี โลกของเราถูกจรรโลง และแตง่ แต้มด้วยสีสนั หลายหลาก ท้งั สสี ันตามธรรมชาติ และสที มี่ นษุ ยร์ ังสรรค์ขึ้น หากโลกน้ีไมม่ ีสีหรือมนษุ ยไ์ มส่ ามารถรบั รู้เก่ียวกับสไี ด้ ส่งิ น้ันอาจเป็นความพกพรอ่ งทย่ี ง่ิ ใหญ่ของธรรมชาติ เพราะสมี ีความสาคญั ต่อวัฏจักรแหง่ โลกและเกยี่ วข้องกบั วถิ ชี วี ิตมนุษย์จนแยกกนั ไม่ออกเพราะมนษุ ย์ ไดต้ ระหนกั แล้ววา่ สีนน้ั ส่งผลตอ่ ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ จินตนาการ การส่อื ความหมายและความสขุ สาราญใจในชวี ติ ประจาวนั มาชา้ นานแลว้ ดังนนั้ จงึ อาจกล่าวได้วา่ สี มอี ิทธพิ ลตอ่ มนษุ ย์เราเปน็ อยา่ งสงู และมนษุ ย์ก็ใช้ประโยชน์ จากสอี ยา่ งอเนกอนนั ตใ์ นการสร้างสรรค์ส่ิงต่าง ๆ อยา่ งไมม่ ที ี่สนิ้ สดุ ความหมายและการเกิดสี คาว่า สี (Color) ตามพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน หมายถึง ลกั ษณะ ของแสง ท่ปี รากฏแก่ สายตาเรา ใหเ้ หน็ เปน็ สขี าว ดา แดง เขียว ฯลฯ หรือการ สะทอ้ นรัศมีของแสงมาสู่ตาเรา สีที่ปรากฏในธรรมชาตเิ กดิ จากการสะท้อนของ แสงสวา่ งตกกระทบกบั วตั ถแุ ลว้ เกิดการหกั เหของแสง( Spectrum ) สเี ป็นคลื่น แสงชนิดหนึง่ ซงึ่ ปรากฏใหเ้ ห็นเมือ่ แสงผา่ นละอองไอน้า ในอากาศ หรอื แท่งแกว้ ปริซมึ ปรากฏเป็นสตี ่าง ๆ รวม 7 สี ได้แก่ สแี ดง มว่ ง สม้ เหลอื ง นา้ เงนิ คราม และเขียว เรยี กวา่ สีรงุ้ ที่ปรากฏบนท้องฟ้าตามธรรมชาติในแสงน้ัน มีสตี า่ ง ๆ รวมกนั อยู่อย่างสมดุลเปน็ แสงสขี าวใส เม่ือแสงกระทบกบั สขี องวตั ถุก็จะสะทอ้ น สีวัตถุนนั้ ออกมาเขา้ ตาเรา วัตถุสีขาวจะสะทอ้ นไดท้ ุกสี สว่ นวตั ถสุ ีดานน้ั จะ ดดู กลนื แสงไว้ไม่สะทอ้ นสีใดออกมาเลย

ประเภทของสี สี มอี ยู่ท่ัวไปในส่ิงแวดลอ้ มรอบ ๆ ตวั เราสีทป่ี รากฏอยู่ในโลกสามารถแบ่งออกได้ เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 1. สที ่เี กิดในธรรมชาติ มีอยู่ 2 ชนิดคือ ก. สีที่เปน็ แสง ( Spectrum ) คอื สที ีเ่ กดิ จากการหักเหของแสง เช่น สรี ุง้ สีจากแทง่ แกว้ ปริซึม ข. สที ่อี ย่ใู นวตั ถุ หรือเน้ือสี ( Pigment ) คอื สที มี่ ีอยูใ่ นวัตถุธรรมชาตทิ ่ัวไป เชน่ สีของ พชื สตั ว์ หรอื แร่ธาตตุ า่ ง ๆ 2. สที ม่ี นษุ ย์สร้างขึน้ คือ สีทไี่ ดจ้ ากการสงั เคราะหเ์ พอ่ื ใชป้ ระโยชนใ์ นงานตา่ ง ๆ เช่น งาน ศลิ ปะ อุตสาหกรรม การพาณิชย์ และในชวี ิตประจาวันโดยสังเคราะหจ์ ากวัสดุธรรมชาติ และจากสารเคมที ี่เรยี กว่า สวี ทิ ยาศาสตร์ ซง่ึ สที ไ่ี ด้จากการสงั เคราะห์สามารถนามาผสม กันให้เกิดเป็นสีต่าง ๆ อีกมากมาย การรับรเู้ รอื่ งสี (Color Perception) การรบั รตู้ อ่ สขี องมนษุ ยเ์ กดิ จากการมองเหน็ โดยใชต้ าเปน็ อวัยวะรับสัมผัส ตาจะ ตอบสนองตอ่ แสงสีต่าง ๆ โดยเฉพาะแสงสวา่ งจากดวงอาทิตยแ์ ละจากดวงไฟทาให้ มองเห็นโดยเร่มิ จากแสงสะท้อนจากวัตถุผา่ นเข้านัยนต์ า ความเข้มของแสงสว่างมีผลตอ่ การเหน็ สแี ละความคมชัดของวตั ถุ หากความเขม้ ของแสงสว่างปรกติจะทาใหม้ องเหน็ วตั ถุ ชดั เจนแต่หากความเขม้ ของแสงสว่างมนี ้อย หรอื มดื จะทาใหม้ องเหน็ วตั ถไุ ม่ชดั เจนหรอื พรา่ มวั นักวิทยาศาสตร์ได้เคยทา การศกึ ษาเกย่ี วกับความไวในการรับรูต้ อ่ สตี า่ ง ๆ ของ มนษุ ยป์ รากฏวา่ ประสาทสมั ผัสของมนุษยไ์ วต่อการรับรู้สแี ดง สีเขียวและสมี ว่ งมากกวา่ สี อ่ืน ส่วนการรบั รูข้ องเดก็ เก่ียวกบั สีนัน้ เด็กส่วนใหญ่จะชอบภาพท่ีมีสสี ะอาดสดใสมากกวา่ ภาพขาวดา ชอบภาพหลาย ๆ สีมากกว่าสีเดียวและชอบภาพที่เป็นกล่มุ สรี อ้ นมากกว่าสี เยน็ ตาของคนปกตจิ ะสามารถ แยกแยะสตี า่ ง ๆ ได้ถูกตอ้ งแต่หากมองเหน็ สีนั้น ๆ เป็นสี อื่นที่ผิดเพี้ยนไป เรยี กวา่ ตาบอดสี เชน่ เห็นวัตถสุ แี ดง เป็นสอี น่ื ที่มใิ ช่สแี ดง กแ็ สดงว่า ตา บอดสแี ดง หากเห็นสีน้าเงินผิดเพี้ยน แสดงว่าตาบอดสนี ้าเงนิ เปน็ ต้น ซงึ่ ตาบอดสีเปน็ ความบกพร่องทางการมองเห็นอย่างหน่งึ บคุ คลใดท่ตี าบอดสกี จ็ ะเปน็ อุปสรรคตอ่ การ ทางานบางประเภทได้ เช่น งานศลิ ปะ งานออกแบบ การขับรถ ขับเคร่ืองบนิ งานดา้ น วิทยาศาสตร์ เป็นต้น

จติ วทิ ยาสีกบั ความรสู้ ึก (Psychology of Color) ในดา้ นจิตวิทยา สี เป็นตวั กระตุ้นความรู้สึกและมีผลตอ่ จติ ใจของมนุษย์ สีตา่ ง ๆ จะให้ความรสู้ กึ ท่แี ตกต่างกัน ดังนน้ั เราจึงมกั ใช้สเี พ่อื สอื่ ความรูส้ กึ และ ความหมายต่าง ๆ ได้แก่ สแี ดง ใหค้ วามร้สู กึ เร่าร้อน รนุ แรง อันตราย ตน่ื เต้น สเี หลอื ง ใหค้ วามรูส้ กึ สวา่ ง อบอนุ่ แจ่มแจ้ง ร่าเรงิ ศรัทธา มัง่ คง่ั สเี ขียว ให้ความร้สู กึ สดใส สดช่ืน เย็น ปลอดภัย สบายตา มุ่งหวัง สฟี ้า ให้ความรสู้ กึ ปลอดโปล่ง แจม่ ใส กวา้ ง ปราดเปรอ่ื ง สมี ่วง ให้ความรู้สกึ เศร้า หม่นหมอง ลกึ ลับ สดี า ใหค้ วามรสู้ กึ มืดมิด เศรา้ นา่ กลวั หนกั แน่น สขี าว ให้ความรสู้ กึ บรสิ ุทธิ์ ผดุ ผอ่ ง ว่างเปล่า จดื ชืด สแี สด ให้ความรสู้ กึ สดใส ร้อนแรง เจิดจา้ มีพลงั อานาจ สเี ทา ให้ความรู้สกึ เศรา้ เงยี บขรึม สงบ แก่ชรา สนี ้าเงิน ใหค้ วามรู้สกึ เงียบขรมึ สงบสขุ จริงจัง มสี มาธิ สีน้าตาล ใหค้ วามรู้สึก แห้งแลง้ ไม่สดชืน่ น่าเบอื่ สชี มพู ให้ความรู้สกึ ออ่ นหวาน เป็นผ้หู ญิง ประณตี รา่ เริง สที อง ให้ความรสู้ กึ มง่ั คง่ั อุดมสมบรู ณ์

คุณลักษณะของสี (Characteristics of Color’s) ในงานศิลปะ สี นบั เปน็ องค์ประกอบพ้ืนฐานที่มคี วามสาคญั มากโดยเฉพาะในงาน จิตรกรรม สถี ือเปน็ ปจั จยั สาคัญท่ีช่วยให้ศิลปนิ สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ตามเจตนารมณ์ ซง่ึ คุณลักษณะของสใี นงานศลิ ปะที่ตอ้ งนามาพิจารณามอี ยู่ 3 ประการ คือ 1. สแี ท้ (Hue) หมายถงึ ความเป็นสีน้ัน ๆ ที่มไิ ด้มกี ารผสมใหเ้ ขม้ ข้ึนหรือจางลง สแี ท้ เป็นสใี นวงจรสี เชน่ สแี ดง นา้ เงนิ เหลือง ส้ม เขียว มว่ ง ฯลฯ 2. นา้ หนักของสี ( Value) หมายถงึ ค่าความอ่อนแก่ หรือ ความสวา่ งและความมดื ของสี โดยแบ่งเป็น 2 ลกั ษณะคอื 2.1 สแี ท้ถกู ทาให้อ่อนลงโดยผสมสีขาว เรียกวา่ สนี วล (Tint) 2.2 สีแทถ้ กู ทาให้เข้มข้ึนโดยผสมสีดา เรยี กว่า สคี ล้า (Shade) 3. ความจัด หรือความเข้มของสี (Intensity) หมายถงึ ความสดหรอื ความบริสทุ ธข์ิ องสี ๆหน่ึง ทมี่ ิไดถ้ กู ผสมให้สหี ม่นหรอื ออ่ นลง หากสนี น้ั อย่ทู ่ามกลางสีทีม่ นี า้ หนกั ต่างคา่ กันจะ เห็นสภาพสีแท้สดใสมากขน้ึ เช่น วงกลมสีแดง บนพนื้ สนี า้ เงินอมเทา 4. คา่ ความเป็นสกี ลาง (Neutral) หมายถึง การทาใหส้ แี ทท้ ม่ี ีความเขม้ ของสนี น้ั หมน่ ลง โดยการผสมสีตรงข้าม เรยี กวา่ การเบรกสี เช่น สีแดงผสมกับสเี ขียว หรอื ผสมดว้ ยสีท่ีเปน็ กลาง เช่น สเี ทา สีนา้ ตาลอ่อน สีครมี และขาว เพ่อื ลดความสดของสีแท้ลง

หน้าทข่ี องสี 1. สที ม่ี ีอยูใ่ นธรรมชาตเิ ปน็ ปรากฏการณ์ทธ่ี รรมชาติสร้างขนึ้ มาเพ่อื แสดงถงึ ความ เป็นไปของสง่ิ ท่มี อี ยู่บนโลกซ่ึงสีจะเปน็ ตัวบ่งบอกสงิ่ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ความเปลยี่ นแปลง หรอื ววิ ัฒนาการ ของธรรมชาติหรอื วตั ถุธาตเุ มอื่ กาลเวลาเปลย่ี นไปสอี าจกลายสภาพ จากสีหนงึ่ ไปเป็นอกี สหี น่ึง เช่น การเปล่ยี นสขี องใบไม้ ความแตกตา่ งของชนิดหรอื ประเภทของวตั ถุธาตุ ไดแ้ ก่ สีของอัญมณี เชน่ แรไ่ พลินมสี ีนา้ เงนิ แรม่ รกตมีสีเขยี ว แร่ ทบั ทมิ มีสีแดง เป็นต้น แบ่งแยกเผา่ พนั ธุข์ องสงิ่ มีชีวิต ได้แก่ สีผวิ ของมนษุ ย์ที่ตา่ งกนั เชน่ คนยโุ รปผวิ ขาว คนเอเชียผิวเหลือง และคนแอฟรกิ ันผวิ ดา ดอกไม้หรือแมลงมีสี หลากสี ขึ้นอยกู่ ับชนดิ และเผา่ พันธ์ขุ องมนั 2. สีในงานศลิ ปะ ทาหน้าท่ี เป็นองค์ประกอบสาคญั ท่ีทาให้งานศลิ ปะชิน้ นนั ้ มี คณุ ค่าทางสนุ ทรียะ หน้าท่ีหลกั ของสีในงานศลิ ปะ คือ 2.1 ให้ความแตกตา่ งระหว่างรูปกบั พืน้ หรือรูปทรงกบั ท่ีว่าง 2.2 ให้ความรู้สกึ เคลื่อนไหวด้วยการนาสายตาของผ้ดู บู ริเวณที่สตี ดั กนั จะดงึ ดดู ความสนใจ 2.3 ให้ความเป็นมติ แิ ก่รูปทรง และภาพด้วยนา้ หนกั ของสีท่ีตา่ งกนั 2.4 ให้อารมณ์ความรู้สกึ ได้ด้วยตวั มนั เอง 3. ในด้านกายภาพ สีมกั นามาใช้เพื่อสง่ ผลตอ่ อณุ หภมู ิ เช่น สีดา จะดดู ความร้อน ได้มากกว่าสขี าว และด้านความปลอดภยั สีที่สวา่ งจะช่วยในเรื่องความปลอดภยั ได้ ดีกว่าสีมืด

ทฤษฎีสี ( Theory of Colour) มนษุ ยเ์ ราได้มกี ารศกึ ษาค้นคว้าและทดลองเกี่ยวกบั สีมานานแล้ว เพือ่ ค้นหา คุณสมบตั ิทแี่ ทจ้ ริง เพ่ือนาสีมาใช้ให้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ เรม่ิ ต้นจาก เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1731 เจ ซี ลี โบลน (J.C.Le Blon) ได้ทาการศึกษาวิเคราะหธ์ รรมชาตหิ รือคุณ ลกั ษณะเฉพาะของสี และไดก้ าหนดสีขน้ั ต้นเปน็ แดง เหลอื ง และน้าเงิน แลว้ นาสีทง้ั สามมาจับคผู่ สมซ่งึ กันและกัน ทาใหเ้ กดิ สีต่าง ๆ อกี มากมาย การค้นพบคณุ สมบตั ิ เก่ียวกับสีน้ไี ดถ้ กู กาหนดเปน็ \"ทฤษฎสี ี\" ขึน้ มา และตอ่ มาได้มีผนู้ าหลักทฤษฎสี ี นไี้ ป ศึกษาค้นควา้ ตอ่ และได้คน้ พบคณุ สมบัตขิ องสอี กี หลายประการดว้ ยกัน ซึ่งความรู้ เก่ยี วกบั ทฤษฎสี ี สามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้ให้เกิดประโยชน์ในงานดา้ นตา่ ง ๆ ไดอ้ กี มากมายตามมา 1.วงจรสี (Color Wheel) วงจรสี คอื สที ่ีเกดิ จากการผสมกันเปน็ คู่ เริม่ ต้งั แต่ แม่สี 3 สี แลว้ เกดิ เป็นสใี หมข่ ึน้ มา จนครบวงจร จะได้สที ้ังหมด 12 สี ซ่งึ แบง่ สีเปน็ 3 ขัน้ คือ 1.1 สีขั้นที่ 1 (Primary Colors) คอื แม่สี 3สี ไดแ้ ก่ สแี ดง เหลอื ง และน้าเงนิ 1.2 สขี ้ันที่ 2 (Secondary Colors) คือ สีทเี่ กิดจากการผสมกนั เป็นค่ๆู ระหว่าง แมส่ ี 3 สี จะไดส้ เี พมิ่ ขึ้นอกี 3 สี 1.3 สีข้นั ท่ี 3 (Tertiary Colors) คอื สีท่เี กดิ จากการผสมกนั เปน็ คู่ ๆ ระหวา่ งแม่ สี 3 สี กับสขี น้ั ท่ี 2 จะได้สีเพม่ิ ขึน้ อีก 6 สี 1.4 สกี ลาง (Neutral Color) คือ สที ีเ่ กิดการผสมสีทกุ สี ในวงจรสี หรอื แมส่ ี 3สี ผสมกนั จะไดส้ เี ทาแก่ สีทั้ง 3 ขั้น เมอื่ นามาจดั อยเู่ ปน็ วงจรจะได้ลักษณะเปน็ วงลอ้ สี

2. วรรณะของสี (Tone of Color) วรรณะสี คือ ความแตกต่างของสีแตล่ ะกลมุ่ ในวงจรสโี ดยแบ่งตามความรูส้ ึกด้าน อณุ หภมู ิ โดยแบง่ ออกเปน็ 2 วรรณะ คือ 2.1 สีวรรณะร้อน (Warm Tone) ประกอบดว้ ยสีเหลอื ง, ส้มเหลอื ง, ส้ม, สม้ แดง , แดง และมว่ งแดง 2.2 สีวรรณะเยน็ (Cool Tone) ประกอบดว้ ยสมี ว่ ง, มว่ งนา้ เงิน, น้าเงิน, เขยี วนา้ เงนิ , เขียวและเขยี วเหลือง 3. สีตรงขา้ ม (Complementary Color) สตี รงข้าม หมายถงึ สีทีอ่ ยูใ่ นตาแหน่งตรงขา้ มกันในวงจรสี และมกี ารตัดกันอย่าง เดน่ ชดั ซ่งึ จะใหค้ วามร้สู ึกทีข่ ดั แยง้ กนั หากนามาผสมกนั จะไดส้ กี ลาง (เทา) ซ่งึ มี ทัง้ หมด 6คู่ ไดแ้ ก่ - สีเหลอื ง ตรงข้ามกบั สีมว่ ง - สีแดง ตรงข้ามกบั สเี ขียว - สีนา้ เงนิ ตรงขา้ มกับ สสี ้ม - สีเขยี วเหลอื ง ตรงข้ามกบั สมี ว่ งแดง - สีสม้ แดง ตรงข้ามกบั สีเขยี วน้าเงนิ - สีม่วงน้าเงิน ตรงขา้ มกับ สสี ม้ เหลอื ง 4. สีขา้ งเคียง ( Analogous Color) สขี า้ งเคียง หมายถงึ สีที่อยูเ่ คยี งขา้ งกนั ทั้งซา้ ยและขวาในวงจรสี มคี วามคล้ายคลึงกัน หากนามาจัดอยู่ด้วยกนั จะมีความกลมกลืนกัน หากอยู่ห่างกันมากเทา่ ใดความ กลมกลนื กจ็ ะย่ิงน้อยลงความขดั แย้งกจ็ ะมมี ากขน้ึ สว่ นใหญจ่ ะเป็นสี ในวรรณะ เดยี วกัน สีข้างเคียงไดแ้ ก่ - สีแดง - ส้มแดง - สม้ หรอื ม่วงแดง -แดง - ส้มแดง - สีสม้ เหลอื ง - เหลือง - เขยี วเหลอื ง หรือ สม้ แดง - ส้ม - ส้มเหลือง - สีเขยี ว - เขียวนา้ เงิน - นา้ เงิน หรือ เขยี วน้าเงนิ - เขียว - เขยี วเหลอื ง - สีม่วงน้าเงิน - มว่ ง - มว่ งแดง หรือ ม่วงน้าเงนิ - นา้ เงิน – เขยี วน้าเงิน

ความหมายของสี 1.สีแดง (ช่ือเสียง ลาภยศ) ความหมาย ความรัก ความหลงใหล ความต่นื เต้น ความกระตือรือรน้ ความ สนใจ ความเร็ว ไฟ ความร้อน สงคราม พลงั ความมชี วี ิตชวี า ความโกรธ ความ ก้าวร้าว อนั ตราย ความมุ่งมาด ความเป็นผนู้ า ความแคน้ และความกล้าหาญ 2.สนี ้าเงนิ – สฟี ้า (ปัญญาความรู้) ความหมาย ความสงบ ความเงยี บ ความม่นั คง ความศรทั ธา ความมีระเบียบ ความจรงิ ความสขุ ุม ความเชอื่ ถือ ความจงรกั ภักดี ความเยอื กเยน็ ความราบรน่ื ความ เป็นเอกภาพ ความเป็นอนุรักษ์นิยม แรงบนั ดาลใจ 3. สีเขยี ว (ครอบครวั และสังคม) ความหมาย ธรรมชาติ ชวี ิต มนุษยชาติ การเริ่มตน้ ความสดช่ืน ความ ปลอดภยั อาหาร ความอดุ มสมบรู ณ์ ความเปน็ อมตะ การเจริญงอกงาม การเติบโต การดูแล การรกั ษาเยียวยา ความเห็นอกเหน็ ใจ การควบคมุ ความสมดุลทางกายและ ใจ ความสัมพนั ธท์ ่ีดี 4. สีเหลือง (สุขภาพและความสมดุล) ความหมาย ความรื่นเริงเบกิ บานใจ ความสขุ ความสดใสร่าเริง พลงั อนาคต การมองโลกในแงด่ ี อดุ มคติ จินตนาการ ความหวงั แสงสวา่ ง ฤดรู ้อน ปัญญา ปรัชญา ความคิดสร้างสรรค์ ความไมจ่ ริงใจ ความขีข้ ลาด การทรยศ ความริษยา ความเจบ็ ป่ วย อนั ตราย 5. สีส้ม (จติ วญิ ญาณและความรู้) ความหมาย พลงั ความกระตือรือร้น ความมชี ีวติ ชีวา ความสนกุ สนาน การ ผจญภยั ความอบอนุ่ ความยตุ ธิ รรม ความรอบรู้ มารยาท ความหลงใหล ความมี เสน่ห์ ความสขุ ความมนั่ ใจ ความปรารถนา การเก็บเกี่ยว ฤดใู บไม้ผลิ

6. สีม่วง (ความรา้่ รวยรงุ่ โรจน์) ความหมาย ฐานนั ดรศกั ดิ์ จิตวญิ ญาณ ความสงู ส่ง ความหรูหรา การเฉลมิ ฉลอง เวทมนตรค์ าถา ความลกึ ลับ ความเพอ้ ฝนั สตปิ ัญญา การเปล่ยี นแปลง การ หลดุ พ้น การปรงุ แตง่ ความโหดรา้ ย ความสง่างาม ความเยอ่ หยงิ่ อวดดี ความโอ้อวด ความเศรา้ โศก การไว้อาลัย 7. สีชมพู (ความสัมพนั ธแ์ ละชวี ติ คู่) ความหมาย ความนมุ่ นวล ความออ่ นโยน ความไร้เดยี งสา ความออ่ นเยาว์ การ ดูแลเอาใจใส่ การทะนุถนอม ความเอื้อเฟือ้ เผอื่ แผ่ จติ ใจดี ความหวาน ความบอบบาง นางฟ้า เพศหญิง ความรัก ความเอ็นดู หัวใจ มติ รภาพ เสน่ห์ สขุ ภาพที่ดี ความ อ่อนไหวทางอารมณ์ ความไมเ่ ปน็ ผ้ใู หญ่ 8. สีขาว (เด็กและความคดิ สรา้ งสรรค์) ความหมาย ความบริสุทธิ์ สนั ตภิ าพ ความสงบสุข ความดี ความเรียบง่าย ความสะอาด ความไร้เดยี งสา ความอ่อนเยาว์ ความหลุดพน้ ความว่างเปลา่ ความเบา ความเทา่ เทยี ม การเกิด การแต่งงาน ความตาย สถานพยาบาล หมิ ะ การปลอดเชอ้ื โรค ความเย็น ฤดหู นาว 9. สีดา้ (ตวั ตนและหนา้ ทก่ี ารงาน) ความหมาย พลังอานาจ ความรอบรู้ ความลึกซ้ึง ความนา่ เกรงขาม ความเปน็ ทางการ ความหรหู รา ความทุกข์ ความเศร้า ความโกรธ ความตาย การมองโลกในแง่ ร้าย การบงั คับควบคุม ความมดื ความลึกลบั ความกลวั ความชวั่ รา้ ย 10. สนี ้าตาล (สขุ ภาพและความสัมพนั ธใ์ นครอบครวั ) ความหมาย ความเปน็ มติ ร ความอบอุน่ ความจริงใจ ความแข็งแรง ความ ซ่อื สตั ย์ ความไว้ใจ สุขภาพ ความยงั่ ยนื ความทนทาน ความเรยี บง่าย ความเปน็ ผใู้ หญ่ ความเสมอภาค

11. สีเทา (มติ ร ผ้อู ุปถัมภ์ และการเดินทาง) ความหมาย ความออ่ นน้อมถ่อมตน ศกั ด์ศิ รี ความเสถยี ร ความมั่นคง ความ เปน็ ทางการ ความมรี ะเบียบ สติปัญญา ความเช่อื ถอื ความจงรกั ภักดี ความเป็นผใู้ หญ่ ความมีอายุ ความเศรา้ ความน่าเบื่อ ความเป็นอนุรกั ษ์นิยม 12. สีทอง (ความม่ังคั่งและความหรูหรา) ความหมาย ความหรูหรา ความมีระดับ ความสงู ส่ง ความสาเร็จ ความ เปดิ เผย ความรอบรู้ ความม่ันใจ ชยั ขนะ คุณธรรม ความเมตตา ความใจกวา้ ง ความ ตง้ั ใจ มนตข์ ลงั การหลงตวั เอง ความอจิ ฉา การหลอกลวง 13. สีเงิน (ความสง่างาม) ความหมาย ความหรูหรา เกยี รติยศ ความสงา่ งาม ความมีนา้ ใจ ความเขา้ ถึง ความกระจา่ งชัด ความออ่ นโยน ความอ่อนไหว ความสรา้ งสรรค์ เทคโนโลยี ความ ทนั สมัย ความเปน็ ระบบระเบยี บ ความเยือกเย็น ความเฉยชา การปกปดิ ความรสู้ ึก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook