Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บุกเบิกดินแดนตะวันตก

บุกเบิกดินแดนตะวันตก

Published by วรเมธ วรเมธ วรเมธ, 2020-01-25 23:40:07

Description: บุกเบิกดินแดนตะวันตก สังคม ม ปลาย

Search

Read the Text Version

พระนทั ธพงค์ ปันนะสกั รหสั นิสติ 5822202003 พระไพศาล กอ้ นใจ รหสั นิสติ 5822202004 พระวรเมธ ไชยงาม รหัสนสิ ติ ๕๘๒๒๒๐๒๐๐๖ พระศภุ กฤษ ไชยหมอน รหสั นิสติ ๕๘๒๒๒๐๒๐๐๙ พระอนุพงศ์ สทิ ธมิ า รหัสนสิ ติ ๕๘๒๒๒๐๒๐๑๑



อาณานิคมของอเมรกิ าและประเทศใหม่เตบิ โตขึ้นอยา่ ง รวดเร็วในดา้ นประชากรและความกา้ วหนา้ ในการเกษตร ขณะทผ่ี บู้ ุกเบิกผลกั ดันแนว พรมแดนไปทางตะวนั ตก ในประวตั ศิ าสตร์ ของสหรัฐอเมรกิ า ในชว่ งเวลานี้ จะได้ พูดถึงการขยายดนิ แดนจรดชายฝ่ังแปซิฟกิ หมายถงึ การรวมสามผืนดินใหญ่ เข้ากับ สหรัฐอเมริกา คอื ดินแดนเทก็ ซสั ดนิ แดนโอเรกอน และดินแดนทางฝ่งั ตะวนั ตกเฉยี ง ใต้ อันประกอบด้วยดินแดน แคลฟิ อรเ์ นีย ดนิ แดนยูทา่ ห์ และนิวเมก็ ซโิ ก

นโยบายขยายอาณาเขต ของแจ๊กสนั ประธานาธิบดแี จก็ สนั มีนโยบายขยายอาณาเขตเพอื่ ใหป้ ระชาชนมที ี่ดนิ ในการ ประกอบเกษตรกรรมมากขน้ึ ประกอบกบั ความเกลยี ดชงั ส่วนตวั ของแจก็ สันทมี่ ตี อ่ ชาว อนิ เดยี นแดงพน้ื เมอื ง นาไปสู่นโยบายการขับชาวพน้ื เมืองออกจากดนิ แดนดง้ั เดมิ ของตนเพอื่ ให้ คนขาวนามาทาการเกษตร ในค.ศ. 1830 รัฐบาลแจก็ สนั ออกรัฐบัญญตั ขิ บั ไลอ่ นิ เดียนแดง (Indian Removal Act) ให้ชาวอินเดยี นแดงทงั้ หมดหา้ เผา่ ในมลรัฐทางตอนใต้ออกจากถ่ินเดมิ ของตนแล้วไปตง้ั รกรากใหมท่ ม่ี ลรัฐโอคลาโฮมา)

ชาวอินเดยี นแดงได้ร้องเรียนตอ่ ศาลฎีกาสงู สุดแหง่ สหรฐั ซง่ึ ศาลฎีกาตดั สนิ ว่า รัฐบาลกลางไม่มีสทิ ธิอันชอบธรรมในการขบั ไลช่ าวอนิ เดียนแดง แมก้ ระนนั้ ประธานาธิบดแี จ็กสนั กไ็ ม่สนใจคาตดั สนิ ของศาลฎีกา ยังคงใหม้ กี ารขบั ชาว อนิ เดียนแดงออกจากพน้ื ทต่ี อ่ ไป จากความกดดันของรฐั บาลกลางและคนขาว ชาวอนิ เดียนแดงทงั้ หา้ เผา่ ออกเดินทางสโู่ อกลาโฮมาในชว่ งฤดูหนาวปคี .ศ. 1830-1835 ซ่งึ ชาวอนิ เดยี นแดงสว่ นใหญเ่ สยี ชวี ิตระหวา่ งการเดินทางเนอ่ื ง ดว้ ยสภาพอากาศอนั เลวร้าย เรียกการอพยพของอินเดยี นแดงในครง้ั นวี้ า่ \"เสน้ ทางแหง่ นา้ ตา\" (Trail of Tears )



การผนวกดนิ แดนรฐั เท็กซสั และรฐั โอเรกอน ๑. การประกาศเอกราชของเมก็ ซโิ ก หลังจากท่เี มก็ ซโิ ก ประกาศเอกราช จากสเปนไดส้ าเร็จ ในปีค.ศ. 1824 โดยมลี ักษณะเป็นสมาพันธรฐั (Federation) โดยแต่ละรัฐมีรัฐบาลเปน็ ของตนเองขึ้นแก่รัฐบาลกลาง รัฐเท็กซสั เปน็ หนง่ึ ในนัน้ รฐั เทก็ ซสั ซึ่งขึน้ แกเ่ มก็ ซโิ กได้สง่ เสรมิ เชือ้ เชิญใหช้ าวแองโกล-อเมริกนั (Anglo-American) หรอื ชาวอเมริกนั ทว่ั ไปจากมลรัฐทางใตข้ องสหรฐั เขา้ มาตั้งถ่นิ ฐานในเทก็ ซสั เพอื่ ส่งเสริมเศรษฐกจิ ภายในรฐั โดยที่ชาวอเมริกัน ได้นาทาสผวิ ดาชาวแอฟรกิ นั มาด้วย

๒.การปฎวิ ตั ใิ นเท็กซสั ต่อมา ในปี ค.ศ. 1825 เม็กซโิ กเปลย่ี นนโยบายให้เม็กซิโกเป็นรัฐเดยี่ วรวมอานาจไวท้ ศ่ี นู ยก์ ลาง ยกเลกิ รฐั บาลของแต่ละรฐั สรา้ งความไมพ่ อใจ แก่ชาวรฐั เทก็ ซัส รวมไปถึง นโยบายการเลิกทาสของเม็กซโิ ก จึงได้ทาการปฎิวตั ิ โดย นายพล แซม ฮิวสตนั แม้กองทพั เมก็ ซิโกจะชนะในยุทธการอลาโม แตส่ ดุ ท้ายฝา่ ยเทก็ ซสั เอาชนะ กองทพั เมก็ ซโิ ก จนไดใ้ น ได้ในยุทธการซานฮาซินโต จนนาไปสกู่ ารแยกประเทศในที่สุด โดย ใชช้ อื่ วา่ สาธารณรฐั เท็กซัส ในปี ค.ศ. 1836

๓.การเข้ามาของรัฐเทก็ ซสั แซม ฮวิ สตนั เหน็ วา่ สาธารณรฐั เท็กซสั ควรทจ่ี ะเขา้ รวมกับสหรฐั แตท่ ว่าถูกคัดค้านโดยรฐั บาลของ ประธานาธิบดแี วนบวิ เรน เนอื่ งจากเกรงวา่ จะตอ้ งมีสงครามกับเมก็ ซโิ ก แมว้ ่ารฐั เท็กซัส จะขอเข้ารว่ มหลาย คร้ัง แตก่ ็ถูกละเลยมาโดยตลอด แต่วา่ ประชาชนชาวอเมรกิ ันทางใต้น้นั ต้องการที่จะให้เท็กซัสเขา้ มาเป็น สมาชิกเพราะเป็นการเปิดโอกาสใหช้ าวอเมริกันเข้าไปแสวงหาทีด่ ินทากนิ เพิม่ เติม นายเจมส์ เค. โพล์ก จงึ ใช้ นโยบาย สนบั สนุนการรวมเท็กซัสเข้ากับอเมริกา มาหาเสยี ง จนสามารถชนะ ขัว้ อานาจเดมิ ข้ึนมาดารง ตาแหนง่ ประธานาธบิ ดี ในปี ค.ศ.1845

ต่อมา สภาคองเกรสภายใตป้ ระธานาธบิ ดีโพลก์ ผ่านร่างเหน็ ชอบใหเ้ ท็กซัสเข้ามาเป็นมลรฐั ใหม่ ของสหรฐั ในค.ศ. 1846 โดยเป็นมลรัฐทมี่ ที าส และใหด้ นิ แดนโอเรกอน (Oregon Territory) อนั เปน็ ดินแดนรว่ มระหว่างสหรัฐกับบรเิ ทน เข้ามาเปน็ มลรัฐโอเรกอนเปน็ รัฐปลอดทาสเพอ่ื ความสมดลุ โดยทาสนธิสัญญาโอเรกอน (Oregon Treaty) แบ่งเขตแดนระหวา่ งสหรฐั กบั แคนาดาของบริเทนทีเ่ สน้ ขนาน 49 องศาเหนือ

สงครามเมก็ ซิโก-อเมรกิ า มลรฐั เทก็ ซัสนัน้ มีเขตแดนทบั ซอ้ นกนั กบั สาธารณรฐั เมก็ ซิโก โดยท่ฝี า่ ยอเมริกานั้นอา้ ง ดินแดนจนถึงแม่น้ารโิ อแกรนด์ ในขณะที่ฝ่ายเม็กซิโกอา้ งดนิ แดนเข้ามาจนถงึ แมน่ า้ นวิ ซ์ ประธานาธิบดโี พล์กได้สง่ นายพลแซคารี เทยเ์ ลอร์ เปน็ ผูน้ าทพั อเมริกันเข้าไปในดนิ แดนพพิ าท และส่งนายจอหน์ ซี. เฟรมองต์ ไปยงั แคลิฟอรเ์ นยี เพอ่ื ปลกุ ปน่ั ให้ชาวแคลิฟอรเ์ นยี กอ่ กบฏ ต่อต้านรฐั บาลเม็กซโิ ก ในค.ศ. 1846

ทัพเม็กซโิ กไดเ้ ข้าโจมตีทพั ของอเมริกาในดนิ แดนขอ้ พพิ าท ทางฝา่ ยสภาคองเกรสจงึ ประกาศ สงครามกบั เมก็ ซิโก โดยทพั อเมรกิ าเขา้ บกุ ยึดดนิ แดนทปี่ จั จุบันคอื ภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ของ สหรัฐซ่ึงในขณะนนั้ เป็นของเมก็ ซโิ กอย่างรวดเรว็ ในขณะเดียวกนั ทัพเรอื แปซฟิ กิ ไดเ้ ข้าปิดล้อมเมืองทา่ ตา่ งๆของเม็กซิโกในแคลฟิ อร์เนยี และนายพลวนิ ฟลี ด์ สกอ็ ต ได้ยกทัพลงใต้เขา้ บกุ ยึดเมืองเมก็ ซโิ กซิต้ี อนั เปน็ เมืองหลวงของ เมก็ ซิโกได้สาเรจ็ ในค.ศ. 1847 เป็นเหตใุ หเ้ ม็กซโิ กยอมจานนและทาสนธสิ ญั ญากวาเดอลปู - ฮดิ ัลโก ในค.ศ. 1848 ยอมรับสถานะของมลรฐั เทก็ ซสั และยอมยกแคลฟิ อรเ์ นียรวมทงั้ ดนิ แดน ทเ่ี ปน็ ภาคตะวันตกเฉียงใตข้ องสหรฐั อันประกอบดว้ ยดนิ แดน แคลฟิ อรเ์ นยี ดนิ แดนยทู า่ ห์ และ นิวเม็กซิโกในปจั จบุ นั ใหแ้ ก่สหรฐั

\"โชคชะตาเดน่ ชัด\" (Manifest Destiny) ชยั ชนะในสงครามกับเมก็ ซิโกและสนธิสัญญากวาเดอลูป-ฮิดัลโก ทาใหค้ วามใฝ่ฝันของสหรัฐท่ีจะแผ่ ขยายดนิ แดนจากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนตกิ จรดมหาสมทุ รแปซฟิ กิ เปน็ ความจรงิ ข้นึ มา ชาวอเมริกันมีความ เชื่อในเร่ือง \"โชคชะตาเดน่ ชัด\" (Manifest Destiny) ว่าคนผวิ ขาวมีหน้าท่ีภารกิจในการนาความเจริญจาก ฝงั่ ตะวันออกไปสู่ฝั่งตะวนั ตกซง่ึ กค็ อื ฝง่ั แปซฟิ ิกนนั่ เอง โดยท่ีความด้อยอารยธรรมของชนพน้ื เมอื ง อินเดียนแดงจะตอ้ งลา่ ถอยไป ซึง่ แนวความคิดนีเ้ ป็นแรงผลกั ดันสาคัญในการแผข่ ยายดนิ แดนของสหรฐั ในสมัยของรัฐบาลพรรคเดโม แครต ประกอบกับประโยชน์ทางเศรษฐกิจซ่งึ ชาวอเมรกิ นั ฝา่ ยใต้มีโอกาสทีจ่ ะเข้าไปทากินท่ีดินใหมๆ่ ทม่ี มี าก ขน้ึ ไมส่ ิ้นสุด ในขณะที่ชาวอเมริกนั ฝา่ ยเหนือและนักการเมืองจากพรรควกิ ต่างคัดค้านนโยบายน้ีเนอื่ งจากการ แผ่ขยายดินแดนหมายถึงการแผข่ ยายของระบอบทาสในการเกษตรกรรม รวมท้งั คัดค้านการทาสงครามใดๆท่ี นาไปสกู่ ารขยายดนิ แดน

การตั้งรัฐแคลิฟอร์เนยี ปี ค.ศ. 1848 มกี ารคน้ พบเหมืองทองบรเิ วณแคลฟิ อร์เนียและเทือกเขาเซยี ร์ราเนวาดา โดยท่ี ประธานาธบิ ดีโพล์กไดย้ ืนยนั การคน้ พบทองน้ีต่อสภาคองเกรส สง่ ผลให้ในปตี ่อมาค.ศ. 1849 ชาวอเมรกิ ัน จานวนมากจากฝัง่ ตะวันออกต่างพากันหล่งั ไหลไปสฝู่ ่ังตะวนั ตกด้วยความหวงั ว่าจะได้ทองมาไวใ้ นครอบครอง เรียกวา่ การตื่นทองแคลิฟอรเ์ นยี (California Gold Rush) และเรียกชาวอเมริกันท่ีอพยพมาในปนี ้ันว่า \"ชาวสส่ี บิ เก้า\" (Forty-Niners) นอกจากชาวอเมริกนั แล้ว ชาวฮสิ แปนิก ชาวอนิ เดยี นพ้นื เมอื ง หรือแม้แตผ่ ู้ อพยพจากเอเชยี แปซิฟิกได้แก่ชาวจีน ชาวญี่ปนุ่ และชาวออสเตรเลีย ตา่ งเข้ามาแขง่ ขนั ในการทาเหมืองแร่ ทอง ประชากรในแคลิฟอรเ์ นยี เพม่ิ สูงขึ้นอย่างรวดเรว็ เมอื งตา่ งๆได้แก่ ซานฟรานซสิ โก ลอสแอนเจลิส ซานดเิ อโก กลายเป็นเมอื งใหญ่

เมอ่ื ประชาชนชาวแคลฟิ อรเ์ นยี ยื่นรา่ งเสนอให้จดั ตง้ั แคลฟิ อรเ์ นียเปน็ มลรัฐ ปัญหาจึงเกิดขนึ้ เมอ่ื ชาวแคลิฟอรเ์ นยี ต้องการให้รฐั ของแตเ่ ป็นเพราะแคลฟิ อร์เนยี มอี าณาเขต คาบเกย่ี วเส้นขนานขอ้ ตกลง นกั การเมืองพรรคเดโมแครตฝ่ายใต้ตอ้ งการทจ่ี ะแบ่งแคลฟิ อรเ์ นยี เป็นสองสว่ น สว่ นทอี่ ย่ใู ต้ตอ่ เสน้ ขนานนนั้ เปน็ รัฐมที าส ในขณะเดียวกนั นนั้ มลรัฐเทก็ ซสั ซง่ึ เปน็ รัฐมที าสได้อา้ งเขตแดนถึงแมน่ า้ รโิ อแกรนด์ ซึง่ ทบั ซ้อนกบั ดนิ แดนนิวเม็กซิโก ซง่ึ ชาว นิวเม็กซโิ กปรารถนาจะเปน็ เขตปลอดทาส จงึ เกดิ การประนปี ระนอมระหว่างฝ่ายนิยมทาสและ ฝ่ายท่ตี อ่ ตา้ นระบอบทาส โดยวฒุ ิสมาชิกสตเี ฟน ดกั ลาส แหง่ พรรคเดโมแครต และวุฒสิ มาชกิ เฮนรี เคลย์ แห่งพรรควกิ ไดส้ รา้ งขอ้ ตกลงรว่ มกนั โดยใหแ้ คลิฟอรเ์ นยี เป็นรฐั ใหม่ปลอดทาสโดย ไม่มีการแบง่ แยกตนเองเป็นรัฐปลอดทาส

รัฐเทก็ ซัสสละการอ้างเขตแดน แต่นิวเม็กซิโกจะยงั ไมม่ ีสถานะเปน็ มลรัฐ และไดอ้ อก รฐั บญั ญตั ทิ าสหนี (Fugitive Slave Act) ให้ตารวจสามารถเขา้ จับกมุ ชาวแอฟรกิ นั อเมรกิ ันผิว ดาไดท้ กุ คนทถ่ี กู กลา่ วหาวา่ เป็นทาสหลบหนี ขอ้ ตกลงทงั้ หลายนี้รวมกนั เรียกว่า ข้อตกลงปคี .ศ. 1850 (Compromise of 1850) กส็ ามารถยุติความขดั แย้งได้เกือบสิบปี

สงครามกลางเมอื ง ของสหรฐั อเมรกิ า

สงครามกลางเมืองอเมรกิ า เปน็ สงครามกลางเมอื งซงึ่ เกิดขนึ้ ในสหรัฐระหวา่ งปี 1861 ถึง 1865 สบื เน่ืองจากขอ้ โตแ้ ย้งยืดเย้อื เกย่ี วกบั การถอื ครองทาส ระหวา่ งฝา่ ยหน่งึ เปน็ กลุ่ม ชาตินยิ มสหภาพซง่ึ ประกาศความภกั ดตี อ่ รฐั ธรรมนญู สหรัฐ กบั กล่มุ แบง่ แยกดนิ แดน สมาพนั ธรฐั ซึง่ สนบั สนนุ สทิ ธขิ องมลรฐั ในการคงไวซ้ ึง่ สถาบนั ทาสอกี ฝ่ายหนง่ึ ในบรรดา 34 รัฐของสหรฐั ในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 1861 เจด็ รฐั ทาสในภาคใตป้ ระกาศแยกตวั ออกจากสหรฐั เพอ่ื ต้ังเปน็ สมาพนั ธรัฐอเมริกา หรอื \"ฝา่ ยใต้\" สมาพนั ธรัฐเติบโตจนมี 11 รัฐทาส รฐั บาลสหรัฐไม่ เคยรับรองทางการทตู ซงึ่ สมาพนั ธรฐั เช่นเดยี วกบั ประเทศอ่นื ทกุ ประเทศ (แม้สหราชอาณาจักร และฝรงั่ เศสจะใหส้ ถานภาพคู่สงครามแกส่ มาพนั ธรฐั ) ส่วนมลรฐั ทย่ี ังภักดีตอ่ สหรฐั (รวมท้ังรฐั ชายแดนซ่งึ ทาสชอบดว้ ยกฎหมาย) เรียกว่า \"สหภาพ\" หรือ \"ฝา่ ยเหนอื \"

สาเหตแุ ละความขดั แยง้ สาเหตุของสงครามเกดิ จากความแตกตา่ งระหวา่ งรัฐแตล่ ะรฐั ในสหรฐั อเมรกิ า ซ่ึงมีรปู แบบและ วถิ ีชวี ติ ความเปน็ อยู่แตกตา่ งกันมาก กล่าวคือ รฐั ทางใตม้ ีระบบเศรษฐกิจทพี่ ่งึ พาการใช้แรงงานทาสในการ เกษตรกรรมขนาดใหญ่ และมพี ลเมอื งส่วนมากเป็นคนชาตพิ ันธแ์ องโกล-แซกซอน ทน่ี ับถอื นกิ ายโปรแตส แตนท์ และพูดภาษาองั กฤษเปน็ หลัก นอกจากนกี้ ารเมืองและระบบเศรษฐกจิ ภายในรัฐยังถูกควบคมุ โดยคน รวยทีถ่ ือครองทาส ระบบความคดิ จึงเปน็ ไปในทางอนรุ ักษน์ ยิ ม และนยิ มเชือ้ ชาติ โดยยดึ ม่นั ในอัตลักษณ์ ความเปน็ \"ชาวใต\"้ (Southerner) มากกว่าความเปน็ อเมริกัน ทาให้เป็นสงั คมหลากเชื้อชาตแิ ละวัฒนธรรม มรี ะบบความคดิ ท่กี ้าวหนา้ มากกวา่ เมอ่ื อับราฮมั ลินคอลน์ ซ่งึ มีแนวคิดไม่ประนีประนอมกับสถาบนั ทาสอยา่ ง ชดั เจน ได้รบั เลอื กให้เปน็ ประธานาธิบดแี หง่ สหรฐั อเมรกิ าแบบทว่ มทน้ ในการเลือกตั้งปี ค.ศ. 1860 ทาให้ ประชากรผวิ ขาวใน 11 รัฐทางตอนใต้ไม่พอใจอย่างย่ิง และรสู้ กึ ว่าการแยกตวั เปน็ อิสระเปน็ ทางเลอื กเดียวท่ี จะรกั ษาสถาบนั ทาสไวไ้ ด้

การกดขี่และใชแ้ รงงานทาส ความขัดแย้งในประเด็นเรือ่ งการมีและใชแ้ รงงานทาส ทีท่ วีความรนุ แรงข้นึ ในช่วง ทศวรรษท่ี 1850 เปน็ สาเหตใุ หญป่ ระการหนึ่ง ท่ีทาใหอ้ เมรกิ าถูกแยกออกเปน็ สองประเทศ แต่ เดมิ ทีนัน้ คนอเมริกนั ทอี่ าศัยในรัฐทางตอนเหนือช่วงตน้ ศตวรรษที่ 19 สว่ นใหญก่ ม็ ิได้มี ความรูส้ กึ เปน็ อคติตอ่ การมที าส และในมุมมองของพวกทต่ี อ่ ต้านสถาบนั ทาสเอง ประเดน็ เร่อื ง การมีทาสกถ็ กู จากดั อย่ใู นบรบิ ททว่ี า่ มันเปน็ ความช่ัวรา้ ยทล่ี า้ สมัย สว่ นทางใตม้ องว่า หากไมม่ ี แรงงานทาส ตนกไ็ มอ่ าจแขง่ ขันกบั อตุ สาหกรรมส่ิงทอผา้ ฝ้ายทกี่ าลงั เติบโดอยา่ งรวดเร็วในรฐั ทางตอนเหนอื และในยุโรปได้ นายทาสจากรัฐทางใตจ้ งึ พยายามใชว้ ธิ ที ง้ั ทางการเมอื งและ กฎหมาย เข้าขัดขวางนโยบายควบคมุ สถาบนั ทาสของรฐั ทางเหนอื

การตัดสนิ ที่ไมเ่ ป็นธรรมแก่ทาสผวิ สี แนวคิดเรือ่ งการกาหนดความชอบดว้ ยกฎหมายของสถาบันทาสโดยทางอธิปไตยปวงชนได้รับการ ปฏเิ สธจากฝ่ายตลุ าการสงู สดุ ในปี ค.ศ. 1857 ในคาพพิ ากษาคดี เดร็ด สก็อตต์ กบั แซนดฟ์ อรด์ (Dred Scott v Sandford ) ตลุ าการหัวหนา้ ศาล โรเจอร์ บี. ทอนยี ์ (Roger B. Taney) พพิ ากษาวา่ ไมม่ ี บทบัญญัติหรือหลกั กฎหมายในในสหรฐั ที่จะห้ามมิให้นายทาสพาหรอื ติดตามทาสของตน เขา้ ไปในดินแดน บุกเบกิ ใหมข่ องประเทศ โดยตุลาการทอนยี ์เห็นว่า \"คนนิโกรทบี่ รรพบรุ ษุ ถกู ซื้อขายเข้ามาในประเทศน้ีใน ฐานะทาส\" ไมว่ ่าจะยังป็นทาสอยู่ หรือไดร้ ับอิสระแลว้ ก็ดี ไมอ่ าจมฐี านะเปน็ ประชาชนอเมรกิ ันได้ และย่อมไม่ มีอานาจที่จะเป็นโจทก์ฟอ้ งคดีได้

การเลือกตง้ั ประธานาธิบดี กับวกิ ฤติการแยกดนิ แดน ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดสี หรฐั ปี ค.ศ. 1860 ของพรรครพี บั ลกิ ันซงึ่ นา โดยอับราฮมั ลินคอล์น เป็นผลมาจากความระส่าระสายภายในของพรรคเดโมแครต เนอ่ื งจาก ตัวแทนจากรฐั ทางตอนใตซ้ ่ึงเปน็ พวกสนบั สนุนสถาบนั ทาส และคาพพิ ากษา เดร็ด สกอ็ ตต์ พา กนั \"วอล์กเอ้าท\"์ จากการประชุมแหง่ ชาตขิ องพรรคเดโมแครต เพอื่ ประทว้ งการทท่ี ป่ี ระชมุ ปฏเิ สธไมร่ บั มติสนบั สนนุ นโยบายขยายสถาบนั ทาส โดยการใชก้ ฎหมายทาส (slave codes) ในทุกพน้ื ทข่ี องสหรฐั อเมริกา สมาชกิ ของพรรคเดโมแครตจงึ แตกออกเปน็ ฝา่ ยเหนือและใต้ โดย สมาชิกพรรคฝา่ ยใต้เปน็ พวกสนับสนุนคาพิพากษาคดีเดรด็ สกอ็ ตต์ ฝา่ ยนี้จงึ แยกตวั ออกมา เลือก นายจอหน์ ซ.ี เบรกคนิ รดิ จ์ (John C. Breckinridge) ซง่ึ ในขณะนน้ั ดารงตาแหน่งเปน็ รองประธานาธิบดี มาเปน็ ผแู้ ทนลงสมคั รรับเลอื กตงั้ ของพรรคเดโมแครตฝา่ ยใต้



โดยเพียงสองเดอื นหลงั ชยั ชนะในการเลอื กตง้ั ทว่ั ประเทศของลนิ คอล์น มลรัฐเซาท์ แคโรไลนา ซึ่งเป็นตวั ตั้งตวั ตีท่ีสาคัญท่สี ดุ ในการผลักดันประเด็นเรอ่ื งสทิ ธขิ องมลรัฐทจี่ ะ ปกครองและกาหนดตนเอง (state rights) กป็ ระกาศแยกตวั ออกเปน็ รฐั แรก ในวันท่ี 20 ธนั วาคม ค.ศ. 1860 มลรฐั เกษตรกรรมไร่ฝ้ายอีกหกมลรฐั ได้แก่ มสิ ซิสซิปป,ี ฟลอรดิ า, แอละแบมา, จอรเ์ จยี , หลุยสเ์ ซยี นา และเทก็ ซสั ทยอยประกาศแยกตวั ออกตามในอีกสองเดอื น ถัดมา คือระหวา่ งเดอื น มกราคม และกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1861 หกรัฐแรกทปี่ ระกาศแยกตวั มี สดั สว่ นของทาสตอ่ ประชากรทส่ี งู ถงึ รอ้ ยละ 49 แสดงถึงความพง่ึ พาแรงงานทาสใน อุตสาหกรรมการเกษตรในระดบั ทสี่ งู มาก และรฐั เหลา่ น้ีเชอ่ื วา่ การครองทาสเปน็ สทิ ธติ าม รฐั ธรรมนญู บรรดารฐั ทแี่ ยกตวั ออกน้ไี ดร้ ว่ มกนั จัดตงั้ เป็น สมาพนั ธรฐั อเมรกิ า (Confederacy) ในวันที่ 4 กุมภาพนั ธ์ ค.ศ.1861

การจดั ต้ังสมาพันธรัฐอเมรกิ า สมาพนั ธรัฐอเมรกิ าถกู จัดต้งั ขนึ้ ในระหวา่ ง การประชุมมอนต์กอเมอรี ณ รัฐแอละแบมา เม่ือวนั ที่ 4 กมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. 1861 - หนงึ่ เดอื นกอ่ นที่ลินคอลน์ จะเขา้ สูต่ าแหน่งอยา่ งเป็นทางการในเดอื นมนี าคม ใน ระยะแรกมรี ฐั เขา้ ร่วมจดั ต้งั 6 รัฐ ไดแ้ ก่ เซาท์แคโรไลนา, มิสซิสซปิ ปี, ฟลอริดา, แอละแบมา, จอร์เจีย และ ลุยเซยี นา โดยมเี ทก็ ซัสเปน็ รัฐเขา้ ร่วมสังเกตการณ์ (กอ่ นทจ่ี ะเข้าร่วมเปน็ สมาชิกในสมาพันธรฐั เม่ือวันท่ี 2 มนี าคม 1861) และมีนาย เจฟเฟอรส์ นั เดวสิ เป็นประธานาธิบดี เมอื งหลวงในระยะแรกอยู่ท่ีเมอื งมอนตก์ อ เมอรี รฐั แอละแบมา ตอ่ มามมี ลรัฐเข้าร่วมเพม่ิ อีก 4 มลรฐั รวมทัง้ สิ้น 11 มลรฐั และยา้ ยเมอื งหลวงไปอยทู่ ่ี เมอื งริชมอนด์ รฐั เวอรจ์ ิเนีย ในวนั ที่ 30 พฤษภาคม ในปีเดียวกัน

การสูร้ บ ประเทศอเมริกาสรู้ บกันในสงครามกลางเมอื งระหวา่ ง วนั ท่ี 12 เมษายน ค.ศ. 1861 จนถึง 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1865 โดยมกี ารสรู้ บกนั ใน 23 มลรัฐ และในพน้ื ทที่ ข่ี ณะนั้นยงั ไมม่ สี ถานะเป็นมลรัฐ รวมไปถงึ พนื้ ที่ทางนา้ สงครามกลางเมือง อเมริกาสู้รบกนั ในพน้ื ทีน่ ับไม่ถ้วน ตงั้ แต่ วาลเวอรด์ , รฐั นิวเม็กซโิ ก และ ตุลลาโฮมา, รัฐเทนเนสซี ไปจนถงึ เซนตอ์ ลั แบนส์, รัฐเวอร์มอนท์ และเฟอรน์ านดนิ า ณ ชายฝ่งั รฐั ฟลอรดิ า สมรภูมทิ ีม่ ีชื่อบันทกึ อย่างเป็นทางการมีถงึ 237 สมรภมู ิ คน อเมริกนั มากกว่าสามล้านคนเขา้ ร่วมสูร้ บในสงครามกลางเมือง และมีคนกวา่ หกแสนคนล้มตายในสงครามน้ี หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ สอง ของประชากรอเมรกิ นั ทง้ั หมด

แผนยทุ ธศาสตรข์ องฝา่ ยเหนือ ประการแรก คือ ทาการเจรจากบั รฐั ชายแดนบริเวณเหนอื เส้นเมสนั -ดกิ สนั (Mason-Dixon line) เช่น มลรฐั แมรแี ลนดใ์ หค้ งอยู่ในสหภาพ ประการท่ีสอง คอื ทาการปิดลอ้ มท่าเรอื ของเมอื งใหญๆ่ ฝ่ายสมาพนั ธรฐั เพ่อื ตดั การค้าและการ สง่ กาลงั บารุงจากยุโรป หรอื จากหมเู่ กาะบาฮามัส ซ่งึ อยู่ในควบคมุ ของจักรวรรดอิ ังกฤษ ประการทีส่ าม คอื เข้ายดึ ครองพ้ืนทสี่ าคญั ตามแนวล่มุ แม่น้ามสิ ซสิ ซิปปี เพ่ือตดั ขาดรฐั ทางฝงั่ ตะวันตกเฉียงใต้ จากรัฐฝ่งั ตะวันออกของสมาพนั ธรัฐ ประการสุดทา้ ย คอื เดนิ ทพั เขา้ สดู่ นิ แดนใจกลางของสมาพนั ธรฐั และเข้ายดึ ครองเมืองหลวง รชิ มอนด์

การระดมพล ในขณะทฝ่ี ่ายสมาพนั ธรฐั กาลงั กอ่ ตวั โดยรัฐรว่ มจดั ตงั้ 7 รัฐ ท่กี ารประชมุ เมอื งมอนกอ เมอร์รี กาลงั พลท้งั หมดของกองทพั สหรัฐมีจานวนราว 16,000 นาย แตเ่ หลา่ ผู้วา่ การรฐั ทาง เหนอื ก็เรมิ่ ท่ีจะระดมกาลงั พลเรอื นตดิ อาวุธแลว้ สภาคองเกรสของสหพนั ธรัฐให้อานาจประเทศ ทีต่ ง้ั ใหม่นี้มกี าลังทหารได้ไมเ่ กิน 100,000 นาย ซึ่งทางผวู้ า่ การรฐั ทางใตก้ ท็ ะยอยสง่ มาตงั้ แต่ เดอื นกมุ ภาพันธ์ พอถงึ เดอื นพฤษภา ปธน.เจฟเฟอร์สนั เดวสิ ก็กาลงั เรง่ จะไดไ้ ด้กาลงั พลถึง 100,000 นาย และสภาคองเกรสสหรฐั กเ็ รง่ ระดมพลตอบโต้ ในปีแรกของสงคราม ทัง้ สองฝ่าย มีจานวนอาสาสมคั รเกนิ กว่าทีต่ นจะสามารถฝึกและตดิ อาวธุ ให้ได้ แตค่ วามกระตอื รอื รน้ ของ ประชาชนกม็ ีอยู่ไมน่ าน ทาให้ทงั้ สองฝา่ ยตอ้ งหนั ไปพงึ่ พาการเกณฑ์ทหาร

หลงั จากสงครามยดึ เยอื้ มานานกวา่ 4 ปี หลังจากการยอมแพก้ องกาลังของฝา่ ย สมาพนั ธรฐั นายพลโรเบริ ต์ อี. ลี นายพล โจเซฟ อี. จอหน์ สตนั พร้อมด้วยกาลัง 90,000 นาย ยอมจานนต่อฝา่ ยสมั พนั ธรฐั ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1865 ประธานาธิบดลี นิ คอล์น ถูกนาย จอหน์ วลิ คส์ บธู นกั แสดงทฝ่ี กั ใฝ่ฝา่ ยสมาพนั ธรฐั ลอบยงิ ลินคอลน์ เสยี ชวี ติ ในรุ่งเชา้ วนั ถดั ไป และ แอนดรูว์ จอห์นสัน กลายเปน็ ประธานาธิบดแี ทนที่ ประธานาธบิ ดจี อห์นสนั ออก แถลงการณ์ ประกาศจุดสน้ิ สุดของการกอ่ ความไมส่ งบ เมื่อวนั ที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1865 ประธานาธิบดี เจฟเฟอรส์ ัน เดวสิ ถูกจบั กมุ ในวนั ถดั มา ในขณะกาลังรบในแผนกทรานส- มิสซสิ ซปิ ปี (Trans-Mississippi) ของเคอร์บี สมธิ ยอมจานนในวันที่ 2 มิถนุ ายน และ ในวันที่ 23 มิถุนายน ผนู้ าชาโรกอี นิ เดียน แสตนด์ วาตี กลายเปน็ นายพลฝา่ ยสมาพันธรฐั คนสุดทา้ ยที่ ยอมจานนพร้อมกองกาลงั ของตน

ผลสรปุ ของสงครามการเมอื ง ผลกระทบในด้านต่างๆของสงครามกลางเมืองอเมรกิ ายังเปน็ ที่ถกเถยี งกนั แต่ผลทางเศรษฐกจิ นน้ั คอ่ นข้างชัด เกษตรกรรมฝา้ ยของรัฐทางใต้พงั พินาศ ภาคใต้ของสหรฐั กลายเปน็ พืน้ ทีย่ ากจนไปอกี เกอื บรอ้ ยปี จากทเ่ี คยรา่ รวยมาก่อน ในขณะท่ภี าคเหนือและตะวันตกรา่ รวยข้ึน อานาจทางการเมืองของนายทาส และ เศรษฐจี ากภาคใตย้ ตุ ลิ ง อาจจะกล่าวไดว้ ่า สหรัฐอเมริกาในช่วงก่อนสงคราม เปน็ ประเทศทฝี่ ่ายเหนือและใต้ แขง่ ขันกนั เอาวิสัยทัศน์ และความเช่อื ของตนเขา้ กาหนดทศิ ทางของประเทศ แตผ่ ลของสงครามกลางเมืองทา ใหก้ ารแข่งขนั ในทางวิสัยทัศน์ยุตลิ ง นกั ประวัตศิ าสตร์ เจมส์ แมค็ เฟอรส์ ันกลา่ ววา่ \"ชัยชนะของสหภาพ ทาลายวสิ ยั ทัศน์ชาวใตเ้ กีย่ วกับอเมรกิ า และเปน็ การรับประกนั ว่าวสิ ยั ทัศน์ของฝ่ายเหนอื จะกลายมาเปน็ วสิ ยั ทัศนข์ องคนอเมรกิ ัน [ท้งั ประเทศ]\" ด้วยเหตุนจี้ งึ ไมเ่ ปน็ การเกนิ ไปที่จะกลา่ วว่า ประเทศสหรัฐอเมรกิ าใน ปัจจบุ ันเปน็ ผลผลิตของสงครามกลางเมอื ง

การสูญเสยี สงครามกลางเมืองทาให้มผี ู้บาดเจบ็ ล้มตายไมน่ อ้ ยกว่า 1,030,000 ราย (คิดเปน็ รอ้ ยละสามของประชากรทง้ั หมด) รวมเปน็ ทหารทเ่ี สียชวี ิต 620,000 นาย โดยสองในสามเป็นเพราะโรคระบาดและการตดิ เช้ือ และมพี ลเรอื ย 50,000 คน เสยี ชีวติ นกั ประวัตศิ าสตรบ์ างรายเชอ่ื ว่าตวั เลขดังกล่าวเปน็ การประเมนิ ที่ตา่ เกินไป และความเป็นจรงิ ยอดทหารเสยี ชวี ิตอาจสูงถึง 750,000 - 850,000 นาย หรือ กวา่ สองเทา่ ของทหารอเมรกิ นั ท่ีตายในสงครามโลกคร้งั ที่สอง สงครามกลางเมืองจงึ นับวา่ พร่าชวี ิตคนอเมรกิ ันไปมากกวา่ จานวนผูเ้ สียชวี ิตในสงครามครง้ั อ่ืนๆรวมกัน



การฟน้ื ฟู หลังสิ้นสดุ สงครามกลางเมือง รัฐบาลสหรฐั ฯมี ความพยายามท่จี ะฟนื้ ฟปู ระเทศจากภาวะสงคราม และนารัฐทางใต้กลับเข้ามารวมกันเป็นสหรัฐสามัคคี กลมเกลียวกนั ดังเดมิ เรียกวา่ สมัยแห่งการฟ้นื ฟู (Reconstruction Era) นโยบายท่ีสาคัญของรฐั บาล ในสมัยแห่งการฟืน้ ฟคู อื การฟน้ื ฟูทางเศรษฐกิจของ รฐั ฝา่ ยใต้ซงึ่ ไดถ้ กู ทาลายลงอย่างส้นิ เชงิ ในชว่ ง สงคราม การให้สิทธเิ สรีภาพแกช่ าวแอฟริกนั อเมริกัน ในฐานะพลเมืองอเมริกันที่เทา่ เที่ยมกับคนผิวขาว และ การกดขีป่ ราบปรามพรรคเดโมแครตฝา่ ยใตแ้ ละผู้ ฝักใฝ่สมาพนั ธรัฐทเี่ หลืออยู่

การประกาศเลกิ ทาส การประกาศเลิกทาส (Emancipation Proclamation) เป็นคาสัง่ ของฝ่ายบรหิ ารทีอ่ อกโดย ประธานาธิบดีสหรฐั อเมริกา อบั ราฮมั ลนิ คอล์น เมอื่ วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1863 ระหวา่ งสงครามกลางเมอื ง อเมรกิ นั โดยใชอ้ านาจยามสงครามของตน โดยมใิ ช่ กฎหมายท่รี ัฐสภาคองเกรสผา่ น คาสั่งดงั กล่าวประกาศให้ เสรภี าพแกท่ าสในสบิ รฐั ซง่ึ เปน็ กบฏอย่ขู ณะนน้ั มีผลตอ่ ทาส 3.1 ล้านคน จากทง้ั หมด 4 ลา้ นคนใน สหรฐั อเมรกิ าในเวลานน้ั การประกาศดงั กล่าวปลดปล่อย ทาสทันที 50,000 คน และเกอื บทัง้ หมด (จาก 3.1 ล้านคน) ความเป็นทาสถกู ประกาศให้ผดิ กฎหมายทุกทใี่ น สหรฐั อเมริกาในการแกไ้ ขรัฐธรรมนญู ครั้งทส่ี ิบสาม ซ่งึ มี ผลใช้บงั คับเมือ่ เดอื นธนั วาคม ค.ศ. 1865

คนไทย ในสงครามกลางเมืองของ สหรฐั อเมรกิ า ฝาแฝดอนิ -จนั เกดิ เมอื่ วนั ท่ี 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 ตรงกับรัชสมยั รชั กาลท่ี 2 ในครอบครัวคนไทย เช้อื สายจนี ทจ่ี ังหวัดสมทุ รสงครามอนิ -จนั มีชวี ติ อยใู่ น ชว่ งเวลาของความขัดแยง้ ในเรื่องการมีทาสในสงั คม อเมรกิ นั สงครามกลางเมอื งอเมริการะเบิดขนึ้ ใน เดอื น เมษายน ปี ค.ศ. 1861 รฐั นอร์ทแคโรไลนาเป็น 1 ใน 11 รัฐ ท่แี ยกตวั จากสหภาพเพอ่ื ก่อตั้งเปน็ สมาพันธรฐั อเมรกิ า โดยมเี มืองหลวงท่ีรชิ มอนด์ รฐั เวอรจ์ เิ นีย คริสโตเฟอร์ลกู ชายของจนั และสตเี ฟน ลูกชายของอนิ ตา่ งเข้าร่วมรบใน กองทพั ของสมาพนั ธรฐั เมอ่ื สงครามจบลงและฝ่าย สมาพนั ธรฐั (ใต้) แพส้ งคราม คู่ฝาแฝดสูญเสียทรัพยส์ ิน ของตนเกอื บหมด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook