EDITORIAL “อันชาติใดไรช้ า่ งชานาญศิลป์ เหมอื นนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า” บทกลอนทก่ี ลา่ วเปรยี บเทยี บผูห้ ญงิ กบั ความงาม ประเทศใดเมอื งใดไม่มศี ิลปะกเ็ ปรยี บเหมอื นกบั ผูห้ ญงิ ทไ่ี ม่มคี วามงาม นิตยสารเลม่ น้ีไดส้ รปุ เรอ่ื งราวทเ่ี ราไดเ้รยี นกนั มาในวชิ าศิลปะ ประกอบไปดว้ ยเรอ่ื ง ศิลปินใน ประเทศไทย ศิลปินต่างประเทศ การบรรยายทศั นศิลป์ การออกแบบโปสเตอร์ และกรออกแบบ บรรณจภุ ณั ฑ์ ทาใหเ้ราไดเ้หน็ ความสาคญั ของศิลปะมากข้นึ ดว้ ยความเคารพ นางสาวปานสั ม์ คาสนิ ม.4/8 เลขท่ี 8 นางสาวศรนั ญพร คล่องชตุ โิ สภณ ม.4/8 เลขท่ี 14
CONTENTS 1 ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ 27 การบรรยายภาพ ศาสตราจารยว์ โิ ชค มกุ ดามณี การบรรยายทางทศั นศลิ ป์ 9 ARTIST OF THE MONTH 30 INTERNATIONALARTIST วชั ระ กลา้ คา้ ขาย Alessandro di Mariano di Vanni Filipepi Vincent Van Gogh 20 VISUAL ART 38 POSTER DESIGN ศพั ทท์ างทศั นศลิ ป์ การออกแบบโปสเตอร์ 23 PACKAGING DESIGN การออกแบบบรรจุภณั ฑ์
ศิลปนิ แหง่ ชาติ... ศาสตราจารย์วโิ ชค มกุ ดามณี ศาสตราจารยว์ โิ ชค มกุ ดามณี ไดร้ บั เกียรตยิ กย่องให้ เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทศั นศิลป์ (สอ่ื ผสม) ประจาปี พ.ศ.2555 เกิดเมอ่ื วนั ท่ี 8 มนี าคม 2496 ปจั จุบนั อายุ 67 ปี สาเร็จการศึกษา ระดบั ปรญิ ญาตรแี ละโท จากคณะจติ รกรรมประตมิ ากรรมและภาพ พิมพ์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร เม่ือปี พ.ศ. 2517 และ พ.ศ. 2530 ตามลาดบั อีกทงั้ ไดร้ บั ทุนรฐั บาลญ่ีปุ่นไปศึกษาท่ีมหาวิทยาลยั Tokyo Gakugei แ ล ะ ไ ด้รับ Diploma in Art Education (Graphic Design, Contemporary Art) FINE ART MAGAZINE 1
ศาสตราจารยว์ โิ ชค มดุ กามณี ในพธิ ี เชดิ ชูเกยี รตศิ ิลปินแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2555 Nature and Man in the Sea, mixed media and installation, วโิ ชค มกุ ดามณี เป็นศิลปินท่สี รา้ งสรรคง์ านศิลปะร่วม dimention variable, 1996 จดั แสดง ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ สมยั โดยการสรา้ งงานจติ รกรรม จากรูปร่างและเร่อื งราวของมนุษย์ จากนนั้ จงึ นาเร่อื งราวชวี ติ มนุษย์ ธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ มในยุคท่ี หอศิลป กรงุ เทพฯ มคี วามเจรญิ ทางดา้ นวตั ถุ และสภาวการณต์ ่าง ๆ มาพฒั นาผลงาน ศิลปะอย่างสรา้ งสรรค์ โดยแสดงออกในรูปแบบของศิลปะแนว สอ่ื ผสม และพฒั นามาเร่อื ย ๆ จนมาเป็นรูปแบบศิลปะเชงิ ความคดิ แนวจดั วาง โดยนาวสั ดุ เช่น ไม้ เหลก็ ทองแดง ฯลฯ มาสรา้ งสรรค์ งานส่อื ผสมโดยใชก้ ระบวนการทางจิตรกรรมควบคู่กนั ไป ทง้ั น้ี เน้ือหาส่วนใหญ่มกั เก่ียวขอ้ งกบั ชีวิต สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม วทิ ยาศาสตร์ คตคิ วามเช่อื ในพทุ ธศาสนา และโลกอนาคต จงึ ทาให้ ผลงานจติ รกรรมและศิลปะแนวสอ่ื ผสมของวโิ ชค มกุ ดามณี ไดร้ บั รางวลั ในระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ และยงั ไดร้ บั รางวลั เมธวี จิ ยั อาวุโส ของสานกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ยั เพอ่ื ทาหนา้ ทศ่ี ึกษาวจิ ยั งาน สรา้ งสรรคด์ า้ นศิลปะ อกี ทง้ั ยงั เป็นผูถ้ ่ายทอดองคค์ วามรูด้ า้ นศิลปะ และวฒั นธรรมใหแ้ ก่เดก็ เยาวชน และวงการศิลปะอน่ื ๆ มาตงั้ แต่ อดตี จนถงึ ปจั จบุ นั นบั เป็นคณุ ประโยชนแ์ ก่ประเทศและมคี ุณูปการ ต่องานศิลปะและวฒั นธรรม 2 FINE ART MAGAZINE
ในช่วงปี 2535 – 2541 เป็นช่วงทว่ี โิ ชค มกุ ดามณี แสดง นาเสนอมุมมองท่ีศิลปินมีต่อส่ิงแวดลอ้ มและธรรมชาติรอบตวั ศกั ยภาพในฐานะศิลปินสอ่ื ผสมใหเ้ป็นอย่างชดั เจน และใหอ้ ทิ ธพิ ล ผลงานสรา้ งสรรคช์ ดุ “เรือและชีวติ ” และ “คน ความสมั พนั ธ์ กบั อย่างสูงต่อวงการศิลปะร่วมสมยั ของไทย โดยสรา้ งสรรคผ์ ลงานทม่ี ี สง่ิ ของ” ศิลปะแนวจดั วาง ณ Yokohama Art Museum การขยายโครงสรา้ งใหส้ มั พนั ธก์ บั สง่ิ แวดลอ้ ม แผ่ไปยงั ทศิ ทางต่าง ๆ ขงึ วสั ดุอย่างอสิ ระ ไม่ยดึ ตดิ กบั เฟรมสเ่ี หลย่ี ม ปลดปล่อยใหผ้ ล ตง้ั แต่ปี พ.ศ. 2545 เป็นตน้ มา บทบาทของวโิ ชค มกุ ดามณี งานพล้ิวปลิวไปกบั สายลม นอกจากน้ียงั ริเร่ิมทดลองเทคนิค เด่นชดั ในแง่ของการเช่ือมโยงศิลปะร่วมสมยั ของไทยกบั ระดบั เคร่อื งปนั้ ดนิ เผา ทงั้ ในรูปแบบประตมิ ากรรม และนามาผสมกบั งาน นานาชาติ ศิลปินเดนิ ทางไปแสดงงานยงั ต่างประเทศบ่อยครง้ั อกี ศิลปะประเภทจิตรกรรม งานจดั วางและงานส่อื ผสม ศิลปินจดั ทงั้ ยงั มกี ารเช้อื เชญิ ศิลปินจากต่างประเทศ มาแสดงผลงานร่วมกนั ท่ี แสดงนิทรรศการผลงานแนวสอ่ื ผสมอนั มเี อกลกั ษณ์โดดเด่นอย่าง เมอื งไทย ผลงานในช่วงน้ีหนั กลบั มาสู่เร่อื งราวทใ่ี กลต้ วั ศิลปินมาก ต่อเน่ือง อาทเิ ช่น ผลงานสรา้ งสรรคช์ ดุ “สู่ภาวการณใ์ หม่” โดยการ ข้นึ เช่น ความรกั ในครอบครวั วถิ ชี วี ติ รมิ นา้ ชนบทไทย วฒั นธรรม ใชโ้ ลหะและสอ่ื ผสม ผลงานสรา้ งสรรคช์ ดุ “ศิลปะเคร่อื งปน้ั ดนิ เผา” พ้นื บา้ น พทุ ธศาสนาและความเชอ่ื ทอ้ งถน่ิ ผลงานมคี วามเรยี บงา่ ย ทาท่ีบริษทั ปั้นแต่งคราฟท์ (โรงงานเซรามิคของศิลปินเอง) ข้นึ ใชส้ สี นั สดใส และนาเทคนิคพ้นื ฐานทางจิตรกรรมมาปรบั ใช้ ผลงานสรา้ งสรรคช์ ุด “สญั ญาณส่งิ แวดลอ้ มใหม่” แสดงสภาวะ เช่น การวาดเสน้ ดว้ ยถ่าน การระบายสอี ะครลิ กิ และสนี า้ มนั ควบคู่ สงั คมไทยในยุคสมยั แห่งความเปลย่ี นแปลง ผลงานสรา้ งสรรคช์ ุด ไปกบั การขูดขดี และตอกดว้ ยเคร่อื งมอื ช่าง การใชส้ สี ่วนตวั ทผ่ี สม “จกั รวาล ชวี ติ และวทิ ยาศาสตร”์ และ “เรอ่ื งราวจากป่าตน้ นา้ ” ข้นึ จากดนิ และกากเพชร รวมไปถงึ การปะตดิ วสั ดุ ผลงานชุดลา่ สุด ศิลปินพฒั นาไปสูร่ ูปแบบของงานประตมิ ากรรม ทงั้ ทจ่ี ดั แสดงใน FINE ART MAGAZINE 3
พชื พรรณ สญั ลกั ษณแ์ หง่ ชวี ติ (Plant : The Symbol of Lives), painted steel, Location : Samila Beach Songkhla, Thailand ความบนั ดาลใจจากเมอื งฮโิ รชมิ า 1 (The Inspiration from Hiroshima 1), Location : The Queen’s Gallery Bangkok, Thailand 4 FINE ART MAGAZINE
จติ รกรรมสอ่ื ผสม จดั แสดง ณ หอศลิ ป์ PSG Art Gallery วฏั ฏะแห่งชวี ติ (The Circle of Life) คณะจติ รกรรม ประตมิ ากรรมและภาพพมิ พ์ มหาวทิ ยาลยั Installation, dimention variable, 2009 ศิลปากร พ้ืนท่ีของหอศิลป์ และพ้ืนท่ีกลางแจง้ ยกตวั อย่างเช่นผลงาน บุคคลใกลช้ ิดของ วโิ ชค มกุ ดามณี มกั คิดอยู่เสมอว่า สรา้ งสรรคช์ ดุ “สจั จะธรรมชาติ” ในปี 2546 สะทอ้ นเร่อื งรวมความ วิโชคมสี องบุคลกิ เวลาทางานศิลปะ สอนหนงั สือ เขียนหนงั สอื เป็นจริง-ภาพลวงในสงั คม ผลงานสรา้ งสรรคช์ ดุ “ความผูกพนั ” ใน หรือทาหนา้ ท่บี รรยาย อภปิ รายบนเวที จะมภี าพลกั ษณ์ความเป็น ปี 2548 นาเสนอเร่ืองความผูกพนั ระหว่างบคุ คล ผลงานชุด “วถิ ี ศิลปิน นกั วชิ าการ หรอื อาจารยผ์ ูเ้คร่งขรมึ จรงิ จงั แมแ้ ต่เมอ่ื ทางาน ไทยสูว่ ถิ รี ่วมสมยั ” แสดงผลงานยอ้ นหลงั พ.ศ. 2517 – 2551 และ อยู่บา้ น ความม่งุ มนั่ จรงิ จงั เหลา่ น้ีก็ไม่เคยลดลง และจะสอนลูก ๆ ผลงานสรา้ งสรรคช์ ุด “ความบนั ดาลใจจากพระพทุ ธศาสนา” และ อยู่เสมอ ๆ ว่า การแบ่งเวลาเป็นเร่อื งสาคญั ทส่ี ุดสาหรบั การใชช้ วี ติ “การตคี วามคาสอนในพระพทุ ธศาสนา” ในปี 2552 จนถงึ ปจั จบุ นั ทส่ี าคญั คอื ตอ้ งตง้ั ใจ มสี มาธิและม่งุ มนั่ ในหนา้ ทข่ี องตวั เอง แต่เมอ่ื ถึงช่วงเวลาพกั ผ่อน นอกเวลาทางานหรืออยู่ท่ีบา้ นกับคนใน นอกจากรางวลั ศิลปินแห่งชาตทิ ไ่ี ดร้ บั ผลงานจติ รกรรม ครอบครวั วโิ ชค มกุ ดามณี ไมเ่ คยเป็นอย่างอน่ื นอกจากคุณพอ่ ทม่ี ี และศิลปะแนวสอ่ื ผสมของ วโิ ชค มกุ ดามณี ยงั ไดร้ บั รางวลั ทงั้ ใน รอยย้มิ และเสยี งหวั เราะ มคี วามห่วงใยต่อคนในครอบครวั อยู่เสมอ ระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ อาทิ รางวลั ยอดเย่ยี มดา้ นจิตรกรรมร่วม ถา้ หากคนอ่นื ๆ มาเหน็ ศาสตราจารยว์ โิ ชคเวลาพกั ผ่อนอยู่กบั บา้ น สมยั ของธนาคารกรุงเทพ รางวลั จากการประกวดศิลปกรรม อาจจะรูส้ กึ แปลกใจกบั บุคลกิ สบาย ๆ ท่แี ตกต่างจากเวลาทางาน แห่งชาติ และรางวลั The World Master in Art and Culture อย่างส้นิ เชงิ สาธารณรฐั เกาหลใี ต้ เป็นตน้ จงึ นบั ว่าเป็นศิลปินทม่ี คี วามทนั สมยั มปี ระสบการณใ์ นการคน้ ควา้ พฒั นางานสรา้ งสรรค์ นอกจากน้ียงั กิตตศิ พั ทเ์ ร่ืองความขยนั และความม่งุ มนั่ ในการทางาน ไดร้ บั การยกย่องจากสานกั งานกองทนุ สนบั สนุนงานวจิ ยั ใหเ้ป็นเมธี ของ วโิ ชค มกุ ดามณี มมี ายาวนานตงั้ แต่สมยั เดก็ ๆ ทย่ี งั อาศยั อยู่ วจิ ยั อาวุโส ทาหนา้ ทศ่ี ึกษาวจิ ยั งานสรา้ งสรรคด์ า้ นศิลปะ ถ่ายทอด ทบ่ี า้ นเกิดจงั หวดั สงขลา เป็นนอ้ งชายคนเลก็ ทเ่ี รยี นสายวชิ าการได้ องคค์ วามรูด้ า้ นศิลปวฒั นธรรมแก่ เดก็ เยาวชน และวงวชิ าการดา้ น เก่ง เรียนอยู่โรงเรยี นมหาวชริ าวุธ แต่เน่ืองจากทบ่ี า้ นฐานะไม่ค่อย ศิลปะมาตง้ั แต่อดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ดนี กั จงึ ตอ้ งช่วยทบ่ี า้ นทางานหาเงนิ อยู่เรอ่ื ย ๆ มคี รง้ั หน่ึงไดไ้ ปฝึก. เขยี นป้ ายโฆษณาหนงั แลว้ ทาใหเ้ กิดความช่นื ชอบในการวาดภาพ ต่อมาตดั สนิ ใจเดนิ ทางมาเรยี นต่อทก่ี รงุ เทพฯ ซง่ึ ถอื ว่าเป็นเร่อื ง FINE ART MAGAZINE 5
แสงแหง่ ปญั ญา (The Light of Wisdom) Installation, dimention variable, 2009 6 FINE ART MAGAZINE
ใหญ่สาหรบั ฐานะของครอบครวั ในเวลานน้ั แต่ก็ไดร้ บั การส่งเสยี หนา้ เดก็ (Child Face) , Ceramic จากพ่ี ๆ จนบากบนั่ ข้นึ มาถงึ กรุงเทพฯ ไดส้ าเร็จ ตอนแรกตง้ั ใจจะ รางวลั ดเี ด่น ประเภทศิลปกรรม การแสดงศิลปะ เขา้ เรียนต่อท่โี รงเรียนเตรียมอุดมฯ แต่ชีวิตหกั เหโดยรุ่นพ่ที ่ีช่ือ ไกรสร ศรีสุวรรณ แนะนาใหเ้ รียนต่อดา้ นศิลปะอย่างจริงจงั ท่ี เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาแหง่ ชาติ ครง้ั ท่ี 5 พ.ศ. 2534 วทิ ยาลยั ช่างศิลป กรมศิลปากร จากนน้ั ไดม้ ่งุ มนั่ จนสอบเทยี บเขา้ เรยี นต่อทค่ี ณะจติ รกรรมฯ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากรไดส้ าเร็จ หลงั จากเรียนจบใหม่ ๆ เคยทางานเป็ นช่างซ่อม ภาพเขยี นจติ รกรรมฝาผนงั โบสถไ์ ดค้ ่าจา้ งเป็นรายวนั เคยทางาน เป็นนักออกแบบอยู่ท่ีโรงพิมพอ์ ยู่สองสามปี จึงสมคั รเขา้ เป็น อาจารยท์ ว่ี ทิ ยาลยั ช่างศิลป สอนอยู่ร่วมสบิ ปีก่อนจะยา้ ยไปทางาน ดา้ นนิทรรศการทศ่ี ูนยว์ ฒั นธรรมแห่งประเทศไทย จากนน้ั จงึ ถกู ดงึ ตัวมาสอนท่ีคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากรจนถงึ ปจั จุบนั ในช่วงท่วี โิ ชคกาลงั สรา้ งเน้ือ สรา้ งตวั ไดต้ ดั สนิ ใจผ่อนบา้ นของตวั เอง ซ่งึ ค่าผ่อนบา้ นมากกว่า รายไดข้ องเงนิ เดอื นทไ่ี ดร้ บั จงึ ตอ้ งอาศยั การทางานพเิ ศษเพอ่ื นาเงนิ มาใชส้ าหรบั ชวี ติ ประจาวนั ทกุ วนั จะตน่ื แต่เชา้ ไปทางาน ตกเยน็ ตอ้ ง นงั่ รถไปรบั ทางานพเิ ศษเลกิ งานดกึ ดน่ื เทย่ี งคืน นงั่ รถเมลก์ ลบั บา้ น นอนพกั ผ่อนและออกไปทางานแต่เชา้ เป็นอย่างน้ที กุ วนั ไม่เคยหยุด บคุ ลกิ น้ยี งั คงมอี ยู่จนถงึ ปจั จบุ นั แมว่ ่าฐานะจะดขี ้นึ กว่าแต่ก่อนมาก แต่กไ็ มเ่ คยเลกิ นสิ ยั ทางานหนกั ดว้ ยความคดิ ทว่ี ่า “เมอ่ื ก่อนเราเคย ตง้ั ใจทางานใหค้ นอน่ื อย่างไร มาถงึ ปจั จบุ นั เมอ่ื เรามตี าแหน่งหนา้ ท่า การงานทด่ี ขี ้นึ เราตอ้ งยง่ิ ทางานใหด้ ขี ้นึ ไปอกี ไม่อย่างนน้ั คนอน่ื เขา จะว่าเราได”้ ตลอดระยะเวลาเกอื บ 40 ปี บนเสน้ ทางสายศิลปะของ ศาสตราจารยว์ โิ ชค มกุ ดามณี จนถงึ วนั น้ีมีอายคุ รบ 67 ปีแลว้ ได้ พิสูจน์ใหเ้ ห็นถึงพฒั นาการท่ีหลากหลายและไม่ส้ินสุด ส่ิงสาคญั คือจิตใจท่ีไม่ย่อท้อ ศิลปะจึงเปรียบเสมือนลมหายใจของ ศาสตราจารยว์ โิ ชค มกุ ดามณี “เม่ือเลอื กทจ่ี ะเป็นศิลปิน ศิลปะคอื สว่ นหน่ึงของชีวติ เราะตอ้ งคดิ ถึงศิลปะอยูต่ ลอดเวลา พฒั นาการ จะเกิดข้ึนอยู่เสมอในแนวความคิด และท่ีสาคญั ตอ้ งไม่หยุดทา และไม่หยุดนาเสนอผลงานใหค้ นไดด้ ู ถา้ เราทาแต่เราไม่จดั แสดง คนจะไม่รูว้ า่ เราคดิ อะไร ทาอะไร” FINE ART MAGAZINE 7
พ8ระอFคั IรNศEิลปAินR2T00MxA1G5A0 ZcmIN.EOil on Canvas
ในหลวง 3. 100 x 150 cm. Pastel on Canvas ARTIST OF THE MONTH วชั ระ กลา้ คา้ ขาย เป็นจติ รกรอกี คนหน่ึงทไ่ี ดช้ ่อื วา่ เป็นผู ้ มฝี ีมอื ในการวาดภาพพอรต์ เทรตอย่างหาตวั จบั ยาก เขาเป็นมอื วาด วชั ระ กลา้ คา้ ขาย ภาพเหมือนยุคแรก ๆ ท่รี บั จา้ งวาดภาพท่มี าบญุ ครอง และเขาก็ คลกุ คลอี ยู่ในวงการวางภาพเหมอื นมานานนบั สบิ ๆ ปี นิทรรศการ นทิ รรศการ ศิลปิ นในดวงใจ ศิลปิ นในดวงใจ เป็นนิทรรศการเด่ยี วครง้ั แรกของเขา ทจ่ี ดั ข้นึ ณ นบั เบอรว์ นั แกลเลอร่ี ระหวา่ งวนั ท่ี 30 พฤศจกิ ายน ถงึ 23 ธนั วาคม งานภาพเขยี นพอรต์ เทรตเป็นงานทต่ี อ้ งอาศยั ฝีมอื และ 2550 ดว้ ยความท่ีภาพพอร์ตเทรตเป็นแนวทางท่ีวชั ระมีความ ทกั ษะทางศิลปะสูงไม่แพง้ านในแนวทางอ่ืน ๆ นอกจากนน้ั การ ชานาญอย่างสูง ทาใหง้ านนิทรรศการจดั ออกมาไดอ้ ย่างงดงามและ ทางานในแนวทางน้ีใหด้ ี ยงั ตอ้ งอาศยั ความละเอยี ดละอ่อนแม่นยา มชี วี ติ ชวี า อกี ทงั้ แบบทว่ี ชั ระเขยี นถงึ ในครง้ั น้ีก็เป็นศิลปินใหญ่ผูซ้ ง่ึ อย่างมากอีกดว้ ย เพราะการวาดภาพใบหนา้ คนนน้ั ผูว้ าดไม่ มคี ุโณปการต่อวงการศิลปะไทยอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นอคั ร สามารถละเลยสง่ิ เลก็ ๆ นอ้ ย ๆ ทเ่ี ป็นรายละเอยี ดเฉพาะบคุ คลไป ศิลปิน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 9 ผูท้ เ่ี ป็นตน้ ธารของ ได้ ถา้ หากมองขา้ มส่ิงเหล่าน้ีไป ภาพบุคคลท่ีออกมาก็จะ ศิลปะสมยั ใหม่ในไทยอย่างอาจารยศ์ ิลป์ พรี ะศรี และศิลปินชน้ั คลาดเคลอ่ื นไปจากความเป็นจรงิ เยย่ี มถวลั ย์ ดชั นี เฉลมิ ชยั โฆษติ พพิ ฒั น์ และอกี หลายต่อหลาย คน FINE ART MAGAZINE 9
อ.ประเทอื ง เอมเจรญิ . 150 x 200 cm. Oil on Canvas ทงั้ สองเป็น สส.จงั หวดั ชยั นาท ตอนนน้ั ผมเหน็ โปสเตอรห์ าเสยี งผม กห็ าดนิ สอกระดาษมานงั่ สเก็ตชเ์ ลย” วชั ระ เป็นศิลปินท่ีทางานภาพพอรต์ เทรตเพียงอย่าง เดยี ว และก็เป็นธรรมดาทห่ี ากใครสกั คนสนใจและม่งุ มนั่ ลงลกึ ไป “เป็นเร่อื งแปลกทผ่ี มเขยี นแต่คนมาตลอด ทงั้ ๆ ทห่ี ลงั ในศาสตรใ์ ดศาสตรห์ น่ึง ผลงานทไ่ี ดอ้ อกมาย่อมมคี วามพเิ ศษยอด บา้ นผมก็เป็นทุ่งนา หนา้ บา้ นก็เป็นแม่นา้ เจา้ พระยา ไม่รูว้ ่าผม เย่ยี มกว่าธรรมดา แต่เบ้อื งหลงั ความสาเร็จนนั้ ก็แลกมาดว้ ยการ ประทบั ใจในใบหนา้ ของคนเป็นพเิ ศษหรือเปล่า ววิ ทบ่ี า้ นก็สวยงาม ฝึกฝนเค่ยี วกราตนเองอย่างยากลาบากกว่าจะมาถงึ จดุ น้ี มาก แต่ผมก็ไม่เคยเขียน กลบั ไปเขยี นแต่คน ทกุ วนั น้ียงั ไม่เคย เขยี นรูปววิ เลย” “ผมก็ตอบไม่ไดว้ ่าทาไมถงึ มาเขยี นภาพพอรต์ เทรต มนั เป็นไปเอง เขยี นมาตง้ั แต่ตอนทเ่ี รยี น ป.1 ไม่รูด้ ว้ ยซา้ ไปว่ามอี าชพี วชั ระเรม่ิ หลงใหลในการเขยี นภาพบคุ คลมาตงั้ แต่ยงั เดก็ วาดรูปอยู่ สมยั นนั้ ทบ่ี า้ นผมยงั ไม่มีไฟฟ้ าไม่มีทวี เี ลย จาไดว้ ่ารูป เขาเร่ิมตน้ เร็ว และก็มกี ารฝึกฝนเร่อื ยมาอย่างไม่ขาดช่วง และภาพ แรกท่ีวาดก็เป็นรูป สส.ซ่ึงอยู่ในป้ ายหาเสียง คือคุณตาผมเป็น ใบหนา้ ท่ีเขาวาดบ่อยท่ีสุดในการฝึ กฝนของเขาก็คือภาพของ หวั คะแนนการเลือกตง้ั ผมจึงไดเ้ ห็นภาพโปสเตอรห์ าเสียงของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 9 ผูส้ มคั ร ยงั จาไดเ้ลยว่าชอ่ื อนนั ต์ สขุ สนั ต์ กบั ชนิ กร ปรชี าพนั ธ์ ซง่ึ 10 FINE ART MAGAZINE
อ.ศิลป์ พรี ะศรี 3. 150 x 100 cm. Pastel on Canvas FINE ART MAGAZINE 11
อ.ถวลั ย์ ดชั นี 2. 150 x 100 cm. Oil on Canvas 12 FINE ART MAGAZINE
จกั รพนั ธุ์ โปษยกฤต 2. 150 x 100 cm. Oil on Canvas จกั รพนั ธุ์ โปษยกฤต 3. 112 x 83 cm. Pastel on Canvas “อีกภาพหน่ึงท่ีผมเขียนบ่อยท่ีสุดเลย ก็คือภาพของ ทงั้ ๆ ท่กี ารไปพทั ยาครงั้ นนั้ เป็นการเห็นทะเลครงั้ แรก พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 9 ผมเขยี นเลยี นแบบจากรูป ของวชั ระ แต่เขากลบั ไม่สนใจผนื นา้ หรือหาดทรายกวา้ งใหญ่ทอ่ี ยู่ ทม่ี อี ยู่ทบ่ี า้ น พอเขยี นจนหมดบา้ นแลว้ ผมก็ไปดูแบบอ่นื ทบ่ี า้ นของ ตรงหนา้ เลย เดก็ ชายวชั ระ กลบั ไปสนใจยนื ดูคนทเ่ี ขาวาดรูปกนั อยู่ ลงุ บา้ ง บา้ นป่บู า้ ง” มากกวา่ หลงั จากเรียนจบมธั ยมตน้ วชั ระจงึ ไดต้ ดั สนิ ใจมาเรียน “หลงั จากนนั้ ตอนใกลจ้ ะเรยี นจบมธั ยม 3 ผมไปถามครู ต่อทางดา้ นศิลปะ โดยทเ่ี ขามคี วามคิดจะเป็นศิลปินตงั้ แต่ยงั ไม่จบ ว่ามีโรงเรียนไหนท่ีสอนวาดรูปบา้ ง ท่านก็บอกว่าท่ีจงั หวัด ประถมเสยี ดว้ ยซา้ นครสวรรคน์ นั้ มโี รงเรยี นแบบน้ีอยู่ ซ่งึ ก็ใกลบ้ า้ นผมทส่ี ุดแลว้ ผม จงึ ไปเรียนต่อทว่ี ทิ ยาลยั อาชวี นครสวรรค์ ในระดบั ปวช. และพอ “ในเร่อื งการเขา้ มาเรยี นศิลปะนนั้ จาไดว้ ่า เมอ่ื ตอนทผ่ี ม เรยี นจบผมกเ็ ขา้ กรุงเทพฯมาเรยี นต่อทเ่ี พาะช่าง” เรยี นอยู่ชนั้ ประถม 6 ทโ่ี รงเรียนก็มกี ารจดั ไปทศั นศึกษากนั คราว นนั้ พวกผมไดม้ โี อกาสไปทพ่ี ทั ยา และกท็ น่ี นั่ เอง ทท่ี าใหผ้ มกไ็ ดร้ ูว้ ่า ท่โี รงเรียนเพาะช่าง นอกจากวชั ระจะไดเ้ ร่ิมตน้ ชีวิตใน ในโลกน้ีมอี าชพี วาดรูปขายอยู่ ผมเหน็ เขาเขยี นรูปกนั ตามชายหาด ฐานะนกั ศึกษาศิลปะเตม็ ตวั แลว้ เขายงั ไดเ้ร่มิ ตน้ อาชพี การวาดรูปท่ี เป็นการนงั่ เสก็ตช์ คนทเ่ี ขยี นเขาก็เขยี นเร็วมาก เขาร่างและก็เขยี น เขาใฝ่ฝนั มานานอกี ดว้ ย ไปเรอ่ื ย ๆ แต่ชวั่ โมงกว่า ๆ ก็เสรจ็ แลว้ มเี ป็นภาพตรงึ ตาผม ตง้ั แต่ นน้ั ผมกต็ งั้ ใจว่าจะเขยี นรูปขายบา้ ง” FINE ART MAGAZINE 13
ปญั ญา วจิ นิ ธนสาร. 150 x 120 cm. Oil on Canvas “ผมทางานมาตงั้ แต่ยงั เรียนไม่จบ ผมเร่ิมงานทม่ี าบุญ “ผมทาอยู่ทม่ี าบญุ ครองไดส้ กั ปีกว่า ก็ยา้ ยไปอยู่ทอ่ี น่ื สกั ครอง เป็นการหาเงนิ เรยี นเอง ตอนนนั้ ผมเร่มิ ไปสเกต็ ช์รูปตงั้ แต่มา พกั แลว้ ก็วนกลบั มาเช่ารา้ นอยู่ทช่ี นั้ สามมาบญุ ครองอยู่อกี สองสาม บญุ ครองเปิดใหม่ ๆ เป็นยุคบกุ เบกิ ตอนนน้ั ไดร้ ูปละ 80 บาทบา้ ง ปี ต่อมาในช่วง 10 ปีหลงั มาน้ีกอ็ อกมาทางานของตวั เองขา้ งนอก” 100 บาทบา้ ง ผมยงั จาหนา้ คนทผ่ี มสเก็ตชใ์ หค้ นแรกไดอ้ ยู่เลย เป็น คนผอม ๆ หนา้ แหลม ๆ” การทางานท่ตี ่อเน่ืองยาวนาน ก็เปรียบเสมือนการบ่ม เพาะฝีมอื ของวชั ระใหแ้ ก่กลา้ ยง่ิ ๆ ข้นึ และเมอ่ื ถงึ จดุ จดุ หน่ึง วชั ระ “ในตอนแรกท่ไี ปทา ผมเองนนั้ ไม่มสี ีชอลก์ ของตวั เอง ก็ลกุ ข้นึ มาทางานเพอ่ื จดั แสดง ผมไปถามกบั อาจารยท์ ่านหน่ึงว่า ถา้ ผมจะไปวาดรูปทม่ี าบญุ ครอง ผมจะตอ้ งซ้อื สอี ะไรบา้ ง อาจารยท์ ่านนน้ั ก็พาเขา้ ไปในหอ้ งของท่าน “ท่ผี ่านมาผมทางานออรเ์ ดอรม์ าตลอด ทาใหไ้ ม่ค่อยมี และก็บอกกบั ผมว่าถา้ อยากไดส้ ไี หนกห็ กั ไป คอื สชี อลก์ มนั เป็นแท่ง เวลาทางานแสดงของตนเอง ในช่วงหลงั ๆ มาน้ีก็เร่ิมรบั งานให้ ท่านก็ใหห้ กั สที ท่ี ่านใชอ้ ยู่ไปก่อน ตอนนน้ั ผมรูส้ กึ ต้นื ตนั ใจมาก ผม นอ้ ยลง มนั เหมอื นกบั เราโตแลว้ ถงึ เวลาของเราแลว้ งานชุดน้ีก็ทา ก็เอาสขี องท่านมานะ แต่ก็ไม่กลา้ เอามาเยอะ อาจารยท์ ่านน้ีก็คือ ต่อเน่ืองกนั มา 5 เดอื น ไดง้ านมาทง้ั หมดประมาณ 30 รูป ซ่งึ เป็น อาจารยป์ ญั ญา เพชรชู ซง่ึ เป็นอาจารยอ์ ยู่ทเ่ี พาะช่าง” ภาพวาดพอรต์ เทรตของศิลปินในดวงใจของผม และมีการนาเอา เน้ืองานทโ่ี ดดเด่นเป็นพเิ ศษของศิลปินคนนน้ั ๆ เขา้ มาประกอบใน จากนน้ั วชั ระจึงไปซ้อื กระดาษและดนิ สอมาอกี 2 แท่ง รูปดว้ ย” เพอ่ื เป็นตน้ ทนุ ในการเร่มิ อาชพี ทใ่ี ฝ่ฝนั ซง่ึ อาชพี นนั้ ก็ไดเ้ล้ยี งตวั ของ ศิลปินมาจนถงึ ปจั จบุ นั 14 FINE ART MAGAZINE
ประสงค์ ลอื เมอื ง. 120 x 100 cm. Pastel on Canvas FINE ART MAGAZINE 15
อ.ช่วง มลู พนิ ิจ 2. 83 x 112 cm. Pastel on Canvas งานท่ีนามาแสดงเป็ นงานขนาดใหญ่ท่ีเขียนข้ ึน โด ยสี ภาพเขยี นแต่ละภาพในงานนิทรรศการครง้ั น้ี เป็นภาพ นา้ มนั และสชี อลก์ โดยท่ตี วั ศิลปินนนั้ ไดเ้ ลอื กใชส้ แี ต่ละชนิดตาม ของศิลปินทม่ี คี วามสาคญั และย่งิ ใหญ่ทงั้ ส้นิ ดงั นนั้ ภาพศิลปินคน คุณสมบตั ิของมนั และคานึงถึงผลท่ีจะเกิดข้ึนในภาพ โดยจะ แรกทว่ี ชั ระคดิ จะเขยี นข้นึ ก็ย่อมตอ้ งเป็นภาพของพระบาทสมเด็จ ควบคุมใหเ้ ป็นไปตามท่ศี ิลปินตอ้ งการ “ผมเขยี นสชี อลก์ มาก่อน พระเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 9 อคั รศิลปินของปวงชนชาวไทยอย่าง อาจจะพดู ไดว้ ่าผมเขยี นสชี อลก์ ชานาญกว่าสนี า้ มนั และเทคนคิ ของ แน่นอน เพราะทงั้ ชีวติ ของวชั ระ ก็ไดว้ าดรูปท่านมาแลว้ เป็นรอ้ ย ๆ สีชอลก์ มนั อิสระกว่าในความรูส้ ึกของผม ส่วนสีนา้ มนั มนั จะมี ภาพ นบั ตงั้ แต่เร่มิ วาดรูปมาจนถงึ ปจั จบุ นั ขนั้ ตอนทช่ี า้ และย่งุ ยากกว่า แต่ผลงานทอ่ี อกมาก็จะมคี วามเรียล ลสิ ติกมากกว่าตามไปดว้ ย เน้ือหนงั มนั จะออกมาแน่นกว่า ในการ คนต่อมาทว่ี ชั ระเลอื กทจ่ี ะเขยี นก็คือ ท่านอาจารยศ์ ิลป์ ทางานผมจะมภี าพถ่ายก่อน อย่างถา้ ผมจะเขยี นอาจารยถ์ วลั ย์ ผม พรี ะศรี ทต่ี วั ของศิลปินเองนนั้ ถอื ว่าท่านเป็นจุดเปลย่ี นของวงการ ก็จะนึกไวก้ ่อนว่าอยากไดแ้ บบไหน แลว้ ก็ไปถ่ายภาพมา หลงั จาก ศิลปะร่วมสมยั ในไทย เป็นคนทม่ี าเปลย่ี นวงการศิลปะใหก้ า้ วเขา้ สู่ นนั้ ก็เลอื กเอารูปทอ่ี ารมณล์ งตวั มาใชเ้ป็นแบบ” ยุคของศิลปะสมยั ใหม่ นอกจากนนั้ วชั ระยงั ไดเ้ ขยี นรูปพอรต์ เทรต ของศิลปินชน้ั เย่ยี มอีกหลายท่าน ซ่งึ แต่ละท่านนน้ั ก็มจี ิตวญิ ญาน “รูปทผ่ี มวาดนน้ั ผมก็ขอกบั ศิลปินเกอื บหมดทกุ คน จะ ของความเป็นศิลปินอย่างไม่ตอ้ งสงสยั นอกจากน้ีบางท่านก็ยงั เป็น มกี ท็ า่ นอาจารยจ์ กั รพนั ธุ์ ทผ่ี มไมไ่ ดบ้ อก แต่ก็ไม่ใช่วา่ ไมอ่ ยากบอก แรงบนั ดาลใจใหก้ บั ตวั ของวชั ระเองดว้ ย โดยวชั ระไดพ้ ูดถงึ แบบ นะ แต่ผมไม่ไดร้ ูจ้ กั กบั ท่านเป็นการส่วนตวั อาจารยป์ ระเทอื งผมก็ ของทา่ นไวต้ ่าง ๆ กนั ดงั น้ี ไม่ไดบ้ อกกบั ท่าน นนั่ อาจเพราะเราไม่อยากเขา้ ไปรบกวน เพราะ งานทเ่ี ราทาก็เป็นงานท่ที าดว้ ยความเคารพ เป็นการเชิดชู ไม่ไดม้ ี “อาจารยถ์ วลั ย์ ดชี นี เป็นบคุ คลทท่ี รงพลงั ทง้ั ในการใช้ อะไรเสยี หายอยู่แลว้ ” ชีวติ และก็การทางาน เมอ่ื สองอาทติ ยท์ แ่ี ลว้ ผมไปหาท่านทเ่ี ชยี งราย ไปเหน็ ทา่ นทางานช้นิ ขนาด 7 x 9 เมตรอยู่ ผมรูส้ กึ ตกใจ เพราะ 16 FINE ART MAGAZINE
อ.องั คาร กลั ยาณพงศ.์ 150 x 100 cm. Pastel on Canvas FINE ART MAGAZINE 17
ปทบี คชบวั . 83 x 112 cm. Pastel on Canvas ส่วนอาจารยเ์ ฉลมิ ชยั นนั้ ท่านถอื ว่าเป็นพอี ารข์ องวงการ ศิลปะ เป็นคนทม่ี กี ารจดั การทด่ี เี ยย่ี ม อกี ทงั้ ยงั มพี ลงั และสไตลข์ อง ทา่ นยงั มพี ลงั มาก ทง้ั ๆ ทอ่ี ายขุ นาดนนั้ แลว้ หนุ่ม ๆ อย่างผมยงั ไม่ ตนเอง ทาใหว้ งการศิลปะในภาพรวมนน้ั เป็นทเ่ี ขา้ ใจของคนทวั่ ไป มแี รงมากขนาดนน้ั เลย จะว่าไปท่านก็มที กุ อย่างครบแลว้ ไม่ว่าจะ มากข้นึ จากเดมิ ท่มี องกนั ว่าศิลปินนน้ั ตอ้ งลาบากยากจน มมุ มอง เป็นช่ือเสยี งเงนิ ทอง จริง ๆ แลว้ ไม่ตอ้ งทางานก็อยู่ไดอ้ ย่างสบาย เหลา่ นนั้ ก็เปลย่ี นไป แต่ท่านก็ยงั สรา้ งสรรคผ์ ลงานอยู่ แสดงใหเ้หน็ ถงึ พลงั ของท่านทม่ี ี อยู่มากมาย ผมทง้ั ทง่ึ ทงั้ ชน่ื ชม” และถา้ พดู ถงึ อาจารยเ์ ฉลมิ ชยั กต็ อ้ งพดู ถงึ อาจารยป์ ญั ญา วจิ นิ ธนสารดว้ ย เพราะเป็นคนท่ีมคี วามสามารถเหมอื นกนั เป็นรุ่น “คนต่อมาก็คือ ท่านอาจารยจ์ กั รพนั ธุ์ โปษยกฤต ซ่ึง ราวคราวเดยี วกนั ท่านนน้ั มคี วามเป็นอาจารยอ์ ย่างแทจ้ รงิ เรียบ ๆ นับว่าเป็ นศิลปินคนแรกท่ีผมรูจ้ กั คือเม่ือก่อนตอนท่ีผมอยู่ งา่ ย ๆ เหมอื นกบั ใบหนา้ ของแก แต่ว่างานทท่ี ่านสรา้ งสรรคอ์ อกมา ต่างจงั หวดั ผมไมร่ ูห้ รอกว่าศิลปินคอื อะไร หรอื วา่ มอี าชพี น้ีอยู่ดว้ น กลบั เป็นงานทล่ี มุ่ ลกึ มปี ญั ญาสมชอ่ื หรอื แต่ตอนทผ่ี มเร่มิ มาเรยี นศิลปะ ผมไดเ้หน็ ภาพของทา่ นเป็นคน แรก ๆ ตอนนนั้ ท่านเขยี นนางในวรรณคดี ไดเ้ ห็นช่ือของอาจารย์ ทางดา้ นท่านองั คารนนั้ ผมชอบทงั้ งานวรรณกรรมและ บ่อยเขา้ ๆ ผมก็อยากรูว้ ่าท่านเป็นใคร กอปรกบั ผมทางานเขยี นรูป งานศิลปะของท่าน โดยเฉพาะงานท่ใี ชเ้ กรยอง ท่ผี มเพ่งิ มาศึกษา คนอยู่แลว้ ก็เลยมีความสนใจเป็นพิเศษ เก็บสะสมงานท่ีเป็ น ในช่วงหลงั น้ี เพอ่ื จะเอามาประกอบในงานภาพใบหนา้ ของท่าน ผม โปสการด์ ของทา่ นไว้ จะวา่ ไปอาจารยจ์ กั รพนั ธุน์ น้ั เหมอื นเป็นครูคน พยายามทาอยู่หลายที แต่ก็ทาไม่ไดท้ ง้ั ๆ ทม่ี นั ดูเรยี บงา่ ย แรกของผม และทาใหผ้ มรูว้ า่ มอี าชพี ศิลปินอยู่ในโลกน้ี” 18 FINE ART MAGAZINE
ส่วนอาจารยป์ ระเทอื งเอมเจรญิ นน้ั ผมยกใหเ้ป็นคนทม่ี ี “คนสุดทา้ ยทผ่ี มเขยี นถงึ ก็คอื พ่ปี ระสงค์ ลอื เมอื ง ซ่งึ ความเพยี รเป็นเลศิ เพราะท่านเร่ิมงานศิลปะโดยท่ไี ม่ไดเ้ รียนใน ผมเพ่ิงจะมาสนิทกับแกตอนท่ีไปดูงานศิลปะ Documenta ท่ี สถาบนั ทา่ นมาถงึ ตรงน้ไี ดแ้ สดงวา่ ตอ้ งมคี วามเพยี รอย่างมาก ทจ่ี ะ เยอรมนั ผมชอบสไตลง์ านของแก ผมเหน็ งานของแกมานานแลว้ ฝ่าฟนั มาเป็นศิลปินชนั้ แนวหนา้ ซง่ึ ระหวา่ งทางท่านก็ตอ้ งพบเจอกบั แต่พอมาเจอตวั จรงิ บคุ ลกิ ของแกกลบั ตรงขา้ มกบั งาน แกเป็นคนท่ี อปุ สรรคมากมาย น่ิง ๆ เงยี บ พดู นอ้ ย กนิ นอ้ ย ซง่ึ ก่อนหนา้ น้ีผมจนิ ตนาการมาตลอด ว่าตวั ของประสงค์ จะตอ้ งเป็นคนโผงผางพูดจาเสยี งดงั แต่กลบั อกี คนทล่ี มื ไม่ไดเ้ลยคอื ทา่ นอาจารยช์ ่วง มลู พนิ ิจ ผมวา่ ไม่ใช่ ผมเลยตดั สนิ ใจจะเขยี นรูปแก อกี อย่างใบหนา้ แกก็หนา้ เขยี น ท่านเป็นคนทโ่ี รแมนตกิ ผมชอบงานของท่าน และในทกุ วนั น้ี ดว้ ย ดว้ ย เวลาเจอแบบใบหนา้ ทผ่ี มอยากเขยี นผมก็จะรูส้ กึ ข้นึ มาทนั ที ตวั ตนของท่านก็ยงั ดูเท่หอ์ ยู่ ผมเห็นภาพของท่านตงั้ แต่ในสมยั ผมก็บอกไม่ถกู เหมอื นกนั นะว่าเป็นอย่างไรถงึ อยากเขยี น” นิตยสารฟ้าเมอื งทองทน่ี า้ ผมอ่าน ซง่ึ มนั กน็ านมากแลว้ ตอนนน้ั ผม เหน็ ลายเสน้ ของท่านแลว้ รูส้ กึ ว่ามนั ช่างอ่อนหวาน ทง้ั ๆ ทห่ี นา้ ของ วชั ระ กลา้ คา้ ขาย เรม่ิ แสดงงานครงั้ แรกในวยั หนุ่มใหญ่ ท่านนนั้ เขม้ และดูเหมอื นพวกเซยี นพระ มนั มองกนั ท่หี นา้ ตาไม่ได้ แต่นนั่ ก็ไม่ไดเ้ป็นสง่ิ ทเ่ี สยี หาย เพราะงานทเ่ี ขาทาข้นึ เป็นงานชนั้ ดที ่ี เลย ถา่ ยทอดผ่านประสบการณก์ ารทางานอนั ยาวนานของเขา นอกจากศิลปินชน้ั เย่ยี มทเ่ี ป็นทร่ี ูจ้ กั กนั ดีทงั้ ในและนอก “ในการทางานผมไม่ไดเ้ นน้ เร่ืองการขายเป็ นเร่ืองหลกั วงการแลว้ วชั ระยงั มศี ิลปินในดวงใจทเ่ี ป็นศิลปินชนั้ เย่ยี มในรุ่นถดั เพราะโดยอาชีพของผม ผมกท็ ารูปขายไม่ทนั อยูแ่ ลว้ ในตอนแรก มาซ่งึ เขาก็นาใบหนา้ ของทง้ั สามคนมาเขยี นและจดั แสดงในครง้ั น้ี ท่เี ร่ิมเขียนพอรต์ เทรตหน้าศิลปิ น เพ่อื หลายคนก็ทกั ว่าจะขายได้ เช่นกนั หรือ มนั น่าจะขายยาก แต่ทง้ั หมดน้ีผมทาเพราะผมอยากทา และ เร่ิมทาไปแลว้ ศิลปิ นไม่ไดม้ ีหน้าท่ี ท่ีจะมาคิดว่างานท่ีทาออกมา “ก็เป็นเร่อื งแปลกทค่ี ุณชาตชิ ายก็เขยี นคนเหมอื นกนั กบั มนั จะขายหรอื ไม่ขาย แตผ่ ลงานท่ถี กู สรา้ งข้ึนมาตา่ งหากจะขายตวั ผม ผมชอบงานของเขา เพราะชาตชิ ายเขาเป็นคนทม่ี ที กั ษะทางเรยี ล มนั เอง” ลสิ ตกิ สูง ทางานเหมอื นจริงไดด้ มี าก่อน พอมาทางานในสไตลข์ อง ตวั เอง งานเลยออกมาถงึ เหน็ ถงึ พ้นื ฐานทแ่ี น่น” FINE ART MAGAZINE 19 “อกี คนทเ่ี ขยี นก็คอื พป่ี ระทปี คชบวั ซ่งึ เป็นพ่ีทผ่ี มรูจ้ กั มานานแลว้ เหน็ งานแกแลว้ ผมรูส้ กึ ชอบ ผมวา่ บา้ ดคี วามคดิ ของแก ฟ้ งุ ดี เวลาดูงานของแกแลว้ ก็สงสยั ว่าแกคิดอะไรอยู่ จนิ ตนาการ ของแกไกลมาก เคยถามแกว่าเวลาทางานแกคิดถงึ อะไรอยู่ แกก็ บอกวา่ ไมร่ ูเ้หมอื นกนั กท็ ามาต่อเน่ืองต่อยอดมาเรอ่ื ย ๆ”
ศพั ทท์ างทศั นศลิ ป์ ทศั นศิลป์ เป็นศิลปะท่รี บั รูด้ ว้ ยประสาทสมั ผสั ทางตา วจิ ติ รศิลป์ (Fine Art) เป็นผลงานศิลปะทส่ี รา้ งสรรคข์ ้นึ ศิลปะทม่ี องเห็น เมอ่ื พจิ ารณาความหมายทม่ี ผี ูน้ ิยามไว้ จะพบว่า ดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ ไดร้ บั ความบนั ดาลใจและประทบั ใจใน การรบั รูเ้ ร่อื งราว อารมณ์ ความรูส้ กึ ของงานทศั นศิลป์นนั้ จะตอ้ ง ธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม มีความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ แสดง อาศยั ประสาทตาเป็นสาคญั นนั่ คอื ตาจะรบั รูเ้กย่ี วกบั สง่ิ ต่าง ๆ ท่ี เอกลักษณ์ทางสุนทรียศาสตร์ ประกอบดว้ ย จิตรกรรม นามาประกอบเป็นงานทศั นศิลป์ ไดแ้ ก่ เสน้ รูปร่าง รูปทรง สี แสง ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม วรรณกรรม และดนตรี เงา และพ้ืนผิว เป็ นตน้ โดยศิลปะจะนาส่ิงต่าง ๆ เหล่าน้ีมา สรา้ งสรรคผ์ ลงานดว้ ยวธิ กี ารเขยี นภาพ ระบายสบี า้ ง ปนั้ และสลกั ศิลปะประยุกต์ (Applied Art) เป็ นผลงานศิลปะท่ี บา้ งหรืองานโครงสรา้ ง เป็นตน้ การเรียนรูเ้ ก่ียวกบั ศัพท์ทาง สรา้ งสรรค์ข้ึนเพ่ือประโยชน์ใชส้ อยเป็ นสาคัญ แต่คานึงถึง ทศั นศิลป์ จะช่วยใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจในเน้ือหาและจุดประสงคข์ อง สุนทรียภาพดว้ ย ซ่งึ เป็นท่มี าของการออกแบบ เพราะเป็นศิลปะท่ี ผลงานทางทศั นศิลป์ไดเ้ ป็นอย่างดี ทาใหม้ คี วามรูส้ กึ ซาบซ้ึงและ ตอ้ งใชห้ ลกั การออกแบบใหเ้ กิดคุณค่าเพ่อื ประโยชนใ์ ชส้ อยและ เขา้ ใจถงึ ผลงานทางศิลปะ ซง่ึ ศพั ทท์ างทศั นศิลป์ทค่ี วรรูม้ ดี งั น้ี ความงามคู่กนั 20 FINE ART MAGAZINE
สนุ ทรยี ภาพ (Aesthetic) เป็นคาทใ่ี ชแ้ สดงความซาบซ้งึ การหลอ่ (Casting) เป็นวธิ กี ารสรา้ งงานประตมิ ากรรม ในคุณค่าของความงดงาม ความไพเราะ ความร่นื รมยจ์ ากธรรมชาติ โดยการถ่ายแบบจากหุ่นตน้ แบบ โดยใชว้ สั ดุทค่ี งทนกว่าวสั ดุเดมิ หรอื ผลงานศิลปะ ความรูส้ กึ น้จี ะแตกต่างกนั ออกไปในแต่ละบคุ คล ในการหลอ่ ตอ้ งมกี ารทาแม่พมิ พข์ ้นึ มาก่อนจากหนุ่ ตน้ แบบ เพอ่ื เก็บ ตามความรูส้ กึ เฉพาะตนตงั้ แต่เกดิ สง่ิ แวดลอ้ ม และการศึกษา รูปทรงและรายละเอยี ดวสั ดุใหม่ก่อรูปข้นึ ตามแม่พมิ พน์ นั้ ๆสาหรบั งานช้นิ เลก็ อาจหลอ่ เป็นรูปตนั ได้ แต่งานใหญ่ตอ้ งทาเป็นรูปกลวง รูปคนเหมือน (Portrait) เป็นภาพลายเสน้ ภาพเขยี น ภาพถ่าย รูปแกะสลกั หรือรูปปน้ั ของบคุ คลจริงไมว่ า่ จะมชี วี ติ หรอื ภาพปะตดั (Collage) เป็นงานศิลปะแบบหน่งึ ทใ่ี ชว้ ธิ ีปะ ตายแลว้ ก็ตาม โดยปกติจะเนน้ ท่ีใบหนา้ และอาจทารูปเหมือน แผ่นวสั ดบุ นพ้นื ในลกั ษณะแบนราบ หรอื นูนสูงข้นึ จากพ้นื ภาพเพยี ง เฉพาะหวั คร่ึงตวั หรือเต็มตวั อาจทาหนา้ ตรงหรือเอียง แต่มสี ่วน เลก็ นอ้ ย แผ่นวสั ดุทใ่ี ชป้ ะตดิ อาจมหี ลายชนิดรวมกนั เช่น กระดาษ นอ้ ยท่ีจะทาดา้ นขา้ ง อาจอยู่ในท่านงั่ ยืน หรือนอน ดว้ ยขนาด ผา้ เศษวสั ดุ พ้นื ระนาบท่ใี ชแ้ ผ่นวสั ดุปะติดอาจเป็นแผ่นไม้ ผืน เท่าตวั จรงิ หรอื ใหญ่กวา่ ผา้ ใบ หรือพ้นื ระนาบอน่ื ๆ และอาจเพม่ิ เตมิ ดว้ ยการระบายสี หรอื วาดภาพ หรอื พมิ พท์ บั ศิลปะพ้นื บา้ น (Folk Art) เป็นงานสรา้ งสรรคโ์ ดยฝีมอื ชาวบา้ นทส่ี รา้ งข้นึ เพอ่ื สบื ทอดประเพณีนิยม มลี กั ษณะเฉพาะตวั ท่ี ภาพพิมพย์ างแกะ (Linocut) เป็นภาพพมิ พท์ ่ไี ดจ้ าก แตกต่างกนั ไปในแต่ละ่ ทอ้ งถน่ิ การสรา้ งแม่พิมพด์ ว้ ยแผ่นยางหรือกอ้ นยางดว้ ยการแกะเป็น ลวดลายตามท่ีตอ้ งการ จากนั้นนาไปกล้ิงสีใหท้ วั่ แลว้ เขา้ อุตสาหกรรมศิลป์ (Industrial Art) เป็ นศิลปะท่ี กระบวนการพมิ พด์ ว้ ยเครอ่ื งพมิ พห์ รอื พมิ พด์ ว้ ยการกดดว้ ยมอื ออกแบบและผลติ เป็นจานวนมาก ใชว้ ิทยาการ การศึกษาและ คน้ ควา้ ดา้ นเทคโนโลยแี ละวสั ดุ เพอ่ื นามาปรบั ใชใ้ นการออกแบบให้ การปน้ั (Modeling) เป็นวธิ ีการสรา้ งงานประตมิ ากรรม มีความงดงามกลมกลืนกับหนา้ ท่ีและประโยชน์ใชส้ อยของ โดยวธิ ีบวกหรือพอกพูน โดยใชว้ สั ดุทค่ี ่อนขา้ งน่ิม เช่น ดนิ เหนียว ผลติ ภณั ฑ์ ดนิ นา้ มนั ข้ผี ้งึ ในการสรา้ ง ถา้ เป็นรูปใหญ่มกั จะเสริมภายในดว้ ย โครงโลหะก่อน เมอ่ื ไดร้ ูปทรงทพ่ี อใจแลว้ อาจนาไปหลอ่ ใหแ้ ขง็ ตาม จติ รกรรมฝาผนงั แบบปูนเปียก (Buon Fresco) เป็นวธิ ี วธิ ขี องงานหลอ่ ต่อไป ทใ่ี ชส้ ผี สมนา้ แลว้ วาดลงบนปูนปลาสเตอร์ ( Lime Mortar )ทป่ี าด ไวบ้ างๆบนผนงั เมอ่ื ทาสลี งไปแลว้ ไม่จาเป็นตอ้ งใชอ้ ะไรทาเคลอื บ ใหส้ ตี ดิ เพราะปนู ปลาสเตอรจ์ ะทาปฏกิ ริ ิยาเคมกี บั สตี ดิ ปูน สจี ะซมึ ลงไปในปนู ทย่ี งั ช้นื พอปนู แหง้ ก็จะทาปฏกิ ริ ยิ าเคมกี บั อากาศ ทาให้ สตี ดิ ผนงั ไดอ้ ย่างถาวร FINE ART MAGAZINE 21
งานโมเสก (Mosaic) เป็นการใชว้ สั ดุช้นิ เลก็ ๆเยงต่อกนั เป็นภาพหรอื ลวดลายประดบั ตดิ ดว้ ยกาวหรอื ปูนบนผนงั พ้นื หรอื เพดาน วสั ดุท่ีใชอ้ าจเป็ นวสั ดุต่างชนิดกนั หรือชนิดเดียวกัน สเี ดยี วกนั หรอื ต่างสกี นั ก็ได้ ข้นึ อยู่กบั ความเหมาะสมและขนาดของ ช้ินงานนน้ั ๆ ตวั อย่างวสั ดุท่ีใช้ เช่น กรวด กระจก กระเบ้ือง หนิ หนิ อ่อน ศิลปะกอทิก (Gothic Art) เป็นลกั ษณะรูปแบบของ ศิลปกรรมในยุโรปในราวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๒ และเสอ่ื มความนิยม ลงในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๕ ศิลปกรรมกอทกิ เตม็ ไปดว้ ยคณุ ค่าอย่าง สูง โดยเฉพาะการแสดงออกถงึ ความศรทั ธาในศาสนาครสิ ต์ ศิลปะโรโกโก (Rococo Art) เป็นลกั ษณะรูปแบบศิลปะ สมยั หน่ึงของยุโรป แสดงถงึ ความตอ้ งการและรสนยิ มของชนชนั้ สูง ในดา้ นจติ รกรรม ภาพทวิ ทศั นน์ ิยมสรา้ งใหแ้ สงปรากฏอย่างงดงาม นุ่มนวลตา และมบี รรยากาศราวกบั ความฝนั เร่อื งราวของภาพมกั เก่ียวกบั เร่ืองปรมั ปรา งานร่ืนเริงท่มี ีบรรยากาศหรูหรา ในดา้ น ประติมากรรม มีการตดั แปลงใหม้ ีขนาดเล็ก เพ่มิ ความละเอียด ประณีต ร่างกายของคนจะดูบอบบาง นุ่มนวล และแสดงความ เคลอ่ื นไหวอย่างอ่อนชอ้ ย อิมเพรสชนั นิซึม (Impressionism) เป็นศิลปะลทั ธิ หน่ึงท่นี าความรูท้ างวทิ ยาศาสตรใ์ นเร่อื งแสงและสมี าใชเ้ พอ่ื แสดง บรรยากาศธรรมชาติตามเวลาและฤดูกาล เกิดข้ึนกลาง คริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ ลกั ษณะของภาพวาดแบบอมิ เพรสชนั นิซึม คอื การใชพ้ ู่กนั ตวดั สอี ย่างเขม้ ๆ ใชส้ สี วา่ ง มสี ่วนประกอบของภาพ ท่ไี ม่ถูกบีบ เนน้ ไปยงั คุณภาพท่แี ปรผนั ของแสง มกั จะเนน้ ไปยงั ผลลพั ธท์ เ่ี กดิ จากการเปลย่ี นแปลงของกาลเวลา เน้ือหาของภาพเป็น เร่ืองทวั่ ไป และมีมุมมองท่ีพิเศษ เนน้ ไปยงั มุมมองแบบกวา้ งๆ มากกว่ารายละเอยี ด ศิลปะนามธรรม (Abstract Art) เป็นผลงานท่ศี ิลปิน สรา้ งสรรคข์ ้นึ จากความคิดอิสระ มกี ารตดั ทอนจากธรรมชาติให้ เหลอื เพยี งสญั ลกั ษณท์ ส่ี อ่ื ความหมายเฉพาะตวั ของศิลปิน ศิลปะก่งึ นามธรรม (Semi-Abstract Art) เป็นงานศิลปะ ท่มี กี ารตดั ทอนรูปทรงบางส่วนออกไปหรือตดั แปลงใหเ้ ปลย่ี นไป จากความเป็นจรงิ 22 FINE ART MAGAZINE
การออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ งานศิลปะ ไม่ไดจ้ ากดั อยู่เฉพาะกบั คาว่า งานปน้ั งานวาด งานเขยี น หรอื การสรา้ งสรรคผ์ ลงานของศิลปินเพอ่ื นาไปจดั แสดงนทิ รรศการ เท่านนั้ หากแต่งานศิลปะยงั สามารถนาไปประยุกตใ์ ชก้ บั งานต่าง ๆ ไดห้ ลากหลาย ตวั อย่างในการนาเอาความรูแ้ ละความสามารถทางศิลปะไปใชก้ ็ คือ การออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ (Packaging Design) ซ่งึ เป็นงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การกาหนด รูปแบบและโครงสรา้ งของบรรจภุ ณั ฑใ์ หส้ มั พนั ธก์ บั หนา้ ทใ่ี ชส้ อยของผลติ ภณั ฑห์ รอื สนิ คา้ ทผ่ี ลติ ข้นึ มา เพอ่ื การคุม้ ครองป้องกนั ไมใ่ หส้ นิ คา้ เสยี หายและเพม่ิ คณุ ค่า ดา้ นจติ วทิ ยาต่อผูบ้ รโิ ภค ซ่งึ เป็น งานทต่ี อ้ งอาศยั ทง้ั ศาสตรแ์ ละศิลป์ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน สาหรบั หลกั การออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ ประกอบดว้ ยการออกแบบทส่ี าคญั 2 ส่วนดงั น้ี FINE ART MAGAZINE 23
1. การออกแบบโครงสรา้ ง ซ่ึงเก่ียวขอ้ งกบั คุณสมบตั ิ ของวสั ดุใชท้ าบรรจุภณั ฑ์ และรูปแบบบรรจุภณั ฑ์ การกาหนด ลกั ษณะรูปร่าง รูปทรง ขนาดและปริมาตร ของบรรจุภณั ฑ์ หลกั การสาคญั ในการออกแบบโครงสรา้ งของบรรจภุ ณั ฑ์ จึงตอ้ ง คานึงถงึ ความง่ายต่อการเขา้ ใจประเภทสนิ คา้ รูปแบบกลมกลนื สอดคลอ้ งกบั สนิ คา้ ความสะดวกและงา่ ยต่อการจบั หรอื ถอื ขนาด พอดแี ละสามารถรบั นา้ หนกั สนิ คา้ ได้ ความสะดวกต่อการเปิดใช้ งานผลติ ภณั ฑ์ ความสะดวกต่อการหยบิ สนิ คา้ ออกจากบรรจภุ ณั ฑ์ สามารถเปิดและปิด แลว้ ยงั ถนอมสนิ คา้ ได้ ชนิดของวสั ดุมคี วาม เหมาะสม ป้ องกนั สนิ คา้ ไดต้ ลอดอายุการวางขาย มปี ลอดภยั ต่อ การใชง้ าน การข้นึ รูป การบรรจุ เปิด-ปิดสะดวก ไมย่ ่งุ ยาก 2. การออกแบบกราฟิ ก เก่ยี วขอ้ งกบั การสอ่ื ความหมาย ดว้ ยภาพวาดสญั ลกั ษณ์ ต่างๆ ท่ชี ่วยส่งเสริมการขาย เน่ืองจาก รูปลกั ษณ์ของบรรจุภณั ฑ์จะตอ้ งบ่งบอกถึงตวั ตนของสินคา้ (Brand) บอกวธิ ีการใชง้ านหรอื การบรโิ ภค และอน่ื ๆ เช่น ความรู้ เทคนิค กรรมวธิ ีการผลติ ท่เี ป็นจดุ ขายของสนิ คา้ เป็นตน้ สาหรบั ปจั จยั สาคญั ทต่ี อ้ งคานงึ ถงึ ในการออกแบบกราฟิกใหก้ บั ผลติ ภณั ฑ์ นนั้ ไดแ้ ก่ ขอ้ มลู บนบรรจภุ ณั ฑ์ งานพมิ พบ์ รรจภุ ณั ฑ์ และสที ใ่ี ชใ้ น บรรจภุ ณั ฑ์ ขอ้ มูลบนบรรจุภณั ฑ์ ควรประกอบดว้ ย ขอ้ มูลดา้ น การตลาด ไดแ้ ก่ สถานท่ีจดั จาหน่าย ฤดูกาล บาร์โคด้ ตรา สญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ รูปแบบการกระจายสนิ คา้ (ปลกี /ส่ง) พฤตกิ รรม ผูบ้ ริโภค ปริมาณและมูลค่าของสินคา้ ในตลาด (ส่วนแบ่งทาง การตลาด) ขอ้ มูลเก่ียวกบั ผลติ ภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ ประวตั คิ วามเป็นมา วิธีการอุปโภคหรือบริโภค คาอธิบาย จุดเด่น ประโยชน์ ขนาด ปริมาณบรรจุ ความถ่ีหรือปริมาณการใชท้ ่ีใชต้ ่อครงั้ ราคาและ ตน้ ทนุ รวมถงึ ขอ้ ควรระวงั ในการใช้ (ถา้ ม)ี งานพิมพบ์ รรจุภณั ฑ์ ซ่ึงอาจแบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบงานพมิ พเ์ พอ่ื การขนส่ง ซง่ึ เป็นบรรจภุ ณั ฑพ์ ้นื ฐานทม่ี ่งุ เนน้ การใชง้ าน เนน้ เร่อื งราคาในการตดั สนิ ใจซ้อื หรอื รูปแบบงานพมิ พ์ เพ่ือเป็นเคร่ืองมือทางการตลาด ซ่ึงเป็นบรรจุภณั ฑท์ ่ีใชเ้ ป็นส่อื โฆษณา และประชาสมั พนั ธ์นอกเหนือจากการใชง้ าน การวาง แนวคิดจะสอดคลอ้ งกนั ระหว่างสนิ คา้ บรรจภุ ณั ฑช์ น้ั ใน และบรรจุ ภณั ฑช์ นั้ นอก ออกแบบสวยงามเนน้ ตราสนิ คา้ และความเด่นเม่อื โชวต์ ามรา้ นคา้ 24 FINE ART MAGAZINE
สที ่ใี ชใ้ นบรรจุภณั ฑ์ ในการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ สนี บั ว่า สขี องบรรจภุ ณั ฑค์ วรเขา้ กนั ไดด้ ี มฉิ ะนน้ั อาจจะเกดิ ความขดั แยง้ ข้นึ เป็นองค์ประกอบท่ีสาคญั อย่างหน่ึง เพราะสีเป็นส่ิงท่ีมีผลต่อ เมอ่ื เปิดสนิ คา้ ออกจากบรรจภุ ณั ฑ์ สที เ่ี ลอื กใชจ้ ะตอ้ งดูดีเม่อื พมิ พ์ ประสาทสมั ผสั เป็นเครอ่ื งดูดความสนใจทาใหเ้กดิ ความรูส้ กึ อยาก ขาว–ดา หรอื ออกทวี ี หรอื ลงโฆษณาในนติ ยสารต่าง ๆ ดว้ ย จบั ตอ้ งอยากสมั ผสั การเลอื กใชส้ ี ตอ้ งคานึงถึงกลุ่มผูบ้ ริโภค เป้ าหมายและกลุ่มลูกคา้ ดว้ ย ซ่ึงมีความรูส้ ึกนึกคิด รสนิยม ข้ันตอนการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ ควรเป็ นไปตาม วฒั นธรรมและความเช่อื เร่อื งสที ต่ี ่างกนั เช่น สขี าวจะใหค้ วามรูส้ กึ ขน้ั ตอนทส่ี าคญั 5 ตอนดงั น้ี สะอาด ว่างเปล่า หรอื เย็นชา แต่มคี วามหมายเหมอื น เพชร ความ สะอาด ความบริสุทธ์ิ ความดี การยอมแพ้ สีแดง ใหค้ วามรูส้ กึ 1. กาหนดกลุ่มเป้ าหมาย ถอื เป็นเร่ืองสาคญั ของการ ต่ืนเตน้ เรา้ อารมณ์ มีพลงั รอ้ นแรง กลา้ หาญ การเติบโต ความ ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ เพราะกลุ่มเป้าหมายสามารถส่งผลกระทบต่อ ตง้ั ใจ อนั ตราย ความรกั ดวงอาทติ ย์ ความปรารถนา งานมงคล ผลติ ภณั ฑไ์ ดโ้ ดยตรง เพอ่ื ท่จี ะไดส้ ามารถออกแบบบรรจุภณั ฑใ์ ห้ (คนจีน) หรือสีเขียวซ่ึงแสดงถึงความสงบ เยือกเย็น สดช่ืน มี ตรงต่อความตอ้ งการของกลุ่มเป้ าหมายใหไ้ ดม้ ากท่สี ุด ตวั อย่าง ชีวิตชีวา ปลอดภยั ความหวงั ความอุดมสมบูรณ์ และความ กลมุ่ เป้าหมาย เช่น วยั ร่นุ วยั ทางาน แม่บา้ น เดก็ ฯลฯ เป็นตน้ ปลอดภยั เป็นตน้ 2. กาหนดช่ือตราสินคา้ (Brand) ตราสนิ คา้ ใชเ้ ป็นช่ือ สาหรบั ขอ้ ควรคานึงในการเลอื กใชส้ บี นบรรจภุ ณั ฑน์ น้ั สี หรือเคร่อื งหมายสาหรบั การเรยี กขานผลติ ภณั ฑ์ ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งทา ทใ่ี ชค้ วรเป็นสที จ่ี าง่าย สามารถทาใหน้ ึกถงึ ย่หี อ้ หรือผลติ ภณั ฑไ์ ด้ การกาหนดช่อื ตราสนิ คา้ ใหเ้รียบรอ้ ยก่อนการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ ทนั ที ใชส้ ที จ่ี ดจาไดง้ า่ ยดกี ว่าใชส้ แี ปลก ๆ ไมค่ ุน้ ตา สที ใ่ี ชบ้ นบรรจุ โดยกาหนดใหช้ อ่ื ตราสนิ คา้ มคี วามเป็นเอกลกั ษณ์ ชดั เจน น่าสนใจ ภณั ฑค์ วรเป็นสที เ่ี หมาะกบั ผูบ้ รโิ ภคในทกุ ๆ สถานการณท์ ผ่ี ูบ้ รโิ ภค ท่ีสาคญั จะตอ้ งเป็นท่จี ดจาไดง้ ่ายแก่ผูบ้ ริโภค ตราสินคา้ ท่ดี ีนน้ั นามาใชง้ าน และทส่ี าคญั การเลอื กใชส้ คี วรเลอื กตามลกั ษณะของ สามารถยกตวั อย่างไดด้ งั น้ี ลูกคา้ เพศ สงั คม เศรษฐกิจ สภาพภูมปิ ระเทศ ท่ตี งั้ และลกั ษณะ ตลาดทจ่ี ะนาผลติ ภณั ฑไ์ ปวางจาหน่ายดว้ ย นอกจากน้ีแสงทใ่ี ชใ้ น FINE ART MAGAZINE 25 รา้ นคา้ ซุปเปอรม์ ารเ์ ก็ต ก็ตอ้ งนามาพจิ ารณาดว้ ย เพราะแสงไฟท่ี แตกต่างกนั ก็สามารถเปลย่ี นความรูส้ กึ ต่อสไี ด้ สขี องผลติ ภณั ฑแ์ ละ
ลกั ษณะทด่ี ีของตราสนิ คา้ 4. กาหนดรูปทรง บรรจุภณั ฑ์ ท่ีมีรูปร่างสวยงาม 1.สน้ั กะทดั รดั จดจาไดง้ า่ ย ออกเสยี งไดง้ า่ ยมคี วามโดด สามารถสรา้ งความประทบั ใจใหก้ บั ผูบ้ รโิ ภค ถงึ แมผ้ ูซ้ ้อื จะยงั ไม่ได้ เด่นเป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั สมั ผสั กบั ตวั ผลติ ภณั ฑท์ อ่ี ยู่ภายในเลย 2.แปลเป็ นภาษาต่างประเทศไดง้ ่ายมีความหมายท่ี เหมาะสม 5. กาหนดสีและกราฟิ ก สแี ละกราฟิกคือการรวมของ 3.สามารถบอกถงึ คณุ สมบตั ทิ ส่ี าคญั ของผลติ ภณั ฑ์ การใชส้ ญั ลกั ษณ์ ตวั อกั ษร ภาพประกอบ ลวดลายและพ้นื ผวิ ซ่งึ 4.สอดคลอ้ งกบั ค่านิยมและวฒั นาธรรมของกลุ่มลูกคา้ ส่วนประกอบทงั้ หมดสามารถบ่งบอกถึงช่ือตราสินคา้ ลกั ษณะ เป้าหมายสามารถนาไปจดทะเบยี นการคา้ ไดต้ อ้ งไมซ่ า้ กบั ของเดมิ ท่ี ผลติ ภณั ฑ์ ทบ่ี รรจอุ ยู่ภายในไดแ้ ละสามารถแสดงถงึ แหลง่ ทม่ี าของ มอี ยู่ ผลติ ภณั ฑไ์ ดด้ ว้ ย 3. กาหนดวสั ดุท่ีใชท้ าบรรจุภณั ฑ์ วสั ดุมีความจาเป็น และทง้ั หมดน้ีคือหลกั และหวั ใจท่ีสาคญั ของการ อย่างยง่ิ ต่อการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ และทส่ี าคญั ควรคานึงถงึ ความ ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ ปลอดภยั ของผูบ้ ริโภค ความรบั ผิดชอบต่อส่ิงแวดลอ้ ม และ คุณสมบตั ิของวสั ดุแต่ละประเภท ทจ่ี ะนามาผลติ บรรจุภณั ฑเ์ ป็น สาคญั เน่ืองวสั ดแุ ต่ละชนิดแต่ละชนดิ จะมคี ณุ สมบตั ทิ เ่ี ป็นขอ้ ดแี ละ ขอ้ เสีย ในการคุม้ ครองผลิตภณั ฑ์ใหค้ งคุณภาพ การยืดอายุ ผลติ ภณั ฑ์ และการนากลบั มาใชใ้ หม่(Recycle) 26 FINE ART MAGAZINE
การบรรยายภาพ การบรรยายมคี วามสาคญั เน่ืองจากเป็นขน้ั ตอนแรกของ อารมณ์ทางทัศนศิลป์ ท่ีเกิดข้ึน ผูบ้ รรยายควรฝึ กทักษะ การวิจารณ์ผลงานทศั นศิลป์ การบรรยายท่ีดีจะนาผลไปสู่ขน้ั ความสามารถดา้ นการสอ่ื สารเพอ่ื สอ่ื ความหมายทส่ี มบูรณ์ วเิ คราะหข์ นั้ ตคี วาม และขน้ั ตดั สนิ ประเมนิ ค่าผลงานตามลาดบั ขน้ั ของทฤษฎวี จิ ารณผ์ ลงานทศั นศิลป์ การเรยี นรูใ้ นหน่วยการเรยี นรูน้ ้ี การใชภ้ าษาไทยในการบรรยายบางครง้ั อาจมขี อ้ จากดั ใน มเี ป้าหมายในการบรรยายจดุ ประสงคแ์ ละเน้ือหาของงานทศั นศิลป์ ส่วนท่ีเก่ียวกบั ความคิด รูปแบบของผลงานท่ีแสดงออกทาง ดา้ นประตมิ ากรรม โดยใชศ้ พั ทท์ างทศั นศิลป์ศพั ทท์ างทศั นศิลป์ ทศั นศิลป์อีกทง้ั ในบางช่วงบางตอน เป็นการบรรยายถึงการจดั ส่วนใหญ่เป็นคาศพั ทท์ ซ่ี า้ ๆ กนั ในการใชบ้ รรยายผลงานทศั นศิลป์ องคป์ ระกอบศิลป์รูปแบบผลงานประติมากรรม และภาพรวมของ ทกุ สาขา ไม่ว่าจะเป็นผลงานดา้ นจติ รกรรมประตมิ ากรรมหรอื ภาพ ผลงาน อนั เป็นองคป์ ระกอบศิลป์ทเ่ี ราสามารถรบั รูไ้ ดจ้ าเป็นตอ้ งมี พมิ พ์ เน่ืองจากแต่ละสาขาย่อมประกอบไปดว้ ย การสรา้ งสรรค์ ศพั ทเ์ ฉพาะศาสตรต์ ามสาขานน้ั หมายถงึ ศพั ทท์ างทศั นศิลป์มาใช้ ผลงานทม่ี กี ารใชห้ ลกั ของทศั นธาตุ หลกั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ท่ี ประกอบการบรรยายใหเ้ กิดมโนภาพในการรบั รูแ้ ละเกิดสุนทรียา เก่ียวโยงถึงความสมดุล ความมีเอกภาพ และความกลมกลืน รมยต์ ่อผูช้ มเป็นประการสาคญั นอกเหนือจากการไดร้ บั ขอ้ มูลเพยี ง การบรรยายผลงานทศั นศิลป์ควรใชภ้ าษาท่สี ่อื สาร ใหผ้ ูฟ้ งั หรือ อย่างเดยี ว ผูช้ มไดร้ บั รูถ้ งึ จดุ ประสงคข์ องการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน และเน้ือหา ของผลงานทไ่ี ดร้ บั การถ่ายทอดจากศิลปิน รวมถงึ การบรรยายถงึ FINE ART MAGAZINE 27
หลกั ของการบรรยายเกย่ี วกบั ผลงานทศั นศิลป์ ทศั นะของศิลปิ น อาจารยถ์ วลั ย์ ดชั นี การสรา้ งงาน ศิลปะกรรมของศิลปินเหน็ ว่าน่าจะประกอบไปดว้ ยรูปแบบของ การบรรยายมีความหมายตามพจนานุ กรมฉบบั ศิลปะ ทแ่ี สดงถงึ จติ วญิ ญาณของเชยี งแสน ศรสี ชั นาลยั อยธุ ยา ราชบณั ฑติ ยสถานพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๒ ว่า“ ช้แี จงหรืออธบิ ายเร่ือง และรตั นโกสินทร์ โดยจาลองรูปแบบศิลปะสมยั ต่างๆใหเ้ ป็น ใหฟ้ งั หรือเล่าเร่อื ง” จากความหมายน้ีจงึ อาจกลา่ วไดว้ ่าการบรรยาย หน่ึงเดยี วกนั เพ่อื แสดงสุนทรยี ภาพโดยรวมของความเป็นไทย เป็นกระบวนการรบั รูท้ ่เี กิดจากการมองเหน็ สงั เกต และบนั ทกึ ส่งิ รวมทงั้ เป็นการเฉลมิ ฉลองในโอกาสทพ่ี ระเจา้ อยู่หวั ทรงครองศิริ ต่าง ๆ ท่พี บเห็น ในผลงานคุณสมบตั ิเด่น รวมไปถงึ รายละเอยี ด ราชสมบตั ิครบ50ปี เพ่อื ใหไ้ ดศ้ าลาท่เี ป็นงานสรา้ งสรรคร์ ่วม อน่ื ๆ โดยคน้ หาวา่ มสี ง่ิ ใดอยู่ในผลงานแลว้ อธบิ ายใหร้ บั รูโ้ ดยยงั ไม่ สมยั และยงั คงความงามเอาไวไ้ ดอ้ ย่างครบถว้ น มกี ารวพิ ากษว์ จิ ารณ์หรือสรุปความเหน็ ใด ๆ เหน็ อะไรก็บอกอย่าง นน้ั เช่นมรี ายละเอยี ดใดบา้ งมคี ณุ สมบตั เิ ด่นอย่างไรเป็นตน้ เป็นการ โครงสรา้ งและความหมายของผลงาน เป็นลกั ษณะเสา ทาความเขา้ ใจในผลงานอย่างงา่ ย ๆ เพอ่ื ใหร้ ูว้ ่าคอื อะไรโดยใชภ้ าษา 4 ตน้ ซ่ึงเป็นตวั แทนของทวีปทงั้ 4ท่ีลอ้ มโลก อยู่ตามปกีรณัม ในการบรรยายงา่ ยๆประกอบกบั ศพั ทท์ างทศั นศิลป์ โบราณของอินเดยี โดยเสาทางทศิ เหนือแทนอุดรทวปี ทศิ ใตแ้ ทน อมรโคยานทวปี ทศิ ตะวนั ตกแทนชมพูทวปี ทศิ ตะวนั ออกแทนปุ การบรรยายผลงานทางทศั นศิลป์ เพ่ือส่ือใหเ้ ห็นถึง รพวเิ พ ซ่งึ เสา4ตน้ อยู่บนอ่างศิลาดา ซ่งึ หมายถงึ ตวั แทนของโลก จดุ ประสงคข์ องการสรา้ งสรรคง์ าน เพอ่ื ใหเ้ขา้ ถงึ อารมณค์ วามรูส้ กึ ท่ี จกั วาล ความคิดน้ีเป็นแรงบนั ดาลใจมาจากภาพโบราณท่มี สี นั เขา ศิลปินตอ้ งการส่ือจาเป็ นตอ้ งใชศ้ ัพทท์ างทศั นศิลป์ในการส่ือ พระสุเมรุอยู่ ศาลานน้ั แบ่งเป็น3ชน้ั ชนั้ ท่3ี แบ่งย่อยออกเป็น2ชน้ั ความหมายเพอ่ื ช้ี ใหเ้ ห็นถงึ เบ้อื งหลงั ของการสรา้ งสรรคผ์ ลงานว่า รวมเป็น4ชน้ั แทนความหมายมหาสตปิ ตั ฐาน4 คอื กายานุปฏปิ ทา เกิดจากความคดิ หรือเงอ่ื นไขอะไรในการสรา้ งสรรค์ งานช้ินใดช้นิ เวทนานุปฏปิ ทา จติ ตานุปฏปิ ทา และธรรมานุปฏปิ ทา ซง่ึ เป็นธรรม หน่ึงหรือเน้ือหาใดเน้ือหาหน่ึง เพอ่ื เป็นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ใหผ้ ูฟ้ งั มี ทน่ี าไปสู่อริยมรรค หรอื ความหลุดพน้ ทางพระพทุ ธศาสนา สาหรบั ความเขา้ ใจในการทางานของศิลปินซ่ึงเป็นผูส้ รา้ งสรรคผ์ ลงาน ช่อฟ้ากาแล แทนธาตทุ ง้ั 4 คือ ดนิ นา้ ลม ไฟ ทบ่ี ริเวณปลายยอด นนั่ เอง ในการบรรยายผลงานทางทศั นศิลป์ส่ิงท่ีผูบ้ รรยายควร ของศาลาจะมบี ราลี 8 อนั เปรียบไดก้ บั อรยิ มรรค (มรรคมอี งค8์ ) กลา่ วถงึ ก็คอื แนวคดิ หลกั จดุ ประสงคข์ อง ซ่งึ เป็นสุดยอดของการของการนาไปสู่การหลุดพน้ ลกั ษณะศาลา เปลอื ยเพอ่ื ตอ้ งการใหม้ องเห็นไดจ้ ากทกุ ทศิ และส่วนประกอบท่ี การสรา้ งสรรค์ผลงาน เทคนิคและวิธีการสรา้ งสรรค์ ผลงาน เพอ่ื ใหผ้ ูฟ้ งั เกิดความเขา้ ใจมากทส่ี ุด โดยส่วนใหญ่ผลงาน ทางทศั นศิลป์ทศ่ี ิลปินสรา้ งสรรคข์ ้นึ มาจะแบ่งออกเป็น2รูปแบบคอื รูปแบบเหมอื นจริงและรูปแบบนามธรรม ดงั นนั้ ในการบรรยาย ตอ้ งใชภ้ าษาทเ่ี ขา้ ใจง่าย สอ่ื ความหมายชดั เจน เพอ่ื ใหผ้ ูฟ้ งั ไม่ตอ้ ง ตคี วามในภาษาทผ่ี ูบ้ รรยายใชใ้ นการบรรยายผลงาน ตวั อยา่ งการบรรยายผลงานทศั นศิลป์ แนวคิดในการสรา้ งงานของศิลปิ น โดยมีความ ตอ้ งการใหศ้ าลาน้ีเป็นตวั แทนของทวปี ทง้ั 4 ทศิ ทง้ั 8, พนสั บดี ,ธาตุ 4 , อริยสจั 4 และสุดทา้ ย คือ อรยิ มรรค การสรา้ งสรรค์ ผลงานช้ินน้ีนบั ว่า ทรงพลงั มสี ถาปตั ยกรรมท่ดี ี เป็นกระแส วฒั นธรรมร่วมสมยั 28 FINE ART MAGAZINE
พเิ ศษมากอกี ช้นิ หน่ึง คอื หางหงสท์ ศ่ี าลาท่ี1 เพราะว่าเป็นศุนยร์ วม ของความคดิ ในการสรา้ งศาลาร่วมสมยั นนั่ คอื พนสั บดี ซง่ึ เป็นตรี มูรติของพระศิวะ (ทรงโค) พระพรหม (ทรงสิงห)์ และพระ นารายณ์ (ทรงครุฑ) โดยเป็นววั มเี ขาปกติ แต่มปี ีกเป็นหงสแ์ ละมี ปากเป็นครุฑ ลกั ษณะทส่ี าคญั ลายนกทงั้ หมดจะเป็นลายคมกรชิ ซง่ึ มี เฉพาะท่อี ยุธยาเท่านนั้ ปจั จุบนั ยงั คงเหลอื อยู่ทว่ี ดั หนา้ พระสุเมรุ (สมยั พระนเรศวร) อีกประการหน่ึงคือเป็นศิลปกรรมร่วมสมยั ตง้ั แต่เชยี งแสนถงึ รตั นโกสนิ ทรโ์ ดยแต่ละสมยั จะมตี วั แทนแตกต่าง กนั ออกไป ไดแ้ ก่ ลา้ นนา-กาแล อยุธยา-คมกรชิ สุโขทยั -บราลคี นั ทวย อาจารยถ์ วลั ย์ ดชั นี ไดร้ บั การยกย่องเชิดชูเกียรติให้ เป็นศิลปินแหง่ ชาติ สาขาทศั นศิลป์(จติ รกรรม) เม่อื ปี พ.ศ.2544 FINE ART MAGAZINE 29
ศลิ ปนิ ตา่ งประเทศ Alessandro di Mariano di Vanni Filipepi บอตติเชลลิ มีช่ือเต็มว่า Alessandro di Mariano di บอตติเชลลพิ ฒั นาความสามารถของตนใหส้ ูงข้นึ เร่ือย ๆ ทง้ั ดา้ น Vanni Filipepi เป็ นลูกชายคนสุดทอ้ งของช่างฟอกหนังชาว เน้ือหาของภาพแนวความคิดเก่ียวกบั สุนทรีศาสตรแ์ ละการสรา้ ง ฟลอเรนซช์ ่ือ Marano di vanni เกิดท่ี Smeralda ปจั จุบนั คือ องคป์ ระกอบ เขาไดร้ บั มอบหมายใหท้ างานทม่ี คี วามสาคญั ยง่ิ มที งั้ Bargo Ognissanti No.28 บอตตเิ ชลลิ เกดิ เมอ่ื ค.ศ. 1444 หรอื งานจติ รกรรมฝาผนงั แบบปูนเปียก (Fresco) ตามโบสถ์ วหิ ารต่าง ค.ศ.1445 ในปี ค.ศ. 1498/60 เขาเร่มิ ฝึกงานช่างทอง จนถงึ ค.ศ. ๆ ภาพเหมอื นและผลงานทเ่ี ขยี นข้นึ ตามความคดิ ของตวั เอง 1461-62 จงึ เปลย่ี นใจจากการเป็นช่างทองมาเรยี นดา้ นจติ รกรรมมา ลปิ ปี ทาใหเ้ ขาไดเ้ ป็นจิตรกรท่มี ชี ่ือเสยี งโด่งดงั ต่อมา ค.ศ. 1464 ผลงานจิตรกรรมสีฝุ่นช่ือ Adoration of the Magi บิดาของเขาไดย้ า้ ยไปซ้ือบา้ นใหม่ซ่ึงปัจจุบันคือ Viadella เขยี นข้นึ ระหว่างค.ศ. 1465-67 ซ่งึ เป็นผลงานยุคแรก ๆ ของบอต Porcellana ในเมอื งฟลอเรนซ์ เป็นทซ่ี ง่ึ บอตตเิ ชลลใิ ชเ้ ป็นทท่ี างาน ตเิ ชลลนิ นั้ ยงั คงมเี น้ือหาเก่ยี วเน่อื งกบั ครสิ ตรศ์ าสนา มรี ูปแบบและ จติ รกรรมของเขาตง้ั แต่ ค.ศ. 1470 จนถงึ วาระสุดทา้ ยของชวี ติ วธิ กี ารเช่นเดยี วกบั ผลงานจติ รกรรมทจ่ี ติ รกรร่นุ ก่อน เช่น เวรร์ อคคิ โอ ( Andrea dei Verrocchio ศิลปินชาวอติ าลี มชี ีวติ อยูร่ ะหว่าง บอตติเชลลเิ ร่ิมทางานจิตรกรรมร่วมกบั ครูของตนในปี ค.ศ. 1435-88 ศิษยข์ อง (Donatello ) ค.ศ. 1465 โดยเร่ิมจากผลงานจิตรกรรมช่ือ Adoration of the Magi (เขียนระหว่างปี ค.ศ. 1465-67 เป็ นจิตรกรรมสฝี ่ นุ บนแผ่น ศิลปินชาวอติ าลมี ชี วี ติ อยู่ระหวา่ ง ค.ศ. 1486-1496 ) ได้ ไม้ ขนาด 50x136 เซนติเมตร ปัจจุบนั อยู่ท่ี The National ทามาแลว้ ผลงานจติ รกรรมช่วงตน้ ๆ ของยุคฟ้ืนฟศู ิลปวทิ ยานยิ ม Gellery กรุงลอนดอน องั กฤษ) หลงั จากนนั้ เขาเร่ิมรบั จา้ งเขยี น เขียนภาพท่ีมีแสงเงาชดั เจน มีเสน้ รอบนอกคมชดั การจดั วาง ภาพจติ รกรรมตามเมอื งต่าง ๆ เช่นเดยี วกบั ศิลปินคนอน่ื ๆ ในสมยั องคป์ ระกอบและท่าทางของภาพบคุ คลมกั วางท่าอย่างละครไม่เป็น นนั้ ธรรมชาติ จงึ ทาใหเ้กิดความรูส้ กึ แขง้ กระดา้ งไม่นุ่มนวล พ้นื หลงั ( background ) มกั ทบึ ตน้ แบบแผนเหล่าน้ีเป็นสง่ิ ท่สี บื ทอดกนั มา 30 FINE ART MAGAZINE ตงั้ แต่สมยั กลาง บอตติเชลลกิ ็เช่นเดียวกนั กบั ศิลปินอ่ืน ๆ ท่พี ยายาม แสวงหาแนวทางและรูปแบบของตนเอง ดงั นน้ั ทศวรรษ 1480 เขา จงึ เรม่ิ เขยี นภาพทม่ี พี ้นื หลงั โลง่ เป็นทวิ ทศั น์ การเขยี นพ้นื หลงั เป็นทวิ ทศั นแ์ ทนการใชส้ ที บึ ตนั น้ีนิยม เขยี นกนั มากในสมยั ฟ้ืนฟูศิลปวทิ ยา และท่โี ดดเด่นทส่ี ุดจะพบใน งานจิตรกรรมของเลโอนารโ์ ด ดา วินซี ( Leonado da Vinci
อจั ฉริยะสลิ ปิ นชาวอติ าลี มีชีวิตอยูร่ ะหวา่ ง ค.ศ. 1452-1519 ) ซง่ึ ของสลิ ปินทจ่ี ดั ท่วงท่าใหง้ ดงามและไม่อุจาดตาอย่างแยบยล วนี สั เป็นผูค้ ิดวธิ ีการเขยี นแบบสฟูมาโต ( Sfumato ) คือ ไม่เนน้ เสน้ ของบอตติเชลลยิ ืนอยู่บนเปลือกหอยท่ีลอยอยู่กลางมหาสมุทร รอบนอกใหค้ มชดั หรือชดั เจน แต่เขยี นใหส้ มั พนั ธก์ ลมกลนื กบั พ้นื ขวามอื มเี ซฟเฟอรเ์ ทพเจา้ แห่งลมกาลงั ช่วยเป่าลมใหเ้ธอเคลอ่ื นเขา้ สู่ หลงั ท่เี ป็นทวิ ทศั น์ ทาใหภ้ าพมรี ะยะใกลไ้ กลมากข้นึ มบี รรยากาศ ฝงั่ ดา้ นซา้ ยมอื เป็นรูปโพโมนาเทพธดิ าแห่งป่าและดอกไม้ ยนื รอท่ี นุ่มนวลไมแ่ ขง็ กระดา้ งและดูมชี วี ติ จติ ใจ จะนาอาภรณท์ พ่ี ร้วิ เบามาห่อหมุ้ ร่างของเธอ รูป ”กาเนิดวนี สั ” เป็น ภาพจติ รกรรมทส่ี รา้ งรูปวนี สั ใหม้ สี ดั ส่วนงดงามทส่ี ุดในยุคนน้ั การ ในช่วงทศวรรษ 1480 ถอื เป็นยคุ ทองบอตตเิ ชลลิ เพราะ จดั วางสแี ละองคป์ ระกอบต่าง ๆ ของภาพลงตวั อย่างยง่ิ ไดเ้ขา้ ไปทางานใหก้ บั ตระกุลทร่ี า่ รวย และมอี านาจสูงสดุ ในขณะนน้ั ผลงานจิตรกรรมชุด The High Ideal of Love ถือไดว้ ่าเป็ น ภาพน้ใี หค้ วามรูส้ กึ เบาและเฟ่ืองฝนั ดจุ บทดุรยิ างคท์ แ่ี ผ่น ผลงานคลาสสิคของเขาท่ีวสรา้ งข้ึนอย่างอิสระตามแนวคิดของ พล้วิ ลอยเลอ่ื นไปสู่แดนทพิ ยวมิ าน ทกุ สง่ิ ในภาพประสานกลมกลนื ตนเองแมเ้ น้ือหาของภาพจะอิงอยู่กบั เร่ืองลกึ ลบั เก่ียวกบั เทพเจา้ กนั ทง้ั เร่อื งราวและสญั ลกั ษณ์ ผลงานชดุ น้ีจงึ เป็นเพชรนา้ เอกของ (mythologial.) ต่างๆก็ตาม แต่การจดั องคป์ ระกอบการกาหนด ยุคนนั้ ทแ่ี หวกออกมาจากงานจติ รกรรมทม่ี กั มลี กั ษณะทบี ตนั และ โครงสรา้ งของสี และแนวคิดเก่ียวกบั สุนทรียภาพ แสดงใหเ้ ห็น น่ิง ต่างกบั ผลงาน ของบอตตเิ ชลลทิ เ่ี บาและมกั เคลอ่ื นไหวเต็มไป ความเป็นตวั เองโดดเด่นชดั เจน เช่น ผลงานจิตรกรรมสีฝ่ ุนบน ดว้ ยอารมณแ์ ละจนิ ตนาการ ผลงานจติ รกรรมทง้ั สองช้นิ ของศิลปิน แผ่นไมข้ นาดใหญป่ ๊ อปลารข์ นาด 203 X 314 เซนตเิ มตร ช่ือ The ผู่น้ีจึงเป็นมรดกลา้ ค่าของพพิ ธิ ภณั ฑอ์ ฟุ ฟีซี นครฟลอเรนซ์ อิตาลี Primavera เขียนเม่ือ ค.ศ. 1482 (ปจั จุบนั อยู่ท่ี The Galleria ทค่ี วรค่าการไปขมอย่างยง่ิ สาหรบั ผูร้ กั ศิลปะ degli Uffizi เมอื งฟลอเรนซ์ อติ าล)ี FINE ART MAGAZINE 31 ผลงานช้นิ น้เี ป็นตานานของวนี สั ซง่ึ เป็นผลงานจติ รกรรม ทม่ี ฝี ีมอื สูงและมคี วามงดงามละเอยี ดละอ่อนลกึ ซ้งึ อย่างยง่ิ แสดงให้ เหน็ แนวทางตนเองอย่างชดั เจน ผลงานท่ี สาคญั ในชุดน้ีอกี ช้นิ หน่ึง คือ Venus and Mar เป็ นภาพจติ รกรรมสฝี ่ นุ บนแผ่นไม้ ขนาด 69X173.5 เซนติเมตร เขียนเม่ือ ค.ศ. 1483 ปจั จุบนั อยู่ท่ีหอศิลป์ แหง่ ชาติ กรุงลอนดอน องั กฤษ ผลงานท่ีสาคัญอย่างย่ิงอีกช้ินหน่ึ งแสดงให้เห็น ศกั ยภาพท่ีสูงย่ิงของบอตติเชลลิคือ ผลงานจิตรกรรมสีฝ่ ุนบน ผา้ ใบขนาด 172.5X278.5 เซนตเิ มตร ช่ือ The Birth of Venus (กาเนิดวีนัส) เขยี นเม่อื ค.ศ. 1485 ผลงานจิตรกรรรมช้ินน้ีเขา เขยี นถวายลอเรนโซ ดิ เฟียรฟ์ รานเซสโก เด เมดชิ ิ เพอ่ื แขวนคู่กบั รูป The Primavera ทค่ี ฤหาสน์ Villa of the Medici ท่ี Castello ( ปจั จบุ นั อยู่ในพพิ ธิ ภณั ฑอ์ ฟุ ฟีซี นครฟลอเรนซ์ )เขยี นภาพอย่าง งดงามหมดจดอย่างยง่ิ บอตติเชลลิไดร้ ับความบนั ดาลใจในการเขียนภาพ “กาเนิดวนี สั “ มาจากบทประพนั ธข์ องชาวจนิ ตกวี 2 ทา่ น คอื โพลซิ ิ อาโน และ อะพูลอิ สุ และตานานในศาสนากรกี ทก่ี ลา่ วกาเนิดของเท วนารีแห่งงดงามและเทพแี ห่งความรกั ผูก้ าเนิดจากฟองคลน่ื ของ มหาสมุทร เขาสรา้ งภาพของหญงิ สาวบริสุทธ์ิผูม้ เี รือนร่างงดงาม เปลอื ยเปล่าปราศจากอาภรณใ์ ด ๆ พระหตั ถข์ วาเปิดอก พระหตั ถ์ ซา้ ยแตะปอยผมยาวทพ่ี ร้วิ ลงมาปิดตน้ ขา นบั เป็นความชาญฉลาด
ผลงานจติ รกรรมสาคญั ทส่ี รา้ งช่ือเสยี งใหก้ บั บอตตเิ ชลลิ แมบ้ อตตเิ ชลลจิ ะสรา้ งจติ รกรรมมาตลอดชวี ติ แต่ในช่วง ไม่น้อยคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบปุนเปี ยกท่ีวิหารซิสติน ทศวรรษ 1490 เกดิ ความย่งุ ยากทางการเมอื ง ตระกลุ เมดชิ ทิ เ่ี คยให้ (Sistine Chapel) นครวาติกนั กรุงดรม อิตาลี ซ่ึงเขียนระหวา่ ง การสนบั สนุนเขาหมดอานาจลงและถกู ใหร้ า้ ยป้ายสวี ่าเป็นพวกนอก ค.ศ. 1481 ไดแ้ ก่ ภาพ The Rebellion Against the law of สาสนาและคดโกงบา้ นเมอื ง ทาใหส้ ภาพจิตใจของเขาไม่ปกติซ่งึ Moses ขนาด 348.5 X 555 เซนตเิ มตร ภาพ Jewish Sacrifice ส่งผลถงึ การสรา้ งงานจิตรกรรมของเขาดว้ ย บอตติเชลลสิ รา้ งงาน and the Temptation of Christ ขนาด 348.5 X 558 เซนตเิ มตร อย่างเลอ่ื นลอยไรจ้ ุดหมายและใชช้ ีวิตอย่างโดดเด่ียว จนถึงแก่ แมภ้ าพจติ รกรรมฝาผนงั เหลา่ น้ีจะมคี ณุ ภาพสูงก็ตาม แต่ดูไมม่ ชี วี ติ กรรมเม่อื วนั ท่ี 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1510 ร่างอนั ไรว้ ญิ ญาณของ เท่าท่คี วร เพราะบอตติเชลลถิ นดั ท่จี ะวาดสฝี ุ่นบนผา้ ใบทใ่ี ชค้ วาม เขาไดร้ บั การทาพธิ ที ่ี Ognissanti นครฟลอเรนซ์ อติ าลี ละเอยี ดอ่อนมากกวา่ ทจ่ี ะเขยี นอย่างรวดเรว็ บนผนงั ปูนเปียก จงึ ทา ใหผ้ ลงานจติ รกรรมฝาผนงั ของเขาขาดชีวติ ชีวาไปมาก เพราะเขา เขยี นรายละเอยี ดต่าง ๆ มากเกนิ ไป 32 FINE ART MAGAZINE
Vincent Van Gogh 2. Sunflowers ปี ค.ศ. 1888 น่ีคือภาพเขยี นทม่ี ชี ่อื เสยี งทส่ี ุดในชวี ติ ของแวนโกะ๊ ทเ่ี คย วนิ เซนต์ แวน โกะ๊ ถกู ยกย่องใหเ้ป็นจติ รกรชาวดชั ทท์ ่ี สรา้ งมา ภาพวาดเป็นท่ีรูจ้ กั กนั ดีในฐานะภาพท่ีมีความงามตาม ยง่ิ ใหญ่ทส่ี ดุ ถงึ แมว้ า่ ช่อื เสยี ง ของเขาเพง่ิ จะมาโด่งดงั เอาในช่วง 3 ปี ธรรมชาติของดอกไมแ้ ละสีสนั สดใสของพวกมนั ในภาพวาด สุดทา้ ยของชวี ติ การเป็นจติ รกรตลอด 10 ปี ก็ตาม แต่เขาก็ไดส้ รา้ ง ประกอบดว้ ยแจกนั กบั ดอกทานตะวนั สบิ หา้ ดอก ถูกลงในบนั ทกึ อทิ ธพิ ลต่อ ศิลปะแบบอมิ เพรสเช่นนสิ ท์ แบบโมเดนิ ท์ อารต์ เอาไว้ การประมลู สาหรบั ภาพวาดเพอ่ื ขายใหก้ บั นกั ลงทนุ ชาวญป่ี ่นุ เป็นเงนิ มากมาย สรา้ งผลงานภาพเขยี นสนี า้ มนั กว่า 800 ภาพ และภาพวาด เกือบ 40 ลา้ นเหรียญในเดือนมนี าคม ปี ค.ศ. 1987 และสองปี อกี กวา่ 700 ภาพ ซง่ึ ตลอดชวี ติ ของเขานน้ั มเี พยี งภาพเดยี วทข่ี ายได้ ต่อมาสถติ นิ ้ีกถ็ กู โค่นลงดว้ ยราคาของภาพวาด Irises ความเจบ็ ป่วยทางสมอง และจติ ใจของ แวน โกะ๊ นน้ั แสดงออกมา ทางภาพทเ่ี ขาเขยี น ดว้ ยการใชส้ อี นั รอ้ นแรง การปดั พกู่ นั แบบ FINE ART MAGAZINE 33 หยาบๆ และรูปแบบของลายเสน้ ทใ่ี ชจ้ นในทส่ี ุดกไ็ ดผ้ ลกั ดนั ใหเ้ขา จบชวี ติ ลงดว้ ยการฆ่าตวั ตาย 1. The Starry Night ปี ค.ศ. 1889 แมว้ ่าจะเป็นภาพวาดจากความทรงจา แต่ผลงานช้ินโบว์ แดงน้ีแสดงใหเ้ ห็นววิ นอกหนา้ ต่างจากหอ้ งของเขาเองภายในหมู บา้ น Saint-Remy ในประเทศฝรงั่ เศส งานช้ินน้ีแสดงถึงความ สนใจในดา้ นดาราศาสตร์ และจากการศึกษาท่หี อดูดาวกริฟฟิธ พารค์ ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ ว่า วนิ เซนตไ์ ดว้ าดรูปทแ่ี สดงถงึ ดวงจนั ทร์ ดาวศุกร์ และดวงดาวอกี หลายดวงในตาแหน่งทแ่ี น่นอนในยามคา่ คืนภายใตท้ อ้ งฟ้าทห่ี มนุ วน ภาพวาดน้ีถอื เป็นงานทย่ี ่งิ ใหญ่ทส่ี ุดใน ศิลปะตะวนั ตกและเป็นผลงานทม่ี ชี ่อื เสยี งทส่ี ุดของ วนิ เซนต์ แวน โกะ๊
3. Irises ปี ค.ศ.1889 มสี องรูปแบบ น่ีคือแบบแรกทถ่ี ูกวาดข้นึ ในวนั ท่ี 15 พฤษภาคม ผลงานทโ่ี ด่งดงั ทส่ี ดุ ของแวนโกะ๊ คอื ภาพวาดของ Irises ค.ศ. 1990 มนั ถกู ขายในราคา 82.5 ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ฯ เป็นราคาท่ี เขาวาดภาพในปีก่อนทเ่ี ขาจะเสยี ชีวติ และเรยี กมนั วา่ “แสงทส่ี ่องมา แพงทส่ี ุดในบรรดารูปภาพทข่ี ายไป จนถงึ วนั น้ีภาพน้ียงั คงมรี าคาท่ี สาหรบั ความเจบ็ ป่วยของฉนั ” ในขณะทเ่ี ขารูส้ กึ ว่างานของเขามสี ่วน สูงทส่ี ดุ ในงานประมลู สาธารณะ และราคาแพงสดุ ทเ่ี คยขายภาพวาด ทาใหค้ วามหวงั กลายเป็นสง่ิ วกิ ลจรติ ในเดอื นกนั ยายนปี ค.ศ 1987 น้ี จดั อยู่ในอนั ดบั ท่ี 6 ของภาพวาดทงั้ หมดในปจั จบุ นั ผลงานช้ิน Irises ขายได้ 53.9 ลา้ นเหรียญ และไดร้ บั การบนั ทกึ สถติ ใิ นทกุ ๆ สองปีคร่งึ ณ วนั น้ีจดั เป็นอนั ดบั ท่ี 15 ของภาพวาดท่ี 5. Café Terrace at Night ปี ค.ศ 1888 แพงทส่ี ดุ The Café Terrace on The Place du Forum เ ป็ น ภาพแรกทศ่ี ิลปินใชพ้ ้นื หลงั ทเ่ี ต็มไปดว้ ยดวงดาว ผูท้ ม่ี าเย่ยี มชม สามารถยนื มองทางดา้ นมมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือของ Palace du Forum เพ่ือดูวิวท่ีเหมือนกับในภาพวาดน้ี Café Terrace at Night ยงั เป็นหน่ึงในภาพท่มี ผี ูว้ เิ คราะหเ์ ทคนิคในการวาดของเขา และเป็นท่ถี กเถียงกนั ว่าเป็นภาพใหม่ของ The Last Supper มี การอา้ งองิ หลายภาพวาดในวฒั นธรรมร่วมสมยั และคาเฟ่ในประเทศ โครเอเชยี ไดร้ บั การออกแบบใหมใ่ หม้ ลี กั ษณะคลา้ ยกบั รา้ นกาแฟใน ภาพเขยี น 4. Portrait of Dr. Gachet ปี ค.ศ. 1890 พอล เฟอร์ดินาน กาเชค นกั ฟิสิกซช์ าวฝรงั่ เศสผูด้ ูแลแวนโก๊ะ ในช่วงบน้ั ปลายชีวติ ภาพวาดเสมอื นตวั จรงิ นน้ั คือหน่ึงในรูปภาพท่ี 34 FINE ART MAGAZINE
6. Self-Portrait with Bandaged Ear ปี ค.ศ. 1889 7. The Potato Eaters ปี ค.ศ. 1885 วนิ เซนต์ แวน โกะ๊ มชี ่อื เสยี งจากภาพเหมอื นของตวั เอง ภาพวาดน้ีเป็นหน่ึงในภาพวาดหลกั ของแวนโก๊ะ เขา เป็นอย่างมาก เขาวาดภาพบคุ คลมากกว่า 30 คนในช่วงชวี ติ ของเขา ตอ้ งการจะวาดภาพชาวนาใหด้ ูสมจริงทส่ี ุดเท่าทจ่ี ะเป็นไดแ้ ละจงใจ ส่วนรูปน้ีมเี ร่อื งราวทม่ี ชี ่อื เสยี งอย่างมาก เน่ืองจากแวนโกะ๊ ไดต้ ดั หู ทจ่ี ะเลอื กแบบจาลองท่มี ลี ายเสน้ หยาบ แวนโก๊ะยงั คงถอื ว่า The ขา้ งซา้ ยของเขาดว้ ยใบมดี จากนน้ั เขาก็ไปทซ่ี ่องโสเภณีและบอกกบั Potato Eater เป็นผลงานทด่ี ที ส่ี ุดของเขา และเขยี นถงึ นอ้ งสาวของ หญงิ โสเภณีทช่ี ่อื เรเชลว่า “จงปกป้องสง่ิ น้ีดว้ ยชวี ติ ของคุณ” น่ีเป็น เขาว่า “สง่ิ ท่ฉี นั คดิ เก่ยี วกบั งานของฉนั คือการวาดภาพชาวนาทก่ี ิน หน่ึงในสองภาพทเ่ี ขาวาดข้นึ หลงั จากเหตกุ ารณน์ นั้ จะสงั เกตไดว้ ่าหู มนั ฝรงั่ ซง่ึ ฉนั วาดใน Nuenen คอื สง่ิ ทด่ี ที ส่ี ุดทฉ่ี นั เคยทามา” ขา้ งซา้ ยของเขามผี า้ พนั แผล และทาใหร้ ูไ้ ดว้ ่าเขาวาดรูปตวั เองจาก เงาสะทอ้ นในกระจก 8. Bedroom in Arles ปี ค.ศ. 1888 ภาพวาดน้ีเป็นภาพวาดในสามภาพทม่ี คี วามคลา้ ยกนั ซ่งึ เป็นถูกเรียกว่า Bedroom in Arles และเป็นท่ีรูจ้ กั ในนาม The Bedroom by Vincent ทงั้ สามรูปภาพสามารถแบ่งออกไดโ้ ดย ภาพทแ่ี ขวนอยู่บนฝาผนงั ดา้ นขวา ในเวอรช์ นั แรกสุดน้ีมภี าพของ เพ่อื นแวนโกะ๊ ท่ชี ่อื ว่า ยูจนี บอช ( Eugè ne Boch ) และ พอล ยู จีน มิลลิเยต (Paul-Eugè ne Milliet) อยู่บนผนังดา้ นขวาใน ภาพวาด ภาพวาดทเ่ี ป็นหอ้ งนอนของแวนโกะ๊ ทง้ั 2 ทม่ี ชี ่อื วา่ Place Lamartine inArles และ Bouches du Rhone ในประเทฝรงั่ เศส ซง่ึ มชี อ่ื เสยี งเทยี บไดก้ บั ผลงาน Yellow House ของเขา FINE ART MAGAZINE 35
9. Wheatfield with Cypresses ปี ค.ศ. 1889 Wheatfield with Cypresses คือหน่ึงในสามภาพวาด โดย แวนโกะ๊ ท่มี ลี กั ษณะคลา้ ยกนั มาก ซ่งึ ภาพวาดดงั กล่าวเป็น ภาพแรกแรกในสามภาพและเขาไดท้ ามนั เสร็จสมบูรณ์ในเดือน กรกฎาคมปี ค.ศ. 1889 แวนโกะ๊ ผูช้ ่นื ชอบในท่งุ นาและท่งุ นาทด่ี ูน่า กลวั ช้นิ น้นี น้ั ถอื ไดว้ ่าเป็นภาพเขยี นทด่ี ที ส่ี ดุ ในการวาดภูมทิ ศั นแ์ ละมี ผลงานท่ีคลา้ ยกนั อีกสองภาพ ซ่ึงภาพวาดน้ีเป็นภาพท่ีมีอยู่ใน พพิ ธิ ภณั ฑศ์ ิลปะเมโทรโพลสิ ในเมอื งนวิ ยอรค์ ซติ ้ี 36 FINE ART MAGAZINE
10 Almond Blossoms ปี ค.ศ. 1890 ในช่วงตน้ ปี ค.ศ. 1890 นอ้ งชายของแวนโกะ๊ ทโี อไดล้ ูกชายทซ่ี ง่ึ ใชช้ ่อื วนิ เซนตห์ ลงั จากทเ่ี ขาเป็นศิลปิน แวนโกะ๊ ตดิ หลาน มากและเขาไดเ้ขยี นถงึ นอ้ งสะใภ้ โจ “เขาชอบมองดว้ ยความสนใจในรูปของลงุ วนิ เซนตเ์ ป็นอย่างมาก” ซง่ึ รูปภาพน้ีไดถ้ กู วาดโดยแวน โกะ๊ เพอ่ื เฉลมิ ฉลองใหก้ บั หลานชายของเขาทเ่ี พง่ิ เกิด วนิ เซนตเ์ ป็นแฟนพนั ธุ์ ุ แทข้ องศิลปะญป่ี ่นุ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในประเภทภาพ พมิ พอ์ กุ โิ ยะและอทิ ธพิ ลของภาพพมิ อกุ โิ ยะก็เป็นผลงานอนั โด่งดงั ทซ่ี ง่ึ ไดร้ บั ความนิยมสูงจากศิลปิน FINE ART MAGAZINE 37
การออกแบบโปสเตอร์ โปสเตอร์ มีความสาคญั มากต่อการโฆษณา มีตง้ั แต่ 2. ดลุ ยภาพ หรอื ความสมดุล (Balancing) ขนาดใหญ่ทใ่ี ชใ้ นการโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ ไปจนถงึ ขนาดเลก็ ทไ่ี ว้ เป็นส่งิ ท่จี ะช่วยใหผ้ ูด้ ูเกิดความรูส้ กึ ผ่อนคลาย ดูเป็น ใชป้ ระดบั หอ้ งเพม่ิ ความสวยงาม ถา้ โปสเตอรส์ วย ดงึ ดูดสายตาคน ระเบยี บ เหมาะกบั งานทเ่ี ป็นทางการ เป็นการออกแบบใหผ้ ูด้ ูรูส้ กึ ดูก็ยง่ิ ทาใหค้ นดูเหน็ สง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งการจะนาเสนอมากข้นึ ว่า มคี วามเท่ากนั ไม่เอยี ง หรือหนกั ไปในดา้ นในดา้ นหน่ึง ความ สมดุลในการออกแบบกราฟิ ก เป็นเร่ืองของความงาม ความ หลกั การออกแบบโปสเตอร์ น่าสนใจ การจดั การสมดลุ ในดา้ นรูปแบบและสี มอี ยู่ 2 ลกั ษณะคอื 1. ความเป็นเอกภาพ (Unity) 2.1 ส ม ดุ ล แ บ บ ซ้า ย ข ว า เ ท่ า กัน ( Formal of เป็ นการทาใหส้ าระ และองค์ประกอบทุกส่วน มี ความสมั พนั ธค์ ลอ้ งจองกนั เป็นการสรา้ งจดุ รวม สายตา และการ Symmetrical Balance) เนน้ ใหอ้ งคป์ ระกอบนน้ั มคี วามโดดเด่นยง่ิ ข้นึ 2.2 ส ม ดุ ล ซ้า ย ข ว า ไ ม่ เ ท่ า กั น ( Formal of Asymmetrical Balance) 38 FINE ART MAGAZINE
3. สดั สว่ น (Proportion) เป็นความพอเหมาะพอดที างดา้ นสดั ส่วนและรูปร่าง เป็น การเน้นเร่ืองความ สัมพันธ์ระหว่าง สัดส่วนกับการจัด ตาแหน่ง สดั สว่ นโครงสี สดั ส่วนกบั พ้นื ทว่ี ่าง สดั ส่วนของตวั อกั ษร ขอ้ ความ และรูปภาพประกอบ ตลอดจนความเขม้ ของแสงและ เงา การจดั สดั ส่วนในรูปแบบต่างๆ ทาใหด้ ูน่าสนใจยง่ิ ข้นึ 4. ความมจี ดุ เด่น (Emphasis) เป็นการสรา้ งจุดสนใจ ใหผ้ ูด้ ูไดร้ บั ขอ้ มูลหลกั ตามท่ี ตงั้ เป้ าหมายไว้ ผูอ้ อกแบบจะกาหนดว่า ส่วนใดจะเป็นส่วน สาคัญ เป็ นส่วนท่ีตอ้ งการเนน้ ใหเ้ ห็นชัดเจน ส่วนใดเป็ น สว่ นประกอบเสรมิ หรอื เป็นส่วนสาคญั รอง การออกแบบภาพและการกาหนดตวั อกั ษร ในการออกแบบโปสเตอร์ มสี ่วนประกอบทเ่ี หน็ ไดช้ ดั เจน คือ เร่ืองของภาพ และขอ้ ความ นอกเหนือการคดั เลอื กภาพ และ การคดิ ขอ้ ความ ใหน้ ่าสนใจแลว้ การออกแบบภาพ และการกาหนด ตวั อกั ษรก็เป็นสง่ิ สาคญั ทม่ี สี ่วนทาใหโ้ ปสเตอรเ์ กดิ ความน่าสนใจ การจะออกแบบโปสเตอร์น้ันจาเป็ นตอ้ งมีส่ิงท่ีควร คานึงถงึ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. เลอื กใชต้ วั หนงั สอื ทอ่ี ่านง่าย มองในระยะไกลแลว้ ไม่ เพ้ยี น ถา้ ใชต้ วั หนงั สอื เลก็ เกนิ ไปหรอื อ่านยากคนก็จะไม่สนใจ ใหใ้ ช้ ตวั หนงั สอื ทอ่ี ่านงา่ ย สบายตา มองเหน็ ไกล ๆ แลว้ รูเ้รอ่ื ง 2. ถา้ เลอื กพ้นื สอี ่อน ใชต้ วั หนงั สอื เขม้ จะช่วยใหเ้หน็ ไดด้ ี ข้นึ ใชพ้ ้นื สเี ขม้ ก็ควรจะเลอื กตวั หนงั สอื สอี ่อน ถา้ เลอื กใชต้ วั หนงั สอื เขม้ จะย่งิ ทาใหอ้ ่านไดย้ าก การใชส้ เี ขา้ มาเนน้ ขอ้ ความส่วนทส่ี าคญั แยกหวั ขอ้ ความแตกต่างของแต่ละเร่อื ง ก็จะทาใหค้ นดูสามารถอ่าน ไดง้ า่ ยข้นึ 3. ขอ้ ความในโปสเตอร์ ควรจะเป็นขอ้ ความทส่ี น้ั เขา้ ใจ ง่าย อ่านป๊ บุ เขา้ ใจปบั ๊ ว่าคุณสอ่ื ถงึ อะไร ยง่ิ ขอ้ ความสน้ั ตวั หนงั สอื ก็ ขยายไดใ้ หญ่มากข้นึ คนดูสามารถมองเห็นไดใ้ นระยะไกล หาก ขอ้ ความยาวเกนิ ไปก็จะชวนใหไ้ มน่ ่าอ่าน 4. การจดั เรยี งกเ็ ป็นอกี หน่ึงสง่ิ สาคญั ทาใหโ้ ปสเตอรด์ ู น่าอ่านข้นึ การจดั เรยี งตอ้ งออกแบบใหเ้หมาะสมไม่ดูว่าเน้ือหาและ รูปภาพหนกั ไปในทางใดทางหน่ึงจนมาเกนิ ไป FINE ART MAGAZINE 39
5. ติดโปสเตอรใ์ นระดบั สายตา ไม่สูงและไม่ตา่ เกินไป การตดิ โปสเตอรใ์ นตาแหน่งทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง จะทาใหข้ าดความน่าสนใจ โปสเตอรต์ อ้ งมอี ะไรบา้ ง 1. รูปภาพ รูปภาพเป็นสง่ิ ทส่ี าคญั มาก เพราะช่วยดงึ ดูด สายตาคนดูได้ รูปภาพทด่ี ตี อ้ ง - น่าสนใจ - สอ่ื ความหมายไดด้ ี 2.พาดหวั ขอ้ ความพาดหวั จะเป็นส่วนท่ีเด่นท่สี ุดใน หวั ขอ้ ต่างๆของขอ้ ความโฆษณา ขอ้ ความตอ้ งสดดุ ตาผูอ้ ่าน ชวนให้ อ่านขอ้ ความอ่นื ๆต่อไป ขอ้ ความพาดหวั ตอ้ งตวั หนงั สอื ใหญ่โดด เด่น ขอ้ ความสน้ั ชวนตดิ ตาม 3. พาดหวั รอง เป็นขอ้ ความท่มี ีความสาคญั รองลงมา จากขอ้ ความพาดหวั ในกรณีทข่ี อ้ ความพาดหวั ยาวเกนิ ไปก็อาจจะ ตดั ลงมาเป็นขอ้ ความพาดหวั รองกไ็ ด้ โดยใชต้ วั หนงั สอื ทเ่ี ลก็ กว่า 4. ขอ้ ความบอกรายละเอยี ด ถา้ เป็นสนิ คา้ ใหม่ในตลาด ทค่ี นยงั ไม่รูจ้ กั ดกี ็อาจจะเขยี นขอ้ ความบอกรายละเอียดของสนิ คา้ ลงไป เพอ่ื ทค่ี นดูจะไดเ้ขา้ ใจว่าสง่ิ นน้ั คอื อะไร แต่ถา้ เป็นสนิ คา้ ทค่ี น รูจ้ กั แลว้ กไ็ ม่จาเป็น 5. ขอ้ ความอา้ งอิง ขอ้ ความในส่วนน้ีจะเป็น การอา้ งองิ บคุ คลทม่ี ชี ่อื เสยี งในดา้ นนนั้ ๆ เพอ่ื สรา้ งความน่าเช่อื ถอื หรอื ความ มนั่ ใจใหก้ บั คนดู 6. ขอ้ ความลงทา้ ย เป็นขอ้ ความสรุป ช่ือบริษทั ท่อี ยู่ เบอรต์ ดิ ต่อ เพอ่ื ใหผ้ ูท้ ส่ี นใจไดต้ ดิ ต่อซ้อื สนิ คา้ 40 FINE ART MAGAZINE
SAMSEN ART GALLERY 132/11 ถนนพระราม 6 สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 022791992
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: