Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore France

France

Published by Helper Forwork, 2022-02-11 13:30:11

Description: France

Search

Read the Text Version

FRANCE your new Favourite Travel Magazine

FRANCE | 01

FRANCE | 02

FRANCE | 03

your new Favourite Travel Magazine 1. Arc de triomphe de l'Étoile หรือทีร่ ้จู ักกันในชื่อ ประตูชัยฝรงั่ เศส เป็นอนุสรณ์สถานท่ีสําคัญในกรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส ตัง้ อยกู่ ลางจตั รุ สั ชารล์ เดอ โกล (Place Charles de Gaulle) หรือเป็นท่ีรู้จักกันในนาม \"จัตุรัสแห่งดวงดาว\" (Place de l'Étoile) อยู่ทางทิศตะวันตกของช็องเซลีเซประตูชัยแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่ อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าท่ีได้ร่วมรบเพ่ื อ ประเทศฝรง่ั เศส โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในสงครามนโปเลยี น และ ในปจั จบุ ันยงั เปน็ สุสานของทหารนิรนามอกี ด้วย ประตูชัยนี้เป็นส่วนหน่ึงของ \"แกนกลางอันเก่าแก่\" (L'Axe historique) ซงึ่ เปน็ ถนนเสน้ ตรงจากสวนพิพิธภณั ฑล์ ฟู วรไ์ ปยงั ชานกรงุ ปารสี ประตชู ยั แหง่ นอ้ี อกแบบโดยฌอ็ ง ชาลแกรง็ ในปี พ.ศ. 2349 โดยมยี วุ ชนเปลอื ยชาวฝรงั่ เศสกาํ ลงั ตอ่ สกู้ บั ทหาร เยอรมนั เตม็ ไปดว้ ยเคราและใส่เกราะเปน็ สัญลกั ษณเ์ พื่อเปน็ การปลกุ ใจ และเปน็ อนสุ รณส์ ถานจนกระทงั่ สงครามโลกครงั้ ที่ 1 ประวัติ อารก์ เดอทรยี งฟเ์ ปน็ หนงึ่ ในอนสุ รณส์ ถานทโี่ ดง่ ดงั ทส่ี ดุ แหง่ หนง่ึ ของกรงุ ปารสี ไดถ้ กู มอบหมายใหส้ รา้ งในปี พ.ศ. 2349 (รชั กาล ท่ี 1 พ.ศ. 2325-2352 ราชวงศจ์ กั ร)ี หลงั จากจกั รพรรดนิ โปเลยี น ท่ี 1 ไดร้ บั ชยั ชนะในยทุ ธการเอาสเตอรล์ ทิ ซ์ กวา่ จะวางรากฐาน ของการกอ่ สรา้ งกใ็ ชเ้ วลาเกอื บ 2 ปไี ปแลว้ และในปี พ.ศ. 2353 เมอ่ื จกั รพรรดนิ โปเลยี นท่ี 1 เสดจ็ กรงุ ปารสี จากทางทศิ ตะวนั ตก พร้อมด้วยเจ้าสาว อาร์คดัชเชสมารี หลุยส์แห่งออสเตรีย อารก์ เดอทรยี งฟก์ ถ็ กู สรา้ งขนึ้ ดว้ ยไมใ้ นแบบจาํ ลองเทา่ นน้ั เอง สถาปนกิ ฌอ็ ง ชาลแกรง็ ไดเ้ สยี ชวี ติ ลงในปี พ.ศ. 2354 ดงั นน้ั อยู งจงึ ไดด้ แู ลงานนตี้ อ่ มา ในชว่ งราชวงศบ์ รู บ์ งฟ้ นื ฟู การกอ่ สรา้ ง ไดห้ ยดุ ชะงกั ลงและไปเสรจ็ สิ้นในรชั สมยั พระเจา้ หลยุ ส์-ฟลิ ปิ ป์ ในระหวา่ ง พ.ศ. 2376 - พ.ศ. 2379 โดยสถาปนกิ คอื กสู ต์ ตอ่ มา คอื อโู ยต์ ภายใตก้ ารดแู ลของหลยุ ส-์ เอเตยี น เอรกี าร์ เดอ ตวู ร์ ี (Louis-Étienne Héricart de Thury) FRANCE | 04

your new Favourite Travel Magazine 2. Cathédrale Notre-Damede Paris เปน็ อาสนวหิ ารประจาํ อคั รมขุ มณฑลปารสี ตงั้ อยทู่ างฝ่ งั ตะวนั ออก ของกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส คําว่า Notre Dame แปลว่า แมพ่ ระ (Our Lady) ซงึ่ เปน็ คาํ ทชี่ าวคาทอลกิ ใชเ้ รยี กพระนางมารยี ์ พรหมจารี ปจั จบุ นั อาสนวหิ ารกย็ งั ใชเ้ ปน็ โบสถโ์ รมนั คาทอลกิ และเปน็ ทต่ี ง้ั คาเทดราของอารช์ บชิ อปแหง่ ปารสี อาสนวหิ ารนอ็ ทร-์ ดามถอื กนั วา่ เปน็ โบสถท์ ส่ี วยงามทสี่ ุดในลกั ษณะกอทกิ แบบฝรง่ั เศส โบสถน์ ี้ ไดร้ บั การบรู ณปฏสิ ังขรณโ์ ดยเออแฌนวยี อแล-เลอ-ดกุ ผเู้ ปน็ สถาปนิกคนสําคัญท่สี ุดคนหนง่ึ ของฝรั่งเศส ประวัติ อาสนวหิ ารเรม่ิ สรา้ งเมอื่ ปี ค.ศ. 1163 ระหวา่ งรชั สมยั ของพระเจา้ หลุยส์ที่ 7 ส่วนผู้วางศิลาฤกษ์นั้นไม่แน่ชัด บางหลักฐานก็ว่า บชิ อปซลุ ยเี อง บางหลกั ฐานกว็ า่ สมเดจ็ พระสนั ตะปาปาอเลก็ ซานเดอร์ ที่ 3 เปน็ ผวู้ าง แตท่ แี่ นค่ อื ทง้ั สองคนเขา้ รว่ มพิธวี างศลิ าฤกษ์ และ ตั้งแตน่ นั้ มาบิชอปซลุ ยีก็อทุ ิศชีวติ ให้กบั การสรา้ งอาสนวิหารน้ี เริ่มการก่อสร้างทางด้านหน้าหรือด้านตะวันตก (west front) ซงึ่ มหี อคอยสองหอ เมอ่ื ราวปี ค.ศ. 1200 กอ่ นทจ่ี ะสรา้ งโถงกลาง ของตวั โบสถเ์ สรจ็ ซงึ่ ไมต่ รงกบั หลกั การสรา้ งสิ่งกอ่ สรา้ งตาม แบบฉบับ โบสถ์น้ีมีสถาปนิกหลายคนที่มีส่วนในการก่อสร้าง จะเหน็ ไดจ้ ากความเปลย่ี นแปลงของรปู ทรงไปตามสมยั นยิ มของ สถาปนิก เป็นต้นว่าหอสองหอทางด้านตะวันตกจะไม่เท่ากัน ระหว่างปี ค.ศ. 1210 ค.ศ. 1220 สถาปนิกคนทส่ี ี่เปน็ ผูด้ ูแลการ สรา้ งระดบั หนา้ ตา่ งกลมและโถงภายใตห้ อ หอสร้างเสร็จเมอ่ื ปี ค.ศ. 1245 และอาสนวิหารสร้างเสร็จเม่ือปี ค.ศ. 1345 FRANCE | 05

FRANCE | 06

Château de Versailles FRANCE | 07

FRANCE | 08

FRANCE | 09

your new Favourite Travel Magazine 3. Château de Versailles เป็นพระราชวังหลวงแห่งหน่ึงของประเทศฝร่ังเศส ต้ังอยู่ท่ี แวร์ซาย ห่างจากกรุงปารีสไปทางตะวันตก 19 กิโลเมตร พระราชวังแวร์ซายเป็นพระราชวังท่ียิ่งใหญ่และสวยงาม แหง่ หนึ่งของโลก ประวตั ิ เดมิ เมอื งแวรซ์ ายเปน็ เพียงเมอื งเลก็ ๆ แหง่ หนง่ึ มผี คู้ นอาศัย อยเู่ บาบาง บรเิ วณส่วนใหญเ่ ปน็ ปา่ เขาเยยี่ งชนบทอน่ื ๆ ของ ฝรง่ั เศส เมอ่ื พระเจา้ หลยุ สท์ ี่ 13 แหง่ ฝรง่ั เศส ยงั ทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายไุ ด้ 23 พระชนั ษา ทรงนยิ มลา่ สัตวใ์ นปา่ และ ทรงเหน็ วา่ ตาํ บลแวรซ์ ายนา่ จะเหมาะแกก่ ารประทบั เพื่อลา่ สัตว์ จงึ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตําหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดย ในชว่ งแรกเปน็ เพียงกระทอ่ มเลก็ ๆ สาํ หรบั พักชว่ั คราวเทา่ นนั้ เมอ่ื พระเจา้ หลยุ สท์ ี่ 14 แหง่ ฝรง่ั เศส ขน้ึ ครองบลั ลงั ก์ มปี ระสงค์ ทจี่ ะสรา้ งพระราชวงั แหง่ ใหม่ เพ่ือเปน็ ศนู ยก์ ลางในการปกครอง ของพระองค์ จงึ เรม่ิ ปรบั ปรงุ พระตาํ หนกั เดมิ ในปี พ.ศ. 2204 ใชเ้ งนิ ทง้ั หมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใชเ้ วลาอยถู่ งึ 30 ปจี งึ แลว้ เสรจ็ ในพ.ศ. 2231 ทกุ สว่ นทาํ ดว้ ย หนิ อ่อนสีขาว เปน็ แบบอยา่ งศิลปกรรมทง่ี ดงาม ภายในแบง่ ออกเปน็ หอ้ ง ๆ เชน่ หอ้ งบรรทม หอ้ งเสวย หอ้ งสาํ ราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียน ท่ีมชี ่ือเสียง การกอ่ สรา้ งพระราชวงั แวรซ์ ายแหง่ นไ้ี ดน้ าํ เงนิ มาจากคา่ ภาษี อากรของราษฎรชาวฝรง่ั เศส ตอ่ มาในชว่ งการปฏวิ ตั ฝิ รงั่ เศส ไดม้ กี องทพั ประชาชนและผปู้ ระทว้ งบกุ เขา้ พระราชวงั เพ่ือตาม หาพระเจา้ หลยุ สท์ ่ี 16 แหง่ ฝรง่ั เศส กบั พระนางมารี อองตวั เนต จนเหลา่ เชอ้ื พระวงศ์ตอ้ งย้ายไปพํานกั ท่พี ระราชวังตุยเลอรีส์ FRANCE | 10

Mont-Saint-Miche FRANCE | 11

FRANCE | 12

your new Favourite Travel Magazine 4. Mont-Saint-Miche Mont-Saint-Miche คือวิหารท่ีต้ังอยู่บนเกาะโดดเด่ียวกลาง ทะเลชายฝ่ งั ตะวนั ตก บรเิ วณจงั หวดั มอ็ งช์ แควน้ บสั -นอรม์ อ็ งดี ของประเทศฝรงั่ เศส ไดร้ บั ประกาศจากองคก์ ารยเู นสโกใหเ้ ปน็ มรดกโลกเมอื่ ปี พ.ศ. 2522 ภายใตช้ อ่ื มง-แซง็ -มแี ชลและอา่ ว ในปหี น่งึ จะมีนกั ท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนมง-แซง็ -มีแชลกว่า 3 ล้าน 2 แสนคน ซงึ่ ทาํ ใหท้ นี่ เ่ี ปน็ สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วยอดนยิ มอนั ดบั ที่ 3 ของประเทศฝรง่ั เศสรองลงมาจากหอไอเฟลและพระราชวงั แวรซ์ าย ประวตั ิ ก่อนท่ีจะมีการสถาปนาราชวงศ์แรกของฝร่ังเศสข้ึนในช่วง ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 8 เกาะนเ้ี คยถกู เรยี กวา่ มงตงบ์ (Mont Tombe) และตามตาํ นาน วหิ ารทอ่ี ยบู่ นเกาะนถี้ กู สรา้ งโดยการแนะนาํ ของ เทวดามีแชล ท่ีได้เข้าฝันนักบุญโอแบร์ บิชอปแห่งมาฟร็องช์ เม่อื ปี พ.ศ. 1251 แตเ่ ขากม็ ไิ ดป้ ฏบิ ตั ติ าม เนอ่ื งจากนกึ วา่ ปศี าจ ได้มาเข้าฝัน เขาจึงได้เพิกเฉยไป จนมาถึงการฝันคร้ังท่ี 3 มแี ชลไดใ้ ช้นิ้วของเขาจ้ิมที่หัวของโอแบร์ และเมื่อเขาต่ืนข้ึนมา เขาก็ได้ตะลึงว่ามีรูอยู่บนหัวจริง ๆ จากนั้นมาเขาจึงตัดสินใจ สร้างวิหารบนยอดเขา ในช่วงการปฏวิ ตั ฝิ รง่ั เศส เนอ่ื งจากไมม่ พี ระจาํ พรรษา ตวั วหิ าร ได้ถกู เปลยี่ นเปน็ ทคี่ มุ ขงั นกั โทษสาํ คญั การเมอื ง จนกระทงั่ วกิ ตอร์ อูโก ไดม้ บี ทบาทสาํ คญั ในการรณรงคเ์ พื่อคนื ความเปน็ สงิ่ กอ่ สรา้ ง สําคญั ทางถสถาปตั ยกรรมของชาติ และในทส่ี ดุ ไดม้ กี ารยกเลกิ การเปน็ เรอื นจาํ และไดถ้ กู เปลย่ี นสถานะเปน็ สถานทส่ี ําคญั ทาง ประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ. 2417 ในปี พ.ศ. 2522 ไดม้ กี ารขน้ึ ทะเบยี นเปน็ มรดกโลกทางวฒั นธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม โดยองค์การยูเนสโก FRANCE | 13

FRANCE | 14

FRANCE | 15

your new Favourite Travel Magazine 5. Musée du Louvre Musée du Louvre เปน็ พิพิธภณั ฑท์ างศลิ ปะตง้ั อยใู่ นกรงุ ปารสี ประเทศฝรงั่ เศส พิพิธภณั ฑล์ ฟู วรเ์ ปน็ พิพิธภณั ฑท์ มี่ ชี อ่ื เสียงทสี่ ุด เกา่ แก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซ่ึงได้เปิดให้ สาธารณชนเขา้ ชมไดเ้ มอื่ ปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) มปี ระวตั ิ ความเปน็ มายาวนานตงั้ แตส่ มยั ราชวงศก์ าเปเซยี ง ตวั อาคารเดมิ เคยเปน็ พระราชวงั หลวง ซง่ึ ปจั จบุ นั เปน็ สถานทที่ จี่ ดั แสดงและ เก็บรกั ษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดบั โลกเปน็ จาํ นวน มากกวา่ 35,000 ชนิ้ จากตง้ั แตส่ มยั กอ่ นประวตั ศิ าสตรจ์ นถงึ ศตวรรษที่ 19 อยา่ งเชน่ ภาพเขยี นโมนาลซิ า, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของ เลโอนารโ์ ด ดาวนิ ชี หรอื ภาพ Venus de Milo ของอเลก็ ซาน- ดรอสแหง่ แอนทอี อก ในปี พ.ศ. 2549 พิพิธภณั ฑล์ ฟู วรม์ ผี มู้ า เยย่ี มชมเปน็ จาํ นวน 8.3 ลา้ นคน ทาํ ใหเ้ ปน็ พิพิธภณั ฑท์ มี่ ผี มู้ า เย่ยี มชมมากทสี่ ดุ ในโลก และยงั เปน็ สถานทที่ ม่ี นี กั ทอ่ งเทย่ี วมา เยือนมากทส่ี ุดในกรงุ ปารีส ประวัติ พีระมิดแก้วของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป สถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ.1988 โดยเป็นหน่ึงในโครงการท่ีริเริ่มของประธานาธิบดีฟร็องซัว มแี ตร็อง เพ่ือใช้สอยเป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์ โดยผู้ เขา้ ชมจะตอ้ งเขา้ ผา่ นลอ็ บบใ้ี ตด้ นิ ทอี่ ยใู่ ตฐ้ านพีระมดิ โดยโครงการ ถดั ไปคอื พีระมดิ กลบั หวั หรอื The Inverse Pyramid (ฝรง่ั เศส: La Pyramide Inversée) ซึ่งเป็นพีระมิดแก้วเช่นเดียวกัน ทีส่ ามารถมองเหน็ ไดจ้ ากใตด้ นิ โดยฐานพีระมดิ จะอยบู่ นพ้ืนผวิ ระดับถนน ซึ่งโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.1993 FRANCE | 15

your new Favourite Travel Magazine 6. Basilique du Sacré-Cœur de Montmartre Basilique du Sacré-Cœur de Montmartre เปน็ โบสถแ์ ละมหาวหิ าร รองในครสิ ตจกั รโรมนั คาทอลกิ ซง่ึ ตง้ั อยบู่ นยอดเขาทสี่ งู ทส่ี ดุ ของกรงุ ปารสี หรอื ทเี่ รยี กกนั วา่ \"มงมาทร\"์ สรา้ งขน้ึ เพื่ออทุ ศิ แกพ่ ระหฤทยั ของ พระเยซู ปจั จบุ นั ถอื เปน็ หนง่ึ ในสถานทท่ี อ่ งเทยี่ วหลกั ทม่ี นี กั ทอ่ งเทยี่ ว มาเยย่ื มชมมากเปน็ อนั ดบั 2 ของกรงุ ปารสี โดยถอื เปน็ อนสุ าวรยี ข์ อง ทัง้ สองดา้ น คอื การเมอื ง = และวัฒนธรรม ประวตั ิ รปู แบบทางสถาปตั ยกรรมของโบสถม์ คี วามเปน็ เอกลกั ษณม์ ากในยคุ นนั้ โดยสถาปนกิ เจา้ ของโครงการ โปล อะบาดี ไดเ้ รยี กวา่ สถาปตั ยกรรม แบบโรมนั -ไบแซนไทน์ (Romano-Byzantine) ซง่ึ จดั วา่ แปลกใหม่ เพื่อ แสดงออกถึงการต่อต้านสถาปัตยกรรมแบบฟ้ ืนฟู บาโรก (Neo-Baroque) ดงั่ ทป่ี รากฏทโ่ี รงอปุ รากรปาแลการน์ เี ยอยา่ งสนิ้ เชงิ การออกแบบโบสถไ์ ดห้ ยบิ ยกสญั ลกั ษณข์ องลทั ธชิ าตนิ ยิ มในสมยั นนั้ มาเปน็ องคป์ ระกอบ อาทเิ ชน่ ประตทู างเขา้ อนั ประกอบไปดว้ ยชอ่ งโคง้ (ซมุ้ ประต)ู 3 ชอ่ ง ดา้ นบนประดบั รปู สํารดิ ของนกั บญุ แหง่ ประเทศ ฝรั่งเศส คือ นักบุญโยนออฟอาร์ค และนักบุญพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝร่ังเศส โดยมีระฆังหนักกว่า 19 ตัน หล่อในปี ค.ศ.1895 ตวั โบสตก์ อ่ จากหนิ ปนู ประเภททราเวอรท์ นี ซง่ึ มเี หมอื งตง้ั อยทู่ เี่ มอื ง ชาโต-้ ลองดง ในเขตชานเมอื งปารสี โดยคณุ สมบตั พิ เิ ศษของหนิ ชนดิ นี้ จะมกี ารคายแคลเซยี มออกมาเปน็ ระยะ ทาํ ใหค้ งความขาวของสง่ิ ปลกู สรา้ ง ได้ยาวนาน ในสภาวะภมู อิ ากาศต่างๆได้ ภายหลังจากการเร่ิมต้นก่อสร้างส่วนฐานรากไม่นาน อะบาดี ก็ถึง แกก่ รรมลงในปคี .ศ.1884 โดยไดม้ สี ถาปนกิ อกี 5 คนรบั ผดิ ชอบตอ่ โดยในระหวา่ งการกอ่ สรา้ ง สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 ไดท้ าํ ใหก้ ารกอ่ สรา้ ง หยดุ ชะงักลง จนเสร็จส้ินภายหลังสงครามในปคี .ศ.1919 มูลค่าการก่อสร้างทั้งหมดคิดเป็นเงินประมาณ 7 ล้านฟรังก์ โดย มาจากเงินบริจาคท้ังส้ิน โดยผู้มีจิตศรัทธาสามารถมีส่วนร่วมใน การอุทิศเงินสร้างส่วนต่างๆของโบสถ์ได้อีกด้วย และยังได้รับการ สนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้นให้สนับสนุนงบประมาณ กอ่ สร้างจนแล้วเสร็จ FRANCE | 13

FRANCE | 17

FRANCE | 18

your new Favourite Travel Magazine 7. Château de Chambord เปน็ วงั ทตี่ งั้ อยทู่ บี่ นฝ่ งั แมน่ า้ํ ลวั รใ์ นชอ็ งบอรใ์ นจงั หวดั ลวั เรแชร์ ประเทศฝรง่ั เศส พระราชวงั ชอ็ งบอรเ์ ปน็ วงั ทเ่ี ปน็ ทรี่ จู้ กั กนั ดที ส่ี ดุ วงั หนงึ่ ในโลกจากลกั ษณะสถาปตั ยกรรมฟ้ นื ฟูศลิ ปวทิ ยาทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณข์ องสงิ่ กอ่ สรา้ งทม่ี ลี กั ษณะผสานระหวา่ งการกอ่ สรา้ ง แบบยคุ กลางของฝรงั่ เศสกบั สถาปตั ยกรรมคลาสสกิ ของอติ าลี ประวตั ิ พระราชวงั ชอ็ งบอรส์ รา้ งโดยพระเจา้ ฟรอ็ งซวั ที่ 1 แหง่ ฝรงั่ เศส สําหรบั เปน็ ทป่ี ระทบั ทต่ี งั้ อยไู่ มไ่ กลจากโกลด โรออ็ ง พระสนม เคานเ์ ทสส์แหง่ ตรู ี ภรรยาของฌวู เ์ ลยี ง เคานตแ์ หง่ แกลรม์ ง ซึ่งเปน็ ตระกลู สาํ คญั ตระกลู หนงึ่ ของฝรง่ั เศส ทพี่ าํ นกั อยทู่ ว่ี งั มยุ ด์ ท่ตี ั้งอยู่ไม่ไกลนัก ตราอาร์มของโคลดใช้ตกแต่งพระราชวัง ชอ็ งบอรเ์ ปน็ พระราชวงั ทใี่ หญท่ ส่ี ดุ ในบรรดาวงั ตา่ ง ๆ ในลมุ่ แมน่ า้ํ ลวั ร์ แตเ่ ดมิ เปน็ เพียงตาํ หนกั ลา่ สตั วข์ องพระเจา้ ฟรอ็ งซวั ผทู้ รงมที ี่ ประทบั อยทู่ พี่ ระราชวงั บลวั และพระราชวงั ออ็ งบวซ กลา่ วกนั วา่ ช็องบอรเ์ ดมิ ออกแบบโดยโดเมนโี ก ดา กอรโ์ ตนา ผทู้ มี่ จี าํ ลองไม้ ทม่ี อี ายยุ นื พอทจ่ี ะใหอ้ อ็ งเดร เฟลเี บยี งวาดในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 16 แตน่ กั เขยี นบางทา่ นกลา่ ววา่ ผมู้ สี ่วนสําคญั ในการออกแบบคอื สถาปนกิ ยคุ ฟ้ นื ฟูศลิ ปวทิ ยาชาวฝรงั่ เศสฟลี แี บร์ เดอลอรม์ ใน ระยะยสี่ บิ ปขี องการกอ่ สรา้ งระหวา่ งปี ค.ศ. 1519 และ ค.ศ. 1547 โครงสรา้ งชอ็ งบอรก์ เ็ ปลยี่ นไปจากทอ่ี อกแบบไวเ้ ปน็ อนั มาก โดยมี Pierre Nepveu เปน็ ผคู้ วบคมุ ดแู ลการกอ่ สรา้ ง ในปี ค.ศ. 1913 มาร์แซล แรมงเสนอว่า เลโอนารโ์ ด ดา วนิ ชี ผเู้ ปน็ แขกของ พระเจา้ ฟรอ็ งซวั ที่ Clos Lucé ไมไ่ กลจากออ็ งบวซเปน็ ผมู้ สี ว่ น ในการออกแบบ ทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ในแผนสาํ หรบั วงั โรโมรองแตงทดี่ า วินชเี ตรยี มสาํ หรบั พระราชมารดาของพระเจา้ ฟรอ็ งซวั และความ สนใจในการออกแบบลกั ษณะการกอ่ สรา้ งแบบชอ็ งบอร์ และบนั ได กลางทเ่ี ปน็ บนั ไดเวยี นสองวงซอ้ น แตข่ อ้ เสนอนกี้ ย็ งั ไมเ่ ปน็ ทเ่ี หน็ พ้องกันโดยทั่วไป เมื่อสร้างใกล้เสร็จ พระเจ้าฟร็องซัวก็ทรงเป็น เจ้าภาพจัดงานเพ่ือแสดงความโอ่อ่าของพระราชวัง ต่อคู่อริเก่า สมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธ์ิ FRANCE | 19

your new Favourite Travel Magazine 8. Palais Garnier; Opéra de Paris; Opéra Garnier; Paris Opéra เปน็ โรงอปุ รากรตง้ั อยใู่ นกรงุ ปารสี ในฝรงั่ เศส ทส่ี รา้ งโดย ชารล์ การน์ เี ย เปน็ สถาปตั ยกรรมแบบฟ้ นื ฟูบาโรก โรงอปุ รากรปาแลการน์ เี ยถอื กนั วา่ เปน็ งานสถาปตั ยกรรมชนิ้ เอกของยคุ เมอ่ื ทาํ การเปดิ ในปี ค.ศ. 1875 โรงอปุ รากร มชี อื่ อยา่ งเปน็ ทางการวา่ “Académie Nationale de Musique - Théâtre de l'Opéra” ซง่ึ เปน็ ชอื่ ทใี่ ชก้ นั มาจนกระทง่ั ปี ค.ศ. 1978 เมอื่ ไดร้ บั การเปลยี่ น ชอ่ื เปน็ “Théâtre National de l'Opéra de Paris” แตห่ ลงั จากคณะอปุ รากร แหง่ ปารสี เลอื กโรงอปุ รากรบสั ตยี ซ์ งึ่ เปน็ โรงอปุ รากรทเี่ พง่ิ สรา้ งขนึ้ ใหมเ่ ปน็ โรง อุปรากรหลกั แลว้ โรงละครแหง่ ชาตกิ เ็ ปลยี่ นชอ่ื เปน็ “ปาแลการน์ เี ย” แมว้ า่ จะมี ชือ่ อยา่ งเปน็ ทางการวา่ “Académie Nationale de Musique” แมว้ า่ คณะ อุปรากรจะยา้ ยไปยงั โรงอปุ รากรบสั ตยี ์ แต่ “ปาแลการน์ เี ย” กย็ งั คงเรยี กกนั วา่ “โรงอุปรากรปารสี ” ประวตั ิ ปาแลการน์ เี ยออกแบบใหเ้ ปน็ ส่วนหนง่ึ ของโครงการสรา้ งสิ่งกอ่ สรา้ งใหม่ ของปารสี ของจกั รวรรดฝิ รง่ั เศสท่ี 2 ทรี่ เิ รมิ่ โดยจกั รพรรดนิ โปเลยี นท่ี 3 ผู้ทรงเลือกชอร์ช-เออแชน โอสแมนน์ให้เป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง ในปี ค.ศ. 1858 จักรพรรดินโปเลียนก็มีพระบรมราชโองการให้เคลียร์พื้นที่ 12,000 ตารางเมตรทใ่ี ชใ้ นการสรา้ งโรงละครทสี่ องสําหรบั คณะนกั แสดง อปุ รากรและบัลเลต์ท่ีมีช่ือเสียงไปท่ัวโลกของปารีส โครงการน้ีได้เปิด แข่งขันประมูลกันในปี ค.ศ. 1861 โดยมีชาร์ล การ์นีเยเป็นผู้ประมูลได้ ในปีเดียวกันก็ได้ทําการวางศิลาฤกษ์ และการก่อสร้างเริ่มข้ึนในปีต่อมา ในปี ค.ศ. 1862 มเี รอ่ื งเลา่ กนั วา่ จกั รพรรดนิ เี ออเชนเี ดอมองตโิ คตรสั ถาม การน์ เี ยระหวา่ งการกอ่ สรา้ งวา่ จะสรา้ งเปน็ แบบโรมนั หรอื กรกี ซง่ึ การน์ เี ย กถ็ วายคําตอบว่าจะเปน็ “แบบนโปเลยี นท่ี 3” เม่ือวนั ที่ 29 ตลุ าคม ค.ศ. 1873 ปจั จยั ทที่ าํ ใหจ้ าํ เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งสรา้ งปาแลการน์ เี ย ใหเ้ สร็จมาจากโรงอปุ รากรปารสี เดมิ ทเ่ี รยี กวา่ “โรงละครแหง่ ราชสถาบนั การดนตร”ี (Théâtre de l'Académie Royale de Musique) ถกู เพลงิ เผาไหมอ้ ยู่ 27 ชวั่ โมงจนไมเ่ หลอื ซาก เมอ่ื มาถงึ ปลาย ค.ศ. 1874 การน์ เี ย กส็ รา้ งปาแลการน์ เี ยเสรจ็ และเปดิ ดาํ เนนิ การเปน็ ครงั้ แรกเมอื่ วนั ที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1875 ดว้ ยการแสดงอันยิ่งใหญ่ FRANCE | 20

FRANCE | 21

FRANCE | 22

your new Favourite Travel Magazine 9. l'Ossuaire Municipal Paris Catacombs หรือ Les Catacombes สสุ านทอ่ี ดั แนน่ ไปดว้ ยกระดกู และหวั กะโหลกหลายลา้ นชน้ิ จากรา่ งไรว้ ญิ ญาณ กวา่ หกลา้ นชวี ติ ทถี่ กู เรยี งสงู พะเนนิ เตม็ ผนงั ทางเดนิ ทง้ั สองขา้ ง ซง่ึ แมว้ า่ จะมบี รรยากาศชวนหลอน แตก่ เ็ ปน็ ทเ่ี ทย่ี วทม่ี นี กั ทอ่ งเทยี่ วมาเยอื นไมข่ าดสาย ประวัติ แรกเรมิ่ นนั้ พ้ืนทแี่ หง่ นเ้ี คยเปน็ อโุ มงคเ์ หมอื งหนิ ปนู มากอ่ นนบั ตงั้ แตส่ มยั โรมนั หนิ ปนู ถกู ขดุ ขนึ้ มาใชใ้ นการกอ่ สรา้ งอาคารและสถาปตั ยกรรมตา่ ง ๆ ของเมอื ง จากเหมอื งทข่ี ดุ เจาะอยรู่ อบนอกเมอื งกค็ อ่ ย ๆ คบื กนิ พน้ื ทเ่ี ขา้ มาใจกลางเมอื ง มากขน้ึ เรอ่ื ย ๆและมนั กย็ งั คงเปน็ เหมอื นหนิ ปนู เรอื่ ยมาจนกระทงั่ ชว่ งครงึ่ หลงั ศตวรรษท่ี 18 ในยคุ ศตวรรษที่ 18 สสุ านทงั้ หลายแหง่ ปารเี ซยี ง รวมทง้ั Les Innocents สสุ านทใี่ หญท่ ส่ี ดุ ในปารสี เรม่ิ ประสบปญั หาพื้นทไ่ี มเ่ พียงพอสาํ หรบั ศพใหม่ ๆ นาํ มาซึ่งการร้องเรียนปัญหาการฝังศพท่ีไม่ถูกต้อง ปากหลุมถูกเปิดทิ้ง ศพทไี่ มไ่ ดร้ บั การฝงั จนชาวบา้ นใกลเ้ คยี งตา่ งรอ้ งเรยี นถงึ กลน่ิ และเชอื้ โรค ท่มี าจากศพ จนในปี 1780 เกิดฝนตกหนกั อย่างยาวนาน จนกาํ แพงของสุสาน Les Innocents ถล่มลง ส่งผลใหศ้ พทเ่ี น่าเป่ อื ยไหลทะลักสู่พ้ืนทข่ี ้างเคียง ทางการ ฝรั่งเศสจงึ เข้ามาแกป้ ญั หาอย่างจรงิ จงั ประจวบเหมาะกับในปี 1786 เจา้ ของเหมอื งถา่ นหนิ ผูศ้ รทั ธาในคริสตศาสนา ไดอ้ ทุ ิศเหมอื งให้ใชเ้ ปน็ สุสาน แหง่ ใหม่ การขุดเคลอ่ื นยา้ ยศพจากสุสานตา่ ง ๆ ทว่ั ปารีสมาไวท้ เ่ี หมืองจึง เริม่ ต้นข้นึ นบั แตน่ ัน้ เปน็ ต้นมา จนเวลาผ่านไปนบั สิบปี จํานวนรา่ งไร้วิญญาณ ที่ถูกเคล่ือนยา้ ยมาไวท้ ่นี ่กี เ็ พ่ิมทวีข้นึ หลายเท่าตัว จนต้องใช้วธิ ีการวางเรียง ซ้อนกนั ข้นึ จนเปน็ ผนังหวั กะโหลกและกระดูกสูงท่วมหัว ส่วนศพของผเู้ สีย ชีวติ ใหม่กถ็ กู ลําเลียงมาไวใ้ นน้เี ช่นกัน และการเคล่อื นยา้ ยก็เสร็จส้ินลงในปี 1860 หลังจากกลายเปน็ สุสานใต้ดินทป่ี ดิ วงั เวงอยู่ได้ 7 ปี Paris Catacombs ก็ถกู เปดิ ข้นึ สู่สาธารณะเพ่ือให้คนเข้าเยย่ี มชมได้ โดยส่วนท่เี ปดิ ใหเ้ ย่ยี มชมนี้ เปน็ เพียงส่วนหน่งึ เลก็ ๆ ของอุโมงคเ์ หมอื งท่ยี าวคดเคีย้ วกันเปน็ ระยะทาง กว่า 300 กิโลเมตร ทางการระบวุ ่าส่วนท่เี ปน็ สุสานมีอยูเ่ พียงนดิ เดียวเท่าน้นั แตห่ ลายคน โดยเฉพาะผหู้ ลงใหลความลกึ ลับ เช่อื วา่ สุสานกินพ้ืนทีล่ ึกเขา้ ไป ในอโุ มงคอ์ ีกหลายกโิ ลเมตร จนเกิดความพยายามสํารวจรุกเข้าไปในพ้ืนทซ่ี งึ่ ไม่เปดิ ใหเ้ ข้าชม ทง้ั ยงั มกี ารเข้าไปดัดแปลงใช้ประโยชน์ในพ้ืนท่บี างส่วน จนในปี 1955 ทางการฝรง่ั เศสได้ออกข้อบงั คับใหก้ ารบกุ รกุ พ้ืนทีใ่ นนีเ้ ปน็ ส่ิงผิดกฎหมาย FRANCE | 23

your new Favourite Travel Magazine 10. Cathédrale de Strasbourg หรือ อาสนวหิ ารแม่พระแห่งสทราซบูร์ (Cathédrale Notre-Dame de Strasbourg) เปน็ โบสถ์โรมนั คาทอลิกทม่ี ฐี านะเปน็ อาสนวิหาร ตัง้ อยทู่ เี่ มืองสทราซบูร์ แควน้ กร็องแต็สต์ ประเทศฝรง่ั เศส อนั เปน็ ท่ตี ั้งของอคั รมุขมณฑลสทราซบูร์ ส่วนหลักของสถาปตั ยกรรม เปน็ แบบโรมาเนสก์ แต่ยังมีส่วนประกอบทส่ี ําคญั ของสถาปตั ยกรรม แบบกอทิกตอนปลายท่งี ดงามที่สุดแห่งหนง่ี ประวัติ มหาวิหารสตราสบูร์กมีอายุมากกว่าหน่งึ พันปี การก่อสร้างเดิม บนตาํ แหนง่ ที่แน่นอนของวดั โรมันเร่มิ ขึ้นใน 1015 แต่ภายหลังถกู ทาํ ลายด้วยไฟ คลน่ื ลกู ท่สี องของการก่อสร้างเร่มิ ขึ้นในศตวรรษ ที่ 12th เมอ่ื สถาปตั ยกรรมแบบกอธคิ เร่มิ พัฒนาขึ้น เพียงเพื่อให้ เหน็ ถงึ ขนาดของการดําเนนิ กจิ การแล้วกใ็ ชเ้ วลาทง้ั ศตวรรษที่ 13 เพ่ือสร้างวิหารและสร้างยอดแหลมละเอียดท่ลี ะเอยี ดออ่ นใน 1439 ภายใตก้ ารปฏิรปู ใน 1521 โบสถ์กลายเปน็ โบสถโ์ ปรเตสแตนต์จน กระทง่ั หลังจากการรวมตัวของ Strasburg เข้าสู่ประเทศฝร่งั เศส เม่อื 1681 กลบั คืนสู่ความเช่อื ของคาทอลิก ระหวา่ ง 1870 และ 1945 ช่วงชีวติ อันส้ันนบั ไม่ถ้วน Strasbourg Cathedral ได้รับ ความเดือดร้อนอยา่ งหนักในชว่ งสงครามสามคร้งั แตย่ ังคงยนื อยู่ ในช่วงสงครามฝรง่ั เศส - ปรสั เซียน 1870 ขีปนาวุธยิงไปทีด่ าดฟา้ ของหอระฆังและห้องโถงใหญ่ ในชว่ งสงครามโลกครง้ั ที่หน่งึ วหิ าร ยงั คงใช้งานไดต้ ามปกติ แตก่ ย็ กเว้นระฆังท้งั หมดยกเวน้ 'ไขมนั ' สงครามโลกครั้งทส่ี องเปน็ เร่อื งยากสําหรับการกอ่ สรา้ ง ในชว่ ง การผนวก Strasbourg เขา้ สู่ Third Reich Hitler กําลังพิจารณา ทจี่ ะเปลี่ยนเปน็ อนุสาวรยี แ์ หง่ ชาตซิ ง่ึ จะมสี ่วนเกย่ี วขอ้ งกับการร้อื หนา้ ต่างกระจกสีขนาดใหญเ่ พื่อความปลอดภัย หนา้ ต่างท่ลี า้ํ คา่ หายไปจนถงึ 1945 เม่ือชาวอเมรกิ ันพบว่าพวกเขาซกุ ตวั อยใู่ น เหมืองเกลือในเยอรมนี FRANCE | 24

FRANCE | 25

FRANCE | 26

your new Favourite Travel Magazine 11. Tour Eiffel เปน็ หอคอยโครงสรา้ งเหล็กต้งั อยูบ่ นชอ็ งเดอมาร์ บริเวณ แม่นํ้าแซน ในกรงุ ปารีส เปน็ สัญลกั ษณข์ องประเทศฝร่งั เศส ทีเ่ ปน็ ทร่ี ู้จกั กันท่วั โลก ทั้งยงั เปน็ หนง่ึ ในสิ่งกอ่ สร้างทม่ี ีช่อื เสียง ทสี่ ุดในโลกอกี ด้วย เมือ่ หอไอเฟลสรา้ งเสร็จในปี ค.ศ. 1889หอไอเฟลกลายเปน็ ส่ิง ก่อสรา้ งทส่ี ูงท่สี ุดในโลกแทนท่ีอนสุ าวรีย์วอชงิ ตนั และได้ครอง ตําแหนง่ นม้ี าจนกระท่ังปี ค.ศ. 1930 ก็ได้เสียตําแหนง่ ใหแ้ ก่ ตกึ ไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ท่เี พ่ิงสร้างเสรจ็ ประวตั ิ ช่วงปลายศตวรรษท่ี 19 กรุงปารสี ไดเ้ ปน็ เจา้ ภาพจัดงานแสดง สินค้าโลกในปี ค.ศ. 1889 เพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปี การปฏิวตั ิฝร่งั เศส ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงไดจ้ ัดการประกวด ออกแบบสิ่งก่อสรา้ งเพื่อใชเ้ ปน็ สัญลกั ษณ์ของงาน มกี าร ส่งแบบเขา้ ประกวดถงึ 100 บรษิ ัท โดยบรษิ ัททไ่ี ด้รับเลือกจาก ทางกรรมการของปารสี คือแบบของบรษิ ัทของนายกุสตาฟ ไอเฟล และได้ทําสัญญากับรัฐบาลในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1887 โดยทางรัฐบาลฝร่งั เศสกําหนดทีก่ อ่ สรา้ งไว้รมิ แม่น้ําแซน ปลายสวนสาธารณะช็องเดอมาร์ โดยนายกุสตาฟ ไอเฟลได้ สัมปทานหอ 20 ปี โดยนับจากวันท่ี 1 มกราคม ค.ศ. 1890 จนถงึ ปี ค.ศ. 1910 ต่อจากน้ันจะเปน็ กรรมสิทธ์ขิ องกรงุ ปารสี โดยแรกเร่มิ น้ันหอไอเฟลถูกคอ่ นแคะจากชาวปารสี ในเชิง ไม่เห็นด้วยกบั การกอ่ สรา้ ง ด้วยถกู มองว่าไม่สวยงาม จนถูก เรียกขานไปต่าง ๆ ในเชิงตดิ ลบ และถงึ ขนาดเคยมคี วามคิดที่ จะร้ือโครงสร้างออกดว้ ยเม่อื ปี ค.ศ. 1909 FRANCE | 27

your new Favourite Travel Magazine 12. Eglise Saint- Paul-Saint-Louis หรอื โบสถ์เซนต์ปอลเซนต์หลุยส์ เปน็ ศาสนสถานและสถานท่ี ทอ่ งเทย่ี วอันงดงามทไี่ มค่ วรพลาดของเมืองปารีส ประเทศฝรงั่ เศส โดยหนง่ึ ในชื่อเสียงอันโด่งดังของโบสถ์เซนต์ปอลเซนต์หลยุ ส์มาจาก ผลงานเรือ่ งเหยอ่ื อธรรม (Les Misérables) ของวิคเตอร์ ฮูโก้ ผ้เู ขียนคนค่อมแห่งนอรท์ เธอดาม ซง่ึ ในเรื่องเหยอ่ื อธรรม หนง่ึ ใน ฉากอันประทบั ใจอย่างฉากการแต่งงานและเสียงระฆังท่ดี งั กึกก้อง กไ็ ดร้ ับแรงบนั ดาลใจมาจากโบสถ์แห่งน้นี น่ั เอง ทัง้ น้ีโบสถเ์ ซนตป์ อลเซนตห์ ลุยส์ถือเปน็ โบสถ์แหง่ แรกของค ณะนิกายเยซูอิด และเปน็ โบสถ์แห่งแรกๆทส่ี รา้ งขน้ึ โดยเนน้ ไปทาง ศิลปะบาโรกอันสวยงามมากกวา่ ศิลปะโกธคิ ทเี่ คยได้รับความนยิ ม อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ประวตั ิ โบสถเ์ ซนต์ปอลเซนตห์ ลยุ ส์ถกู สรา้ งข้นึ เปน็ คร้งั แรกในชว่ งของปี 1627 และ 1641 โดยเปน็ โบสถ์แหง่ แรกของคณะเยซอู ดิ ทีถ่ ูกสรา้ งขน้ึ ตามรับส่ังของพระเจ้าหลยุ ส์ท่ี 13 กอ่ นทค่ี ณะเยซูอิดจะเกดิ การ เปลี่ยนแปลงในสมยั ของพระเจ้าหลุยส์ท่ี 17 โบสถ์แหง่ นจ้ี ึงถกู ยกใหก้ ับองค์การศาสนาของท้องถิน่ นนั้ ดแู ลตอ่ ไป ตอ่ มาในช่วงเวลาของการปฎิบตั ปิ ระเทศฝรง่ั เศส โบสถ์เซนต์ ปอลเซนต์หลยุ ส์ไดป้ รบั บทบาทกลายเปน็ ท่เี กบ็ หนังสือและสมบตั ิ ตา่ งๆช่ัวคราว กระทั่งการปฎิวตั จิ บลงจึงได้กลบั ไปเปน็ ศาสนสถานสําคัญและถูกปรับปรงุ ซอ่ มแซมจนมสี ภาพดงั ท่เี ห็น ในปี 2012 FRANCE | 28

FRANCE | 29


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook