ร่นื รสสักวาแสนอ่อนหวาน กลอนขบั ขานเสนาะลา้ เกินคาไข ดังถ้อยคาไพเราะหชู ่ืนชูใจ รู้จักใช้วาจาดีมีคนชม
บา้ นของลงุ ตลับอยู่ท้ายตลาด มีลาคลองเล็ก ๆ ไหลผ่าน ลงุ ตลับ เคยพดู กับเด็ก ๆ อย่างติดตลกว่า เดิมทีลงุ อยูต่ ลิ่งชนั ที่เรยี กตล่ิงชนั เพราะลาคลองท่ีน่ันมตี ล่ิงสงู ชัน วันหน่งึ ลงุ ตลับตกจากตลิ่งลงไป ในคลอง ถูกจระเข้ตัวหน่งึ ไล่จนต้องหนเี ตลิดมาอยู่ท่ีน่ี ทุกวันนี้ก็ยังเขด็ ขยาดอยู่ไม่หาย
ลุงตลับสานตะกร้า และกระบุง ขายใหพ้ ่อค้าในตลาด เด็ก ๆ ชอบลุงตลับ เพราะเป็นคนตลก ลุงตลับยังรอ้ งเพลงได้ไพเราะนา่ ฟงั เพลงที่ร้องก็ชวนตลก และเป็นเพลงแปลก ๆ ท่ีเด็ก ๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อน ลุงตลับบอกว่าชอบร้องเพลงลาตัด เพลงฉ่อย เพลงอีแซว บางทีลงุ ตลับก็รอ้ งสักวาให้เด็ก ๆ ฟัง
“ลงุ จะร้องสกั วาเพราะ ๆ ให้ฟงั เอาไหม” ลงุ ตลับพูด “สักวานี่เปน็ อย่างไรหรือครับลงุ ” เด็กชายอีกคนสงสยั “ผมไม่เคยรูจ้ ักมาก่อน” “ง้ันหนูก็ลองฟงั ดู ลุงจะรอ้ งให้ฟังเด๋ียวนีแ้ หละ” พูดจบ ลุงตลับก็ขยบั ตัวตรง แล้วเรมิ่ รอ้ งสักวา ให้เด็กๆ ฟัง
สกั วาหวานอ่ืนมหี ม่นื แสน ไมเ่ หมือนแมน้ พจมานที่หวานหอม กล่ินประเทยี บเปรยี บดวงพวงพะยอม อาจจะนอ้ มจิตโน้มด้วยโลมลม แมล้ ้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปล้ืม ดังดูดด่ืมบอระเพ็ดต้องเขด็ ขม ผูด้ ีไพรไ่ ม่ประกอบชอบอารมณ์ ใครฟงั ลมเมินหนา้ ระอาเอย (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ) บทอาขยาน บทเลือก
เสยี งร้องสกั วาของลงุ ตลับ ช่างสดใสไพเราะ และได้จังหวะ พวกเด็ก ๆ พากันต้ังใจฟงั สกั วาท่ี ลุงตลับร้องให้ฟงั น้ันไม่ตลก แต่มคี วามหมายชวนใหค้ ิด “เป็นอยา่ งไร ทาไมเงียบกันไปหมด” ลุงตลับ ถามอย่างแปลกใจ “ฟังไม่รูเ้ ร่อื งกันเลยหรอื ” “ก็รูบ้ ้างครับ” เด็กชายคนหน่งึ บอก “แต่มี บางคาไม่ค่อยเข้าใจ”
“ลงุ ก็ว่าอยา่ งน้นั แหละ” ลุงตลับพยักหนา้ หงึก ๆ
“บทสกั วานเี้ ป็นบทรอ้ งของเก่า คนแต่ก่อนเขาลอยเรือ รอ้ งโต้ตอบกันเวลามงี านร่นื เริง เร่อื งท่ีนามาร้องก็แต่งเดี๋ยวน้นั แต่ทกุ วันนส้ี ว่ นใหญ่ ไม่ค่อยมใี ครร้องสักวากันแล้ว อย่างว่า น่นั แหละหนเู อ๊ย คนทุกวันนีส้ ่วนใหญ่เขาสนใจเพลงใหม่ ๆเลย ลืมของเก่ากันไปหมด ว่าแต่หนๆู ชอบไหมล่ะ” “ชอบค่ะ” เด็กหญิงคนหน่งึ รีบตอบ “ลงุ ช่วยสอนให้หนู ร้องบา้ งสคิ ะ”
“ได้สิ จะเป็นไรไป” ลุงตลับรบี ตอบ “และหนูรู้ไหม สกั วาที่ลงุ รอ้ งเม่อื สักครู่ เขาพูดถึงเร่อื งอะไร” เด็ก ๆ พากันคิดอยู่พกั หน่ึง แล้วก็มเี สยี งใครคนหน่ึงบอกว่า “เร่อื งการพดู ของคนเราครบั เขาบอกว่า ถ้าพูดจาไพเราะก็มี คนชอบ แต่พูดคาหยาบ ใคร ๆ ก็ไม่ชอบ”
“เก่งมากเจ้าตัวน้อย” ลุงตลับ ชมอยา่ งพอใจ “เห็นไหมว่าการพูดจา ของคนเราน่ะสาคัญมาก เวลาจะพูด จะคุยกับใคร ให้นกึ ถึงสกั วาบทนี้ไว้นะ” พูดจบ ลุงตลับก็ขยบั ตัวอีกคร้งั บอกให้เด็ก ๆ ล้อมวงเขา้ มาใกล้ ๆ แล้วเรม่ิ สอนใหท้ กุ คนรอ้ งบท สกั วาพร้อมกัน
ลุงตลับร้องนาด้วยเสยี งที่ดังกว่าเดิม ก่อนท่ีพวกเด็ก ๆ จะรอ้ งตามเสยี งดังไมแ่ พ้กัน สกั วาหวานอ่ืนมหี ม่นื แสน ไม่เหมอื นแมน้ พจมานที่หวานหอม... บา่ ยวันน้ัน ถ้าใครเดินผา่ นบ้านของลงุ ตลับที่ท้ายตลาด ก็คงแปลกใจที่เหน็ เด็ก ๆ น่งั รุมล้อมลงุ ตลับ แล้วพากัน รอ้ งสักวาเสยี งดังไปท้ังย่านตลาด
๑. อ่านบทสักวาต่อไปนี้ แล้วตอบ คาถามว่าข้อใดถกู หรอื ผดิ
สักวาลงเรือล่องรอ้ งกลอนเล่น ฤดูน้ายามค่าเย็นท้ังชายหญิง รอ้ ยเรียงกลอนโต้ตอบชอบใจจรงิ เบกิ บานยงิ่ ร้องราทาดนตรี เทศกาลทอดกฐินทอดผา้ ปา่ ภาคกลาง “เล่นสกั วา” เป็นสุขศรี “คนเจ้าบทเจ้ากลอน” ช่นื ชวี ี ทกุ ภาคมี “เพลงพ้นื บา้ น” เล่นกันเอย
๑) บทสักวาข้ึนต้นด้วยคาว่า สักวา ลงท้ายด้วยคาว่า เอย ๒) การเล่นสักวาเปน็ การละเล่นพ้นื บ้านของคนไทยภาคกลาง นยิ มเล่นกันในฤดูน้าหลาก เทศกาลทอดกฐิน ทอดผา้ ป่า ๓) หญงิ ชายที่ต้องการเล่นสักวา จะลงเรือล่องไปใน ยามเยน็ ค่า ร้องบทสกั วาโต้ตอบกัน
๔) การเล่นสักวามีแต่การแต่งบทสักวาและขบั ร้องเปน็ เพลง โดยไมม่ ีการรา และไมม่ ดี นตรปี ระกอบ ๕) “เพลงพ้นื บ้าน” มีการเล่นกันทุกภาคของไทย
๒. ฝึกอ่าน บทสักวาหวานอ่ืนมหี ม่นื แสน เปน็ ทานองเสนาะ
สักวาหวานอ่ืนมหี ม่นื แสน ไมเ่ หมือนแมน้ พจมานท่ีหวานหอม กล่ินประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม แมล้ ้อลามหยามหยาบไมป่ ลาบปล้ืม ดังดูดด่ืมบอระเพด็ ต้องเข็ดขม ผูด้ ีไพรไ่ ม่ประกอบชอบอารมณ์ ใครฟงั ลมเมนิ หน้าระอาเอย (พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ) บทอาขยาน บทเลือก
๓. อ่านเร่อื งและบทสักวาแล้วชว่ ยกัน ตอบคาถาม
๑) เหตุใดจึงเรียกลงตลับว่าเปน็ “คนเจ้าบทเจ้ากลอน” ๒) บทสักวาหวานอ่ืนมีหม่นื แสน นักเรยี นชอบวรรคใด มากท่ีสดุ เพราะเหตใุ ด ๓) บทสักวาเปรยี บการพดู ของคนเรากับอะไรบา้ ง ทาไมจึงเปรียบเช่นน้นั
๔. นกั เรยี นเคยดูหรือฟังเพลงพ้นื บา้ นประเภทอ่ืน นอกจากสกั วา หรือไม่ ลองบอกมาสกั ๑ เพลง
๔. รูจ้ ักคา ๑) บอกรส เปรยี้ ว หวาน มนั เค็ม อะไรมรี สชาติเชน่ น้ัน
๒) บอกกล่ิน หอม เหมน็ ฉนุ คาว อะไรมกี ล่ินเชน่ น้ัน
๕. อ่านตัวอยา่ ง และคิดเปรยี บเทยี บ เพ่ิมเติม เบาเหมือนนุน่ เหมือน สวยเหมือนนางฟ้า เหมอื น วิ่งเรว็ ดังลมพัด เหมือน
๖. ชวนอ่าน ชวนรอ้ ง
๑) อ่านสานวนเกยี่ วกับการพูด ปากกล้า หมายความว่า พูดไม่เกรงกลัวใคร ปากเบา หมายความว่า พดู ได้เรว็ ,พดู โดยไม่ย้งั คิด ปากเปล่า หมายความว่า พูดโดยไมด่ ูตัวหนงั สอื ปากโปง้ หมายความว่า ชอบพูดเปิดเผยสิง่ ท่ี ไม่สมควรเปิดเผย ปากหวาน หมายความว่า พูดจาไพเราะอ่อนหวาน แต่อาจไม่จริงใจ
๒) มารอ้ งเพลง เย็น เยน็ เกย่ี วกับการใช้คาพดู ดกี ว่า แล้วทาท่าทางไปด้วย เพลง เย็น เยน็ เย็น เยน็ เยน็ ลมร่มเย็น เยน็ น้าเยือกเยน็ น่กี ระไร เยน็ เยน็ เยน็ เสียงไพเราะ รอ้ งเพลงเพราะเพราะแจ่มใส เยน็ เย็น เย็นคาเธอขาน ช่างอ่อนหวานจับใจ (ฉนั ท์ ขาวิไล, หนังสอื บทขบั รอ้ ง เล่ม ๓.)
๓) อ่านบทกลอนเกย่ี วกับการพดู เป็นมนุษย์สุดนยิ มเพยี งลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชวิ หา แมน้ พดู ดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาจงพิเคราะห์ใหเ้ หมาะความ (สภุ าษิตสอนหญงิ .)
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสน้ิ ซาก แต่ลมปากหวานหูไมร่ ู้หาย แม้นเจ็บอ่ืนหม่นื แสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายน้ันเพราะเหนบ็ ให้เจ็บใจ (สนุ ทรภู่, เพลงยาวถวายโอวาท.)
๔) อ่านบทสกั วาเพ่มิ เติม สักวาดาวจระเขก้ ็เหหก ศรี ษะตกหนั หางข้นึ กลางหาว เป็นวันแรมแจ่มแจ้งด้วยแสงดาว นา้ ค้างพราวปรายโปรยโรยละออง ลมเร่อื ยเร่อื ยเฉ่ือยฉวิ ต้องผิวเน้อื ความหนาวเหลือทานทนกระมลหมอง สกณุ ากาดุเหว่าก็เร่าร้อง ดูแสงทองจับฟา้ ขอลาเอย (ของเก่า)
๕) รูจ้ ักบอระเพ็ดไหม ลองอ่านขอ้ ความต่อไปน้ี บอระเพ็ด บอระเพ็ดเป็นช่ือไม้เถาชนดิ หน่งึ เถาอ่อนมผี ิวสเี ขยี วเรียบ เถาแก่มีสนี า้ ตาลอมเขยี ว ผวิ ขรุขระเปน็ ต่มุ ๆ มีรสขมจัด บอระเพ็ดข้ึนและเกาะอยูก่ ับต้นไม้อ่ืน มีรากอากาศคล้ายเชือก เส้นเล็ก ๆ ห้อยลงมาเป็นสาย ต้นบอระเพด็ ข้ึนในดินท่ัวไป โดยเฉพาะดินรว่ นซุย ทกุ ส่วนของบอระเพด็ ใช้เป็นยารกั ษา โรคต่าง ๆ
คนไทยสมยั ก่อนใช้ยางจากเถาบอระเพ็ดซ่ึงมรี สขม ปา้ ยหัวนมของแมล่ กู อ่อน เพ่อื ทาให้เด็กไม่อยากดูดนมแม่ และหยา่ นมได้ในท่ีสดุ
คาศพั ท์ กฐิน (อ่านว่า กะ – ถิน) ช่อื พิธีทางศาสนาที่ชาวพุทธถวาย ผ้ากฐินแด่พระสงฆ์ท่ีอยูจ่ าพรรษา ครบ ๓ เดือน พธิ นี กี้ ระทาเป็น ประจาทุกปรี ะหว่างแรม ๑ คา่ เดือน ๑๑ ถึงข้นึ ๑๕ ค่า เดือน ๑๒
คาศพั ท์ กระบุง ภาชนะสานทึบ รูปทรงกลมสูงแข็งแรง ก้นเปน็ สเ่ี หลี่ยม กระมล คือ กมล หมายถึง ใจ เขด็ ขยาด (อ่านว่า เข็ด – ขะ – หยาด) กลัวมากจนไม่กล้าทาอย่างเดิมอีก ชิวหา ล้ิน
คาศพั ท์ ดเุ หว่า ช่อื นก รูปรา่ งคล้ายกา รอ้ งเสียง ดัง “ก่า เว้า ก่า เว้า” จึงมชี ่อื ตลิ่ง เรียกว่า กาเหว่า หรือ ดเุ หว่า เตลิด (อ่านว่า ตะ – หล่ิง) สว่ นของฝ่ งั ที่ไมล่ าดรมิ แม่น้าลาคลอง (อ่านว่า ตะ – เหลิด) หนีกระเจิดกระเจิง
คาศพั ท์ ประเทียบ เปรียบ, เทียบ พจมาน (อ่านว่า พด – จะ – มาน) คาพูด พะยอม ช่อื ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ดอกสีขาว มกี ลิ่นหอม
คาศพั ท์ เพลงฉอ่ ย ช่อื เพลงพ้ืนบา้ นภาคกลาง ชาย หญิง นยิ มร้องโต้ตอบกันไปมา เม่อื ร้องจบ เมนิ ลูกคู่จะร้องรบั พรอ้ มกันว่า ระอา “ชา ฉา ชา ฉาด ชา หนอยแม่” เบือนหนา้ เสยี , ไมด่ ,ู ไมแ่ ล เบ่อื หนา่ ย, ราคาญหรอื หมดกาลังใจ เพราะถูกรบกวน
คาศพั ท์ สกณุ า (อ่านว่า สะ – กุ – นา) นก หยาม ดูหมน่ิ , ดูถูก หาว ท้องฟา้
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: