Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore traditional chinese medicine magazine

traditional chinese medicine magazine

Published by Kunyapon Prawetchayodom, 2021-12-26 13:50:12

Description: health magazine

Search

Read the Text Version

TRADITIONAL ISSUE 06 DECEMBER 2020 Chinese Medicine หลักการป้องกันโรคตามแนวทาง ศาสตร์การแพทย์แผนจีน

TABLE OF 0 6 ก า ร ป รั บ ตั ว ใ ห้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ CONTENTS ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม 0 2 ก า ร แ พ ท ย์ แ ผ น จี น 0 7 ก า ร ป รั บ ส ม ดุ ล จิ ต ใ จ 0 3 ก า ร วินิ จ ฉั ย โ ร ค 0 4 ห ลั ก ก า ร ป้ อ ง กั น โ ร ค 0 9 ก า ร ดู แ ล สุ ข ภ า พ ไ ต แ ล ะ บำ รุ ง 0 5 ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ รั ก ษ า ส า ร จำ เ ป็ น จิ ง ต า ม ศ า ส ต ร์ แ พ ท ย์ แ ผ น 1 1 ก า ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ร่ า ง ก า ย จี น 1 6 ก า ร ป รั บ โ ภ ช น า ก า ร อ ย่ า ง เหมาะสม 1 8 ก า ร ฝั ง เ ข็ ม ร ม ย า ก า ร น ว ด ทุ ย ห น า แ ล ะ ย า ส มุ น ไ พ ร จี น

PAGE 2 • GALLIVANT “แพทย์ที่เก่งกาจมักไม่ รักษาโรคที่เกิดขึ้นแล้ว แต่จะรักษาก่อนที่โรคจะ เกิดขึ้น ไม่รักษาโรคที่ ลุกลามไปแล้ว แต่จะรักษาก่อนที่โรคจะ ลุกลาม” PAGE 1

PAGE 2 การแพทย์ แผนจีน การแพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) หมายถึง การแพทย์แผนโบราณของชาวจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว ราชวงศ์ฉิน และราชวงศ์ฮั่น เป็ นการแพทย์แผน โบราณที่ใช้รักษาประชาชนชาวจีน มายาวนานมากกว่า 5,000 ปี และมี หลักแนวคิดทฤษฎีสมบูรณ์ที่สุด โดยมี องค์ประกอบหลักคือ การวินิจฉัยโรค การรักษาด้วยการฝั งเข็ม การใช้ยา สมุนไพร การนวดทุยหนา ชี่กงและ การรับประทานอาหารที่เป็ นยา ในคริสต์ศตวรรษที่ 3 การแพทย์ แผนจีนได้แพร่หลายเข้ามาในแถบ ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย การค้าขายแลกเปลี่ยนสมุนไพร ร ะ ห ว่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ใ น เ อ เ ชี ย ต ะ วั น อ อ ก เฉียงใต้และประเทศจีนมาโดยตลอด จนกระทั่งปลายสมัยราชวงศ์หยวน คริสต์ศักราชที่ 1,260 – 1,368 การแพทย์แผนจีนได้แพร่เข้ามาสู่ ประเทศไทย อ้างอิงจากพงศาวดารจีน ที่มีการบันทึกเรื่องการเจริญ สัมพั นธไมตรีระหว่างพ่ อขุนรามคำแหง และจักรพรรดิราชวงศ์หยวน

3 EGAP การวินิจฉัยโรค หลักการป้ องกันและการรักษาโรคใน ศาสตร์การแพทย์แผนจีน เป็ นหลัก การขั้นพื้ นฐานในการป้ องกันการเกิด ศาสตร์การแพทย์แผนจีน โรคและนำไปสู่แนวทางการรักษาโรค ไม่ได้มีเพี ยงแต่การฝั งเข็มรมยา เพื่ อให้มีสุขภาพแข็งแรง มีอาการที่ดี และยาสมุนไพรเพื่ อรักษาโรค ขึ้น หรือหายเป็ นปกติ โดยนำแนวคิด เท่านั้น ยังมีหลักการป้ องกันโรคที่ ทฤษฎีการวินิจฉัยโรคทางแพทย์แผน เป็ นแนวคิดทฤษฎีพื้ นฐานศาสตร์ จี น ม า วิ เ ค ร า ะ ห์ แ ย ก ต า ม ก ลุ่ ม อ า ก า ร การแพทย์แผนจีนที่แท้จริง คือ โดยผ่านการ ตรวจวินิจฉัยตาม (治未病)การรักษาโรคเมื่อยังไม่ได้เป็ นโรค ศาสตร์การแพทย์แผนจีน ทั้ง 4 (Preventive ประการ ได้แก่ treatment) เป็ นวิธีที่ชาวจีนสมัย (望)การมอง (闻)การฟังและดม ก่อนถือปฏิบัติกันมาจนถึงปั จจุ บัน (问)การซักประวัติ เพื่ อรักษาสุขภาพร่างกาย ป้ องกัน (切)การสัมผัส ไม่ให้เกิดโรค โดยการนำแนวคิด จากทฤษฎียินหยางและทฤษฎีปั ญจ ธาตุ นำไปสู่หลักปฏิบัติและวิธีการ ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ ต า ม แ น ว ท า ง ศาสตร์การแพทย์แผนจีนในรู ปแบบ ต่างๆ

ห ลั ก ก า ร ป้ อ ง กั น โ ร ค การป้ องกัน หมายถึง หลักการหรือ ม า ต ร ก า ร ที่ ค ว ร ถื อ ป ฏิ บั ติ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จำ วั น เพื่ อป้ องกันการเกิดโรค และการลุกลาม ของโรค แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับ การป้ องกันโรคมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัย โบราณกาล แนวคิดเชิงป้ องกันการเกิดโรค (治未病)ดังกล่าว คือ หลักการการรักษาเมื่อยังไม่ได้ เป็ นโรค (Preventive treatment) ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ ต า ม ห ลั ก ก า ร แพทย์แผนจีน เป็ นหนึ่งในวิธีที่ใช้ป้ องกันโรค เ น้ น ก า ร ป รั บ ตั ว ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม ส ม ดุ ล ใ น ก า ร ดำรงชีวิต โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมการบริโภคอาหาร การออกกำลัง กาย และการพั กผ่อนให้สม่ำเสมอ เพื่ อเสริม สร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ปรับสมดุล ข อ ง ยิ น ห ย า ง ใ น ร่ า ง ก า ย แ ล ะ จิ ต ใ จ ใ ห้ อ ยู่ ใ น สภาวะที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่ มความ ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ป รั บ ตั ว ใ ห้ เ ข้ า กั บ ส ภ า พ แวดล้อมภายนอก และมีความสามารถใน การต่อต้านเชื้อโรค ช่วยลดอัตราการเกิด โรค 4 EGAP

PAGE 5 ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ ต า ม ศ า ส ต ร์ ก า ร แ พ ท ย์ แ ผ น จี น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ ใ น ท า ง ศ า ส ต ร์ ก า ร แ พ ท ย์ แ ผ น จี น เ ป็ น ม า ต ร ก า ร ห รื อ กิ จ ก ร ร ม ป ฏิ บั ติ โ ด ย มี วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ เ พื่ อ เ พิ่ ม ภู มิ ต้ า น ท า น ใ น ร่ า ง ก า ย ห รื อ ใ น ท า ง แ พ ท ย์ แ ผ น จี น คื อ ก า ร เ ส ริ ม ( 正 气 )ส ร้ า ง ชี่ ต้ า น โ ร ค ห รื อ เ จิ้ ง ชี่ เ ป็ น กิ จ ก ร ร ม ก า ร ดู แ ล สุ ข ภ า พ ร่ า ง ก า ย แ ล ะ จิ ต ใ จ ข อ ง ต น เ อ ง ส า ม า ร ถ ป ฏิ บั ติ ไ ด้ ใ น ก า ร ดำ ร ง ชี วิ ต ป ร ะ จำ วั น แ ล ะ ใ น ข ณ ะ ที่ ร่ า ง ก า ย ยั ง ไ ม่ เ กิ ด โ ร ค ใ ด ๆ ซึ่ ง จ ะ ช่ ว ย เ พิ่ ม ค ว า ม ส า ม า ร ถ ข อ ง ชี่ ต้ า น โ ร ค ใ น ก า ร ป ก ป้ อ ง ร่ า ง ก า ย จ า ก เ ชื้ อ โ ร ค ไ ว รั ส แ ล ะ แ บ ค ที เ รี ย ต่ า ง ๆ ที่ เ ป็ น ปั จ จั ย ทำ ใ ห้ ร่ า ง ก า ย เ กิ ด โ ร ค ห รื อ ใ น ท า ง แ พ ท ย์ แ ผ น จี น เ รี ย ก ปั จ จั ย เ ห ล่ า นี้ ว่ า ชี่ ก่ อ โ ร ค ( 邪 气 )ห รื อ เ สี ย ชี่ เ ป็ น ส า เ ห ตุ ห ลั ก ที่ นำ ม า ซึ่ ง โ ร ค ภั ย ไ ข้ เ จ็ บ ช า ว จี น โ บ ร า ณ ส มั ย ก่ อ น ต่ า ง รู้ กั น ดี ว่ า ร่ า ง ก า ย มี พื้ น ฐ า น ม า จ า ก ยิ น ห ย า ง จึ ง ต้ อ ง มี ร ะ เ บี ย บ วิ นั ย ใ น ก า ร บ ริ โ ภ ค อ า ห า ร อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม ต ร า ก ต รำ แ ล ะ พั ก ผ่ อ น แ ต่ พ อ ดี จึ ง จ ะ ส า ม า ร ถ มี ร่ า ง ก า ย ที่ แ ข็ ง แ ร ง ดำ เ นิ น ชี วิ ต ไ ด้ ป ก ติ สุ ข แ ล ะ มี อ า ยุ ยื น ย า ว ดั ง นั้ น จึ ง ส า ม า ร ถ อ ธิ บ า ย ไ ด้ ว่ า ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ มี ค ว า ม สำ คั ญ ต่ อ ชี วิ ต ม นุ ษ ย์ ม า ตั้ ง แ ต่ ส มั ย โ บ ร า ณ ก า ล จ น ถึ ง ปั จ จุ บั น ก า ล เ ป็ น พื้ น ฐ า น ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า สุ ข ภ า พ ที่ ม นุ ษ ย์ ทุ ก ยุ ค ทุ ก ส มั ย ค ว ร ถื อ ป ฏิ บั ติ เ พื่ อ ป้ อ ง กั น ก า ร เ กิ ด โ ร ค

PAGE 6 1) การปรับตัวให้สอดคล้องกับ ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม “ ฟ้ า ดิ น แ ล ะ ม นุ ษ ย์ มี ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ต่ อ กั น อ ย่ า ง แ น่ น แ ฟ้ น ” เ นื่ อ ง จ า ก ฟ้ า ดิ น แ ล ะ ม นุ ษ ย์ ต่ า ง ก็ เ ป็ น ส ร ร พ สิ่ ง ที่ เ รี ย ก ว่ า ธ ร ร ม ช า ติ ดั ง นั้ น ส รี ร วิ ท ย า ข อ ง ร่ า ง ก า ย ม นุ ษ ย์ จึ ง มี ค ว า ม ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ จ ะ ป รั บ เ ป ลี่ ย น ไ ป ต า ม ก ฎ แ ห่ ง ธ ร ร ม ช า ติ ที่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ป เ ช่ น กั น อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม ถึ ง แ ม้ ว่ า ร่ า ง ก า ย ม นุ ษ ย์ จ ะ มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ป รั บ ตั ว เ ป็ น อ ย่ า ง ดี แ ต่ ม นุ ษ ย์ ต้ อ ง เ ข้ า ใ จ ก ฎ แ ห่ ง ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ต า ม ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ ใ ช้ ม า ต ร ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ ใ น ก า ร ป รั บ ตั ว ใ ห้ เ ข้ า กั บ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง นั้ น เ ส ริ ม ส ร้ า ง ชี่ ต้ า น โ ร ค แ ล ะ ห ลี ก เ ลี่ ย ง ชี่ ก่ อ โ ร ค จ ะ ทำ ใ ห้ อ วั ย ว ะ ภ า ย ใ น เ นื้ อ เ ยื่ อ ส า ร จำ เ ป็ น จิ ง ชี่ เ ลื อ ด ทำ ง า น ส อ ด ป ร ะ ส า น กั น ต า ม ป ก ติ เ กิ ด ส ม ดุ ล ยิ น ห ย า ง ทั้ ง ภ า ย ใ น แ ล ะ ภ า ย น อ ก จึ ง จ ะ ส า ม า ร ถ ดำ เ นิ น ชี วิ ต ไ ด้ โ ด ย ป ร า ศ จ า ก โ ร ค ดั ง นั้ น ใ น ฤ ดู ใ บ ไ ม้ ผ ลิ แ ล ะ ฤ ดู ร้ อ น ค ว ร บำ รุ ง ห ย า ง ใ น ฤ ดู ใ บ ไ ม้ ร่ ว ง แ ล ะ ฤ ดู ห น า ว ค ว ร บำ รุ ง ยิ น เ พื่ อ ป รั บ ส ม ดุ ล จ า ก ร า ก ฐ า น เ ป็ น ห ลั ก ก า ร ป รั บ ตั ว ต า ม ฤ ดู ก า ล ที่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ พื่ อ ป รั บ ยิ น ห ย า ง ใ น ร่ า ง ก า ย ใ ห้ ส ม ดุ ล อ ยู่ เ ส ม อ แ ล ะ เ ลื อ ก ส ว ม ใ ส่ เ สื้ อ ผ้ า ใ ห้ เ ห ม า ะ ส ม ต า ม ส ภ า พ อ า ก า ศ เ พื่ อ ป้ อ ง กั น ไ ม่ ใ ห้ เ กิ ด โ ร ค น อ ก จ า ก นี้ ยั ง เ น้ น เ รื่ อ ง ก า ร บ ริ โ ภ ค อ า ห า ร ใ น ป ริ ม า ณ ที่ เ ห ม า ะ ส ม มี คุ ณ ค่ า ท า ง อ า ห า ร ค ร บ 5 ห มู่ ค ร บ ทุ ก ร ส ช า ติ แ ล ะ ค ว า ม ส ะ อ า ด ป ร า ศ จ า ก สิ่ ง ป น เ ปื้ อ น ก า ร รู้ จั ก จั ด แ บ่ ง เ ว ล า ใ น แ ต่ ล ะ วั น สำ ห รั บ ก า ร ทำ ง า น ผ่ อ น ค ล า ย แ ล ะ ก า ร น อ น ห ลั บ พั ก ผ่ อ น อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม จ ะ ทำ ใ ห้ สุ ข ภ า พ แ ข็ ง แ ร ง มี อ า ยุ ยื น ย า ว เ ป็ น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ ที่ ส า ม า ร ถ ป ฏิ บั ติ ไ ด้ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จำ วั น

PAGE 7 2) การปรับสมดุลจิตใจ ศ า ส ต ร์ แ พ ท ย์ แ ผ น จี น เ น้ น ใ ห้ ค ว า ม สำ คั ญ เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง ใ น ก า ร ป รั บ ส ม ดุ ล อ า ร ม ณ์ แ ล ะ จิ ต ใ จ ใ ห้ อ ยู่ ใ น ภ า ว ะ ค ง ที่ เ นื่ อ ง จ า ก ภ า ว ะ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ท า ง อ า ร ม ณ์ ทั้ ง 7 ไ ด้ แ ก่ โ ก ร ธ ยิ น ดี ค รุ่ น คิ ด วิ ต ก กั ง ว ล เ ศ ร้ า โ ศ ก ห ว า ด ก ลั ว แ ล ะ ต ก ใ จ เ มื่ อ เ กิ ด ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ท า ง อ า ร ม ณ์ เ ห ล่ า นี้ ที่ ม า ก เ กิ น พ อ ดี ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ อ วั ย ว ะ ภ า ย ใ น ร่ า ง ก า ย ดั ง นี้ อ า ร ม ณ์ โ ก ร ธ ส่ ง ผ ล ทำ ใ ห้ ชี่ ข อ ง ตั บ แ ผ่ ก ร ะ จ า ย ม า ก เ กิ น ไ ป แ ล ะ ไ ห ล ย้ อ น ขึ้ น ด้ า น บ น มั ก เ กิ ด อ า ก า ร ป ว ด แ น่ น ศี ร ษ ะ ห น้ า แ ด ง ต า แ ด ง อ า เ จี ย น เ ป็ น เ ลื อ ด ห ม ด ส ติ ค ว า ม ยิ น ดี ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ หั ว ใ จ ทำ ใ ห้ ชี่ ข อ ง หั ว ใ จ ก ร ะ จั ด ก ร ะ จ า ย จิ ต ใ จ ไ ม่ อ ยู่ กั บ เ นื้ อ กั บ ตั ว ไ ม่ มี ส ม า ธิ ห า ก เ ป็ น ห นั ก จ ะ ทำ ใ ห้ ชี่ ข อ ง หั ว ใ จ แ ต ก ก ร ะ เ จิ ง แ ส ด ง อ า ก า ร อ า ล ะ ว า ด เ ห งื่ อ แ ต ก ใ จ สั่ น ก ร ะ ว น ก ร ะ ว า ย ค ว า ม ค รุ่ น คิ ด ซ้ำ ๆ ซ า ก ๆ ทำ ใ ห้ ชี่ ข อ ง ม้ า ม ห ยุ ด นิ่ ง อ ยู่ ภ า ย ใ น ก า ร ข น ส่ ง ส า ร อ า ห า ร ขั ด ข้ อ ง ก า ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ข อ ง ชี่ ใ น จ ง เ จี ย ว ติ ด ขั ด ทำ ใ ห้ มี อ า ก า ร เ บื่ อ อ า ห า ร ท้ อ ง อื ด แ น่ น ท้ อ ง ท้ อ ง เ สี ย ค ว า ม วิ ต ก กั ง ว ล แ ล ะ ค ว า ม เ ศ ร้ า โ ศ ก มั ก ทำ ล า ย ชี่ ข อ ง ป อ ด ก า ร แ พ ร่ ก ร ะ จ า ย ชี่ แ ล ะ ข อ ง เ ห ล ว ติ ด ขั ด ทำ ใ ห้ เ กิ ด อ า ก า ร ไ อ แ น่ น ห น้ า อ ก ห า ย ใ จ ห อ บ เ ห นื่ อ ย ไ ม่ มี แ ร ง พู ด เ ซื่ อ ง ซึ ม ห ด หู่ ค ว า ม ห ว า ด ก ลั ว ทำ ล า ย ไ ต ส่ ง ผ ล ใ ห้ ชี่ ข อ ง ไ ต ไ ห ล เ วี ย น ล ง ด้ า น ล่ า ง ม า ก เ กิ น ไ ป จ น ก ร ะ ทั่ ง ชี่ ข อ ง ไ ต เ สี ย ก า ร ค ว บ คุ ม จึ ง มี อ า ก า ร ก ลั้ น อุ จ จ า ร ะ ปั ส ส า ว ะ ไ ม่ ไ ด้ ฝั น เ ปี ย ก อ สุ จิ เ ล็ ด ร ว ม ไ ป ถึ ง อ า ก า ร ป ว ด เ อ ว ป ว ด เ ข่ า ก ร ะ ดู ก แ ล ะ ข้ อ เ สื่ อ ม อ า ก า ร ต ก ใ จ เ กิ น ข น า ด ทำ ใ ห้ ชี่ ข อ ง หั ว ใ จ ไ ห ล ไ ม่ เ ป็ น ร ะ เ บี ย บ วุ่ น ว า ย แ ป ร ป ร ว น ย้ อ น ไ ป ย้ อ น ม า ทำ ใ ห้ มี อ า ก า ร ใ จ สั่ น ก ร ะ ว น ก ร ะ ว า ย น อ น ไ ม่ ห ลั บ ห า ย ใ จ ขั ด ถ้ า เ ป็ น ม า ก จ ะ มี อ า ก า ร ข อ ง โ ร ค จิ ต ค ลุ้ ม ค ลั่ ง เ ป็ น ต้ น

PAGE 8 จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ า อ า ร ม ณ์ ทั้ ง 7 เ ป็ น เ ห ตุ ใ ห้ เ กิ ด โ ร ค ต่ า ง ๆ ต า ม ม า อ ย่ า ง ง่ า ย ด า ย ร่ า ง ก า ย จ ะ แ ส ด ง ค ว า ม ผิ ด ป ก ติ อ อ ก ม า อ ย่ า ง ชั ด เ จ น ดั ง นั้ น ก า ร ค ว บ คุ ม จิ ต ใ จ ป รั บ อ า ร ม ณ์ แ ต่ พ อ ดี จึ ง เ ป็ น สิ่ ง สำ คั ญ ข อ ง ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ โ ด ย ป ก ติ แ ล้ ว หั ว ใ จ เ ป็ น อ วั ย ว ะ ที่ ช อ บ ค ว า ม ส ง บ นิ่ ง เ มื่ อ หั ว ใ จ ส ง บ นิ่ ง จิ ต ใ จ จึ ง ส ง บ สุ ข เ มื่ อ จิ ต ใ จ ส ง บ สุ ข ทำ ใ ห้ พ ลั ง ชี่ ใ น ร่ า ง ก า ย ส ม ดุ ล ไ ห ล เ วี ย น ค ล่ อ ง แ ค ล่ ว ร่ า ง ก า ย จึ ง ไ ม่ เ กิ ด โ ร ค น อ ก จ า ก นี้ ก า ร ฝึ ก ชี่ ก ง แ ล ะ ไ ท เ ก๊ ก ยั ง ช่ ว ย ใ ห้ เ กิ ด ส ม า ธิ จิ ต ใ จ ส ง บ อ า ร ม ณ์ ค ง ที่ ร่ ว ม กั บ ก า ร ขั ด เ ก ล า จิ ต ใ จ เ พิ่ ม ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ป รั บ ตั ว ท า ง ด้ า น จิ ต ใ จ ข อ ง ต น เ อ ง ป รั บ เ ป ลี่ ย น นิ สั ย ป รั บ ป รุ ง อ า ร ม ณ์ ป รั บ บุ ค ลิ ก ภ า พ ล้ ว น มี บ ท บ า ท ใ น ก า ร ป้ อ ง กั น โ ร ค ทำ ใ ห้ สุ ข ภ า พ ดี แ ล ะ อ า ยุ ยื น ย า ว

PAGE 9 3) การดูแลสุขภาพไตและ บำ รุ ง รั ก ษ า ส า ร จำ เ ป็ น จิ ง สารจำเป็ นจิงเป็ นวัตถุพื้ นฐานอันดับแรกของร่างกายมนุษย์ ถูกกักเก็บไว้ในไต มีความสำคัญต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เนื่องจากสารจำเป็ นจิง มีหน้า ที่สร้างชี่ (พลังลมปราณ) สร้างเลือด ดูแลหล่อเลี้ยงจิตใจหรือจิตวิญญาณ ให้เกิดสติสัมปชัญญะ ซึ่งเป็ นวัตถุพื้ นฐานที่ทำงานสอดประสานกัน ล้วนมีความ สำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหรือชี่ต้านโรคในการปกป้ องร่างกายให้ห่าง ไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ดังนั้น ศาสตร์การแพทย์แผนจีนจึงให้ความสำคัญในการ ดูแลปกป้ องสารจำเป็ นจิงไตเป็ นหลัก เพื่ อเป็ นแนวทางป้ องกันไม่ให้เกิดโรค มี การบันทึกในตำราจินคุ่ยเย่าเลวี่ย ว่า “ มี เ พ ศ สั ม พั น ธ์ แ ต่ พ อ ดี อ ย่ า ป ล่ อ ย ใ ห้ ส า ร จำ เ ป็ น จิ ง ห ม ด ไ ป ”

PAGE 10 ถึงแม้ว่าความสัมพั นธ์ทางเพศระหว่างชายและหญิงเป็ นเรื่องธรรมชาติ เป็ นข้อกำหนด ทางสรีรวิทยาที่มนุษย์ทุกคนพึ งมี และไม่เป็ นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากมีความสัมพั นธ์ทางเพศ ที่มากเกินไป หมกมุ่นทางเพศเกินพอดี มีการหลั่งอสุจิมากเกินไปในเพศชาย และการหลั่งสารคัด หลั่งมากเกินไปในเพศหญิง ในมุมมองทางศาสตร์การแพทย์แผนจีนคือการสูญเสียสารจำเป็ นจิง ไตในปริมาณมากโดยเฉพาะเพศชาย จะส่งผลให้สารจำเป็ นจิงไตถูกทำลาย เมื่อสารจำเป็ นจิงไต พร่องไป การสร้างชี่และเลือดจึงลดลง การบำรุ งหล่อเลี้ยงจิตใจขาดประสิทธิภาพ ชี่ต้านโรคจึง มีปริมาณน้อยไม่เพี ยงพอต่อการปกป้ องร่างกายจากชี่ก่อโรค ทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเกิดโรค และเจ็บป่ วยมากขึ้น ชราก่อนวัย อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ไม่มีแรงเป็ นต้น

PAGE 11 4) การเคลื่อนไหวร่างกาย ในสมัยโบราณมีความเชื่อว่า กายและใจเป็ นหนึ่งเดียว ร่างกายพึ งเคลื่อนไหว จิตใจพึ งสงบ ในที่นี้จะกล่าวในส่วนของคำว่า ร่างกายเคลื่อนไหว หมายถึง ร่างกายจะแข็งแรงได้ต้องมีการ เคลื่อนไหวเป็ นประจำ การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ กิจกรรม นันทนาการ การบริหารร่างกาย การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา ฯลฯ เป็ นการส่งเสริมสุขภาพ ของคนสมัยก่อน แม้กระทั่งในปั จจุ บันนี้เอง ถือว่าการเคลื่อนไหวร่างกายในรู ปแบบต่างๆ เป็ นการส่งเสริมสุขภาพที่สำคัญอย่างหนึ่ง

“น้ำที่ไหลเวียนจะไม่เน่าเสีย ประตูหน้าต่างที่เปิดปิดจะไม่ผุพัง”

PAGE 13 สามารถอธิบายหลักการส่งเสริมสุขภาพทางแพทย์แผนจีนได้ว่า หากร่างกายไม่เคลื่อนไหว ทำให้สารจำเป็ นจิงหยุดนิ่ง หากสารจำเป็ นจิงหยุดนิ่งทำให้ชี่ติดขัด แพทย์แผนจีนนำหลักการดังกล่าวมา ใช้ในการดูแลสุขภาพ เพื่ อปกป้ องร่างกายจากโรคภัย การเคลื่อนไหวร่างกายในรู ปแบบต่างๆ เช่น การออกกำลังกายช่วยให้ชี่และเลือดไหลเวียนได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ติดตัด ช่วยกระตุ้นการทำงาน ของอวัยวะภายในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ เสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่ อทำให้จิตใจสงบ ขัดเกลาจิต ฝึ กสมาธิ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรค ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก แพทย์จีนหัวถัวได้คิดค้นวิธีออกกำลังกายโดยเลียนแบบท่า ของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก และมีวิธีการออกกำลังกายตามหลักแพทย์แผน จีนอีกมากมาย ได้แก่ ไทเก๊ก ชี่กง อี้จินจิง เป็ นวิชาที่ขับเคลื่อนชี่ เลือด บำรุ งสารจำเป็ นจิงให้แข็งแรง และหล่อเลี้ยงจิตใจให้สงบ เพื่ อเสริมสร้างคุณภาพจิตที่ดี

PAGE 14 หลักการเคลื่อนไหวร่างกายมี 3 ประการ ได้แก่ - ประการแรก ควรเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายในปริมาณที่พอเหมาะและเหมาะสมกับบุคคล ไม่ให้เหนื่อย จนเกินไป หากหักโหมเกินพอดี จะเป็ นการทำลายสารจำเป็ นจิงและชี่ ให้โทษมากกว่าประโยชน์ - ประการที่สอง ควรเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายต้องค่อยเป็ นค่อยไป ควรเพิ่มปริมาณการออกกำลังกาย โดยเริ่มจากน้อยไปหามาก - ประการที่สาม ควรเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายอย่างเป็ นประจำ สม่ำเสมอ ต้องมีวินัยและความเพียร พยายามเพื่ อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง

PAGE 15 “ธัญพืช 5 ชนิดเพื่อหล่อเลี้ยง ผลไม้ 5 ชนิด เพื่อเสริมสร้าง เนื้อสัตว์ 5 ชนิดเพื่อบำรุง ผัก 5 ชนิดเพื่อชดเชย ดื่มด่ำรสชาติทั้งหมด รวมกันเพื่อไปบำรุงสารจำเป็นจิง เสริมสร้างพลังลมปราณ (ชี่)”

PAGE 16 5) การปรับโภชณาการอย่างเหมาะสม การปรับโภชนาการอย่างเหมาะสม เน้นให้ความสำคัญกับการรับประทาน อาหารและการดื่ม การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สารอาหารครบ ถ้วน มีรสชาติหลายหลากและวินัยในการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด โดยมีหลักการปรับโภชนาการ ดังนี้ - การรับประทานอาหารให้ตรงต่อเวลา ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยจน เกินไป ไม่ควรรับประทานจนอิ่มเกินไป หรือปล่อยให้ท้องว่างเป็ นประจำ - การดูแลสุขอนามัยของอาหาร ไม่รับประทานอาหารบูดเน่า หมดอายุ ปนเปื้ อน สารพิษ เชื้อโรคและพยาธิ เพื่อป้ องกันการเจ็บป่ วยจากโรคของระบบทางเดิน อาหาร - การรับประทานอาหารหลากหลาย ครบทุกรสชาติ และอุดมไปด้วยสารอาหาร ครบถ้วน ไม่เลือกรับประทานแต่อาหารที่ชอบ อาหารและเครื่องดื่มเย็นหรือร้อน เกินไป หรืออาหารรสชาติใดรสชาติหนึ่งเป็ นเวลานานเกินไป

PAGE 17 นอกจากนี้ แพทย์แผนจีนมีแนวทางการส่งเสริมสุข ภาพโดยใช้หลักการอาหารเป็ นยา มีการประกอบ อาหารโดยใช้สมุนไพรจีนเป็ นวัตถุดิบร่วมด้วย เป็ น อาหารที่ปรุงขึ้นจากการผสมผสานระหว่างอาหาร กับยาสมุนไพรจีน ภายใต้แนวคิดทฤษฎีการแพทย์ แผนจีน ถือเป็ นการป้ องกันโรคและดูแลสุขภาพ อย่างง่าย ยาสมุนไพรจีนที่มักนำมาใช้ปรุงอาหาร (人参)ได้แก่ โสมคน มีสรรพคุณในการบำรุง กำลัง บำรุงสมอง แก้อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง (菊花)เบญจมาศดอกขาว หรือดอกเก๊กฮวย ช่วยขับพิษร้อน แก้หวัดแดด ร้อนในกระหายน้ำ ลูก (薏苡仁)เดือย ช่วยระบบกระเพราะอาหารและ ลำไส้ แก้ท้องเสีย ขับความชื้นในร่างกาย หม่อน (桑子)ช่วยดับความร้อนในปอด แก้ไอ ลด (构杞子)บวม(15) เก๋ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่ บำรุง (黄芪)สายตา ช่วยในการมองเห็น ปั กคี้ มี สรรพคุณช่วยบำรุงเลือด เสริมสร้างชี่ เหนี่ยวรั้ง (黄精)พลังหยางในร่างกาย หวงจิง บำรุงชี่และ (何首乌)ยิน เหอโส่วอู ช่วยบำรุงเลือด ชะลอวัย (百合)ลดการสร้างผมหงอก แป๊ ะฮะ แก้ไอ ให้ ความชุ่มชื้นแก่ปอด บำรุงยิน ช่วยให้นอนหลับ สบาย(16) เป็ นต้น ล้วนเป็ นยาที่มีฤทธิ์สมดุล ไม่ ร้อนหรือเย็นเกินไป รสชาติกลมกล่อม ไม่โดดไป ทางรสใดรสหนึ่ง จึงสามารถรับประทานได้เป็ น เวลานาน ไม่เป็ นอันตรายต่อร่างกาย วิธีการรับ ประทานอาหารเป็ นยาที่ถูกต้องควรปรับให้เข้ากับ ฤดูกาลและสภาพอากาศ

PAGE 18 6) การฝังเข็มรมยา การนวดทุยหนา แ ล ะ ย า ส มุ น ไ พ ร จี น การฝั งเข็มรมยา เป็ นการทำหัตถการโดยการใช้ เข็มฝั งลงไปบริเวณตำแหน่งที่เกิดพยาธิสภาพ และใช้ โกศจุ ฬาลัมพาที่จุ ดไฟส่งความร้อนผ่านเข็มเข้าไปกระตุ้น เฉพาะจุ ดฝั งเข็ม การฝั งเข็มรมยามีกลไกการรักษาโดย การเข้าไปกระตุ้นระบบเส้นลมปราณ ทำให้ชี่และเลือดไหล เวียนได้อย่างคล่องแคล่ว กระตุ้นการทำงานของร่างกาย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการหลั่งสารเอ็นโดรฟิ น คืนความสมดุลของยินหยาง ซึ่งจะช่วยเพิ่ มประสิทธิภาพ ในการรักษาและการป้ องกันโรค การนวดทุยหนา เป็ นการทำหัตถการ โดยการนวดที่บริเวณตำแหน่งที่เกิดพยาธิ สภาพ หรือที่เรียกว่า การนวดแก้อาการ แต่ หากยังไม่มีอาการเจ็บป่ วย ก็สามารถนวดทุย หนาได้ทุกเมื่อ เพื่ อปรับสมดุลยินหยาง ขั บ เ ค ลื่ อ น ก า ร ไ ห ล เ วี ย น ข อ ง ชี่ แ ล ะ เ ลื อ ด กระจายชี่ตับให้ทั่วร่างกาย ผ่อนคลาย ความเครียด และสงบจิตใจ การรับประทานยาสมุนไพรจีน มีประโยชน์ต่อ ร่างกายในระยะยาว เพื่ อบำรุ งชี่ เลือดและสารจำเป็ นจิง ในร่างกาย ปรับสมดุลยินหยาง บำรุ งอวัยวะภายใน โดย ปรับยาให้เข้ากับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล เพื่ อ บรรลุจุ ดประสงค์ของการป้ องกันโรค และการมีชีวิตที่ ยืนยาว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook