เผยแพรโ่ ดย กรมพลศกึ ษา ปีที่พิมพ์ กระทรวงการท่องเทีย่ วและกีฬา 154 สนามกีฬาแหง่ ชาติ ถนนพระราม 1 แขวงวงั ใหม่ เขตปทุมวัน กรงุ เทพฯ 10330 โทรศพั ท์ 0 2214 6320 โทรสาร 0 2214 6321 2565 รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลงั กายหรอื เล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 1ก
คานา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ดาเนินการสารวจการออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 เพ่ือสารวจพฤติกรรมและแนวโน้มการออกกาลังกายหรือ เลน่ กีฬาของประชาชนสาหรับใช้เป็นข้อมูลในการกาหนดทิศทางการขับเคล่ือน และประกอบการพิจารณา ทบทวนการจดั ทาแผนงาน/โครงการ เพือ่ ส่งเสริมสนับสนนุ การออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน การดาเนินการสารวจได้ร่วมมือกับสานักงานสถิติแห่งชาติ ในการกาหนดขนาดตัวอย่าง พ้ืนท่ีตวั อย่างในการเกบ็ ขอ้ มูล และวิธกี ารเก็บข้อมลู ในพื้นท่ีตัวอย่าง โดยมีเจ้าหน้าท่ีพลศึกษาประจาอาเภอ และเจ้าหนา้ ท่ีพลศกึ ษาประจาจังหวัดดาเนนิ การเก็บขอ้ มลู ในพน้ื ท่แี ต่ละจังหวัดท่ัวประเทศ โดยใช้เครื่องมือ เปน็ แบบสารวจการออกกาลังกาย เล่นกีฬา และประกอบกจิ กรรมนันทนาการของประชาชน และโปรแกรม บันทึกผลการสารวจ (www.exercise.dpe.go.th) เป็นการเก็บข้อมูลประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีข้ึนไป ท่อี าศยั อยู่ในครวั เรือน กรมพลศึกษาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าผลการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา ของประชาชน ประจาปี 2564 จะเป็นกรอบในการกาหนดทิศทางการขับเคล่ือนการดาเนินงานแผนงาน/ โครงการเพ่ือบรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติราชการของกรมพลศึกษา โดยเชื่อมโยงไปถึงการบรรลุ เป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นศักยภาพการกีฬา และแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพ่ือส่งเสริมใหค้ นไทยออกกาลงั กายหรอื เลน่ กีฬาอย่างสมา่ เสมอเพิ่มขนึ้ ตอ่ ไป กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกฬี า รายงานผลการสารวจข้อมลู การออกกาลังกายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 2ก
บทสรปุ สาหรบั ผ้บู ริหาร การสารวจการออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ดาเนินการสารวจการออกกาลังกายหรือ เล่นกีฬาของประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีข้ึนไป ประจาปี 2564 โดยสานักงานสถิติแห่งชาติได้ให้ความร่วมมือ ทางวิชาการในการกาหนดพื้นท่ี ขนาดกลุ่มตัวอย่าง และจัดทาแผนที่เขตแจงนับ ตลอดจนเสนอแนะวิธี การวิเคราะห์และการประมวลผลข้อมูลจากการสารวจ ซ่ึงเป็นการขับเคล่ือนการดาเนินการตามตัวชี้วัด ร้อยละของประชาชนท่ีออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเดน็ ท่ี 14 ศักยภาพการกีฬา แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 – 2565) แผนการปฏิรปู ประเทศ ดา้ นวฒั นธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แผนพัฒนาการกีฬา แห่งชาติ ฉบับท่ี 6 (พ.ศ. 2560 – 2565) และแผนปฏิบัติราชการกรมพลศึกษา (พ.ศ. 2563 – 2565) โดย เจ้าหน้าท่ีพลศึกษาลงพื้นที่เก็บข้อมูลระหว่างวันท่ี 8 พฤษภาคม 2564 ถึง 2 ธันวาคม 2564 (เป็นปีที่มี การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 อย่างต่อเนื่อง) จากครัวเรือนตัวอย่างท้ังส้ิน 6,400 ครัวเรือน กระจายไปตามภาค และเขตการปกครอง (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาด รุนแรง) และใช้ระบบ exercise.dpe.go.th ในการบันทึกขอ้ มลู สามารถสรปุ ผลจากการสารวจได้ดังนี้ ขอ้ มูลการออกกาลงั กายหรอื เลน่ กฬี าของประชาชน ในปี 2564 พบว่า ประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) จานวน 49,459,844 คน มีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ จานวน 18,038,195 คน คิดเป็นร้อยละ 36.47* โดย ผู้ชายมีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ ร้อยละ 40.86 มากกว่าผู้หญิงท่ีมีการออกกาลังกายหรือ เล่นกีฬาอยา่ งสม่าเสมอ ร้อยละ 32.38 (แผนภูมิท่ี 1) 40.86 ชาย 23.29 35.85 หญงิ 32.38 สม่าเสมอ 26.28 41.34 ไม่สม่าเสมอ รวม 24.84 363.487.69 ไมอ่ อกกาลงั กาย 0 10 20 30 40 50 รอ้ ยละ แผนภมู ิที่ 1 ร้อยละของประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีขึน้ ไป (ไมร่ วม กทม.) ท่อี อกกาลงั กาย หรือเลน่ กฬี า จาแนกตามเพศ เมื่อพิจารณาตามเขตการปกครอง พบว่า ผู้ท่ีอยู่ในเขตเทศบาล มีการออกกาลังกายหรือ เล่นกฬี าอยา่ งสมา่ เสมอ ร้อยละ 38.51 มากกว่า ผู้ท่ีอยู่นอกเขตเทศบาลท่ีมีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา อย่างสม่าเสมอ ร้อยละ 35.27 (แผนภมู ทิ ี่ 2) * ผลการสารวจปี 2564 ไม่นบั รวมกรงุ เทพมหานคร เนอ่ื งจากสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 3ก
ร้อยละ 38.51 40.82 สม่าเสมอ 35.09 35.27 ไม่สม่าเสมอ 60 26.40 ไม่ออกกาลงั กาย 23.91 40 20 0 ในเขตเทศบาล นอกเขตเทศบาล แผนภูมิที่ 2 ร้อยละของประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีข้นึ ไป (ไม่รวม กทม.) ที่ออกกาลังกาย หรือเลน่ กฬี า จาแนกตามเขตการปกครอง เม่ือพิจารณาเปน็ รายภาค พบวา่ ภาคใต้มกี ารออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี าอยา่ งสมา่ เสมอ รอ้ ยละ 48.58 สงู กว่าภาคอืน่ ๆ รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ และภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) รอ้ ยละ 39.92 33.46 และ 31.94 ตามลาดบั (แผนภูมทิ ี่ 3) สมา่ เสมอ ไมส่ ม่าเสมอ ไม่ออกกาลงั กาย ภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) 313.29.42635.80 ภาคเหนือ 23.50 36.5839.92 ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 22.78 33.46 43.76 ภาคใต้ 0 13.45 37.97 48.58 ร้อยละ 10 20 30 40 50 แผนภมู ิท่ี 3 รอ้ ยละของประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ที่ออกกาลงั กาย หรือเลน่ กีฬา จาแนกตามภาค เมื่อเปรียบเทียบการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ พบว่า ประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) จานวน 49,459,844 คน มีการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ จานวน 4,002,668 คน คิดเป็น ร้อยละ 8.09 โดยผู้ชายมีการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอร้อยละ 14.61 มากกว่าผู้หญิงที่มีการเล่นกีฬา อยา่ งสมา่ เสมอร้อยละ 2.02 (แผนภมู ิท่ี 4) เล่นกีฬา ออกกาลงั กาย 14.61 26.25 40.86 ชาย 30.36 32.38 2.02 หญิง 8.09 28.38 36.47 รวม ร้อยละ 0 10 20 30 40 50 แผนภูมิท่ี 4 ร้อยละของประชาชนอายตุ ั้งแต่ 15 ปีขึน้ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทเี่ ล่นกฬี าอยา่ งสม่าเสมอ จาแนกตามเพศ รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 4ก
เมอ่ื พิจารณาตามเขตการปกครอง พบว่า ผู้ท่ีอยู่ในเขตเทศบาลท่ีมีการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ รอ้ ยละ 8.13 ใกลเ้ คียงกับผทู้ ี่อยนู่ อกเขตเทศบาลมีการเลน่ กีฬาอย่างสม่าเสมอร้อยละ 8.07 (แผนภูมิท่ี 5) เล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ รอ้ ยละ 8.13 8.07 8.2 8.1 8 ในเขตเทศบาล นอกเขตเทศบาล แผนภูมทิ ่ี 5 รอ้ ยละของประชาชนอายตุ ง้ั แต่ 15 ปีข้ึนไป (ไมร่ วม กทม.) ทเ่ี ล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ จาแนกตามเขตการปกครอง เมือ่ พิจารณาเปน็ รายภาค พบวา่ ภาคใต้มกี ารเลน่ กฬี าอยา่ งสม่าเสมอร้อยละ 11.04 สูงกว่า ภาคอ่ืน ๆ รองลงมาคือ ภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 8.65 7.15 และ 6.56 ตามลาดบั (แผนภมู ิท่ี 6) ภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) 8.65 23.29 31.94 ภาคเหนือ 7.15 32.77 39.92 เลน่ กฬี า ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 6.56 26.90 33.46 ออกกาลังกาย 11.04 ภาคใต้ 37.54 48.58 0 10 ร้อยละ 20 30 40 50 แผนภูมทิ ่ี 6 รอ้ ยละของประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีข้นึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทเ่ี ล่นกีฬาอยา่ งสม่าเสมอ จาแนกตามภาค ข้อมลู การมีโรคประจาตวั ของประชาชน เมื่อพิจารณาข้อมูลการมีโรคประจาตัว พบว่า ประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ที่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬามีโรคประจาตัวร้อยละ 22.28 น้อยกว่าประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ท่ีไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาซึง่ มีโรคประจาตวั ร้อยละ 29.14 (แผนภูมทิ ี่ 7) มีโรคประจาตวั ไมม่ ีโรคประจาตวั ร้อยละ 100 70.86 77.72 29.14 50 22.28 0 ออกกาลงั กาย ไมอ่ อกกาลังกาย แผนภูมทิ ี่ 7 ร้อยละของประชาชนอายุต้งั แต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) จาแนกตามการออกกาลงั กาย และการมีโรคประจาตวั รายงานผลการสารวจข้อมลู การออกกาลงั กายหรอื เล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 5ก
ข้อมูลประเภทกจิ กรรม เหตผุ ล และข้อเสนอแนะ ประเภทกิจกรรมในการออกกาลังกาย 3 อันดับแรก คือ การเดิน ร้อยละ 46.20 การวิ่ง รอ้ ยละ 19.15 และการป่ันจกั รยาน ร้อยละ 6.48 ประเภทกิจกรรมในการเล่นกีฬา 3 อันดับแรก คือ ฟุตบอล ร้อยละ 8.37 ฟุตซอล ร้อยละ 1.95 และแบดมินตัน ร้อยละ 1.37 โดยสถานที่ท่ีใช้ในการออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬา 3 สถานท่แี รก คือ บา้ น/บริเวณทพี่ กั อาศยั รอ้ ยละ 39.90 ลานออกกาลังกาย/เล่นกีฬา ร้อยละ 12.49 ถนน/ทางสาธารณะ/ซอย ร้อยละ 11.68 เวลาในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 ลาดับแรก คือ เวลา 17.00 – 18.00 น. ร้อยละ 34.32 เวลา 16.00 – 17.00 น. ร้อยละ 14.71 และเวลา 06.00 – 07.00 น. รอ้ ยละ 13.16 เหตุผลในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 เหตุผลแรก คือ ต้องการให้ร่างกาย แข็งแรง ร้อยละ 81.67 ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ร้อยละ 27.53 และคลายเครียด/พักผ่อน ร้อยละ 19.86 โดยมแี รงจงู ใจในการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬา 3 อันดับแรก คือ ความรู้ในการออกกาลังกาย ร้อย ละ 32.77 ทัศนคติในการออกกาลงั กาย ร้อยละ 23.18 และญาติพน่ี ้อง/เพือ่ น รอ้ ยละ 11.74 เหตผุ ลในการไมอ่ อกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 เหตุผลแรก คือ ไม่มีเวลา ร้อยละ 56.78 สถานการณ์โควิด-19 ร้อยละ 35.02 และป่วย ร้อยละ 10.23 โดยแรงจูงใจท่ีจะทาให้ประชาชนหันมา ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 อันดับแรก คือ ความรู้ในการออกกาลังกาย ร้อยละ 20.28 การจัดกิจกรรม ทน่ี า่ สนใจ รอ้ ยละ 18.86 และทศั นคติในการออกกาลงั กาย รอ้ ยละ 17.07 ข้อเสนอแนะหรือความต้องการของประชาชนเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐ 3 ประเด็นแรก คือ สนับสนุนอุปกรณ์กีฬา เคร่ืองออกกาลังกายกลางแจ้ง เคร่ืองออกกาลังกายในร่ม อุปกรณ์เครื่องเล่นในยิม รอ้ ยละ 34.81 สร้างสวนสาธารณะเพิ่มข้ึน ร้อยละ 19.36 และ ปรับปรุงซ่อมแซมสวนสาธารณะท่ีมีอยู่เดิม ให้มสี ภาพทด่ี ี มีความปลอดภัยและพรอ้ มใช้งาน เช่น มีไฟฟ้าส่องสว่าง มียามรักษาการณ์คอยสอดส่องดูแล ความปลอดภัยของผู้มาใชบ้ รกิ าร รอ้ ยละ 14.73 รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรอื เลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 6ก
สารบัญ หนา้ 2ก คานา 3ก บทสรุปสาหรบั ผบู้ รหิ าร 7ก สารบญั 8ก สารบัญแผนภูมิ 9ก สารบญั ตาราง 1 บทท่ี 1 บทนา 1 1 ความเป็นมา 2 วัตถุประสงค์ของการดาเนนิ งาน 2 ขอบเขตของการดาเนินงาน 2 ประโยชน์ท่ีได้รับ 5 นยิ ามศพั ท์ 5 บทท่ี 2 ระเบยี บวิธกี ารสารวจ 5 ค้มุ รวม 5 ระดบั การนาเสนอผล 6 แผนการเลือกตัวอย่าง 6 เคร่ืองมอื และวิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 7 การคานวณค่าสถิติ 8 บทที่ 3 ผลการสารวจ 17 สว่ นท่ี 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของสมาชกิ ในครวั เรอื นที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปขี ้ึนไป 21 สว่ นที่ 2 ขอ้ มูลการออกกาลังกายหรอื เลน่ กีฬาในภาพรวม 23 สว่ นที่ 3 ความคดิ เห็นหรือขอ้ เสนอแนะ 24 บทท่ี 4 สรปุ 25 เอกสารอา้ งอิง ภาคผนวก - แบบสารวจการออกกาลงั กาย เล่นกฬี า และประกอบกิจกรรมนนั ทนาการ ของประชาชน ประจาปี 2564 - การจาแนกโรคประจาตัวของกลมุ่ ตวั อย่าง - คาส่ังคณะกรรมการกากับการประเมนิ ผลการปฏบิ ัติราชการของกรมพลศึกษา ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 7ก
สารบัญแผนภูมิ แผนภูมทิ ี่ 1 ร้อยละของประชาชนอายุต้งั แต่ 15 ปขี ้นึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ท่ีออกกาลงั กาย หนา้ แผนภมู ิท่ี 2 หรอื เลน่ กีฬา จาแนกตามเพศ 3ก แผนภูมิท่ี 3 ร้อยละของประชาชนอายตุ ั้งแต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลงั กาย 4ก แผนภูมิที่ 4 หรือเล่นกฬี า จาแนกตามเขตการปกครอง 4ก แผนภมู ทิ ี่ 5 ร้อยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปขี นึ้ ไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลงั กาย 4ก แผนภมู ทิ ี่ 6 หรือเลน่ กฬี า จาแนกตามภาค 5ก แผนภูมทิ ี่ 7 ร้อยละของประชาชนอายตุ งั้ แต่ 15 ปีข้นึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทเ่ี ล่นกฬี า 5ก แผนภมู ิท่ี 8 อยา่ งสมา่ เสมอ จาแนกตามเพศ 5ก รอ้ ยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) ท่ีเล่นกฬี า 14 อยา่ งสม่าเสมอ จาแนกตามเขตการปกครอง รอ้ ยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปขี ้นึ ไป (ไม่รวม กทม.) ทเี่ ล่นกีฬา อยา่ งสม่าเสมอ จาแนกตามภาค ร้อยละของประชาชนอายตุ ง้ั แต่ 15 ปขี ้ึนไป (ไมร่ วม กทม.) จาแนกตามการออกกาลังกาย และการมีโรคประจาตัว รอ้ ยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปีขึ้นไป (ไมร่ วม กทม.) จาแนกตาม การมโี รคประจาตัว รายงานผลการสารวจข้อมลู การออกกาลังกายหรอื เลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 8ก
สารบญั ตาราง ตารางที่ 1 จานวน EA ตวั อยา่ ง จาแนกตามภาค และเขตการปกครอง หนา้ ตารางที่ 2 จานวนครวั เรอื นตวั อยา่ ง จาแนกตามภาค และเขตการปกครอง 5 ตารางท่ี 3 รอ้ ยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปขี ึ้นไป (ไมร่ วม กทม.) ทอ่ี อกกาลังกาย 6 ตารางที่ 4 หรือเลน่ กีฬา จาแนกตามเพศ เขตการปกครอง และภาค 8 ตารางท่ี 5 รอ้ ยละของประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีขึน้ ไป (ไม่รวม กทม.) ท่ีเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ 9 ตารางที่ 6 จาแนกตามเพศ เขตการปกครอง และภาค 10 ตารางท่ี 7 ร้อยละของประชาชนอายตุ ง้ั แต่ 15 ปขี ึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ที่ออกกาลังกายหรือ 10 ตารางท่ี 8 เล่นกฬี า จาแนกตามสถานภาพ 11 ตารางท่ี 9 ร้อยละของประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ท่ีเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ 12 ตารางท่ี 10 จาแนกตามสถานภาพ 14 ตารางท่ี 11 รอ้ ยละของประชาชนอายุต้งั แต่ 15 ปขี ึน้ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทอี่ อกกาลังกายหรือ 15 ตารางท่ี 12 เลน่ กีฬา จาแนกตามอาชีพ 16 ตารางที่ 13 รอ้ ยละของประชาชนอายตุ ั้งแต่ 15 ปขี ้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ทเ่ี ล่นกฬี า 17 ตารางที่ 14 จาแนกตามอาชีพ 18 ตารางที่ 15 คา่ เฉลยี่ ดชั นมี วลกาย (Body Mass Index : BMI (Kg/m2)) ของประชาชน 19 ตารางที่ 16 อายุตั้งแต่ 15 ปีข้นึ ไป (ไม่รวม กทม.) จาแนกตามเพศ การออกกาลงั กาย และภาค 20 ตารางท่ี 17 ร้อยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) จาแนกตาม 20 ตารางท่ี 18 การออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา และการมโี รคประจาตัว 21 ตารางท่ี 19 ร้อยละของประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปขี ้นึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทอ่ี อกกาลังกาย 21 สม่าเสมอและไมส่ ม่าเสมอ จาแนกการมโี รคประจาตัว 22 รอ้ ยละของประชาชนอายตุ ง้ั แต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลงั กาย หรือเลน่ กีฬา จาแนกตามประเภทกิจกรรมในการออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬา หน้า 9ก ร้อยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปขี ึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลงั กาย หรอื เลน่ กีฬา จาแนกตามสถานทีใ่ นการออกกาลงั กายหรือเลน่ กฬี า รอ้ ยละของประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปขี ้ึนไป (ไมร่ วม กทม.) ท่อี อกกาลงั กาย หรอื เลน่ กฬี า จาแนกตามเวลาในการออกกาลังกายหรือเล่นกฬี า รอ้ ยละของประชาชนอายุต้งั แต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ที่ออกกาลังกาย หรือเลน่ กฬี า จาแนกตามเหตุผลในการออกกาลังกายหรือเล่นกฬี า ร้อยละของประชาชนอายตุ ั้งแต่ 15 ปขี ึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ที่ไม่ออกกาลงั กาย หรือเลน่ กฬี า จาแนกตามเหตุผลท่ไี มอ่ อกกาลังกายหรือเล่นกฬี า รอ้ ยละของประชาชนอายตุ ั้งแต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทอ่ี อกกาลงั กาย หรอื เล่นกฬี า จาแนกตามแรงจูงใจในการออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬา ร้อยละของประชาชนอายตุ ง้ั แต่ 15 ปีข้นึ ไป (ไม่รวม กทม.) ทไี่ ม่ออกกาลังกาย หรอื เลน่ กฬี า จาแนกตามแรงจงู ใจในการออกกาลงั กายหรือเลน่ กฬี า ร้อยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปขี น้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) จาแนกตาม ขอ้ เสนอแนะหรือความตอ้ งการเพือ่ ส่งเสริมใหป้ ระชาชนออกกาลังกาย หรือเล่นกฬี า รายงานผลการสารวจข้อมลู การออกกาลงั กายหรอื เลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564
บทท่ี 1 บทนา ความเป็นมา กรมพลศึกษามีการกาหนดตัวช้ีวัดร้อยละของประชาชนท่ีออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา อย่างสม่าเสมอเป็นตัวช้ีวัดหลักตามแผนปฏิบัติราชการของกรมพลศึกษา (พ.ศ. 2563 – 2565) มีวัตถุประสงค์ เพ่ือแสดงแนวโน้มของประชาชนท่ีออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ สาหรับใช้เป็นข้อมูลในการ กาหนดทิศทางการขับเคล่ือน และประกอบการพิจารณาทบทวนการจัดทาแผนงาน/โครงการ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชน เพ่ือขับเคล่ือนให้บรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติ ราชการและเป้าหมายตามแผนย่อยการส่งเสริมการออกกาลังกายและกีฬาข้ันพื้นฐานให้กลายเป็นวิถีชีวิต และการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกกาลังกาย กีฬา และนันทนาการ ตามแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580) ประเด็นที่ 14 ศักยภาพการกีฬา แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 – 2565) แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับท่ี 6 (พ.ศ.2560 – 2565) และแผนปฏิบัติการ ด้านนนั ทนาการ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2563 – 2565) ในปี 2564 กรมพลศึกษาดาเนินการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา ของประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป โดยเจ้าหน้าท่ีพลศึกษาดาเนินการเก็บข้อมูลระหว่างวันท่ี 8 พฤษภาคม 2564 ถึง 2 ธันวาคม 2564 และบูรณาการทางานร่วมกับสานักงานสถิติแห่งชาติ ในส่วนของ ความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ การพิจารณาแบบสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของ ประชาชน การกาหนดขนาดตัวอย่าง การเลือกตัวอย่าง การประมาณค่า วิธีการเลือกตัวอย่างตามหลักการ ทางสถิติที่เป็นตัวแทนของประชากรท้ังหมดในระดับภาค และระดับประเทศจาแนกตามเขตการปกครอง วิธีการลงพ้ืนที่สัมภาษณค์ รัวเรอื นตัวอยา่ ง เสนอแนะการวเิ คราะหแ์ ละการประมวลผลขอ้ มูลจากการสารวจ นอกจากน้ีกรมพลศึกษายังบูรณาการทางานร่วมกับกรุงเทพมหานครในการสารวจข้อมูล ในพ้ืนที่กรุงเทพมหานคร จานวน 50 เขต แต่เน่ืองจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลในเขตพ้ืนที่กรุงเทพมหานครได้ ดังน้ันผลการ สารวจขอ้ มลู การออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชนในเอกสารฉบับน้ี จึงไม่นับรวมประชาชนในพื้นท่ี กรุงเทพมหานคร โดยกรมพลศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการกากับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของกรม พลศึกษา ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 พจิ ารณาให้ความเห็น และข้อเสนอแนะการดาเนินงานในปีต่อไป วตั ถปุ ระสงค์ของการดาเนนิ งาน เพอ่ื ศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชน สาหรับใช้เป็น ข้อมูลในการกาหนดทิศทางการขับเคลื่อน และประกอบการพิจารณาทบทวนการจัดทาแผนงาน/โครงการ เพ่ือสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การออกกาลงั กายหรอื เลน่ กีฬาของประชาชน รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 1
ขอบเขตของการดาเนินงาน 1. ขอบเขตดา้ นเน้ือหา การสารวจคร้ังน้ที าการศึกษาขอบเขตด้านเน้อื หาโดยมีตัวแปรสาคญั ดังตอ่ ไปนี้ 1.1 ลักษณะทางประชากรศาสตร์ ประกอบด้วย เพศ อายุ ศาสนา สัญชาติ ระดับการศึกษา สถานภาพ และอาชพี 1.2 พฤตกิ รรมการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬา ประกอบด้วย ประเภทการออกกาลังกายหรือ เล่นกีฬา ระดับความหนักของกิจกรรม เวลาที่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาต่อวัน จานวนวันที่ออกกาลังกาย หรอื เลน่ กีฬาตอ่ สัปดาห์ สถานท่ี ช่วงเวลา และเหตุผลในการออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี า 1.3 ความสัมพนั ธ์ของการออกกาลังกายหรอื เลน่ กีฬากบั การมโี รคประจาตัวของประชาชน 1.4 แนวโน้มการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาในอนาคต ประกอบด้วย ชนิดของการออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาที่เป็นที่นิยม ข้อเสนอแนะหรือความต้องการของประชาชนเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐ เพือ่ สนับสนนุ การออกกาลงั กายหรอื เล่นกีฬาของประชาชน 2. ขอบเขตด้านประชากร ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนส่วนบุคคลทั่วประเทศ จานวน 6,400 ครัวเรอื น กระจายไปตามภาค และเขตการปกครอง จานวน 76 จังหวดั 3. ขอบเขตด้านพืน้ ทีศ่ กึ ษา ดาเนนิ การเกบ็ ขอ้ มูลการออกกาลงั กายหรอื เลน่ กีฬาของประชาชน โดยสานักงานสถิติแห่งชาติ ได้เลือกพื้นที่หรือเขตแจงนับ (Enumeration Area : EA ) ตัวอย่าง จานวน 400 EA กระจายไปตาม ภาคและเขตการปกครอง จานวน 76 จังหวดั และจดั ทาแผนทใี่ ห้กรมพลศกึ ษาใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 4. ขอบเขตด้านระยะเวลา ดาเนนิ การสารวจระหวา่ งวนั ที่ 8 พฤษภาคม – 2 ธันวาคม 2564 ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับ 1. ได้ข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชนที่มีอายุต้ังแต่ 15 ปีขึ้นไป ท้ังประเทศ ที่มีความถูกต้องตามหลักสถิติ อาทิ ข้อมูลกิจกรรมการออกกาลังกาย ข้อมูลชนิดกีฬา ช่วงเวลา ระยะเวลา สถานท่ใี นการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬา เปน็ ต้น 2. สามารถนาข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางการกาหนดรูปแบบการดาเนินงานแผนงานโครงการในการ ส่งเสริมการออกกาลงั กายหรอื เล่นกฬี าของประชาชนได้ 3. สามารถนาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการกาหนดนโยบายหรือกาหนดมาตรการต่าง ๆ ตลอดจน ประเมินผลการดาเนินงานแผนงานโครงการตามแผนปฏิบัติราชการและเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมาย ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ ประเด็นท่ี 14 ศักยภาพการกีฬา และแผนอ่นื ๆ ที่เกี่ยวข้อง นิยามศัพท์ สตราตมั หมายถงึ การแบ่งหนว่ ยต่างๆ ในประชากรออกเป็นกลุ่มๆ ตามลักษณะบางอย่าง โดยประชากร ในแตล่ ะสตราตัมมลี ักษณะบางอย่างคล้ายคลึงกันมากทสี่ ุด แต่มีความแตกต่างกันระหวา่ งสตราตัมมากทสี่ ุด เขตแจงนับ (Enumeration Area : EA) หมายถึง เขตพ้ืนท่ีหรืออาณาบริเวณที่กาหนดขึ้น โดยแบ่งเป็นส่วน สาหรับใช้ในการปฏิบัติงาน เพ่ือให้ผู้เก็บข้อมูลได้ทราบถึงอาณาเขตหรือบริเวณท่ีรับผิดชอบในการเก็บ รวบรวมข้อมูล รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 2
อาศัยอยู่ประจาในครัวเรือน หมายถึง อาศัยอยู่ภายในครัวเรือนน้ันเป็นประจาทุกวัน หรือต้ังแต่ 4 วัน ต่อสปั ดาห์ขน้ึ ไป โดยมีชือ่ อยใู่ นทะเบียนบ้านหรือไมก่ ไ็ ด้ สมาชิกที่อาศัยอยู่ประจาในครัวเรือน หมายถึง สมาชิกในครัวเรือนที่อาศัยอยู่ภายในครัวเรือนนั้น เป็นประจาทุกวัน หรือตั้งแต่ 4 วันต่อสัปดาห์ข้ึนไป โดยจะมีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านหรือไม่ก็ได้ ถือว่าเป็น สมาชกิ ทอี่ าศัยอยปู่ ระจาในครัวเรือนนนั้ ๆ ครัวเรอื นสว่ นบุคคล หมายถงึ ครวั เรือนของบคุ คลทั่วไป ซงึ่ อาจประกอบดว้ ยบคุ คลคนเดียวหรือหลายคน อาศัยอยู่ในบ้านหรือที่อยู่อาศัยเดียวกัน จัดหาหรือใช้สิ่งอุปโภค บริโภคอันจาเป็นแก่การครองชีพร่วมกัน โดยบุคคลเหลา่ น้ีอาจเป็นญาติกันหรือไม่เปน็ ญาติกนั ก็ได้ หมายเหตุ ครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในหอพักทั่วไป/อพาร์ทเม้นท์/คอนโดฯ/แมนชั่น/ห้องชุดอ่ืนๆ ให้นับ แต่ละหอ้ งเป็นครัวเรือนสว่ นบุคคล 1 ครวั เรือน หัวหน้าครัวเรือน หมายถึง บุคคลซึ่งสมาชิกในครัวเรือนให้การยอมรับนับถือ หัวหน้าครัวเรือนไม่จาเป็น ต้องเปน็ เจ้าของบา้ นหรือบดิ ามารดาของคนในครัวเรอื น การมีโรคประจาตัว หมายถงึ การมีโรคที่ติดตัวอยู่เป็นประจา รักษาไม่หาย และมีบุคลากรทางการแพทย์ แจ้งกับผตู้ อบสมั ภาษณ์ว่าผตู้ อบสมั ภาษณม์ โี รคประจาตวั การออกกาลังกาย หมายถึง การกระทาใดๆ ที่มีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อสุขภาพ เพ่ือความสนุกสนานและเพ่ือสังคม รวมท้ังการออกกาลังกายในการประกอบอาชีพ และการออกกาลังกาย ในชวี ิตประจาวนั การเล่นกีฬา หมายถึง การออกกาลังกายโดยใช้ทักษะกีฬาขั้นพื้นฐาน และมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเสริม สขุ ภาพ ความสนุกสนาน เพ่ือสังคม เพือ่ การแขง่ ขัน (การเล่นกฬี าเป็นสว่ นหนึ่งของการออกกาลงั กาย) ระดบั ความหนกั ของกิจกรรม หมายถึง การเคลื่อนไหวร่างกายที่มีการทาซ้าและทาต่อเน่ือง ออกแรงโดย ใช้กล้ามเนื้อ แบ่งเป็น ระดับปานกลาง คือ การหายใจเร็วข้ึนจากปกติไม่ถึงกับหอบ ติดต่อกันเป็นเวลา อย่างน้อย 10 นาที เช่น การเดินเร็ว ถีบจักรยาน ว่ายน้า เป็นต้น ระดับหนัก คือ การหายใจแรงและ เร็วกว่าปกติมาก หรือ หอบติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที เช่น ว่ิงกระโดดเชือก เล่นบาสเกตบอล เลน่ ฟุตบอล เปน็ ต้น กิจกรรมนันทนาการ หมายถึง การใช้เวลาว่างจากภารกิจงานประจา ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมกระทา ด้วยความสมัครใจและมีความพึงพอใจ โดยกิจกรรมนั้นไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และ กฎหมายบา้ นเมอื ง ทาใหเ้ กดิ ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน มีสขุ ภาพกาย และสขุ ภาพจติ ท่ดี ี รายงานผลการสารวจข้อมลู การออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 3
ช่วงของการสุ่มครัวเรือนส่วนบุคคลตัวอย่าง (Sampling Interval : i) หมายถึง ช่วงของการเลือก ครัวเรือนตัวอย่างสาหรับการเลือกครัวเรือนส่วนบุคคลตัวอย่างด้วยวิธีการเลือกตัวอย่างแบบมีระบบ เพ่ือเก็บข้อมูลภายในเขตแจงนับ (EA) สามารถหาค่าช่วงของการสุ่มครัวเรือนส่วนบุคคลตัวอย่างได้จาก จานวนครัวเรือนท้ังส้ินใน EA ตัวอย่างน้ันๆ หารด้วยจานวนครัวเรือนส่วนบุคคลที่กาหนดให้เก็บข้อมูล ในแตล่ ะ EA ในทีน่ ีก้ าหนดให้เกบ็ ข้อมูล จานวน 16 ครัวเรือนต่อ EA จุดเร่ิมต้นของการสุ่ม (Random Start : R) หมายถึง หน่วยตัวอย่างแรก (ในการสารวจน้ี คือ ครัวเรือนแรก) ท่ีเริ่มต้นการเก็บข้อมูลในพ้ืนท่ี EA ซึ่งการกาหนดค่า R นั้น ให้เลือกตัวเลขข้ึนมาอย่างสุ่มโดยค่า R จะมีค่า มากกวา่ 0 แตไ่ มเ่ กนิ i แผนท่ี หมายถึง แผนท่ีท่ีแสดงขอบเขตอาณาบริเวณเขตแจงนับ ตาแหน่งท่ีต้ัง และรหัสของเขตแจงนับ (EA) รวมทั้งข้อมูลรายละเอียดเก่ียวกับลักษณะภูมิประเทศ เช่น เส้นทางคมนาคม เส้นทางน้า และสถานที่ สาคัญ ๆ โดยอาจระบบุ ้านเลขท่ตี ามมมุ ขอบเขต EA เพือ่ ให้ผปู้ ฏิบัตงิ านสามารถเข้าถึงพ้ืนท่ีได้ จะเป็นแผนท่ี ลายเส้น แผนทีภ่ าพถ่ายทางอากาศ หรอื แผนท่ภี าพดาวเทียมกไ็ ด้ รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 4
บทที่ 2 ระเบียบวิธกี ารสารวจ 1. คุ้มรวม ประชาชนท่ีมอี ายุตง้ั แต่ 15 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนส่วนบุคคลท่ัวประเทศ (ไม่รวม กรุงเทพมหานคร) การสารวจคร้ังน้ีไม่รวมผู้ท่ีอาศัยอยู่ในครัวเรือนคนงานท่ีมีคนงานมาอาศัยอยู่รวมกันใน สถานท่ที น่ี ายจ้างจัดหาให้โดยไมเ่ สยี คา่ ท่ีพัก รวมท้งั ผูท้ อี่ าศัยอยใู่ นครัวเรือนสถาบนั เช่น เรือนจา ค่ายทหาร โรงแรม วัด หอพกั นักเรยี น นกั ศึกษา เปน็ ตน้ 2. ระดับการนาเสนอผล เสนอผลระดบั ภาค ได้แก่ ภาคกลาง (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จาแนกตามเขตการปกครอง คือ ในเขตเทศบาล และนอกเขตเทศบาล และระดับท่ัวประเทศ (ไม่รวมกรงุ เทพมหานคร) 3. แผนการเลือกตัวอย่าง การสารวจคร้งั นเ้ี ป็นการสารวจด้วยตวั อยา่ ง โดยใช้แผนการเลือกตัวอย่างแบบ Stratified Two-stage Sampling โดยมีภาคเป็นสตราตัม ซึ่งมีท้ังส้ิน 4 สตราตัม และในแต่ละสตราตัม ได้ทาการ แบ่งออกเป็น 2 สตราตัมย่อย ตามลักษณะการปกครองของกรมการปกครอง คือ ในเขตเทศบาล และนอกเขต เทศบาล กาหนดให้เขตแจงนับ (Enumeration Area : EA) เป็นหน่วยตัวอย่างข้ันที่หนึ่ง และครัวเรือน ส่วนบคุ คลทีม่ ีสมาชิกอายุ 15 ปีขึน้ ไป เปน็ หน่วยตัวอยา่ งข้ันทีส่ อง 3.1 การเลือกหน่วยตัวอย่างขนั้ ที่หน่ึง หน่วยตัวอย่างข้นั ท่หี นง่ึ : เขตแจงนับ (EA) การเลอื กหน่วยตวั อย่างขัน้ ท่หี น่งึ : ในแต่ละสตราตัมย่อย หรือแต่ละภาคจาแนกตามเขตการปกครอง ได้กาหนด จานวน EA ตัวอย่าง 50 EA โดยกระจายจานวน EA ตัวอย่างในแต่ละจังหวัดตามสัดส่วนของจานวนประชาชน ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีข้ึนไปตามเขตการปกครองแล้วทาการเลือก EA ตัวอย่าง ด้วยวิธีการเลือกตัวอย่างแบบ มีระบบ โดยจัดเรียง EA ในแต่ละจังหวัด ตามอาเภอ ตาบล และลาดับบนแผนที่ ได้จานวน EA ตัวอย่าง ทัว่ ประเทศทง้ั สนิ้ 400 EA กระจายไปตามภาค และเขตการปกครอง ตามตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 จานวน EA ตวั อยา่ ง จาแนกตามภาค และเขตการปกครอง ภาค จานวน EA ตวั อยา่ ง รวม ในเขตเทศบาล นอกเขตเทศบาล กลาง (ไมร่ วม กทม.) 100 50 50 เหนือ 100 50 50 ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 100 50 50 ใต้ 100 50 50 รวม 400 200 200 รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 5
3.2 การเลอื กหนว่ ยตวั อย่างขน้ั ทีส่ อง หนว่ ยตวั อย่างขัน้ ทส่ี อง : ครวั เรอื นส่วนบคุ คลทีม่ ีสมาชกิ อายุต้ังแต่ 15 ปีขึ้นไป การเลือกหนว่ ยตัวอย่างข้ันทส่ี อง : ในแต่ละ EA ตัวอย่าง กาหนดให้ทาการเลือกครัวเรือนส่วนบุคคลที่มีสมาชิกอายุ ตงั้ แต่ 15 ปขี น้ึ ไปตวั อยา่ ง จานวน 16 ครัวเรือน ด้วยวิธีการเลือกตัวอย่างแบบมีระบบ โดยให้ลาดับท่ีครัวเรือน ส่วนบุคคลตัวอย่างในแต่ละ EA ตามที่ต้ังของอาคารท่ีอยู่อาศัย ได้จานวนครัวเรือนส่วนบุคคลตัวอย่าง ทั่วประเทศทง้ั สิน้ 6,400 ครัวเรือน กระจายไปตามภาค และเขตการปกครอง ตามตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 จานวนครัวเรือนตัวอย่าง จาแนกตามภาค และเขตการปกครอง ภาค จานวนครัวเรือนตวั อยา่ ง รวม ในเขตเทศบาล นอกเขตเทศบาล กลาง (ไม่รวม กทม.) 1,600 800 800 เหนือ 1,600 800 800 ตะวันออกเฉยี งเหนอื 1,600 800 800 ใต้ 1,600 800 800 รวม 6,400 3,200 3,200 ทั้งน้ี กาหนดใหส้ มั ภาษณ์ประชาชนทมี่ อี ายุตั้งแต่ 15 ปขี นึ้ ไปทกุ คนในครวั เรือนส่วนบุคคล ตัวอยา่ ง เพ่อื เก็บรวบรวมขอ้ มลู รายละเอียด 4. เคร่อื งมือและวิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู การสารวจครั้งน้ีใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยเก็บข้อมูล รายละเอียดตามแบบสอบถามด้วยวิธีการสัมภาษณ์หน่วยตัวอย่าง ซึ่งเป็นประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป โดยบันทึกข้อมูลลงโปรแกรมบันทึกผลการสารวจ (www.exercise.dpe.go.th) ด้วยโทรศัพท์เคล่ือนที่ (Smart phone) หรือแท็ปเลท็ (Tablet) หรอื คอมพิวเตอร์สานกั งานท่ีเชอ่ื มต่อกบั ระบบอนิ เทอรเ์ นต็ 5. การคานวณค่าสถิติ ใช้โปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติในการประมาณผลสาหรับการสารวจ เพ่ือนาเสนอค่าร้อยละ ของผู้ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามลักษณะที่ต้องการศึกษาในระดับภาค จาแนกตามเขตการปกครอง และระดับทั่วประเทศ (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) จาแนกตามเขตการปกครอง โดยมีการถ่วงน้าหนัก ตามระดับการนาเสนอผลการสารวจใหส้ อดคลอ้ งกบั สดั สว่ นของจานวนประชาชนในคุ้มรวม รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเลน่ กฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 6
บทท่ี 3 ผลการสารวจ การสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 นาเสนอ ตามวัตถุประสงค์เพื่อสารวจพฤติกรรมและแนวโน้มของประชาชนท่ีออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา อย่างสม่าเสมอ สาหรับใช้เปน็ ข้อมลู ในการกาหนดทิศทางการขับเคลื่อน และประกอบการพิจารณาทบทวน การจัดทาแผนงาน/โครงการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของป ระชาชน โดยประยุกต์คาแนะนาขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ในการกาหนดเกณฑ์ การออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี าอย่างสมา่ เสมอตามชว่ งอายุ คือ 1) วัยรุ่น (อายุ 15 – 17 ปี) ควรทากิจกรรมทางกายความหนักระดับปานกลางถึง ระดบั หนัก เป็นเวลาสะสมอยา่ งนอ้ ย 60 นาทตี ่อวนั 2) วัยผู้ใหญ่ (อายุ 18 - 64 ปี) ควรทากิจกรรมทางกายความหนักระดับปานกลาง เปน็ เวลาสะสมอย่างน้อย 150 นาทตี อ่ สัปดาห์ หรือความหนักระดบั หนัก เปน็ เวลาสะสมอย่างน้อย 75 นาที ต่อสัปดาห์ 3) วัยผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีข้ึนไป) ควรทากิจกรรมทางกายเช่นเดียวกับวัยผู้ใหญ่ และ ควรเพม่ิ การฝึกการทรงตวั เพอื่ ป้องกันการล้ม อย่างน้อยสปั ดาห์ละ 3 ครงั้ การสารวจข้อมูลในคร้ังน้ี เปน็ การดาเนนิ งานตามตัวช้ีวัดร้อยละของประชาชนท่ีออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ โดยเก็บข้อมูลในระหว่างวันท่ี 8 พฤษภาคม 2564 ถึง 2 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ ในปี 2564 มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยนาเสนอการวิเคราะห์ข้อมูล เปน็ 3 ส่วน ประกอบดว้ ย ส่วนที่ 1 ข้อมลู ทั่วไปของสมาชกิ ในครวั เรอื นที่มีอายุตัง้ แต่ 15 ปีขน้ึ ไป ส่วนท่ี 2 ข้อมลู การออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาในภาพรวม สว่ นท่ี 3 ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 7
ส่วนท่ี 1 ข้อมลู ทั่วไปของสมาชิกในครวั เรือนท่ีมีอายตุ งั้ แต่ 15 ปีขึ้นไป จากข้อมูลการสารวจในปี 2564 พบว่า ประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) จานวน 49,459,844 คน มีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ จานวน 18,038,195 คน คิดเป็นร้อยละ 36.47* มีประชาชนที่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาแต่ไม่สม่าเสมอร้อยละ 38.69 และ ประชาชนทไ่ี ม่ออกกาลงั กายหรอื เลน่ กฬี าร้อยละ 24.84 โดยสามารถจาแนกรายละเอยี ดไดด้ งั ตอ่ ไปน้ี 1. เพศ เขตการปกครอง และภาค เมื่อพิจารณาจากประชาชนท่ีออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ พบว่า ผู้ชาย มีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอร้อยละ 40.86 มากกว่าผู้หญิงท่ีมีการออกกาลังกายหรือ เล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอร้อยละ 32.38 เมื่อพิจารณาตามเขตการปกครอง พบว่า ผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาล มกี ารออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอยา่ งสม่าเสมอรอ้ ยละ 38.51 มากกว่าผู้ทอี่ ยนู่ อกเขตเทศบาลมกี ารออกกาลงั กาย หรือเล่นกฬี าอยา่ งสมา่ เสมอรอ้ ยละ 35.27 เม่ือพจิ ารณาเป็นรายภาค พบวา่ ภาคใต้มีการออกกาลังกายหรือ เลน่ กฬี าอย่างสม่าเสมอร้อยละ 48.58 สูงกว่าภาคอื่น ๆ รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง (ไมร่ วม กทม.) รอ้ ยละ 39.92 33.46 และ 31.94 ตามลาดบั ดงั ตารางท่ี 3 ตารางที่ 3 ร้อยละของประชาชนอายตุ ัง้ แต่ 15 ปขี ้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลังกาย หรือเล่นกีฬา จาแนกตามเพศ เขตการปกครอง และภาค เพศ เขตการปกครอง ออกกาลังกายหรอื เล่นกีฬา ไม่ออกกาลงั กาย และภาค หรือเล่นกฬี า สมา่ เสมอ ไมส่ ม่าเสมอ 24.84 รวม 36.47 38.69 23.29 ชาย 40.86 35.85 26.28 หญงิ 32.38 41.34 26.40 เขตปกครอง 38.51 35.09 23.91 ในเขตเทศบาล 35.27 40.82 นอกเขตเทศบาล 32.26 31.94 35.80 23.50 ภาค 39.92 36.58 22.78 ภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) 33.46 43.76 13.45 ภาคเหนือ 48.58 37.97 ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ภาคใต้ เม่ือพิจารณาจากประชาชนที่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาไม่สม่าเสมอ พบว่า ผู้หญิง ที่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาไม่สม่าเสมอร้อยละ 41.34 มากกว่าผู้ชายท่ีออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา ไม่สม่าเสมอร้อยละ 35.85 เม่ือพิจารณาตามเขตการปกครอง พบว่า ผู้ท่ีอยู่นอกเขตเทศบาล มีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาไม่สม่าเสมอร้อยละ 40.82 มากกว่าผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาลมีการออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาไม่สม่าเสมอร้อยละ 35.09 เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาไม่สม่าเสมอร้อยละ 43.76 สูงกว่าภาคอ่ืน ๆ รองลงมาคือ ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลาง (ไมร่ วม กทม.) รอ้ ยละ 37.97 36.58 และ 35.80 ตามลาดับ ดังตารางที่ 3 * ผลการสารวจปี 2564 ไมน่ ับรวมกรุงเทพมหานคร เนอ่ื งจากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเลน่ กฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 8
เม่อื พจิ ารณาจากประชาชนทีไ่ ม่ออกกาลงั กายหรอื เลน่ กฬี า พบวา่ ผ้หู ญิงท่ีไม่ออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาร้อยละ 26.28 มากกว่าผู้ชายที่ไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาร้อยละ 23.29 เมื่อพิจารณา ตามเขตการปกครอง พบว่า ผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาลไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาร้อยละ 26.40 มากกว่า ผทู้ ่อี ยูน่ อกเขตเทศบาลไมอ่ อกกาลงั กายหรอื เลน่ กีฬาร้อยละ 23.91 เม่ือพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) มีประชาชนที่ไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาร้อยละ 32.26 สูงกว่าภาคอื่น ๆ รองลงมาคือ ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื และภาคใต้ ร้อยละ 23.50 22.78 และ 13.45 ตามลาดับ ดังตารางท่ี 3 ตารางท่ี 4 ร้อยละของประชาชนอายตุ ้ังแต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทเี่ ล่นกฬี าอย่างสม่าเสมอ จาแนกตามเพศ เขตการปกครอง และภาค เพศ เขตการปกครอง และภาค รอ้ ยละ รวม 8.09 14.61 ชาย 2.02 หญงิ 8.13 เขตปกครอง 8.07 ในเขตเทศบาล 8.65 นอกเขตเทศบาล 7.15 ภาค 6.56 ภาคกลาง (ไมร่ วม กทม.) 11.04 ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ภาคใต้ เมือ่ เปรยี บเทยี บในสว่ นของการเล่นกฬี าอยา่ งสมา่ เสมอ พบว่า ประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) จานวน 49,459,844 คน มีการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ จานวน 4,002,668 คน คิดเป็น ร้อยละ 8.09 โดยผู้ชายมีการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอร้อยละ 14.61 มากกว่าผู้หญิงท่ีมีการเล่นกีฬา อย่างสม่าเสมอร้อยละ 2.02 เม่ือพิจารณาตามเขตการปกครอง พบว่า ผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาลมีการเล่นกีฬา อย่างสม่าเสมอร้อยละ 8.13 ใกล้เคียงกับผู้ที่อยู่นอกเขตเทศบาลที่มีการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอร้อยละ 8.07 เม่อื พิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ภาคใต้มีการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอร้อยละ 11.04 สูงกว่าภาคอื่น ๆ รองลงมา คือ ภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 8.65 7.15 และ 6.56 ตามลาดบั ดงั ตารางท่ี 4 รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเลน่ กฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 9
2. สถานภาพ และอาชีพ จากจานวนประชาชนอายุตงั้ แต่ 15 ปขี นึ้ ไป (ไม่รวม กทม.) เม่ือพิจารณาการออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอจาแนกตามสถานภาพ พบว่า ผู้ที่มีสถานภาพโสดมีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา อย่างสม่าเสมอสูงสุดร้อยละ 41.42 รองลงมาคือ สถานภาพแยกกันอยู่ สถานภาพสมรส สถานภาพหย่า และสถานภาพหม้าย ร้อยละ 35.88 35.56 32.45 และ 25.44 ตามลาดบั ดงั ตารางที่ 5 ตารางท่ี 5 รอ้ ยละของประชาชนอายุตัง้ แต่ 15 ปีขึ้นไป (ไมร่ วม กทม.) ทอ่ี อกกาลังกาย หรือเล่นกฬี า จาแนกตามสถานภาพ สถานภาพ ออกกาลังกายหรอื เลน่ กีฬา ไมอ่ อกกาลงั กาย สม่าเสมอ ไมส่ มา่ เสมอ หรือเลน่ กีฬา โสด 41.42 36.62 สมรส 35.56 40.22 21.96 หม้าย 25.44 36.82 24.22 หย่า 32.45 34.56 37.72 แยกกนั อยู่ 35.88 32.11 32.99 32.01 เม่ือพิจารณาจากประชาชนที่มีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาไม่สม่าเสมอจาแนก ตามสถานภาพ พบว่า ผู้ท่ีมีสถานภาพสมรสมีการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาไม่สม่าเสมอสูงสุดร้อยละ 40.22 รองลงมาคือ สถานภาพหม้าย สถานภาพโสด สถานภาพหย่า และสถานภาพแยกกันอยู่ ร้อยละ 36.82 36.62 34.56 และ 32.11 ตามลาดับ ดังตารางที่ 5 เมื่อพิจารณาในส่วนของประชาชนที่ไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาจาแนกตามสถานภาพ พบว่า ผู้ที่มีสถานภาพหม้ายไม่ออกกาลังหรือเล่นกีฬาสูงสุดร้อยละ 37.72 รองลงมาคือ สถานภาพหย่า สถานภาพแยกกันอยู่ สถานภาพสมรส และสถานภาพโสด ร้อยละ 32.99 32.01 24.22 และ 21.96 ตามลาดับ ดงั ตารางท่ี 5 เมื่อพิจารณาการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอตามสถานภาพ พบว่า ผู้ท่ีมีสถานภาพโสด มกี ารเลน่ กฬี าอยา่ งสม่าเสมอสงู สุดรอ้ ยละ 16.15 รองลงมาคือ สถานภาพหย่า สถานภาพสมรส สถานภาพ แยกกนั อยู่ และสถานภาพหม้าย รอ้ ยละ 6.20 5.12 4.93 และ 1.14 ตามลาดบั ดังตารางที่ 6 ตารางท่ี 6 ร้อยละของประชาชนอายตุ ้ังแต่ 15 ปขี นึ้ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทเี่ ล่นกฬี าอย่างสมา่ เสมอ จาแนกตามสถานภาพ สถานภาพ รอ้ ยละ โสด 16.15 สมรส 5.12 หม้าย 1.14 หย่า 6.20 แยกกนั อยู่ 4.93 รายงานผลการสารวจข้อมลู การออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 10
เมอื่ พิจารณาจากอาชพี พบวา่ ประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ท่ีออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาส่วนใหญ่เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 9.76 รองลงมาคือ ข้าราชการบานาญ ร้อยละ 9.66 รับราชการ/เจ้าหนา้ ที่ของรัฐ รอ้ ยละ 9.51 ไมท่ ราบอาชีพ ร้อยละ 9.16 รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 8.64 ประกอบ ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 8.64 ทาการเกษตร ร้อยละ 8.64 พนักงานบริษัท/ห้างร้าน ร้อยละ 8.63 ค้าขาย ร้อยละ 8.56 รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 8.36 แม่บ้าน/พ่อบ้าน ร้อยละ 8.25 ไม่ทางาน/ว่างงาน ร้อยละ 7.48 และชรา/ป่วย/พกิ าร รอ้ ยละ 3.88 ดังตารางท่ี 7 ตารางท่ี 7 ร้อยละของประชาชนอายตุ ้งั แต่ 15 ปีขึน้ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทอี่ อกกาลังกาย หรือเล่นกีฬา จาแนกตามอาชพี อาชีพ ออกกาลงั กายหรอื ไม่ออกกาลังกาย เล่นกฬี า หรือเลน่ กีฬา นกั เรียน/นกั ศกึ ษา ข้าราชการบานาญ 9.76 4.19 รับราชการ/เจ้าหน้าทีข่ องรฐั 9.66 4.46 รฐั วิสาหกจิ 9.51 4.85 ประกอบธรุ กิจสว่ นตวั 8.64 7.08 ทาการเกษตร 8.64 7.07 พนักงานบริษัท/ห้างรา้ น 8.64 7.07 คา้ ขาย 8.63 7.10 รับจ้างทั่วไป 8.56 7.28 แม่บ้าน/พอ่ บา้ น 8.36 7.78 ไมท่ างาน/ว่างงาน 8.25 8.07 ไม่ทราบอาชีพ 7.48 10.04 ชรา/ปว่ ย/พิการ 9.16 5.75 3.88 19.26 รวม 100.00 100.00 เมอื่ พิจารณาจากอาชีพ พบว่า ประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปขี นึ้ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทไี่ ม่ออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาส่วนใหญ่ชรา/ป่วย/พิการ ร้อยละ 19.26 ไม่ทางาน/ว่างงาน ร้อยละ 10.04 แม่บ้าน/พ่อบ้าน ร้อยละ 8.07 รับจ้างท่ัวไป ร้อยละ 7.78 ค้าขาย ร้อยละ 7.28 พนักงานบริษัท/ห้างร้าน ร้อยละ 7.10 รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 7.08 ประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 7.07 ทาการเกษตร ร้อยละ 7.07 ไม่ทราบอาชีพ ร้อยละ 5.75 รับราชการ/เจ้าหน้าที่ของรัฐ ร้อยละ 4.85 ข้าราชการบานาญ ร้อยละ 4.46 และนักเรียน/ นักศกึ ษา รอ้ ยละ 4.19 ดังตารางท่ี 7 ในส่วนของการออกกาลังกายด้วยการเล่นกีฬาโดยพิจารณาจากอาชีพ พบว่า ประชาชน อายตุ ง้ั แต่ 15 ปขี ึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลังกายดว้ ยการเล่นกีฬาส่วนใหญ่เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 27.00 รองลงมาคือ รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 17.60 ทาการเกษตร ร้อยละ 11.71 พนักงานบริษัท/ ห้างร้าน ร้อยละ 11.49 รับราชการ/เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ร้อยละ 10.94 ประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 8.40 ค้าขาย ร้อยละ 6.27 ไม่ทางาน/ว่างงาน ร้อยละ 2.52 รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 2.24 แม่บ้าน/พ่อบ้าน ร้อยละ 1.33 ข้าราชการบานาญ ร้อยละ 0.36 และไมท่ ราบอาชีพ ร้อยละ 0.14 ดงั ตารางที่ 8 รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 11
ตารางที่ 8 ร้อยละของประชาชนอายตุ ้ังแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ทเี่ ลน่ กีฬา จาแนกตามอาชพี อาชพี รอ้ ยละ นักเรยี น/นกั ศึกษา 27.00 รับจา้ งท่วั ไป 17.60 ทาการเกษตร 11.71 พนกั งานบริษทั /ห้างร้าน 11.49 รบั ราชการ/เจ้าหนา้ ที่ของรฐั 10.94 ประกอบธรุ กจิ ส่วนตวั 8.40 คา้ ขาย 6.27 ไม่ทางาน/ว่างงาน 2.52 รัฐวิสาหกิจ 2.24 แมบ่ ้าน/พ่อบ้าน 1.33 ข้าราชการบานาญ 0.36 ไมท่ ราบอาชีพ 0.14 100.00 รวม รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 12
3. นา้ หนัก และสว่ นสงู เมื่อพิจารณาจากข้อมูลน้าหนักและส่วนสูงที่มาจากการสัมภาษณ์ประชาชนในครัวเรือน นามาคานวณค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI (Kg/m2)) ของประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ตามเกณฑ์ดัชนีมวลกาย (BMI) ของคนเอเชีย* พบว่า ค่าดัชนีมวลกายของประชาชน อายตุ ้งั แต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 23.32 อยู่ในภาวะน้าหนักเกิน โดยผู้ชายมีดัชนี มวลกายเฉล่ียเท่ากับ 23.35 และผู้หญิงมีดัชนีมวลกายเฉล่ียเท่ากับ 23.30 ซึ่งอยู่ในภาวะน้าหนักเกิน ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เมื่อพิจารณาค่าดัชนีมวลกายเป็นรายภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าดัชนี มวลกายเฉลี่ยเท่ากับ 22.88 อยู่ในภาวะสมส่วน ดีกว่าภาคอ่ืน ๆ รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และ ภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) มคี า่ ดัชนีมวลกายเฉลยี่ 23.31 23.44 และ 23.66 ตามลาดับ อยู่ในภาวะน้าหนักเกิน (ตารางท่ี 9) เม่ือพิจารณาดัชนีมวลกายของประชาชน จาแนกตามการออกกาลังกายด้วยการเล่นกีฬา พบวา่ ประชาชนอายตุ ง้ั แต่ 15 ปีขนึ้ ไป (ไม่รวม กทม.) ที่เล่นกีฬามีค่าดัชนีมวลกายเฉลี่ยเท่ากับ 22.56 อยู่ในภาวะสมส่วน ประชาชนท่ีมีอายุต้ังแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ที่ออกกาลังกายโดยไม่เล่นกีฬา มีค่าดัชนีมวลกายเฉลี่ย เท่ากับ 23.47 อยู่ในภาวะน้าหนักเกิน และประชาชนท่ีอายุต้ังแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ที่ไม่ออกกาลงั กายมคี ่าดัชนีมวลกายเฉล่ียเท่ากบั 23.19 อยู่ในภาวะน้าหนกั เกิน (ตารางท่ี 9) เมื่อพิจารณาดัชนีมวลกายของประชาชนท่ีออกกาลังกายด้วยการเล่นกีฬา จาแนกตามภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าดัชนีมวลกายเฉล่ียเท่ากับ 21.59 อยู่ในภาวะสมส่วน รองลงมาคือ ภาคใต้มีค่าดัชนีมวลกายเฉล่ียเท่ากับ 22.14 อยู่ในภาวะสมส่วน ภาคเหนือมีค่าดัชนีมวลกายเฉล่ียเท่ากับ 22.71 อยูใ่ นภาวะสมสว่ น และภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) มีค่าดัชนีมวลกายเฉลี่ยเท่ากับ 23.48 อยู่ในภาวะ น้าหนักเกนิ ตามลาดบั (ตารางท่ี 9) ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) คือ ตัวชี้วัดมาตรฐานเพ่ือประเมินสภาวะ ของร่างกายว่ามีความสมดุลของน้าหนักตัวต่อส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์ท่ีเหมาะสมหรือไม่ ในกรณีที่มีค่าดัชนีมวลกาย สูงหรืออยูใ่ นภาวะน้าหนกั เกินหรือเปน็ โรคอ้วน ก็อาจทาให้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากมาย ได้แก่ โรคความดัน โลหิตสูง ระดับโคเลสเตอรอลและระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง โรคเบาหวานชนิดท่ี 2 โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเก่ียวกับถุงน้าดี โรคข้อเข่าเส่ือม การหยุดหายใจขณะหลับหรือปัญหาในการหายใจ และโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ท้ังน้ีการปฏิบัติตัวเพ่ือให้ห่างไกลจากโรค เช่น การเลือกบริโภคอาหารและเคร่ืองด่ืม โดยเลือกอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการ อาหารที่มีแคลอรีต่า การออกกาลังกายด้วยกิจกรรมท่ีเหมาะสม กับสภาพร่างกายอย่างน้อย 150 – 300 นาทีต่อสัปดาห์ เป็นต้น (ถิรจิต, 2562) ทั้งนี้ค่าดัชนีมวลกาย ของประชาชนยงั ข้นึ อยกู่ ับพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารและเครื่องดมื่ อีกด้วย * เกณฑ์ดัชนีมวลกาย (BMI) ของคนเอเชีย แบ่งออกเป็น 1) น้อยกว่า 18.5 น้าหนักต่ากว่าเกณฑ์ 2) 18.5-22.9 สมส่วน 3) 23.0-24.9 นา้ หนกั เกนิ 4) 25.0-29.9 โรคอ้วน และ5) มากกวา่ 30 โรคอ้วนอันตราย (กองโรคไมต่ ดิ ตอ่ , 2565) รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 13
ตารางท่ี 9 ค่าเฉลีย่ ดชั นมี วลกาย (Body Mass Index : BMI (Kg/m2)) ของประชาชน อายุต้ังแต่ 15 ปีขนึ้ ไป (ไมร่ วม กทม.) จาแนกตามเพศ การออกกาลงั กาย และภาค เพศ และ ค่าเฉลยี่ BMI (Kg/m2)* การออกกาลงั กาย รวม ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออก ภาคใต้ รวม (ไมร่ วม กทม.) เฉียงเหนือ ชาย 23.32 23.31 22.88 23.44 หญงิ 23.35 23.66 23.08 22.90 23.10 23.30 23.99 23.52 22.86 23.77 การออกกาลงั กาย 23.35 ไม่เลน่ กฬี า 23.47 23.64 เลน่ กฬี า 22.56 23.53 23.52 23.28 22.14 ไม่ออกกาลงั กาย 23.19 23.48 22.71 21.59 23.97 23.78 22.91 22.18 * เกณฑ์ดัชนีมวลกาย (BMI) ของคนเอเชีย แบ่งออกเป็น 1) น้อยกว่า 18.5 น้าหนักต่ากว่าเกณฑ์ 2) 18.5-22.9 สมส่วน 3) 23.0-24.9 น้าหนักเกิน 4) 25.0-29.9 โรคอว้ น และ5) มากกวา่ 30 โรคอว้ นอนั ตราย (กองโรคไมต่ ิดต่อ, 2565) 5. การมีโรคประจาตวั เม่ือพิจารณาข้อมูลการมีโรคประจาตัว พบว่า ประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) มีโรคประจาตัว ร้อยละ 23.99 และไมม่ โี รคประจาตวั รอ้ ยละ 76.01 (แผนภูมิท่ี 8) 23.99 มีโรคประจาตวั 76.01 ไมม่ ีโรคประจาตัว แผนภูมทิ ี่ 8 ร้อยละของประชาชนอายุตงั้ แต่ 15 ปีขึ้นไป (ไมร่ วม กทม.) จาแนกตามการมีโรคประจาตัว เมื่อพิจารณาประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ที่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา มโี รคประจาตวั รอ้ ยละ 22.28 นอ้ ยกว่าประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ท่ีไม่ออกกาลังกาย หรือเลน่ กฬี าซึง่ มโี รคประจาตวั ร้อยละ 29.14 (ตารางท่ี 10) รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 14
ตารางท่ี 10 ร้อยละของประชาชนอายตุ ้งั แต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) จาแนกตามการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา และการมโี รคประจาตัว การมีโรคประจาตัว* ออกกาลงั กาย ไม่ออกกาลงั กาย หรอื เลน่ กฬี า หรอื เล่นกฬี า ไม่มโี รคประจาตวั 77.72 70.86 มีโรคประจาตัว** 22.28 29.14 100.00 100.00 รวม 0.74 1.64 (1) กลมุ่ โรคมะเร็ง 28.66 23.95 (2) กล่มุ โรคเบาหวานและความผดิ ปกติของต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิซมึ 0.41 0.17 (3) กลุ่มความผิดปกตทิ างจิต 0.42 0.34 (4) กล่มุ ความผดิ ปกตทิ างระบบประสาท 0.94 1.82 (5) กลมุ่ ความผดิ ปกตทิ างการรับรู้ 51.28 56.18 (6) กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด 6.78 7.65 (7) กลมุ่ โรคเรอ้ื รงั ของระบบหายใจ 4.00 0.07 (8) กลมุ่ ความผดิ ปกตทิ างระบบยอ่ ยอาหาร 1.36 2.03 (9) กลุม่ โรคของระบบสบื พนั ธ์แุ ละปสั สาวะ 4.55 4.83 (10) กลุม่ ความผิดปกตทิ างกระดูกและกล้ามเนอ้ื 0.12 0.08 (11) กลมุ่ โรคติดเช้อื ที่ทาให้เกิดการเจบ็ ป่วยหรอื 0.40 0.41 พกิ ารแบบเรือ้ รัง (12) กลุ่มความผิดปกตแิ ตก่ าเนดิ และ 0.08 - 0.26 0.83 โรคทางพันธกุ รรม 100.00 100.00 (13) กลุ่มความผิดปกติในชอ่ งปาก (14) กล่มุ โรคเร้อื รงั /โรคประจาตัวอืน่ ๆ รวม หมายเหตุ *ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ **รายละเอยี ดของกลุ่มโรคเพ่มิ เติมอยใู่ นภาคผนวก โรคไม่ติดต่อ (Noncommunicable diseases: NCDs) เป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่ง ของประเทศไทยที่มีจานวนผู้เสียชีวิตเพ่ิมขึ้นและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรง ตอ่ เศรษฐกจิ และสังคม โดยในปี พ.ศ. 2560 ประชาคมสุขภาพโลก ได้เพิ่มขอบเขตการจัดการปัญหาโรคไม่ติดต่อ เป็น 5 x 5 คือ 5 กลุ่มโรค 5 ปัจจัยเส่ียงหลัก โดย 5 ปัจจัยเสี่ยงหลักประกอบได้ด้วย 1) การบริโภคยาสูบ 2) การดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ 3) การบริโภคอาหารท่ีไม่เหมาะสม 4) การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ และ 5) มลพิษทางอากาศและปัญหาสุขภาพจิต (อรรถเกียรติ และคณะ, 2563) จะเห็นได้ว่านอกจากเร่ืองของ การออกกาลังกายมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรคไม่ติดต่ออีกหลายปัจจัย ทั้งน้ีการสารวจร้อยละ ของประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ท่ีออกกาลังกายสม่าเสมอและไม่สม่าเสมอ พบว่า มีโรคประจาตวั 2 กลมุ่ โรคท่ีสาคัญเหมือนกัน คอื กลุม่ โรคหัวใจและหลอดเลือด และกลุ่มโรคเบาหวานและ ความผดิ ปกตขิ องต่อมไร้ท่อและเมตาบอลซิ มึ (ดงั ตารางท่ี 11) รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลงั กายหรือเลน่ กฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 15
ตารางที่ 11 ร้อยละของประชาชนอายตุ ้ังแต่ 15 ปขี ึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลงั กายสม่าเสมอ และไม่สม่าเสมอ จาแนกการมโี รคประจาตวั การมโี รคประจาตวั * ออกกาลังกาย ออกกาลงั กาย สม่าเสมอ ไมส่ ม่าเสมอ (1) กล่มุ โรคมะเร็ง (2) กลุม่ โรคเบาหวานและความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ 0.63 0.82 และเมตาบอลซิ ึม 29.43 28.94 (3) กลุม่ ความผิดปกตทิ างจติ (4) กลุ่มความผดิ ปกติทางระบบประสาท 0.37 0.50 (5) กลมุ่ ความผดิ ปกติทางการรับรู้ 0.04 0.67 (6) กลมุ่ โรคหัวใจและหลอดเลอื ด 0.95 0.93 (7) กลุ่มโรคเรอ้ื รงั ของระบบหายใจ 52.21 50.57 (8) กลุ่มความผิดปกตทิ างระบบย่อยอาหาร 6.86 6.82 (9) กลมุ่ โรคของระบบสบื พนั ธ์แุ ละปัสสาวะ 3.74 3.22 (10) กลมุ่ ความผดิ ปกตทิ างกระดกู และกลา้ มเนอื้ 1.08 1.49 (11) กลมุ่ โรคตดิ เชือ้ ท่ีทาใหเ้ กดิ การเจบ็ ปว่ ยหรอื 3.85 5.09 0.25 0.04 พิการแบบเรื้อรัง (12) กลุ่มความผิดปกตแิ ต่กาเนิด และ 0.21 0.54 โรคทางพันธกุ รรม 0.20 - (13) กลุ่มความผดิ ปกตใิ นช่องปาก 0.18 0.38 (14) กลุ่มโรคเร้อื รัง/โรคประจาตัวอ่นื ๆ 100.00 100.00 รวม รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลังกายหรือเลน่ กฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 16
สว่ นที่ 2 ข้อมลู การออกกาลังกายหรือเล่นกฬี าในภาพรวม การออกกาลังกาย หมายถึง การกระทาใด ๆ ท่ีมีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อสุขภาพ เพ่ือความสนุกสนาน และเพื่อสังคม รวมทั้งการออกกาลังกายในการประกอบอาชีพ และการออกกาลังกายในชีวิตประจาวัน ส่วนการเล่นกีฬา หมายถึง การออกกาลังกายโดยใช้ทักษะกีฬา ข้ันพื้นฐาน และมีวัตถุประสงค์เพ่ือสร้างเสริมสุขภาพความสนุกสนานเพื่อสังคม เพื่อการแข่งขัน (การเล่นกีฬา เปน็ สว่ นหนึง่ ของการออกกาลังกาย) โดยผลการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 ของกรมพลศึกษา ในส่วนน้ีเป็นข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาในภาพรวมที่ประชาชน ออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬา ภายในหนึง่ สัปดาห์ โดยมผี ลการสารวจดังตอ่ ไปน้ี 1. ประเภทกิจกรรมในการออกกาลงั กายหรอื เล่นกฬี า ผลการสารวจประเภทกิจกรรมในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ที่ทาภายในหน่ึงสัปดาห์ พบว่า ประเภทกิจกรรมในการออกกาลังกายส่วนใหญ่ นยิ มใช้การเดิน ร้อยละ 46.20 รองลงมาคือ การว่ิง ร้อยละ 19.15 การปั่นจักรยาน ร้อยละ 6.48 เต้นแอโรบิค ร้อยละ 4.84 โยคะ ร้อยละ 1.09 เพาะกายและฟิตเนส ร้อยละ 0.55 กระโดดเชือก ร้อยละ 0.54 เต้นบาสโลบ ร้อยละ 0.48 และอืน่ ๆ (วา่ ยน้า ลลี าศ รามวยจนี ไทเกก๊ ) รอ้ ยละ 0.27 รายละเอียด ดังตารางที่ 12 ประเภทกจิ กรรมในการเล่นกีฬาส่วนใหญ่นิยมการเล่นฟุตบอล ร้อยละ 8.37 รองลงมาคือ ฟุตซอล ร้อยละ 1.95 แบดมินตัน ร้อยละ 1.37 เซปักตะกร้อ ร้อยละ 1.25 วอลเลย์บอล ร้อยละ 0.98 เปตอง ร้อยละ 0.49 บาสเกตบอล ร้อยละ 0.22 สนุกเกอร์ ร้อยละ 0.15 มวยไทย ร้อยละ 0.04 และอ่ืน ๆ (กอลฟ์ เทควนั โด เทนนิส วดู้ บอล ปันจกั สลี ัต) รอ้ ยละ 1.74 รายละเอียดดังตารางท่ี 12 ตารางที่ 12 ร้อยละของประชาชนอายตุ งั้ แต่ 15 ปขี ้ึนไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลังกาย หรอื เลน่ กฬี า จาแนกตามประเภทกิจกรรมในการออกกาลังกายหรอื เล่นกฬี า ประเภทกิจกรรม* รอ้ ยละ กจิ กรรมออกกาลงั กาย 79.60 เดนิ 46.20 วิ่ง 19.15 ปัน่ จกั รยาน 6.48 เต้นแอโรบิค 4.84 โยคะ 1.09 เพาะกายและฟติ เนส 0.55 กระโดดเชือก 0.54 เต้นบาสโลบ 0.48 อนื่ ๆ (ว่ายนา้ ลีลาศ รามวยจนี ไทเก๊ก) 0.27 กจิ กรรมเลน่ กีฬา 16.56 ฟตุ บอล 8.37 ฟตุ ซอล 1.95 แบดมินตัน 1.37 รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 17
(ตอ่ ) ตารางท่ี 12 รอ้ ยละของประชาชนอายุต้งั แต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) ทอ่ี อกกาลังกาย หรือเล่นกฬี า จาแนกตามประเภทกิจกรรมในการออกกาลงั กายหรอื เล่นกีฬา ประเภทกิจกรรม* ร้อยละ เซปกั ตะกร้อ 1.25 วอลเลย์บอล 0.98 เปตอง 0.49 บาสเกตบอล 0.22 สนกุ เกอร์ 0.15 มวยไทย 0.04 อ่ืน ๆ (กอล์ฟ เทควนั โด เทนนสิ วดู้ บอล ปนั จักสีลตั ) 1.74 การออกกาลงั กายในการประกอบอาชพี 3.84 100.00 รวม หมายเหตุ *ตอบไดม้ ากกวา่ 1 คาตอบ 2. สถานทใ่ี นการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬา ผลการสารวจ พบว่า สถานท่ีในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาส่วนใหญ่นิยมออกกาลังกาย หรือเลน่ กฬี าทบ่ี ้าน/บรเิ วณท่พี กั อาศยั รอ้ ยละ 39.90 รองลงมาคือ ลานออกกาลังกาย/เล่นกีฬา ร้อยละ 12.49 ถนน/ทางสาธารณะ/ซอย ร้อยละ 11.68 โรงเรียน/สถานศึกษา ร้อยละ 8.22 สนามกีฬาประจาตาบล/ อาเภอ/จังหวดั รอ้ ยละ7.86 สวนสาธารณะ ร้อยละ 7.72 แปลงเกษตร เช่น สวน ไร่ นา แปลงผัก ร้อยละ 6.88 ท่ีทางาน รอ้ ยละ 4.12 ฟติ เนสหรอื ยิม ร้อยละ 0.78 และอนื่ ๆ รอ้ ยละ 0.35 รายละเอียดดงั ตารางท่ี 13 ตารางที่ 13 ร้อยละของประชาชนอายตุ ง้ั แต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) ที่ออกกาลังกาย หรือเลน่ กีฬา จาแนกตามสถานทใี่ นการออกกาลงั กายหรอื เลน่ กีฬา สถานทใี่ นการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬา* รอ้ ยละ บ้าน/บริเวณท่พี ักอาศัย 39.90 ลานออกกาลงั กาย/เลน่ กฬี า 12.49 ถนน/ทางสาธารณะ/ซอย 11.68 โรงเรียน/สถานศกึ ษา 8.22 สนามกีฬาประจาตาบล/อาเภอ/จังหวดั 7.86 สวนสาธารณะ 7.72 แปลงเกษตร เชน่ สวน ไร่ นา แปลงผกั 6.88 ทท่ี างาน 4.12 ฟติ เนสหรอื ยิม 0.78 อน่ื ๆ (ศาสนสถาน/เช่าสนาม/สนามกอล์ฟ/สนามหญ้าเทียม 0.35 รพ.สต./อาคารเอนกประสงค/์ ศาลาประชาคม/อบต.) 100.00 รวม หมายเหตุ *ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลงั กายหรือเลน่ กฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 18
3. เวลาในการออกกาลงั กายหรอื เล่นกฬี า ผลการสารวจ พบว่า เวลาท่ีใช้ในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา อันดับแรก คือ เวลา 17.00 – 18.00 น. ร้อยละ 34.32 รองลงมาคือ เวลา 16.00 – 17.00 น. ร้อยละ 14.71 เวลา 06.00 – 07.00 น. ร้อยละ 13.16 เวลา 18.00 – 19.00 น. ร้อยละ 11.00 เวลา 05.00 – 06.00 น. ร้อยละ 8.77 เวลา 07.00 – 08.00 น. ร้อยละ 4.97 เวลา 08.00 – 09.00 น. ร้อยละ 3.21 เวลา 12.00 – 16.00 น. ร้อยละ 2.69 เวลา 09.00 – 12.00 น. ร้อยละ 2.57 เวลา 19.00 – 20.00 น. ร้อยละ 2.24 เวลา 04.00 – 05.00 น. ร้อยละ 1.42 เวลา 20.00 – 24.00 น. ร้อยละ 0.61 และเวลา 00.00 – 04.00 น. ร้อยละ 0.33 รายละเอียด ดังตารางท่ี 14 ตารางท่ี 14 รอ้ ยละของประชาชนอายตุ งั้ แต่ 15 ปขี น้ึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทีอ่ อกกาลังกาย หรอื เลน่ กีฬา จาแนกตามเวลาในการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬา เวลาในการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬา* ร้อยละ 00.00 – 04.00 น. 0.33 04.00 – 05.00 น. 1.42 05.00 – 06.00 น. 8.77 06.00 – 07.00 น. 13.16 07.00 – 08.00 น. 4.97 08.00 – 09.00 น. 3.21 09.00 – 12.00 น. 2.57 12.00 – 16.00 น. 2.69 16.00 – 17.00 น. 14.71 17.00 – 18.00 น. 34.32 18.00 – 19.00 น. 11.00 19.00 – 20.00 น. 2.24 20.00 – 24.00 น. 0.61 100.00 รวม หมายเหตุ *ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ 4. เหตุผลในการออกกาลงั กายหรอื เล่นกีฬา ผลการสารวจ พบว่า เหตุผลในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาสูงที่สุด คือ ต้องการให้ ร่างกายแข็งแรง ร้อยละ 81.67 รองลงมาคือ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ร้อยละ 27.53 คลายเครียด/ พักผ่อน ร้อยละ 19.86 ทากิจกรรมร่วมกับเพื่อน/เพ่ือนชวน ร้อยละ 14.96 ควบคุมน้าหนัก/ลดน้าหนัก ร้อยละ 13.57 ตอ้ งการรูปร่างท่ีดี/หุ่นดี ร้อยละ 11.83 ชอบออกกาลังกาย ร้อยละ 11.15 เป็นงานที่ต้องทา/ เปน็ อาชพี รอ้ ยละ 10.85 รักษา/บรรเทาอาการเจบ็ ป่วย ร้อยละ 9.49 ชอบในกีฬาน้ัน ๆ ร้อยละ 6.60 และ อ่นื ๆ รอ้ ยละ 1.78 รายละเอียดดงั ตารางท่ี 15 รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 19
ตารางที่ 15 รอ้ ยละของประชาชนอายตุ งั้ แต่ 15 ปีข้นึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ที่ออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬา จาแนกตามเหตผุ ลในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา เหตุผลในการออกกาลงั กายหรอื เล่นกีฬา* รอ้ ยละ ตอ้ งการใหร้ า่ งกายแขง็ แรง 81.67 ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ 27.53 คลายเครยี ด/พกั ผอ่ น 19.86 ทากิจกรรมรว่ มกับเพ่ือน/เพอื่ นชวน 14.96 ควบคมุ นา้ หนัก/ลดนา้ หนกั 13.57 ตอ้ งการรปู รา่ งทดี่ ี/หุ่นดี 11.83 ชอบออก กาลงั กาย 11.15 เป็นงานที่ตอ้ งทา/เปน็ อาชพี 10.85 รักษา/บรรเทาอาการเจ็บปว่ ย 9.49 ชอบในกีฬานัน้ ๆ 6.60 อื่น ๆ (กาลงั เปน็ ท่นี ิยม/ตามกระแสนิยม) 1.78 หมายเหตุ *ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ 5. เหตผุ ลที่ไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา ผลการสารวจ พบว่า เหตุผลที่ไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาสูงสุดคือ คือ ไม่มีเวลา ร้อยละ 56.78 รองลงมาคือ สถานการณ์โควิด-19 ร้อยละ 35.02 ป่วย ร้อยละ 10.23 ไม่ชอบการออกกาลังกาย ร้อยละ 9.75 ไม่มีสถานท่ี ร้อยละ 7.47 ขี้เกียจ ร้อยละ 6.47 ขาดแรงจูงใจ ร้อยละ 5.14 ไม่มีความรู้ ร้อยละ 2.79 อ่ืน ๆ (ดูแลเด็กเล็ก ต้ังครรภ์ บาดเจ็บ) ร้อยละ 2.01 ชรา/อายุเยอะ ร้อยละ 1.26 ไม่จาเป็น ต่อตนเอง ร้อยละ 1.20 พกิ าร รอ้ ยละ 0.88 และน่าเบ่ือหน่าย ร้อยละ 0.66 รายละเอยี ดดงั ตารางที่ 16 ตารางที่ 16 ร้อยละของประชาชนอายตุ งั้ แต่ 15 ปีข้นึ ไป (ไมร่ วม กทม.) ทไี่ มอ่ อกกาลงั กาย หรือเล่นกีฬา จาแนกตามเหตผุ ลท่ไี มอ่ อกกาลังกายหรือเลน่ กีฬา เหตผุ ลทไ่ี ม่ออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬา* ร้อยละ ไมม่ เี วลา 56.78 สถานการณโ์ ควดิ -19 35.02 ปว่ ย 10.23 ไม่ชอบการออกกาลังกาย 9.75 ไมม่ ีสถานที่ 7.47 ขี้เกยี จ 6.47 ขาดแรงจูงใจ 5.14 ไมม่ ีความรู้ 2.79 อน่ื ๆ (ดแู ลเดก็ เล็ก ตัง้ ครรภ์ บาดเจ็บ) 2.01 ชรา/อายุเยอะ 1.26 ไมจ่ าเป็นต่อตนเอง 1.20 พิการ 0.88 น่าเบอ่ื หน่าย 0.66 หมายเหตุ *ตอบไดม้ ากกวา่ 1 คาตอบ รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 20
สว่ นท่ี 3 ความคดิ เห็นหรือข้อเสนอแนะ 1. แรงจงู ใจในการออกกาลงั กายหรอื เล่นกฬี า ผลการสารวจความคิดเห็นของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปขี น้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) ที่ออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬา เรื่องแรงจูงใจในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา พบว่า แรงจูงใจในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 อันดับแรก คือ ความรู้ในการออกกาลังกาย ร้อยละ 32.77 ทัศนคติในการออกกาลังกาย ร้อยละ 23.18 และญาติพ่ีน้อง/เพือ่ น ร้อยละ 11.74 ตามลาดบั รายละเอียดดงั ตารางที่ 17 ตารางท่ี 17 รอ้ ยละของประชาชนอายตุ ้ังแต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) ท่ีออกกาลังกาย หรือเล่นกฬี า จาแนกตามแรงจูงใจในการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬา แรงจงู ใจในการออกกาลังกายหรอื เลน่ กีฬา รอ้ ยละ ความรู้ในการออกกาลังกาย 32.77 ทศั นคติในการออกกาลงั กาย 23.18 ญาติพีน่ ้อง/เพอื่ น 11.74 สนามกฬี าหรอื สถานทีท่ มี่ ีความสวยงามมมี าตรฐาน 10.94 การจัดกจิ กรรมทน่ี ่าสนใจ 9.09 ผู้นาการออกกาลงั กาย 6.09 อาสาสมคั รทางการกีฬามาให้ความรู้ 3.91 ตอ้ งการดูแลตัวเอง/รกั ษาอาการเจบ็ ป่วย 0.93 ดารา/นกั ร้อง/บคุ คลท่มี ีชือ่ เสียง 0.72 ทาเป็นอาชีพ/นกั กฬี าอาชพี 0.59 ได้พบปะพูดคยุ กบั สมาชิกที่มาออกกาลงั กาย 0.04 100.00 รวม ผลการสารวจความคิดเห็นของประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวม กทม.) ทไี่ มอ่ อกกาลงั กายหรือเล่นกีฬา เรื่องแรงจูงใจในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา พบว่า แรงจูงใจท่ีจะทาให้ ประชาชนหันมาออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 อันดับแรก คือ ความรู้ในการออกกาลังกาย ร้อยละ 20.28 การจดั กจิ กรรมที่น่าสนใจ 18.86 และทัศนคติในการออกกาลังกาย ร้อยละ 17.07 ตามลาดับ รายละเอียด ดงั ตารางที่ 18 ตารางท่ี 18 รอ้ ยละของประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปขี น้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) ท่ไี มอ่ อกกาลังกาย หรือเล่นกฬี า จาแนกตามแรงจูงใจในการออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬา แรงจงู ใจในการออกกาลังกายหรือเล่นกฬี า รอ้ ยละ ความรูใ้ นการออกกาลงั กาย 20.28 การจัดกจิ กรรมท่ีน่าสนใจ 18.86 ทัศนคตใิ นการออกกาลงั กาย 17.07 สนามกีฬาหรอื สถานทท่ี ่มี ีความสวยงามมมี าตรฐาน 15.91 ญาติพี่น้อง/เพ่อื น 12.59 อาสาสมัครทางการกีฬามาใหค้ วามรู้ 7.70 ผูน้ าการออกกาลงั กาย 5.48 ดารา/นกั ร้อง/บคุ คลทีม่ ชี ื่อเสยี ง 2.11 100.00 รวม รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 21
2. ข้อเสนอแนะหรือความตอ้ งการของประชาชนเพือ่ ส่งเสรมิ ให้ประชาชนออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา ผลการสารวจความคิดเห็นของประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีข้ึนไป (ไม่รวม กทม.) พบว่า ข้อเสนอแนะหรือความต้องการของประชาชนเพ่ือให้ภาครัฐส่งเสริมให้ประชาชนออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 ลาดับแรก คือ สนับสนุนอุปกรณ์กีฬา เคร่ืองออกกาลังกายกลางแจ้ง เคร่ืองออกกาลังกายในร่ม อุปกรณ์ เคร่ืองเล่นในยิม ฯลฯ ร้อยละ 34.81 รองลงมาคือ สร้างสวนสาธารณะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.36 และปรับปรุง ซ่อมแซมสวนสาธารณะที่มีอยู่เดิมให้มีสภาพท่ีดี มีความปลอดภัย และพร้อมใช้งาน เช่น มีไฟฟ้าส่องสว่าง มียามรกั ษาการณ์คอยสอดส่องดูแลความปลอดภยั ของผู้มาใช้บริการ ร้อยละ 14.73 รายละเอยี ดดังตารางที่ 19 ตารางท่ี 19 ร้อยละของประชาชนอายุตง้ั แต่ 15 ปีขน้ึ ไป (ไม่รวม กทม.) จาแนกตามข้อเสนอแนะ หรือความตอ้ งการเพ่ือสง่ เสริมใหป้ ระชาชนออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี า ข้อเสนอแนะหรือความต้องการของประชาชน ร้อยละ 34.81 สนับสนุนอปุ กรณ์กฬี า เคร่อื งออกกาลังกายกลางแจ้ง เคร่อื งออกกาลงั กาย 19.36 ในรม่ อปุ กรณเ์ ครือ่ งเลน่ ในยมิ ฯลฯ 14.73 สร้างสวนสาธารณะเพม่ิ ขึ้น 14.23 ปรับปรงุ ซอ่ มแซมสวนสาธารณะที่มอี ยู่เดมิ ใหม้ ีสภาพท่ดี ี มคี วามปลอดภยั และ 7.25 พรอ้ มใชง้ าน เช่น มไี ฟฟา้ สอ่ งสวา่ ง มยี ามรักษาการณ์คอยสอดส่องดูแล ความปลอดภัยของผู้มาใช้บรกิ าร 6.26 จัดกิจกรรมรณรงคช์ ักชวนใหป้ ระชาชนออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬา จัดใหม้ บี ุคลากรทางการกฬี ามาให้ความรูใ้ นการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬา 1.69 เช่น อาสาสมคั รทางการกฬี า เจา้ หนา้ ทพี่ ลศกึ ษา ผูฝ้ กึ สอนกฬี า เป็นตน้ 1.44 ส่งเสริมใหป้ ระชาชนออกกาลงั กายโดยสามารถนาผลของการออกกาลงั กายหรือ 0.23 เล่นกฬี ามาใชเ้ ปน็ ส่วนลดบริการของภาครัฐและภาคเอกชน เชน่ ส่วนลด 100.00 ค่าโดยสารการเดนิ ทางสาธารณะ สว่ นลดคา่ สาธารณูปโภค ลดหยอ่ นภาษี สว่ นลดสินค้าอปุ โภคบรโิ ภคตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ อปุ กรณ์กีฬาควรมีราคาถูกลง แหล่งรวบรวมขอ้ มลู ดา้ นการออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬาทสี่ ามารถสบื ค้น ผา่ นระบบออนไลนเ์ พ่อื ส่งเสริมให้ประชาชนออกกาลงั กายอย่างถูกวธิ ี ถูกตอ้ ง และปลอดภยั อ่ืน ๆ รวม รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเลน่ กฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 22
บทที่ 4 สรุป การสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 มีวัตถุประสงค์ เพื่อสารวจพฤติกรรมและแนวโน้มการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชนที่มีอายุต้ังแต่ 15 ปีขึ้นไป โดยประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) จานวน 49,459,844 คน มีการออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ จานวน 18,038,195 คน คิดเป็นร้อยละ 36.47 ในจานวนนี้มีประชาชน ที่ออกกาลังกายด้วยการเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอ จานวน 4,002,668 คน คิดเป็นร้อยละ 8.09 มีประชาชน ท่อี อกกาลังกายแต่ไม่สม่าเสมอ ร้อยละ 38.69 และประชาชนท่ีไม่ออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬา ร้อยละ 24.84 1. ผู้ชายมกี ารออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอมากกว่าผู้หญิง ผู้ท่ีอยู่ในเขตเทศบาล มีการออกกาลงั กายหรอื เลน่ กีฬาอยา่ งสม่าเสมอมากกวา่ ผ้ทู ี่อยนู่ อกเขตเทศบาล ภาคใต้ มีการออกกาลังกาย หรือเล่นกีฬาอย่างสม่าเสมอสูงกว่าภาคอื่น ๆ รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคกลาง (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) 2. ดชั นีมวลกายของประชาชนท่ีมอี ายตุ งั้ แต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) มีค่าเฉล่ีย เท่ากับ 23.32 อยู่ในภาวะน้าหนักเกิน เม่ือเทียบกับเกณฑ์ดัชนีมวลกายของคนเอเชีย โดยผู้ชายมีดัชนีมวลกาย เฉล่ียเท่ากับ 23.35 และผู้หญิงมีดัชนีมวลกายเฉล่ียเท่ากับ 23.30 ซึ่งอยู่ในภาวะน้าหนักเกินท้ังผู้ชายและ ผู้หญิง ส่วนประชาชนที่ออกกาลังกายด้วยการเล่นกีฬามีค่าดัชนีมวลกายเฉลี่ยเท่ากับ 22.56 อยู่ในภาวะ สมสว่ น (ขอ้ มลู นา้ หนกั และส่วนสูงมาจากการสมั ภาษณ์สมาชกิ ในครัวเรือน) 3. ประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) ท่ีออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา มีโรคประจาตัว ร้อยละ 22.28 น้อยกว่าประชาชนท่ีไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาซึ่งมีโรคประจาตัว ร้อยละ 29.14 โดยพบกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงเป็นอันดับหน่ึง รองลงมาคือกลุ่มโรคเบาหวานและ ความผิดปกตขิ องต่อมไรท้ ่อและเมตะบอลซิ ึม 4. ประเภทกิจกรรมในการออกกาลงั กาย 3 อันดับแรก คือ การเดิน การวิง่ และการป่นั จกั รยาน ประเภทกจิ กรรมในการเล่นกฬี า 3 อนั ดับแรก คือ ฟุตบอล ฟตุ ซอล และแบดมินตนั 5. สถานท่ีที่ใช้ในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 สถานที่แรก คือ บ้าน/บริเวณท่ีพักอาศัย ร้อยละ 39.90 ลานออกกาลังกาย/เล่นกีฬา ร้อยละ 12.49 และถนน/ทางสาธารณะ/ซอย ร้อยละ 11.68 เวลาในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 ลาดับแรก คือ เวลา 17.00 – 18.00 น. ร้อยละ 34.32 เวลา 16.00 – 17.00 น. รอ้ ยละ 14.71 และเวลา 06.00 – 07.00 น. รอ้ ยละ 13.16 6. เหตผุ ลในการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬา 3 เหตผุ ลแรก คือ ต้องการให้ร่างกายแข็งแรง ร้อยละ 81.67 ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ร้อยละ 27.53 และคลายเครียด/พักผ่อน ร้อยละ 19.86 เหตุผลท่ีไม่ออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 เหตุผลแรก คือ ไม่มีเวลา ร้อยละ 56.78 สถานการณ์โควิด-19 ร้อยละ 35.02 และปว่ ย ร้อยละ 10.23 7. แรงจูงใจในการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬา 3 อันดับแรก คือ ความรู้ในการออกกาลังกาย รอ้ ยละ 32.77 ทศั นคติในการออกกาลังกาย ร้อยละ 23.18 และญาติพนี่ อ้ ง/เพอ่ื น รอ้ ยละ 11.74 8. ข้อเสนอแนะหรือความต้องการของประชาชนเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐ 3 ประเด็นแรก คือ สนบั สนนุ อุปกรณ์กฬี า เครอื่ งออกกาลงั กายกลางแจง้ เครือ่ งออกกาลังกายในร่ม อุปกรณ์เครื่องเล่นในยิม ร้อยละ 34.81 สร้างสวนสาธารณะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.36 และปรับปรุงซ่อมแซมสวนสาธารณะที่มีอยู่เดิม ให้มีสภาพที่ดี มีความปลอดภยั และพร้อมใชง้ าน เชน่ มไี ฟฟ้าส่องสวา่ ง มยี ามรักษาการณ์คอยสอดส่องดูแล ความปลอดภัยของผูม้ าใช้บรกิ าร ร้อยละ 14.73 รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลังกายหรือเลน่ กฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 23
เอกสารอา้ งอิง กองโรคไมต่ ิดต่อ. (2565). รู้หรือไม่ ? วา่ คณุ มีคา่ ดชั นีมวลกาย (BMI) เทา่ ไหร่ และ มเี กณฑ์อยู่ในระดบั ไหน. กรมควบคุมโรค. สืบคน้ 20 เมษายน 2565, จาก: http://www.thaincd.com/2016/ media-detail.php?id=14230&tid=&gid=1-015-009 ถิรจิต บุญแสน. (2562). ดัชนมี วลกาย สาคญั อย่างไร. คณะแพทยศาสตรศ์ ิริราชพยาบาล. สืบค้น 22 มนี าคม 2565, จาก: https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/ article_files/1361_1.pdf อรรถเกยี รติ กาญจนพิบลู วงศ์, ภาณุวฒั น์ คาวังสงา่ และ สุธิดา แกว้ ทา. (2563). รายงานสถานการณ์ โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหิตสงู และปัจจยั เส่ียงที่เก่ียวขอ้ ง พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนดด์ ไี ซน์ รายงานผลการสารวจข้อมลู การออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 24
ภาคผนวก รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 25
แบบสารวจการออกกาลงั กาย เล่นกฬี า และ ประกอบกิจกรรมนนั ทนาการของประชาชน ประจาปี 2564 ลาดบั ทีห่ น่วยตัวอย่าง (PSU) _______________ คาชแ้ี จง แบบสารวจการออกกาลังกาย เล่นกีฬา และประกอบกิจกรรมนันทนาการของประชาชน ประจาปี 2564 จัดทาขึ้นโดยกรมพลศกึ ษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเก็บข้อมูลการออกกาลังกายและการประกอบ กิจกรรมนันทนาการของประชาชนประจาปี 2564 สาหรับนาไปปรับปรุงการดาเนินงาน ท้ังนี้กรมพลศึกษา จะนาข้อมูลที่ได้มาประมวลผล โดยทุกคาตอบของท่านจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ และจะไม่มี ผลกระทบใด ๆ ต่อตัวท่านเพราะข้อมูลถูกนามาใช้ในการวิเคราะห์เพ่ือนาไปเป็นข้อมูลในการส่งเสริมด้านการ ออกกาลังกาย เล่นกีฬา และการประกอบกิจกรรมนันทนาการของคนไทยในภาพรวมต่อไป โปรดทาเครือ่ งหมาย ลงในช่องทตี่ รงกับความเป็นจริงมากทีส่ ดุ กรุณาตอบให้ครบทกุ ขอ้ ตอนท่ี 1 : ขอ้ มูลครวั เรอื น บ้านเลขที่ หมบู่ ้าน ถนน ตรอก/ซอย รหสั ไปรษณยี ์ . 1. ในเขตเทศบาล 2. นอกเขตเทศบาล ตาบล/แขวง อาเภอ/เขต จงั หวดั (มี Code ในระบบ) ภาค (มี Code ในระบบ) ลาดบั EA (มี Code ในระบบ) ............................................ ลาดับทค่ี รวั เรอื น ........................................................................... ผลการแจงนับครวั เรือน 1. แจงนบั ครัวเรอื นได้ 2. แจงนบั ครัวเรอื นไมไ่ ด้ จานวนสมาชิกท่มี ีอายตุ งั้ แต่ 15 ปขี ึน้ ไปทัง้ สนิ้ ในครัวเรือน จานวน ..................... คน* (*จานวนสมาชกิ ในครวั เรือนอายุตง้ั แต่ 15 ปีขึน้ ไป ท่พี ักอาศัยอย่ใู นครวั เรอื นเปน็ ประจาต้งั แต่ 4 วนั ตอ่ สปั ดาห์ข้ึนไป) ชื่อพนักงานสัมภาษณ์ . เบอร์โทรศัพท์ ........................................................................................................................................... รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลงั กายหรือเล่นกฬี าของประชาชน ประจาปี 2564 /ตอนท่ี 2 ... หน้า 26
ตอนท่ี 2 ข้อมูลของสมาชิกในครวั เรือนทม่ี อี ายุตงั้ แต่ 15 ปขี ึน้ ไป (สัมภาษณ์ทกุ คน) ข้อ 1 - 12 โปรดระบุ ช่ือ - นามสกุล และข้อมูลส่วนตัว (ความเกี่ยวพันกับหัวหน้าครัวเรือน เพศ อายุ ศาสนา สญั ชาติ ระดับการศกึ ษา สถานภาพ การมีโรคประจาตัว อาชพี น้าหนกั ส่วนสูง) 1. ลาดบั ที่......... 2. ชือ่ -นามสกุล.................................................... เบอร์โทรศพั ท.์ ......................................... ผลการแจงนับสมาชิกรายบุคคล 1. แจงนับสมาชิกได้ 2. แจงนับสมาชิกไม่ได้ หมายเหตุ ลาดับที่ 1 ขอให้เปน็ หวั หน้าครัวเรือนเทา่ น้นั 3. 4. 5. 6. 7. ความเกี่ยวพนั กบั หวั หน้าครัวเรือน เพศ อายุ ศาสนา สัญชาติ ☐ 1.หัวหนา้ ครัวเรอื น ☐ 1. ชาย โปรดระบอุ ายุ ☐ 1.พุทธ ☐ 1.ไทย ☐ 2.ภรรยาหรือสามี ☐ 2. หญิง .......................ปี ☐ 2.อิสลาม ☐ 2.อื่น ๆ ระบุ ............. ☐ 3.บตุ รทยี่ ังไม่สมรส ☐ 3.คริสต์ ☐ 3.ไม่มสี ัญชาติ ☐ 4.บตุ รที่สมรสแลว้ ☐ 4.พราหมณ์ - ฮินดู ☐ 5.บุตรเขย บุตรสะใภ้ ☐ 5.ซกิ ข์ ☐ 6.บุตรของบุตร ☐ 6.ไม่นับถือ ศาสนาใด ☐ 7.พอ่ แม่/พ่อ แม่ของคู่สมรส ☐ 7.อ่นื ๆ ระบุ............ ☐ 8.ญาติอื่นๆ ☐ 9.ผูอ้ าศยั หรือคนรับใช้ 8. 9. 10. 11. 12. ระดับการศึกษา สถานภาพ การมโี รค อาชพี น้าหนัก/สว่ นสูง ประจาตวั ☐ 1.ไมเ่ คยเรยี น ☐ 1.โสด ☐ 1. ไมม่ ี ☐ 1.รับราชการ/ นา้ หนกั .................. กก. ☐ 2.กอ่ นประถมศกึ ษา ☐ 2.สมรส ☐ 2. มี ระบ.ุ ... เจ้าหน้าทีข่ องรฐั ☐ 3.ประถมศกึ ษา ☐ 3.หมา้ ย ........................... ☐ 2.เจ้าหนา้ ท่ีรฐั วิสาหกิจ ส่วนสงู .................. ซม. ☐ 3.พนักงานบริษทั / ☐ 4.มธั ยมศึกษาตอนต้น ☐ 4.หย่า .......................... หา้ งรา้ น ☐ 5.มธั ยมศึกษาตอนปลาย สายสามัญ ☐ 5.แยกกนั อยู่ ☐ 4.ประกอบธุรกจิ สว่ นตัว ☐ 6.มธั ยมศึกษาตอนปลาย สายอาชีพ ☐ 6.อืน่ ๆ ระบ.ุ ..... .......................... ☐ 5.รับจา้ งท่วั ไป ☐ 7.ปวส./ปวท./อนปุ ริญญา ................... ☐ 6.คา้ ขาย ☐ 8.ปรญิ ญาตรี ☐ 7.แม่บา้ น/พ่อบา้ น ☐ 9.สงู กวา่ ปริญญาตรี ☐ 8.ทาการเกษตร ☐ 10.อื่นๆ (ไดแ้ ก่ หลักสตู รระยะส้นั เช่น ☐ 9.นกั เรยี น/นักศกึ ษา ตัดผม ตดั เสื้อ ซอ่ มเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ เป็นต้น) ☐ 10.ขา้ ราชการบานาญ ระบ.ุ ........................... ☐ 11.จาไม่ได้/ไม่ทราบ ☐ 11.อืน่ ๆ ระบุ................................ ☐ 12.ชรา/ป่วย/พกิ าร จน ไม่สามารถทางานได้ ☐ 13.ไม่ทางาน/ว่างงาน /ตอนที่ 3 ... รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 27
ตอนที่ 3 ขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬา คาอธิบาย การออกกาลังกาย หมายถึง การกระทาใด ๆ ที่มีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อสุขภาพ เพ่ือความ สนกุ สนาน และเพอื่ สังคม รวมทั้งการออกกาลงั กายในการประกอบอาชีพ และการออกกาลงั กายในชวี ติ ประจาวัน การเล่นกีฬา หมายถึง การออกกาลังกายโดยใช้ทักษะกีฬาพ้ืนฐาน และมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ความสนกุ สนานเพ่ือสงั คม เพ่อื การแข่งขัน (การเล่นกีฬาเปน็ ส่วนหนึ่งของการออกกาลังกาย) 13. โดยส่วนมากในช่วง 1 สปั ดาห์ คุณออกกาลังกายหรือเล่นกีฬาหรือไม่ ก.ประเภทการออกกาลังกายหรือเลน่ กฬี า ข.ระดับของกจิ กรรม ค.จานวนวัน ง.เวลา (รปู แบบการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาที่ทาเปน็ เวลา (ความหนัก)** ทอี่ อกกาลงั กาย ทอ่ี อกกาลังกาย ติดตอ่ กนั อย่างน้อย 10 นาทตี อ่ ครัง้ ภายใน 1 สปั ดาห)์ ตอ่ วัน (นาท)ี ☐ 1. ระบุ... ☐ 1.ระดับปานกลาง ตอ่ สัปดาห์ ☐ 2. ระดบั หนัก ☐ 2. ระบุ... ☐ 1. ระดับปานกลาง ................. วัน ..................... นาที ☐ 2. ระดบั หนกั ☐ 3. ระบุ... ☐ 1. ระดบั ปานกลาง ................. วนั ..................... นาที ☐ 2. ระดับหนัก ☐ 4. ไมม่ กี ารออกกาลังกายหรือเล่นกฬี า ................. วนั ..................... นาที ขา้ มไปตอบข้อ 16 หมายเหตุ ** คาอธบิ ายระดับความหนักของกจิ กรรมทางกาย จาแนกเปน็ 2 ระดบั ประกอบดว้ ย 1. ความหนักของกิจกรรมระดับปานกลาง หมายถึง กิจกรรมที่ต้องเคล่ือนไหว ออกแรง และ ใช้พละกาลังของร่างกายในระดับปานกลาง ส่งผลให้การหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจเพ่ิมขึ้นจากปกติ เลก็ นอ้ ย ตดิ ต่อกันเปน็ ระยะเวลาอย่างน้อย 10 นาที เช่น การเดินเรว็ การปั่นจักรยาน วา่ ยน้า เป็นต้น 2. ความหนักของกิจกรรมระดับหนัก หมายถึง กิจกรรมท่ีมีการเคลื่อนไหว ออกแรง และใช้พละกาลัง ของร่างกายอยา่ งหนัก จนทาใหม้ ีการหายใจแรง อัตราการเต้นของหัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างมาก ติดต่อกันเป็นระยะเวลา อยา่ งนอ้ ย 10 นาที เช่น การกระโดดเชอื ก เล่นบาสเกตบอล หรือเล่นฟตุ บอล เป็นต้น 14. คุณมักออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาท่ีใด และช่วงเวลาใด 14.1 สถานทใี่ ดทีค่ ุณใช้ออกกาลงั กายหรอื เลน่ กฬี าเปน็ ประจา (ตอบได้มากกว่า 1 สถานที่) ☐ 1. บ้าน/บรเิ วณท่ีพักอาศยั ☐ 6. ฟิตเนสหรอื ยมิ ☐ 2. ท่ีทางาน ☐ 7. สวนสาธารณะ ☐ 3. โรงเรียน/สถานศึกษา ☐ 8. ถนน/ทางสาธารณะ/ซอย ☐ 4. สนามกฬี าประจาตาบล/อาเภอ/จงั หวัด ☐ 9. แปลงเกษตร เช่น สวน ไร่ นา แปลงผัก เปน็ ตน้ ☐ 5. ลานออกกาลังกาย/เล่นกฬี า ☐ 10. อื่นๆ ระบุ..................................................... 14.2 ชว่ งเวลาที่คุณออกกาลังกายหรอื เล่นกีฬาเป็นประจา (ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ) ☐ 00.00 – 01.00 น. ☐ 08.00 – 09.00 น. ☐ 16.00 – 17.00 น. ☐ 01.00 – 02.00 น. ☐ 09.00 – 10.00 น. ☐ 17.00 – 18.00 น. ☐ 02.00 – 03.00 น. ☐ 10.00 – 11.00 น. ☐ 18.00 – 19.00 น. ☐ 03.00 – 04.00 น. ☐ 11.00 – 12.00 น. ☐ 19.00 – 20.00 น. ☐ 04.00 – 05.00 น. ☐ 12.00 – 13.00 น. ☐ 20.00 – 21.00 น. ☐ 05.00 – 06.00 น. ☐ 13.00 – 14.00 น. ☐ 21.00 – 22.00 น. ☐ 06.00 – 07.00 น. ☐ 14.00 – 15.00 น. ☐ 22.00 – 23.00 น. ☐ 07.00 – 08.00 น. ☐ 15.00 – 16.00 น. ☐ 23.00 – 24.00 น. /15. เพราะเหตผุ ล... รายงานผลการสารวจข้อมูลการออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 28
15. เพราะเหตผุ ลใดคุณจึงออกกาลงั กายหรือเลน่ กีฬา (ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ข้อ) ☐ 1.ตอ้ งการให้รา่ งกาย ☐ 2.เปน็ งานตอ้ งทา/ ☐ 3. ทากจิ กรรม ☐ 4. รักษา/บรรเทา ☐ 5. ใชเ้ วลาว่างให้เป็น ประโยชน์ แขง็ แรง เปน็ อาชีพ รว่ มกับเพ่ือน/เพือ่ นชวน อาการเจบ็ ป่วย ☐ 10. ชอบในกฬี านั้นๆ ☐ 6.ต้องการรปู รา่ งที่ดี/ ☐ 7. กาลังเป็นทนี่ ยิ ม/ ☐ 8. ควบคุมน้าหนัก/ ☐ 9. คลายเครียด/ หุ่นดี ตามกระแสนยิ ม ลดน้าหนัก พักผ่อน ☐11.ชอบออกกาลงั กาย ☐ 12. อ่ืน ๆ ระบุ…...... (ขา้ มไปตอบข้อ 17) 16. เพราะเหตใุ ดคุณจงึ ไมอ่ อกกาลงั กายหรือเล่นกฬี า (ตอบได้มากกวา่ 1 ข้อ) (ถามเฉพาะผ้ทู ไ่ี ม่ออกกาลังกาย) ☐ 1. ขีเ้ กยี จ ☐ 2. ไมม่ ีเวลา ☐ 3. ป่วย ☐ 4. ไมช่ อบการออกกาลงั กาย ☐ 5. ไม่มีความรู้ ☐ 6. นา่ เบอ่ื หนา่ ย ☐ 7. พิการ ☐ 8. ไม่มสี ถานท่ี ☐ 9. ไม่จาเปน็ ต่อตนเอง ☐ 10. ขาดแรงจงู ใจ ☐ 11. สถานการณโ์ ควดิ -19 ☐ 12. อื่นๆ ระบ.ุ .. 17. คุณคดิ ว่าอะไรท่จี งู ใจใหค้ ุณ และครอบครัว หรอื คนรอบข้างคุณ มาออกกาลังกายหรือเล่นกฬี า (ตอบเพียงคาตอบเดียว) ☐ 1. ความรู้ในการออกกาลงั กาย ☐ 2. ทัศนคตใิ นการออกกาลงั กาย ☐ 3. สนามกฬี าหรือสถานที่ท่ีมีความสวยงาม มมี าตรฐาน ☐ 4. ผู้นาการออกกาลงั กาย ☐ 5. การจัดกจิ กรรมท่ีนา่ สนใจ ☐ 7. ญาตพิ ี่น้อง/เพือ่ น ☐ 6. ดารา/นักรอ้ ง/บคุ คลที่มชี อ่ื เสียง ☐ 8. อาสาสมัครทางการกฬี า มาให้ความรู้ ☐ 9. อ่ืน ๆ ระบุ ตอนท่ี 4 ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะ 18. คุณมีข้อเสนอแนะหรือความต้องการให้หน่วยงานภาครัฐ/เอกชน ส่งเสริมให้ประชาชนออกกาลังกาย หรอื เล่นกีฬาเพ่ิมข้นึ อย่างไร (ตอบเพียงคาตอบเดยี ว) ☐ 1. สร้างสวนสาธารณะเพิม่ ขึ้น ☐ 2. อุปกรณ์การกีฬาควรมรี าคาถูกลง ☐ 3. จัดกจิ กรรมรณรงค์ชกั ชวนให้ ☐ 4. สนบั สนนุ อุปกรณก์ ฬี า ☐ 5. ปรับปรงุ ซ่อมแซม สวนสาธารณะ ประชาชนออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬา เครื่องออกกาลังกายกลางแจ้ง ท่ีมีอย่เู ดิมให้มีสภาพทดี่ ี มคี วามปลอดภยั เคร่ืองออกกาลงั กายในรม่ และพรอ้ มใชง้ าน เช่น มีไฟฟ้าสอ่ งสว่าง ☐ 6. จัดให้มีบุคลากรทางการกฬี า อุปกรณ์เครือ่ งเล่นในยิม ฯลฯ มียามรกั ษาการณ์คอยสอดส่องดูแล ความปลอดภัยของผู้มาใชบ้ รกิ าร มาให้ความรู้ในการออกกาลังกายหรือ ☐ 7. แหล่งรวบรวมขอ้ มูล ☐ 8. ส่งเสริมให้ประชาชนออกกาลงั กาย ด้านการออกกาลงั กายหรอื โดยสามารถนาผลของการออกกาลงั กาย เล่นกีฬา เชน่ อาสาสมคั รทางการกีฬา เล่นกฬี าที่สามารถสบื คน้ หรือเล่นกีฬามาใช้เป็นสว่ นลดบรกิ ารของ ผา่ นระบบออนไลน์ เพ่ือสง่ เสริม ภาครัฐและภาคเอกชน เช่น สว่ นลดค่า เจ้าหนา้ ทพี่ ลศกึ ษา ผ้ฝู ึกสอนกีฬา ให้ประชาชนออกกาลังกาย โดยสารการเดนิ ทางสาธารณะ สว่ นลดคา่ อย่างถูกวธิ ี ถกู ต้อง และปลอดภัย สาธารณูปโภค ลดหยอ่ นภาษี สว่ นลด เป็นต้น สนิ ค้าอุปโภคบรโิ ภคต่างๆ เป็นต้น ☐ 9. อนื่ ๆ ระบุ . /ตอนที่ 5 ... รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 29
ตอนท่ี 5 การเข้าร่วมหรือประกอบกิจกรรมนันทนาการ คาอธิบาย นันทนาการ หมายถึง การใช้เวลาว่างจากภารกิจงานประจา ซ่ึงผู้เข้าร่วมกิจกรรมกระทาด้วย ความสมัครใจและมีความพึงพอใจ โดยกิจกรรมน้ันไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และ กฎหมายบ้านเมือง ทาให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน มีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี นันทนาการ จึงเปน็ สว่ นสาคญั ในวิถชี ีวิต 19. คุณเข้ารว่ มหรอื ประกอบกิจกรรมนันทนาการประเภทใดบ่อยทส่ี ดุ และบอ่ ยครัง้ เพยี งใด (ตอบเพียงคาตอบเดียว) ก.กจิ กรรมนันทนาการ ข.จานวนวันทีท่ ากิจกรรม ค.เวลาทที่ ากจิ กรรม นันทนาการต่อสัปดาห์ นันทนาการตอ่ วนั 1. เกม กฬี า และการละเลน่ 1 – 2 วนั /สปั ดาห์ นอ้ ยกวา่ 30 นาท/ี วนั 30 – 60 นาที/วนั เช่น กิจกรรมเกม การเล่นกีฬา การออกกาลังกาย 3 – 4 วัน/สปั ดาห์ 61 – 90 นาท/ี วัน 91 – 120 นาท/ี วนั ฯลฯ 5 – 6 วนั /สปั ดาห์ มากกว่า 120 นาที/วนั 2. การเตน้ รา ทกุ วัน เช่น การเตน้ ราพืน้ เมอื ง/ตามสมัยนยิ ม ลีลาศ ฯลฯ 3. ศลิ ปะและหัตถกรรม เชน่ งานฝีมอื งานจักสาน งานปัน้ วาดภาพ ฯลฯ 4. การร้องเพลงและดนตรี เช่น การร้องเพลง ฟังเพลง เลน่ ดนตรี ฯลฯ 5. ภาษาและวรรณกรรม เชน่ การอ่านหนังสอื เขยี นบทความ เล่านทิ าน ฯลฯ 6. การแสดงและการละคร เช่น การชม/แสดง ละคร ภาพยนตร์ ลิเก ฯลฯ 7. งานอดิเรก เช่น การสะสมแสตมป์ งานประดษิ ฐ์ ปลกู ต้นไม้ ฯลฯ 8. กจิ กรรมกลางแจง้ /นอกเมือง เช่น คา่ ยพักแรม การเดินป่า การทอ่ งเท่ียว ฯลฯ 9. กิจกรรมทางสังคม เชน่ งานของชมรม/สมาคม/หมบู่ า้ น งานบญุ ตา่ งๆ ฯลฯ 10. กิจกรรมพิเศษตามเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลวันข้นึ ปีใหม่ วันสงกรานต์ ฯลฯ 11. การบรกิ ารอาสาสมัคร เช่น กจิ กรรมจติ อาสา อาสาสมัครกฬี าและ ผ้นู าการออกกาลงั กาย ครอู าสา ทนายอาสา ฯลฯ ทากจิ กรรมนนั ทนาการนอกเหนือจาก 11 ประเภทขา้ งต้น (โปรดระบุ) ................................................................... /ตอนท่ี 6 ... รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 30
ตอนที่ 6 แบบประเมินดัชนคี วามสุขของประชาชนในการเข้ารว่ มหรือประกอบกิจกรรมนนั ทนาการ คาชี้แจง กรุณาทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งทีม่ ขี ้อความตรงกบั ตัวคุณมากทีส่ ุด และขอความร่วมมือตอบคาถามทกุ ขอ้ แบบประเมินนี้จะสอบถามความคิดเห็นและความรู้สึกของคุณหลังจากได้มีประสบการณ์ในการเข้าร่วมหรือ ประกอบกิจกรรมนันทนาการ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน คุณมีความคิดเห็นและมีความรู้สึกอยู่ในระดับใด ตามขอ้ คาถามในแบบประเมนิ โดยตอบลงในช่องคาตอบทต่ี รงกับตัวคณุ มากท่สี ุด โดยคาตอบจะมี 4 ตวั เลอื ก คือ ไมเ่ ลย หมายถงึ ไมเ่ คยมีเหตุการณ์ อาการ ความรู้สึก หรือไมเ่ ห็นด้วยกบั เรื่องน้ันๆ เลก็ น้อย หมายถงึ เคยมีเหตกุ ารณ์ อาการ ความรูส้ กึ ในเร่ืองนน้ั ๆ เพียงเลก็ น้อย หรือ เหน็ ด้วยกบั เรื่องนน้ั ๆ เพียงเลก็ นอ้ ย มาก หมายถึง เคยมีเหตุการณ์ อาการ ความรู้สึกในเรอื่ งนั้นๆ มาก หรอื เหน็ ด้วยกับเร่อื งนน้ั ๆ มาก มากทีส่ ดุ หมายถงึ เคยมเี หตุการณ์ อาการ ความร้สู ึกในเรือ่ งนั้นๆ มากทสี่ ดุ หรอื เห็นดว้ ยกับเรือ่ งนนั้ ๆ มากทส่ี ุด ข้อคาถาม ไม่เลย เล็กน้อย มาก มากท่ีสดุ 1. คณุ รูส้ ึกวา่ ชีวิตของคุณมีความสขุ 2. คุณรู้สึกภูมใิ จในตนเอง 3. คุณตอ้ งปรบั การรกั ษาพยาบาลเสมอๆ เพ่ือให้สามารถดาเนินชวี ิตและทางานได้ 4. คุณพึงพอใจในรูปร่างหนา้ ตาของคุณ 5. คุณมีสมั พนั ธภาพทดี่ ีกับเพือ่ นบา้ น 6. คุณรู้สึกประสบความสาเรจ็ และความก้าวหน้าในชวี ติ 7. คณุ มัน่ ใจท่จี ะเผชิญกับเหตกุ ารณร์ า้ ยแรงทีเ่ กดิ ข้ึนในชวี ติ 8. ถา้ สงิ่ ต่างๆ ไม่เปน็ ไปตามที่คาดหวัง คณุ จะรสู้ กึ หงดุ หงิด 9. คณุ สามารถปฏิบัติกจิ วัตรประจาวันต่างๆ ด้วยตวั คณุ เอง 10. คุณร้สู ึกเป็นสุขในการช่วยเหลอื ผู้อ่ืนท่ีมีปัญหา 11. คุณมคี วามสขุ กับการริเริม่ งานใหม่ๆ และมุ่งม่นั ทจี่ ะทาให้สาเร็จ 12. คุณรู้สึกวา่ ชีวิตของคณุ ไร้คา่ ไม่มีประโยชน์ 13. คณุ มเี พ่อื นหรอื ญาติพน่ี ้องคอยช่วยเหลือคณุ ในยามท่ีคณุ ตอ้ งการ 14. คณุ มั่นใจว่าชุมชนท่คี ุณอยอู่ าศัยมีความปลอดภยั ตอ่ คณุ 15. คุณมโี อกาสได้พกั ผ่อนคลายเครยี ด จบการสมั ภาษณ์/กล่าวขอบคณุ ทีต่ อบแบบสารวจ กรมพลศกึ ษา กระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกฬี า กรอกข้อมลู ลงระบบท่ี exercise.dpe.go.th รายงานผลการสารวจขอ้ มูลการออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 31
รายการตัวเลอื กข้อ 10 เรอื่ งการมีโรคประจาตัวในระบบ exercise.dpe.go.th ☐ มะเรง็ ตบั ☐ มะเรง็ ลาไสใ้ หญแ่ ละทวารหนัก ☐ มะเร็งปากมดลกู และมดลูก ☐ มะเรง็ หลอดลมและปอด ☐ มะเรง็ เต้านม ☐ มะเร็งอ่ืนๆ ☐ เบาหวาน ☐ ไทรอยด์/ คอพอก ☐ โรคพษิ สรุ าเร้อื รงั ☐ โรคซมึ เศร้า/ โรคจิตประเภท/ โรคจิตประสาทอ่นื ๆ ☐ สมองเส่ือม ☐ ลมชกั / ลมบ้าหมู ☐ ตอ้ กระจก/ ต้อหนิ ☐ ประสาทหูเสอื่ ม ☐ ความดนั โลหิตสงู ☐ โรคไขมันในเส้นเลือดสูง/ คอเลสเตอรอลสงู ☐ โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน ☐ โรคหวั ใจ (หัวใจโต/กลา้ มเน้อื หัวใจ/หวั ใจตีบ/ ☐ หอบหดื หัวใจรั่ว/หลอดเลือดหัวใจ) ☐ วัณโรค ☐ ถงุ ลมโป่งพอง/ ปอดอุดกน้ั เรือ้ รงั ☐ โรคกระเพาะ ☐ ภมู ิแพ้ ☐ ตบั แขง็ ☐ กรดไหลยอ้ น ☐ ไตวาย/ ไตพกิ าร ☐ นว่ิ ในไต/ นวิ่ ในกระเพาะปสั สาวะ ☐ เกา๊ ท์ ☐ ตอ่ มลูกหมากโต/ อกั เสบ ☐ โรคปวดเข่าเร้อื รัง/ ขอ้ เข่าเส่อื ม ☐ รูมาตอยด์/ ขอ้ อกั เสบรมู าตอยด์ ☐ โรคเอดส์ ☐ โรคปวดหลงั เร้อื รงั / ปวดคอเรื้อรัง ☐ โรคเรื้อน ☐ โรคโปลิโอ ☐ สติปญั ญาผดิ ปกติ (ดาวน์ซินโดรม) ☐ ธาลัสซีเมีย ☐ อัมพาต ☐ ปริทันต์อกั เสบ (เหงือกอักเสบ) ☐ โรคพารก์ นิ สนั ☐ อัมพฤกษ์ ☐ โรคอน่ื ๆ ระบ.ุ .. รายการตวั เลอื กข้อ 13 ก.ประเภทการออกกาลังกาย ในระบบ exercise.dpe.go.th ☐ เดิน ☐ วง่ิ ☐ โยคะ ☐ ฟุตซอล ☐ ปนั่ จักรยาน ☐ กระโดดเชอื ก ☐ ฟุตบอล ☐ แบดมินตัน ☐ เต้นแอโรบคิ ☐ บาสเกตบอล ☐ วอลเลยบ์ อล ☐ เพาะกายและ ฟติ เนส ☐ เซปกั ตะกร้อ ☐ เปตอง ☐ รามวยจนี ☐ ว่ายนา้ ☐ เต้นบาสโลบ ☐ มวยไทย ☐ เทนนสิ ☐ กอล์ฟ ☐ ลลี าศ ☐ วู้ดบอล ☐ ไทเกก๊ ☐ เทควันโด ☐ สนุกเกอร์ ☐ มวยสากล ☐ ปันจักสีลตั ☐ อน่ื ๆ ระบุ... หมายเหตุ ตัวเลือกในข้อ 13 ก. มาจากผลการสารวจในปี 2563 รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลังกายหรือเลน่ กีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 32
การจาแนกโรคประจาตัวของกลุ่มตวั อย่าง เน่ืองจากขนาดตัวอยา่ งมจี านวนไมม่ ากพอ จึงจาแนกกลมุ่ โรคเร้ือรังหรือโรคประจาตัวออกเป็น 14 กลุ่ม ดงั น้ี กลุ่ม 1 โรคมะเร็ง เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งระบบต่างๆ เช่น ระบบโลหิต ระบบต่อมน้าเหลือง ระบบทางเดนิ ปสั สาวะ ระบบกระดกู ระบบผวิ หนงั ระบบสืบพนั ธุ์ เปน็ ต้น มะเรง็ ตับ มะเรง็ ลาไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเรง็ ปากมดลูก และมดลูก มะเร็งหลอดลมและปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งอื่นๆ กลุ่ม 2 โรคเบาหวานและความผิดปกติของต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ หรือ คอพอก เป็นตน้ เบาหวาน ไทรอยด/์ คอพอก กลุม่ 3 ความผิดปกติทางจิต เช่น โรคพิษสุราเร้ือรงั โรคซมึ เศรา้ โรคจติ เภท โรคจติ ประสาทอื่นๆ เป็นตน้ โรคพษิ สุราเรื้อรัง โรคซึมเศรา้ / โรคจติ ประเภท/ โรคจิตประสาทอน่ื ๆ กลมุ่ 4 ความผิดปกตทิ างระบบประสาท เช่น สมองเสือ่ ม ลมชกั ลมบ้าหมู เปน็ ตน้ สมองเส่ือม ลมชกั / ลมบา้ หมู กลมุ่ 5 ความผดิ ปกตทิ างการรับรเู้ ชน่ ต้อกระจก ตอ้ หิน ตาบอด ประสาทหเู สือ่ ม เป็นต้น ตอ้ กระจก/ ต้อหนิ ประสาทหูเสอ่ื ม กลุ่ม 6 โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น ไขมันในเส้นเลือด หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมองอุดตัน ความดนั โลหติ สูง หวั ใจโต กลา้ มเนอ้ื หัวใจ หวั ใจตีบ หัวใจรั่ว เป็นต้น ความดันโลหิตสงู โรคไขมนั ในเสน้ เลือดสงู / คอเลสเตอรอลสงู โรคหลอดเลือดสมองอดุ ตัน โรคหัวใจ (หวั ใจโต/กล้ามเนือ้ หัวใจ/หวั ใจตบี /หวั ใจรัว่ / หลอดเลอื ดหวั ใจ) กลมุ่ 7 โรคเรือ้ รงั ของระบบหายใจ เชน่ หอบหืด ถุงลมโปง่ พอง วณั โรค ภมู แิ พ้ เป็นตน้ หอบหืด ถุงลมโป่งพอง/ ปอดอดุ ก้ันเรื้อรงั วณั โรค ภูมแิ พ้ กลุ่ม 8 ความผิดปกติทางระบบย่อยอาหาร เช่น โรคกระเพาะ กรดไหลย้อน ตับแข็ง ไขมันแทรกในตับ นิ่วในถุงนา้ ดี เปน็ ตน้ โรคกระเพาะ กรดไหลยอ้ น ตบั แขง็ รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หนา้ 33
กลุ่ม 9 โรคของระบบสืบพันธุ์และปัสสาวะ เช่น ไตวาย ไตพิการ ต่อมลูกหมากโต นิ่วในไต หรือ กระเพาะปสั สาวะ เป็นต้น ไตวาย/ ไตพิการ ต่อมลกู หมากโต/ อกั เสบ น่ิวในไต/ น่วิ ในกระเพาะปัสสาวะ กลุ่ม 10 ความผิดปกติทางกระดูกและกล้ามเน้ือ เช่น เก๊าท์ ปวดหลังเรื้อรัง ปวดเข่าเรื้อรัง ปวดคอเรื้อรัง รูมาตอยด์ เป็นต้น เก๊าท์ รูมาตอยด/์ ข้ออกั เสบรูมาตอยด์ โรคปวดเข่าเรื้อรงั / ข้อเข่าเส่ือม โรคปวดหลังเร้อื รงั / ปวดคอเรื้อรัง กลุม่ 11 โรคติดเชื้อที่ทาให้เกดิ การเจบ็ ป่วยหรอื พิการแบบเร้ือรงั เช่น เอดส์ โปลโิ อ เรือ้ น เป็นตน้ โรคเอดส์ โรคโปลิโอ โรคเรือ้ น กลมุ่ 12 ความผดิ ปกติแต่กาเนิด และโรคทางพนั ธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย สติปญั ญาผิดปกติ (ดาวนซ์ นิ โดรม) เปน็ ต้น ธาลัสซีเมีย สตปิ ญั ญาผิดปกติ (ดาวนซ์ ินโดรม) กลุ่ม 13 ความผิดปกติในช่องปาก เช่น ฟันผุ ปริทันต์อักเสบ (เหงือกอักเสบ) ฟันตกกระ รอยโรค ก่อนมะเร็งในช่องปาก ปริทันตอ์ ักเสบ (เหงอื กอักเสบ) กล่มุ 14 โรคเรอื้ รงั / โรคประจาตวั อน่ื ๆ เชน่ อมั พฤกษ์ อัมพาต พาร์กินสัน เป็นตน้ อัมพาต อัมพฤกษ์ โรคพาร์กนิ สนั รายงานผลการสารวจขอ้ มลู การออกกาลงั กายหรือเล่นกีฬาของประชาชน ประจาปี 2564 หน้า 34
fl1~\\lmllYH1Plf1~1 ~ ~f'l~~/\\vctbCi'. b~e)\\I bbl'i\\l~\\lflru~mJll f11Jrl1 nu f11J'th~ biJ'Ue..16'1 f11JUlju~ J1'1Jf11J'1J€J\\Im11vrn Pif)~1 UJ~\"i\\'1u.:iuuJ~mru vu•i. lvctticr (?lllJ~flrud'~ll'U~~Lvl~ll~b~fffo~ \\vo mf1!J1flll lvctbCi'. bi1'W'll€JU nu f1JBU bb6'1~ bb'UT\\111\\1 m JU J~ biJmh 'W J1'1l m J ~ 111111mn1 JU .Yuu 1.:iu J ~ ~'Vl5fl1'V'l1'Wm JU l]u~ J1'1l m J u J ~ \"il1u.:iu u J ~111 ru 'V'l .1\"1. ivcrticr 1~rn:W.:ibii''W1~m~'VlJ1\\I ~U'VlU1'VlVli;l'n1'WmJvhnJru1nT11f'U1?1~1~1'1?1bb6'i~n1nu ~l?lmllUJ~biJ'Ue..16'1 ' f11Jul]u~J1'1l B\\1~1'W J1'1Jf11J1 'W~\\lnl?lm~'VlJ1\\I \"lt.:itl'<i11Jru1'<il1nu J~ b~'W~1fl'lJ1'Wf11J\\jJru1 f11Jbb6'1 ~ f11J'1J o1Jrnfl~B'W~'Vlnl\"11G'l~~'ll1 ~ bbe.Jmb:Wu'Vlmv1~~'Vln1211G'l~~'ll1~ bbe.J'W mJulJiuuJ~ b'Vll\"l bb6'1~ bbe..im~l'i'u'll1~ ~'W 1 m n1V1'U1?1bU'U~1~1'\\?lJ~l'i'u m~'VlJ1\\I bb6'1~ ~1 tJ'VlB1?16'1\\1~~1'UJ1'1l f11JJ~l'i'u m11fl1tJ1'W m~'VlJ1\\I b~B-LJ'u bfl~ B'W fl 1 Jn '<ii bb6'1~b'Li1V1111v~1 f1ru'1l B.:i ~1'UJ1'11n1J~ 61 B\\?1 f\"l~B.:i nu v'Vl 0121161~~'ll1 ~ bb6'1 ~ bbe..i 'W J ~ l'i'u 'll 1~1~bn1?1e..i61 B~1\\lbU'UJU5JJll ,f'W v ' \" b~B1~mJYl'<i11Jru1n1Vl'U1?1~1~1'1?1 bb6'1 ~~ \\?1 ~111u J~ biJ'Ue..16'1 mJul]u~ J1'1lm J'1J B.:i m11'V'l6'1 Pin~1 1bU'U UB ~1\\l~UJ~~'Vlfim'V'l ml'i'm)1m'<il~111m1111'W bnlv bb~\\l'V'lJ~J1'1lU'lJtQ'~J~ biJ vuu~Vl1JJ1'1l f11Jbb~'W~'W 'V'l .121 . ivcrbnCi'. bb6'1~~ bbm'1J b~m~11 ~.:i~f11i.:i bbl'i.:i~.:iflru~mJ11mJn1 numJuJ~ biJ'Ue..16'1 mJul]u~ J1'1l n1J '1JB\\lmll'V'l6'1Pln~1 UJ~\"i\\'1u.:iuuJ~mru 'V'l.1\"1. ivcrticr bl?ltJ~B\\IAUJ~f1BUbb6'i~B1'W1'<ilVlU1~ 1'1.:i'if @. eNfii'th::m:iu UJ~51'WmJl!f11J J€l\\IUJ~51'UmJllf11J (9) . Bfiu~mll'V'l6'1Pln~1 Iv. J€l\\IB5u~mll'V'l6'1Plf1~1 (CCO m11'V'l6'1Pln~1) mJl!f11J bn. JB\\IB5u~mll'V'l6'1Pln~1 ~- ~el1'U1tJf11J~1ii'f1f11JnW1 f1JJ1Jf11J mJllf11J ~- ~\"b:Um'll1rubu'V'l1~vi'1'Wi'Vlml\"11G'l~{mJnv:11 \"v ®Ci'.. ~rl1mvmJnB.:imJl'i1.:iuJ~b'Vll\"1 mJllf11J mJl!f11J ®ct. ~\"rl1mvmJn~11mT'\\IG'IBumv1'W \"' mJllf11J mJl!f11J (9)~. ~bb'Vl'U~1i!nii''W'Vl'W1f11J \"!.I 0 Q...I .Q. ff d C9>~ . e.Jbb'Vl'UG'l1'Uf11'VltJ11\"11G'l~Jf11Jf1W1 \"
-~- \" fljjJ.Jfl1j fljjJ.Jfl1j fljjJ.Jfl1j ~m. ~bb'Vl'UmJ.:JtJ'Vllil\"11?tl'l1m1:m~.J'lN1'U fljjJ.Jfl1j fljjJ.Jfl1j 'IJ ' fljjJ.Jfl1jbb'1~bWtl1'Ufl1j ~Ci'.. ~bb'Vl'Unei.:imj~1.:itJj~b'Vll\"l 'IJ ' ~er. ~rl1mtJfl1jfl~JJ~~'U1j~'IJ'IJ'IJ~Vl1j fljjJ.Jfl1jbb'1~ ~b. 'IJ ' ~'U'Vlei.:ir\\'1 'U1.:i?111mmru ~'li1m'1'tl1'Ufl1j 'IJ ' fljjJ.Jfl1jbb'1~ ~'li1m'1'tl1'Ufl1j 'IJ ' fljjJ.Jfl1jbb'1~ ~'li1 tJ b'1'tl1'Ufl1j 'IJ ' o 11 d lrl. B1'U1~'WU1'VI (9). n1V1'U~w11~1~ tl1V1i!n l°l1bU1VlJJ1tJ l'Ufl1jtJj~~'Ue.J'1fl1jtJi)lliij1'llfl1j'tle:J.:JmJJYmPimn h ~~mJJ n1nu bb'1~1~mj?ti!u?t~'Ub~ei1~n1j~1 biJ'UmjtJj~biJ'Ue..1'1mjtJi)u~j1'lln1j 'tle:J.:JmJJ'VmPim~1bU'U1Ul'l1JJ'Vl~mnru'1bb'1~bbmV11.:i~~1i!n.:i1'U n.YL j. n1Vl'U~ m. bb~.:i~.:iflru~vi'1.:i1'U Vl~e:JJ.Je:J'\\JV!J..11tJ'\\Jflfl'1~'LI1~ ~1 btJ'U fl1jl'J1JJV1i!1~ bb'1 ~eJ1'UT'il~1~1'u' J.Je:J'\\J'VlJJ1tJ1'11JJ m1mi'1bU'U bb'1~ bVlm~?IJJ Ci'.. tJi)u'1i.:i1'U~'U 1 l'!1J.Jffi~1'uJ.JeiuV1mtJ ~.:id ~.:ibb~u~dblJ'U~'U1tJ \"il'Un11\"il~iir11i.:ibtJ~tJ'Ubbtl'1.:iblJ'Uei~1.:i~'U ~---~ ~(1.nuilit1u fSJ~,,.u'-ru~~) efiu~n-s11~ ~An~1
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: