ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอกุดชุม กะละมัง วธิ ีประหยดั เงินทนุ และพนื ้ ทใ่ี นการเลยี ้ งกบ จดั ทาโดย.... กศน.ตาบลคานา้ สร้าง อาเภอกุดชุม จงั หวัดยโสธร
การเลีย้ งกบ กบเป็นสตั ว์ทม่ี ีคณุ ประโยชน์ตอ่ มวลมนษุ ย์ มากมาย ทงั้ ทางตรงและทางอ้อม ใช้เป็นอาหารท่มี ี โปรตีนสงู ทงั้ ขณะเป็นลกู อ๊อด และตวั เตม็ วยั ประกอบ อาหารได้หลายอยา่ ง และกบยงั ชว่ ยกา้ จดั หนอนและ แมลงศตั รูพืชได้อกี ด้วย ปัจจบุ นั กบตามธรรมชาตลิ ด น้อยลงมาก หายาก จงึ มีการนา้ กบ มาเพาะเลยี ้ งเป็นอา ชพี หลกั และอาชพี เสริมเพื่อเป็นอาหารในครัวเรือนมาก ขนึ ้ เพาะเลยี ้ งง่าย โตเร็วเป็นกาไรใช้เวลาวา่ งให้เกิด ประโยชน์และความเพลดิ เพลนิ
พันธ์ุกบ กบท่ีพบในประเทศไทยนนั้ มีถงึ 34 ชนิด และในตา่ งประเทศอกี หลายชนิด ซง่ึ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 100 ชนิด กบบางชนิดมีขนาด ทใ่ี หญ่มาก บางชนิดมีขนาดปานกลาง และบางชนิดก็มีขนาด เลก็ แตกตา่ งกนั ไปตามสายพนั ธ์ุ สาหรับผ้ทู ส่ี นใจควรเสาะหา พนั ธ์เุ พี่อนามาเลีย้ งกนั หลาย ๆ ชนิด พนั ธ์กุ บทจี่ ะแน ะนาตอ่ ไปนี ้ สามารถเลีย้ งได้ในเมืองไทย ซง่ึ มีทงั้ กบพนั ธ์พุ ืน้ เมือง และกบ จากตา่ งประเทศทมี่ ีคณุ สมบตั เิ หมาะกบั สภาพภมู ิประเทศ ภมู ิอากาศในบ้านเรา ดงั ตอ่ ไปนี ้ 1 . กบนา ( Rana tigerina Daudin) เป็นกบขนาดกลางคอ่ นข้างใหญ่ ตวั ท่โี ตเตม็ ท่ียาวประมาณ 5 นิว้ ขนาด ประมาณ 4 ตวั ตอ่ กิโลกรัม ผิวมีสนี า้ ตาลปนเขียว อาจจะแตกตา่ งกนั บ้างตามแหลง่ ที่ อยอู่ าศยั ลกั ษณะโดยทว่ั ๆ ไปสงั เกตไุ ด้คือ ขาหน้าสนั้ อยรู่ ะหว่างไหลก่ บั ตา ป่มุ กระดกู เท้า ลา่ งไมแ่ หลมคม มีสีคลา้ และมีลายพาดสีจาง ๆ ตรงริมฝีปาก ใต้ คางอาจมีจดุ หรือลายริว้ ตรงคอหอย ด้านหลงั มีสเี ขียวอมนา้ ตาล มีจดุ สีดาเป็นจานวนมาก
2. กบภเู ขา หรือเขียดแลว (Rana bythii Boulenaer) เป็นกบั พืน้ เมืองทมี่ ีขนาดใหญ่ทีส่ ดุ ตวั ที่โตเตม็ ทีข่ นาด ประมาณ 3 กิโลกรัม ขนึ ้ ไป ชาวบ้านเรียกกนั อกี ชอ่ี หนง่ึ วา่ กบ คลอง ตามแหลง่ อาศยั ลกั ษณะโดยทวั่ ๆ ไป ท่ีสงั เกตได้คอื ปลายนิว้ โปง้ นิว้ ขาหน้าแยกออกจากกนั ผิวหนงั ด้านข้างไม่นนู โป่ง ไมม่ ีถงุ ลม ไมม่ ีแผน่ หนงั ทีน่ ิว้ ขาหน้าอนั แรก ซง่ึ ยาวกว่านิว้ อนั ทสี่ อง แก้วหหู า่ งจากตาเป็นระยะทาง มากกวา่ เส้นผ่าศนู ย์กลางของตา กบเพศผ้จู ะมีเขีย้ วออกจากขากรรไกร ลา่ งยืนยาว สว่ นเพศเมียจะสนั้ กวา่ มีตาโต ในบางท้องที่อาจมี เส้นพาดกลางหลงั จากริมฝีปากถงึ สว่ นก้น บางแหลง่ ไมม่ ี ท่ีขา มีลายพาดสีนา้ ตาลเข้มตลอด ลาตวั มีสนี า้ ตาลแดงหรือดา ใต้ คาง ใต้ท้องมีสีขาว-เหลือง ริมฝีปากบนและลา่ งมีจดุ สีดา พบ มากแถบภาคเหนือและภาคใต้
3. กบบลู ฟรอค (Rana catesbeiana show) เป็นกบทีม่ ีขนาดใหญ่ทส่ี ดุ เข้าใจวา่ ใหญ่ที่สดุ ในประเทศ สหรัฐอเมริกา โตเตม็ ที่มีนา้ หนกั มากกว่า 1 กิโลกรัมขนึ ้ ไป ตวั ท่โี ตมีความยาวถงึ 8 นิว้ ลาตวั กว้าง สว่ นหวั สเี ขียว สว่ น หลงั มีสีนา้ ตาลเขียว สว่ นท้องมีสีขาวเหลือง ผิวหนงั ขรุขระมี ป่มุ ขนาดเลก็ ๆ อยทู่ ส่ี ว่ นหลงั ไม่มีสนั ข้างตวั แตจ่ ะมีสนั ตรง ด้านหลงั ของแก้วหู ทขี่ ามีจดุ สีนา้ ตาลประปราย บางท้องที่ อาจมีสคี ลา้ หรือดา
การดลู ักษณะเพศของกบ สามารถสังเกตได้จากลกั ษณะ ภายนอก ดงั นี้ - กบเพศผู้ จะพบกลอ่ งเสยี งอยใู่ ต้คางทงั้ สองข้าง สงั เกต ภายนอกใต้คางจะเหน็ เป็นจดุ ดา้ ๆโดยรอบ - กบเพศเมีย จะไมม่ ีกลอ่ งเสียงอยใู่ ต้คาง ตามปกตแิ ล้วกบ เพศเมียจะโตกวา่ กบเพศผู้ และมีความกว้างของลา้ ตวั มากกว่ากบเพศผู้ ใต้คางจะขาวไม่มีจดุ ดา้ กบเมื่อโตเตม็ วยั หรือโตเตม็ ท่ี จะเริ่มผสมพนั ธ์กุ นั ได้ อายตุ งั้ แต่ 6 เดือนขนึ ้ ไป จะสงั เกตเหน็ รอยยน่ ของกลอ่ งเสยี งเป็นสีเทาดา คล่า ใต้คางทงั้ สอบข้างของกบเพศผู้ เพ่ือใช้ในการขยายเสียง ร้องเรียกกบเพศเมีย นอกจากนนั้ ฤดผู สมพนั ธ์จุ ะพบแถบป่มุ สี นา้ ตาลทางด้านในของผิวหวั แมม่ ือของกบเพศผ้ทู งั้ สองข้าง เพ่ือยดึ เกาะตวั เมียในเวลาผสมพนั ธ์ุ - กบเพศเมีย เมื่อพร้อมทีจ่ ะผสมพนั ธ์ุ ใต้ท้องของกบเพศเมีย จะมองเหน็ เม็ดดา้ ๆ เป็นสาย และข้างลา้ ตวั จะมีลกั ษณะสาก มือคล้ายเอามือจบั กระดาษทราย - กบเพศผู้ ให้อานิว้ มือของเราสองนิว้ แหยเ่ ข้าตรงกลางสอง ข้างหน้า ถา้ กบมนั กอดมือเราได้ แสดงว่ากบเพศผ้พู ร้อมท่ีจะ ผสมพนั ธ์ุ
วธิ ีการเลยี้ งกบในกะละมัง การเลอื กพืน้ ท่เี ลยี้ งกบ ควรเลอื กทาบอ่ อยใู่ กล้บ้านพกั อาศยั เพื่อสะดวกตอ่ การดแู ล ใกล้ชดิ กบจะเช่อื ง กินอาหารดีและโตเร็ว และดแู ลศตั รูกบ พวกงู หนู แมว และขโมยได้ คอกกบควรอยทู่ ี่ดอนนา้ ทว่ มไมถ่ งึ เพ่ือไมใ่ ห้ กบหลบหนี ไม่ควรอยใู่ กล้ถนนท่มี ีรถวิ่งประจากบจะต่ืนตกใจ ไม่ กินอาหาร การป้องกันโรค การเลีย้ งกบท่ีจะลดอตั ราการแพร่ของเชอื ้ โรคนนั้ ความสาคญั อยู่ ทล่ี กั ษณะของบอ่ เลีย้ งท่ีจะต้องสะอาด มีแสงแดดสอ่ งลงถงึ พืน้ ได้ ถงึ แม้จะมีการพรางแสงไว้มมุ ใดมมุ หนงึ่ ก็ตาม นา้ ในบอ่ เลีย้ งต้อง สามารถถ่ายเทได้ ดงั นนั้ ในการเลีย้ งกบบางแหง่ จงึ ทาทอ่ นา้้ ที่ รักษาระดบั นา้ ไว้ได้ โดยปลอ่ ยนา้ เข้าทางหนงึ่ และนา้ ล้นออกอีก ทางหนงึ่ ทาให้นา้ ในบอ่ สะอาดอยเู่ สมอ หรือบอ่ ปนู ซีเมนต์ท่ีมีนา้ สงู เพียง 1 ฟตุ ภายใต้นา้้ เลีย้ งปลาดกุ ในอตั ราสว่ นกบั ปลา 100 : 20 หรือกบ 1,000 ตวั ปลอ่ ย
ลกั ษณะบอ่ ดินเพื่อใช้เลีย้ งกบในกะละมงั 1.โดยจะขดุ บอ่ ดินขาดประมาณกะละมงั ท่เี ตรียมไว้ 2.นากะละมงั เลยี ้ งกบซงึ่ จะใสก่ บได้ประมาณ 200 – 800 ตวั / กะละมงั โดยมกั จะใสจ่ นเตม็ พอดี 3. ใสน่ า้ ในกะละมงั ทาพืน้ ที่แฉะสาหรับกบอาศยั อยู่ 4.ด้านบนปิดด้วยตาข่าย กนั ศตั รูกบมากิน และมีสแลนพรางแสงและ กนั ฝน กนั กบตกใจ 5.ปกติถ้านา้ ดๆี จะถ่ายนา้ ทกุ ๆ 7 วนั ก็ได้ โดยสงั เกตจากกล่ินของนา้ เป็นสาคญั จะต้องไมเ่ หม็นมากนกั มีทางเดินตรงกลางเพ่ือสะดวกตอ่ การ ให้อาหารและจบั กบทยอยขายได้ นา้ สาหรับใช้เลีย้ งกบกะละมงั • หากนา้ ทใ่ี ช้เป็นกรด จะต้องใสป่ นู ขาวเพ่ือปรับสภาพนา้ และตรวจวดั ความเป็นกรดดา่ งของนา้ อีกครัง้ หนงึ่ และมีการพกั นา้ ดงั กลา่ วไว้ก่อน นามาเลยี ้ งกบ • นา้ จากแหลง่ นา้ สาธารณะซง่ึ คณุ ภาพของนา้ มกั จะไมส่ ม่าเสมอหรือ ปนเปือ้ นสารเคมีทใ่ี ช้ในการเกษตร ดงั นนั้ ควรพิจารณาในการนามาใช้ ถ้าจะนามาใช้ควรมีบอ่ พกั เก็บกกั นา้ ไว้กอ่ น • หากนา้ ที่ใช้เป็นนา้ บาดาลควรผ่านการกรองและพกั นา้ ไว้ก่อน นามาใช้ แตบ่ างท่ีมีคณุ ภาพดีก็นามาใช้เลยี ้ งกบรุ่นๆได้เลยเชน่ กนั
ปริมาณการแลกอาหารเปล่ยี นเป็ นเนือ้ กบ 3 : 4 : 1 สาหรับลกู กบทจี่ บั ตามธรรมชาติแล้วนา้ มาเลีย้ งในบอ่ เป็นเวลา 1 - 2 วนั จงึ เร่ิมให้อาหารลกู กบเหลา่ นีเ้คยกินอาหารตาม ธรรมชาตแิ ล้ว และเม่ือปลอ่ ยเลีย้ งใหม่ ๆ ยงั เหน่ือยและตน่ื กบั สภาพแวดล้อมใหม่ จงึ ไมส่ นใจกบั การกินอาหารและถ้าผ้เู ลีย้ ง จะไมฝ่ ึกให้กินหนอนร่วมกบั ปลาบด โดยให้ปลาบดหรือปลาสบั แตอ่ ยา่ งเดยี วโดยให้กินพอแตน่ ้อย ๆ ก่อน ซงึ่ กบจะกินเพราะ ความหิว ให้อาหารวนั ละ 2 ครัง้ คอื ตอนเช้า 07.00 น. และตอน เยน็ 17.00 น. ปริมาณให้อาหารในอตั รา 10% ของนา้ หนกั ตวั
การจับกบจาหน่าย การเลยี ้ งกบควรคานงึ ถงึ ระยะเวลาเลยี ้ งควบคไู่ ปกบั ระยะเวลา ทจ่ี ะจบั กบจาหน่าย เนื่องจากในฤดฝู นกบจะมีราคาถกู ถ้าผ้เู ลยี ้ ง จะต้องจบั กบจาหน่ายในชว่ งนี ้กจ็ ะได้ผลตอบแทนน้อยแต่ถา้ กะเวลาเลีย้ งและเวลาจบั จาหนา่ ยให้ถกู ต้อง คอื เมื่อรู้วา่ จะต้องใช้ เวลาเลยี ้ งกบนาน 4 เดือน จงึ ต้องกะระยะเวลาเดือนที่ 4 ให้ตรงกบั อยใู่ นชว่ งฤดหู นาวหรือฤดรู ้อน เพราะในชว่ งนีก้ บราคาแพง ผ้เู ลยี ้ ง สามารถขายได้ในราคาทดี่ ีค้มุ กบั การลงทนุ อกี ทงั้ ผ้ทู ี่ต้องการ จาหน่ายปลีก ควรจะตดิ ตอ่ ตกลงราคาและจานวนกบั ผ้ซู อื ้ ไมว่ ่าจะ เป็นตลาดสดหรือร้านอาหารให้เป็นที่แนน่ อนกอ่ นจงึ จะจบั กบไป สง่ จาหน่ายได้ตอ่ ไป ในการลาเลียงกบไม่ว่าจะเป็นกบเลก็ กบใหญ่ ในภาชนะลา้ เลยี ง กบควรมีนา้ เพียง เลก็ น้อย และจะต้องมีวสั ดุ เชน่ หญ้า ฟาง ผกั บ้งุ ผกั ตบชวา เพื่อให้กบเข้าไปซกุ อาศยั อยู่ มิฉะนนั้ ในระหว่าง เดินทาง กบจะกระโดดเต้นไปมาเกิดอาการจกุ เสียดแนน่ และเป็น แผล
การดแู ลรักษา นอกจากจะเอาใจใสใ่ นเร่ืองการให้อาหาร การ รักษาความสะอาดภาชนะ ทใี่ ห้อาหารดงั กลา่ วแล้ว ในการเลีย้ ง กบจะต้องคานงึ ถงึ ความสะอาด โดยเฉพาะในแอง่ นา้ หรือการ เลีย้ งกบในบอ่ ปนู ซีเมนต์ ต้องมีการขดั ล้างถา่ ยเทนา้้ ในบางครัง้ ทงั้ นีถ้ ้าท่ีอยอู่ าศยั ของกบสะอาดและมีสขุ ลกั ษณะท่ดี ี ความ เป็นอยแู่ ละการเจริญเตบิ โตของกบก็ดี ลดอตั ราการเป็นโรค พยาธิเบยี ดเบยี น แตก่ บเป็นสตั ว์ทต่ี น่ื และตกใจงา่ ย ซง่ึ เมื่อเกิด การตกใจดงั กลา่ วกบจะเกิดอาการชกั เป็นตะคริวและถงึ กบั ชอ็ ก ตายได้ หรือเมื่อเกิดตกใจกจ็ ะกระโดดเต้นไปมาในบอ่ และจะเกิด อาการกระทบกระแทก เป็นแผลฟกชา้ จกุ แนน่ จกุ เสยี ด เมื่อเป็น มาก ๆ ก็มีโอกาสถงึ ตายได้เชน่ กนั ดงั นนั้ การทาความสะอาด ภายในบอ่ เลยี ้ งกบ จงึ ต้องระมดั ระวงั ในเร่ืองนี ้ 1. งดให้อาหารกบ เพราะถ้ากบกินอาหารแล้วต้องกระโดดเต้นไป มาเพราะตกใจเน่ืองจากคนลงไปรบกวนทอ่ี ยอู่ าศยั โอกาสจกุ เสียดแน่นถงึ ตายมีมาก 2. ควรหาวสั ดทุ โี่ ปร่งเป็นโพรง เชน่ ทางมะพร้าวสมุ ทมุ เพ่ือให้กบ เข้าไปหลบซอ่ นตวั เม่ือเข้าไปทาความสะอาด โดยเฉพาะในบอ่ ซีเมนต์เม่ือปลอ่ ยนา้ เกา่ ทิง้ จนแห้ง กบจะเข้าไปหลบตวั ในสมุ ทมุ นนั้ จะไมอ่ อกมากระโดดเต้นจนเป็นเหตใุ ห้เจบ็ ป่วย
3. หลงั จากทาความสะอาดแล้ว อาหารมือ้ ตอ่ ไปควรผสมลาลงไป ด้วยทกุ ครัง้ เพื่อบรรเทาการอกั เสบลงได้ อนงึ่ ลกั ษณะการงดให้ อาหารเชน่ นีจ้ ะต้องกระทาทกุ ครัง้ ทีม่ ีการลพเลยี งเคลอ่ื นย้ายกบ ไมว่ ่าจะเป็นพอ่ พนั ธ์แุ ม่พนั ธ์หุ รือลกู กบก็ตาม ลาที่ผสมในอาหาร ให้กบกินนนั้ ถา้ มีอาการไมร่ ุนแรงนกั ก็ใช้ออกซีเตตราชยั คลนิ 1 ช้อนแกง ผสมลงในอาหาร 3 กิโลกรัม เชน่ กนั ทงั้ นีเ้พราะตวั ยา แรงผิดกนั และให้กบกินมือ้ เดยี วแล้วหยดุ ไปประมาณ 5 - 6 วนั (เฉพาะอาหารทผี่ สมลา) เพ่ือสงั เกตดอู าการของกบวา่ ทเุ ลาลง แล้วหรือไม่ ถ้ายงั ไมม่ ีอาการดีขนึ ้ กใ็ ห้อาหารผสมยาชนิดดงั กลา่ ว เพ่ิมขนึ ้ อีก 1 มือ้
ภาพการเลยี้ งกบในกะละมงั ของ กศน.ตาบลคานา้ สร้าง อาเภอกุดชุม
คณะผู้จดั ทา ทีป่ รึกษา นางนาถหทยั สงิ หเลิศ ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอกดุ ชมุ ผ้ใู ห้ข้อมลู ครูกศน.ตาบล ครูกศน.ตาบล นายนรินทร์ มลุ ะสีวะ ครูกศน.ตาบล นางสาวบษุ บา กองศรีมา นายเมทนี ผลจนั ทร์ ผ้จู ดั ทา นางสาวนฐั นาฏ เบญมาตย์ บรรณารักษ์ปฏิบตั ิการ ผ้พู ิมพ์/จดั ทารูปเลม่ นางสาวนฐั นาฏ เบญมาตย์ บรรณารักษ์ปฏิบตั ิการ ผ้อู อกแบบปก นางสาวนฐั นาฏ เบญมาตย์ บรรณารักษ์ปฏิบตั กิ าร
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: