วารสาร วทิ ยาศาสตรร์ ูปแบบใหม่ โลกวิทยาศาสตร.์ .. มหัศจรรย์ธรรมชาติ เม่อื ความงามของโลกถูกเปิดเผย วทิ ยาศาสตร์ช่วยคณุ ได้ ไปเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ดว้ ยกนั แลว้ คณุ จะพบความงามทน่ี า่ ท่งึ มหศั จรรยธ์ รรมชาติ ภูเขาไฟ ลาวาทมี่ ชี วี ิต พนั ธุ์ไมห้ ายาก ผีเสอื้ รงั สรรค์ น�้ำ เพอื่ ชีวิต ยุคมืดในอดีต
ยอ้ นเวลาหาอดีต นบั ตัง้ แต่อดตี ถึงปจั จุบันไดม้ ีการนำ�เรื่องน้ีไปเปดิ ประเด็นถกเถยี งกนั อยู่ตลอดเวลา ตลอดจนมีนิยาย หนังสอื รวมไปถึงภาพยนตร์ทม่ี ไี ทม์ แมชชนี เข้าไปเกี่ยวข้องอยูม่ ากมายเลยครับมันเป็นความฝันสำ�หรับนักวทิ ยา ศาตรแ์ ละความอยากรูอ้ ยากเห็นของบรรดาผอู้ ยากท่ีจะร้อู ดตี ท�ำ นายอนาคต เปน็ เรอื่ งทางวิทยาศาสตร์ทีย่ งั คอ รอการพิสจู น์และท�ำ ใหม้ ันเปน็ จรงิ ขน้ึ มานับแตอ่ ดีตจนถึงปัจจบุ ัน……กับเคร่อื งจกั รพิศวง ไทม์ แมชชีน “บางทอี าจจะดูเหมอื นเปน็ การ ฝนื กฎของธรรมชาตนิ ะครบั ท่ี บัญญัตเิ อาไว้ว่าส่งิ มีชวี ติ ทกุ ชนิดตอ้ ง ดำ�เนนิ ครรลองไปขา้ งหนา้ เทา่ น้ัน ไม่มสี ทิ ธทิ์ ี่จะกระทำ�ตวั เหนือธรรมชาติ อย่างน้ี” แน่นอนว่าธรรมชาตนิ ้ันมีสทิ ธข์ิ าดในการ ดแู ลจดั สรรปันส่วนทกุ อย่างบนโลกน้ี ไดอ้ ย่าง ลงตวั และถูกต้องมากทสี่ ดุ แลว้ กระนน้ั มนษุ ย์เราก็ ยงั อาจหาญทจี่ ะฝืนธรรมชาติ ในกฎเกณฑ์หลายๆ อยา่ ง เชน่ การตดั ต่อพนั ธกุ รรมซง่ึ กระท�ำ ตน ประดุจเปน็ พระเจา้ เร่มิ ทีจ่ ะสร้างเครอื่ งข้ามเวลา และการคิดคน้ ยาอายวุ ัฒนะ ซงึ่ เปน็ กฎเหลก็ ของ ธรรมชาติทีม่ นุษย์เราไมค่ วรฝ่าฝืน
หากนกั วทิื ยาศาสตร์ สรา้ งไทม์แมชชีนได้ จะเกิดอะไรขึ้น ? เมอ่ื เรามไี ทมแ์ มชชนี ซ่ึงสามารถ ยอ้ นชว่ งเวลาได้ กค็ งมีเร่อื งวุ่นวายแน่ เพราะใครๆ กอ็ ยากทจ่ี ะย้อนเวลากลับ ไปแก้ไขเรือ่ งราวในอดตี หรอื เขา้ ไป ในอนาคต ถา้ เรามเี จ้าเครอื่ งย้อนเวลาหรอื ไป ส่อู นาคต มนษุ ยจ์ ะไมเ่ กรงกลวั ความผิด พลาด จะทำ�ผดิ พลาดในเรอื่ งตา่ งๆกัน บ่อยจนชนิ แล้วค่อยย้อนกลบั ไปแกไ้ ขเอา ผลคอื มนุษยจ์ ะดอ้ ยพัฒนาลง และ การฟ้ืนกฎธรรมชาตินเ้ี อง จะทำ�ใหเ้ กดิ ความวนุ่ วายได้ ไทม์แมชชีนมโี อกาสเป็นจริงแคไ่ หน ? บรรดานักวจิ ยั จากแคลิฟอร์เนยี และกรงุ มอสโควเค้าประกาศออกมาแลว้ วา่ การทอ่ งเวลา(Time Trave นั้น มคี วามเปน็ ไปได้อยูท่ ีเดยี ว ! ซ่ึงพวกเคา้ ไดส้ รา้ งห้องแล็ปที่เรยี กว่า TARDIS ข้นึ มา และเริ่มทดลองโดยน พ้ืนฐานมาจากสมการของนักฟิสิกส์เอกของโลก อัลเบริ ์ท ไอนสไตน์ (Albert Einstein) นักวทิ ยาศาสต กลมุ่ นก้ี ลา่ ววา่ มันอาจยากมากในการวิจัยและทดลองให้มันเป็นจริงหรือใกลค้ วามจรงิ แต่กม็ ีความเปน็ ไปไดม้ าก เดียว “แมเ้ ราจะไมร่ ู้ว่า ไทมแ์ มชชีนจะมจี รงิ ไหม แต่เรากร็ ู้ว่านกั วิทยาศาสตร์ ให้ความสนใจเกยี่ วกับเรือ่ งนี้มาก ผมบอกไดเ้ พยี งอยา่ งเดียว ว่าชีวติ จริง เราไมม่ ีไทมแ์ มชชีน ยอ้ นเวลา ฉะนน้ั ทำ�สิ่งใดคิดกอ่ นท�ำ นะครบั เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแกไ้ ขมนั ได้”
มหศั จรรย.์ ..ธรรมชาติ “ความงามดัง่ สรวงสวรรค์ บนโลกมนษุ ย”์
ปะการงั ...รงั สรรค์ใต้น้�ำ “ปะการังเปน็ สัตวท์ ะเลที่ไม่มีกระดูก สันหลัง พวกเดียวกับดอกไม้ทะเล มีรูปร่าง เปน็ ทรงกระบอก ขนาดตัง้ แต่ 1 มิลลิเมตร ถงึ 1 เซนตเิ มตร มักอยู่รวมกันเปน็ กระจกุ หรอื เป็นกลุ่ม ที่เรียกว่า โคโลนี ซึ่งบางกลุ่มอาจจะ มีขนาดของโคโลนีถงึ 3 เมตร แต่มีปะการัง บางชนิดที่อาศัยอยู่แบบเดี่ยวและมีขนาดถึง 30 เซนติเมตร ชีวิตเลก็ ๆของปะการังซ่ึงมีอายุ เพียง 2 สัปดาห์ “ ปะการังจะสร้างหินปูนออกมาพอทับถมกันเป็น การเดินทางผจญภัยในห้วงทะเลกว้างของลูก โครงร่างห่อหุ้มตัวอันอ่อนนุ่มของปะการังไว้ชั้นหนึ่ง จาก ปะการังเตม็ ไปด้วยเร่ืองราวที่น่าตื่นเต้นระทึกใจ นอกจาก นั้นจึงจะค่อยๆ แผ่ขยายออกไปเป็นก่ิงก้านสาขารูปร่าง จะต้องผจญภัยกับกระแสคลื่นที่ซัดไปมาแล้ว ลูกปะการัง แตกต่างกันในปะการังแต่ละชนิด ปรากฏให้เหน็ เปน็ แนว เล็กๆ ผู้น่าสงสารอาจตกเป็นเหย่ืออันโอชะของสัตวท์ ะเล ปะการังประดจุ ดังผนื ปา่ แห่งท้องทะเล บางครั้งอาจพบแนว ชนิดอื่นๆ ได้โดยง่าย ไม่มีใครจะสามารถกำ�หนดชะตา ปะการังก่อตัวขน้ึ เป็นเกาะปะการังกม็ ี และนั่นกค็ ือ ซาก กรรมของการเดินทางรอนแรมอยู่ท่ามกลางทะเลกว้าง ชีวิตเลก็ ๆ ของปะการังที่ตายทับถมพอกพูนตามธรรมชาติ ได้ บางครั้งลูกปะการังเหล่านีต้ ้องล่องลอยไปอย่างไร้จุด มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน หมายเป็นระยะทางไกลนับพันๆ กโิ ลเมตร เพื่อหาที่พักพิง ลูกปะการังที่เหลือรอดชีวิตจะช่วยกันก่อร่างสร้างบ้านหลัง ลักษณะพิเศษที่น่าสนใจของปะการัง ใหม่ จนในที่สุดเกิดเป็นแนวปะการังขนึ้ มา และนั้นคอื จุด การอยู่ร่วมกันระหว่างพืชกับสัตว์ในตัวปะการัง เร่ิมต้นของชมุ ชนชีวติ ใหม่ใต้ทะเล หลังจากนั้นปะการังก็จะ สืบพันธุ์ต่อโดยวธิ ีไม่อาศัยเพศ โดยการแตกหน่อออกไป นั่นคือ ภายในผนังเนื้อเย่ือชัน้ ในของปะการังเปน็ ที่อยู่ของ เร่ือยๆ ตามแต่ลักษณะรูปร่างของปะการังแต่ละชนดิ และ สาหร่ายเซลลเ์ ดียวที่เรียกว่า”ซูซานเทลลี่” (Zooxan- มีอัตราการเติบโตช้าเร็วต่างกัน เช่น ปะการังเขากวางบาง thallae) สาหร่ายหรอื พืชชนดิ นี้จะพบได้ในปะการังแทบ ชนดิ เตบิ โตได้เฉลี่ยกว่า 10 เซนติเมตร ต่อปีเท่านั้น ทุกชนิด และยังพบในเน้อื เย่ือของสัตว์ทะเลอื่นๆ ที่มีสีสัน ร่างกายของปะการังแยกได้เป็น 2 ส่วน ส่วน สวยงาม ซ่ึงอาศัยอยู่ตามแนวปะการังด้วย เช่น เพรียงหัว แรกเป็นเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่มเรียกว่า “โพลิบ (Polyp)” รูป หอม หอยมอื เสอื โดยสาหร่ายเซลลเ์ ดียวซูซานเทลลี่จะมี ร่างเป็นทรงกระบอกปลายตัน มีปากอยู่ตรงกลางของ การสังเคราะหแ์ สง ทำ�หน้าที่เปน็ ผู้ผลิตอาหารและพลังงาน ปลายท่อด้านบน และมีหนวดอยู่รอบๆ เป็นจำ�นวน 6 หรือ ให้แก่ปะการัง เพื่อนำ�ไปใช้ในการเจรญิ เตบิ โตต่อไปและยัง จำ�นวนเท่าของหก ส่วนที่สองเปน็ โครงสร้างหนิ ปูนที่แข็ง มีส่วนช่วยให้ปะการังสามารถสร้างหนิ ปูนได้เรว็ ข้นึ โดยสร้างขน้ึ มาห่อหุ้มตัวเรียกว่า “คอรอลไลต์ (Coral- lite)” ซึ่งเปรียบเสมอื นแบบพิมพ์ที่จะคงสภาพอยู่ภายหลัง ชีววิทยาของปะการัง จากที่เนอ้ื เยื่อเน่าเปื่อยหลดุ ไป การกินอาหารของปะการัง ทำ�โดยอาศัยหนวดที่มีอยู่มากมายคอยดักจับสัตว์ตัวเล็กๆ ปะการังที่เจริญเติบโตเต็มที่จะให้กำ�เนิดลูกปะ เช่น แพลงคต์ อน จุลินทรียต์ ่างๆ โปรโตซัว ตลอดจนอิน การังเลก็ ๆ มากมาย โดยวธิ ีการสบื พันธแุ์ บบอาศัยเพศ ทรียสารที่ล่องลอยอยู่ในนำ้ �เป็นอาหาร จากการปฎิสนธิระหว่างไข่และสเปิร์มที่ถูกปล่อยออกจาก ปะการังตัวเต็มวัย ซ่ึงส่วนใหญ่จะอยู่ร่วมกันเปน็ กลุ่มหรอื เป็นโคโลนี เมื่อไข่ที่ได้รับการผสมพันธุ์ โลกวทิ ยาศาสตร์ หนา้ ๒
โครงสร้างหินปูนที่หอ่ หุ้มตัวปะการังไว้ จะถูก แต่ถ้าหากแสงแดดส่องถึงมากเกินไปปะการัง กัดกร่อนด้วย กระแสคลืน่ และถูกแทะเล็มจากสัตว์น้ำ� ก็ไมอ่ าจเจรญิ เตบิ โตได้ดี ในเรื่องของระดับความเคม็ บางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลานกแกว้ ทีม่ ีขากรรไกร ของนำ้ �ทะเลทีเ่ หมาะสมมีค่าประมาณ 30 - 36 สว่ น แขง็ เปน็ พเิ ศษ ชอบกัดกนิ ปะการังและยอ่ ยสลาย ต่อพันสว่ น ปะการังไม่อาจเจรญิ เติบโตไดด้ ีในบริเวณ ปะการังซ่ึงมีโครงสร้างเปน็ หนิ ปูน แล้วขับถ่ายออกมา ที่มีตะกอนขุน่ ข้น และมีฝนตกระยะยาว ดว้ ยเหตุนี้จงึ เป็นเมด็ ทรายทีข่ าวละเอียด ถูกคลืน่ ซัดสาดข้นึ ไปบน พบเห็นแหล่งปะการังเฉพาะในน่านน้ำ�เขตร้อนและ ชายฝั่งกลายเปน็ ชายหาดที่แสนสวยในเวลาต่อมา อบอุ่นเทา่ นัน้ แหล่งแพรก่ ระจายของแนวปะการัง ถูกจำ�กัด ด้วยอุณหภูมขิ องน้ำ�ทะเลและแสงอาทติ ย์ โดยอุณหภูมิ ที่เหมาะสมสำ�หรับการเจริญเติบโตของปะการังจะอยู่ ระหวา่ ง 23-25 องศาเซลเซียส สูงสุดไม่เกนิ 33 องศา เซลเซียส และต่ำ�สุดไม่เกนิ 18 องศาเซลเซียส บรเิ วณดัง กลา่ วต้องเปน็ ที่ทีม่ ีแสงสว่างส่องลงไปถงึ เพือ่ สาหร่ายซู ซานเทลลี่ที่อาศัยอยูร่ ่วมกับปะการัง สามารถนำ�ไปใช้ในขบวนการสังเคราะห์แสง สรา้ งอาหาร และผลติ ก๊าซออกซิเจนใหแ้ กป่ ะการังด้วย ระดับความลกึ ทีพ่ บปะการังจงึ มักไมเ่ กนิ ระดับ 50 เมตร โลกวทิ ยาศาสตร์ หน้า๓
จากรูปร่างภายนอกของปะการังที่มีลักษณะ แนวปะการังที่ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเล เด่นแตกต่างกันทำ�ให้สามารถแบ่งกลุ่มของปะการังได้ ทัว่ ไปนั้น หากจะพิจารณารูปแบบโครงสรา้ งการกอ่ เปน็ 7 กลุ่ม คือ ตัวแล้ว สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 3 ชนิด โดยแนวปะการัง 1) ปะการังก้อน เปน็ ก้อนตันคลา้ ยกอ้ นหนิ ไมม่ ีก่ิงยื่น เล็กๆ ที่ก่อตัวและแพรก่ ระจายตามบรเิ วณชายฝัง่ เรียก ออกมา เชน่ ปะการังสมอง วา่ “แนวปะการังชายฝัง่ ” หา่ งจากฝัง่ ออกไปเป็นแนว 2) ปะการังก่งิ กา้ น บางทีเรียกว่า ปะการังเขากวาง มี ปะการังทีม่ ีโครงสรา้ งแบง่ ได้เป็นเขตนำ้ �ตา่ งๆ ในช่วง ลักษณะเป็นแท่งรวมกันเปน็ กระจุก โดยไม่ติดตอ่ กัน นำ้ �ลง อีกทัง้ ถูกแบง่ กั้นจากชายฝัง่ โดยทะเลสาบนำ้ � เปน็ เนือ้ เดียวกันตลอดทัง้ กอ้ น มักพบในบรเิ วณที่นำ้ �น่ิง เค็ม (Lagoon) เรียกวา่ “แนวปะการังแบบกำ�แพง” เนื่องจากไมส่ ามารถทนทานต่อคลื่นลมทีร่ ุนแรงได้ ส่วนแนวปะการังที่ก่อตัวในน่านน้ำ�ทะเลลึกมีลักษณะ 3) ปะการังหุม้ หอ่ หรือปะการังเคลือบ มีลักษณะแผ่ เป็นวงแหวนหรือเกือกม้า ซึ่งอาจเกดิ จากภูเขาไฟยุบตัว ขยายคลุมไปตามลักษณะของพื้นผวิ ทีห่ อ่ หุม้ อยู่ เรียกวา่ “แนวปะการังแบบเกาะ” 4) ปะการังแผน่ มีลักษณะแบบขยายออกไปตามแนว แนวปะการังที่พบตามชายฝั่งทะเลไทย ราบคล้ายโต๊ะ อาจซ้อนกันเป็นชัน้ ๆ บางครั้งเรียกวา่ จากลักษณะภูมิประเทศของชายฝั่งทะเลด้าน ปะการังโต๊ะ อ่าวไทยที่มีลักษณะเป็นชายฝัง่ ทะเลนำ้ �ตื้น มีแมน่ ำ้ � 5) ปะการังผักกาด หรือปะการังกลีบซ้อน หรือปะการัง ใหญ่ๆ หลายสายไหลลงสู่อา่ วไทย เชน่ แม่น้ำ�เจา้ พระยา แผ่นตั้ง มีลักษณะเปน็ แผ่นแบนติดกันหรือรวมกันเป็นก แม่นำ้ �แม่กลอง แมน่ ำ้ �บางปะกง และอืน่ ๆ นำ้ �ทะเลจึงขุน่ ระจุกแบบใบไม้หรือผัก จะพบอยูใ่ นแหลง่ นำ้ �ทีต่ ื้นหรือ มากกว่านำ้ �ทะเลด้านชายฝั่งทะเลอันดามันที่มีลักษณะ นำ้ �ทีใ่ ส ภูมิประเทศคอ่ นขา้ งเปน็ หน้าผาชัน การกอ่ ตัวของแนว 6) ปะการังพุ่ม มีลักษณะเปน็ พุ่มกลม มีกิ่งก้านสัน้ เปน็ ปะการังของฝั่งทะเลอันดามันจึงเป็นไปได้ดีกว่าทางฝั่ง แทง่ รวมกันเปน็ กระจุก เป็นดง หรืออาจพบอยูต่ ามด้าน อ่าวไทย ทัง้ นีเ้ พราะมีสภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติที่ บนของกอ้ นปะการังขนาดใหญ่ เหมาะสมกวา่ โดยเฉพาะความโปร่งใสของทะเล 7) ปะการังเห็ด มีลักษณะเปน็ ปะการังก้อนเดีย่ วที่ แนวปะการังที่แผ่ขยายอาณาจักรครอบคลุม ปะการังอยู่ตัวเดียว มีปากอยู่ตรงกลางเคลื่อนทีไ่ ปได้ น่านนำ้ �ชายฝัง่ ทะเลไทย มีพื้นที่รวมประมาณ 12,000 ชา้ ๆ มักพบตามพื้นทรายระหวา่ งแนวปะการัง ตารางกิโลเมตร และมีปะการังมากกว่า 300 ชนิด โลกวิทยาศาสตร์ หนา้ ๓
หากจะเปรียบเทียบในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้แล้ว พน้ื ที่แนวปะการังของไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากประเทศฟิลิปปนิ ส์และอินโดนีเซีย แต่ในเร่ือง ความงดงามและความหลากหลายนั้น แนวปะการังของ ไทยขน้ึ ช่ือลอื นามติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ซึ่งแนว ปะการังที่งดงามนี้ คือ แนวปะการังของหมู่เกาะสมิ ิลัน และหมู่เกาะสรุ ินทร์ แหล่งปะการังที่สำ�คัญบริเวณอ่าวไทยตอนบน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวัดตรัง อุทยานแห่ง ฝัง่ ตะวันออก ได้แก่ หมู่เกาะสีชัง (เกาะคา้ งคาว) หมู่ ชาตหิ มูเ่ กาะเภตรา จังหวัดตรัง- สตูล และอุทยานแหง่ เกาะไผ่ (เกาะมารวิชัย) หมู่เกาะล้าน ในจังหวัดชลบุรี ชาตติ ะรุเตา จังหวัดสตูล ทั้งนี้ บรเิ วณที่ปะการังเจริญ อุทยานแหง่ ชาตเิ ขาแหลมหญา้ หมูเ่ กาะเสมด็ ในจังหวัด เตบิ โตไดด้ ีในทะเลอันดามันมักจะเปน็ บริเวณทีม่ ีกำ�บัง ระยอง อุทยานแห่งชาติหมูเ่ กาะชา้ ง หมูเ่ กาะหมาก ความส�ำ คญั ของปะการงั หมูเ่ กาะกูด ในจังหวัดตราด บรเิ วณอ่าวไทยฝั่งตะวัน ธรรมชาติได้เสกสร้างแนวปะการังไว้อย่างน่า ตก ได้แก่ หมูเ่ กาะหัวหนิ หมู่เกาะประจวบ หมูเ่ กาะ อัศจรรย์ ความลึกลับซับซอ้ นของซอกหลีบโพรงผาหิน บางสะพาน (เกาะทะลุ) ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หมู่ ในห้วงทะเล ที่นี่สังคมชีวติ ดำ�เนนิ ไปตามวิถีธรรมชาติ เกาะทุง่ วัวแลน่ (เกาะไข่ เกาะงา่ ม) หมู่เกาะทา่ ตะเภา อย่างแทจ้ ริง มีสายใยชีวติ ผูกพันกันอยา่ งลึกซ้งึ จนไม่ หมูเ่ กาะสวี ในจังหวัดชุมพร หมูเ่ กาะเต่า อุทยานแห่ง อาจแยกจากกันได้ การหมุนเวียนถ่ายทอดพลังงาน ชาตหิ มูเ่ กาะอ่างทอง หมูเ่ กาะแตน หมูเ่ กาะสมุย หมู่ หรือห่วงโซ่อาหารในแนวปะการัง คือ ปัจจัยหลักที่ เกาะพงัน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กำ�เนดิ ความอุดมสมบูรณใ์ ห้กับท้องทะเล ความสำ�คัญ แหล่งปะการังในบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ของแนวปะการังยังมีอีกมากมายหลายประการ เชน่ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง-พังงา ทำ�หนา้ ที่เป็นกำ�แพงธรรมชาติ ลดความรุนแรงของการ อุทยานแห่งชาตหิ มูเ่ กาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาตหิ มู่ กัดเซาะชายฝัง่ จากคลืน่ ลมและกระแสน้ำ� เปน็ แหลง่ เกาะสมิ ิลัน ในจังหวัดพังงา อุทยานแหง่ ชาติสิรินาถ ผลิตอาหารทีส่ ำ�คัญใหม้ วลมนุษย์ เปน็ แหลง่ ทีอ่ ยู่อาศัย เกาะเฮ เกาะราชา ในจังหวัดภูเกต็ อุทยานแห่งชาติ หากนิ และแพร่กระจายพันธุข์ องสัตวท์ ะเล เปน็ แหลง่ หาดนพรัตนธ์ ารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานแห่งชาติหมู่ ทอ่ งเที่ยวทางทะเลทีส่ ำ�คัญ ช่วยให้เกดิ การกระจายราย เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ได้ไปสู่ท้องถ่ิน โลกวทิ ยาศาสตร์ หน้า๕
การอนุรักษ์แนวปะการงั การขยายความ เจริญอยา่ งรวดเร็วของบา้ นเมอื ง ตามกระแสโลกา ภิวัตน์ ได้ส่งผลใหม้ ีการน�ำ เอาทรัพยากรชายฝงั่ มาใช้ ประโยชนอ์ ยา่ งมากมายมหาศาล รวมท้ังการพฒั นา ท่ีมีผลกระทบท้ังทางตรงและทางอ้อมต่อทรัพยากร ชายฝง่ั จนทำ�ใหส้ ถานภาพของแหลง่ ทรัพยากรชายฝงั่ ตกอยู่ในสภาพเส่อื มโทรมอยา่ งน่าเปน็ หว่ ง แนวปะการัง เป็นทรพั ยากรท่มี ีความเปราะ บางอย่างยิ่งและต้องใช้เวลานานมากกว่าท่ีจะฟ้ืนคืน สภาพ การป้องกันความเสยี หายและรู้จกั ประโยชน์ อยา่ งชาญฉลาด จงึ เปน็ หนทางทจี่ ะอนุรกั ษ์ แนวปะการังให้คงอยู่คู่กับชายฝ่ังทะเลไทยได้ อย่างยง่ั ยนื ซง่ึ มวี ิธีการดังน้ี 1) ไม่เกบ็ หรือซ้อื ปะการัง 2) ระมดั ระวังในการท่องเท่ียวชมปะการงั ไมเ่ หยียบยำ�่ ลงบนแนวปะการัง 3) ไมท่ ง้ิ ขยะลงชายหาดและในทะเล 4) งดเวน้ การทง้ิ สมอเรือลงในแนวปะการงั โดยใช้วธิ ี ผกู ทุ่นแทน
ปะการงั ...ฟอกขาว “ปะการังฟอกขาว ระบาดน่านนำ้�ไทย” จากกรณีที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ หากปะการังอยู่ในสภาพท่ีอุณหภูมิสูง ส่งิ แวดล้อม โดยกรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั กว่า 30.1 องศาเซลเซยี สเปน็ เวลานานต่อเนอ่ื งเกิน เผยผลสารวจสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ระบุขอ้ มลู 3 สปั ดาห์ จะทาให้ปะการงั เกิดการฟอกขาวข้นึ ) ซึ่ง ทนี่ า่ ตกใจว่า งานวจิ ัยเก่ียวกับปะการงั ฟอกขาวท่ที า เรม่ิ เกิดในชว่ งสัปดาหท์ ่ี 3 ของเดือนเมษายน นอกจาก กันมาอยา่ งตอ่ เนื่องต้งั แต่ปี พ.ศ. 2534 พบว่าสภาวะ ในประเทศไทยแล้ว ยงั มกี ารฟอกขาวของปะการงั ของปะการังฟอกขาวในปี 2553 น้ี เป็นการฟอกขาว ทัว่ ภมู ิภาคมหาสมุทรอนิ เดยี ไดแ้ ก่ แถบตอนใตข้ อง ทร่ี ุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซ่ึงเปน็ เรื่องทนี่ า่ วิตก อนิ เดีย ศรลี งั กา มลั ดีฟ ซีเชลส์ พมา่ มาเลเซีย และ อยา่ งย่งิ สาหรับท้องทะเลไทย อนิ โดนเี ซยี ด้วย ในปี 2553 น้ี กรมทรพั ยากรทางทะเลและ จากการสารวจข้อมูลในประเทศไทย พบวา่ ชายฝ่ัง(ทช.)ได้สารวจสภาวะการฟอกขาวของปะการัง แนวปะการังทกุ จังหวดั ทางฝง่ั อันดามัน เกดิ การฟอก ในนา่ นน้าไทย ผลปรากฏว่า พบปะการังฟอกขาวที่เกดิ ขาวมากกว่า 70 % ของปะการังมีชวี ติ ทมี่ อี ยู่ และ จากอุณหภูมนิ า้ ทะเลสงู ผิดปกติ (อุณภมู ปิ กติประมาณ หลังจาก 1 เดือน ปะการังที่ฟอกขาวเร่มิ ตาย 5 – 40 28-29 องศาเซลเซยี ส) พบวา่ อุณหภูมนิ า้ ทะเลสงู กว่า เปอร์เซน็ ต์ ขึ้นกบั สถานท่ี สาหรบั ฝ่ังอ่าวไทย พบการ 30 องศาเซลเซียส ต้ังแตว่ ันที่ 20 มนี าคม 2553 เปน็ ต้น ฟอกขาวรนุ แรงเช่นเดยี วกบั ฝ่ังอันดามัน โดยบรเิ วณ มา และอุณหภมู ิเร่มิ สงู ขนึ้ ถงึ 31 องศา เมื่อตน้ เดือน กลุ่มเกาะตอนบนของจงั หวดั ชลบรุ ี (เกาะสีชงั เกาะนก เมษายน (อุณหภูมทิ อ่ี าจถอื ว่าเปน็ จุดกระตุ้นใหเ้ กิด เกาะสาก เกาะครก เกาะจนุ่ ) พบการฟอกขาวชา้ กว่า การฟอกขาวคอื ที่ 30.1 องศาเซลเซยี ส จุดอืน่ ๆ
สาหรับในพนื้ ท่อี นื่ อาทิ อทุ ยานแห่งชาติหมู่ เอลนโี ญ ตัวตน้ เหตุ เกาะสมิ ลิ นั สารวจ 8 สถานี พบมีการฟอกขาวบรเิ วณ ผศ.ดร.ธรณ์ ธ้ารงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดคี ณะ อา่ วนาชัย ประมาณ 25 เปอร์เซน็ ต์ อุทยานแห่งชาติ ประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และทีป่ รกึ ษาฝา่ ย หมู่เกาะสรุ นิ ทร์ สารวจ 10 สถานี พบฟอกขาวทง้ั เกาะ วชิ าการศูนย์สอื่ สารวทิ ยาศาสตร์ไทย สวทช. กล่าว สรุ ินทร์เหนอื และใต้ 30 - 50 เปอร์เซน็ ต์ ขณะที่นอก ว่า กรณีปะการงั ฟอกขาวทเ่ี กดิ ขน้ึ ในทะเลอา่ วไทย เขตอุทยานแห่งชาติ พบการฟอกขาว บรเิ วณแหลง่ ดา และอันดามนั ขณะนี้ เกิดจากปรากฏการณ์เอลนโี ญ น้า จ.พังงาและภเู ก็ต ประมาณ 70 เปอร์เซน็ ต์ ส่วน ซ่ึงนกั วิทยาศาสตร์สว่ นใหญต่ ่างรู้ว่าดวี ่า การเกิด ทะเลอ่าวไทย สารวจทเ่ี กาะชา้ ง จ.ตราด เกาะเสมด็ ปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงหลังมาน้ีมีความสัมพันธ์ จ.ระยอง ทะเลขนอม จ.นครศรธี รรมชาติ พบการฟอก กบั ภาวะโลกรอ้ นอย่างชัดเจน อกี ทั้งยงั มีความถ่แี ละ ขาว ไม่รนุ แรง แตอ่ ุทยานแห่งชาติทางทะเล จ.ชมุ พร ความรุนแรงมากข้ึน โดยที่ผ่านมาในประเทศไทย พบว่ามีการฟอกขาวประมาณ 70 - 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ได้มกี ารศึกษาปะการังมากวา่ 60-70 ปีแล้ว พบ สาหรับอุทยานแห่งชาติในฝั่งอันดามันมีการ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวท่ีรุนแรงเกิดข้ึนเพียง ปิดฤดูกาลท่องเที่ยวไปแลว้ แตใ่ นฝงั่ อ่าวไทย โดย 2 ครงั้ คอื ปี พ.ศ. 2541 และปีนี้ พ.ศ. 2553 จะเหน็ ได้ เฉพาะทอี่ ทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะเสม็ด เขาแหลมหญา้ วา่ เม่อื 30-40 ปีกอ่ นอาจจะมีปะการงั ฟอกขาวเกิดขน้ึ จ.ระยอง และหมเู่ กาะชา้ ง จ.ตราด ที่ยงั คงมีการท่อง บา้ ง แต่ไม่รนุ แรง ทว่าขณะน้ีปรากฏการณท์ ี่รุนแรงเกิด เท่ียวทางทะเล ซึง่ การท่องเทย่ี วจะเปน็ ตัวกระตุ้นให้ ถมี่ ากขนึ้ เกิดปัญหาปะการงั ฟอกขาวได้ ...............................................................................
“ครงั้ นี้เป็นครง้ั ทโี่ ดนในพนื้ ที่กวา้ งท่สี ุด ความ สตั ว์นา้ ตัวใหญ่อยา่ ง ปลาเก๋า กงุ้ มังกร อาจ รนุ แรงก็ไม่เท่ากนั แล้วแต่พ้ืนท่ี ถา้ ยอ้ นอดตี ทัง้ หมด จะสูญหายไปจากหลายพื้นที่ ต้งั แต่เราเรมิ่ ทางานด้านปะการังมาจนถึงตอนนี้ กอ่ น “การทอ่ งเทย่ี วกระทบแนน่ อน ไม่มปี ะการงั หนา้ ปี 2535 เราแทบไมเ่ จอปะการังฟอกขาวเลยเจอก็ แล้วจะไปดาน้าดอู ะไร ปะการังฟอกขาวใช่ว่าจะไม่ตาย น้อยมาก แต่พอหลงั ปี 2535 เราเร่มิ เจอปะการงั ฟอก พอมันขาวหมดแล้วประมาณสกั 3-6 เดือน ปะการังที่ ขาวรนุ แรงขนึ้ และกถ็ ่ขี ้นึ ซงึ่ ภาวะนมี้ ันเกย่ี วข้องโดน เห็นเปน็ โครงขาวๆกจ็ ะป่นพินาศหายไปหมด เสร็จแลว้ ตรงกับเอลนโี ญ”ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวถงึ ปรากฏการณท์ ่ี จะมีสาหรา่ ยมาข้ึนแทน ก็กลายเปน็ แนวหินโสโครก ซ่งึ เกดิ ขนึ้ ทงั้ ยงั กล่าวต่ออกี วา่ การเกิดปะการังฟอกขาว ไมม่ ใี ครดาน้าดแู นวหินโสโครก ตอนแรกทน่ี ักท่องเทย่ี ว เป็นเคร่ืองบ่งบอกว่าภาวะโลกร้อนเร่ิมมีผลรุนแรงต่อ เห็นปะการังฟอกขาวกจ็ ะต่นื เต้น โอว...ปะการังสีเขยี ว ธรรมชาติ ผลกระทบที่เกดิ ขึ้นมนั รนุ แรงมาก ในกรณี สที องเรืองแสง แต่ 3 เดือนจากนโี้ ครงปะการงั จะหัก ของปะการังฟอกขาว ผลท่เี กดิ ขึ้นคอื ปะการังตาย หมด แลว้ สาหร่ายจะข้ึนคลุม อาจจะเปน็ อกี 10 ปแี นว ผลกระทบกจ็ ะตอ่ เนื่องไปถงึ จานวนปลา เร่อื งของการ ปะการังแถบนนั้ จะไมก่ ลับมาเลย สิ้นสภาพเป็นแหล่ง ประมง เร่ืองของการทอ่ งเท่ยี ว หรือเร่ืองของการกัด ทอ่ งเที่ยวไปเลย 10-20 ป”ี ผศ.ดร.ธรณ์ แสดงความ เซาะชายฝ่ังดว้ ย วิตกตอ่ ปญั หานี้ เน่ืองจากแนวปะการังเป็นแหล่งท่ีมีความ หลากหลายท่สี ดุ ในทะเล พอแนวปะการงั สญู เสยี ไป ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ิตกล็ ดลง เรอื่ งของแหล่ง ท่อี ยอู่ าศัยของสัตว์นา้ ท่หี ากนิ ก็ลดลง ทางด้าน ดร.ศักด์อิ นนั ต์ ปลาทอง หัวหน้าหน่วยวิจัยปะการังและสัตว์พื้น ทะเล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (มอ.) กล่าวถงึ กรณเี ช่นกนั ว่า ปีน้อี ุณหภูมิน้า ทะเลสงู กว่าทกุ ปี แดดแรงกวา่ ทกุ ปี ครง้ั น้ีถือว่าเป็นการฟอกขาวครั้งร้ายแรงท่ีสุด เทา่ ทเ่ี ราเคยมมี า
ทางดา้ น ดร.ศักด์ิอนันต์ ปลาทอง หัวหนา้ หลายที่ยังพบนักท่องเที่ยวที่ไปดาน้ำ�ตื้น หนว่ ยวจิ ยั ปะการงั และสตั วพ์ นื้ ทะเล คณะวทิ ยาศาสตร์ เหยียดปะการัง โดยยงั ไม่มีกระบวนการจัดการที่ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เหมาะสม “จากการศกึ ษาเร่อื งปะการงั ฟอกขาว มัน (มอ.) กลา่ วถึงกรณีเชน่ กนั วา่ ปนี ้ีอณุ หภมู ินา้ ทะเลสูง ก็ขน้ึ อยูก่ บั ปะการังด้วยวา่ เปน็ ปะการงั ชนิดไหน ถา้ กว่าทกุ ปี แดดแรงกว่าทกุ ปี ครง้ั น้ีถือว่าเป็นการฟอก เป็นปะการงั เขากวาง พวกก่งิ ก้านท้ังหลายมแี นวโนม้ ขาวคร้งั ร้ายแรงทสี่ ดุ เท่าท่ีเราเคยมีมา เกนิ 50 เปอรเ์ ซนตท์ ีม่ โี อกาสตายสูง เนื่องจาก เขา เน่ืองจากปรากฏการณ์เอลนีโญท่ีสัมพันธ์กับ กวาง เปน็ ปะการงั ท่เี ปราะบางมาก อยา่ งกลุ่มปะการัง ปรากฏการณข์ องโลกกระแสน้าในมหาสมุทร จะมีการ กอ้ น ปะการงั สมอง ตอนท่ีเราเจอเมื่อปี 2541 ปะการงั เปลีย่ นทศิ ทาง กระแสนา้ จะไหลไปทิศทางไหนก็ข้ึนอยู่ ก็กลับคืนมาโดยเฉพาะปะการังก้อนฟื้นคืนมาเกือบ กบั ลมภูมอิ ากาศของโลก ลมไปทางไหนจะแรงหรือไม่ ทง้ั หมด ตอนนสี้ ภาพของปะการังฟอกขาว ทาให้คน แรง ปะการงั ฟอกขาวเป็นผลกระทบทีเ่ กิดขึ้นอนั หน่งึ ที่เขา้ ไปเท่ียวต้องระวัง ไม่สรา้ งความกระทบเพิ่มเติม จากการท่ีสภาพภูมิอากาศของโลกมันเปล่ียนอย่าง แกป่ ะการงั เพอ่ื ทม่ี นั จะไดม้ ีโอกาสฟื้นตวั สงู ” ดร.ศักดิ์ เกาะเตา่ เกาะอาดงั ราวี สถานการณป์ ะการังฟอกขาว อนนั ต์กล่าว ปีนแ้ี ย่กวา่ ปที ม่ี สี ึนามึ ตอนสนึ ามแิ ค่ปะการงั หักพงั ฟน้ื ตวั ไม่ยาก แต่ปีนปี้ ะการังฟอกขาวไมแ่ นว่ ่าอาจจะมี จุดวกิ ฤต บางส่วนตายด้วยซา้ “ปกติถ้าฟอกขาวตามหลักวิทยาศาสตร์ เมื่อพูดถึงจุดวิกฤตท่ีต้องระมัดระมัดเป็น คือ ปะการงั แค่เหวยี่ งสาหรา่ ยออกไปจากตวั มนั เมือ่ พเิ ศษ ผศ.ดร.ธรณ์ ระบุวา่ จดุ วกิ กฤตท่ีน่าเปน็ หว่ ง อณุ หภูมสิ ูงมากๆ เอาสาหร่ายท่ที าให้ปะการังมีสสี ัน คอื ทีซ่ ง่ึ ไดร้ ับผลกระทบจากทางอ่นื อยู่ด้วย เชน่ แนว ออกมา ตัวมนั เลยเหน็ เปน็ เน้ือเย่ือใสๆสขี าว คลุม ปะการงั ท่ีเกาะชา้ ง เกาะสมุย ซง่ึ เป็นเกาะทมี่ กี าร ก้อนหนิ ปูนอย่คู ล้ายวุ้น เราเลยเหน็ ใสเปน็ สีขาวไปทว่ั พัฒนาคอ่ นขา้ งเยอะและรนุ แรง มกี ารตดั ถนน ทา บริเวณ ที่มปี ะการังฟอกขาวมันยงั ไม่ตาย ถ้าเกดิ สภาพ รสี อร์ท ทาให้ตะกอนลงทะเล การขยายตวั ของนกั ท่อง แวดลอ้ มเหมาะสมไมม่ ีมลภาวะอะไรตา่ งๆ ซ้าเติมมนั ก็ เทย่ี วทาใหเ้ กดิ การควบคุมทีไ่ มด่ ี สองแห่งน้ีน่าเป็นหว่ ง จะสามารถกลบั คืนมาได้ ท่สี ุด ขณะนี้เรากท็ าไดใ้ นเรอื่ งของการฟนื้ ตัว เรา “อย่างเกาะสุรนิ ทร์ เกาะสิมิลัน ผมเชื่อว่าหลัง ก็เก็บข้อมูลเบื้องต้นไปก่อนว่ามีท่ีไหนบ้างที่ฟอกขาว จากปรากฏการณ์นี้ไปธรรมชาติสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ เดือนหนา้ เราจะกลับไปตดิ ตามใหมอ่ ีกครง้ั ไปดูวา่ ปะการังฟอกขาวอยมู่ าเป็นลา้ นปี ถา้ ฟื้นฟูไม่ไดก้ ต็ าย ฟอกขาวแลว้ มนั กลับคืนมาไหม หรอื วา่ ตาย ตอนน้นั หมดแลว้ แตว่ ่าปัจจบุ นั มันมีผลกระทบของมนุษยเ์ ข้า เราถึงจะประเมินได้เต็มที่ว่ามันจะเสียหายมากน้อยแค่ ไปซา้ เตมิ ตอ่ การฟื้นตัว เพราะฉะนนั้ พืน้ ทีท่ ม่ี ผี ลกระทบ ไหน”ดร.ศกั ดิ์อนันต์ กลา่ ว เยอะๆอย่างเกาะสมยุ เกาะชา้ ง ในอดตี เราเรยี นร้มู า ทง้ั นี้ ดร.ศักด์อิ นนั ต์ ยงั ได้กล่าวถงึ การ ต้งั แต่ปี 2541 แล้ววา่ มันไมฟ่ ้นื แลว้ มาโดนหนนซี้ า้ ไอ้ ตดิ ตามการเปล่ียนแปลงที่เกาะเตา่ พน้ื ทซ่ี ึ่งศึกษาผลก ทม่ี ันพอเหลอื อย่บู า้ ง ก็จะยิ่งไม่ฟนื้ หนัก” ผศ.ดร.ธรณ์ ระทบมากวา่ สองปี ว่า สองปีที่ผ่านมา เราวิจยั พบว่ามี กล่าวด้วยความเป็นหว่ ง ปะการังหลายๆจดุ ทไ่ี ด้รบั ผลกระทบจากการท่องเท่ียว ด้านความคิดของ ดร.ศักด์ิอนนั ต์ มองวา่ จุด หลายๆจดุ ไมม่ ีทุน่ จอดเรอื ท่เี หมาะสม กย็ ังคงพบเหน็ ท่ีน่าเป็นห่วง คือ ทะเลฝงั่ อ่าวไทย เพราะทางอนั ดามัน การทง้ิ สมอเรอื ในแนวปะการังอยู่ ลมฝนเริ่มมา คาดวา่ น่าฟ้ืนตวั ไดเ้ รว็ การปอ้ งกนั ทีด่ ี ทส่ี ดุ ขณะน้ีต้องไมส่ ร้างผลกระทบเพ่ิมขึน้
ฝัง่ อา่ วไทยทย่ี งั คงเปิดให้นกั ทอ่ งเท่ยี วเขา้ ไดน้ น้ั ไม่ควรก่อให้เกิดปัญหามลพิษเพ่ิมมากขน้ึ ไม่ ไปเหยียบปะการังทก่ี าลงั ฟอกขาวอย ู่ “สง่ิ ที่อยากเตือนนักทอ่ งเที่ยว ก็คอื เรอ่ื งการเหยยี ดปะการงั การให้อาหาปลา การทิ้งอาหาร เหลอื ลงทะเลเปน็ สิง่ ทสี่ รา้ งแบคทีเรียเพิ่มมากขึน้ พอแบคทีเรยี มาก ธาตุอาหารมาก มนั กม็ ีพวก แพลนตอนพชื สาหร่าย ยดึ ครองพื้นทที่ าใหก้ ระทบต่อปะการงั อกี ” ดร.ศักดิอ์ นนั ตก์ ลา่ วทิ้งท้าย
ภเู ขาไฟ...ลาวาท่มี ชี วี ิต “ความรอ้ นจากใตพน้ื โลก พลงั ที่หลบั ไหล”
ความร้อนใต้พิภพ ภเู ขาไฟ (volcano) คอื ชอ่ งระบายของเปลอื กโลกท่ีให้หินหลอมเหลวและผลจากภูเขาไฟ ต่าง ๆ แทรกซอนผ่านขึน้ มาได้ ภเู ขาไฟและปรากฏการณท์ ี่เกยี่ วขอ้ ง อาทิเช่น พุแก๊ส (fumeroles) และ พุน�้ำ รอ้ น (hot spring) ล้วนเป็นปรากฏการณ์ทน่ี ่าสนใจหนง่ึ ในบรรดากระบวนการทางธรณีวิทยาท้งั หลายและรวมถึงปรากฏการณ์ที่ได้เกริ่นไว้ในบทท่ีผ่านมาโดยท่ัวไปภูเขาไฟมีรูปทรงกรวยที่เรียกว่า ปากปลอ่ งภเู ขาไฟ (crater) รูปกรวยอยเู่ หนือปล่องภูเขาไฟ (ภาพที่ 4-10 ข) ไดผ้ า่ นตอ่ ลงไปทางลำ� ปล่องหรอื รางท่อถึงหอ้ งโถงหินหนดื ใตโ้ ลก และในช่วงท่ปี ะทุ ไอน้�ำ ฝุ่น เถา้ ธลุ ีภเู ขาไฟ (ash) กอ้ น หนิ หนิ หลอมเหลว เรยี กวา่ ลาวา พวยพุง่ คละคลงุ้ ขนึ้ จากปลอ่ ง ซ่ึงห้องโถงหนิ หนดื อยลู่ กึ ลงไปใต้ ผิวโลกเป็นแอง่ ทบี่ รรจุวัสดุหินหลอมเหลวรอ้ นระอุ ซ่งึ อาจทง้ั แทรกซอนส่เู ปลือกโลกหรือปะทุข้ึนมา บนพ้นื ผวิ มี 2 ลักษณะ คอื ปะทุพ่น (effusive) และ ปะทุระเบิด (explosive) ปรากฎการณ์ภเู ขาไฟ ปรากฏการณ์ภเู ขาไฟ แบ่งออกเป็น ภูเขาไฟมพี ลงั (active volcanoes) ภูเขาไฟสงบ (dormant volcanoes) และ ภเู ขาไฟดับสนิท (extint volcanoes) ภเู ขาไฟทอ่ี ยใู่ นสภาวะมี การปะทอุ ย่างต่อเนอ่ื ง หรอื ขาดหายไป เป็นช่วงให้จดั เป็น ภูเขาไฟมีพลัง เชน่ ภูเขาไฟเอต็ นา (Etna) ในเกาะชชิ ิลี ตอนใตป้ ระเทศอิตาลี ส่วนภเู ขาไฟท่ปี ัจจุบนั ไมม่ ีพลงั แตไ่ ดเ้ คย ปะทุขึ้นในอดีต เรยี กวา่ ภเู ขาไฟสงบ เชน่ ภเู ขาไฟวสิ ุเวียสในอติ าลี ทีไ่ ด้ปะทขุ นึ้ และสงบมานานหลายศตวรรษ สว่ นภเู ขาไฟทีไ่ มม่ ีการปะทอุ ีกในอดตี กาล เรยี กวา่ ภูเขาไฟดับสนิท ในประเทศไทยมีภเู ขาไฟดบั สนิทหลายแหง่ เช่นท่ี อำ�เภอ เมาะ จงั หวดั ลำ�ปาง อ�ำ เภอเฉลิมพระเกียรติ์ จังหวดั บรุ รี มั ย์ เชน่ เขากระโดง เขาไปรบัด ภอู ังคาร เขาพนมรุ้งอนั เป็นทตี่ ั้งประสาทหินเขาพนมรงุ้
ผลจากภเู ขาไฟระเบิด เมือ่ ภูเขาไฟปะทไุ ดพ้ น่ วัสดุออกมาหลาก หลาย ซ่งึ อาจแปรผันได้ต้ังแต่เปน็ แก๊สต่าง ๆ จนถงึ เศษหนิ ขนาดมหมึ า หรืออยู่ในสว่ นประกอบ 3 สถานะ คือ แก๊ส ของเหลว และของแข็ง 1. แก๊ส แกส๊ ทพี่ วยพุ่งออกมาจากภเู ขาไฟสว่ นใหญ่ ประกอบด้วย ไอน้ำ�ท่ีมีปรมิ าณ หลากหลายของ คารบ์ อนไดออกไซด ์ แก๊สไขเ่ น่า และ คลอรีน ในชว่ งมีการปะทุแกส๊ ท่เี ลด็ ลอดอาจผสมรวมกันเขา้ กบั ฝุน่ ภเู ขาไฟ ปริมาณมาก และบ่อยครัง้ ท่ีพวยพุ่งจาก ปากปล่องภูเขาไฟ มีกล่มุ ควนั ด�ำ โขมง ซ่ึงอาจมองเหน็ ไดห้ ลายกโิ ลเมตร เช่น ภเู ขาไฟกรากะตัว (Krakatoa) ระเบิดเมอ่ื พ.ศ.2426 ท่ีชอ่ งแคบ สุมาตรา ระหว่างเกาะชวากับเกาะสุมาตรา ประเทศอนิ โดนีเซีย 2. ของเหลว ของเหลวทไ่ี ด้จากภเู ขาไฟคอื ลาวา ปริมาณของหินหลอม- เหลวร้อนระอุ โดยทั่วไปลาวาปะทุจากปากปลอ่ งบนยอดภูเขาไฟ แต่พบ ไม่บ่อยที่ลาวาได้แตกทะลักออกมาทางด้านข้างปล่องและเล็ดลอดออกมาตามรอย แตกท่ีได้พัฒนาตัวมาตามเขตพังทลายง่ายในเหล่าบรรดาลาวามีสมบัติทางเคมีและ ทางกายภาพต่างกนั และสมบัติเหล่านอี้ าจสะท้อนถงึ รปู แบบภูเขาไฟปะทุ นอกจากน้ี องคป์ ระกอบทางเคมีขอu3591 .ลาวาก็มีอทิ ธิพลตอ่ ความหนดื ซึง่ ส่งผลกระทบอตั รา และระยะทางในการไหลหลาก และยงั ผลตอ่ ถึงรปู ทรงกรวยภเู ขาไฟได้เชน่ กัน และจะ ทำ�ใหม้ ีบางส่ิงบนโครงสร้างผวิ ของหินท่ีเกิดขนึ้ เมอื่ หินทีห่ ลอมเหลวแขง็ ตวั
ลาวาภเู ขาไฟ เนื่องจากลาวามลี ักษณะตา่ งกัน นักธรณวี ิทยาไดจ้ ำ�แนกพวกนอ้ี อกเปน็ สภาพกรด สภาพดา่ งและสภาพกลาง ลาวาสภาพกรดมปี ริมาณซิลิกาสูง (รอ้ ยละ 65-75) มกั มคี วามหนืด สูงและปะทบุ ่อยลาวาสภาพดา่ งมีซิลกิ าต�ำ่ (นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50) ความหนืดน้อยและไม่คอ่ ยปะทุ เพราะแก๊สท่ลี ะลายปนสามารถเลด็ ลอดออกจากลาวาทม่ี ีความเหลวมากกวา่ ไดง้ ่าย ลาวาสภาพ กลางมีปรมิ าณซิลกิ าอยรู่ ะหว่างสภาพกรดและด่าง ร้อยละ 50-60 องคป์ ระกอบของลาวา และ วิธีการเยน็ ตัวลงและแขง็ ตวั บอ่ ยครง้ั สะทอ้ นถึงโครงสร้างผวิ ของหนิ บางครัง้ ลาวาทะลักขนึ้ มา มแี รงไมพ่ อ ท�ำ ใหล้ าวาแขง็ ตัวรอบบอ่ นนั้ เกิดเปน็ ลาวากรวยสาดกระเซ็น ( spatter cone ) เม่อื ลาวาหลากไหลบา่ ไปบนพนื้ ผิวโลกมกี ารเย็นตวั ลง และลดความดัน โดยยอมให้แกส๊ ที่กกั อยู่เลด็ ลอด แก๊สทีเ่ ล็ดลอด เหล่านท้ี �ำ ให้เกดิ ฟองอากาศ เม่ือลาวาเย็นตวั ได้รพู รุนวา่ งเปล่า ลาวา ปนกรวดภเู ขาไฟ แข็งขน้ึ ประกอบด้วยรขู รุขระมากมาย เรยี กว่า ตะกรันภเู ขาไฟ(scoria) ภูเขาไฟในประเทศ สำ�หรับประเทศไทย พบวา่ ภเู ขาไฟ ส่วนใหญ่มักเกดิ บรเิ วณตอนบนของประเทศ มลี กั ษณะการกระจายตวั และ ต�ำ แหน่งที่ไมแ่ นน่ อน สว่ นทางดา้ นภาคใต้ของประเทศมักไม่ค่อยพบ สันนษิ ฐานวา่ เป็น ภูเขาไฟเมื่อประมาณ 2 - 4 ล้านปที แี่ ลว้ จากรายงานทางธรณีวิทยา และแผนทท่ี างธรณวี ิทยา ประเทศไทย พบบรเิ วณทเ่ี ปน็ หนิ ภูเขาไฟ หรอื หินบะซอลต์ ซง่ึ เป็นหนิ ทีเ่ กดิ จากภูเขาไฟ อยู่ 5 บรเิ วณ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ทีร่ าบสงู ภาคกลาง ภาคตะวนั ตก ภาคตะวันออก โดยภูเขาไฟท่ีพบในประเทศไทยทงั้ หมดเปน็ ภูเขาไฟทส่ี ้นิ พลงั แล้วท้ังสิ้น จากการสำ�รวจพบว่าเปน็ ภเู ขาไฟท่มี อี ายน้อยที่สุด 7 แสนปที ่แี ลว้
พนั ธุ์ไม้...หายาก “เมื่อพืชหายากใกลห้ มดไป”
Amorphophallus titanum เปน็ พืชในเขตป่ารอ้ นช้ืน ในพชื ตระกลู “บวั ผุด” (Rafflesia) เป็นดอกไมเ้ ด่ยี ว ที่มขี นาดใหญ่ทีส่ ุดในอาณาจกั รพืช พบขนึ้ อยู่บนเกาะสมุ าตรา ประเทศอินโดนเี ซยี ล�ำ พังตวั ช่อดอกแทงยอดตงั้ ขึ้นไปกวา่ 3 เมตร เรยี กวา่ สูงกวา่ คนเสยี อีก เปน็ ธรรมชาติทพ่ี ืชสร้าง ขึ้นมาเพอ่ื ปกป้องตัวเองจากสตั ว์บางชนดิ
Rafflesia arnoldii ถือได้ว่าเป็นดอกไม้ท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุด บัวผุดหรือที่ชาวบ้านทางภาคใต้ของไทยเรียกว่า ในประเทศไทย มขี นาดเส้นผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 70-80 “บัวตมู ” จริงๆแล้วเปน็ พืชกาฝาก ซ่งึ มีลกั ษณะเป็นเสน้ ใย เซนตเิ มตร เป็นกาฝากชนิดหนึ่งที่อาศัยกนิ น�ำ้ เล้ียงจากราก อาศัยอยู่ในรากและล�ำ ต้นของเถาไมเ้ ล้อื ยวงศอ์ งนุ่ ปา่ ชอื่ และล�ำ ต้นของไมเ้ ถาทีช่ อ่ื ว่า ยา่ นไกต่ ม้ ( Tetrastigma pap- “ยา่ นไก่ต้ม” โดยบัวผุดจะอาศัยดดู กินแร่ธาตแุ ละน้ำ�จากยา่ น illosumplanch ) จะโผลเ่ ฉพาะดอก ซงึ่ เป็นดอกเด่ยี วสแี ดง ไกต่ ม้ โดยตน้ แมก่ ็ยงั คงมีชวี ติ อยู่ พวกเราจะเห็นบัวผดุ ไดก้ ็ คล้ำ�หรือน�้ำ ตาลปนแดงคล�ำ้ ขึ้นมาจากพ้ืนดินในระหวา่ งฤดู เฉพาะยามเมื่อมันตอ้ งการผสมพนั ธ์ุกัน คือ จะเรมิ่ มตี าดอก ฝนหรือในระยะท่อี ากาศและพน้ื ดนิ ยังมีความชุ่ม ชื้นสูงคอื เป็นปุ่มกลมเล็กๆ โตข้นึ ท่ผี ิวของย่านไกต่ ม้ แลว้ ใช้เวลา 9 ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธนั วาคม เดือน ขยายขนาดจนเท่ากบั หัวกะหล่ำ�ยกั ษ์ จากน้นั กใ็ ช้เวลา ยามที่มันออกดอกสีปูนแดงสดใสอยู่กลาง ไม่เกนิ 7 วนั ในรอบปีให้ดอกบาน ทว่าดอกตวั ผูแ้ ละดอกตัว ปา่ ดิบเขียวชอุม่ น้ัน ถอื เป็นภาพท่ีน่าตน่ื ตามาก เมียแยกกันอยู่ จึงต้องได้เวลาเหมาะเหมง็ มากในช่วงเวลา บาน แมลงวันจงึ จะชว่ ยผสมเกสรให้ได้ จึงถือว่ามีความเสีย่ ง สูงในการสญู พนั ธุ์ ใน เมอื งไทยจะพบบัวผดุ ไดต้ ั้งแต่ จงั หวดั ระนอง เรื่อยลงไปตามแนวเทือกเขาภเู กต็ จนสดุ ชายแดน ท่ีนราธวิ าส โดยอทุ ยานแหง่ ชาตเิ ขาสก จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี เปน็ แหลง่ ชมบวั ผุดแหล่งใหญท่ ส่ี ุด มีบวั ผดุ ทยอยบานให้ ชมทั้งปี แตเ่ ปน็ ท่ีนิยมไปชมกันมากในฤดูแล้งชว่ งเดือน พฤศจกิ ายน- เมษายน เพราะเดนิ ปา่ งา่ ย
Tacca chantrieri เป็นไม้จำ�พวก Black Lily ทเ่ี รามาประดบั เส้นใบคล้ายใบกลว้ ย แต่ร่องลึกและแคบ บ้าน มชี ือ่ อนื่ ๆอกี เชน่ วา่ นหวั ฬา วา่ นพังพอน (ยะลา) ว่านนาง กวา่ ดอกมสี มี ว่ งดำ�คลา้ ยหวั ค้างคาว กลีบเหมอื นหูโตๆ ใบ ครวญ (นครศรีธรรมราช) และคา้ วคาวดำ� ลำ�ต้น เป็นไมล้ ม้ ลุก ประดับกลมยาวเหมอื นหนวดแมว สีมว่ งดำ� 10-25 เสน้ เกดิ มเี หงา้ ใตด้ นิ ใบเป็นใบเด่ียวรูปหอก ขอบขนานแผใ่ บกวา้ ง ในป่าดงดบิ ชน้ื สูง 500-1500 เมตร 7-15 เซนติเมตร ยาว 20-60 เซนตเิ มตร ปลายและโคนแหลม กา้ นใบคอ่ นขา้ งเล็ก กลม ยาวประมาณ 1 คืบ
ผีเสือ้ ...รงั สรรค์ “ความงามที่บินได้” ปัจจุบนั ประเทศไทยมี ประมาณ 1,300 ชนิด -วงศ์ผีเส้อื ปา่ (Family Amathusiidae) (หรอื วงศย์ อ่ ยของวงศ์ (ทวั่ โลกมีประมาณ 19,000 ชนิด) โดยมจี �ำ นวนชนิดของผีเสอื้ ผเี สอ้ื ขาหนา้ พู่) มี 33 ชนดิ แต่ละวงศ์ดังน้ี -วงศผ์ เี สื้อขาหนา้ พู่ (Family Nymphalidae) มี 212 ชนิด -วงศผ์ ีเสื้อหางต่ิง (Family Papilionidae) มี 73 ชนดิ -วงศ์ผเี ส้อื หวั แหลม (Family Libytheidae) (หรือวงศ์ยอ่ ย -วงศผ์ ีเส้ือหนอนกะหล�ำ่ (Family Pieridae) มี 62 ชนิด ของวงศผ์ ีเสือ้ ขาหนา้ พู่) มี 4 ชนดิ -วงศ์ผเี สื้อหนอนใบรกั (Family Danaidae) (หรือวงศ์ยอ่ ย -วงศ์ผเี สื้อผีเสอ้ื ปกี กง่ึ หุบ (Family Riodinidae) (หรือวงศ์ ของวงศ์ผีเสอื้ ขาหน้าพู่) มี 35 ชนดิ ย่อยของวงศ์ผเี สื้อสนี ้�ำ เงนิ ) มี 25 ชนดิ -วงศ์ผเี สอื้ สีตาล (Family Satyridae) (หรือวงศ์ย่อยของวงศ์ -วงศ์ผเี ส้ือสีน้ำ�เงนิ (Family Lycaenidae) มี 426 ชนิด ผีเสอ้ื ขาหนา้ พู)่ มี 110 ชนดิ -วงศ์ผเี สือ้ บนิ เรว็ (Family Hesperiidae) มี 311 ชนิด
ผเี ส้ือรวมแล้วมี 1,291 ชนิด แต่ปัจจุบันจำ�นวนน้กี ไ็ ม ่ ค่อยชัวร์แลว้ เพราะมฉี บับแกไ้ ขระบุว่า บางชนิดไม่มี ประเทศไทย และบางชนดิ ซำ้�กัน จ�ำ นวนชนิดของผีเสื้อ ในเมืองไทย ท่แี ทจ้ ริงก็เลยยังไม่คอ่ ยนิ่งสกั เทา่ ไหร่ คงต้องรอผู้เขยี น (Pisuth Ek-Amnuay) พิมพ์เลม่ ใหม่ออกมาอกี ครั้ง เอาเปน็ วา่ ตอนนี้เหมารวมวา่ ประมาณ 1,300 ชนดิ ไปกอ่ นกแ็ ล้วกนั และก็อาจจะมี การพบชนิดใหมๆ่ เพ่ิมมากขึ้นอกี หลายปกี อ่ นเหล่าบรรดานักลา่ ผเี ส้ือ (ดว้ ยกลอ้ ง) อนั ท่จี รงิ อีกเรื่องหนงึ่ กค็ ือ ผมเหน็ วา่ ชอื่ ไทยนนั้ น่า ก็ต่ืนเต้นดีใจท่ีได้เจอผีเสื้อชนิดใหม่ของเมืองไทยที่ จะเป็น “มาควิสทุ่งแสลงหลวง” มากกวา่ จะเปน็ “ดุ๊ก.....” อุทยานแห่งชาติทุง่ แสลงหลวง ตอนนัน้ เราเรยี กผเี สือ้ เพราะว่าผีเส้ือชนิดนี้อยู่ในสกุลของผีเส้ือมาควิสหลายชนิด ชนิดน้วี า่ “บยิ คั โกะ” ซึง่ เป็นการเรยี กตามชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ คือสกุล Bassarona เชน่ ผีเสอ้ื มาควิสใหญ่ ผีเสือ้ มาควิส Bassarona byakko ต่อมาเมือ่ หนังสอื Butterflies of Thai- แถบตรง ผีเสอื้ มาควสิ แถบโค้ง เปน็ ตน้ ไมใ่ ชผ่ ีเส้อื ในสกุล land ตีพมิ พ์ออกมา ได้ให้ชือ่ ภาษาไทยไวว้ า่ “ดกุ๊ ทงุ่ แสลง Dophala ท่ีมผี ีเสื้อดกุ๊ หลายชนดิ เป็นสมาชกิ อยู่ หลวง” ตามแหล่งทพี่ บผเี ส้อื ชนดิ นี้กนั บ่อยๆ อนั ทจ่ี รงิ รายงานพบผเี สอ้ื ชนิดนีใ้ นประเทศไทยเป็น ครั้งแรกนา่ จะเปน็ ที่ อุทยานฯ น้ำ�หนาว ทีพ่ บในปีพ.ศ. 2541 เ ส่วนที่แสลงหลวงพบหลงั จากน้ัน น่าจะประมาณปี พ.ศ. ห 2542-2543 มีการถา่ ยภาพได้โดยนักถา่ ยภาพผีเส้ือของ ร “กลมุ่ รักษผ์ ีเสอ้ื ”หลายคนและหลายคร้งั ดว้ ยกนั และ แน่นอนทส่ี ดุ ว่านค่ี อื ผเี ส้อื ประจ�ำ อทุ ยานแห่งชาติทงุ่ แสลง หลวง ด้วยเหตุผลที่วา่ เราสามารถเจอผเี สื้อชนิดนที้ ท่ี ุง่ แสลงหลวงไดบ้ อ่ ยกว่าท่นี ำ�้ หนาว ฝากฟา้ ผเี ส้อื บนิ ลอ่ งลอยหาเกสร
ความก้าวหนา้ วงการแพทย์ ยคุ สมยั เปล่ยี นไปความเจรญิ ก้าวหนา้ ก็ยอ่ มพฒั นาขึ้น รว่ มทง้ั วงการแพทย์ วิธีรกั ษาโรค หรือตรวจเชค็ อาการ กท็ �ำ ได้ง่าย สะดวก รวดเรว็ และลดความเจบ็ ปวด ทง้ั ยังช่วยชวี ิตผุ้ปว่ ยไดม้ ากขึน้ ด้วย สำ�หรบั ความกา้ วหนา้ ในวันนี้ ขอเสนอ เคร่ืองเอกซเรย์คอมพวิ เตอรค์ วามเรว็ สูง 64 Slices CT Scan เป็นเคร่อื งทีถ่ กู พัฒนาข้นึ ด้วย เทคโนโลยีอนั ทนั สมยั มีประสิทธภิ าพด้วยความเรว็ และความละเอียดสงู สามารถสร้างภาพไดถ้ ึง 64 ภาพ ใน ครงั้ เดยี วของรอบการหมนุ หรอื สแกน(360 องศา) ดว้ ยความเร็วเพยี ง 0.4 วินาที ท�ำ ให้ได้ภาพถึงกวา่ 2,000 ภาพ ส่งผลให้การตรวจมคี วามแมน่ ยำ�สูง อวยั วะท่ีสามารถใชเ้ ครอื่ ง CT 64 Slice ตรวจได้ -สมอง -หวั ใจ -ลำ�ไสใ้ หญ่ -ปอด -หลอดเลอื ดทัว่ ร่างกาย -ทนั ตกรรม -กระดูกและขอ้ โดยเฉพาะอวยั วะภายในที่มีการเคลอ่ื นไหวอย่างเช่น หัวใจ ซึง่ เคร่ืองเอกซเรย์คอมพวิ เตอรท์ วั่ ไปจะได้ภาพทไ่ี ม่ชดั เจน แต่ดว้ ยเคร่อื ง เครอ่ื งดังกล่าวสามารถใหเ้ กิดภาพทชี่ ดั เจน ทงั้ แบบ2 มติ ิ และ 3 มติ ิ รวมถึงทกุ ส่วนตา่ งๆของรา่ งกาย อาทิ เสน้ เลือด เนื้อเย่ือ กระดกู หัวใจ หรือแมแ้ ตท่ ่อลมในบริเวณปอด ด้วยเหตุน้ีเครอ่ื งดงั กลา่ วจงึ เออื้ ประโยชน์ทั้งในดา้ นการตรวจวินจิ ฉยั โรค และการวางแผนการรกั ษาใหผ้ รู้ บั การ รักษาได้อย่างถกู ตอ้ งรวดเรว็ ไมต่ ้องนอนพักและมีคา่ ใช้จ่ายท่เี หมาะสม
วทิ ยาศาสตร์รอบตัว ปรศิ นาลายน้วิ มอื จรงิ หรอื ไมท่ ีค่ นแต่ละคนมีลายนว้ิ มอื ตา่ งกัน แล้วฝาแผดละ่ มโี อกาสมีลายนวิ้ มือ เหมือนกนั ไหม ? ไปหาคำ�ตอบพรอ้ มกันนะครบั เปน็ เร่อื งแปลกแต่จริงท่ลี ายน้วิื มอื แต่ละคนจะไมซ่ �้ำ กนั เลย ตอ่ ใหเ้ ปน็ ฝาแฝดก็เถอะ มีการทดสอบแลว้ วา่ โอกาสท่ีคนสองคนจะมีต�ำ หนิลายเส้นนว้ิ มอื จดุ ใจจุดหนึง่ ตรงกนั มีแค่ 1 ใน 20 หากเปน็ จุดเปรียบเทยี บสำ�คัญสองจดุ แลว้ โอกาสที่คนสองคนจะมลี ายนวิ้ มอื ตรงกนั สองจดุ จะกลายเปน็ 1 ใน 400 ถ้าใช้ตั้งแต่ 8-12 จุดเป็นเกณฑอ์ ันเปน็ หลักสากลในการเปรียบเทียบลายนิ้วมอื แลว้ จะกลายเป็น 1 ใน 25,600,000,000 ทันที นั้นหมายความวา่ เราจะตอ้ งดลู ายนิ้วมอื ของประชากรหมดทง้ั โลกเป็นจ�ำ นวน 6 รอบ จงึ จะพบคนสองคนมลี ายน้ิวมือเหมือนกัน ดว้ ยคุณสมบัติพเิ ศษน้ี เราจงึ ใชน้ ้ิวมอื ในการตรวจพิสจู นต์ วั บุคคล สำ�หรบั ประเทศไทย กองทะเบียบประวัตอิ าชญากร กองบัญชาการต�ำ รวจสอบสวนกลาง เปน็ แหลง่ เก็บ ลายนว้ิ มือของบคุ คลท่ตี อ้ งโทษข้าราชการ และบุคคลอืน่ ๆเป็นจำ�นวนถึง 5 ล้านคน โดยใช้ระบบของ FBI Extension of henry system เปน็ หลักในการเกบ็ เพอ่ื ความสะดวกในการค้นหาแผน่ พมิ พ์ลายนิ้วมือ ของบคุ คล อกั ษรย่อนา่ รู้ นร. : สำ�นกั นายกรฐั มนตรี กห. : กระทรวงกลาโหม กค. : กระทรวงการคลัง กต. : กระทรวงการตา่ งประเทศ พน. : กระทรวงพลงั งาน วธ. : กระทรวงวฒั นธรรม
น้�ำ ทะเลทำ�ไมจึงเค็ม ? หลายคนคงทราบกันดีว่า นำ้�ทะเลที่เราเคยไปลงเลน่ ช่างเค็มเสยี จริง แล้วทราบไหมว่านำ้�ทะเลทำ�ไมจงึ มีรสเคม็ เราไปหาคำ�ตอบพร้อมๆกันนะครับ การที่นำ้�ทะเลเคม็ เนอื่ งจากน้�ำ ฝน ชะลา้ งสารละลาย พวกเกลอื และแร่ธาตตุ า่ งๆไหลไปตามแมน่ ้�ำ ล�ำ ธาร แลว้ ไปสะสมไวใ้ นทะเลเวลาน้�ำ ระเหยกไ็ มไ่ ดร้ ะเหยเอาสารละ- ลายพวกเกลอื จึงสะสมอยูใ่ นทะเลมากขึน้ จ นนำ้�เคม็ ข้ึนทกุ ที คาดกันวา่ ในอนาคตนำ้�ทะเลจะยิ่งเค็มมากกว่านี้ มกี าร คำ�นวณว่าจากจ�ำ นวนนำ้�ทะเลท้งั โลกมปี ระมาณ ๓๐๐ล้าน ลกู บาศก์ไมลท์ ีเดียว จง้ิ จกตนี กาว... สงสยั ไหมครบั เวลาจิ้งจกไต่บนเพดาน มันท�ำ เช่นนนั้ ไดย้ ังไง ไปหาค�ำ ตอบกนั เลยครับ การทีจ่ ้ิงจกเกาะอยู่บนเพดานได้โดยไมต่ กลงมา เพราะอุ้งเทา้ ของจ้ิงจกเป็นลกั ษณะเหมอื นถ้วยเลก็ ๆ เรยี กว่า ‘ถ้วยดูด’ เม่อื จิง้ จกวางเท้าลงบนพื้น ในอุ้งเทา้ จะกลายเป็นสุญญากาศ ฉะน้นั ความดนั ของบรรยากาศรอบๆเทา้ จงึ ดันเทา้ ของมนั ใหต้ ดิ อยูไ่ ดเ้ วลาจะคลานไปมนั ก็จะขยับเทา้ เล็ก น้อยใหอ้ ากาศเข้าไปในแหลง่ สุญญากาศนั้น ท�ำ ใหอ้ งุ้ เทา้ หลุดออกมาได้ เวลามนั แตะพนื้ อีกกจ็ ะสรา้ งสญุ ญากาศ ในองุ้ เทา้ อีก ตุ๊กแกเกาะผนงั ไดก้ ด็ ว้ ยเหตุผลเดียวกัน
แม่ไกไ่ ขไ่ ดท้ ้งั หมดกี่ฟอง ? ไข่ไก่ เป็นอาหารทม่ี คี ณุ คา่ และมนุษย์เรากน็ ิยมน�ำ มา ประกอบอาหารสำ�หรบั รบั ประทานมานานแล้ว ไม่วา่ จะเป็น ไข่ตม้ ไขด่ าว ไข่เจยี ว ไขล่ ูกเขย ไข่พะโล้ ฯลฯ เพราะเมนไู ข่ สามารถท�ำ ได้งา่ ยๆนั้นเอง แล้วรไู้ หมทำ�ไมจึงมีไขใ่ หเ้ ราบริโภค มากมายขนาดนนั้ แล้วแม่ไก่ 1 ตวั จะสามารถออกไขไ่ ก่ให้เรา รบั ประทานกันได้กี่ฟอง ปกตแิ มไ่ ก่จะเรม่ิ วางไขเ่ ม่อื อายุไดป้ ระมาณ 18 สปั ดาห์ และแม่ไก่จะสามารถวางไขไ่ ด้มากทสี่ ุดในช่วงปแี รก โดยไข่ไก่จะ สามารถกอ่ รปู ไดเ้ พียงในระยะเวลา 1 วันเท่านั้น แตจ่ ะไม่ว่าง ไขต่ ิดต่อกันทกุ วนั และจะผลิตไข่น้อยลงใน ปที ่ี2และ3 แต่กย็ ัง วางไข่ไดเ้ ร่ือยๆ ถึง ปที 5ี่ ,6 และ7 รวมๆ แล้วไก่แตล่ ะตัว สามารถออกไข่ได้ท้งั หมดกวา่ 1,000ฟองเลยทเี ดยี ว ปลาหมึกไม่ใชป่ ลา ? ปลาหมึกเปน็ สตั ว์ทม่ี ีส่วนประกอบในตัวชีใ้ หเ้ ห็นวา่ เปน็ สัตว์จำ�พวกหอย ตวั อย่างงา่ ยๆที่เห็นชดั คือ ปลาจะมีกระดกู สันหลงั แต่หมึกไม่มี หมึกเปน็ หอยที่มกี ารพัฒนาไปมาก ล�ำ ตัวของมันเปรียบไดก้ บั ส่วนหลังของ หอยท่ียืดยาวออกไป อีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนหวั ท่มี หี นวดยนื่ ออกมาเปน็ เสน้ ๆดูคลา้ ย เป็นเท้าของมนั การเคลื่อนทีข่ องหมกึ จะใช้วธิ ีขบั น�ำ้ จากบรเิ วณส่วนในของล�ำ ตัว ผ่านออกทางทอ่ ที่อยู่ใกลๆ้ หัว จึงท�ำ ใหเ้ กิดแรงดนั ตวั ใหพ้ ุ่งไปอกี ดา้ นหน่ึง ขณะ เคลื่อนท่ีจะลู่หนวดตัวเองไวเ้ พอ่ื ไม่ใหต้ า้ นนำ้�
คยุ กับผู้เขียน...! สวสั ดคี รับ เปิดโลกวิทยาศาสตร์ เล่ม1 ถือเป็นการเปดิ นิตยสาร ทีจ่ ดั ท�ำ เป็นครั้งแรกในชวี ิตเลยนะครับ ส่วนสาเหตุท่ีผมจัดทำ�ขนึ้ เน่อื งจากช่วงนถ้ี ือเปน็ ชว่ งปืดภาคการศึกษาแล้วผมดันว่างจัด ไม่รู้ จะหาอะไรท�ำ จงึ อยากลองท�ำ นิตยสารทีร่ วบรวมความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์ ซึ่งบางคนอาจไม่เคยรู้หรือสงสยั กนั มานาน เปน็ การเปดิ โลกการเรียนรู้ แมบ้ างเรือ่ งจะเป็นเพยี งเร่อื งใกลต้ ัว แตเ่ ราดนั ไมร่ ู้ ส�ำ หรับผม นติ ยสารเลม่ นี้ ผมตงั้ ใจจดั ท�ำ ขึ้น เพื่อฝกึ ฝนใน หลายๆเรอื่ งทง้ั การออกแบบนติ ยสาร การรวบรวมความรู้ เรียบเรียง เน้อื หา การใช้สสี ันให้นติ ยสารอ่านงา่ ยและสบายตา สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณ ข้อมลู ความรูต้ า่ งๆทม่ี าจากหนังสือ เวบ็ ไซต์ และส่ือตา่ งๆ ขอขอบคุณครบั นิตยสาร : โลกวทิ ยาศาสตร์ แจกฟรี !
ประวตั ผิ เู้ ขียน นิตยสาร โลกวทิ ยาศาสตร์ เปิดโลกวิทยาศาสตร์ จดั ท�ำ ขน้ึ วันท่ี 7 พฤศจิกายน 2554 นายเชดิ เกยี รติ กล่ินชกู ร ระดับอดุ มศกึ ษาชน้ั ปที ี3่ วัตถุประสงค์ โปรแกรมวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ เปิดมติ ใิ หม่ ให้กับโลกวิทยาศาสตร์ เรือ่ งน่ารูท้ ่คี ณุ อาจ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไมเ่ คยรู้ และเร่ืองท่คี ุณรู้ จะท�ำ ใหค้ ุณแปลกใจ แจกฟรี ไมเ่ สียค่าใช้จ่าย “โลกพฒั นาเพราะวิทยาศาสตร์ แตค่ นจะพัฒนาเพราะหมนั่ เรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรพ์ ฒั นา คนกค็ วรพัฒนาตาม เพ่ือน�ำ เอาความรู้ไปใชส้ ร้างโลกที่ดี ไม่ใชส้ รา้ งโลกที่ท�ำ ร้ายคนอ่นื ” เชิดเกียรติ กล่นิ ชกู ร
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: